คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : I
มีเรื่องเล่าว่าผู้หญิงที่เกิดในตระกูลวินสตันทุกคนต้องคำสาป
ไม่มีใครรู้ว่าเป็นเรื่องจริงไหม
และไม่มีใครรู้ว่ามันเกิดขึ้นในยุคสมัยใด
แต่มันก็เป็นเรื่องเล่าที่ตกทอดกันมาในตระกูลวินสตัน ที่ได้กล่าวถึงสตรีผู้หนึ่ง— โซเฟีย วินสตัน
ลูกสาวคนเล็กของตระกูลวินสตันที่แสนร่ำรวยในอดีต
หล่อนได้ตกหลุมรักชายหนุ่มคนหนึ่งที่อยู่หมู่บ้านเดียวกัน
เสียแต่ว่าชายผู้นั้นได้ที่แต่งงานแล้ว ถึงอย่างนั้นความรักก็ทำให้นางไม่สนถูกผิด
ยอมทำทุกอย่างเพียงเพื่อให้ได้ชายคนนั้นมาครอบครอง แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ประสบความสำเร็จ
เพราะชายผู้นั้นไม่ได้รักเธอ และไม่เคยแม้แต่จะชายตามองมาที่เธอเสียด้วย
ไม่ว่าเงินทองจะมากมายเพียงไรก็ไม่อาจซื้อความรักได้
สาวน้อยโซเฟียตระหนักได้ว่าเธอไม่มีทางจะได้ใจของชายผู้เป็นที่รักได้
หล่อนจึงทุกข์ตรมทรมานด้วยพิษแห่งรักที่แผดเผาดวงใจจนไหม้เป็นจุณ
ร่ำร้องไห้ทุกเช้าค่ำถึงรักที่ไม่สมหวัง แต่ก็ยังคงไม่ละความพยายามอันเต็มไปด้วยความหวังลม
ๆ แล้ง ๆ จนกระทั่งวันหนึ่งหล่อนได้บังเอิญล่วงรู้ถึงความลับบางอย่างที่มีอยู่ในหมู่บ้านมาช้านานเข้า
ความลับที่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้รับรู้
หากอยากได้สิ่งที่ปรารถนา
จงไปที่สี่แยกนอกหมู่บ้านยามเที่ยงคืนแล้วหยดเลือดหลั่งลงพื้นดิน
เมื่อนั้นคนผู้นั้นจะปรากฏกาย และเจ้าจะสามารถเอ่ยขอในสิ่งที่ต้องการแก่เขา แต่จำไว้ให้ดี
เมื่อเอ่ยขอสิ่งใดไปก็ต้องมีตอบแทนเสมอ ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธได้
โซเฟียรู้ดีว่านี่คือหนทางเดียวที่มีเหลืออยู่
หนทางเดียวที่จะได้ใจของชายที่หลงรักอย่างที่ปรารถนามาตลอด หล่อนตัดสินใจลอบออกจากบ้านพร้อมมีดพกเล่มเล็กในมือ
ตรงไปที่สี่แยกนอกหมู่บ้านในคืนที่เงียบสงัด ไม่มีแม้แต่เสียงร้องของจิ้งหรีด
หรือเสียงความเคลื่อนไหวในบ้านใคร ราวกับทั่วทั้งเมืองหลับใหลยกเว้นเพียงเด็กสาวผู้เดียว
เด็กสาวผู้ที่กำลังยืนอยู่เหนือผืนดินตรงกึ่งกลางของสี่แยก
รายล้อมด้วยทุ่งหญ้ากว้างและความมืดมิด
หล่อนหยิบมีดขึ้น
จรดปลายแหลมคมของโลหะลงบนฝ่ามือตัวเอง เลือดไหลหยดลงบนพื้นที่แห้งแล้งจนเปียกชุ่ม โซเฟียตั้งตาด้วยความกระตือรือร้นและหัวใจเปี่ยมไปด้วยความเสน่หา
แต่เนิ่นนานเข้ากลับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น
