ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Sweet Serial Killer.

    ลำดับตอนที่ #26 : Get Lost

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.27K
      119
      31 ต.ค. 62





    ไปแล้วนะคะ


    หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้ากลับมาเป็นชุดธรรมดาเรียบร้อยแล้ว โดโลเรสตะโกนบอกลาบรรดาพ่อครัวและพนักงานเสิร์ฟคนอื่นตามมารยาท ก่อนจะออกมาจากทางหลังร้าน ฟ้ามืดสนิทอย่างหมดจด และอากาศยามค่ำก็เย็นกว่าที่คิดเอาไว้ แต่ส่วนใหญ่แล้วทุกอย่างไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลง สิ่งเดียวที่เปลี่ยนไปก็เป็นแค่ความกังวลในใจเท่านั้น


    โดโลเรสไม่เคยกลัวความมืดจากโลกภายนอก แสงไฟจากไดเนอร์ที่ส่องสว่างตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงและผู้คนที่เข้าออกอยู่เสมอทำให้เธอแทบไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับการต้องเดินกลับบ้านเพียงลำพังเลยสักนิด แต่วันนี้มันต่างออกไป แม้ว่าไฟจะสว่างแค่ไหน แม้ว่าคนจะมากมายเท่าไร ความมืดที่อยู่ห่างไกลสุดชายขอบถนนก็ดูจะหลอนประสาทเธอได้อย่างไม่น่าเชื่อ


    เป็นเรื่องยากเหลือเกินที่จะไม่นึกถึงดวงตาสีดำคู่นั้น ดำสนิทไม่แพ้ความมืดในเวลานี้ ดวงตาที่อาจกำลังจ้องมองเธออยู่จากอีกฟากของถนน ใกล้แค่เอื้อม ใกล้เพียงไม่กี่ช่วงลมหายใจ


    น่าแปลกที่ค่ำคืนนี้ดูเงียบผิดปกติ ราวกับคนหลีกหายไปพร้อมกับดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า หลงเหลือเพียงแค่เธอที่กำลังเดินอยู่ริมถนนเท่านั้น ฝีเท้าก้าวเร็วขึ้นอย่างไม่รู้ตัว พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่จ้องมองไปยังความมืดที่รายล้อมอยู่รอบตัว


    ในตอนนั้นเองหญิงสาวก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้น...


    ตอนแรกโดโลเรสคิดว่ามันเป็นเสียงฝีเท้าของเธอเอง แต่เพียงไม่นานเธอก็รู้ว่ามันไม่ใช่ จังหวะก้าวเดินที่ไม่สม่ำเสมอแตกต่างจากการเดินของเธออย่างเห็นได้ชัด และเสียงนั้นก็ดังมาจากด้านหลังนี่เอง ชั่วขณะนั้นหญิงสาวรู้สึกหนาวยะเยือกไปทั้งร่างกายตั้งแต่หัวจรดเท้า ไม่กล้าแม้แต่จะชายตามองไปทางข้างหลังตัวเอง กลัวเหลือเกินว่าหากหันไปมองอาจจะได้พบเจอกับสิ่งที่ไม่อยากเจอมากที่สุด


    บูกี้แมน


    นี่เป็นเรื่องที่ผิดปกติอย่างยิ่งยวด สัญชาตญาณบอกให้เธอเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นไปอีก แต่เสียงฝีเท้าจากข้างหลังก็ยังคงตามติดอย่างไม่ลดละ ไม่ว่าจะก้าวไปไวแค่ไหน มันก็ยังไม่หายไปไหน ยังคงตามติดเธอไปทุกหนทุกแห่งที่เธอก้าวเดิน และนั่นก็ยิ่งเพิ่มความหวาดกลัวให้กับเธอมากขึ้นเท่าทวี จนไม่อาจควบคุมกิริยาไว้ได้อีกต่อไป


    ต้องหนี หนีเท่านั้น ก่อนที่มันจะมา


    หญิงสาวเปลี่ยนจากการก้าวขาเป็นการวิ่งอย่างสุดฝีเท้า ไม่สนสิ่งใดรอบข้างอีกแล้ว นาทีนี้สิ่งที่เธอสนใจมากที่สุดคือการหนีไปให้พ้นจากมันให้ได้ โดโลเรสตัดสินใจเหล่มองไปรอบกาย หวังจะมองหาใครสักคนที่พอจะช่วยเหลือเธอได้ แต่สิ่งที่พบก็มีแค่แสงไฟและความมืดเท่านั้น


    ในชั่วพริบตาเมื่อสายตามองข้ามไปยังอีกฟากของถนนทางหลวง โดโลเรสก็แทบหยุดหายใจเมื่อมองเห็นบางสิ่งที่คล้ายกับว่าเป็นดวงตากำลังมองกลับมาที่เธอเช่นกัน มันแทบจะกลมกลืนไปกับความมืด แต่ก็ยังมองเห็นได้แจ่มชัดในมโนสำนึก...


