คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ความ(ใน)ฝันของฟางเซียน
เช้าวันต่อมาบนเตียงสีขาวสะอาดตา แสงแดดอ่อนๆ ที่ส่องเข้ามาทางม่านที่ปิดไว้ทำให้หญิงสาวตื่นขึ้นมาร่างบางต้องกะพริบตาเพื่อปรับแสงให้กับดวงตาของเธอ จนตอนนี้เธอตื่นเต็มตาแล้วเมื่อคืนเธอฝัน ฝันถึงเหตุการณ์ที่เธอไม่ฝันถึงมานานมากแล้ว เมื่อคืนเธอฝันว่าตัวเธอถูกดึงไปสถานที่แห่งหนึ่งมีเพียงศาลาสีขาวที่ล้อมรอบไปด้วยเมฆมากมาจนมองไม่เห็นเบื้องล่างว่าเป็นยังไง สายลมอ่อนๆ ที่พัดมาให้รู้สึกดีเป็นอย่างมาก
บนศาลานั้นเธอเจอเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเด็กคนนั้นชื่อฟางเซียนเหมือนกับเธออีกทั้งหน้าตายังเหมือนเธอในวัยเด็กอีกด้วยเด็กคนนั้นบอกว่าใกล้ถึงเวลาที่พวกเธอจะได้เจอกันแล้ว แต่มันทันทีเธอจะถามอะไรต่อเธอก็ตื่นขึ้นมาเสียก่อน เมื่อก่อนเธอเคยฝันถึงสถานที่แห่งนี้เพียงแต่ในฝันเธอยืนอยู่คนเดียวบ้าง ต่อมาก็เห็นเด็กน้อยยืนอยู่แต่ไม่พูดอะไรในหลายครั้งมีเพียงรอยยิ้มที่ส่งมาให้เท่านั้น จนวันนี้เด็กคนนั้นพูดกับเธอ ความฝันนี้ต้องการบอกอะไรเธอ หรือจะเป็นแค่ความฝันเฉยๆ แค่นั้น
“คงไม่มีอะไรหรอก ไปอาบน้ำดีกว่า”
.
.
8 : 00 น.
“ทำไมตื่นเช้าล่ะลูก ไม่เหนื่อยหรอลูกเพิ่งเดินทางมาถึงเมื่อวานนี้เอง”
“ไม่เท่าไหร่คะคุณย่า ตื่นแล้วเลยลุกออกมาเลยแล้วคนอื่นล่ะค่ะ” หญิงสาวในชุดเดรสสีขาวคล่อมเท่าแต่ด้านข้างกลับผ่าขึ้นไปจนเลยหัวเข้าเดินเข้ามานั่งที่โต๊ะอาหารร่วมกับย่าของเธอ
“พ่อกับแม่เราออกไปตั้งแต่เช้าล่ะ ส่วนน้องชายเราคงลงมาสายๆนั่นแหละถึงจะลงมา”
“วันนี้วันหยุดไม่ใช่หรอค่ะ”
“เห็นบอกว่านัดคู่ค้าไว้น่ะเขาเดินทางมาจากต่างประเทศอยู่ที่นี่ไม่กี่วันเลยต้องรีบออกไปพบ”
“ค่ะ แล้วคุณย่าทานอะไรแล้วหรือยังคะ”
“ย่าทานเรียบร้อยแล้วล่ะลูก หนูจะรับเลยไหมวันนี้เป็นข้าวต้มกุ้งเดี๋ยวให้แม่ครัวยกมาให้เดี๋ยวย่านั่งเป็นเพื่อน”
“รับเลยก็ได้ค่ะคุณย่า” ไม่นานข้าวต้มกุ้งตัวโตๆ ก็ถูกยกมาวางอยู่ตรงหน้า ฟางเซียนนั่งทานข้าวโดยที่มีคุณหญิงกชมล นั่งจิบชาอยู่เป็นเพื่อน
“วันนี้คุณย่าออกไปไหนไหมคะ”
“วันนี้ย่าว่าจะอยู่บ้านน่ะ เมื่อวานย่าเพิ่งออกไปที่ร้านมา ย่าว่าหนูก็พักผ่อนซักอาทิตย์เถอะเดี๋ยวค่อยเข้าไปที่ร้านพร้อมย่า” คุณย่าของเธอนั้นอายุเจ็ดสิบกว่าปีแล้วแต่ยังแข็งแรงมากเดินทางไปไหนมาไหนได้ด้วยตัวเองเสียด้วยซ้ำอีกทั้งร้านอาหารที่เปิดนั้นคุณย่าของเธอก็เข้าไปดูเกือบทุกสัปดาห์
