ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Town of Sinfulness

    ลำดับตอนที่ #6 : VI

    • อัปเดตล่าสุด 19 ม.ค. 64


    And/apocalypse/Michael Langdon | Apocalypse aesthetic, Apocalypse, Dark  heart




    หัวใจเต้นแรงจนสะเทือนสะท้านไปทั้งอก รู้สึกราวกับจะหัวใจวายตายได้ในทุกวินาทีถัดจากนี้ เด็กสาวถอยหนีแต่ในที่สุดก็ล้มลงไปจนได้ด้วยความรีบร้อนลนลาน ไอระอุจากความร้อนบนพื้นไม้แนบกับผิว ให้ความรู้สึกแสบร้อนจนต้องร้องโอดโอย แต่ต้องรีบตะกายตัวเองให้ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง เธอได้ยินเสียงฝีเท้าที่กำลังเดินเข้ามา เหมือนกับในความฝันก่อนหน้านี้ จังหวะเดียวกัน น้ำหนักการลงฝีเท้าแบบเดียวกัน มันกำลังเข้ามาใกล้ และเธอก็รู้ได้เองโดยไม่จำเป็นต้องมีใครบอก อย่างเช่นความคิดที่ปรากฏทุกครั้งเมื่อพบมันในความฝัน ชัดเจนและเป็นธรรมชาติเหมือนกับสัญชาตญาณการเอาตัวรอดของสัตว์


    อย่าให้มันเข้าใกล้ อย่าให้มันจับตัวได้


    เธอควรจะรีบหนีออกไปจากที่นี่ ก่อนที่จะต้องถูกเผาตายไปพร้อม ๆ กับโบสถ์ แต่มิเรียมรู้ว่าหากเธอหนีไปตอนนี้อย่างไรก็หนีไม่พ้นปีศาจตัวนั้นไม่พ้นแน่ มันจะควานหาเธออย่างง่ายดาย มันก็แค่สนุกกับการที่ปล่อยให้เธอได้ดิ้นรนหนีเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น เหมือนแมวไล่จับหนู มันจะไม่ฆ่าหนูโดยทันทีแต่ไล่ตะปบไปเรื่อยจนกว่าหนูจะตายไปเอง เธอจำเป็นต้องหาสิ่งที่ป้องกันตัว อะไรก็ได้ที่ทำให้ปีศาจเสียหลักและไม่กล้าเข้าใกล้ แต่สิ่งใดที่ปีศาจกลัวมากที่สุด?


    คำตอบก็คือพระเจ้า


    เธอวิ่งไปที่ห้องโถงใหญ่ ห้องแห่งการประกอบพิธีทางศาสนา น่าประหลาดที่ห้องนี้ไม่มีไฟลุกลามมากนักเมื่อเทียบกับจุดอื่น ๆ ภายในโบสถ์ มิเรียมตรงไปยังแท่นบูชาที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงกลาง คุกเข่าลงและประสานมืออธิษฐาน ค้นหาคำตอบและความช่วยเหลือ อะไรก็ได้ที่จะช่วยให้เธอหลุดพ้นฝันร้ายที่กลายมาเป็นจริงได้สักที


    หากความฝันเป็นสิ่งน่ากลัว สิ่งที่เกิดขึ้นจริงตอนนี้นับว่าน่ากลัวยิ่งกว่าใด ๆ เพราะนั่นคือปีศาจตัวจริง ที่ไม่ใช่นิทานหลอกเด็กหรือแค่สิ่งที่ถูกพูดถึงในไบเบิ้ล เธอเคยฝันถึงมัน นึกกลัวถึงตัวตนของมัน แต่ไม่เคยคาดคิดว่ามันจะมีตัวตนอยู่จริงแบบนี้ ปีศาจที่มีดวงตาเหมือนงู และมืดมิดยิ่งกว่าความมืดใดบนโลก มันมีจริงและกำลังอยู่ที่นี่ ย่างขุมเข้าเตรียมจะเชือดเธอเป็นรายสุดท้าย


    นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะ


    เธอสบถแล้วจึงสะอื้นไห้โฮ จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ไม่เข้าใจว่าเรื่องบ้า ๆ ทั้งหมดนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไง ไฟไหม้โบสถ์ แม่ชีตายเกลื่อน และปีศาจบ้าเลือด มันเกิดขึ้นรวดเดียวโดยไม่มีเวลาให้เธอได้เข้าใจและตั้งตัวแม้แต่นิด


    พระเจ้า ได้โปรดเถอะพระเป็นเจ้า ได้โปรดช่วยลูกด้วย


    มิเรียมนึกบทสวดมนต์ใดไม่ออก ทำได้เพียงอธิษฐานอ้อนวอนอยู่ในใจ หวังให้เสียงของตนส่งไปถึงหูพระเจ้า ให้พระเจ้าผู้มีเมตตาเหนืออื่นใดประทานการช่วยเหลือให้เธอหลุดพ้นจากนรกบนดินสักที คำพูดของแม่ชีซาร่าดังวนเวียนในห้วงความคิด “ปีศาจคือตัวแทนของความชั่วร้าย และพระเป็นเจ้าก็คือของความดีงาม สองสิ่งเป็นดั่งเช่นคู่ขนาน หากเธอไม่เชื่อในการมีอยู่ของปีศาจ นั่นก็เท่ากับว่าเธอไม่เชื่อถือในพระเจ้าด้วยเช่นกัน” ตอนนี้ปีศาจปรากฏตัวขึ้นแล้ว และมีเพียงพระเจ้าที่ช่วยได้ ไม่เคยมีครั้งไหนในชีวิตที่เธอจะศรัทธาถึงพระเจ้าได้มากเท่านี้อีกแล้ว


