คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : 둘.
2.
And Touch My Body
.
.
CUT
“คัท!!”
“..”
“ลุกออกไปเซฮุน”
“อยู่แบบนี้อุ่นดีออก”
“โอเซฮุน!!”คนโดนตวาดลอยหน้าลอยตา บีบขย้ำแผ่วเบาที่เอวคอดของจุนมยอน
“จุนมยอนนายเล่นดีมาก สีหน้างี้ เสียงงี้ได้อารมณ์สุดๆ!”คำชื่นชมมากมายยังคงพรั่งพรู่ด เมื่อเห็นว่าผู้ช่วยผู้กำกับเดินมา เจ้าของคำกล่าวชมจึงยกมือที่อ่อนแรงขึ้นผลักร่างสูงที่ตัวแนบชิดกับตนออกไป หันไปยิ้มบางๆให้ผู้กำกับที่นั่งอยู่มุมห้อง สะบัดแขนให้หลุดจากการจับคุมของเซฮุน
ผู้ช่วยผู้กำกับเดินเข้ามาลูบหัวจุนมยอนอย่างเอ็นดู ก่อนจะส่งผ้าคลุมอาบน้ำตัวใหญ่ให้ถึงมือ จุนมยอนเอ่ยขอบคุณและใส่มันลวกๆ ก่อนจะเดินหลบตาทีมงานในกองไปหาผู้กำกับ
“เป็นไงบ้างครับ”เอื้อมมือไปคว้าบทบนโต๊ะมาหนึ่งปึก พัดคลายความร้อนไปมา ส่วนผู้กำกับวัยกลางคนก็ใจดีพัดช่วยอีกแรงนึง
คนตัวเล็กถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ความร้อนรุ่มยังติดอยู่ตามร่างกาย จุนมยอนกระชับอ้อมแขนกอดตัวเองแน่น เงยหน้าขึ้นมาอีกที รุ่นน้องร่วมสังกัดก็เดินเฉียดเข้ามาใกล้ แผ่นอกกำยำโผล่ออกมาจากเสื้อเชิ้ตสภาพหลุดลุ่ยที่จุนมยอนเป็นคนทำเองกับมือ
เห็นแล้วก็อดหมั่นไส้ไม่ได้ เซฮุนไม่มีเสื้อผ้าชิ้นใดหลุดออกจากตัวสักนิด แค่รูดซิบลงเป็นอันว่าเสร็จ
“สวัสดีครับผู้กำกับ”
“อ่าวไงเซฮุน เหงื่อออกเต็มเลยนะ”จุนมยอนหันมองอีกที จึงเห็นว่าเสื้อเชิ้ตของเซฮุนนั่นชุ่มเหงื่อไปหมด
“รุ่นพี่จุนมยอนเล่นผมซะนวมเลย มันเป็นธรรมชาติของผู้ชายแหล่ะครับ”
คนโดนกล่าวหาเงยหน้าขึ้นไปค้อนใส่ เป็นจังหวะเดียวกับที่เซฮุนมองร่างบางพอดี
“เจ็บมั้ย”
“ไปไหนก็ไป ไป”เมื่อจุนมยอนเอ่ยปากไล่ คนตัวสูงจึงทำได้เพียงเดินเลี่ยงไปอีกทาง
“จริงๆในบทไม่ได้เขียนไว้ให้เซฮุนแตกใน แต่พี่ว่ามันก็โอเคนะ”
“แล้วแต่พี่เถอะครับ”
“เรื่องก่อนเล่นกับใครนะ จุนมยอนชอบใครมากกว่ากันละ”
“ผมไม่คุยกับผู้กำกับแล้ว!”ใบหน้าหวานบูดเบี้ยวแม้จะรู้ว่าผู้กำกับแค่ล้อเล่นตามนิสัยที่เป็นคนอารมณ์ขัน จุนมยอนวางปึ้กกระดาษลงบนโต๊ะในบริเวณเดิมอย่างแรง กระแทกเท้าปึงปังเดินเข้าไปในห้องแต่งตัว
"คุณจุนมยอนครับ"
"อะไร!"หันไปตวาดใส่คนเอ่ยรั้ง คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากัน ดูน่าเกรงขามจนทีมงานตัวสูงรู้สึกว่าตัวของตัวเองหดลงเหลือเล็กกว่าจุนมยอนซะอีก มิหนำซ้ำยังเกือบเผลอทิ้งขาตั้งสปอร์ตไลท์ตกลงไปด้วย
"โทษที คุณซังวอนมีอะไรเหรอครับ"
จุนมยอนโน้มหัวขอโทษ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาฉีกยิ้มหวานพิมพ์ใจ จริงอยู่ที่เขากำลังอารมณ์ไม่ดีแต่ทีมงานตรงหน้าอายุมากกว่าเขาเกือบเท่าตัว แถมยังตั้งใจทำงานให้ผลงานต่างๆของจุนมยอนออกมาดีอีกด้วย
"คุณแบคฮยอนฝากวานคุณจุนมยอนให้ช่วยไปเอารถของแกที่ผับXXXหน่อยน่ะครับ"
ย่าห์!!แบคฮยอน สงสารคนทำงานเหนื่อยๆบ้างมั้ย!