“เอาตามนั้นก็ได้ค่ะคุณย่า เอาแบบที่คุณย่าว่าก็ดีเหมือนกันค่ะหนูเพียงกลับมายังปรับเวลาได้ไม่ดีเท่าไหร่ถือว่าพักผ่อนก่อนเริ่มทำงาน” หลังจากนั้นสองย่าหลานพากันย้ายจากห้องอาหารมาที่ห้องนั่งเล่นถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกับพอประมาณแล้วจึงแยกย้ายกันพักผ่อน
เวลาผ่านจนวันนี้ก็เป็นวันที่เจ็ดแล้วที่ฟางเซียนเดินทางกลับมาจากต่างประเทศวันนี้เป็นวันที่เธอนัดกับคุณย่าของเธอไว้ว่าจะเข้าไปดูที่ร้านด้วยกันเพื่อพาเธอไปแนะนำก่อนที่จะเริ่มเข้าไปทำงาน ฟางเซียนที่เริ่มชินกับการปรับไทม์โซนเวลาแล้วตื่นขึ้นมาในเวลา 7.00 น. เนื่องจากวันนี้เธอนัดคุณย่าไว้เวลา 9.00 น. เธอกำลังเตรียมตัวที่จะไปอาบน้ำ แต่ก็มีเสียงเคาะประตูที่หน้าห้องดังขึ้น ‘ก๊อก ก๊อก ก๊อก’
“ใครคะ”
“นมสายเองค่ะคุณหนู”
“ค่ะนม นมมีอะไรรึเปล่าค่ะ”
“คุณท่านให้นมมาแจ้งคุณหนูค่ะ ว่าตอนเช้าท่านมีธุระกะทันหันให้คุณหนูตามไปเจอที่ร้านตอนบ่ายเลยทีเดียว”
“นมให้คนมาบอกก็ได้นี่ค่ะอีกอย่างรอให้ฟางลงไปข้างล่างก่อนก็ได้ ไม่เห็นต้องลำบากมาเองเลย แล้วคุณย่าออกไปแล้วหรอค่ะนม” ฟางเซียนเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าแม่นมนั้นขึ้นมาบอกด้วยตนเองทั้งๆ ที่สามารถใช้ให้คนอื่นมาบอกเธอก็ได้
“คุณท่านให้คนขับรถออกไปส่งแล้วล่ะค่ะนมกลัวว่าคุณหนูจะรีบเลยขึ้นมาบอกก่อน แล้วก็ไม่ลำบากเลยค่ะคุณหนู ให้นมได้เดินออกกำลังกายเถอะค่ะ วันๆถ้าไม่อยู่กับคุณท่านนมแทบจะไม่ได้ทำอะไรอยู่แล้ว” อย่างที่ว่าตัวนมสายเองก็อยู่กับคุณท่านมานานทุกคนที่บ้านพรเพ็ญพิริยะทุกคนก็นับถือเธอเป็นญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง ทุกวันนี่แทบจะไม่ได้ทำอะไรอยู่แล้วแค่ดูแลงานในบ้านเท่านั้นที่เหลือก็มีคนอื่นๆ ทำหน้าที่กันหมดแล้ว
“รับทราบค่ะนม”
“แล้วคุณหนูจะลงไปรับอาหารเช้าเลยไหมคะเดี๋ยวนมจะให้คนเตรียมไว้ให้เลย”
“ได้ค่ะนม แต่ฟางของอาบน้ำก่อนนะคะเดี๋ยวตามลงไป ขอบคุณนมสายมากนะคะ” หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วรวมถึงรับประทานอาหารเช้า ฟางเซียนที่ตอนนี้รอเวลาที่จะออกไปที่ร้านอาหารของคุณย่าในตอนบ่ายนั้นไม่มีอะไรทำอีกทั้งทุกคนก็ออกไปข้างนอกหมดแล้วเธอจึงเข้าออกไปนั่งอ่านหนังสือรอที่ศาลาในสวน
ศาลาในสวนนั้นถูกตกแต่งเป็นอย่างดี เป็นศาลาสีขาวที่ประดับตกแต่งท่ามกลางต้นไม้และดอกไม้ที่ลงตัวเป็นอย่างมากท่ามกลางสายลมอ่อนๆ ที่พัดมาในยามสายของวันและร่มเงาของต้นไม้ในสวนทำให้ฟางเซียนที่นั่งอ่านหนังสืออยู่เพลิดเพลินไปกับบรรยากาศรู้ตัวอีกที่ก็ใกล้ถึงเวลาที่เธอต้องเดินทางไปที่ร้านแล้ว ฟางเซียนตั้งใจจะไปรอคุณย่าของเธอที่ร้านก่อนเนื่องจากว่าท่านไม่ได้บอกว่าออกไปที่ไหนแค่ให้นมสายใจแจ้งเธอว่าท่านมีธุระด่วนให้ไปเจอกันที่ร้านตอนบ่ายก็เท่านั้น
