ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Dr.chin

    ลำดับตอนที่ #1 : ความหวังเดียวของชิน

    • อัปเดตล่าสุด 5 พ.ย. 51


    เสียงดนตรีดังกึกก้องทั่วบริเวณลานกว้างที่ถูกจัดขึ้น เพื่อต้อนรับปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง... ภายในอีกไม่กี่นาที... "ที่จริงเราไม่น่ามางานเทศกาลในช่วงนี้นะรัน คราวที่แล้วพึ่งมีระเบิด สถานะการณ์บ้านเมืองยิ่งไม่ค่อยน่าไว้ใจอยู่ด้วย" ชินบอกแฟนสาวพร้อมกับสีหน้าที่ไม่สู้จะดีนัก... "แหม... ชิน ทำขี้ขลาดไปได้ ไม่มีอะไรหรอก คนตั้งเยอะแยะ" รันพูดพร้อมกับชักสีหน้าดุชิน นั่นเพราะว่าตั้งแต่ทั้งสองเดินเข้างานมา ชินเอาแต่บ่นไม่หยุด...

    ...เวลาเดินผ่านไปจนเหลือไม่ถึงนาที เมื่อดีเจเห็นดังนั้น ดนตรีจึงถูกปิด "เรามาเริ่มนับถอยหลังกันนะครับ" เสียงโฆษกกล่าว... ผู้คนเริ่มส่งเสียงนับถอยหลัง... "แต่อย่างน้อยเราหน้าจะยืนอยู่ริมๆนะ จะได้ไม่โดนรุมเหยียบ" ชินยังคงบ่นไปเรื่อย "เลิกบ่นได้แล้วน่า เห็นมั้ย เค้าเริ่มนับถอยหลังกันแล้ว" รันจัดการล็อคคอของชินไว้ พร้อมกับเอามืออุดปาก ก่อนที่ตัวเองจะเริ่มนับถอยหลัง "แปด... เจ็ด... หก... ห้า... สี่...ตูม...ม...!!!" เสียงระเบิดดังสนั่น...!!! เสียงผู้คนโห่ร้องบ่งบอกถึงความกลัวตายดังตามมาในทันที!!! ผู้คนต่างโกลาหล หนีตายกันอลหม่าน...!!! "ชิน!!! ชิน!!!" รันตะโกนเรียกแฟนหนุ่ม หลังจากที่เธอถูกฝูงชนเบียดจนมือของทั้งคู่ไม่อาจทนเหนี่ยวรั้งกันไว้ได้ "ไปเจอกันที่รถ ระวังตัวด้วย" ชินตะโกนบอกรัน ก่อนที่เธอจะถูกเบียดหายไปในฝูงชน...

    หลังจากพยายามมุดอยู่นาน ในที่สุดชินก็ออกมาจากกลุ่มฝูงชนแออัดได้สำเร็จ เค้ารีบเร่งฝีเท้าเพื่อไปยังที่ๆเค้าจอดรถไว้พร้อมกับใจ ที่หวังว่าแฟนสาวจะปลอดภัย... แต่ระหว่างที่ชินกำลังข้ามถนนนั้น มันช่างประจวบเหมาะกับรถวิ่งมาด้วยความเร็วสูง!!! โครม!!! ชายหนุ่มถูกชนที่กลางหลัง กระเด็น ลอยคว้างกลางอากาศ ร่างตกกระแทกพื้นอย่างแรง!!!!

