คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #31 : Ghost of You
เขายืนอยู่ตรงนั้นราวกับรอการมาถึงของเธออยู่ก่อนแล้ว
ทั่วทั้งตัวเปียกชุ่มโชกไปด้วยสายฝนไม่ต่างจากตัวเธอ ทั้งรูปร่างและหน้าตาล้วนเป็นบิลไม่ผิดเพี้ยน
โดยเฉพาะดวงตาสีดำคู่นั้นที่เธอได้สบตาด้วยเมื่อเจ็ดปีที่แล้ว ทุกอย่างเกี่ยวกับเขาเป็นสิ่งโดโลเรสจำได้ขึ้นใจแม้จะอยากลืมแค่ไหนก็ตาม
เขาเป็นคนเดียวกับที่เธอมองเห็นอยู่ทุกค่ำคืน เป็นเงามืดที่อยู่ในบ้าน
เป็นปีศาจที่อยู่ในฝันร้าย และเป็นเนื้อร้ายที่แฝงอยู่ในจิตวิญญาณของเธอมาเนิ่นนาน
“ไม่จริง นายไม่มีอยู่จริง”
หญิงสาวพึมพำอย่างแผ่วเบา
แม้ใจจะหวาดหวั่นแต่ก็ไม่คิดถอยหนี
ดวงตาจ้องมองภาพหลอนตรงหน้าเขม็งราวกับว่ามันกำลังจะหายไปในอีกไม่ช้าเหมือนกับทุกครั้ง
แต่เธอคิดผิด
ภาพหลอนไม่ได้จางหายไป ตรงกันข้ามมันกับยิ้มเยาะ
เสมือนหนึ่งรอยยิ้มของปีศาจร้ายที่กำลังประกาศชัยชนะของตนต่อมนุษย์ผู้โง่เขลา
“ไม่ค่อยเข้าใจที่เธอพูดเท่าไร
แต่อยากบอกว่าฉันนี่แหละของจริงเลยที่รัก”
เสียงฟ้าร้องยังคงดังต่อเนื่องอยู่เป็นระยะ
หากแต่เวลานี้ทุกอย่างช่างดูเงียบงันในความรู้สึก
โดโลเรสสูดลมหายใจถี่รัวประหนึ่งคนกำลังจมน้ำ ความกลัวโหมกระหน่ำเหมือนไฟลามทุ่ง
เธอนึกถึงภาพข่าวของบิลที่ได้เห็นผ่านหนังสือพิมพ์ พาดหัวข่าวเด่นหรา ‘นักโทษฉกรรจ์หนีคุกลอยนวล
ตำรวจยังตามจับไม่ได้’ และเสียงของนักข่าวชายจากรายการข่าวภาคค่ำที่กำลังรายงานข่าวนักโทษหลบหนี
พร้อมด้วยรูปของบิลที่ฉายขึ้นมุมซ้ายล่างของจอโทรศัพท์เก่ากึก
ทั้งหมดนี้ย้ำเตือนให้เธอรู้ว่าครั้งนี้ไม่ใช่ภาพหลอน ไม่ใช่สิ่งที่เธอคิดไปเอง
มันคือความจริง มันสิ่งที่เธอนึกกลัวอยู่ตลอด
แต่ไม่เคยคาดคิดว่ามันจะเกิดขึ้นเร็วขนาดนี้
รวดเร็วเหมือนงูเห่าที่แฝงตัวในพุ่มไม้หนาแล้วพุ่งเข้าฉกกัดเราเวลาที่เผลอไผล กว่าจะรู้ตัวอีกทีพิษก็ลามเข้าหัวใจถึงตายไปเสียแล้ว
บิลเป็นงูเห่าตัวนั้น
และเธอก็จะต้องตายโดยไม่มีเงื่อนไขใด ๆ ทั้งสิ้น
“นายหาฉันเจอได้ยังไง”
“ก็ไม่ยากเท่าไร ไม่ค่อยมีคนอเมริกาคนไหนมีชื่อว่าโดโลเรส
วินสตันหรอก” บิลขยับตัวพิงกับตู้เย็นแล้วยกมือขึ้นกอดอก ในจังหวะนั้นเองที่โดโลเรสมองเห็นปืนพกที่เหน็บอยู่ตรงขอบกางเกงของเขาเต็มตา
“อย่างน้อยเธอก็ควรจะเปลี่ยนชื่อบ้างนะ”
เขาจ้องมองมาที่เธออย่างพินิจพิจารณา