จนเธอเริ่มท้อแท้แล้วตัดสินใจหันหลังกลับอย่างเงียบเชียบ
เมื่อนั้นดรุณีน้อยจึงได้พบกับใครคนหนึ่งที่ยืนอยู่เบื้องหลังของเธอ
มันยืนอยู่ตรงนั้น
กลมกลืนไปกับความมืด เสมือนเป็นหนึ่งเดียวกับรัตติกาล มีเพียงดวงตาสีเหลืองวาววับเด่นชัดเหนือสีสันแห่งอนธการ กล่าวกันว่าดวงตาของมันเหมือนกับงูพิษ
สัตว์ร้ายตัวแทนแห่งบาป ผู้ล่อลวงให้อีฟกินผลไม้ต้องห้ามในสวนอีเดน
บุตรสาวแห่งตระกูลตัวสั่นด้วยความกลัวในคราแรก แต่เมื่อตระหนักได้ว่าบุคคลเบื้องหน้าสามารถมอบสิ่งที่ต้องการให้เธอได้
หล่อนรีบละล่ำละลักกล่าวคำขอร้องราวกับกลัวว่าอีกฝ่ายจะหายตัวไป
“ข้าอยากได้หัวใจของชายที่ข้ารัก ข้าอยากให้เขารักข้าแต่เพียงผู้เดียว”
“เช่นที่ปรารถนา”
เงาร่างในความมืดเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ ก่อนจรดประทับจุมพิตบนริมฝีปากสตรีมนุษย์ หล่อนสะดุ้งเฮือก รู้สึกถึงความร้อนวูบวาบราวลูกไฟเล็ก ๆ แล่นผ่านทั่วร่าง ไม่แสบร้อนทรมานแต่ชวนให้ตกใจ ตราแห่งปีศาจปรากฏเหนืออกซ้าย พันธสัญญาแห่งบาปเริ่มต้นขึ้นด้วยเหตุนี้
“อีกสิบปีหลังจากนี้ข้าจะกลับมาอีกครั้ง”
มันกล่าวเช่นนั้นก่อนจะหายตัวไป พร้อมความปีติยินดีปรากฏขึ้นในห้วงคำนึงของสาวน้อยผู้ตกอยู่ในห้วงแห่งความรัก
และเพียงไม่กี่วันหลังจากนั้นหล่อนก็สมความปรารถนา
เมื่อชายในดวงใจได้ทอดทิ้งภรรยาของตนเพื่อมาอ้อนวอนขอความรักจากเธอ ทั้งความลุ่มหลงล้ำลึกและถ้อยคำหวานหูของเขาล้วนเป็นไปในแบบที่เด็กสาวนึกใฝ่ฝันมาตลอด
โซเฟีย วินสตันจึงได้ครองคู่อย่างสุขสมกับชายผู้เป็นที่รักในที่สุด
ชีวิตครอบครัวหลังจากนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักและความอบอุ่น
โซเฟียได้ให้กำเนิดบุตรชายและบุตรสาวอย่างละคนแก่สามี และได้อาศัยอยู่ในบ้านหลังโตที่เต็มไปด้วยเงินทองจากมรดกตกทอด
ช่างสุขสมบูรณ์จนชวนให้ผู้คนพากันอิจฉา เพราะไม่มีชีวิตของใครในหมู่บ้านจะพรั่งพร้อมไปมากกว่าชีวิตของโซเฟีย
วินสตันอีกแล้ว
แต่ไม่มีใครที่รู้ว่าความสุขที่เกิดขึ้นต้องแลกมาด้วยสิ่งใด
ในปีที่สิบแห่งชีวิตสมรสของโซเฟีย ท่ามกลางค่ำคืนหนาวเย็นที่หิมะตกหนัก
เมื่อทุกคนในบ้านหลับใหลสนิท ยกเว้นเพียงโซเฟีย
หญิงสาวเกิดอาการร้อนรุ่มจนไม่อาจข่มใจหลับลงได้ และเมื่อลืมตาขึ้น
ปีศาจก็ได้ปรากฏตัวขึ้นอยู่ข้างหัวเตียง ดวงตาที่เหมือนงูจ้องมองมาที่เธอ
เหมือนในค่ำคืนเดียวกับที่เธอได้ตกลงทำสัญญาแก่มัน
“ข้ามาเพื่อทวงค่าตอบแทน