    เฮ้ย!”


    การโฟกัสไปที่จุดใดจุดหนึ่งในระหว่างการวิ่งไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ โดโลเรสพึ่งจะตระหนักได้ถึงข้อนี้ก็ตอนที่เธอเผลอชนเข้ากับใครบางคนเข้าที่เต็มที่พร้อมกับเสียงอุทานอย่างตกใจจากบุคคลผู้โชคร้าย อันที่จริงหญิงสาวควรจะต้องล้มคะมำคว่ำหน้าไปกับพื้นแล้วด้วยซ้ำถ้าหากไม่ได้ผู้โชคร้ายคนนั้นคว้าตัวเอาไว้เสียก่อน


    และก็ดูเหมือนเรี่ยวแรงทั้งหมดสูญหายไปพร้อมกับสติสตังอย่างกะทันหัน โดโลเรสกอดรั้งคน ๆ นั้นไว้อย่างแน่นหนาเสมือนหนึ่งคนกำลังจมหน้าที่ต้องไขว่คว้าหาบางสิ่งยึดเหนี่ยวเพื่อยื้อชีวิตไว้ เธอเกือบจะสะอื้นไห้ออกมาด้วยซ้ำหากไม่ได้ยินเสียงของอีกฝ่ายเข้ามาเรียกสติที่กำลังเตลิดเอาไว้เสียก่อน


    เฮ้ ๆ คุณโอเคหรือเปล่า เป็นอะไรไหม


    เสียงทุ้มอันคุ้นเคยฉุดดึงให้หญิงสาวต้องรีบผละออกจากอีกฝ่าย ก่อนจะพบว่าคนที่เธอพึ่งวิ่งชนไปเป็นนายตำรวจคนเดียวกับที่ชวนเธอคุยที่ไดเนอร์เมื่อเย็นวันนี้ และเขาเองก็ดูประหลาดใจไม่น้อยที่เห็นเธอเป็นคนวิ่งชนเขา คุณวินสตัน? แปลกใจจริงที่เจอคุณตรงนี้ ว่าแต่วิ่งหนีอะไรมาถึงได้หน้าตาตื่นแบบนี้ล่ะ


    ฉัน... โดโลเรสไม่รู้จะพูดยังไงกับสิ่งที่เห็นและได้ยินมาเมื่อสักครู่นี้ เธอรีบหันกลับไปมองด้านหลังเผื่อจะได้พบกับตัวต้นเหตุ แต่ก็ไม่มีสิ่งใดอยู่ข้างหลังเลย ทุกอย่างสงบประหนึ่งว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น สงบจนไม่น่าเชื่อว่าก่อนหน้านี้จะมีบางสิ่งวิ่งไล่ตามหลังเธออยู่


    แน่นอนว่าความหวาดหวั่นอันผิดปกติของคนตรงหน้าไม่อาจรอดพ้นสายตาของตำรวจหนุ่มไปได้ เขาจึงชะโงกหน้ามองตามสายตาของเธอ ก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อไม่เห็นสิ่งใดที่แปลกประหลาด มีอะไรเกิดขึ้นเหรอ? คุณบอกผมได้นะ


    ไม่มีอะไรหรอก โดโลเรสตัดสินใจปฏิเสธไปก่อน การพูดอะไรแปลก ๆ โดยไม่มีหลักฐานรั้งแต่จะทำให้คนอื่นมองว่าบ้า ซึ่งเธอก็ไม่อยากให้คนที่ไม่รู้จักมองเธอด้วยความรู้สึกเช่นนั้นหรอก แล้วคุณมาทำอะไรแถวนี้เหรอ” หญิงสาวกล่าวอย่างสงสัยเพราะการเจอกันสองครั้งในวันเดียวดูจะเป็นความบังเอิญที่แปลก ๆ พิกล