ราวกับสังเกตว่าตลอดหลายปีมานี้เธอเปลี่ยนไปยังไงบ้าง
ดวงตาที่เหมือนจะมองอย่างทะลุปรุโปร่งทำให้โดโลเรสอึดอัด แต่ก็ไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว
อันที่จริงเธอไม่กล้าแม้กระทั่งหายใจด้วยซ้ำเมื่อยืนอยู่ต่อหน้าสิ่งที่อันตรายที่สุดในโลกอย่างฆาตกรต่อเนื่อง
จนกระทั่งตอนที่บิลทำเหมือนว่าจะเดินเข้ามาหา นั่นแหละที่ทำให้โดโลเรสชะงักพลัน
และสองเท้าเผลอถอยหนีอย่างไม่รู้ตัว ภาวนาให้มีอะไรก็ตามมาขัดจังหวะชายหนุ่มไว้เสียที
ซึ่งก็ดูเหมือนพระเจ้าจะยังพอมีความเมตตาอยู่บ้างที่ส่งใครบางคนเดินเข้ามาในห้องครัวของเธอ
แต่เป็นความเมตตาที่สารเลวสิ้นดีเมื่อคน ๆ นั้นกลับเป็นลูกชายของเธอเอง
โดโลเรสเคยคิดว่าการที่บิลปรากฏตัวต่อหน้าเธออีกครั้งเป็นความกลัวอย่างถึงที่สุดแล้ว
แต่ในทันทีที่เห็นลูคัสยืนอยู่ต่อหน้าบิล เธอกลับนึกกลัวยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ
ที่ผ่านมาเธอพยายามอย่างถึงที่สุดที่จะไม่ให้ลูคัสรับรู้ถึงการมีตัวตนของพ่อตัวเอง
หลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงประหนึ่งเป็นคำต้องห้าม
และบิลเองก็ไม่ได้รับรู้เช่นกันเรื่องที่เธอตั้งท้องหลังจากเขาถูกตำรวจจับ
แต่ในทันทีที่ทั้งสองฝ่ายยืนอยู่ตรงหน้ากันและกัน เธอรู้ว่าบิลต้องรู้แน่ เพราะลูคัสเหมือนเขายังกับแกะ
เหมือนมากเสียจนทำให้เธอกลัวที่จะมองหน้าลูกตัวเองบางครั้งเลยด้วยซ้ำ
และบิลไม่ใช่คนโง่ เขาย่อมปะติดปะต่อเรื่องราวได้ง่าย ๆ
และนั่นไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการให้เกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย ลูคัสไม่สมควรจะถูกลากเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องเลวร้ายเช่นนี้
ภายในใจของเธอกรีดร้องโหยหวน
กู่ก้องตะโกนให้ลูกชายหันหลังกลับไปซะ วิ่งออกไปจากบ้านนี้ให้ไว้ที่สุดอย่าได้หันหลังกลับมา
แต่ทุกอย่างกลับพลิกกลับตรงกันข้าม เมื่อลูคัสไม่ได้มีท่าทีตื่นตกใจกับการเห็นคนแปลกหน้าแล้วรีบหนีออกไปอย่างที่โดโลเรสคาดไว้
แต่เขากลับยิ้มกว้างก่อนจะตรงรี่เข้าไปกอดชายอายุมากกว่าอย่างสนิทสนม
โดโลเรสถลึงตามองสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไม่เชื่อสายตาแม้แต่น้อย
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะ?
