คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : Bad Boy,Good Lips
สุดท้ายแล้วบิลกับเธอก็ได้ลงเอยกลายเป็นแฟนกันอย่างงุนงง ถึงจะไม่ได้มีคำพูดบอกรักอย่างชัดเจนเป็นทางการเหมือนในนิยายรักทั่วไปก็เถอะ แต่เราทั้งคู่ก็ต่างรู้ดีถึงสถานะที่เป็นอยู่ ความจริงถ้าให้พูดตรง ๆ แล้วมันก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนักเลยนับจากวันนั้น เราทั้งคู่ต่างปฏิบัติตัวต่อกันเหมือนอย่างเดิมราวกับเพื่อนสนิทธรรมดา ที่แตกต่างออกไปก็เป็นแค่บางครั้งเราก็จูบกันหรือกอดกันแค่นั้น(ซึ่งแน่นอนว่าทำในที่ลับตาคน) ฉะนั้นจึงไม่มีใครที่รู้ความสัมพันธ์นี้นอกจากเธอและเขาแค่สองคนเท่านั้น
โดโลเรสคิดว่ามันเป็นเรื่องดีที่จะเก็บมันไว้เป็นความลับ เธอคิดว่าการป่าวประกาศความสัมพันธ์ต่อคนอื่นก็เหมือนการผูกมัดอย่างหนึ่ง มันทำให้รู้สึกมั่นคงแต่ก็อึดอัดในเวลาเดียว ซึ่งเธอไม่ชอบเอาเสียเลย เธอสบายใจกับความสัมพันธ์ลับ ๆ ที่เป็นทั้งเพื่อนและคนรักแบบนี้มากกว่า เพราะมันทำให้โดโลเรสปฏิบัติตัวได้ง่ายกว่า อีกอย่างหากมีคนอื่นรู้ถึงความสัมพันธ์นี้คงไม่ใช่เรื่องดีเท่าไรนัก ยกตัวอย่างเช่นหมอไอเบิร์ต เขาต้องคลั่งแน่ที่รู้ว่านอกจากเธอจะไม่ยอมห่างจากบิลตามคำร้องขอแล้ว ตอนนี้ยังจะกลายเป็นแฟนกันไปแล้วอีกด้วย
เป็นครั้งแรกที่โดโลเรสรู้สึกว่าชีวิตเธอในตอนนี้เหมือนคนปกติธรรมดาจริง ๆ สักที ทั้งได้เรียนหนังสือ มีเพื่อน และก็มีความรัก มันเป็นสิ่งที่เธอไม่เคยคาดคิดว่าจะได้มี และมันก็ทำให้เธอรู้สึกมีความสุขอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน มีความสุขจนเกือบจะลืมไปแล้วว่าก่อนหน้านี้เธอมองโลกในแง่ร้ายมากมายแค่ไหน
วันนี้ก็เป็นอีกวันที่แสนวุ่นวายในรั้วโรงเรียน หลังจากคาบสุดท้ายในช่วงเช้าจบแล้วต่างคนก็ต่างเก็บข้าวของออกจากห้อง โดโลเรสเองก็ไม่ต่างอะไรจากคนอื่นเช่นกัน เธอควรจะได้ออกไปโรงอาหารกับแฟนหนุ่มแล้วถ้าไม่ติดที่ว่าอาจารย์ลินดาเจ้าของวิชาเศรษฐศาสตร์ดันเรียกตัวเธอเอาไว้ก่อน
“อาจารย์มีอะไรเหรอคะ”
หลังจากที่บอกให้บิลล่วงหน้าไปก่อนไม่ต้องรอเธอแล้ว โดโลเรสก็กลับมาให้ความสนใจอาจารย์สาวใหญ่อีกครั้ง
เพราะร้อยวันพันปีหล่อนไม่เคยจะให้สนใจเธอมาก่อน จู่ ๆ
ก็มาเรียกตัวกะทันหันแบบนี้แสดงว่าต้องมีเรื่องอะไรอยู่แน่ ๆ
“คุณโดโลเรส เมื่ออาทิตย์ที่แล้วเราพึ่งมีสอบวัดผลไปจำได้หรือเปล่า?”