.
.
.
จุนมยอนโดนโทรเร่งรอบที่ห้า ไม่กี่ชั่วโมงมานี้น้องชายคนสนิทอย่างแบคฮยอนวานให้เขาไปเอารถที่ผับผ่านทางทีมงานในกองถ่าย เหตุผลก็คงเหมือนเดิม มีผู้ชายที่ถูกใจหิ้วไปที่ไหนสักแห่ง ร่างบางเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าเชื้อในเรื่องแบบนี้มันส่งต่อทางความสนิทสนมหรือเปล่า..
แต่หมายถึงแบคฮยอนเป็นคนแพร่เชื้อนะ ..
หลังจากถูกโทรจิกมาร่วมชั่วโมง จุนมยอนก็ถึงที่หมาย เขาค่อยๆก้าวขาลงจากตัวรถของทีมงานคนเดิม เอ่ยขอบคุณที่แวะมาส่งก่อนจะปิดประตูรถให้เสร็จสรรพ ขยับแว่นให้เข้ารูปและจับผ้าพันคอดึงขึ้นมาปิดถึงจมูก
แม้จะรู้สึกแปลกๆที่ใส่แว่นกันแดดในเวลากลางคืน แต่เพราะเขาไม่ใช่นายเอกจีวีกิ๊กก๊อกทั่วไป ค่าตัวก็ไม่ใช่ถูกๆ หากมีคนจำหน้าเขาได้และรุมเข้ามาหาพร้อมกันหลายๆคน คงไม่ใช่เรื่องดีนัก
ครืนน.. ครืนนน
เหลือบมองโทรศัพท์ในมืออย่างหงุดหงิดใจ แต่จะไม่รับก็ไม่ได้ น้องเขาขี้งอนเสียยิ่งกว่าผู้หญิง
“ย่าห์!!รู้แล้ว ถึงแล้ว ไม่ต้องโทรมาอีกนะ กุญแจอยู่ที่พี่บอมเยใช่มั้ย”ได้ยินเสียงแบคฮยอนตอบอ้อมแอ้มว่าขอบคุณก่อนจะวางสายไป
คนตัวเล็กกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปตรงบริเวณทางเข้า การ์ดที่คุมอยู่หน้าประตูหยุดเขาไว้ มือหยาบกร้านแบออกมาตรงหน้าเป็นการขอดูบัตรประชาชน จุนมยอนเบ้ริมฝีปากล่างใต้ผ้าพันคอไหมพรมผืนหนาอย่างเบื่อหน่าย
เขาเคยมาถ่ายหนังที่ผับแห่งนี้ด้วยซ้ำ
มือเล็กๆดึงแว่นกันแดดออก และขยับผ้าพันคอสีครีมลง ก่อนจะส่งยิ้มหวานๆไปให้การ์ดสองคนที่ยืนมองอยู่
“หวัดดีครับ”
“!!!”
การ์ดสองคนอ้าปากค้าง ลดมือที่ยกขึ้นเมื่อกี้ลงแนบข้างลำตัว จุนมยอนอาศัยจังหวะนั้นแทรกกายเข้าไปอยู่ในตัวผับ ประตูทางเข้าค่อนข้างหนาแน่น แว่นกันแดดสีชาหายลิบเข้าไปในฝูงชน ถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะดึงผ้าพันคอขึ้นมาไว้อย่างเดิม
เสียดาย
แว่นเรแบนซะด้วย..