“แม่ครับ” ลูคัสหันมามองหน้าเธอ
แล้วส่งเสียงเจื้อยแจ้วอย่างตื่นเต้น “นี่ไงฮะพี่ชายที่ผมบอก”
เพียงเท่านี้โดโลเรสก็เข้าใจอย่างกระจ่างแจ้ง
ทั้งหมดนี่ล้วนเป็นการวางแผนอย่างแนบเนียนของบิล เขารู้เรื่องราวทั้งหมดอยู่ก่อนตั้งแต่แรก
เขารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเธอ รวมไปถึงเรื่องลูกที่เกิดมาจากเขา และเขาเองก็อยู่รอบ
ๆ ตัวเธอและลูกมาตลอด โดยที่เธอไม่ได้รู้ตัวเลยสักนิดว่าฆาตกรที่เธอหวาดกลัวทุกลมหายใจอยู่ใกล้เพียงแค่เอื้อม
เฝ้ามองดูเธอไม่วางตา และหยอกเย้าเล่นกับลูกของเธอใกล้ชิด
หญิงสาวอดคิดไม่ได้ว่าสิ่งที่เธอเข้าใจมาตลอดว่าเป็นภาพหลอน แท้จริงแล้วอาจจะบิลตัวจริงมาตลอดก็เป็นได้
เขาอยู่ใกล้ตัวเธอเสมอ ถ้าเพียงแต่เธอใส่ใจกับสิ่งที่เห็นและใส่ใจกับสิ่งที่ลูคัสเล่าให้ฟังมากกว่านี้อีกนิด
บางทีจุดจบอาจจะไม่ต้องกลายมาเป็นแบบนี้ก็ได้
นี่เป็นความผิดพลาดที่โง่เง่าและไม่อาจให้อภัยได้เลย
“ลูคัส เข้าห้องไปซะ”
น้ำเสียงแข็งกร้าวจากผู้เป็นมารดาทำให้เด็กชายเริ่มรู้สึกกลัว
ตรงกันข้ามกับบิลที่ยกยิ้มคล้ายกับว่ารู้สึกสนุก ฝ่ามือใหญ่โอบไหล่ลูกของตัวเองเอาไว้
ก่อนจะมองไปที่โดโลเรสอย่างท้าทายอยู่ในที
“จะไม่ให้ฉันได้มีโอกาสแนะนำตัวหน่อยเหรอโดโลเรส? ไม่สิ..ต้องเรียกว่าคุณแม่สินะ”
“ไม่!”
โดโลเรสตวาดอย่างเหลืออด
และนั่นก็ทำให้เด็กชายวัยห้าขวบสะดุ้งโหยง ก่อนจะเบะปากราวกับจะร้องไห้
นั่นทำให้หญิงสาวที่กำลังโมโหในตอนแรกต้องใจหายวาบ เธอไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ลูคัสกลัวจนต้องร้องไห้ออกมาแบบนี้
หญิงสาวอยากจะเข้าไปปลอบลูกชายตัวเอง แต่ก็ตระหนักได้ว่าลูคัสกำลังยืนอยู่ข้าง ๆ
กันกับชายที่เธอหวาดกลัวมาตลอด ชายที่เธอไม่แม้แต่จะอยากเฉียดเข้าใกล้เสียด้วยซ้ำ
การเข้าไปหาลูกตัวเองจึงกลายเป็นเรื่องยากเย็นกว่าที่โดโลเรสคิดเอาไว้
เธอครุ่นคิดอย่างลังเล
แต่แล้วก็ตัดสินใจข่มความกลัวของตัวเองเอาไว้
ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ไม่อาจปล่อยให้บิลดึงลูคัสเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องราวทั้งหมดอย่างเด็ดขาด
และเธอก็ยินดีจะทำทุกอย่างให้ลูกชายของตัวเองปลอดภัยที่สุด หญิงสาวก้าวย่างเข้าไปหาลูคัสที่กำลังเสียขวัญจนน้ำตาคลอเบ้า
ก่อนจะคุกเข่าแล้วสวมกอดเด็กชายเอาไว้แน่น
โดโลเรสจูบขมับอีกฝ่ายแผ่วเบาอย่างปลอบโยน
แล้วตระหนักได้ว่าบางทีนี่อาจจะเป็นการจูบลาครั้งสุดท้ายของเธอกับลูกก็เป็นได้
“แม่อยากให้ลูกกลับไปห้องนอนตัวเอง
ล็อกประตูแล้วอยู่แต่ในห้อง ไม่ว่าจะได้ยินอะไรก็อย่าออกมาจนกว่าแม่จะไปหา