    พรึ่บ!! ชินตกใจตื่นและพบว่า ตัวเองกำลังนั่งหอบอยู่บนเตียง ภายในห้องนอน. . . เค้ามองไปรอบๆกายพลางถอนหายใจ. . . "เมื่อไหร่จะเลิกฝันถึงเรื่องนี้ซะทีวะ" ชินพูดกับตัวเองพลางเปิดผ้าห่มที่คลุมกายออก เผยให้เห็นขาที่ลีบ!! เหมือนกับไม่ได้ใช้งานมานาน!! เค้าค่อยๆใช้มือชันตัวลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะพยายามพาตัวเองไปยังรถเข็นที่อยู่ข้างเตียงอย่างทุลักทุเล. . . พลั่ก!! "โอ๊ย!!" ไม่ทันขาดคำ รถเข็นพลิกคว่ำ ชายหนุ่มพลัดตกจากรถ ทับแขนตัวเอง!! "ไอ้โง่ ไอ้โง่ ไอ้โง่ นั่งรถเข็นมาเป็นปีแล้ว แค่ขึ้นรถเองยังไม่ได้เลย" ชายหนุ่มตีอกชกตัวเองพร้อมกับกร่นด่าด้วยความโมโห ทันใดนั้น ประตูก็ถูกเปิดออก เผยให้เห็นหญิงสาวรูปร่างหน้าตาดี รีบวิ่งเข้ามาประคองชายหนุ่ม "คุณชายคะ ตื่นแล้วทำไมไม่เรียกล่ะคะ" สาวรับใช้ค่อยๆ ประคองเจ้านายขึ้นรถเข็นอย่างชำนาญ "เดี๋ยวเอาอาหารเช้าไปให้ฉันที่ห้องแล็บ" "ค่ะ" สิ้นเสียงตอบรับจากสาวใช้ ชายหนุ่มก็ควบคุมรถเข็นไฟฟ้าออกไปจากห้อง วิ่งตรงผ่านโถงใหญ่กลางบ้านที่กว้างใหญ่ประดุจสนามหลวงต่างกันก็แค่ที่นี่มีหลังคา... ด้วยความรวดเร็วของรถเข็นไฟฟ้าทำให้ใช้เวลาไม่นานนัก ชินก็โผล่ออกไปยังสวนหลังบ้านที่ดูเหมือนป่าดงดิบ รถเข็นวิ่งเข้าไปยังกลางป่า ที่มีโกดังขนาดใหญ่ ถูกสร้างเอาไว้ ในโกดัง มีสัตว์พิการมากมายถูกขังอยู่ในกรงทั้งสองฟากของทางเดิน "ถ้าคืนนั้นไม่ออกไปก็ไม่เป็นแบบนี้ ถ้าคืนนั้นไม่ออกไปก็ไม่เป็นแบบนี้ ถ้าคืนนั้นไม่ออก. . ." ชินบ่นงึมงัมกับตัวเองตลอดทางตั้งแต่เข้าโกดังมา รถเข็นวิ่งชลอตัวจนมาหยุดที่ห้องด้านในสุดของโกดังซึ่งดูไม่ต่างอะไรจากห้องทดลองขนาดย่อมๆ ภายในห้องทดลองมีหลอดใส่น้ำสีต่างๆมากมาย ซึ่งแน่นอนว่า... มันไม่น่าจะใช่น้ำอัดลม!! แต่เป็นน้ำที่เกิดจากการทดลองของชิน ชินค่อยๆหยิบหลอดแก้วใบหนึ่ง ภายในมีน้ำสีฟ้าอยู่ครึ่งหลอด แววตาของชินจากที่หม่นหมอง กลับมีประกาย. . . ทันใดนั้น!! ชินยกหลอดแก้วขึ้นกินรวดเดียว. . . "อุ๊บ. . ." ชินทำท่าเหมือนจะอ้วก แต่เค้าก็ฝืนกลืนลงไป และอยู่ๆ แววตาของเค้าเบิกโพลงทันที. . . "อ้า. . . โอ๊ย" ชินร้องเสียงหลงพร้อมกับเอามือกุมที่หลังด้วยความทรมาน... แต่ไม่นานนักยาก็เหมือนจะหมดฤทธิ์ ชินหยุดร้อง มีแต่เสียงลมหายใจรุนแรงเท่านั้น. . . ประตูโกดังถูกเปิด พรเข้ามาในโกดังพร้อมกับอาหารเช้าที่ชินสั่งเอาไว้ "อาหารเช้าได้แล้วค่ะคุณชาย" "ขอบใจมากพร เดี๋ยวออกไปช่วยปิดประตูโกดังให้ด้วยนะ" สิ้นคำสั่ง ชายหนุ่มก็ลงมือกินอาหารอย่างรวดเร็วทั้งที่ยังหอบอยู่. . .