“อยู่ไหนวะ”
จุนมยอนเขย่งตัวสุดปลายเท้า ยกมือขึ้นบังแสงจากไฟดิสโก้ แต่ก็ไม่สามารถมองหาทางเดินไปที่ลิฟต์ได้เลยสักนิดเดียว กวาดสายตามองไปรอบๆอย่างหงุดหงิด ไหนแบคฮยอนบอกเขาว่าคนไม่เยอะเหมือนทุกวัน แต่ที่เขาเห็นมันกองทัพมดชัดๆ!!
จุนมยอนก้มมองการแต่งตัวตัวเองแล้วก็นึกขำ ใครที่ไหนเขาใส่เชิ้ตคู่กับผ้าคอมาผับ มิน่าคนมองเต็มไปหมด..
แต่..
“มึงว่าจุนมยอนป่ะวะ..”
“กูเห็นรอยสักของสังกัด ใครเขาจะเอามาสักเล่นละมึง”
“ขาวเอ็กซ์แบบนี้ มีไม่กี่คนหรอกเชื่อกู”
..และตามมาด้วยเสียงซุบซิบอีกมากมายลอยมากระทบหู ดูท่าจุนมยอนลืมตัวไป นอกจากจะเขย่งเทาสุดฤทธิ์แล้วเมื่อกี้เขายังยืดแขนออกไปสุดตัว ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เสื้อจะเลิกขึ้นจนเห็นรอยสักที่บั้นเอวด้านหลัง
พยายามทำตัวไม่มีพิรุท ตัดสินใจเดินผ่ากลางมนุษย์หลายเพศหลายวัยที่แดดิ้นกันอยู่หน้าเวที ได้ยินเสียงฝีเท้าหนักๆตามมาจากด้านหลัง จุนมยอนยิ่งรีบเดินไม่สนใจมือหยาบๆที่แอบฉกฉวยลูบผิวของเขา ร่างเล็กไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผ้าพันคอโดนดึงออกไปเมื่อไหร่
ได้ยินเสียงโวกวากโวยวายดังตามมาหลังจากที่รู้สึกตัวว่าคอโล่งๆไป ยิ่งใจไม่ดี และยิ่งไปกว่านั่นร่างบางมั่นใจว่าเขาได้ยินเสียงอะไรแตกหัก อาจจะเป็นเก้าอี้ โต๊ะ ขวดเหล้า หรืออะไรก็ตาม ตอนนี้เขาเริ่มกลัวเสียยิ่งกว่ากลัว
ต้องจ่ายค่าเสียหายแทนคนพวกนั้นหรือเปล่า
ไม่เอาด้วยหรอกนะ..
หันไปมองอีกทีจุนมยอนยิ่งเร่งเดินมากขึ้น ผู้ชายต่อยกันแย่งของนี่มันยังไม่หมดจากโลกหรือยังไง
จุนมยอนหลับหูหลับตาวิ่งเข้ามาหลบอยู่ในลิฟต์ที่ตามหาอยู่ในคราวแรก
“ฮึ่ยแบคฮยอน!”
กล่าวค้านโทษผู้เป็นเหมือนน้องในไส้อย่างห้ามใจไม่ได้ นึกได้ว่าต้องมาเอากุญแจรถกับพี่สาวแบคฮยอน มือขาวหยิบไอโฟนขึ้นมาไล่อ่านแชทหาว่าพี่บอมเยทำงานอยู่ชั้นไหนกันแน่ เขาไม่พร้อมที่จะเดินเล่นทั่วตึกหรอกนะ
ชั้น5A
..เหมือนจะเป็นชั้นบนสุดหรือเปล่า
“ไง" คนถูกเรียกชะงักมือที่เพิ่งจะกดเลขชั้นเสร็จไปหมาดๆ ทีแรกจุนมยอนคิดจะทำเป็นไม่สนใจ แต่ดันนึกได้ว่าในลิฟต์คงจะมีแค่เขาสองคน
“..”