โอเคมั้ย?” หญิงสาวกระซิบข้างหูเด็กน้อย และพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่หลุดร้องไห้ออกมาให้เขาต้องเสียขวัญไปกันใหญ่
โชคดีที่ลูคัสยังคงเป็นเด็กที่ว่าง่าย
เขาพยักหน้ารวดเร็วก่อนจะออกไปจากห้องครัวทันที เหลือเพียงแค่เธอกับบิลตามลำพังเท่านั้น
ตลอดเวลาโดโลเรสไม่แม้แต่จะเหลือบมองไปที่บิลแต่อย่างใด
ถึงจะรู้ดีแก่ใจว่าเขายังคงจ้องเธออยู่ไม่วางตาก็ตาม เธอเพียงแค่มองดูลูกชายเงียบ
ๆ จนมั่นใจแล้วว่าลูคัสจากไปแล้วจริง ๆ หญิงสาวถึงจะค่อยขยับตัวอีกครั้ง ร่างเล็กเดินตรงไปที่โต๊ะไม้ที่ถูกทาสีขาวสะอาดตาที่ตั้งอยู่กลางห้องครัว
ที่จริงแล้วทุกอย่างในบ้านหลังนี้ล้วนสะอาดสะอ้านและเป็นระเบียบอยู่เสมอ
เพราะเธอชอบที่จะให้ทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของตัวเอง จนกระทั่งวันนี้ทุกอย่างได้อยู่เหนือการควบคุมของเธอไปแล้วอย่างสิ้นเชิง
ทั้งรอยเปื้อนน้ำบ้า ๆ ที่มีอยู่เต็มบ้าน ทั้งเรื่องของบิล
หรือแม้กระทั่งอาการสั่นเทาของขาที่ยังคงไม่หยุดสักที
ไม่มีอะไรที่เธอสามารถควบคุมได้อีกต่อไป โดโลเรสคิดอย่างเหนื่อยใจก่อนจะดึงเอาเก้าอี้สีเดียวกันกับโต๊ะออกมาแล้วนั่งลงอย่างสงบที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
เธอไม่อยากให้บิลรู้ว่าเธอกำลังเข่าอ่อนเสียจนไม่มีแรงจะยืนได้อีกต่อไปแล้ว
ไม่มีความจำเป็นต้องเอ่ยปากเชื้อเชิญ
บิลก็ตรงไปนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามโดยทันที
ทั้งคู่ถูกขวางกั้นไว้เพียงแค่โต๊ะขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ภายในห้องนี้
ปืนสีดำมะเมี่ยมถูกวางลงบนโต๊ะ โดโลเรสเหลือบมองมัน
เธอรู้ว่าเขาตั้งใจวางไว้เพื่อข่มขู่เธอ อย่าคิดตุกติกถ้ายังไม่อยากตาย
หากยังเป็นเมื่อก่อน
เธอคงมั่นใจว่าเขาไม่มีทางฆ่าเธอได้
แต่หลังจากการทรยศหักหลังครั้งสำคัญที่ส่งให้เขาต้องไปนอนในคุกหลายปี
เธอก็ไม่มั่นใจเสียแล้วว่าชายคนนี้จะยังเป็นบิลคนเดิมหรือเปล่า และเธอก็ไม่คิดจะคาดหวังอะไรกับฆาตกรโรคจิตหรอก
เพราะเขาทำได้ทุกอย่างที่ใครก็คาดไม่ถึงเสมอ ทั้งการฆ่าคนไปหลายศพ
การแหกคุกด้วยการแสร้งทำเป็นฆ่าตัวตาย หรือแม้กระทั่งการที่เขาโผล่มาที่บ้านของเธอวันนี้ก็ตาม
“เธอดูมีความสุขดีนี่” บิลพูดด้วยน้ำเสียงธรรมดาทั่วไป
เสมือนคนรู้จักที่ไม่ได้พบหน้ากันนานกำลังถามความเป็นอยู่ของอีกฝ่ายตามมารยาท
โดโลเรสนิ่งเงียบ มันเป็นการแสดงการขัดขืนเล็กน้อยเท่าที่เธอจะทำได้
แสดงออกว่าไม่ได้เต็มใจจะอยู่ในการสนทนาครั้งนี้แม้แต่น้อย