    แต่ก็ไม่มีคำตอบกลับมา...ไม่มีอะไรเลยนอกจากความเงียบงันเพียงเท่านั้น


    อีกครั้งหนึ่งแล้วที่เธอถูกเมินเฉยจากพระเจ้า ครั้งแล้วครั้งเล่าที่เฝ้าสงสัยและเจ็บปวด ตั้งแต่เด็กจนโต ไม่เคยมีเลยสักครั้งที่พระเจ้าจะตอบรับคำร้องขอความช่วยเหลือจากเธอ ไม่เคยเลยแม้กระทั่งครั้งนี้ก็ตาม


    เสียเวลาเปล่า เขาไม่เคยสนใจใครจริง ๆ หรอก


    เสียงทุ้มดังขึ้นจากเบื้องหลัง มิเรียมสะดุ้งโหยง ความกลัวสั่นสะท้านในจิตใจจนมือไม้สั่น เสียงนั่น เสียงของมัน  เธอกลัวเสียจนไม่กล้าหันหลัง แต่คล้ายกับว่ามีบางอย่างบีบบังคับให้เธอจำต้องหันกลับไปอย่างช้า ๆ อย่างเลี่ยงไม่ได้


    มันยืนอยู่ตรงนั้น แจ่มชัดอยู่ตรงหน้าเธอ ไม่เลือนรางเช่นในความฝัน เธอเห็นมันได้อย่างชัดเจนกว่าครั้งไหน ๆ มันเหมือนมนุษย์ทุกประการ มนุษย์ผู้ชายที่ตัวสูงและผอมแห้ง สวมสูทสีดำสนิทตัดกับผิวที่ขาวซีดจนดูเหมือนไม่มีเลือดไหลเวียน และหน้าตาของมันมิเรียมเคยจินตนาการถึงปีศาจน่าเกลียดน่ากลัว แต่สิ่งที่เธอเห็นนั้นตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง ใบหน้าของมันงดงามเหมือนกับรูปปั้นเทวดาที่ประดับอยู่ในโบสถ์ใหญ่โต แฝงด้วยความสง่างามและความเย่อหยิ่งอยู่ในที ผมของมันเป็นสีส้มเข้ม ดูคล้ายคลึงกับสีของเปลวไฟที่กำลังลุกไหม้อยู่ในขณะนี้ ส่วนตาของมันก็ไม่ได้เหมือนงูอีกต่อไปแล้ว แต่เป็นดวงตามนุษย์ที่มีสองสี ซ้ายสีฟ้าและขวาสีเหลือง สายตาของมันไม่ได้มองมาที่เธอ แต่กลับมองผ่านไปยังไม้กางเขนอันใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังของเธอ ดูเหม่อลอยเหมือนคนชราที่กำลังระลึกย้อนถึงความหลังครั้งหนุ่มสาวของตัวเอง


    ...พระเจ้าไม่เคยสนใจใคร แม้แต่ลูกชายของเขาเองก็ตาม มันพูดอีกครั้ง น้ำเสียงของมันแสดงความหนักแน่นและเย้ยหยันอย่างชัดเจน


    แกคืออะไรกันแน่?” มิเรียมเอ่ยอย่างหวาดหวั่นระคนด้วยความสงสัย ถึงตอนนั้นเจ้าปีศาจก็หันมาให้ความสนใจเด็กสาวอีกครั้ง ดวงตาสองสีของมันหรี่ลงเล็กน้อย พร้อมกับรอยยิ้มขี้เล่นที่ประดับบนใบหน้า


    โอ้ ฉันมีหลายชื่อเลยแหละตลอดหลายปีมานี้ นับไม่ถ้วนเลยเชียวล่ะ มันหัวเราะแล้วแสร้งทำหน้าเหมือนกำลังครุ่นคิด ฉันอยู่ทุกที่และฉันเป็นทุกอย่าง อันที่จริงสงครามโลกครั้งที่สองนี่เกิดขึ้นเพราะฉัน เจ้าฮิตเลอร์นั่นนะเจ๋งไม่เบาเลยเชียว แต่ไม่ใช่แค่สงครามโลกครั้งที่สองหรอก จะครั้งที่หนึ่ง หรือครั้งไหนๆ ก็ตาม ไหนจะการล่าอาณานิคม หรือการล้มสลายของราชวงศ์ต่าง ๆ และการปฏิวัติทั่วทั้งโลกนั่นอีก พูดง่าย ๆ ว่าทุกความวุ่นวายอันยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์มนุษย์ก็ฝีมือฉันทั้งนั้นเลย


    มิเรียมยังคงไม่เข้าใจในสิ่งที่มันพูด สีหน้าฉายชัดถึงความงุนงงสับสนในสิ่งที่ได้ยินจากปากปีศาจตรงหน้า มันส่งเสียงจิ๊ในลำคอ ดูไม่ค่อยพอใจเท่าไรนักที่มนุษย์ตรงหน้าไม่เข้าใจสิ่งที่มันพูดเสียยืดยาว เอาล่ะ ฉันจะใบ้ให้อีกนิด ฉันคือดวงดาวที่ปรากฏในตอนเช้า ไหนลองเดาสิว่าฉันคือใคร นี่ก็ใบ้สุด ๆ ล่ะนะ