    ผมก็แค่กำลังจะเข้าบ้านตัวเอง จนกระทั่งเห็นคุณวิ่งหน้าตาตื่นมานี่แหละ เขาชี้ไปยังบ้านหลังเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ตรงหน้า นี่คงเป็นเรื่องบังเอิญครั้งที่สามที่โดโลเรสพึ่งได้รู้ว่านายตำรวจคนนี้อาศัยอยู่ในละแวกใกล้ ๆ บ้านเธอนี่เอง อาจเป็นเพราะเธอไม่ได้ให้ความสนใจกับคนรอบ ๆ ตัวมากนักจนไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีใครอยู่แถวนี้บ้าง ฉะนั้นเรื่องบังเอิญนี้จึงไม่ได้สร้างความแปลกใจมากเท่าไรนัก ตรงกันข้ามเธอกลับรู้สึกโล่งอกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูกที่รู้ว่ามีตำรวจอยู่ใกล้ ๆ เช่นนี้ ความกลัวในตอนแรกดูจะบรรเทาเบาบางลงไปได้มากโขจนต้องถอนหายใจออกมา


    ว่าแต่คุณไม่เป็นอะไรแน่นะ มีอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่า” เขาถามย้ำเมื่อเห็นว่าเธอเงียบไปนาน และโดโลเรสก็ตอบกลับด้วยการส่ายหน้า


    ฉันไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ ขอบคุณที่เป็นห่วงนะคะ โดโลเรสเหล่มองรอบตัวอีกครั้งหนึ่งอย่างระแวงนิด ๆ อันที่จริงเธออยากจะไหว้วานให้คุณตำรวจเดินไปส่งที่บ้านด้วยซ้ำ แต่ก็ตระหนักได้ว่าเธอกับเขาไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัวเลย แค่ไปวิ่งชนใส่ก็นับว่าน่าอับอายมากพอแล้ว จะให้ขอให้เดินไปส่งก็ดูจะเป็นการร้องขอที่มากไปนิด อีกอย่างบ้านของเธอก็อยู่ไม่ไกลเท่าไรนัก แค่เดินไปอีกเพียงแค่นิดเดียวก็ถึงแล้ว ต้องขอตัวนะคะ ฉันคิดว่าลูกฉันกำลังรออยู่ที่บ้านแล้วล่ะค่ะ


    หญิงสาวส่งรอยยิ้มพิมพ์ใจให้อีกครั้งก่อนจะเดินออกไป ทิ้งความสงสัยไว้ภายในใจของตำรวจหนุ่ม ดีแลน คูเปอร์ไม่ใคร่จะเชื่อคำพูดของหล่อนเท่าไรนัก แต่เมื่ออีกฝ่ายยืนยันเช่นนั้นเขาก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี ได้แต่มองร่างเล็กที่เร่งฝีเท้าจากไปอย่างร้อนรนผิดปกติด้วยความสงสัยและแปลกใจเท่านั้น



    ...........................



    คนส่วนใหญ่มักจะกินกาแฟกันในยามเช้า แต่โดโลเรสเลือกที่จะต้อนรับเช้าวันใหม่ด้วยกระเดือกจินอึกใหญ่ลงคอ ความร้อนแล่นปราดผ่านลำคอตรงสู่กระเพาะและกระจายเข้าสู่สายเลือด ช่วยสู้กับอากาศหนาวเย็นในช่วงฤดูใบไม้ร่วงได้เป็นอย่างดี


    ไอเบิร์ตนั่งอยู่อีกฝั่งของโต๊ะกินข้าว หญิงสาวยื่นขวดจินให้ แต่เขาก็ส่ายหน้า แววตาดูเหนื่อยหน่ายเล็กน้อย โดโลเรสไม่รู้ว่าความเหนื่อยหน่ายที่เห็นนั้นเกิดมาจากการเดินทางไกลหรือเกิดจากการได้มาเห็นสภาพที่ย่ำแย่หดหู่ของเธออีกครั้งในเวลานี้


    นี่ยังเช้าอยู่เลยนะ ผู้เป็นหมอกล่าวเสียงเข้ม ปกติคุณกินเหล้าทั้งวันทั้งคืนเลยหรือไงกัน


    นี่คงเป็นโอกาสพิเศษ หญิงสาวบอกด้วยน้ำเสียงขมขื่น แต่แว่วเสียงหัวเราะเบา ๆ หลุดออกมาจากริมฝีปากเล็ก ไอเบิร์ตรู้ดีว่าหล่อนประชด และเขาก็รู้ว่าปริมาณการกินเหล้าของโดโลเรสเพิ่มขึ้นตามสภาวะความเครียดเสมอ ซึ่งไม่ต้องบอกก็รู้ว่ายามนี้อีกฝ่ายเครียดมากแค่ไหนถึงต้องกระดกเหล้าตั้งแต่เช้าแบบนี้