หัวใจของเขาเป็นหัวใจของเจ้าแล้ว และวิญญาณของเจ้าต้องกลายเป็นของข้า”
เมื่อเอ่ยขอสิ่งใดไปก็ต้องให้สิ่งตอบแทน
นี่เป็นคำเตือนที่มีมาตั้งแต่แรกที่หล่อนได้ล่วงรู้ความลับเรื่องปีศาจที่สี่แยก
แต่เพราะโง่เขลาและลุ่มหลงในรัก จึงคาดหวังเพียงแต่ผลที่ได้
แต่กลับไม่ได้ตระหนักถึงสิ่งตอบแทนที่ต้องจ่าย
กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็คล้ายว่าจะสายไปเสียแล้ว โซเฟียร่ำไห้อย่างโศกเศร้าแล้วอ้อนวอนขอยืดเวลาในการให้สิ่งตอบแทน
โดยให้เหตุผลว่าอยากบอกลาสามีและลูกเสียก่อน ซึ่งปีศาจก็ยินยอม
และได้กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่าในอีกสามวันจากนี้มันจะกลับมาอีกครั้งเพื่อรับชำระหนี้แห่งสัญญานี้ให้เสร็จสิ้น
ความหวาดกลัวกลืนกินจิตใจของหญิงสาวอย่างสิ้นเชิง เมื่อตระหนักถึงพืชผลแห่งบาปที่งอกเงยจากเมล็ดของการกระทำครั้งนั้น
นี่คือบาปของการก้าวล้ำในสิ่งชั่วร้ายผิดจากอำนาจแห่งพระเจ้า บัดนี้หล่อนตาสว่างแล้ว
และคนที่ช่วยได้ก็มีเพียงแค่พระเจ้าเท่านั้น โซเฟียจึงหันหน้าเข้าหาโบสถ์
สู่เขตแดนของพระเป็นเจ้า หล่อนพร่ำสวดมนต์ภาวนา รวมถึงกล่าวสารภาพบาปอันชั่วร้ายที่ตนเองได้เคยกระทำไว้แก่บาทหลวงผู้หนึ่ง
หวังจะได้รับการอภัยต่อบาปและได้รับความคุ้มครองจากพระเจ้า
เพราะปีศาจเป็นสิ่งชั่วร้ายสมควรกำจัด และผู้สำนึกผิดแก่บาปย่อมได้รับการอภัย เป็นที่โชคดีนักเพราะบาทหลวงผู้นั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญอย่างยิ่งในด้านการปราบภูตผีปีศาจ ที่ได้รับคำสั่งจากวาติกันเพื่อจัดการกับปีศาจที่คุกคามและล่อลวงมนุษย์โดยเฉพาะ เขาจึงตัดสินใจทำพิธีขับไล่ปีศาจด้วยตัวเอง ด้วยความมุ่งหวังตั้งใจขจัดเอาสิ่งอัปมงคลชั่วร้ายออกจากหมู่บ้านแห่งนี้
ในที่สุดอำนาจแห่งศาสนาก็มีชัยเหนือพวกนอกรีต เมื่อมันพ่ายแพ้แก่ตัวแทนของพระเจ้าในที่สุด ก่อเกิดเป็นความคั่งแค้นที่สตรีมนุษย์ได้ผิดสัญญาที่ทำไว้แก่ตน
ซ้ำร้ายยังถูกบาทหลวงขับไล่จนต้องลี้ภัยจากแผ่นดินกลับสู่นรกเป็นการชั่วคราว มันสาบานว่าจะสักวันหนึ่งกลับขึ้นมาบนโลกอีกครั้ง และยังได้ร่ายคำสาปแช่งไว้แก่ตระกูลวินสตัน
นับแต่นี้ต่อไปเด็กผู้หญิงที่เกิดในตระกูลวินสตันทุกคนจะต้องพบเจอกับความหายนะและทุกข์ทรมานไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
ไม่อาจใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้ตลอดไป