“มีลูก มีบ้าน มีงานทำ และมีแฟนใหม่” น้ำเสียงเปลี่ยนไปแล้ว มันฟังดูเย้ยหยันชอบกล “ดูไม่น่าเชื่อเลยว่าทั้งหมดนี่เป็นเธอ”
ถึงตรงนี้หญิงสาวก็ไม่อาจรักษาความสงบไว้ได้แล้ว
เผลอหลุดแสดงอาการสั่นไหวเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะความกลัว
แต่เป็นเพราะโดโลเรสพึ่งจะตระหนักได้ว่าดีแลนจะต้องกลับมาที่บ้านนี้ในอีกไม่นาน ชั่ววูบหนึ่งโดโลเรสรู้สึกเหมือนมีความหวังขึ้นมา
แต่ปืนกระบอกนั้นที่อยู่บนโต๊ะทำให้เธอหวั่นใจอีกครั้ง บิลไม่ใช่คนประมาท เขาฆ่าคนเป็นงานอดิเรกมาจนชำนาญเสียแล้ว
เพียงแค่ปืนกระบอกเดียวในมือฆาตกร ฆาตกรก็สามารถทำได้ทุกอย่าง
เธอจะรอความช่วยเหลือจากคนอื่นไม่ได้ เธอต้องช่วยเหลือตัวเองด้วย
“นานเท่าไรแล้วที่นายแอบดูฉัน”
เธอตัดสินใจยืดเวลาด้วยการยอมเข้าบทสนทนา
“ก็นานพอจะเห็นทุกอย่างนั่นแหละ” สีหน้าเขาเรียบเฉย
ชั่ววูบหนึ่งโดโลเรสรู้สึกเหมือนได้กลับไปเห็นเขาเมื่อก่อนอีกครั้ง
ชายที่เธอไม่อาจคาดเดาอะไรได้เลยผ่านสีหน้าเช่นนั้น “เห็นแม้กระทั่งตอนที่เธอเอากับมันด้วย”
เวรเอ๊ย! หญิงสาวนึกอยากจะเป็นบ้าเสียให้ได้ เมื่อรู้ว่าคืนนั่นมันไม่ใช่ภาพหลอนอย่างที่เข้าใจไปเอง
บิลยืนอยู่ตรงนั้นจริง ๆ อยู่ที่ริมหน้าต่างด้านนอกนั่น
กำลังมองเธอกับดีแลนที่กำลังมีเซ็กส์กัน
และสิ่งที่เธอทำก็คือการจ้องมองเขาอย่างไม่แยแส และยังท้าทายด้วยการครางให้เสียงดังเข้าไปอีก
ไม่แปลกใจเลยที่บิลเลือกจะแสดงตัวออกมาตอนนี้
เพราะเธอเป็นคนที่ทำให้เขาเกิดอาการเหลืออดขึ้นมา
เขาคงไม่ปล่อยให้เธอรอดไปได้เป็นครั้งที่สองแน่
และครั้งนี้ก็อาจจะรวมไปถึงดีแลนด้วย
เมื่อรู้ว่าอย่างไรก็เลี่ยงไม่ได้
โดโลเรสจึงเลือกที่จะยอมรับมัน หญิงสาวพยักหน้าเชื่องช้า ราวกับจำนนต่อหน้าเขา และจำนนต่อชะตากรรมที่จะเกิดขึ้น
“ฉันไม่ใช่โดโลเรสคนเดิมอีกต่อไปแล้ว
นายก็รู้ดีว่าเรื่องทั้งหมดมันเปลี่ยนไปตั้งนานแล้ว ตอนนี้ฉันมีลูก มีบ้าน มีงานทำ
และมีแฟนใหม่ นี่คือชีวิตใหม่ของฉัน”
คำพูดของเธอก็ทำให้คนที่อยู่ตรงข้ามหลุดหัวเราะเสียงเบาราวกับว่าสิ่งที่ได้ยินช่างเป็นเรื่องไร้สาระจนไม่น่าเชื่อว่าจะมีใครพูดออกมา
นิ้วยาวบรรจงหยิบปืนบนโต๊ะขึ้นมาอีกครั้ง ควงกระชับไว้ในมือ
ดวงตาสีดำจ้องเขม็งมาที่เธอ เธอเคยเห็นดวงตาแบบนี้มาก่อน ดวงตาของจ่าฝูง
“เธอคิดว่าทั้งหมดนี่เป็นจุดจบแล้วเหรอโดโลเรส
คิดว่านี่คือตอนที่แฮปปี้เอนดิ้งที่สุดเหรอ”
เขาหัวเราะอีกครั้ง คราวนี้มันฟังดูบ้าคลั่งเหมือนเสียงหัวเราะของปีศาจ
เสียงหัวเราะในแบบที่เธอได้ยินในวันแรกที่เขาจับเธอขังอยู่ในชั้นใต้ดิน “เรื่องนี้มันยังไม่จบง่าย ๆ หรอกที่รัก”