“ค่ะ” โดโลเรสพยักหน้า เมื่อได้เห็นสายตาของอาจารย์ลินดาแล้วก็รู้สึกหวั่นใจอย่างบอกไม่ถูก เพราะเวลาที่มีคนมาจ้องแบบนี้ทีไรมักจะเป็นเรื่องไม่ดีทุกทีเลย
“จริงอยู่ที่การสอบครั้งนี้ไม่ใช่สอบเก็บคะแนน แต่คุณก็ทำคะแนนได้ต่ำกว่ามาตรฐานของคนในห้อง ฉันเลยค่อนข้างจะเป็นห่วงคุณมากเป็นพิเศษนะ”
น้ำเสียงราบเรียบแต่จริงจังทำให้รู้สึกเกร็งขึ้นมา โดโลเรสไม่รู้จะพูดอะไรดีนอกจากคำว่า ‘ค่ะ’ แล้วก็พยักหน้ารับเท่านั้น แอบนึกขำตัวเองอยู่ในใจที่เดาได้ถูกต้องว่าการโดนเรียกมาคุยส่วนตัวแบบนี้ไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน
“ฉันอยากให้คุณตั้งใจเรียนให้มากกว่านี้ อาทิตย์หน้าจะมีสอบเก็บคะแนนแล้ว ฉันหวังว่าคุณจะทำได้ดีขึ้นนะ”
อาจารย์ลินดากล่าวทิ้งท้ายก่อนจะจากไป ทิ้งความรู้สึกอันหนักอึ้งไว้ในใจของเด็กสาว โดโลเรสพ่นลมหน้าใจอย่างเหนื่อยหน่ายก่อนจะออกจากห้องเรียนไปอย่างเงียบเชียบ ความจริงมันก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกที่จะโดนเตือนเรื่องการเรียนเพราะเธอเองก็รู้ตัวดีว่าไม่ใช่คนเรียนเก่ง แต่มันก็อดรู้สึกแย่ไม่ได้อยู่ดีเวลาโดนพูดตรง ๆ ต่อหน้าแบบนี้
“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ”
โดโลเรสสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเจอกับประธานนักเรียนโดยบังเอิญหน้าห้อง
ความจริงเธอแทบไม่รู้ตัวเลยว่าเซบาสเตียนอยู่ตรงนี้ จนกระทั่งเขาเอ่ยปากทักเมื่อกี้นี่แหละ
“ก็ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่โดนเตือนเรื่องคะแนนสอบมานะ” โดโลเรสตอบ แอบรู้สึกเกร็งเล็ก ๆ เมื่ออยู่ต่อหน้าเซบาสเตียนที่พักหลังนี้ไม่ค่อยได้เจอหน้ากันเท่าไร จะว่าไปแล้วตั้งแต่ที่เธอกลับไปสนิทสนมกับบิลอีกครั้ง โดโลเรสก็แทบจะหลงลืมตัวตนของประธานนักเรียนไปเลยด้วยซ้ำจนได้มาเจอหน้ากันวันนี้นี่แหละ
“ต้องเป็นอาจารย์ลินดาแน่ ๆ ” ประธานนักเรียนทำหน้าสยองขวัญเมื่อพูดชื่อนั้นออกมา “โหดแสนโหด เขี้ยวสุด ๆ แถมชอบกดคะแนนเด็กตลอด”
“ขนาดนั้นเลยเหรอ”
“เชื่อฉันเถอะ ฉันเป็นประธานนักเรียนนะ ประธานนักเรียนย่อมรู้ทุกเรื่องอยู่แล้วล่ะ” ชมตัวเองเสร็จก็ยักคิ้วด้วยท่าทีภาคภูมิใจก่อนที่ฝ่ามือใหญ่จะตบไหล่เธอเบา ๆ “อย่าไปซีเรียสเลย เธอไม่ใช่คนเดียวที่โดนดุหรอก เมื่อก่อนฉันก็เคยโดนแบบนี้มาเหมือนกัน”
“เก่ง ๆ อย่างนายก็พูดได้นี่น่า ฉันไม่ได้หัวดีสักหน่อย” นึกถึงคำพูดของอาจารย์ลินดาเมื่อสักครู่แล้วก็รู้สึกหดหู่ขึ้นมาอีกรอบ “อาทิตย์หน้าจะสอบเก็บคะแนนแล้วด้วย ถ้าเกิดฉันทำไม่ได้ขึ้นมาคงแย่”
“เอางี้ งั้นเดี๋ยวฉันติวให้เอาไหม?”
“ติว?”