มิเรียมจำนิทานประจำตระกูลตัวเองได้อย่างขึ้นใจ แม่มักจะเล่านิทานเรื่องนี้ให้เธอฟังเสมอก่อนนอน
ย้ำเตือนอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันว่าสตรีในตระกูลวินสตันเช่นเธอนับเป็นบาปร้ายแรง และต้องชดเชยบาปนี้ด้วยการภักดีต่อพระเจ้าอย่างสุดหัวใจ
ให้อำนาจอันบริสุทธิ์ของพระเจ้าปกปักคุ้มครอง แม่เป็นคนเคร่งศาสนาตั้งแต่ยังเป็นสาว
และเมื่อพ่อเสียชีวิตไปแล้วแม่ก็หมกมุ่นกับศาสนายิ่งเข้าไปอีก
แม่เชื่อในพระเจ้าสุดหัวใจ และพยายามจะทำให้ลูก ๆ ทั้งหกคนเชื่อเช่นเดียวกับที่หล่อนเชื่อ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเธอ
ลูกที่แม่เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าจะต้องประสบเคราะห์กรรมแสนสาหัสนับจากนี้เพียงเพราะเกิดมาเป็นผู้หญิง
มิเรียมเป็นลูกสาวเพียงคนเดียว และเป็นลูกสุดท้ายคนที่หก—เลขแห่งความชั่วร้าย
แม่กล่าวไว้เช่นนั้น แม่พร่ำพูดเสมอถึงบาปกรรมที่จะเกิดแก่เธอ
บาปกรรมที่จะเกิดแก่ลูกสาวในตระกูลวินสตันทุกคน ไม่ตกตาย เป็นบ้า
ก็หายตัวไปอย่างลึกลับ
รวมไปถึงความลำบากยากเข็ญนานาที่เกิดขึ้นกับคนในตระกูลวินสตันทุกครั้งที่มีเด็กผู้หญิงถือกำเนิดขึ้นมา
ไม่มีใครพิสูจน์ได้ว่าเป็นเรื่องแต่ง เรื่องบังเอิญ หรือเกิดจากคำสาปจริง ๆ กันแน่
แต่ไม่ว่าอย่างไรแม่ก็ปักใจเสียไปแล้วว่าทั้งหมดนี่คือฝีมือของปีศาจร้ายที่จ้องเอาคืนครอบครัววินสตันมาเนิ่นนานจนไม่อาจนับได้ว่านานแค่ไหน
เช่นเดียวกับการที่แม่ปักใจเชื่อว่าการเกิดมาของเธอเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้พ่อเสียชีวิต
เพราะเธอคือผู้หญิงที่เกิดมาคู่กับคำสาปร้ายของตระกูลวินสตัน
ผู้หญิงที่เกิดมาเพื่อสร้างความวิบัติให้กับครอบครัวของแม่
ตั้งแต่ถือกำเนิดเกิดมาจนอายุครบสิบห้าปี มิเรียมไม่เคยได้รับความรักจากผู้เป็นมารดาเลยแม้แต่น้อย
หล่อนมักจะเข้มงวดกับเธอเหนือกว่าลูกคนอื่น แต่กลับให้การดูแลเธอน้อยกว่าลูกคนอื่นเสมอ
ข้าวก็ได้กินน้อยกว่า เสื้อผ้าก็เก่ากว่า และยังต้องทำงานหนักกว่าพี่ชายทุกคน
เพราะแม่บอกว่านี่คือหน้าที่ของผู้หญิง ผู้หญิงรับใช้ผู้ชาย
เพราะผู้ชายคือผู้เป็นใหญ่ อีฟก่อกำเนิดจากกระดูกซี่โครงของอดัม
ผู้หญิงก่อกำเนิดจากผู้ชาย ฉะนั้นผู้หญิงจึงเป็นสิ่งของ ๆ ผู้ชายเสมอ
มิเรียมตระหนักรู้เสมอว่าแม่เกลียดชังเธอ
มองว่าเธอเป็นตัวกาลกิณี เป็นเด็กที่ไม่สมควรจะเกิดมา มีลูกห้าคนก็นับว่าเยอะเกินจะรับมือไหว
แต่ดันมีลูกหลงหลุดมาคนที่หกอย่างไม่ตั้งใจ