ทางด้านคุณหญิงกชมล ที่มีธุระด่วนนั้นก็เพราะว่าวันนี้เพื่อนของเธอเดินทางลงมาจากทางเหนือทำธุระที่กรุงเทพฯ ด้วยที่ไม่เจอกันนานเพราะทางนั้นไปตั้งรกรากที่ทางเหนือนานๆ จะมาที่กรุงเทพฯทีและด้วยอายุของทั้งสองนั้นไม่ค่อยได้เดินทางไกลไปไหนมาไหนบ่อย ๆแล้วจึงโทรมานัดพบเมื่อคืนนี้อย่างกะทันหัน หลังจากพบปะกันในช่วงเช้าแล้วก็ชวนกันมาทานอาหารเที่ยงที่ร้านของเธอ
ร้านอาหารนั้นถูกสร้างคล้าย ๆ เรือนไทยยกพื้นสูง 1 เมตรผนังบางด้านถูกทำให้เป็นกระจาก ตัวร้านอาหารเป็นสีขาวบรรยากาศตกแต่งให้เข้ากับอาหารในร้านที่เป็นอาหารชาววังทั้งหมดพื้นที่รอบๆ ร้านก็ถูกตกแต่งอย่างดีสำหรับร้านอาหารแห่งนี้นั้นทำอาหารตามการสั่งจองเท่านั้นไม่เปิดรับลูกค้าที่สัญจรไปมาด้วยความที่เป็นร้านที่ดังพอสมควรและรสชาติอาหารเป็นที่กล่าวถึงความอร่อยบางครั้งก็ต้องจองคิวกันเป็นเดือนๆ ก็มี
“อาหารร้านเธอนี่ยังรสชาติเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลย อร่อยยังไงก็อย่างนั้น” ทั้งสองคนนั่งอยู่ในโซนพิเศษของร้านแม้จะถูกจัดไว้เป็นโซนที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัวและอยู่ห่างจากโซนปกติทั่วไปแต่สามารถมองเห็นได้ทั่วร้านเช่นกันอีกทั้งโต๊ะนี้มีไว้เฉพาะคนในครอบครัวหรือแขกพิเศษของทางร้านเท่านั้น
“เธอก็พูดไปก็ฝีมือเชฟคนเดิมนั่นแหละ อยู่กันมานานจะไม่รสชาติเหมือนเดิมได้ยังไง”
“เชฟหลิวที่เป็นลูกศิษย์เธอคนนั้นน่ะหรือ” เดิมที่คุณหญิงกชมลนั้นเคยเปิดสอนทำอาหารเป็นโรงเรียนสอนทำอาหารเล็กๆ ควบคู่ไปกับเปิดร้านอาหารชาววัง
เปิดสอนสำหรับผู้คนที่สนใจแต่เนื่องจากอายุที่มากขึ้นทำให้เลิกสอนมาหลายสิบปีแล้วโรงเรียนที่เคยเปิดสอนก็มีเหล่าลูกศิษย์ที่ไว้ใจรับช่วงต่อเป็นผู้สอนและเธอเป็นเพียงหุ้นส่วนเท่านั้น ส่วนเชฟของร้านในปัจจุบันนั้นก็เคยเป็นลูกศิษย์ของเธอเช่นเดียวกันเห็นฝีมือด้านการทำอาหารมีความใกล้เคียงกับเธอมากอีกทั้งช่วงที่เธอจะเลิกสอนนั้นเชฟหลิวก็เรียนจบหลักสูตรพอดีจึงลองชวนมาทำงานที่ร้านและทางนั้นเองก็ตกลงจึงทำงานอยู่ที่ร้านตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
“จันทร์เธอจะรับของหวานอีกหรือเปล่า” เพื่อนคุณหญิงกชมลนั้นชื่อมณีจันทร์แต่เธอนั้นว่าจันทร์เพียงเท่านั้น หลังจากที่ทานอาหารเสร็จคุณหญิงกชมลก็เรียกพนักงานในร้านมาเก็บโต๊ะแล้วเอ่ยถามเพื่อนตนเองว่าต้องการทานของหวานหรือไม่