เธอควรจะรู้สึกกลัวหัวหดเมื่อตระหนักได้ถึงสิ่งที่เคยทำต่อตั้งแต่บัดนั้นมาจนบัดนี้
และรู้ว่าเขาพร้อมจะลั่นไกปืนปลิดชีวิตเธอได้ทุกขณะ เพื่อลงโทษให้สาสม
เพื่อแสดงว่าตัวเองเป็นจ่าฝูง แต่ตอนนี้โดโลเรสกลับสงบกว่าที่คิดไว้
เพราะแม้จะตั้งตัวไม่ติดไปบ้าง แต่ก็รู้ว่าสักวันหนึ่งเหตุการณ์ทำนองนี้จะต้องเกิดขึ้น
ใช่เธอรู้
ในส่วนลึกของจิตใจเธอรู้เรื่องนี้ดีอยู่แล้วนับตั้งแต่ตอนที่เห็นเขาถูกจับขึ้นรถตำรวจวันนั้นแล้ว
นั่นไม่ใช่จุดจบ นี่ต่างหากคือจุดจบ
นี่คือจุดจบแท้จริง นี่คือโศกนาฏกรรม
ช่วงเวลานั้นสายตาของหญิงสาวได้สบประสานกับคนตรงหน้า
บัดนี้เธอไร้ซึ่งความหวั่นเกรงต่อความมืดมิดในดวงตาคู่นั้นอย่างสิ้นเชิง ไม่มีสิ่งใดให้เธอหวาดกลัวอีกต่อไป
มันไม่ใช่การท้าทาย แต่เป็นการยอมรับต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้น ยอมรับต่อจุดจบที่มาถึง
“งั้นก็ลงมือเลยสิ ฆ่าฉันซะ”
เกิดความเงียบพักใหญ่ถัดจากนั้น ไม่มีการสนทนาอะไรต่อกัน
นอกจากสายตาของคนทั้งคู่ที่ทดแทนคำพูดนับร้อยพัน จู่ ๆ สีหน้าของชายหนุ่มคล้ายกับว่าจะสับสน
ก่อนที่มันจะกลายมาเป็นความว่างเปล่า ดวงตาสีดำคู่นั่นกำลังเหม่อลอย
มีบางสิ่งบางอย่างกำลังอยู่ในความคิดของเขา พัวพันยุ่งเหยิงเหมือนกับสายหูฟังที่ถูกยัดลวก
ๆ ใส่กระเป๋า และเขาก็พยายามอย่างหนักที่จะแก้ปมเงื่อนเหล่านั้นออก
และในชั่วขณะที่ปมนั้นได้หลุดจากกัน บิลก็กลับมาเหมือนเดิมอีกครั้งหนึ่ง
“ว้าว
เธอทำให้ฉันประหลาดใจได้เสมอเลยนะ” เขาลดปืนลง
แต่ยังไม่ยอมปล่อยมัน รอยยิ้มคาดเดาไม่ได้พาดผ่านบนใบหน้าชั่วครู่
และโดโลเรสก็ไม่ชอบรอยยิ้มแบบนั้นเสียเลย “แต่เธอก็รู้นี่น่าว่าฉันฆ่าเธอไม่ได้”
แน่นอนว่าเธอย่อมรู้สาเหตุนั้นเป็นอย่างดี
อันที่จริงต้องเรียกว่าจดจำได้อย่างแม่นยำเลยด้วยซ้ำ
แต่เพราะว่าตั้งตัวไม่ทันกับการแสดงออกของอีกฝ่าย โดโลเรสจึงเอ่ยออกไปโดยไม่รู้ตัว
“ทำไม?”
“ฉันมาที่นี่เพื่อที่จะมารับเธอ”
คราวนี้บิลลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
เงาร่างใหญ่โตของชายหนุ่มยืนค้ำหัวพาให้เธอรู้สึกเหมือนตัวเองเล็กจ้อยนิดเดียว “เราจะหนีไปด้วยกัน”
“ไม่”
หญิงสาวส่ายหน้าฉับพลัน ก่อนจะลุกขึ้นบ้างแล้วถอยห่างจากอีกฝ่าย ความตื่นตกใจฉายชัดในสีหน้าเมื่อตระหนักได้ว่าสิ่งที่เขาต้องการคืออะไร
เขากำลังจะพาเธอกลับไปลงนรกอีกครั้ง
นรกที่เธอพยายามแทบตายในการหลีกหนีออกมา
“อย่าทำให้มันเป็นเรื่องยากไปหน่อยเลยน่าโดโลเรส”
ใช้เวลาเพียงครู่เดียว
ชายหนุ่มอ้อมผ่านโต๊ะตรงมาที่เธออย่างง่ายดาย โดโลเรสยังคงถอยหนีอย่างลนลาน