    และนี่ก็เป็นเหตุผลที่ทำให้เขาต้องถ่อมาถึงบ้านของอีกฝ่ายตั้งแต่เช้าแบบนี้เช่นกัน


    เธอบอกว่ามีเรื่องจะคุยกับฉัน เธอมีปัญหาอะไรหรือเปล่าโดโลเรส


    หญิงสาวเจ้าของชื่อดื่มจินรวดเดียวหมดแก้วแล้วกระแทกวางลงบนโต๊ะ ก่อนที่สายตาจะเหม่อมองออกไปข้างนอกหน้าต่าง ฟ้าสว่างทำให้อะไร ๆ ก็ดูสดใสไปเสียหมด ต่างจากตอนกลางคืนอย่างถนัดตา เธอนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เมื่อสามวันที่แล้ว ทั้งที่พึ่งผ่านไปได้แค่สามวันเท่านั้นแต่กลับดูเหมือนผ่านไปแล้วสักสามสิบปีในความรู้สึกของเธอ เป็นเวลาที่เนิ่นนาน น่าอึดอัด และชวนให้ประสาทเสียสุด ๆ


    เธอจำเสียงฝีเท้าที่ไล่ตามหลังมาได้อย่างชัดเจน จำดวงตาที่เห็นในเงามืดริมถนนได้เป็นอย่างดี ความกลัวก็จู่โจมใส่เธอจนแทบหัวใจจะวาย แล้วมันก็เริ่มแผ่ขยายเข้าครอบงำจิตใจอันอ่อนแอของเธออย่างสมบูรณ์แบบ แม้จะไม่เห็นหน้าค่าตาที่ชัดเจนแต่หญิงสาวรู้ว่าสิ่งที่เห็นคืออะไรกันแน่


    เมื่อสามวันที่แล้วฉันได้ยินเสียงคนเดินตามหลังฉัน แล้วก็เห็นสายตาของใครคนหนึ่งมองฉันจากอีกฟากของถนน ฉันกลัวแทบบ้า วิ่งหนีไม่คิดชีวิต โชคดีที่อย่างน้อยก็ได้เจอคนอื่นเข้าพอดี ฉันเลยยังสามารถกลับมาบ้านได้อย่างปกติ...


    คนตัวเล็กหายใจติดขัดเล็กน้อยเมื่อว่าคิดจำเป็นต้องพูดประโยคนี้ ฉะ..ฉันคิดว่านั่นคือบิล


    ไอเบิร์ตชะงักจนสังเกตได้ นั่นเป็นชื่อที่เขาไม่ได้ยินมานานแล้วจากปากโดโลเรสนับตั้งแต่ที่หล่อนให้กำเนิดลูกชายของตัวเอง ซึ่งหญิงสาวมักจะเรียกคน ๆ นั้นด้วยคำว่า เขา หรือไม่ก็ มัน เสียมากกว่า ประดุจว่าการเอ่ยนามคนผู้นั้นเป็นเรื่องผิดบาปที่ไม่น่าให้อภัยอย่างยิ่ง การกล้าเอ่ยชื่ออย่างชัดเจนของหล่อนในครั้งนี้เสมือนแสดงถึงความมั่นใจอยู่กลาย ๆ ว่าสิ่งที่ได้เห็นสามวันก่อนหน้านี้ย่อมเป็นคน ๆ นั้นไม่ผิดแน่


    แต่ประสบการณ์อันยาวนานในฐานะจิตแพทย์ทำให้ชายวัยกลางคนดูจะไม่เชื่ออะไรง่าย ๆ โดยเฉพาะคำพูดจาปากของอดีตคนไข้ตัวเอง คุณแน่ใจเหรอว่าคนที่คุณเห็นคือบิลจริง ๆ คุณได้เห็นหน้าของเขาหรือเปล่า


    โดโลเรสอึกอัก เพราะอันที่จริงเธอไม่ได้เห็นหน้าของเขาชัดเจน มีเพียงดวงตาเท่านั้นที่ฉายเด่นในความมืดเหมือนสัตว์ป่า และช่วงเวลาฉุกละหุกที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความกลัวก็ทำให้เธอไม่สามารถหยุดวิ่งและวิเคราะห์ได้อย่างถี่ถ้วนว่ามันคืออะไรกันแน่ ถึงอย่างนั้นจิตใต้สำนึกของหญิงสาวกลับย้ำเตือนอย่างหนักแน่นว่าสิ่งที่เห็นย่อมเป็นบิลไม่ผิดแน่