“ทำผับผมวุ่นวายไปหมดเลยนะ”
รู้สึกตัวแข็งทื่อแม้จะได้ยินแค่เพียงเสียงที่เย็นชา จุนมยอนเหมือนโดนสถานการณ์บีบให้กลายเป็นคนผิด
“ลูกค้าคุณต่างหาก”
“ปากดี”คนตัวเล็กหันหน้าไปหาบุคคลที่อยู่กับเขาในลิฟต์แห่งนี้ทันทีที่โดนกล่าวว่า เงยหน้าขึ้นมอง พลางขมวดคิ้วแสดงออกให้อีกฝ่ายรู้ว่าจุนมยอนกำลังหงุดหงิด
“...”
ร่างบางชะงักอีกคราเมื่อเผลอไปสบเข้ากับดวงตาสีเทาเข้ม สังเกตุได้ว่าเหนือดวงตาซ้ายของเขามีรอยแผลเป็นทางยาวพาดมาถึงหางคิ้วสีดำปรากฎอยู่ แต่ทั้งหมดนี้รับเข้ากับรูปหน้าคมเหมือนชาวตะวันตกของอีกคนอย่างลงตัวราวกับถูกสร้างขึ้นมาอย่างปรานีต
“เห็นจริงๆแบบนี้ก็น่ารักดีหนิ”ริมฝีปากแดงติดคล้ำตามประสาคนน่าจะสูบบุหรี่จัดยกยิ้มมุมปากขึ้นเยาะเย้ยจุนมยอน
“..”
“ดูตัวเล็กกว่าในคลิปอีกแฮะ”
คนตัวขาวไม่ตอบโต้อะไรเพราะแค่เพียงอีกคนมองคนด้วยสายตาหยาบโลนแบบนั้นก็ทำให้ทุกสิ่งราวกับโดนมนสะกดให้หยุดนิ่ง..
เมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบนานเกินไปก้นบุหรี่ที่ยังสูบไม่เสร็จดีถูกนำมาวางแตะอยู่ระหว่างเรียวคิ้วสวย กลิ่นนิโคตินเหม็นฉุนขึ้นจมูก ควันสีอ่อนลอยเข้าตาจนทำให้ดวงตาใสๆของจุนมยอนแดงก่ำ คนตรงหน้ากำลังทำให้เขาหงุดหงิดกว่าเดิม จุนมยอนจึงปัดมือหนาออกจากรัศมีของตัวเอง
“ชื่ออะไร”
“คริส”
“เหรอ เป็นเจ้าของผับสินะ ลงไปดูลูกค้าตัวเองซะสิ”
พูดพลางส่งสายตาดูแคล้นไปหาคนตัวสูงกว่า พอดีกับจังหวะที่ประตูลิฟต์เปิดออกในชั้นที่จุนมยอนต้องการ เรือนร่างอรชนเดินออกไปโดยที่ไม่หันมองกลับมาด้านหลังอีก
ประตูลิฟต์ปิดลงแล้ว พร้อมๆกับคริสที่ก้าวออกมายืนมองร่างบางที่เดินไปอย่างกับคนไม่รู้ทิศไม่รู้ทาง
“หึ คิมจุนมยอน”
.
.
“อ่อครับ ขอบคุณครับ”
ไม่เคยคิดว่าในชีวิตจะสามารถโมโหแบคฮยอนได้มากขนาดนี้ เมื่อไม่กี่นาทีก่อนจุนมยอนล้มเลิกความคิดที่จะเดินตามหาพี่สาวแบคฮยอนด้วยตัวเอง และตัดสินใจกดโทรหาบยอนบอมเยซะ
แอบด่าตัวเองในใจเบาๆว่าทำไมถึงเพิ่งจะมาฉลาดเอาตอนนี้
แต่พอโทรติด จุนมยอนแทบจะกัดลิ้นตายในทันที เมื่อรู้จากปากพี่บอมเยเองเลยว่า เธอได้กลับบ้านแล้ว ที่สำคัญคือกลับไปโดยรถของแบคฮยอน เหลือบสายตามองเวลาที่หน้าจอโทรศัพท์ มันล่วงเลยตีสามมาได้ไม่มากนัก แต่นั่นก็หมายถึงเขาโดนสูบเวลานอนไปอีกหนึ่งคืนเต็มๆ
แถมยังโดนจองล้างจองผลาญอีกด้วย
จุนมยอนหันหน้าไปมองข้างหลัง ผู้ชายตัวสูงโปร่งราวกับนายแบบยังเว้นระยะอยู่เหมือนเดิมไม่ห่างไปไหน คริสโบกมือให้จุนมยอนอย่างอารมณ์ดีเมื่อคนตัวเล็กหันมาตามที่ต้องการ ริมฝีปากของชายหนุ่มกระตุกยิ้มร้ายก่อนจะคาบบุหรี่สูดสารพิษเข้าไปเต็มปอด
“เลิกตามได้แล้ว เป็นโรคจิตเหรอ”ร่างบางกรอกตาไปมาอย่างเบื่อหน่าย ยกมือถือขึ้นทำท่าจะปามันใส่อีกคน
“ที่ทำอยู่เนี่ยเขาไม่ได้เรียกโรคจิตหรอก”
“..”