“ใช่ ฉันช่วยเธอติวจะได้ถือเป็นการทบทวนความรู้ให้ตัวเองด้วย วินวินทั้งคู่” เขายิ้มอีกครั้ง รอยยิ้มนั้นช่างดูเจิดจ้าจนเธอตาพร่าไปหมด โดโลเรสจึงพึ่งตระหนักได้ว่าเธอเข้าใกล้ ‘ดวงอาทิตย์’ มากไปเสียแล้ว แต่น่าแปลกที่ช่วงหลังเธอกลับไม่รู้สึกร้อนรนกับรังสีของเขาจนต้องถอยหนีอีกแล้ว อาจเพราะความสนิทที่มากขึ้นทำให้เธอเริ่มจะทนทานเสน่ห์ของเขาได้แล้วมั้ง?
“เอ่อ..ฉันขอคิดดูก่อนนะ”
“โอเค ถ้าได้คำตอบแล้วก็อย่าลืมบอกฉันด้วยล่ะ” คนตัวสูงหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งยีหัวของเด็กสาว สัมผัสที่ไม่ทันได้ตั้งตัวทำให้โดโลเรสต้องสะดุ้งเล็กน้อย “งั้นฉันไปล่ะนะ”
เซบาสเตียนจากไปแล้ว ทิ้งไว้เพียงความอุ่นจากฝ่ามือของเขาที่แตะลงบนศีรษะเธอเมื่อสักครู่ โดโลเรสก้มลงมองนาฬิกาของตัวเองก่อนจะพบว่าเธอเสียเวลาไปเกือบชั่วโมงและตอนนี้ก็กำลังจะหมดคาบเที่ยงแล้ว นั่นทำให้เโ็กสาวต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อนึกถึงบิลที่น่าจะยังคงกำลังรอเธออยู่
"เวรล่ะ!"
หล่อนสบถ สองขาแทบจะพุ่งตรงไปที่โรงอาหารอยู่แล้ว แต่โดโลเรสจำต้องหยุดฝีเท้าลงไปเสียก่อนเมื่อเห็นว่าบิลที่ควรจะอยู่โรงอาหารตอนนี้กลับยืนพิงล็อกเกอร์อยู่ข้างหน้าไม่ไกลจากเธอ
โดโลเรสกำลังจะเอ่ยปากทักแต่ก็ต้องชะงักเมื่อสบตากับนัยน์ตาสีดำที่เรียบเฉยไร้อารมณ์ของเขา
ตั้งแต่ที่รู้จักกันมาโดโลเรสพบว่าการคาดเดาอารมณ์ของบิลเป็นเรื่องยากที่สุด เพราะดวงตาของเขามักจะเรียบเฉยอยู่เสมอ แต่ตอนนี้เธอกลับรู้สึกได้ว่าภายในความเรียบเฉยนั้นมีคลื่นแห่งความไม่พอใจแฝงอยู่
เขาไม่พูดอะไรออกมาสักคำ เพียงแค่เดินเข้ามาจับมือเธอแล้วพาออกไปด้านนอก ความเย็นเชียบจากฝ่ามือของเขาแตกต่างจากเซบาสเตียนอย่างชัดเจน โดโลเรสรู้สึกได้ว่าบรรยากาศตอนนี้ช่างแปลกประหลาดและน่าอึดอัดเสียจริง จริงอยู่ที่ปกติบิลไม่ใช่คนพูดมากอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้มันกลับแตกต่างออกไปจากทุกที กลายเป็นว่าความเงียบของเขาได้สร้างความกดดันให้เธออย่างมหาศาล มันมากจนเธออดรนทนไม่ไหวต้องเป็นฝ่ายเริ่มพูดออกมาก่อน
“ฉันขอโทษที่ปล่อยให้นายรอนะ คือฉันโดนอาจารย์ลินดาเรียกไปตักเตือนเพราะทำคะแนนสอบได้ไม่ดี ฉันเองก็ไม่คิดเหมือนกันว่ามันจะนานขนาดนี้”
“คงแย่มากสินะ” โดโลเรสรู้สึกโล่งใจไม่น้อยที่อย่างน้อยเขาก็ยังมีปฏิกิริยาตอบรับกับคำพูดของเธอ
เด็กสาวจึงรีบพยักหน้ารัว ๆ
“ใช่ แย่มาก ฉันยังไม่รู้เลยว่าสอบครั้งหน้าจะรอดหรือเปล่า”
“งั้นฉันจะติวให้เธอ” บิลหยุดเดินก่อนจะหันมาหาเธอ ดวงตาสีดำคู่นั้นประสานเข้ากับตาของเธอพอดี “ไม่ต้องไปติวกับหมอนั่น ฉันจะติวให้เธอเอง”
“ห๊ะ?”