“กินไม่ไหวแล้วล่ะ แล้วนี่ก็ใกล้เวลาที่หลานสาวฉันจะมารับแล้วล่ะ ไว้คราวหน้าดีกว่า”
“งั้นหรอเดี๋ยวนั่งคุยรอกันในร้านนี่แหละ ไปนั่งตรงนั้นเถอะ” ทั้งสองคนจึงย้ายไปนั่งที่มุมจิบชาที่อยู่ข้าง ๆ พร้อมแก้วน้ำที่ถูกพนักงานในร้านนำมาวางให้
“ฉันเองก็นัดหลานสาวมาที่ร้านเหมือนกันนี่ก็ใกล้เวลาแล้ว อื่มไว้คราวหน้าก็ได้ถ้ามีโอกาสฉันคงได้ไปเยี่ยมเธอบ้าง”
“ไว้ฉันจะแนะนำหลานสาวให้เธอรู้จักยัยฟางพึ่งกลับมาจากเมืองนอกน่ะยังไม่ได้ออกไปไหนมาไหน วันนี้ก็ไม่ได้พาออกมาพร้อมกัน ไม่รู้จะมาถึงตอนไหนด้วย” ยังไม่ทันที่เพื่อนสูงวัยสองคนจะได้พูดคุยกันมากกว่านั้นกันประตูร้านก็เปิดออกสายลมที่หอบเอากลิ่นดอกไม้อ่อนๆ เข้ามาให้คุณหญิงมณีจันทร์ได้กลิ่นซึ่งรอบๆ โต๊ะที่เธอนั่งนั้นไม่มีดอกไม้ชนิดนี้แต่ด้วยเหตุการณ์แบบนี้เคยเกิดขึ้นกับเธออยู่บ่อยๆ จึงพอรู้ว่าด้วยเหตุผลใด
ที่ประตูร้านปรากฏหญิงสาวรูปร่างโปร่งผมยาวสีดำขลับถูกมัดด้วยโบว์ลูกไม้ไรผมเล็ก ๆ ไล้อยู่ตามกรอบหน้าสวมชุดเดรสสีขาวเลยเข่านิดหน่อยด้านนอกทับด้วยลูกไม้คอปกที่ยาวถึงเลยเข่าลงมาชุดที่สวมนั้นส่งเสริมให้ใบหน้าที่ดูน่ารักของเธอนั้นดูดียิ่งขึ้นและเธอกำลังเดินมาทางโต๊ะที่ทั้งสองคนนั่งอยู่
“แม่หนูคนนั้นไม่ใช่คนของภพภูมินี้เป็นเพียงครึ่งหนึ่งของดวงจิตที่หลงทางมา ด้วยชะตาที่ต้องกันจึงมาอยู่ที่นี่ เหลือเวลาอีกไม่นานก็ต้องกลับไป อีกทั้งเด็กคนนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับเธอสินะมล” คุณหญิงกชมลนั้นไม่ได้ตกใจที่เพื่อนเธอพูดอะไรแปลกๆ ด้วยรับรู้มาตั้งแต่ทั้งสองคนรู้จักกันแต่แรกแล้วว่าเพื่อนของเธอนั้นเป็นคนพิเศษที่สามารถรับรู้อดีตหรืออนาคตของคนที่ได้พบแต่ไม่ใช่ทุกคนเป็นเพียงบางคนเท่านั้นที่เธอจะรับรู้ได้ และจะพูดเฉพาะกับคนที่รู้ว่าเธอนั้นมีความสามารถอย่างไรก็เท่านั้นเรื่องแบบนี้ใช่ว่าจะพูดกับใครที่ไหนก็ได้และเธอจะบอกเท่าที่บอกได้เท่านั้นกับบางคนเธอแค่เอ่ยเตือนอ้อมๆ เท่านั้นอยู่ที่ว่าคนๆนั้นจะใส่ใจมากแค่ไหน
“เด็กคนนั้นเป็นหลานสาวฉันเอง ชื่อฟางเซียน เธอเห็นอนาคตของยัยฟางอย่างนั้นหรอ อีกไม่นานนี่บอกได้ไหมว่าเมื่อไหร่”
“ทุกอย่างล้วนเป็นชะตาของเด็กคนนั้น ในคืนที่พระจันทร์ทรงกลดหลังเธออายุครบ 27 ปี และฉันบอกได้ว่าไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนเธอจะมีความสุขและสบายดีอย่างแน่นอน เอาเป็นว่าฉันบอกได้แค่นี้”