    "พร. . . เจ้าชินหายไปไหนอีก" ชายตัวใหญ่วัยราวๆห้าสิบ หน้าตาเหี้ยมเกรียม เอ่ยถามหัวหน้าสาวใช้ ขณะรับประทานอาหารอยู่กับภรรยาสุดสวยที่หลายคน มักเข้าใจผิดว่าเป็นลูกสาวด้วยรูปร่างหน้าตาที่อ่อนเยาว์ทั้งที่อายุใกล้ห้าสิบแล้ว "อยู่ห้องแล็บค่ะคุณท่าน" "นี่มันอะไรกัน วันๆมันจะเอาแต่ขลุกอยู่แต่ในโกดังไม่ให้พ่อมันเห็นหน้าบ้างหรือไง" ชายหน้าเหี้ยมพูดพร้อมกับเอามือทุบโต๊ะจนน้ำซุบในชามกระฉอกออกจากชาม ส่งผลให้แววตาของผู้เป็นภรรยาชำเรืองมองมาทางชายหน้าเหี้ยม "ที่นี่เป็นห้องทานอาหาร คุณน่าจะรู้มารยาทบนโต๊ะอาหารนะ" ภรรยากล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบ "เอ่อ. . . ขอโทษจ้ะที่รัก"ผู้เป็นสามีกล่าวอย่างนอบน้อม "คุณก็รู้นี่คะ ว่าลูกเราทำอะไร และมันก็เป็นความหวังเดียวที่จะทำให้แกกลับมาเดินได้อีกครั้ง" ภรรยาเริ่มต้นพูดอย่างอ่อนโยน "แต่ผมไม่คิดนะว่ามันจะได้ผล คุณคิดดูสิ ลูกเราไม่ใช่นักวิทยาคาสตร์ที่เก่งที่สุดในโลกนะคุณ ขนาดนักวิทยาศาสตร์ทั้งโลกรวมหัวกันคิด ยังทำไม่ได้" ผู้เป็นพ่อพูดพร้อมกับสีหน้าเบื่อหน่าย "แต่ฉันอยู่กับลูกทุกวัน ฉันเข้าใจความรู้สึกของลูกดีว่าลูกทรมานแค่ไหนจากคนที่เดินได้ กลับเดินไม่ได้ จากคนที่เคยรัก กลับไม่รัก ไม่ว่าโอกาสจะมีมากหรือน้อย จะริบหรี่แค่ไหน ฉันก็จะสนับสนุนลูก" "แต่ผมก็เจ็บออดๆแอดนะคุณ ผมก็แค่อยากให้ลูกไปรับรู้กิจการของเราบ้าง" ผู้เป็นสามีพูดพลางเอามือกดที่ท้อง เหมือนหมอที่สังเกตอาการของคนไข้ "คุณตัวใหญ่ยังกับยักษ์ แข็งแรงจะตาย ไข้ก็ไม่เคยเป็น แพทย์เหว่ยก็บอกแล้วว่าคุณแค่สำออย ส่วนเรื่องกิจการเรา ยัยปิ่นก็ดูแลได้นี่"คราวนี้ผู้เป็นภรรยาเริ่มมีสีหน้าเบื่อหน่ายขึ้นมาบ้าง "แต่นั่นลูกสาวเรานะ แล้วยังเป็นน้องเจ้าชินอีก" น้ำเสียงของสามียังคงบ่งบอกถึงความหวงลูกสาว "แต่ความสามารถด้านกำลังความฉลาดก็ไม่ได้เป็นรองลูกชินเลยนะ" "แต่งานคุมลูกน้องผู้ชายเป็นร้อยพัน ผมไม่อยากให้ลูกสาวเราทำเลย" "งั้นคุณจะให้ลูกขาพิการของเราไปทำ เกิดมีเรื่องขึ้นมาจะสู้เขาได้ยังไง" ชายผู้เป็นสามีเถียงไม่ออก. . . ได้แต่นั่งเงียบกริบ. . . "ป่านนี้ลูกสาวเราจะเป็นไงนะ. . . เห็นว่าเมื่อวานมีเรื่องกับพวกแก๊งน้องใหม่" ผู้เป็นสามีเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างพลางคิดถึงลูกสาวสุดที่รัก. . .