“ปฏิเสธหมอนั่นซะ”
เด็กหนุ่มหันหน้ากลับไปทางเดิมโดยไม่ได้พูดอะไรอีก ทิ้งโดโลเรสให้จมอยู่ในความงุนงงกับท่าทีอันประหลาดของเขา ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านั้นเซบาสเตียนพึ่งเอ่ยปากว่าจะติวให้เธอ ซึ่งบิลเองอาจจะมาได้ยินเข้าพอดี ฉะนั้นแล้ว ‘หมอนั่น’ ในความหมายของบิลคงต้องเป็นประธานนักเรียนไม่ผิดแน่ นั่นทำให้เด็กสาวเริ่มจะเข้าใจถึงท่าทีประหลาด ๆ ของอีกฝ่ายมากขึ้น
อย่างนี้แสดงว่าเขากำลังหึงเธออยู่หรือเปล่านะ?
..............................
ด้วยเหตุนี้โดโลเรสจึงต้องปฏิเสธเซบาสเตียนไปเพราะไม่อยากให้แฟนหนุ่มหัวเสีย แม้ว่าในใจจะแอบรู้สึกขบขันอยู่เล็กน้อยเพราะไม่คิดว่าคนเย็นชาอย่างบิลจะมีอารมณ์หึงกับเขาด้วย ความจริงก็อยากจะบอกเขาไปเหมือนกันว่าคนอย่างประธานนักเรียนคงมีสาว ๆ มารุมล้อมเยอะแยะจนไม่มีทางสนใจเธอเสียหรอก แต่โดโลเรสคิดว่าบิลเวลาหึงนั้นดูน่ารักดี ฉะนั้นเธอจะปล่อยให้เขาหึงแบบนี้ต่อไปก็แล้วกัน
แต่ความน่ารักก็อยู่ได้ไม่นานหรอก เพราะเมื่อเริ่มติวกันจริงจังเขาก็เปลี่ยนมาเป็นคนเข้มงวดสุด ๆ บิลตั้งใจยัดทุกสิ่งทุกอย่างเข้ามาในหัวเธอไม่หยุดหย่อนจนแทบอยากจะร้องไห้ อาจเพราะความโง่ของโดโลเรสจึงเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้การติวนั้นยากลำบากมากขึ้น เพราะแม้จะพยายามทำความเข้าใจกับสิ่งที่เขาสอนเท่าไรแต่มันก็ช่างยากเย็นเหลือเกินสำหรับเด็กสาว
บิลเองก็ดูเหมือนจะรู้ถึงความไม่ค่อยฉลาดของเธอ เขาจึงได้นัดให้ไปติวต่อนอกเวลาที่บ้านของเขา แม้ในใจของเด็กสาวอยากจะปฏิเสธแต่พอนึกถึงความโหดของเขาก่อนหน้านี้ก็ได้แต่กลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก จำยอมพยักหน้าตกลงไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จนถึงตอนนี้โดโลเรสชักจะเริ่มไม่แน่ใจเสียแล้วว่าตัวเองคิดถูกหรือคิดผิดกันแน่ที่เลือกจะติวกับเขาแทนที่จะติวกับเซบาสเตียน
นอกเหนือจากเรื่องติวแล้ว สิ่งที่ทำให้โดโลเรสรู้สึกตื่นเต้นเป็นพิเศษก็คือนี้ถือเป็นครั้งแรกที่เธอจะได้ไปบ้านของบิลอย่างเป็นทางการนับตั้งแต่ที่เป็นแฟนกันมา อย่างที่เคยบอกไปว่าเธอไม่ค่อยรู้รายละเอียดเกี่ยวกับเด็กหนุ่มมากนักเพราะเขาไม่ค่อยยอมเล่าให้ฟังเลย การไปเยือนบ้านบิลจึงเหมือนเป็นการได้รับรู้อีกด้านของเขาที่ไม่ได้เปิดเผยให้รู้ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เด็กสาวตื่นเต้นเป็นพิเศษกับการติวนอกสถานที่ครั้งนี้
ท้องฟ้ายามเย็นไม่ค่อยสดใสเท่าไรนัก