“รู้อะไรไหมจุนมยอน”
“ไม่อยากจะรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับนายทั้งนั้น”จุนมยอนเชิดหน้าใส่ คนตัวสูงหัวเราะเบาๆกับท่าทีน่ารักแบบนั้นก่อนจะไล่ต้อนดันร่างบางชิดกับผนังตึก จุนมยอนแสดงสีหน้าแตกตื่นให้คริสเห็นเต็มตา ปากกัดตีนถีบพยายามทำให้ตัวเองหลุดจากการกักขัง
“ฉันเป็นลูกครึ่งจีน แคนาดา”
ความสูงเกือบสองเมตรของคริสทำเอาจุนมยอนรู้สึกว่าส่วนสูงตัวเองมันหายไปสิบเซนในพริบตา มือหนาข้างที่ว่างบีบเค้นหัวไหล่เล็กแน่น จ้องลึกเข้าไปในแววตาสั่นระริกของคนดีแต่ปาก
“..”
“ผู้ชายยุโรปส่วนมากชอบคนเอเชีย โดยเฉพาะไทยกับเกาหลี..”
“..”
“เพราะอะไรรู้ไหม”
จุนมยอนส่ายหน้ารัว อาการวูบวาบพาให้ขนลุกไปทั่วร่าง บริเวณที่เขาอยู่นั้นมืดและไร้ผู้คน สัมผัสได้ถึงความไม่ปลอดภัยของร่างกายตนเอง มือขาวยกขึ้นผลักอกอีกคนเต็มแรง คริสเซไปข้างหลังเล็กน้อยก่อนจะกลับมาอยู่ในท่าทางแบบเดิมแทบจะทันที
ร่างสูงไม่มีความคิดที่จะฟังคำสถบด่าทอ คริสยังคงพูดตามความคิดไปเรื่อยๆ
“คนเอเชียตัวเล็กๆแบบนายมันน่าขย้ำมากเลย”
“ห้ะ!”
คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน คำบ่นด่าดังอยู่ในใจโดยไม่ต้องมองหน้าคู่กรณี น้ำเสียงทีเล่นทีจริงของคนสัญชาติจีนทำเอาจุนมยอนหางคิ้วกระตุก ไม่ได้รู้สึกเขินอายกับประโยคแบบนั้นเลยแม้แต่น้อย
จุนมยอนไม่พอใจในทุกอย่างที่รวมกันเป็นคริส ทั้งๆที่เพิ่งรู้จักกัน
แถมยังไม่พอใจมากๆ
“ประสาท”
“พูดจาให้เพราะๆหน่อย ฉันแก่กว่านายหลายปี”
“…”
คนฟังอย่างจุนมยอนก็แค่ยักไหล่ แสดงท่าทีไม่สนใจ พลางขยับตัวตามไปแบบโหมดหูทวนลมเต็มที่
“รู้ตัวใช่มั้ยว่าทำร้านฉันวุ่นวาย” จุนมยอนจ้องตาคนตัวสูงกว่าเขม็ง ส่งผลให้ใบหน้าสวยหวานดูตึงเครียดขึ้นเล็กน้อย ถึงจะไม่พอใจยังไงร่างบางก็พอจะสำนึกได้ว่าต้นเหตุทั้งหมดมันเริ่มจากเขาคนเดียว
“ก็ลูกค้านาย..”
“เป็นเพราะนายโผล่มาในร้านฉันต่างหาก”
“..”