    ดวงดาวที่ปรากฏในตอนเช้า? มิเรียมย่นคิ้ว และความคิดหนึ่งก็ปรากฏวาบเข้ามาในหัวอย่างฉับพลัน


    ลูซิเฟอร์


    โอ้ นึกออกแล้วสินะมันล่วงรู้ในทันทีที่เห็นแววตาของเด็กสาวตรงหน้า ก่อนจะขยับเข้าไปใกล้อีกนิด ใช้มือจัดแต่งสูทของตนแล้วกระแอมไอเบา ๆ เหมือนกับพิธีกรรายการทีวีชื่อดังที่กำลังกล่าวเปิดรายการเกมโชว์ของตัวเอง ฉันคงต้องพูดว่า...ยินดีที่ได้รู้จักสินะมิเรียม


    มันรู้ชื่อของเธอ มิเรียมคิดแล้วเม้มปากแน่น ตีสีหน้านิ่งเฉยแม้ว่าจะกลัวเสียจนอยากจะเป็นลมไปให้รู้แล้วรู้รอด แต่ความสงสัยมีมากกว่าความกลัว ความสงสัยต่อการปรากฏตัวของปีศาจตนนี้ มีเหตุผลอะไรที่เขาถึงมาโบสถ์ที่นี่และเผาทั้งหมด มีเหตุผลอะไรที่เขาต้องฆ่าแม่ชีทั้งหมด มีหลายอย่างที่เด็กสาวอยากจะพูดมากมาย แต่สิ่งที่ออกจากปากกลับมีแค่คำว่า ทำไม?”


    ปีศาจแสยะยิ้ม ดวงตาทอสีเหลืองวาวโรจน์ชั่วขณะ ประหนึ่งผู้ที่รู้ความลับทั้งหมดของจักรวาล ผู้ที่ถือไพ่เหนือกว่ามนุษย์ตัวเล็ก ๆ


    ฉันมีแผนการยิ่งใหญ่ เป็นแผนการที่ได้ถูกวางเอาไว้อย่างเนิ่นนาน ฉันเฝ้ารอวันเวลาที่เหมาะสมจนกระทั่งถึงตอนนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างได้ถูกกำหนดเอาไว้แล้วปีศาจผู้เคยเป็นเทวดาเงียบไปชั่วอึดใจ แต่สำหรับมิเรียม ความเงียบของมันดูเหมือนยาวนานนับปี ความเงียบที่สะกิดความใคร่รู้ให้เพิ่มพูนขึ้น มันยิ้มอีกครั้งเมื่อได้สบตากับหล่อน รับรู้ถึงความกระหายอยากเช่นเดียวกับอีฟตอนที่ได้ล่วงรู้ถึงความลับของผลไม้ต้องห้าม


    สาวน้อย สิ่งที่ฉันจะบอกเธอก็คือวันโลกาวินาศกำลังจะมาถึงแล้ว


    วันโลกาวินาศ[1]


    สิ่งนี้ได้ถูกจารึกไว้ในไบเบิ้ล อยู่ในหนังสือวิวรณ์เล่มสุดท้ายในคัมภีร์ มิเรียมจดจำได้เป็นอย่างดี มันคือนิมิตวันสิ้นโลกจากยอห์นแห่งปัทมอส ตราประทับทั้งเจ็ดของพระเจ้าที่ถูกแกะออก จตุรอาชาออกอาละวาด ทูตสวรรค์เป่าแตรทั้งเจ็ด ภัยพิบัติทั้งหลายแหล่โหมกระหน่ำทั่วทั้งโลก และวันสิ้นโลกก็เกิดขึ้น ตามด้วยสงครามระหว่างพระเยซูกับมารศาสนา ตัวแทนแห่งความดีและความชั่วจะห่ำหั่นกันในท้ายที่สุด


    มันเกิดขึ้นจริง ปีศาจยืนยันเช่นนั้น วันสิ้นโลก มนุษยชาติจะตายห่ากันหมด


    เธอตกใจจนพูดอะไรไม่ออก ชั่วขณะหนึ่งเธอคิดว่าตัวเองลืมแม้กระทั่งวิธีหายใจเลยด้วยซ้ำ แต่ปีศาจก็ไม่ได้สนใจเด็กสาวแต่อย่างใด มันยังคงพูดต่อไปไม่หยุด เดินมาไปรอบ ๆ ราวกับกำลังตื่นเต้นที่ได้เล่าแผนการของตัวเองให้ใครคนอื่นฟัง แต่การจะมีวันโลกาวินาศ จะต้องมีองค์ประกอบที่สำคัญมาก ๆ อยู่หนึ่งอย่างที่ทำให้มันสมบูรณ์ ฉันต้องการลูกชายของฉัน ลูกชายของฉันจะเป็นคนที่ทำให้โลกนี้ล่มสลาย พวกเขาเรียกลูกชายฉันว่าสัตว์ร้าย มารศาสนา ไม่ก็ศัตรูของพระคริสต์ เธอคงจะพอคุ้น ๆ อยู่บ้างใช่ไหมล่ะ? นั่นแหละเหตุผลที่ฉันมาที่นี่


    คราวนี้ปีศาจหยุดเดินในที่สุด ก่อนจะผินหน้ามาที่มิเรียม เธอเห็นชัดเจนว่าตาของเขาเปลี่ยนไปเป็นตาของงูแบบเดียวกับที่เธอเคยเห็นในฝันอยู่ตลอด