    ฉันไม่เห็นหน้าเขา แต่ฉันมั่นใจว่าเป็นเขา


    เมื่ออีกฝ่ายยังยืนยันเช่นนั้น ไอเบิร์ตจึงพยักหน้าแผ่วเบา เขาดูลังเลที่จะเอ่ยปากพูด ซึ่งมักจะเป็นแบบนี้เสมอเวลาที่อยู่ต่อหน้าโดโลเรส หญิงสาวนึกรำคาญใจจนต้องเป็นฝ่ายพูดออกมาก่อน คุณคิดว่ายังไงก็พูดออกมาเถอะน่า


    เมื่อโดนเร่งรัดเช่นนี้ ชายวัยกลางคนจึงถอนหายใจก่อนจะยอมเปิดปากจนได้ เธอบอกว่าได้ยินเสียงคนเดินตาม และเห็นสายตาของคนที่มองเธอตรงถนนอีกฝั่งใช่ไหม?”


    โดโลเรสพยักหน้าแทนคำตอบ


    โอเค ฉันอยากให้เธอคิดตามฉันนะ มันจะเป็นไปได้ยังไงที่บิลจะเดินตามเธอในขณะที่ยืนมองเธอตรงอีกฝั่งของถนนไปด้วยได้” พูดถึงตรงนี้ผู้เป็นจิตแพทย์ก็ส่ายหน้าช้า ๆ ฉันไม่คิดว่ามันจะเป็นไปได้นะ


    คุณจะบอกว่าฉันคิดไปเองอย่างนั้นเหรอ?”


    หล่อนอาจกำลังหงุดหงิดอยู่ ไอเบิร์ตย่อมรู้ดีในฐานะจิตแพทย์


    มันมีความเป็นไปได้สองอย่าง หนึ่งคือมีบางสิ่งตามเธอจริง แต่นั่นไม่ใช่บิล อาจจะเป็นเสียงของสัตว์ และตาที่เห็นก็อาจจะเป็นตาของสัตว์เช่นกัน แถวนี้มีป่าเยอะ ไม่แปลกที่จะมีสัตว์หลงมาป้วนเปี้ยนตรงที่อยู่มนุษย์บ้าง เขาเหล่มองดูท่าทีของคนตรงข้ามก่อนจะพูดต่อ อย่างที่สอง ก็อย่างที่เธอบอกนั่นแหละ มันเป็นภาพหลอนที่เธอสร้างขึ้นเอง เกิดจากความเครียดของเธอเกี่ยวกับข่าวของบิล หวาดระแวงจนสร้างภาพหลอน คิดไปเองว่าบิลตามเธออยู่ ทั้งที่จริงไม่ใช่ เธอย่อมรู้เรื่องนี้ดีที่สุดเพราะเธอเจอมันตลอดอยู่แล้วไม่ใช่เหรอโดโลเรส


    โดโลเรสจนด้วยคำพูด ไม่อาจเถียงอะไรต่อไปได้ หมอไอเบิร์ตกล่าวถูกต้อง เธอเคยเผชิญปัญหากับภาพหลอนของบิลที่ตามหลอกหลอนเธอมาหลายปีแล้ว บางทีนี่อาจจะเป็นอีกแค่ภาพหลอนอีกครั้งหนึ่ง เป็นจิตปรุงแต่งที่นึกไปเองเพราะเอาแต่คิดวนเวียนถึงข่าวที่ว่าบิลหนีออกจากคุก เธอกลัวอยู่เสมอว่าบิลจะมาแก้แค้น เมื่อมีอะไรผิดแปลกเกิดขึ้นก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่คิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นคือบิล


    แม้จะคิดเช่นนั้น แต่อีกใจของเธอกลับบอกว่าสิ่งที่เธอเห็นและคิดก่อนหน้านั้นคือความจริงไม่ใช่ภาพหลอน นั่นเป็นบิลแน่นอน เขาอยู่ในเมืองนี้ ตอนนี้ และเวลานี้ ซึ่งกำลังหาโอกาสโจมตีเธอในระยะเวลาที่เหมาะสม หากเธอไม่ระมัดระวังให้ดี ก็จะต้องตกเป็นเหยื่อของเขาอีกครั้งหนึ่งไม่ต่างอะไรกับที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว


    ความสับสนที่ฉาบชัดบนใบหน้าเล็กล้วนตกอยู่ในสายตาของไอเบิร์ตทั้งสิ้น เขาคาดการณ์เอาไว้อยู่แล้วว่าหล่อนคงไม่ปักใจเชื่อถือเขาร้อยเปอร์เซ็นต์ ชายวัยกลางคนหยิบสิ่งที่เตรียมไว้ขึ้นมาวางบนโต๊ะ มันเป็นซองยาสามถุงที่ถูกบรรจุไว้ด้วยยาเม็ดสีสดใส เป็นสิ่งที่เขาเตรียมไว้ให้โดโลเรสตั้งแต่ก่อนที่จะมาที่นี่เสียอีก เพราะเขารู้ดีว่าหญิงสาวจำเป็นต้องใช้มัน