ก้อนเมฆสีเทาจับตัวกันเป็นกลุ่มก้อนใหญ่ส่งผลให้วันนี้ดูหม่นหมองกว่าทุกวัน
หลังเลิกเรียนบิลก็พาโดโลเรสมาที่บ้านของเขา มันเป็นบ้านหลังเล็ก ๆ
สภาพกลางเก่ากลางใหม่ในซอยที่ไม่มีผู้คน ล้อมกรอบด้วยรั้วสีเทาที่มีสนิมขึ้นประปรายเป็นจุดแดง
ๆ หลังคาสีเขียวขี้ม้าปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาว ผนังถูกทาด้วยสีขาวที่บัดนี้แปรเปลี่ยนเป็นสีเหลืองจาง
ๆ จากการผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก
โดโลเรสไม่ได้รังเกียจสภาพบ้านของบิล เพราะบ้านของเธอเองก็ไม่ได้แตกต่างจากเขาเท่าไรนัก สำหรับคนหาเช้ากินค่ำทั่ว ๆ ไปจะให้มามีบ้านหรูหราอลังการแบบในนิยายก็คงไม่ได้ แต่สิ่งเดียวที่ทำให้โดโลเรสนึกแปลกใจก็คือความโดดเดี่ยวและความเงียบของบ้านหลังนี้ต่างหาก บ้านของเขาตั้งห่างไกลจากคนอื่น หันไปทางไหนก็มีแต่ต้นไม้กับหิมะเท่านั้น ถ้าหากเวลานี้เป็นตอนกลางคืนเธอคงไม่กล้าเดินมาแถวนี้แน่นอน
“เข้ามาสิ”
เสียงเร่งของเด็กหนุ่มทำให้โดโลเรสละความสนใจจากทัศนิยภาพรอบบ้านและเดินตามเขาเข้าไปด้านใน ภายในบ้านไม่ได้แตกต่างจากด้านนอกเท่าไรนัก ข้าวของเครื่องใช้ธรรมดาค่อนข้างไปทางเก่า ที่กลางห้องมีโซฟาหนังเทียมสีม่วงอ่อนกับโทรทัศน์เครื่องเล็กตั้งอยู่ โดโลเรสจะไปนั่งบนโซฟาแต่ก็โดนอีกฝ่ายดึงข้อมือเอาไว้ก่อน
“ไปที่ห้องฉันดีกว่า” ดูเหมือนเขาจะสังเกตได้ถึงสีหน้าที่เหรอหราของเธอจึงรีบพูดต่อ “เธอคงไม่อยากเจอหน้าแม่ฉันหรอก”
โดโลเรสหวนนึกถึงเหตุการณ์ในสถานบำบัดจิตขึ้นมา เธอจำได้ว่าบิลเคยพูดว่าเขาอาศัยอยู่กับแม่ขี้เมาอารมณ์ร้อนแค่สองคน เด็กสาวจึงพอจะเข้าใจว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับแม่คงไม่ค่อยดีเท่าไร แม้ว่าตอนนี้เธอจะยังไม่ได้เจอแม่ของเขาที่นี่ แต่มันคงดีกว่าถ้าหากจะหลีกเลี่ยงเอาไว้ก่อน คิดได้ดังนั้นโดโลเรสจึงยอมตามไปที่ห้องของเขาอย่างง่ายดาย
ห้องของบิลเป็นห้องเล็ก ๆ ที่ค่อนข้างเป็นระเบียบและสะอาดสะอ้านมากกว่าห้องของผู้ชายปกติทั่วไป มีเตียงเดี่ยวตั้งติดกับหน้าต่างฝั่งซ้าย ด้านขวาเป็นโทรทัศน์ขนาดเล็กที่มีวิดิโอเกมส์วางอยู่ข้างล่าง มีตู้เสื้อผ้ากับโต๊ะส่วนตัวตั้งอยู่ตรงมุมห้องคนละด้าน บนผนังมีโปสเตอร์วงดนตรีร็อคเมทัลแปะอยู่ โดโลเรสคิดว่าเป็นห้องที่เหมาะสมกับคนอย่างเขาดี