“เงียบเชียว”
“จะเรียกเท่าไหร่ พรุ่งนี้จะเอามาให้ถึงที่เลย”
“จ่ายที่เตียงฉัน ไหวมั้ยจุนมยอน’”
คริสยิ้มกว้าง ต่างกับจุนมยอนที่หน้าชาไปหมด
คนตัวเล็กรู้สึกราวกลับเข่าอ่อน ผู้ชายคนนี้ดูถูกเขามากเกินไป จริงอยู่ที่อาชีพของเขาไม่ค่อยเป็นที่ยอมรับในสังคมผู้ดีอย่างคริส แต่ยังไงจุนมยอนก็ทำมันเพื่อเลี้ยงชีพ ไม่ใช่สนองตัณหาส่วนตัวของตัวเอง มือเล็กๆกำเข้ากันแน่น พร้อมๆกับพยายามคุมเสียงตัวเองไม่ให้สั่น
พอลองคิดดูดีๆ งานของคริสต่างกับเขาไม่เท่าไหร่เอง
“ไม่ได้ขายตัว..”
“เหรอ”
“..”
“แล้วที่ทำอยู่มันต่างจากขายตัวตรงไหน”
เพี้ยะ!!
จุนมยอนฟาดฝ่ามือลงบนใบหน้าหล่อเหลาเต็มแรง จิกเล็บที่ไว้ให้ยาวพอดีลงบนแก้มหยาบจนมีเศษเนื้อหลุดติดออกมา ร่างสูงเซไปด้านหลังเล็กน้อย สถบคำด่าออกมาเป็นภาษาอังกฤษ หากแต่จุนมยอนไม่ได้สนใจ
สายตาแข็งกระด่างถูกส่งมาให้ แสดงให้รู้ว่าเมื่อครู่นี้ การตัดสินใจเลือกที่จะตบหน้าร่างสูงไม่ใช่ทางเลือกที่ฉลาดนักของจุนมยอน
“เลิกดูถูกผมได้แล้วคุณคริส อยากมากสินะ เอามันตรงนี้เลยมั้ย!!”
“พูดเองนะ”
คริสกล่าวนิ่งๆ จัดการลากคนตัวเล็กกว่าไปที่ลิฟท์ จุนมยอนดิ้นเท่าที่จะดิ้นได้ เขาไม่สามารถต้านทานแรงของคริสได้เลย มือหนาบีบข้อมือของเขาจนแดงเถือกไปหมด รู้ตัวอีกทีก็มาถึงชั้นใต้ดินที่เป็นที่จอดรถของผับซะแล้ว
“โอ้ย!”
ร่างบางสะดุดขาตัวเองล้ม เพราะช่วงขาที่ต่างกันมากทำให้จุนมยอนก้าวตามคริสไม่ทัน คริสหันมามองนิ่งๆ กระชากข้อมืออีกฝ่ายเข้ามาใกล้ หัวเข่าและมือข้างที่เป็นอิสระของจุนมยอนจึงไถไปตามพื้นปูนเพราะไม่ได้ระวัง ความเจ็บตีแผ่เข้ามาหาจนน้ำตาแทบไหล
คริสตัดสินใจหันตัวกลับไปทั้งตัว ค่อยๆย่อลงให้อยู่ในระดับด้วยกันกับจุนมยอน มือแกร่งบีบคางมนจนร่างบางนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ มือเรียวจับเเขนร่างสูงไว้แน่นราวกับพยายามจะผลักไสออกไปให้ห่างตัว
“ดิ้นไปก็เท่านั้นแหล่ะเด็กน้อย” พอสิ้นเสียง คริสดึงข้อมือบางๆนั้นอย่างแรงก่อนจะฉุดกระชากจุนมยอนไปจนถึงรถและเปิดประตูออกเพื่อยัดคนตัวเล็กเข้าไป
“ปล่อยนะ!”จุนมยอนโวยวายทันทีที่คริสโยนตัวเองเข้ามาในที่นั่งข้างคนขับ เอื้อมมือหวังจะเปิดประตูก็พบว่าคริสได้ล็อคและเข้ามานั่งเรียบร้อย ยังไม่ทันหายใจทั่วท้องดีเขาก็กระชากเครื่องยนต์ทะยานไปข้างหน้าเสียแล้ว
“โวยวายตอนนี้มันไม่ทันแล้วจุนมยอน”
“หุบปาก”ตอบรับอืออึงในลำคอ เขากำลังสำรวจคริสดูอย่างตั้งใจ
หล่อชะมัดเลย..