    ฉันรู้ว่าเธอกำลังเครียด ฉันเลยเตรียมยามาให้เธอ ฉันคิดว่ามันคงน่าจะช่วยเธอได้นะ


    ยากล่อมประสาท ยาคลายเครียด และยานอนหลับ โดโลเรสรู้จักมันดีเสียยิ่งกว่าอะไร เพราะมันเป็นสิ่งที่เธอต้องกินประจำอยู่แล้วในช่วงที่รักษาตัวในสถานบำบัดจิต พลันหญิงสาวก็เกิดความคิดขึ้นมาว่าบางทีเธอควรจะขอร้องหมอไอเบิร์ตให้พาเธอกลับไปอยู่ในสถานบำบัดจิตอีกครั้ง เผื่อจะช่วยให้อะไร ๆ ที่เป็นอยู่ดีขึ้นมาบ้าง แต่เมื่อนึกว่าต้องกลับที่อยู่ที่เมืองเดิม เมืองที่เต็มไปด้วยความทรงจำเลวร้าย และมีความเสี่ยงสูงมากที่บิลอาจจะตามเธอเจอได้ที่นั่น เพราะมันเป็นเพียงสถานที่ไม่กี่แห่งที่เธอเคยใช้ชีวิตอยู่ในช่วงวัยรุ่น นั่นคงจะไม่ใช่การตัดสินใจที่ดีเท่าไรนัก คิดได้เช่นนั้นหญิงสาวจึงรับมาเพียงแค่ยาเท่านั้นโดยไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก


    แล้วลูคัสอยู่ไหนละ?” ชายวัยกลางคนเอ่ยทำลายความเงียบที่น่าอึดอัด


    โดโลเรสมีสีหน้าเฉยเมยนักยามนึกถึงหน้าลูกชายตัวเอง เธอรินจินลงแก้วอีกครั้งก่อนจะพูด เขาพึ่งไปโรงเรียนก่อนหน้าที่คุณจะมานิดเดียวเอง


    เขามองสีหน้าของคนตรงข้ามแล้วถอนหายใจอีกคำรบ ใช่จะเดาไม่ออกถึงความรู้สึกของอีกฝ่าย จนป่านนี้แล้วหญิงสาวก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะรักใคร่ในตัวบุตรชายสักที ซึ่งก็คงไม่อาจกล่าวโทษเธอในเรื่องนี้ได้ เพราะเรื่องเช่นนี้ยากจะทำใจยอมรับได้ง่าย ต้องใช้เพียงระยะเวลาเท่านั้นจึงจะดีขึ้น 


    เอาเถอะ ถ้าไม่มีอะไรงั้นฉันขอตัวกลับก่อนนะ แต่ถ้ามีเรื่องอะไรอีกก็โทรมาได้ตลอดเวลา ไอเบิร์ตเงียบอย่างกะทันหัน เป็นอีกครั้งที่เขาลังเลที่จะพูด แต่ในที่สุดก็พูดออกมาจนได้ ช่วงนี้อากาศหนาวแล้ว ยังไงก็อย่าลืมดูแลลูคัสด้วยล่ะ เด็กเล็ก ๆ ร่างกายยังไม่แข็งแรงอาจจะป่วยก็ได้


    โดโลเรสแสดงความฉงนออกมาชัดเจนในขณะที่มองตามคนสูงวัยกว่าที่เดินออกไปจาก ไอเบิร์ตมักจะเป็นเช่นนี้เสมอ เธอไม่เคยเข้าใจเลยสักนิดเดียวว่าเหตุใดชายผู้นี้ถึงเป็นห่วงเป็นใยลูกของเธอนัก ทั้ง ๆ ที่เขาก็ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอันใดกับลูคัสแท้ ๆ


    และในทางกลับกัน สิ่งที่โดโลเรสไม่เข้าใจยิ่งกว่าก็คือการที่เธอไม่ได้ห่วงใยลูคัสเท่ากับไอเบิร์ตเลย ทั้ง ๆ ที่ตัวเธอเป็นแม่แท้ ๆ ของเขา แล้วนั่นก็ทำให้เธอนึกกระดากอายอยู่ไม่น้อย จนต้องยกแก้วบรรจุจินเต็มเปี่ยมในมือขึ้นดื่มอีกครั้ง



    ............................



