คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : May be late : lessson 2
‘ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน! ’ ร่างบางคิดในใจ ความเจ็บปวดที่ข้อมือดูเหมือนจะยิ่ง ทวีความเจ็บมากขึ้นเมื่อร่างบางพยายามบิดมือหนีจากมือแกร่ง
“ ผมเจ็บนะครับ! ”
“ เจ็บนั่นแหละดีแล้ว สมควรแล้วนี่! ”
“ ผมทำอะไรผิดครับ? กรุณาปล่อยมือผมก่อน ... โอ๊ย! ” ดูเหมือนว่าคำขอร้องของร่างบางจะไม่เป็นผล เมื่อแรงที่บีบข้อมือดูเหมือนจะไม่ลดลงเลย
“ จิท แกปล่อยชินเปก่อน ใจเย็นดิวะ!!! ” มือกีต้าร์ประจำวง ยูจิ พยายามรั้งข้อมือของจิยุไว้ เมื่อเห็นเหตุการณ์ทำท่าจะบานปลาย คนอื่นๆในวงต่างรีบแกะมือของจิยุออกทันทีเมื่อสบโอกาส ก่อนดันร่างบางไปอยู่ด้านหลังของตน
“ รู้น่ะ ว่าแกกำลังโมโห.. แต่ มันอาจจะไม่ใช่ความผิดของชินเปก็ได้นี่นา! ” ยูจิพูดเตือนสติจิยุ
“ ไม่ใช่มันแล้วจะเป็นใคร? ห้ะ คนที่ขึ้นมาที่นี่เมื่อเช้าก็มีแต่มันไม่ใช่รึไง!!! ? ”
“ นายจะรู้ได้ยังไง? ชินเปเป็นผู้จัดการวงเรานะ เขาจะทำไปเพื่ออะไร? ” มัตตันที่เงียบมานานเอ่ยขึ้นมาเมื่อเห็นจิยุเถียงอย่างไม่ยอมลดละ
“
” ดูเหมือนถ้อยคำของมาซาโตะจะทำให้สติที่ขาดของจิยุ สงบลงได้ขั่วคราว
“ ขอโทษนะครับ... แต่ ช่วยบอกผมทีว่ามันเกิดอะไรขึ้น? ” ชินเปประท้วงออกมา เขาไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าทำไมต้องมาเจอกับอะไรแบบนี้ ข้อมือเคล็ดอยู่แล้วยังต้องมาโดนบีบอีก... ‘ ถึงจะยังไง เจ็บที่ตัว มันก็ไม่เท่าเจ็บที่ใจหรอก ’
“
. ” ชายหนุ่มทั้งสี่หันไปหาเจ้าของปัญหา เหมือนจะขอคำตอบว่าจะให้พวกเขาเล่า หรือเจ้าตัวจะเรื่องเล่าเอง
“ เบส น่ะ เบสของจิทมีคนขโมยไป.. ” เมื่อเห็นว่าไม่มีใครปริปากแม้กระทั่งเจ้าทุกข์ มิตซึรุจึงเล่าออกมาในที่สุด
“ ..ไม่จริงน่า.. ” ชินเปรู้สึกเหมือนมีใครเอาน้ำเย็นๆมาสาดใส่หน้า เขารู้ดีว่าเบสสีเทาตัวนั้นสำคัญกับจิยุแค่ไหน รู้ดีว่าจิยุมักจะใช้มันเล่นในโอกาสสำคัญๆเสมอ รู้ดีว่าเบสตัวนั้นสำคัญ .. อาจจะสำคัญกว่าตัวเขาด้วยซ้ำ เบสตัวแรกที่จิยุได้มา..