    ฉันมาที่นี่เพื่อเด็กในท้องของเธอ ลูกชายของฉันเอง


    ทันทีที่อีกฝ่ายพูดจบ อาการปวดท้องก็เกิดขึ้นอย่างกะทันหันจนมิเรียมเผลอทรุดลงไปกับพื้น เด็กสาวหน้าซีดเผือดในขณะที่สองมือจับแน่นบนหน้าท้องกลมมนของตัวเอง สัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวรุนแรงที่อยู่ในท้องตัวเอง เด็กคนนี้ เด็กที่กำลังเติบโตในท้องของเธอ มันคือศัตรูของพระคริสต์


    โอ้พระเจ้า! เป็นไปไม่ได้ นี่มันเหลือเชื่อเกินกว่าจะเชื่อได้


    ไม่เอาน่า เธอรู้ดีว่ามันเป็นเรื่องจริง


    เธอได้ยินเสียงของปีศาจ ราวกับรู้ว่าเธอคิดอะไร และใช่ มันพูดถูก มิเรียมคิดไปถึงอาการประหลาดบางประการที่เกิดขึ้นกับตัวเอง ทั้งท้องที่ใหญ่โตรวดเร็วผิดปกติ และการแพ้สร้อยไม้กางเขนของตัวเอง นี่ไม่ใช่อาการของคนท้องทั่วไปแน่ เธอสงสัยมานานแล้ว และทุกอย่างนี้อธิบายได้ด้วยคำตอบของมัน ตลอดที่ผ่านมาเธอกำลังท้องลูกของซาตานอยู่โดยไม่รู้ตัวเลย


    แต่สิ่งหนึ่งที่เธอยังไม่รู้ก็คือมันเกิดขึ้นได้ยังไงกัน?


    นึกสิ นึกย้อนเข้าไปอีก เธอหลับตาลง กดข่มความรู้สึกปวดท้องที่ปะทุเป็นระยะ ขุดเค้นความทรงจำของตัวเอง สิ่งใดกันที่ผิดปกติ แล้วทันใดนั้นเธอก็นึกขึ้นได้ น้ำ ความผิดปกติมันเริ่มขึ้นจากตอนนั้น แก้วน้ำที่เธอได้รับจากผู้หญิงในหมู่บ้าน น้ำที่ใสแจ๋วและเย็นฉ่ำ แท้จริงมันคือกับดักมาตั้งแต่แรก พวกเขาวางยาเธอด้วยน้ำดื่ม แล้วหลังจากนั้นเธอก็ตั้งท้อง


    ฉันบอกไปแล้วไงทุกอย่างถูกกำหนดเอาไว้อยู่แล้ว การที่เธอถูกพาอยู่ที่นี่ก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ คนพวกนั้นเฝ้าจับตาดูเธอมาตลอดนั่นแหละ พวกเขานับถือบูชาฉันเพราะฉันให้ในสิ่งที่พวกเขาต้องการ แค่ฉันบอกว่าจะทำให้เมืองนี้กลับมาอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง พวกเขาก็จับเธอมาถวายให้ฉันแล้ว


    คำพูดของมันตอกย้ำว่าเธอคิดถูก ความเจ็บปวดในท้องค่อยบรรเทาเบาบางลงไปบ้างแล้ว แต่เด็กสาวก็หมดเรี่ยวแรงที่จะลุกขึ้นยืนอีกครั้งหลังจากที่รับรู้ความจริงทั้งหมด มิเรียมเริ่มร้องไห้ เสียงสะอื้นแหลมเล็กฟังเหมือนเสียงโหยหวน ไม่เข้าใจว่าเหตุใดเรื่องเลวร้ายชั่วช้าเช่นนี้ต้องเกิดขึ้นแก่เธอด้วย


    ทำไมต้องเป็นฉัน ทำไมถึงไม่เป็นผู้หญิงคนอื่น


    จอมมารขมวดคิ้ว ดูไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไรนักกับคำถามจากอีกฝ่าย มันดีดนิ้วหนึ่งครั้ง แล้วมิเรียมก็หยุดร้องไห้ฉับพลันทันที เมื่อนั้นมันถึงยอมเอ่ยปากอีกครั้ง


    เหตุผลนะเหรอ? มันก็เป็นเพราะคนในตระกูลของเธอนั่นแหละ นังสารเลวที่เคยขายวิญญาณให้ฉันเพื่อผู้ชาย แต่สุดท้ายก็ผิดสัญญา หาบาทหลวงมาขับไล่ฉัน แล้วไอ้เวรนั่นก็ถึงกับยอมสละชีวิตเพื่อไล่ฉันลงนรก ถึงแม้จะแค่ชั่วคราวก็เถอะ


    มิเรียมเบิกตากว้าง นึกไปถึงเรื่องเล่าประจำตระกูลที่ได้ยินมาตั้งแต่เป็นเด็ก เธอเคยคิดแค่ว่ามันเป็นนิทานไร้สาระที่ทำให้แม่งมงายจนเป็นบ้าเป็นหลัง แต่กลับกลายเป็นว่ามันคือเรื่องจริงทั้งหมด และปีศาจที่ถูกพูดถึงในเรื่องเล่าก็คือตัวเดียวกับที่อยู่ตรงหน้าเธอตอนนี้นี่เอง