จนกระทั่งแผ่นหลังชนเข้ากับกำแพงห้องครัว ไม่มีหนทางให้หลบหนีต่อไปแล้ว
และในตอนนั้นเองที่ร่างสูงใหญ่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ
จดจ้องเธอประหนึ่งเป็นลูกไก่ในกำมือ
“ฉันรักเธอ
และฉันรู้ว่าเธอก็รักฉัน เราจะหนีไปด้วยกัน ไปอยู่ในที่ที่เราสามารถรักกันได้โดยไม่ต้องมีใครขัดขวาง
ไปสร้างครอบครัวใหม่ ทั้งเธอ ทั้งฉัน และก็ลูกด้วย”
“ฉันทำแบบนั้นไม่ได้” จบประโยคนี้เสียงสะอื้นก็หลุดมาจากลำคอ แต่โดโลเรสก็แข็งใจกลั้นเอาไว้
พยายามอย่างที่จะควบคุมสติอารมณ์อันอ่อนไหวของตัวเองในเวลานี้ ไม่
จะร้องไห้ตอนนี้ไม่ได้เด็ดขาด เขากำลังล่อลวงเธอ
และเธอจะให้ปีศาจชนะไม่ได้ “ฉันไม่ได้รักนาย”
บิลไม่ได้ดูผิดหวังกับคำตอบ
ตรงกันข้ามชายหนุ่มเผยรอยยิ้มออกมาอีกครั้ง
มันเป็นเหมือนรอยยิ้มของผู้ใหญ่ที่กำลังเอ็นดูเด็กคนหนึ่ง “เธอแน่ใจแล้วเหรอโดโลเรส”
เธออยากจะตอบคำถามนั้นด้วยการตะโกนใส่หน้าเขาว่าแน่ใจเสียยิ่งกว่าอะไรดี
เธอไม่มีทางรักคนสารเลวอย่างเขาได้ลงหรอก ใช่ เธออยากพูดอย่างนั้นเหลือเกิน
แต่เหมือนมีอะไรบางอย่างจุกอยู่ที่คอ อุดในหลอดลม
ปิดกั้นความคิดไปถึงความคิดในสมอง ไม่ปล่อยให้เธอได้ส่งคำพูดออกไปได้
โดโลเรสรู้ว่าเธอกำลังลังเลที่จะตอบคำถามของเขา
“เธอยังรักฉันไหม?”
เขาพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบงันอันน่าอึดอัด
ดวงตาสีดำสนิทคู่นั้นเหมือนกับดวงตาของซาตานที่กำลังจ้องมองราวกับเธอเป็นลูกแกะตัวน้อย
ๆ แต่ท่ามกลางสีสันแห่งความมืดมนอันไร้ที่สิ้นสุดในตาของเขา
เธอสัมผัสได้ถึงความรู้สึกบางอย่างที่แฝงอยู่ในนั้น
เป็นความรู้สึกอันลึกลับของเขาที่เธอไม่เคยเข้าใจได้เลยตลอดหลายปีที่ผ่านมา
เธอเลือกที่จะหลบตาเขา ไม่ใช่เพราะความหวาดกลัว
แต่เพราะเธอกำลังสับสน
ว่าที่ผ่านมาสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับเธอเป็นความรักจริง ๆ หรือมันเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา
เหมือนสายลมอ่อน ๆ
ในยามฤดูร้อนที่พัดผ่านมาเพียงครู่เดียวแล้วเลือนหายไปทิ้งไว้เพียงความหนาวเหน็บที่ทรมาน
บางทีพระเจ้าอาจจะอยากลงโทษเธอกับบาปที่เคยกระทำด้วยการส่งปีศาจตัวนี้เข้ามาในชีวิตของเธอก็ได้
หลังจากเผชิญกับความเลวร้ายทั้งหลายที่เขาได้เคยกระทำกับเธอ
หลายครั้งที่เธอต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาในยามดึกจากฝันร้ายที่ตามหลอกหลอนด้วยความรู้สึกที่ผสมปนเปจนแยกไม่ออกว่ารู้สึกอย่างไรกันแน่
จนทำให้ต้องตั้งคำถามกับตัวเองในใจว่า เธอยังรักเขาหรือว่าเกลียดเขากันแน่?