     

    "หัวหน้าปิ่นครับ ผมให้เด็กไปเชิญหัวหน้าแก๊งใหม่มาแล้วครับ ไอ้พวกนี้แหละครับที่มาล้ำเขตเราเมื่อวาน" รองหัวหน้าเขตรายงานหัวหน้าปิ่นระหว่างรอให้ลูกน้องออกไปเชิญหัวหน้าแก๊งใหม่มาพบ ใช้เวลาไม่นานประตูก็ถูกเปิดออก เผยให้เห็นชายหนุ่มท่าทางอวดดี พร้อมกับลูกน้องที่อวดดีไม่แพ้กันอีกสองคน "พวกคุณเป็นแก๊งใหม่สินะ ถึงไม่รู้ว่าเมื่อวานคุณล้ำเข้ามาในแดนเรา" หัวหน้าปิ่นถามด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบ "ผมกวง เป็นน้องของหัวหน้าแก๊งหยวน. . . เมื่อก่อนพื้นที่ตรงนั้นเคยเป็นของเรา. . . แต่พอผมไปอยู่เมืองนอกแค่ปีเดียว กลับมา ไหง กลายเป็นของคุณได้" "เรื่องนั้นทางเราได้เคลียร์กับพี่ชายคุณไปแล้ว ถ้ายังข้องใจอะไรคุณคงต้องไปคุยกับเค้าเอง" หัวหน้าปิ่นพูดพร้อมกับสีหน้าเรียบเฉย "อ๋อ ผมคุยกับพี่ชายผมแล้ว แล้วผมก็เข้าใจแล้ว เข้าใจว่ามันโง่มากที่ยอมเสียที่หากินอันมีค่าเพื่อแรกกับการเป็นพันธมิตรกับแก๊งกะจอกที่มีผู้หญิงเป็นผู้นำ!!" "แกว่าไงนะ!!"หัวหน้าเขตปรี่จะเข้าไปสั่งสอนเจ้าคนอวดดี แต่. . . "ใจเย็นรองเขต. . .เค้าเป็นถึงน้องพี่หยวนนะ เราต้องให้เกียรติเค้าหน่อย. . . เอาล่ะ แล้วคุณ จะเอายังไงดีล่ะ" สีหน้าเรียบเฉยของหัวหน้าปิ่นเปลี่ยนเป็นใบหน้าที่มีรอยยิ้ม ลูกน้องแต่ละคนของหัวหน้าปิ่นเมื่อเห็นรอยยิ้ม ต่างถอยหลังกันคนละก้าวไม่เว้นแม้กระทั่งรองเขต "อันที่จริงคุณก็สวยระดับดารานะ น่าจะไปเป็นดารา ไม่น่าต้องมาแย่งที่ทำกินกับผมก็น่าจะหาเงินซื้อขาเทียมให้พี่ชายใส่ได้นะ" หลังจากเจ้าคนอวดดีพูดจบลูกน้องของพวกมันก็พากันหัวเราะ. . . "ทางเราถึงได้ถามไง ว่าคุณจะเอายังไง" สีหน้าของหัวหน้าปิ่นยังมีรอยยิ้มแต่คิ้วกลับขมวดปม ทำให้ลูกน้องต่างพากันถอยหลังอีกคนหนึ่งก้าว แน่นอน รองเขตก็ถอยด้วย. . . "ผมบอกตรงๆนะ ผมไม่ต้องการหุ้นส่วน ผมต้องการบริเวณที่ผมเคยคุมอยู่ทั้งหมดตั้งแต่เวลานี้เป็นต้นไป ไม่งั้นเราจะมีเรื่องกัน" เจ้าคนอวดดีพูดพลางเอามืองัดดาบซามูไรขึ้นเล็กน้อย. . . "ทางเราคงยอมไม่ได้" พูดจบ รองเขตก็ส่งดาบซามูไรให้หัวหน้าปิ่นอย่างรู้งาน "ตัวต่อตัว!" หัวหน้าปิ่นพูดพร้อมกับใช้นิ้วโป้งงัดดาบซามูไรขึ้นเล็กน้อย "จะสู้กันเหรอ? ได้ ผมไม่อยากจะฆ่าผู้หญิงสวยๆอย่างคุณ. . . แค่สั่งสอนแล้วกัน ย้าก!!!"สายไปเสียแล้ว... ชายที่มีชื่อว่ากวงได้สิ้นชีพเรียบร้อย เพราะในขณะที่กวงกำลังจะชักดาบ ดาบของหัวหน้าปิ่นก็ออกจากฝัก!! พร้อมกับฟาดเป็นแนวนอนเข้าที่ลำคอ!!จนหัวของกวงขาดสะบั้น!! และดาบนั้นก็กลับเข้าสู่ฝักทั้งที่หัวของกวงยังตกไม่ถึงพื้นด้วยซ้ำ. . . ไม่มีสิ่งใดเคลื่อนไหว นอกจากเลือดสีแดงสด พุ่งกระฉูดราวกับน้ำพุหน้าโรงแรมหรูใจกลางเมือง. . . หัวหน้าปิ่นเหลือบมอง ไปยังลูกน้องของกวงทั้งสอง ลูกน้องทั้งสองแข่งกันกลืนน้ำลายด้วยความหวาดกลัว. . . "ออกไป" ลูกสมุนของกวงทั้งสองเมื่อได้ยินหัวหน้าปิ่นบอกดังนั้น จึงรีบวิ่งหนีหายไปอย่างรวดเร็ว. . . "เก็บกวาดด้วยรองเขต. . ." สิ้นคำพูดของหัวหน้าเปิ่น ลูกกระเดือกของรองเขตกระดิกขึ้นลงอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะรีบสั่งลูกน้องให้ทำตามคำบัญชา. . .