    มือบางกลัดกระดุมเม็ดสุดท้ายของเสื้อเชิ้ตสีส้มแก่ของตัวเอง แล้วจึงหยิบชุดยูนิฟอร์มสีฟ้าแขวนกลับเข้าไปในตู้เป็นอันเสร็จเรียบร้อย งานของโดโลเรสมักไม่เป็นเวลาแน่นอน แล้วแต่ว่าเจ้านายอย่างแมรี่จะจัดงานให้เธอเข้ากะช่วงไหน และวันนี้ก็เป็นวันที่เธอต้องเข้ากะตั้งแต่ช่วงหัววัน จึงทำให้เวลาเลิกงานก็ถูกเลื่อนขึ้นมาด้วย หญิงสาวเหลือบดูนาฬิกาอันเขื่องที่แขวนเหนือตู้ล็อกเกอร์ของพนักงาน นี่พึ่งแค่สี่โมงเย็นเท่านั้น ไม่บ่อยนักหรอกที่จะมีโอกาสได้เลิกงานก่อนหัวค่ำอย่างนี้


    ประตูห้องพักพนักงานถูกเปิดออก ก่อนที่ดวงหน้าแฉล้มของจีน่า อัลเลน จะโผล่ออกมาจากบานประตู หล่อนมีสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นเธอ สวัสดีค่ะ ฉันนึกว่าคุณกลับไปแล้วซะอีก


    ก็กำลังจะกลับแหละ” โดโลเรสส่งยิ้มให้กับเพื่อนร่วมงาน แม้ว่าเธอไม่ค่อยสนิทสนมกับคนในที่ทำงานเท่าไรนัก แต่จีน่าก็ยังเป็นเด็กสาวอัธยาศัยดีที่มักจะทักทายเธอก่อนทุกครั้งเมื่อได้เจอหน้ากัน


    สายตาของจีน่าเหล่มองเสื้อเชิ้ตสีส้มกับกางเกงยีนแสนเชยบนตัวหญิงสาวตรงหน้าก่อนจะเอ่ยปาก วันนี้เลิกงานเร็ว เราเลยนัดว่าจะไปบาร์ที่อยู่ใกล้ ๆ นี้ คุณจะไปด้วยกันไหมคะ


    เรา ในที่นี้คงหนีไม่พ้นบรรดาสาว ๆ นักเสิร์ฟคนอื่น ๆ หรืออาจจะรวมไปถึงเด็กล้างจานหน้าหล่อคนใหม่ที่พึ่งเข้ามาทำงานไม่นานนี้ พวกผู้หญิงชื่นชอบเขายังกับอะไรดี(แม้แต่ป้าแก่ ๆ อย่างแมรี่ที่เป็นเจ้าของไดเนอร์ก็ตาม) และการไปบาร์ครั้งนี้ก็คงเป็นการพยายามสานสัมพันธ์ตามประสาผู้หญิงนั่นแหละ


    ซึ่งโดโลเรสไม่ได้สนใจเรื่องแบบนี้แม้แต่น้อย หญิงสาวจึงปฏิเสธไปโดยไม่ต้องคิด


    ไม่ล่ะค่ะ ฉันต้องกลับบ้านแล้ว


    มันกลายเป็นคำพูดติดปากไปแล้วของโดโลเรส ที่มักจะกล่าวต่อใครก็ตามที่พยายามสานสัมพันธ์กับเธอไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง หลายครั้งที่ทำให้คนภายนอกมักมองว่าเธอหยิ่ง ไม่เป็นมิตร หรือเข้าถึงยาก นั่นเพราะไม่มีใครที่จะรับรู้และเข้าใจถึงสิ่งที่เธอเคยพบเจอมาในอดีต และหญิงสาวเองก็ไม่คิดจะเปิดเผยให้ใครต่อใครได้รู้อยู่แล้วด้วย ไม่สมควรให้ใครที่นี่รู้เด็ดขาดไม่ว่ายังไงก็ตาม หญิงสาวไม่อยากเจอกับสายตาแปลกประหลาดเหมือนที่เคยเจอช่วงที่พึ่งที่หนีรอดจากบิลออกมาได้ ฉะนั้นแล้วยอมปล่อยให้คนอื่นมองว่าไม่เป็นมิตรยังดีเสียกว่าให้พวกเขารู้เรื่องที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว


    สิ่งหนึ่งที่ทำโดโลเรสรู้ซึ้งเป็นอย่างดีหลังจากออกมาอยู่ข้างนอกด้วยตัวเอง นั่นคือการต้องทำตัวเหมือนคนปกติทั่วไปนับเป็นเรื่องยากเย็นเกินกว่าที่ใครจะสามารถจินตนาการออกมาได้แม้แต่เธอเองก็ตาม โดโลเรสจึงรักที่จะเป็นคนเก็บตัว กินเหล้าในบ้านอย่างเงียบ ๆ มากกว่าจะไปนั่งหน้าสลอนกระดกเหล้าในบาร์เหมือนที่คนทั่วไปเขาทำกัน