‘เบสตัวสำคัญของ จิยุซัง เบสที่ผมนั่งขัดทั้งคืน.. จะหายไปได้ยังไง? ’ ชายหนุ่มถามตัวเองเบาๆ พยายามนึกถึงเหตุการณ์เมื่อเช้าที่ตนเองนำ เบส เข้ามาเก็บในห้องซ้อม
“ จริง.. มันหายไปจริงๆนะเปจัง พวกเราค้นดูจนทั่วห้องแล้วไม่เจอเลย ” ทาเครุที่อยู่ข้างๆพูดขึ้น มือขาวๆเอื้อมมือมากุมมือของร่างบางไว้อย่างปลอบใจ เขาแน่ใจว่า ชินเปไม่ใช่คนที่จะทำเรื่องแบบนั้น มันไม่มีเหตุผลเลยสักนิดที่คนๆนี้จะทำร้ายคนที่ตัวเองรัก เพียงแต่คนอื่นๆไม่รู้ด้วยน่ะสิ ไม่มีใครรู้หรอกว่าชินเปคบกับจิยุ นอกจากเขา เขาที่สัญญาจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับตามที่เพื่อนต้องการ...
“ แล้วมันจะหายไปได้ยังไงครับ.. ในเมื่อตอนเช้า.. ”
“ ควรจะถามตัวเองดีกว่าไหม? เอาเบสของฉันไปไว้ที่ไหน?!! ” ไม่ทันที่ชินเปจะพูดจบประโยค ร่างสูงก็ตวาดกลับมา
“ ผมไม่ได้เอาไป.. ”
“ แล้วใครจะเอาไป ห้ะ!!! ”
“ ผมไม่รู้ ”
“ พอได้แล้ว! จิท ” ยูจิตะโกนขึ้นมาอย่างเหลืออด รู้ว่าเพื่อนกำลังโมโห แต่การพาลใส่ชินเปโดยที่ยังไม่รู้เหตุการณ์แน่ชัดแบบนี้มันก็ไม่สมควรทำ
“ เงียบไปเลย! ยูจิ ”
“ นายนั่นแหละที่ควรเงียบ จิท! ปรักปรำคนอื่นแบบนี้มันใช้ได้ที่ไหนกัน? ทำไมนายไม่ลองไปถามคนอื่นๆที่ใช้ห้องซ้อมก่อนพวกเราล่ะ ตะคอกใส่เปแบบนี้มันจะได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา? ” มิตซึรุพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าอารมณ์ของจิยุดูเหมือนจะยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
“ พี่จิยุใจเย็นๆก่อนได้ไหม? เดี๋ยวทาเคะกับคนอื่นๆจะลองช่วยหากันอีกรอบ อย่าพึ่งไปว่าเปจังเลย ”
“ ได้!! เชิญเถอะ! แล้วก็หาให้เจอด้วยล่ะ... ” ร่างสูงพูดก่อนสะบัดตัวออกจะการจับกุมของยูจิ
“ ..ถ้าหาไม่เจอ ก็ไม่ต้องกลับมา เตรียมหาที่อยู่ใหม่ได้เลย.. ” ประโยคสุดท้ายร่างสูงพูดเบาๆให้ชินเปได้ยินเพียงคนเดียว
และ ดูเหมือนคำขู่นั้นจะได้ผล ทาเครุเองแม้จะได้ยินไม่ชัดแต่ด้วยความที่ยืนอยู่ใกล้ที่สุดก็พอจะเข้าใจว่าจิยุพูดอะไรกับชินเป มือเล็กบีบมือเย็นๆของชินเปอย่างให้กำลังใจ..
“ เอาน่าเปจัง! เดี่ยวทาเคะกับมัตตันจะช่วยหาเอง ” รอยยิ้มอันสดใสของทาเครุเรียกกำลังใจให้ชินเปได้เป็นอย่างดี มือข้างที่ว่างยกขึ้นมาปาดน้ำใสๆที่คลออยู่ในตาอย่างลวกๆ ร่างบางภาวนาในใจ ได้โปรดอย่าได้ให้ใครทันสังเกตเลยว่าเขากำลังจะร้องไห้
มันไม่ใช่เรื่องลำบากที่จะหาที่อยู่ใหม่ เขาเองก็พอมีที่ทางอยู่บ้าง... เพียงแต่...เขาไม่อยากอยู่ไกลๆจากร่างสูงก็เท่านั้น ถึงแม้จะต้องทนกับคำพูดทำร้ายจิตใจของจิยุ ทนกับอารมณ์ร้ายๆของร่างสูง มันก็ยังดีกว่าต้องอยู่โดยไม่รู้ว่าคนๆนั้นเป็นยังไง เขาห่วง ห่วงว่าจะไม่มีใครคอยดูแลคนหัวดื้อคนนั้น อยากจะเห็นใบหน้าเดิมๆทุกๆวันแม้ทุกวินาทีที่เห็นจะต้องมีถ้อยคำทำร้ายจิตใจตัวเขาอยู่เสมอ แม้จะเฝ้าบอกตัวเองเท่าไหร่ว่าไม่ให้รักอีกฝ่ายไปมากกว่านี้ แต่ดูเหมือนหัวใจดวงนี้จะไม่ยอมทำตามเลย ยิ่งนานเขาก็ยิ่งรักมากขึ้นไปทุกที รักจนความรักนั้น ย้อนกลับมาทำร้ายตัวเอง.. รักแม้พยายามแล้วที่จะเลิกรัก..