“ทีแบบนี้ละเชื่องเป็นลูกแมว”
จุนมยอนเบ้ปากให้กับคำเปรียบเทียบของคริส มือบางกระชากเข็มขัดนิภัยอย่างแรงก่อนจะคาดมันเงียบๆโดยไม่สนใจเจ้าของรถ ความเงียบปกคลุมภายในรถอยู่อึดใจนึงมีเพียงเสียงลมหายใจที่บ่งบอกว่ารถคันนี้ไม่ได้ร้างคน
“นี่”
สุดท้ายก็เป็นจุนมยอนเองที่ทนความเงียบแบบนี้ไม่ไหว
เมื่อเสียงพูดแผ่วเบาดังขึ้นให้ได้ยิน ร่างสูงเหลือบมองคนที่ยังหายใจแรงเหมือนกับกำลังพยามระงับสติอารมณ์อยู่แบบนั้น ริมฝีปากหนาวาดรอยยิ้มพลางกระตุกมุมปากด้วยความพึงพอใจ สายตาคมกร้าวขึ้น
"ว่ายังไงครับหืม?"
“เหอะ จะพาไปไหนก็ไป จะทำก็เร็วๆด้วย ฉันเป็นดารานะ ต้องมีเวลาพักผ่อน”
“งานนายมันก็ได้นอนอยู่ตลอดเวลาแล้วนี่”
จุนมยอนไม่รู้สึกตัวหรอกว่าเขาสวนคริสกลับไปด้วยคำพูดแบบไหน ไม่มีสติด้วยซ้ำว่าแผ่นหลังบอบบางนี้ติดกับอกกว้างของอีกคนได้อย่างไหร่
"อ๊ะ... อ๊าาส์"
ในตอนนี้สิ่งที่จุนมยอนสนใจคือแรงกระทั้นกระแทกจากเบื้องหลังและกระจกใสที่พอสะท้อนใบหน้าสุขสมของตัวเองและของร่างสูงได้อย่างชัดเจน มือบางเกาะขอบหน้าต่างบานยาวไว้แน่ ไม่แน่ใจนักว่าสายตาคมกริบที่สะท้อนมาให้เห็นจดจ่ออยู่ที่วิวยามกลางคืนของโซลหรืออะไรกันแน่
ข้างนอกยังคงไม่สว่างดีนัก ตอนนี้น่าจะเป็นรุ่งเช้า จุนมยอนตีเอาไว้ว่าจะเจ็ดโมงเช้าเข้าไปแล้ว
ในตอนฟ้ามืดลงมองมุมไหนโซลก็สวยไปซะทุกแห่งโดยเฉพาะในหน้าหนาวที่สว่างช้าแบบนี้
มืออุ่นจับแตะไปทั่วจนต้องบิดกายหลบหลีกสัมผัสพวกนั้น ก่อนที่เรือนกายจะต้องสะดุ้งโหยงเมื่อลิ้นร้อนลากไปตามแนวลำคอ
ความรู้สึกราวกับจะโดนกลืนกินไปทั้งตัวก็ยังเด่นชัด สิ่งที่ร่างสูงปรารถนาคงเป็นอย่างอื่นไปนอกจากจุนมยอนไม่ได้ สะโพกมนยกขึ้นสูงอย่างเอาใจ จะเอาเรี่ยวแรงจากไหนมาชนะความต้องการที่แม้แต่ตัวเองยังห้ามไม่ไหว
ร่างกายของจุนมยอนเรียกร้องหาแต่คริส
อย่างน้อยก็ในตอนนี้
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
เม้นต์ให้เค้าหน่อยตัวเอง5555555555555555555555555
ชอบอิมเมจซูโฮมาก อิมเมจในใจ-_-
เห็นคนชอบแบคฮยอนเยอะ แบคนี่เราดัดแปลงมาจากหนังเรื่องโปรดเลย
พยามยามทำให้เหมือนละ แต่ไม่ดีเท่าที่ควรT 33333 T
ความคิดเห็น