บิลไม่แม้แต่จะเสียเวลาพูดพร่ำทำเพลง ทันทีที่เห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยเด็กหนุ่มก็เริ่มกระบวนการสอนของตัวเอง เพราะวิชาเศรษฐศาสตร์เป็นวิชาที่ซับซ้อนจึงทำให้มีรายละเอียดในการสอนมากขึ้นไปด้วย ตลอดทั้งชั่วโมงบิลเอาแต่พูดอธิบายเนื้อหาการสอนอย่างไม่หยุดหย่อนราวกับไม่รู้จักความเหน็ดเหนื่อย แตกต่างจากเด็กสาวที่ยิ่งนานไปสีหน้าก็ยิ่งแย่ลงไปทุกขณะ ดวงตาสีเขียวจ้องหนังสือในมือเขม็งในขณะที่คิ้วเรียวก็ขมวดเป็นปมแน่น ซึ่งทุกอย่างล้วนแต่อยู่ในสายตาของเด็กหนุ่มที่ลอบสังเกตสีหน้าของคนข้าง ๆ อยู่เป็นระยะ
“เอาล่ะ พักก่อนก็แล้วกัน” เมื่อเห็นว่าเวลาผ่านไปพอสมควรแล้วคนตัวสูงกว่าจึงเอ่ยปากขึ้น ก่อนจะใช้สันหนังสือในมือเคาะไปที่หน้าผากของอีกฝ่ายที่ยังคงทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ “หยุดทำหน้าเหมือนจะตายได้แล้ว”
ทันทีที่ได้ยินคำพูดของเขา โดโลเรสก็เอนตัวเอาหน้าซบกับกองหนังสือบนโต๊ะอย่างเหนื่อยล้า ก่อนจะเอ่ยปากออกมาด้วยน้ำเสียงอู้อี้ “ไม่ไหวเลย ฉันโง่เกินไปสำหรับวิชานี้!”
“เอาน่า คนโง่ที่รู้ตัวว่าโง่ถือเป็นเรื่องดีนะ”
“ขอบคุณที่ให้กำลังใจ” เด็กสาวประชดก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาจากกองหนังสือ แต่ก็ต้องชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเขาอยู่ใกล้เธอมากกว่าที่คิด รอยยิ้มบนใบหน้าที่นาน ๆ จะเห็นทีทำให้โดโลเรสอดแปลกใจไม่ได้ “ยิ้มอะไร”
“ฉันอุตส่าห์สอนเธอไปตั้งเยอะ ไม่คิดจะมีอะไรตอบแทนให้ฉันบ้างเหรอ”
“ตลกล่ะ’ เด็กสาวหลุดหัวเราะกับคำพูดของเขา “นายจะเรียกเก็บเงินฉันหรือไง”
“ไม่ได้จะเอาเงินซักหน่อย”
“งั้นนายจะเอาอะไร”
“อืม..” บิลทำสีหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันมาสบตากับเด็กสาวอีกครั้ง “เอาแบบนี้ล่ะกัน”
ใบหน้าของเขายื่นเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็วก่อนที่ริมฝีปากจะแนบชิดกัน โดโลเรสนึกตกใจอยู่นิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้หลีกหนีเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราจูบกัน แต่ครั้งนี้เหมือนจะแตกต่างไปจากทุกครั้ง มันเริ่มขึ้นอย่างนุ่มนวลแต่กลับร้อนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ลิ้นอุ่นรุกล้ำเร่งเร้าในโพรงปากราวกับจะหยอกเย้า ความแปลกใหม่ที่ได้รับทำให้ร่างกายของเด็กสาวอ่อนแรงอย่างบอกไม่ถูก หัวสมองขาวโพลนไปหมด ปล่อยให้แขนของเขาโอบรัดร่างเธอไว้แนบแน่นก่อนที่แผ่นหลังของเธอจะแนบชิดไปกับพื้นพรมเก่าแข็ง ๆ อันเย็นเฉียบในห้อง
เหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและลุกลามร้อนแรงราวกับกองเพลิงที่จนเกินจะควบคุมได้ แต่ก่อนที่อะไร ๆ จะเกินเลยไปมากกว่านี้ เสียง ‘ตึง!’ ที่ดังจากด้านล่างทำให้โดโลเรสต้องสะดุ้งเฮือกจนผละออกจากอีกฝ่าย พอตั้งสติได้อีกครั้งก็รีบลุกขึ้นมานั่งเหมือนเดิม มือก็จัดผมเผ้าและเสื้อผ้าที่ยุ่งเหยิงอย่างกระดากอายก่อนจะหันไปมองอีกฝ่าย
“เอ่อ..” บรรยากาศตอนนี้ช่างน่ากระอักกระอ่วนสุด ๆ โดโลเรสคิดก่อนจะตัดสินใจพูดขึ้นทำลายความเงียบ “เสียงเมื่อกี้มันคือเสียงอะไรเหรอ”
“น่าจะเป็นเสียงหนูจากชั้นใต้ดินนะ” เขาพูดอย่างรวดเร็ว “ฉันขอตัวไปจัดการหนูก่อนแล้วกัน แล้วค่อยไปส่งเธอที่บ้าน”
สีหน้าของบิลเรียบเฉยจนน่ากลัว แตกต่างจากเด็กหนุ่มที่มีรอยยิ้มสดใสเมื่อสักครู่อย่างสิ้นเชิง โดโลเรสสัมผัสได้ถึงความหงุดหงิดจากน้ำเสียงและแววตาของเขา เด็กสาวจึงไม่กล้าพูดอะไรออกไป ได้แต่มองอีกฝ่ายที่เร่งรีบเดินออกไปจากห้องอย่างสงสัย
ไม่บ่อยนักที่จะเห็นบิลหัวเสียอย่างนี้ โดโลเรสอดคิดไม่ได้ว่ากับทำไมแค่หนูในห้องใต้ดินถึงทำให้เขาดูน่ากลัวได้ขนาดนี้นะ?
____________________
Talk:จริงๆผมได้แจ้งเรื่องนี้ลงทางเพจของผมไปแล้ว แต่บางคนอาจจะไม่ได้กดไลค์เพจผมไว้จึงไม่ทราบ ผมเลยขอโอกาสมาแจ้งในนี้อีกทีหนึ่งนะครับ
เนื่องจากผมได้งานหลักทำมาระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งต้องทำงานตลอด5วันตั้งแต่เช้าจนถึงค่ำ ทำให้ผมไม่มีเวลาที่จะแต่งนิยายเหมือนเหมือนก่อนนอกเหนือจากเสาร์อาทิตย์ และอีกอย่างผมมีนิยายที่แต่งค้างไว้พร้อมกันถึงสามเรื่องด้วยกัน ผมไม่อาจแบ่งเวลาให้ลงตัวได้เรียบร้อย ผมจึงต้องขอแจ้งว่าอาจจะมีการดองนิยายชั่วคราวทุกเรื่องที่ผมแต่งลงเด็กดีในตอนนี้ไปก่อน เพราะผมต้องการโฟกัสแค่ทีละเรื่องทีละจุดไปก่อนในตอนนี้ การทำหลายอย่างพร้อมกันทำให้ผมรู้สึกว่างานเขียนตัวเองมันดีไม่พอและออกมาจับฉ่ายมาก
ถึงผมจะประกาศดองนิยาย แต่ผมก็ยังคงเขียนเหมือนเดิมนะครับไม่ต้องกังวล แค่มีเวลาให้การเขียนนิยายน้อยลงและอาจส่งผลให้ผมยังไม่สามารถลงนิยายได้บ่อยอย่างทันทีทันใดทันใจคนอ่าน เพื่อความสบายใจผมจึงประกาศว่าดองเอาไว่ก่อน แต่ก็ยังคงแต่งเหมือนเดิมนั่นแหละแค่ยังไม่เอาลงเว็บเร็วๆนี้ โดยผมจะใช้เวลาช่วงเสาร์อาทิตย์ในการเขียนนิยายแทนครับ ขอให้อดทนรอหน่อยนะครับ เพาะผมไม่เคยทิ้งนิยายที่ตัวเองเขียนเองอยู่แล้ว ถ้าเริ่มเขียนไปแล้วยังไงก็ต้องเขียนต่อไปให้จบ
สำหรับคนที่อยากติดตามข่าวสารต่างๆเกี่ยวกับนิยายและประกาศของนักเขียน สามารถกดไลค์แฟนเพจผมได้เลยนะครับ ผมคอยจะอัพเดตข่าวคราวลงในเพจนี้เพื่อที่ผู้อ่านจะได้รับทราบและเข้าใจกันทั้งหมด
ความคิดเห็น