    ปีศาจแสยะยิ้ม สาแก่ใจอยู่ในทียามที่เห็นสีหน้าซีดเผือดของอีกฝ่าย สำหรับอดีตเทวดาที่ผันตัวมาเป็นปีศาจยิ่งใหญ่ การพลาดท่าพ่ายแพ้ต่อมนุษย์ชั้นต่ำถือเป็นความน่าอับอายเหลือคณานับ เป็นหนี้ความแค้นที่รอการชดใช้ มันใช้นิ้วเรียวยาวเชยคางของเด็กสาวขึ้น แล้วจ้องมองดูด้วยแววตาประหนึ่งพ่อที่มองลูกตัวเองด้วยความรักใคร่เอ็นดู


    แค่คำสาปแช่งอย่างเดียวคงไม่พอ ฉันต้องการการชดเชยสำหรับการละเมิดสัญญา และเธอในฐานะลูกหลานก็ต้องเป็นคนรับผิดชอบหนี้ของตระกูลด้วย ถูกต้องไหม? นี่คือเหตุผลที่ฉันเลือกเธอ หญิงพรหมจรรย์จากตระกูลวินสตัน ไม่มีใครเหมาะไปกว่าเธอแล้ว


    โอ้พระเจ้า!


    มิเรียมอุทานในใจอีกครั้ง แม้จะรู้ว่าพระเจ้าไม่มีทางช่วยเธอได้อีกต่อไปแล้ว ตอนนี้เธอตกอยู่ในเงื้อมือของปีศาจสมบูรณ์แบบ ตั้งท้องลูกของมันที่จะออกมาทำลายโลกใบนี้ให้สิ้นซาก ศัตรูของพระคริสต์กำลังจะเกิดในอีกไม่ช้านานนี้ เธอรู้ได้ด้วยสัญชาตญาณของแม่ ท้องที่ถูกเร่งให้เติบโตรวดเร็วเป็นสัญญาณของระยะเวลาการกำเนิดที่ย่นสั้นลงเรื่อย ๆ บางทีอาจจะเป็นวันนี้ พรุ่งนี้ หรือมะรืนนี้ ด้วยเหตุนี้ปีศาจถึงปรากฏตัวขึ้นที่นี่ เพราะเวลาที่รอคอยกำลังจะมาถึงแล้ว และมันก็เฝ้ารอที่จะได้เห็นหน้าลูกชายของตัวเองอยู่


    ไม่ จะปล่อยให้เป็นแบบนี้ไม่ได้


    นิ้วมือสัมผัสได้ถึงวัตถุบางสิ่งที่หล่นอยู่บนพื้น อาการแสบร้อนทันทีที่แตะคล้ายว่าจะดึงสติให้กลับมาได้อีกครั้ง มิเรียมคว้าจับสิ่งนั้นเอาไว้แน่นแม้ว่าจะทำให้ตัวเองต้องเจ็บปวดเหมือนไฟไหม้มือ เธอชูไม้กางเขนขนาดเล็กขึ้นตรงหน้าปีศาจ มันได้ผล อีกฝ่ายถอยหนีแทบจะทันที เด็กสาวจึงใช้โอกาสนี้ลุกขึ้นยืนอีกครั้งหนึ่ง ประสาททั้งหลายตื่นตัวฉับพลันยามจ้องมองยังปีศาจที่แสดงความหวาดกลัวอย่างชัดเจนต่อไม้กางเขนในมือเธอ


    เธอขับไล่มันไปไม่ได้ เพราะการขับไล่ปีศาจถูกสงวนไว้เฉพาะบาทหลวงที่ได้รับการรับรองจากวาติกัน แต่อย่างน้อยทำให้มันอ่อนแรงลงได้ มิเรียมคิดเช่นนั้นในขณะที่กัดฟันอดทนต่อความปวดแสบจากไม้กางเขนในมือตัวเอง ไม้กางแขนนี้ไม่ได้ทำร้ายแค่ปีศาจเท่านั้น แต่ยังทำร้ายเธอด้วยในฐานะของสตรีที่กำลังตั้งท้องลูกปีศาจผีนรก แต่เธอจะปล่อยมันไม่ได้ สิ่งนี้คือสิ่งเดียวที่สามารถปกป้องเธอจากปีศาจได้


    แต่เป็นเวลาเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้นที่จะได้รู้สึกเหนือกว่าปีศาจ สิ่งหนึ่งที่มนุษย์ผู้เยาว์วัยไม่ทราบคือปีศาจถนัดอย่างยิ่งในเรื่องของการโกหกและเสแสร้ง พริบตาเดียวความหวาดกลัวก็เลือนหายไปจากใบหน้ามัน มันยิ้มอีกครั้งก่อนจะฉวยดึงไม้กางเขนออกออกจากมือของเด็กสาวด้วยความว่องไว ทันทีที่ไม้กางเขนอยู่ในมือของปีศาจ ไฟไร้ที่มาก็ลุกไหม้ไม้กางเขนเป็นจุลในพริบตา


    แค่ครู่เดียวเท่านั้น ความหวังในการเอาตัวรอดก็พังทลายลงไปอย่างง่ายดาย มิเรียมตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ในขณะที่อดีตทูตสวรรค์หัวเราะร่าก่อนจะหรี่ตามองคนตรงหน้าอย่างท้าทาย


    เธอคิดว่าเศษไม้แค่นี้จะทำอะไรฉันได้เหรอ ดูถูกกันไปหน่อยแล้วมั้ง


    เวรเอ๊ย!