“ เห้! ทำไมไม่มีชื่อฉันด้วยล่ะ ทาเคะ! ” มิตซึรุ พูดขึ้นเมื่อพบว่าไม่มีชื่อของตัวเองอยู่ในคณะค้นหา ช่วยเรียกสติร่างบางจากอาการซึมเศร้าได้เป็นอย่างดี
“ ไม่ต้องเลย มิตจี้! มิตจี้ต้องไปอยู่หน่วยโอเมก้ากับ ยูจจิ!! ” ทาเครุ พูดพร้อมรอยยิ้ม
“ เฮ้ย ไหงงั้น?? ” ยูจิที่ไม่รู้ตัวว่าตัวเองถูกโยงเข้ามาเกี่ยวด้วยเมื่อไหร่ โวยขึ้นด้วยความตกใจ
“ ตามนี้แหละ! แบ่งเป็นสองทีมจะได้เจอเร็วๆ รึว่า.. ยูจิไม่มีน้ำใจ ไม่สงสารเปจังเหรอ?? ” ทาเครุทำหน้าคล้ายจะร้องไห้
“เปล่า.. ก็แค่ ”
“ อ้ะ! รึว่ายูจิเขิน มิตจี้ใช่ม้า!!! ”
“ มะ ไม่ ใช่เฟ้ยยย! ” ยูจิพยายามที่จะเข้าไปปิดปากทาเครุให้หยุดพูดแต่ดูเหมือนว่าทาครุที่ตัวเล็กกว่าจะหลบได้ก่อน
“ ใช่แน่ๆเลย มัตตันเนอะๆ ”
“ แน่นอนที่สุด! ” แม้แต่มาซาโตะก็ยังเออออห่อหมกกับทาเครุไปด้วย
“ ไม่ใช่แล้ววว! ”
“ ไม่ใช่ก็รีบไปได้แล้ว หน่วยโอเมก้า! ไฟท์โตะ ” เมื่อพูดสั่งเสียและส่งเสริม เป็นการเสร็จทาเครุก็รีบวิ่งออกไปโดยไม่ลืมคว้าตัวชินเปกับ มาซาโตะให้ไปด้วยกัน ทิ้งให้สองหนุ่มยืนมองหน้ากันแล้วถอนหายใจ
“ งั้น...เราก็ไปตามหาเบส ของไอ้เจ้าตัวยุ่งกันเถอะ ” ว่าแล้วห้องซ้อมก็ไม่หลงเหลือใครอยู่อีก..