    แสงแดดเริ่มคล้อยลงบ้างแล้วตอนที่โดโลเรสเหยียบย่างเข้ามาในบ้าน ความเงียบสงบจากข้างในทำให้หญิงสาวต้องขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ และเมื่อหันไปมองนาฬิกาในบ้านตัวเองก็พบว่าใกล้จะห้าโมงเย็นขึ้นมาทุกที และนั่นก็ยืนยันได้ถึงความผิดปกติบางอย่างที่เธอรู้สึกได้นับตั้งแต่เข้ามาในบ้าน


    ตอนนี้ผ่านเวลาเลิกเรียนไปนานมากแล้ว ซึ่งในความเป็นจริงรถโรงเรียนควรต้องมาถึงที่นี่ และลูคัสก็ควรจะอยู่ในบ้านตั้งแต่บ่ายสองโมงแล้ว แต่ตอนนี้กลับไม่มีสิ่งใดบ่งบอกเลยว่าลูกชายของเธออยู่ที่บ้านอย่างที่ควรจะเป็นสักนิด มีเพียงความเงียบเท่านั้น และนั่นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เธอเริ่มรู้สึกใจคอไม่ดี


    แล้วเธอก็นึกถึงสิ่งที่ไอเบิร์ตพูดกับเธอในวันนี้ ความห่วงใยของเขาต่อลูคัสที่ทำให้เธอละอายใจ และความรู้สึกเหล่านี้ก็ยิ่งเร่งเร้าให้เธอไม่อาจอยู่เฉยได้ หญิงสาวก้าวเท้าออกจากบ้าน ตรงรี่ไปยังโรงเรียนอย่างรีบร้อน หากลูคัสไม่ได้อยู่ที่บ้าน ที่ ๆ เดียวที่เขาอยู่ก็มีแค่โรงเรียนเท่านั้น


    เมื่อมาถึงโรงเรียน โดโลเรสก็พบว่ามันเงียบเชียบไม่ต่างจากบ้านที่เธอจากมาด้วยซ้ำ เด็กทุกคนล้วนรีบเผ่นออกจากโรงเรียนนับตั้งแต่ที่กริ่งเลิกเรียนดังขึ้นแล้ว หญิงสาวหันไปให้ความสนใจกับภารโรงที่ยังยืนกวาดใบไม้ที่กลาดเกลื่อนสนามหญ้า และไม่รีรอที่จะเข้าไปถามอีกฝ่ายทันที


    ขอโทษนะคะ ไม่ทราบว่าคุณเห็นเด็กคนไหนยังอยู่ที่โรงเรียนหรือเปล่าคะ


    ชายวัยกลางคนสะดุ้งเล็กน้อย เขาหันมามองเธออย่างงุนงง คล้ายกับว่าไม่ทันตั้งตัวเมื่อเจอกับแขกใหม่กะทันหัน โดโลเรสจึงกล่าวย้ำ คุณเห็นเด็กคนไหนยังอยู่ที่นี่ตอนนี้บ้าง ลูกฉันยังไม่กลับบ้านเลย


    ความเร่งร้อนของคนเป็นแม่ทำให้ภารโรงตื่นตกใจไปด้วย เขาอ้ำอึ้งแล้วทำหน้าครุ่นคิดอย่างเคร่งเครียดอยู่เป็นนาที แต่สุดท้ายก็ส่ายหน้า


    ก่อนหน้านี้ผมเห็นเด็กคนหนึ่งเล่นอยู่ที่สนามเด็กเล่นนะครับ แต่เหมือนว่าจะมีคนมารับเขาไปแล้วนะ ตอนนี้ไม่น่าจะมีใครอยู่ในโรงเรียนแล้วนอกจากยามอีกคนกับผมเอง


    ไม่มีทาง!” โดโลเรสขึ้นเสียง เธอรู้ดีว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดนั้นเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน ลูคัสจะออกไปไหนได้ยังไงในเมื่อเขาไม่มีใครเลยนอกจากเธอคนเดียว ฉันเป็นแม่เขานะ เขาจะไปไหนได้ยังไงโดยไม่มีฉัน


    และถ้าเขาไม่ได้อยู่ที่โรงเรียน งั้นตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน และอยู่กับใครกันแน่?



    ______________________


                 
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×