    "วันนี้ฉันอยากกลับบ้านเร็วหน่อย. . . ฝากงานทางนี้ด้วยนะ อ้อ! แล้วก็ อย่าให้พ่อรู้ว่าฉันฆ่าใครด้วยล่ะ เดี๋ยวท่านจะไม่สบายใจ รู้ใช่มั้ยว่า ถ้าพ่อถามต้องพูดว่าไง" หัวหน้าปิ่นถามทบทวนหัวหน้าเขตด้วยสีหน้าเรียบเฉย "ตั้งแต่หัวหน้าปิ่นมารับงานต่อคนที่เสียชีวิตทั้งหมด เป็นฝีมือของผมเอง เพราะผมไม่อยากให้มือลูกสาวของท่านต้องแปดเปื้อนเลือดครับ!!" รองเขตรีบตอบจนเกือบลิ้นพันกัน "ดีมาก"พูดจบหัวหน้าปิ่นก็เดินออกจากห้องไป. . .

     

     

     

     

     

     

     

    หยดเหงื่อที่ผุดเต็มใบหน้าของชิน บ่งบอกให้รู้ถึงความพยายามที่จะทำอะไรบางอย่างให้สำเร็จ

    "อา. . . สำเร็จซักที. . . น้ำสีแดง ที่จะเปลี่ยนทุกอย่าง. . . ไปตลอดกาล. . ." ชินพูดกับตัวเอง ขณะที่สายตาของเค้าจ้องมองไปยังหลอดแก้ว ที่ภายในบรรจุน้ำสีแดง. . . ที่ไม่น่าจะใช่น้ำอัดลม!! "บ๊อบ บ๊อบ บ๊อบ แกจะต้องลองก่อน" ชินบังคับรถเข็นไปยังกรงๆหนึ่ง ภายในกรงมีสุนัขอยู่สามตัว ทุกตัวล้วนมีสภาพไม่ต่างจาก ชิน "บ๊อบ มาหาพ่อมา" หมาตัวหนึ่งใช้ขาหน้าเดินลากส่วนหลังที่ไร้เรี่ยวแรงมาหาชินอย่างว่าง่าย "อ๊ะ ชิมน้ำนี่ดูซิ" ชินเทน้ำในหลอดแก้วลงใส่ชามที่ว่างเปล่าใบหนึ่ง เพื่อให้เจ้าบ๊อบกินได้สะดวกแต่. . . มันแค่ดมเท่านั้น. . . "ไอ้บ๊อบ อย่ามาทำรู้มากนะ ฉันคิดมาดีแล้ว รับรอง ถ้าไม่ได้ผลยินดีคืนเงิน" แน่นอนว่าคำพูดของชิน ไม่สามารถโน้มน้าวเจ้าบ๊อบได้ มันเดินนวยนาดกลับไปนอนโดยไม่ใยดีน้ำสีแดงในชามซักกะหนึ่งปลายลิ้น "ไอ้พวกเลว เลี้ยงเสียข้าวสุขจริงๆ ตอนเอาข้าวให้กินล่ะ แย่งกันแทบตาย แต่ตอนเอายาให้ลองล่ะ ไม่เคยลองกันเลยนะ แล้วนี่เราจะเลี้ยงมันไว้ทำไมวะเนี่ย ไม่เคยให้ลองยาแทนเราได้ซักครั้งเลย" ชินบ่นงึมงัมกับตัวเอง. . . "กริ๊ง. . . .