    ท่ามกลางความกลัวจนแทบบ้าที่กำลังคุกคามจิตใจ แต่ก็เจือไปด้วยโทสะที่ปรากฏชัดขึ้น มิเรียมคิดแวบหนึ่งว่าเธออยากจะต่อยหน้าซาตานฉิบหาย ต่อยแรง ๆ แบบที่เธอเคยต่อยหน้าแม่ก่อนจะหนีออกจากบ้าน ต่อยให้เลือดกลบปากแล้วถีบซ้ำเข้ายอดหน้า มันเป็นความบ้าบิ่นที่เกิดขึ้นจากการถูกกดดันอย่างหนัก อะดรีนาลีนหลั่งพลุ่งพล่าน เค้นเอาพลังเฮือกสุดท้ายในการเอาชีวิตรอดจากเรื่องบ้า ๆ ทั้งหมด


    และโดยที่ปีศาจไม่ทันตั้งตัวเธอต่อยมันเข้าเต็มแรงทั้งหมดที่มี


    เสียง ผัวะ ของหมัดที่กระทบเนื้อหนังดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ ปีศาจชะงักงันไปในทันที มือยาวสัมผัสใบหน้าข้างที่โดนต่อย เด็กสาวรู้ว่าแรงของเธอไม่อาจทำอะไรกับมันได้หรอก แต่อย่างน้อยให้มันได้นิ่งครู่หนึ่งก็ยังดี มิเรียมหันไปมองอ่างหินที่บรรจุน้ำเสก[2]ที่ตั้งอยู่ข้างแท่นบูชา ปีศาจกลัวน้ำเสกเรื่องนี้ใครก็รู้กันดี แต่กับลูซิเฟอร์นั้นเธอก็ไม่แน่ใจนัก ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีทางอื่นแล้ว เธอตัดสินใจผลักอ่างหินนั่น มันหนักแต่เธอก็ยังสามารถผลักมันจนล้มลงไปได้ อ่างหินแตกกระจายพร้อมน้ำเสกที่สาดกระเด็นเข้าใส่จอมปีศาจ บังเกิดไอควันกรุ่นก่อตัวขึ้นทั่วร่างมัน น้ำศักดิ์สิทธิ์แผดเผาเนื้อหนังสัตว์นรกประหนึ่งน้ำร้อนจัดก็ไม่ปาน


    อ๊ากกกกกกก


    ปีศาจกรีดร้องโหยหวน เจ็บปวดทรมานเหลือแสน ตัวของมันสั่นกระตุกอย่างน่ากลัว คราวนี้มันได้ผลจริง ๆ ไม่เหมือนกับไม้กางเขนนั่น มิเรียมตัดสินใจออกวิ่งหนีไปโดยทันทีก่อนที่มันจะหันมาจัดการเธอได้ เด็กสาววิ่งเหยียบย่ำผ่านลูกไฟที่อยู่บนพื้น แสบร้อนเหลือประมาณแต่ก็จำต้องอดทนไว้อย่างยิ่ง สิ่งสำคัญตอนนี้คือต้องหนีให้พ้นจากโบสถ์ให้ไวที่สุด หนีจากไฟนรก หนีจากผีนรก


    เป็นโชคดีที่โบสถ์นี้ใช้ประตูและหน้าต่างเป็นไม้แทนที่จะเป็นกระจกสี มิเรียมจึงตัดสินใจกระโจนหนีออกมาทางหน้าต่างที่อยู่ใกล้ที่สุดและยังไม่ติดไฟ แต่ระยะห่างระหว่างหน้าต่างกับพื้นล่างด้านนอกนั้นสูงพอดู ทันทีที่พ้นหน้าต่าง เด็กสาวก็ล้มกลิ้งไปบนพื้นอย่างแรง รู้สึกเจ็บและจุกไปทั่วทั้งร่างกาย


    แต่จะเสียเวลาไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว เธอดันตัวเองลุกขึ้นอีกครั้งอย่างทุลักทุเล ร่างเต็มไปด้วยรอยถลอกปอกเปลือกเลือดไหลซิบ ๆ มิเรียมย่นหน้าด้วยความเจ็บปวดก่อนจะฝืนเดินโงนเงนท่ามกลางความมืด มีเพียงแสงจากเพลิงที่กำลังลุกไหม้โบสถ์ที่ช่วยนำทางเธอให้ตรงไปสู่ประตูหน้าโบสถ์ที่อยู่ไม่ไกลนัก


    อีกแค่นิดเดียวเท่านั้น


    ยิ่งเข้าใกล้ประตูโบสถ์เท่านั้น เธอก็ยิ่งได้ยินเสียงประหลาดบางอย่างชัดเจนขึ้น มันเป็นเสียงเหมือนมีใครหลายคนรวมตัวกันพึมพำอะไรสักอย่าง เหมือนกับบทสวดแปลกประหลาดที่ไม่ใช่ของศาสนาคริสต์อย่างที่ร่ำเรียนมา 


    เด็กสาวหยุดฝีเท้าลงในทันที พอดีกับที่สายตาได้มองเห็นกลุ่มคนที่ยืนอออยู่เต็มทางเข้าโบสถ์ พวกเขาพากันสวดมนต์กันไม่หยุดปาก ในมือถือคบเพลิงและถังน้ำมันที่คาดว่าเป็นต้นเพลิงที่ทำให้โบสถ์ถูกเผาไหม้ ร่างกายเปลือยเปล่าไร้เสื้อผ้า และที่เด่นชัดที่สุดคือสัญลักษณ์ 666 สีดำที่ปรากฏอยู่บนหน้าผากบ้าง บนแขนบ้าง มันเป็นสัญลักษณ์แบบเดียวกับที่อยู่บนข้อมือขวาของเธอตอนนี้