ทีมโอเมก้า : ยูจิ และ มิตซึรุ
ถึงปากจะบอกว่า จะช่วยออกตามหา แต่ขณะนี้ร่างของมือกีต้าร์หนุ่มผู้มีนามว่า ยูจิ กลับมานอนแผ่หลาอยู่บนขอบระเบียง ชมวิวท้องฟ้าและรับลมเย็น โดยมีอีกคนยืนมองอยู่ด้านข้างด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ
“ เฮ้อ.. ฉันว่าเราคงหาไม่เจอแล้วล่ะ ” ยูจิเอ่ยทำลายความเงียบขึ้น
“ เอ่อ.. หาไม่เจอรึว่าไม่หากันแน่ยูจิ ? ” มิตซึรุมองไปยังยูจิที่กำลังนอนอยู่บนขอบระเบียงอย่างสบายใจ
“ นายเองก็ไม่ไปหาเหมือนกันแหละน่า! ”
“ ก็ฉันรอนายไง! อ้อ และอย่างน้อยฉันก็ยังยืนอยู่ ไม่เหมือนนาย.. นอนไปแล้วนี่ ขี้เกียจ ไม่มีน้ำใจ!! ” มิตซึรุพูดก็จบปาเศษกระดาษที่อยู่แถวนั้นใส่คนที่นอนอู้งานอยู่
“ ปาไม่แม่นแล้วยังจะปามาอีก ฮึบ! ” ยูจิกระโดดลงมาจากระเบียงลงมายืนประจันหน้ากับอีกฝ่าย
“ ก็ดีกว่าอู้งาน! ”
“ แล้วจะให้ไปหาที่ไหนครับ??? ตึก psc มันกว้างน้อยๆซะเมื่อไหร่ ” ถึงจะเป็นเรื่องจริงแต่มิตซึรุก็ไม่อยากยอมรับ เขามันพวกชอบเอาชนะยิ่งคนแบบนี้แล้วด้วย ยิ่งยอมไม่ได้เข้าไปใหญ่..
“
..ตามมาเถอะน่า! ” มิตซึรุที่ดูเหมือนจะขี้เกียจเถียงกับอีกฝ่ายเต็มที จัดการลากตัวยูจิให้เดินไปกับตน
“ ..จับไม่ต้องปล่อยเลยก็ดีนะ.. ” ยูจิบ่นพึมพำ ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ทำเอาคนที่เดินอยู่ข้างหน้าหันขวับกลับมามอง
“ พูดอะไร? ”
“ พูดว่า มิต-ซึ-รุ-นาย-มัน-ขา-สั้น-เดิน-ช้า ”
“ ก็มาเดินนำเองสิ! ” เมื่อโดนคนกวนประสาทยอกย้อนเข้าหน่อยทำเอามิตซึรุมีน้ำโหขึ้นมาเหมือนกัน ปกติเขาเองก็ไม่ใช่คนพูดมากอะไรสักหน่อย ทำไมอยู่กับหมอนี่ต้องเปลืองน้ำลายเยอะขึ้นด้วยนะ ...
“ โอเค! ขอมือด้วยครับ เดี๋ยวจะเดินตามไม่ทัน ” ว่าแล้วก็คว้ามือของคนขาสั้นไปกุมไว้ก่อนเดินไปด้วยกัน
“ ....... ” เมื่อเจอไม้นี้เข้าไปมิตซึรุเองก็พูดไม่ออก ‘เจ้าเล่ห์เกินไปแล้ว.. ฝากไว้ก่อนเถอะยูจิ! ’
“ ดูเหมือนสองคนนี้เขาจะแอบมีอะไรระหว่างกันรึเปล่าน้า ?? “ ทาเครุผู้ซึ่งเฝ้าสังเกตการณ์มาสักพักเอ่ยขึ้นเบาๆ
“ ทาเคะ มัวทำอะไรอยู่เร็วๆเข้าเดี่ยวก็ตามหาไม่เจอหรอก! ” มาซาโตะเอ่ยเรียกเมื่อเห็นคนตัวเล็กกำลังทำอะไรลับๆล่ออยู่บริเวณมุมตึก
“ ฮ่ะ... อ้อ ไปเดี๋ยวนี้แหละ รอด้วยสิมัตตัน!!! ” ว่าแล้วเจ้าตัวเล็กก็วิ่งออกไป โดยไม่ลืมหันกลับมามองสองคนนั้นอีกระลอก
‘ บางทีอาจจะเป็นแค่ ยูจิ ที่คิดอยู่ฝ่ายเดียวรึเปล่า... ในเมื่อมิตจังน่ะ.... ’
“ ทาเครุ!!! มาได้แล้วววว ” เสียงเรียกทำให้ทาเครุหลุดจากภวังค์ ร่างเล็กไม่รอช้ารีบวิ่งไปตามเสียงเรียก ด้วยความกลัวหากปล่อยให้มาซาโตะเรียกอีกรอบอีกฝ่ายอาจจะโกรธเอา...
ความคิดเห็น