“อย่าคิดมากเลย อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด”
ทางด้านฟางเซียนเมื่อเข้ามาในร้านเธอตั้งใจจะไปนั่งโต๊ะและจำของครอบครัวแต่เห็นคุณย่านั่งอยู่กับใครสักคนที่ดูแล้วอายุน่าจะใกล้เคียงกับคุณย่าของเธอ ฟางเซียนเลยตั้งใจจะรอให้คุณย่าเสร็จธุระแล้วค่อยเข้าไปแต่เป็นคุณย่าของเธอที่มองเห็นเธอเดินเข้ามาแล้วให้คนไปเรียกเธอมาที่โต๊ะ
“ยัยฟางมานั่งนี่ลูก ทำไมมาก่อนเวลาล่ะ”
“หนูกะว่าจะมารอคุณย่าที่ร้านนะคะไม่คิดว่าคุณย่าจะอยู่ที่ร้านแล้ว”
“ย่ามาทานข้าวกับเพื่อนน่ะลูกนี่ย่าจะแนะนำให้รู้จัก จันทร์นี่ฟางเซียนหลานสาวฉันเอง ยัยฟางนี่คุณหญิงมณีจันทร์เพื่อนย่า”
“สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีลูกหน้าตาน่ารักเชียว หนูฟางเซียนเรียกย่าจันทร์ก็ได้ลูก”
“ขอบคุณค่ะคุณย่าจันทร์”
‘กริ้งงงงง’ และยังไม่ได้คุยกันไปมากกว่านั้นเสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าคุณหญิงมณีจันทร์ดังขึ้นเป็นหลานสาวที่โทรเข้ามาอีกทั้งยังหาที่จอดรถนานไม่ได้เธอจึงต้องเดินออกไปแล้วให้หลานสาววนรถมารับ
“ยัยฟางย่าวานเดินไปขนมหวานที่ย่าเตรียมไว้ให้ย่าจันทร์ที่ครัวขนมหวานมาให้ย่าหน่อยลูก”
“ได้ค่ะคุณย่า ย่าจันทร์รอสักครู่นะคะ”
“เรื่องที่ฉันพูด เธอเองก็อย่าคิดมาก”
“ฉันไม่ได้คิดมาหรอกใช่ว่าจะไม่เคยรู้ แต่แค่เวลามันใกล้เข้ามาแล้วก็เท่านั้น”
“ได้แล้วค่ะคุณย่า”
“ฉันต้องไปก่อนแล้ว ไว้พบกันใหม่”
“เดี๋ยวหนูเดินออกไปส่งคุณย่าจันทร์นะคะ”
“ไปเถอะลูก ขอบใจมากที่แวะมาหานะจันทร์” ลับหลังทั้งสองคนเดินออกไปคุณหญิงกชมลได้แต่คิดย้อนถึงครั้งที่เธอเคยไปดูฤกษ์ยามให้บุตรชายและสะใภ้ครั้งที่ทั้งสองจะแต่งงานกัน
.
.
“ท่านหมายความว่ายังไงหรือคะ”
“เมื่อถึงเวลาโยมก็จะรู้เอง”
.
.
…………
คุยกัน….. เจอกันครั้งหน้าคร่า ห่างหายหลายวันเลย ช่วงนี้เรากำลังหางานจร่า เป็นช่วงที่บริาัทเริ่มมีโทรมาให้สัมภาษบ้างแล้ว ท้าวความคือเราลาออกมาอยู่บ้านตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมิถุนาเนาะ สาเหตุก็ โควิดนี่แหละบริษัทรอบๆ ที่เราทำงานติดกันเยอะ เราก้วิตกแหละแบบถึงขั้นหายใจไม่ออก นอนไม่หลับคิดไปต่างๆ นาๆ จนสุดท้ายก็ลาออกมา
และตั้งใจจะไม่เข้าไปทำงานเขตกรุงเทพฯแล้ว ด้วยสายที่เราเรียนจบมาอ่ะรอบนอกหรือต่างจังหวัดเรียกว่าค่อนข้างน้อยเนาะหางานใกล้บ้านลำบาก เราจบ วท.บ.เคมีแหละ ที่บ้านเลยให้พักก่อน และตอนนี้พักหลายเดือนแล้วก็เลยเริ่มที่จะหางานลองดู เป็นกำลังใจให้เราด้วยจร่า *-^
ความคิดเห็น