    มิเรียมจดจำใบหน้าของคนเหล่านั้นได้แม่นยำ พวกเขาล้วนแต่เป็นคนในหมู่บ้านแห่งนี้ ทั้งชายชราที่เธอเคยเจอตอนไปตักน้ำที่ลำธาร ผู้หญิงผมดำที่ให้เธอกินน้ำที่วางยาเอาไว้ คุณหมอที่มาตรวจร่างกายของเธอ และคนอื่น ๆ ไม่ว่าจะเด็ก ผู้ใหญ่ หรือคนชรา ทุก ๆ คนมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ทั้งหมด คนพวกนี้คือสาวกของซาตาน เป็นส่วนหนึ่งในแผนการเหล่านี้มาตลอด โดยที่เธอไม่เคยตระหนักรู้เลยแม้แต่น้อยจนกระทั่งวันนี้


    จะออกไปทางประตูโบสถ์ตอนนี้ไม่ได้เด็ดขาด คนพวกนี้จะต้องมารุมทึ้งเธอแน่ถ้ามันเห็นเธอ มิเรียมค่อย ๆ ก้าวถอยหลังอย่างเงียบเชียบด้วยจิตใจประหวั่นสะพรึงกลัว แล้วในตอนนั้นเองแผ่นหลังของเธอก็ชนเข้ากับร่างของคนอีกคนที่ยืนเบื้องหลัง เด็กสาวเบิกตากว้างทันที หัวใจแทบจะหยุดเต้นไปชั่วขณะเมื่อพบว่ามีใครอื่นอีกนอกจากเธอ


    มิเรียมกลั้นใจอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะค่อย ๆ หันหลังกลับไปอย่างช้า ๆ แล้วเธอก็พบว่าคนที่ยืนอยู่ข้างหลังก็คือแม่ชีซาร่า สีหน้าหล่อนดูตกใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อได้เห็นเธออยู่ตรงหน้า


    มิเรียม!” หญิงสาวหอบหายใจรุนแรง ดูเหนื่อยอ่อนระคนตื่นเต้นหวาดกลัว สองมือของผู้เป็นแม่ชีคว้าจับที่แขนของมิเรียมไว้แน่น ฉันนึกว่าเธอจะไม่รอดแล้วซะอีก


    คำพูดของหล่อนไม่ต่างอะไรกับความคิดของมิเรียมในตอนนี้เลยแม้แต่น้อย ภาพของบรรดาศพแม่ชีและแม่ชีฝึกหัดที่เสียชีวิตเกลื่อนกลาดในโบสถ์ที่ได้เห็นก่อนหน้านี้ทำให้เด็กสาวไม่คิดว่าจะมีคนอื่นจากในโบสถ์ที่รอดชีวิตอีกแล้วนอกจากเธอเท่านั้น เด็กสาวเกาะจับอีกฝ่ายไว้แน่นไม่แพ้กัน สองมือตะกุยตะกายโถมเข้าใส่แม่ชีซาร่า ราวกับเป็นแหล่งยึดเหนี่ยวเพียงหนึ่งเดียวที่มีอยู่ในตอนนี้ ในคราวคับขันที่กำลังถูกแวดล้อมท่ามกลางปีศาจและเหล่าพรรคพวกของมันที่หมายมั่นเด็กในท้องของเธอ


    ซิสเตอร์ค่ะ ปีศาจ..ฉันเห็นปีศาจ มันอยู่ข้างในนั้น มันฆ่าทุกคน


    เด็กสาวกระหืดกระหอบบอกเล่าเหตุการณ์กึ่ง ๆ สะอื้นไห้ สติแตกอย่างสมบูรณ์แบบหลังจากได้เผชิญความจริงอันยากที่จะเชื่อซึ่งถาโถมเข้ามาในคราวเดียว การตั้งสติแล้วพาตัวเองหลบหนีออกมาได้จนถึงตอนนี้จึงนับว่าเป็นความพยายามอย่างสูงแล้วสำหรับเธอ ร่างเล็ก ๆ สั่นสะท้านและอ่อนแรง โน้มเอียงคล้ายว่าจะล้มเหล่ไม่ล้มเหล่ เป็นโชคดีที่แม่ชีซาร่ายังคงจับตัวมิเรียมเอาไว้จึงไม่ทำให้เธอเป็นลมล้มพับไปเสียก่อน


    ใจเย็น ๆ ก่อนมิเรียมแม้สีหน้าหญิงสาวจะดูตื่นกลัวอยู่เช่นเดิม แต่น้ำเสียงกลับฟังดูสงบอย่างน่าเชื่อ พลอยทำให้มิเรียมเริ่มรู้สึกสงบลงไปด้วยบ้าง ฉันคิดว่าคงมีแค่เราสองคนที่ยังรอด เราควรรีบออกไปจากที่นี่ได้แล้ว ก่อนที่จะมีใครรู้ว่าเราอยู่ตรงนี้