แถมยังเกิดวันที่หกและเดือนที่หกอีกต่างหาก ช่างเป็นตัวเลขชั่วร้ายของปีศาจที่เหมาะเจาะอย่างเหลือเชื่อ
หลายต่อหลายครั้งที่แม่มักหลุดปากใส่เธอว่าเป็นเด็กปีศาจ เป็นคนบาป
และเมื่อไรที่แม่อารมณ์ไม่ดี แม่มักจะจับเธอขังไว้ในห้องบูชา ห้องแคบ ๆ
ที่มีไม้กางเขนแกะสลักจากไม้อันโตตรึงอยู่กลางผนัง สองฝั่งถูกแปะด้วยรูปพระเยซูเปล่งรัศมีเรืองรอง
เสมือนว่าพระองค์กำลังจ้องมองทุกการกระทำของเธอ “สวดมนต์ซะ” แม่ตะคอก และมิเรียมก็ต้องสวดมนต์ตามที่แม่ต้องการเสมอ
เธอไม่เคยขัดใจแม่ได้เลย
หากพระเจ้าสำหรับแม่คือพระเยโฮวาห์ พระเจ้าสำหรับมิเรียมก็คือแม่
แม่คือพระเจ้าผู้พิโรธโกรธเคืองมนุษย์เช่นเธอเสมอ
หลายต่อหลายครั้งที่เด็กสาวนึกสงสัยสถานะตัวเอง
ว่าเธอเป็นลูกสาวของครอบครัวนี้หรือเป็นเพียงแค่คนรับใช้กันแน่
พี่ชายทุกคนมองเธออย่างเหยียดหยาม จิกหัวใช้งานและกลั่นแกล้งเธอยังแต่เธอยังเล็ก
แต่แม่ไม่เคยทำอะไรสักอย่างกับพี่ ๆ เลยสักครั้ง
หล่อนทำเหมือนหูทวนลมเวลาเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับเธอเสมอ
นั่นทำให้พวกพี่ชายได้ใจกันใหญ่ ยิ่งมิเรียมเติบโตขึ้นพวกเขาก็ยิ่งกลั่นแกล้งเธอหนักข้อขึ้นเรื่อย
ๆ ไม่ใช่แค่การกลั่นแกล้งเล็ก ๆ น้อย ๆ เหมือนเมื่อก่อน แต่หลายครั้งก็รุนแรงจนถึงขั้นทำให้เลือดตกยางออกเลยด้วยซ้ำ
แต่แม่ก็ยังวางเฉยเหมือนเดิม
จนกระทั่งวันหนึ่ง
การกลั่นแกล้งระหว่างพี่น้องก็เลยเถิดจนแม่ไม่อาจมองข้ามได้อีกต่อไป
มิเรียมเติบโตขึ้น และหลายสิ่งหลายอย่างในร่างกายเปลี่ยนแปลง
หน้าอกหน้าใจที่เจ็บยิบ ๆ อยู่เป็นอาทิตย์เริ่มเต่งตูมเป็นก้อนเนื้อกลมทั้งสองเต้า
สัดส่วนทื่อตรงเหมือนเสาไม้เริ่มมีส่วนโค้งเว้าเป็นทรวดทรง อวัยวะเพศก็มีขนขึ้น จนไปถึงตอนที่ประจำเดือนครั้งแรกไหลอาบขา
นั่นคือสัญญาณของการเติบโตสู่วัยเจริญพันธุ์ สู่การเป็นสาวแรกรุ่นอย่างเต็มตัว
เธอเปลี่ยนไป เฉกเช่นเดียวกับท่าทีของพี่ชายบางคนที่มีต่อเธอก็ ในบรรดาพี่ชายทั้งหมด
เธอหวาดกลัวเคนที่สุด เคนเป็นพี่ชายคนที่สามในบรรดาทั้งห้าคน
และมักจะเป็นหัวโจกในการกลั่นแกล้งเธอเสียทุกครั้ง แต่เมื่อเธอเริ่มเติบใหญ่ มิเรียมก็รู้สึกได้ถึงสายตาของพี่ชายคนนี้ที่ลอบมองเธอเสมอทุกครั้งที่เคลื่อนไหว
และบางครั้งเธอก็รู้ว่าอีกฝ่ายเคยแอบดูเธอในตอนที่แต่งตัวหรืออาบน้ำด้วย แต่มิเรียมไม่กล้าบอกแม่
เพราะแม่ไม่มีทางเชื่อเธอ หรือต่อให้เชื่อ แม่ก็จะโทษว่ามันเป็นความผิดของเธอเสมอ