ง . . .กริ๊ง. . .ง . . ." อยู่ๆเสียงโทรศัพท์ที่ฝาผนังภายในห้องทดลองดังขึ้น. . . "กริ๊. . . ฮัลโหล แม่เองเหรอครับ ครับแม่ ผมเสร็จแล้วครับเนี่ย เดี๋ยวแม่บอกพรเตรียมมือเย็นเผื่อผมด้วยครับ. . . ครับแม่ฝนไม่ตก แต่วันนี้ผมจะทานข้าวเย็นที่บ้านใหญ่ แค่นี้นะครับ. . . ปึ้ง!!" "เอ๋" ชินแน่ใจว่าเค้าวางหูโทรศัพท์ค่อยๆ แต่ทำไมมีเสียงดังปึ้ง ชินทดลองเอาหูโทรศัพท์ยกขึ้นและวางลงดูใหม่แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงแปลกๆอีก "ควับ!!" ชินหันขวับไปมองตามที่มาของเสียง. . . แต่ไม่เจอสิ่งใด. . . "บ๊อบเหรอ" ชินหันไปมองที่กรงหลังจากเรียกชื่อ เจ้าบ๊อบก็เดินมาให้เห็นอย่างว่าง่าย "มีใครซักคนแอบเข้ามาในนี้" ชินนึกในใจ... แต่ช้าไปกว่าที่ชินจะได้ทันตั้งตัว กรงเล็บเรียวยาวได้จิกเข้าที่ลำคอของเค้า จากทางด้านหลัง "อ๊าก. . .อ๊าก. . .ก" ชินร้องสุดเสียงพร้อมกับรวบรวมกำลังทั้งหมดหันกลับหลังไปดู !! "วะ ฮ้า ฮ้า ตกใจอะไรขนาดนั้นล่ะพี่ชิน นี่ปิ่นเอง ฮิ ฮิ" ชินยังคงหายใจกระหืดกระหอบ "ไอ้บ้าปิ่น เดี๋ยวเถอะ เล่นอะไรไม่รู้เรื่อง นี่มันจะค่ำแล้วนะ เมื่อคืนพึ่งดูเฟรดดี้!!มาด้วย. . . แล้วมีอะไรรึเปล่าเนี่ย มาหาพี่ถึงในนี้" "เปล่าพี่ วันนี้แค่เหนื่อยนิดหน่อย เลยอยากมาชวนพี่ไปทานข้าวด้วยกันพร้อมหน้า. . . พี่ไม่ได้ทานข้าวกับเรานานแล้วนะ" ปิ่นดึงมือชินพร้อมกับพยักหน้าชวน "นะ นะ" "ปิ่นไม่มาชวนพี่ก็ว่าจะไปทานด้วยกันอยู่แล้ว" เมื่อได้ยินพี่ชายพูดดังนั้น น้องสาวก็หน้าบานยิ้มไม่หุบ...