    แม่ขีซาร่ากล่าวอย่างเป็นการเป็นงาน และมิเรียมก็พยักหน้ารับอย่างว่าง่าย เพราะเธอคิดสิ่งใดที่ดีกว่านี้ไม่ได้แล้ว ราวกับความสามารถในการรับรู้ถูกปิดกั้นไปชั่วขณะ เด็กสาวถูกจับจูงมือให้ตามคนอายุมากกว่าไป โดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหล่อนจะพาออกไปยังที่แห่งใด ความหวาดกลัวทำให้มิเรียมกอดแขนของอีกฝ่ายเอาไว้แน่น พยายามอยู่ใกล้ชิดหล่อนไว้ให้มากที่สุด การอยู่ใกล้แม่ชีซาร่าทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยขึ้นมาบ้างเล็กน้อย เพราะหล่อนถือว่าเป็นเพียงคนรู้จักของเธอเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ยังเหลือรอดอยู่มาถึงตอนนี้


    แต่สัมผัสเปียกชุ่มจากแขนของแม่ชีซาร่าทำให้ความคิดที่กระเจิดกระเจิงก่อนหน้านี้ของมิเรียมกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง เด็กสาวก้มลงมองแขนที่เธอกอดอยู่ พบว่ามันชุ่มโชกไปด้วยเลือดสีแดงทั่วทั้งแขน และตอนนี้เลือดเหล่านั้นก็เปรอะเปื้อนตัวเธอไปด้วยเช่นกัน น่าแปลกที่เธอไม่รู้สึกหรือสังเกตถึงมันมาก่อนจนกระทั่งตอนนี้ เด็กสาวเบิกตากว้าง เผลอปล่อยมือจากแขนอีกฝ่ายแล้วผงะถอยห่างในทันที


    ซิสเตอร์ค่ะ คุณบาดเจ็บอยู่เหรอ?”


    ดวงตาของแม่ชีเหลือบมองแขนตัวเอง ราวกับไม่รู้ตัวเช่นกันว่ามีเลือดบนแขนตัวเอง หล่อนจัดการใช้ปลายเสื้อเช็ดข้อมือตัวเองอย่างลวก ๆ ก่อนจะหันไปตอบเด็กสาว ไม่มีอะไรหรอกจ๊ะ มันแค่เป็นรอยเปื้อนเท่านั้น


    มือเรียวของหญิงสาวคว้าจับที่แขนของมิเรียมอีกครั้ง ราวกับต้องการรีบร้อนออกไปจากตรงนี้จนไม่อยากเสียเวลาแม้แต่นิดเดียว แต่ทว่าในจังหวะที่แขนของอีกฝ่ายยกขึ้นมา มิเรียมก็สังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่างอยู่ภายใต้ข้อมือของอีกฝ่าย มันเป็นช่วงเวลาแค่ครู่เดียวเท่านั้น แต่สิ่งที่เห็นกลับประทับตรึงลงในใจของเด็กสาวอย่างรวดเร็ว


    สัญลักษณ์ 666


    สัญลักษณ์แบบเดียวกับที่ปรากฏอยู่บนตัวของชาวบ้านข้างนอกนั่น สัญลักษณ์ที่เธอเองก็มีอยู่บนแขนเช่นกัน และแม่ชีซาร่าก็มีมันด้วย อยู่บนแขนข้างเดียวกับที่เธอมีเลยด้วยซ้ำ มันคือสัญลักษณ์ของสัตว์นรก ตัวแทนของการถูกตีตราเป็นสมบัติของปีศาจ


    แม่ชีซาร่าเป็นสาวกของซาตาน!



    _______________




    Talk:กลับมาอัพอย่างจริงจังแล้วครับ ด้วยเหตุผลสองข้อ

    1.เขียน back to the 70s จบแล้ว

    2.เขียน Town of Sinfulness จบแล้ว!!!

    จริงๆคิดว่าจะยาวกว่านี้ แต่พอเขียนไปเขียนมาก็จบใน58หน้าเอสี่ซะอย่างงั้น ถือว่าน้อยมาก แต่ก็ขยายไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว อาจเพราะว่าเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในคืนเดียวเท่านั้น รายละเอียดต่างๆเลยไม่สามารถต่อให้ยาวได้เหมือนนิยายเรื่องยาวเรื่องอื่น กลายเป็นนิยายขนาดสั้นแทน

    ถือว่าจบโปรเจคใหญ่ไปได้สองโปรเจคแล้ว หลังจากน้ก็แค่ทยอยลงให้จบ และเริ่มงานใหม่(ฮ่า) เตรียมพบกับโปรเจคหน้า by x-kira กันนะฮะ ใบ้ว่าเป็นแนวคอมเมดี้อีกแล้ว เน้นไมมีสาระ เพราะเขียนเครียดๆมาเยอะแล้ว อยากผ่อนคลายสมองแบบไม่คิดไรมากบ้าง 



    [1] วันโลกาวินาศ(Apocalypse) เป็นเนื้อหาส่วนหนึ่งจากคัมภีร์วิวรณ์ที่เป็นส่วนหนึ่งของไบเบิ้ลภาคพันธะสัญญาใหม่ ที่ถูกเขียนขึ้นโดยยอห์นแห่งปัทมอส ซึ่งได้กล่าวถึงนิมิตเกี่ยวกับวันสิ้นโลกและการกำเนิดโลกใหม่หลังการทำลายล้างโลก รวมถึงนครบริสุทธิ์ที่จะมีให้กับผู้ที่ภักดีต่อพระเจ้าเท่านั้น

    [2] น้ำเสก เป็นน้ำที่ผ่านการเสกจากบาทหลวง ถือเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ แต่ชาวคริสต์ไม่นิยมเรียกว่าน้ำมนต์แบบชาวพุทธ จะเรียกเป็นน้ำเสกแทน เพราะถือว่าใช้บทภาวนาในการเสกน้ำ


    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×