เพราะเธอคือผู้หญิง เพศแห่งราคะที่ล่อลวงผู้ชายให้ลุ่มหลง
เพราะผู้ชายไม่เคยผิด ผู้หญิงผิดเสมอ
วันคืนที่น่ากลัวมาถึง มิเรียมที่กำลังหลับใหลต้องสะดุ้งตื่นเมื่อมีสัมผัสแปลกประหลาดปัดป่ายทั่วเรือนร่างเธออย่างคุกคาม
สัมผัสชวนขนลุกที่แสนน่าขยะแขยง
แสงจากดวงจันทร์ลอดผ่านหน้าตาสะท้อนให้เห็นว่าเป็นเคน เขาพยายามจะข่มขืนเธอ
แต่เธอไม่ยินยอม เด็กสาวดิ้นรนสุดชีวิต ทั้งข่วน เตะ และถีบจนหลุดพ้นจากเงื้อมมือชายชั่วได้หวุดหวิด
ก่อนจะวิ่งโร่ไปหาแม่ที่อยู่อีกห้องด้วยสภาพผมเผ้ากระเซอะกระเซิง
เสื้อผ้าฉีกขาดเป็นริ้ว ๆ เด็กสาวร้องห่มร้องไห้แทบบ้า
พยายามบอกเล่าเรื่องราวเลวร้ายที่เกิดขึ้นหวังให้แม่ช่วยเหลือ แต่สิ่งที่แม่ทำกลับเป็นการตบตีและด่าทอเธอ
กล่าวหาว่าเธอชั่วช้าที่ชักนำลูกชายที่แสนรักให้หลงผิดกระทำบาปแห่งราคะ
วันนั้นเป็นวันที่มิเรียมไม่อาจอดทนได้อีกต่อไป เธอกรีดร้องโหยหวนใส่แม่อย่างสุดกลั้น
น้อยเนื้อต่ำใจและเคียดแค้นชิงชัง เด็กสาวโต้ตอบพระเจ้า—ซึ่งก็คือแม่ ด้วยการตบหล่อนกลับอย่างแรงเสียจนเลือดกบปาก
ถีบหล่อนซ้ำอีกครั้งเข้าที่หน้าท้อง ก่อนจะวิ่งหนีออกจากบ้านไปในคืนนั้นท่ามกลางเสียงสาปแช่งด่าทอของแม่
และไม่เคยย้อนกลับไปสู่นรกแห่งนั้นอีกเลย
มิเรียมผู้บอบช้ำทั้งกายและใจได้หนีไปพึ่งพาโบสถ์
สถานที่แห่งเดียวที่เธอรู้สึกอบอุ่นปลอดภัย
สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่เต็มเปี่ยมด้วยความรักของพระเจ้าแท้จริง
ไม่ใช่พระเจ้าที่เลวร้ายบัดซบอย่างแม่ เด็กสาวได้รับความช่วยเหลือเป็นอย่างดีจากบาทหลวงและแม่ชีที่แสนใจดียิ่ง
เธอจึงได้สาบานตัวเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้าด้วยความเต็มใจ และร่ำเรียนฝึกฝนสู่การเป็นแม่ชีอย่างเต็มตัวนับแต่นั้น
เมื่ออายุครบสิบแปดปี มิเรียมได้ฝึกฝนมาถึงระดับโนวิสซึ่งเป็นขั้นสุดท้ายของการเป็นแม่ชีฝึกหัด
และในช่วงเวลาเดียวกันนั้นสงครามโลกครั้งที่สองก็ได้เริ่มปะทุรุนแรงขึ้น ทั่วทุกสารทิศเดือดร้อนด้วยพิษภัยจากสงคราม
แม้กระทั่งสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ก็พลอยร้อนเป็นไฟไปด้วย
สตรีในโบสถ์ได้รับคำสั่งเร่งด่วนให้ย้ายไปประจำการที่โบสถ์ห่างไกลในถิ่นทุรกันดาร
ดินแดนที่ซึ่งความเลวร้ายของสงครามไม่อาจไปเยือนถึงได้
นั่นจึงเป็นการเดินทางไกลครั้งแรกในชีวิตของเด็กสาว
ไปสู่ถิ่นใหม่ที่ไม่อาจรู้ได้ว่ามีอะไรรออยู่
ความคิดเห็น