    "พ่อคะ แม่คะ ดูซิ วันนี้มีใครยอมสละเวลาอันมีค่า เพื่อมาทานมื้อเย็นกับเรา" "อ้าว ใครกันล่ะลูก แฟนของลูกเหรอนั่น ชื่ออะไรล่ะ มาแนะนำพ่อหน่อย" พ่อของชินเริ่มพูดประชดทันที แต่ทว่า ใบหน้ากลับยิ้มแย้ม "แม่ครับดูพ่อสิ ทำเป็นจำผมไม่ได้" ชินรีบหาตัวช่วย "เอ๋. . . เรารู้จักกันเหรอคะ เดี๋ยวขอฉันนึกก่อน" ทุกคนในห้องหัวเราะกันครืน ไม่เว้นแม้กระทั่ง พร "เอ้า จะทานกันมั้ย อาหารเย็นน่ะ" ชินรีบตัดบทแก้เขิน พรรีบสั่งให้สาวใช้เสิร์ฟอาหารอย่างรู้งาน. . .

    "แกทำไมหายหน้าไปนานนักเจ้าชิน อยู่ในรั้วเดียวกันแท้ๆ แค่แวะมากินข้าวเย็นด้วยกันหน่อย มันจะเสียเวลาซักเท่าไหร่กัน" ผู้เป็นพ่อเปิดประเด็นคุยหลังจากเริ่มทานอาหารกันไปได้ซักพัก. . . "ผมอยากจะรีบคิดค้นยาให้สำเร็จภายในสิ้นปีครับ นี่ก็กลางปีแล้ว ผมอยากจะให้ทันไปงานเลี้ยงรุ่น อยากจะเห็นหน้าคนไม่จริงใจอีกซักครั้ง" เมื่อพูดถึงตรงนี้ทุกคนก็รู้สึกเศร้าขึ้นมา เพราะตั้งแต่วันที่ชินต้องนั่งรถเข็น รันก็ไม่เคยมาให้ชินเห็นหน้าอีกเลย. . . ซักครั้งเดียว. . . "เอ่อ วันนี้งานเป็นยังไงบ้าง ลูกปิ่น เหนื่อยมั้ย" คุณแม่เริ่มเห็นบรรยากาศไม่ดี จึงพยายามเปิดประเด็นใหม่ "เหนื่อยค่ะ ต้องคุยธุรกิจกับคนหัวดื้อจะเอาแต่ได้ค่ะ ลำบากน่าดูเลย หลังๆเริ่มคุยกันไม่รู้เรื่อง ปิ่นก็เลยไม่คุยเลย ตัดบทไปซะเลย" "แล้วเค้ายอมเหรอลูก พ่อว่ามันยากนะ ในวงการนี้ ถ้าคุยไม่ถูกคอก็เป็นเรื่องแล้ว" "ยอมค่ะพ่อ เค้าเห็นปิ่นเป็นผู้หญิงเค้าเลยยอม" ทั้งที่ห้องมีเครื่องปรับอากาศเย็นสบาย แต่ปิ่นกลับมีเหงื่อผุดขึ้นมาหนึ่งเม็ด. . . ที่ขมับด้านขวา. . . "เป็นอะไรปิ่น ร้อนเหรอ" ชินนั่งอยู่ด้านขมับขวาของปิ่นพอดิบพอดี จึงเห็นเหงื่อเม็ดนั้น "เปล่าพี่ พริกมันเผ็ด" ปิ่นพูดพลางชี้นิ้วไปที่จานกับข้าวที่อยู่กลางโต๊ะ ภายในจานมีปลาหมึกผัดพริกหยวกอยู่เต็มจาน. . .

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×