แต่เธอก็ไม่เคยให้คำตอบกับตัวเองได้เลยสักครั้ง
เธอหลับตาลง
คิดคำนึงถึงช่วงเวลาอันงดงามก่อนหน้านี้
ช่วงเวลาก่อนที่ชีวิตของเธอจะเข้าสู่ความทุกข์ทรมานแสนสาหัส
ช่วงเวลาที่ได้พบเจอกับเขาครั้งแรก มันเนิ่นนานจนเธอหลงลืมมันไปหมดแล้ว
บางทีการนึกถึงอีกครั้งอาจทำให้เธอเข้าใจได้สักทีว่าภายในใจของเธอนั้นรู้สึกอย่างไรกันแน่
ทุกเรื่องราวล้วนแจ่มชัดในก้นบึ้งแห่งความทรงจำ
ไม่เคยถูกลบเลือนแม้จะพยายามมากแค่ไหนก็ตาม และกำลังไหลย้อนกลับไปสู่จุดเริ่มต้น
ก่อนจะเผยส่วนออกมาทีละอย่างเหมือนรูปถ่ายในกล้องฟิล์ม เหตุการณ์ตั้งแต่วันแรกที่ได้พบเจอ
ตั้งแต่ที่ได้พูดคุย ตั้งแต่ที่ได้จูบกัน ตั้งแต่ที่ได้เป็นแฟน
เป็นความทรงจำของรักครั้งแรกที่งดงามเหมือนความฝัน
ก่อนที่ทุกอย่างจะดิ่งลงสู่เหวนรก ในวันที่เธอรู้ว่าเขาคือฆาตกร
ในวันที่เขาฆ่าคนทั้งโรงเรียน ในวันที่เขาขังเธอเอาไว้ที่ชั้นใต้ดิน
เธอสมควรจะเกลียดชังเขากับทุกสิ่งที่เขาได้ทำลงไป
และสาบานต่อพระเจ้าได้—เธอพยายามอยู่เสมอที่จะเกลียดเขา
เฝ้าตอกย้ำกับตัวเองทั้งทางความคิดและการกระทำตลอดเวลา
เพื่อให้ตัวเองรู้สึกดีที่ได้แสดงออกว่าเกลียดชังและขยะแขยงคนสารเลวอย่างเขามากมาย
เหมือนกับที่คนทั่วไปควรจะเป็นเมื่อได้เจอเหตุการณ์เลวร้ายเช่นเธอ
แม้ที่จริงแล้วมันจะเป็นเพียงการปกป้องตัวเองจากความจริงที่เธอรู้ดีแก่ใจมาตลอด
แต่ไม่เคยคิดจะยอมรับมัน
...เธอรักเขา
ดวงตาสีดำสนิทคู่นั่นยังคงจ้องมองมาที่เธอ ดวงตาที่เหมือนกับล้วงลึกเข้าไปถึงข้างในจิตใจของเธอ รอยยิ้มยังคงประดับอยู่บนใบหน้าเขา เพราะเขารู้คำตอบทั้งหมดดีอยู่โดยไม่จำเป็นต้องให้เธอเอ่ยปาก
และในอีกไม่ช้าเธอก็กำลังจะยอมแพ้ต่อปีศาจอีกครั้งหนึ่งแล้ว
เสียงความเคลื่อนไหวดังแผ่วเบาจากประตูบ้าน
และนั่นก็เพียงพอที่จะทำให้โดโลเรสได้สติกลับคืนมาอีกครั้ง ก่อนจะตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่าตอนนี้ดีแลนกลับมาถึงบ้าน
เธอเรียนรู้ในเสี้ยววินาทีนั้นว่านี่เป็นโอกาสเดียวที่เธอมี
โอกาสที่จะเอาตัวรอดไปจากบิล และทันทีที่คิดได้หญิงสาวก็ใช้ทีเผลอรีบผลักชายหนุ่มตรงหน้าออกไปทันที
ก่อนจะวิ่งสุดฝีเท้าไปที่ประตูหน้าบ้าน หนีไปให้พ้นจากปีศาจ หนีให้พ้นจากขุมนรก
บานประตูเปิดอ้าออก เธอมองเห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจของดีแลนเบื้องหลังประตูนั้น โดโลเรสพยายามอย่างมากที่จะร้องบอกถึงอันตรายภายในบ้านกับอีกฝ่าย แต่ดูเหมือนทุกอย่างรอบตัวเชื่องช้าเหลือเกิน ประหนึ่งเทปเสียงที่ถูกกรอฟังซ้ำไปซ้ำมาจนยืดยาดฟังไม่ได้ศัพท์ เธอไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงจากปากตัวเองด้วยซ้ำ สิ่งที่ได้ยินมีเพียงแค่เสียงอื้ออึงที่ดังอยู่ในหู
จนกระทั่งเสียง ‘ปัง!’ ดังขึ้น
_____________________
ความคิดเห็น