ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    มนต์ลักขณา (涵芳仙)

    ลำดับตอนที่ #2 : กลับบ้าน

    • อัปเดตล่าสุด 18 ธ.ค. 64


    สนามบินสุวรรณภูมิ, ประเทศไทย, 2021 เวลา 13:30 น.

    หญิงสาวรูปร่างสูงโปร่งที่ส่วนสูงราวๆ 170 เซนติเมตรสวมกางเกงยีนเข้ารูปกับเสื้อยืดสีขาวดูธรรมดาคอเสื้อเธอถูกเกี่ยวไว้ด้วยแว่นตายี่ห้อหนึ่งแขนข้างซ้ายถูกพาดด้วยเสื้อโค้ตตัวใหญ่ในมือจับกระเป๋าลากใบโต หญิงสาว ใบหน้าเรียวถูกปิดไว้ด้วยแมสก์และบนหัวเธอสวมหมวกแก๊ปธรรมดาแต่ทุกอย่างบนตัวเธอนั้นดูก็รู้ว่ามาจากแบรนด์ดัง เธอที่เดินออกมาจากฝั่งผู้โดยสารขอเข้านั้นเป็นที่สะดุดตาผู้คนที่ผ่านไปผ่านมายิ่งนัก

    หญิงสาวคนนี้นั้นเธอคือ “ลักขณา พรเพ็ญพิระยะ หรือ ฟางเซียน” อายุ 26 ปี หลานสาวคนโตของตระกูลสืบเชื้อสายผู้ดีเก่าที่ไม่ได้มียศถาบรรดาศักดิ์ใดๆ ในสังคมที่สืบทอดมา สิ่งที่เธอมีคือตำราทำอาหารชาววังเท่านั้น แต่ครอบครัวเธอก็ยังเป็นที่นับหน้าถือตาของคนที่รู้จักกันในสังคมอยู่ด้วยฐานะครอบครัวและบิดามารดานั้นเป็นนักธุรกิจ

    ครอบครัวของเธอประกอบไปด้วย น้องชายฝาแฝดของเธอ “รชานนท์ พรเพ็ญพิระยะ หรือ อี้หลง” ทั้งสองเป็นบุตรของคุณไรวินทร์และคุณยลรดี (ฟางหรง คุณแม่เธอเป็นลูกครึ่งไทยจีน) พรเพ็ญพิระยะ หลานคุณย่า กชมล พรเพ็ญพิระยะ เจ้าของร้านอาหารชาววังชื่อดังในกรุงเทพมหานคร

    โดยเธอนั้นสนใจด้านอาหารและขนม ทั้งอาหารทั่วไปและอาหารชาววังเรียนรู้กับคุณย่าและฝั่งอาหารจีนที่เรียนรู้จากคุณแม่ของเธอมาตั้งแต่ยังเด็ก ด้วยความชอบด้านอาหารอีกทั้งยังมีความสนใจในอาหารและหลากหลายสัญชาติเธอจึงตัดสินใจไปเรียนด้วนการอาหารที่ฝรั่งเศส Le cordon bleu หรือ เลอ กอร์ดอง เบลอ เป็นสถาบันที่เธอเลือที่จะไปเรียนต่อ เป็นสถาบันสอนทำอาหารที่เป็นที่รู้จักในลำดับต้นๆ ของโลกเลยก็ว่าได้ โดยที่เปิดสอนการทำอาหารฝรั่งเศสให้แก่ผู้ที่สนใจมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1895 ที่กรุงปารีส ปัจจุบันมีอยู่ 35 แห่ง ใน 20 ประเทศทั่วโลกเป็นเครือข่ายสถาบันการศึกษาชั้นนำของโลก ที่มุ่งมั่นถ่ายทอดศาสตร์ด้านการประกอบอาหารและการโรงแรม ผ่านหลักสูตรการเรียนการสอนที่เปี่ยมด้วยคุณภาพและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล

    ส่วนน้องชายเธอนั้นเป็นพี่น้องที่ไม่มีความเหมือนกันแม้แต่น้อยทั้งความชอบและอื่นๆ ยกเว้นหน้าตาที่มีความคล้ายกันมากที่สุดแล้ว แต่คล้ายที่ไม่ได้แปลว่าเหมือนละน่ะ น้องของเธอเลือกเรียนด้านบริหารซึ่งด้วยชอบเป็นส่วนตัวอยู่แล้วและก็เพื่อผิดชอบในส่วนของบริษัทต่อจากคุณพ่อคุณแม่

    “ถึงบ้านแล้วสินะ”

    เสียงใสที่เปล่งออกมาบอกกับตัวเอง เธอจากบ้านเกิดเมืองนอนไปศึกษาและหาประสบการณ์อยู่ต่างประเทศหลายปีเนื่องจากอยากรีบเรียนให้จบและหลายอย่างที่เธอเลือกที่จะศึกษาจากที่นั่นจึงไม่มีเวลาบินกลับมาประเทศบ้านเกิดเลยจนวันนี้เธอเรียนจบกลับมาแล้ว โดยที่ไม่ได้บอกคนที่บ้านว่าเธอจะกลับมาวันนี้

    “เรียบร้อยนะครับ”

    “ค่ะ ออกรถได้เลยค่ะ” หลังจากใช้บริการเรียกรถสาธารณะพร้อมปักหมุดสถานที่ที่เธอต้องการจะไปเรียบร้อยแล้วหลังจากที่คนขับช่วยยกกระเป๋าเธอขึ้นรถเธอก็บอกให้เขาออกรถในทันทีส่วนสัมภาระอื่นๆ นั้นเธอจัดการให้ส่งไปที่บ้านโดยตรงซึ่งจะถึงในภายหลัง

     

    คฤหาสน์ตระกูลพรเพ็ญพิระยะ

    “คุณหนู คุณหนูฟางเซียนหรือคะ” หญิงสาวลากกระเป๋าใบโตที่พกมาด้วยเข้ามาในเขตประตูก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคย

    “ใช่ค่ะนมสายใจ ฟางเองคิดถึงนมจังเลยไม่เจอกันตั้งนาน” หญิงสาววิ่งเข้าไปกอดแม่นมของเธอคนที่เลี้ยงเธอมาตั้งแต่เล็กๆ ด้วยความคิดถึงแม่นมสายใจเป็นคนที่อยู่กับคุณย่ามานานตั้งแต่แม่นมยังสาวๆ อีกทั้งเป็นแม่นมที่เลี้ยงคุณพ่อของเธอมาและยังเลี้ยงเธอกับน้องชายของเธอด้วยเช่นกันว่าได้ว่าเลี้ยงตั้งแต่พ่อจนถึงลูกกันเลยทีเดียว

    “แล้วนี่มาได้ยังไงคะ ไม่เห็นคุณท่านพูดถึงเลยว่าคุณหนูจะมาวันนี้”

    “นมสายใจไม่ต้องสงสัยหรอกค่ะ ฟางไม่ได้บอกใครว่าจะกลับวันนี้เซอร์ไพรส์ทุกคนไงคะ”

    “คุณหนูนะคุณหนู มันน่าตีจริงๆ เลย ถึงว่าพวกคุณ คุณไม่มีใครอยู่บ้านเลยสักคนเดียวทานอะไรมารึยังค่ะ”

    “ฟางทานรองท้องมาบ้างแล้วล่ะค่ะ”

    “ถ้าอย่างนั้นคุณหนูขึ้นไปพักผ่อนก่อนนะคะห้องคุณหนูนมให้คนทำความสะอาดไว้ตลอดเลย ของเดี๋ยวนมมาเรียกคนยกขึ้นไปให้”

    “ขอบคุณค่ะนมเจอกันตอนเย็นนะคะ นมอย่าเพิ่งบอกใครนะคะ”

    “ได้ค่ะ หนึ่งทุ่มตรงนะคะคุณหนูเดี๋ยวเย็นนี้นมทำของโปรดคุณหนูรอเลย” นมสายใจไม่ลืมย้ำเวลาตั้งโต๊ะให้คุณหนูฟัง

    “ได้เลยค่ะ ฟางขึ้นไปก่อนนะคะ” ทั้งสองแยกย้ายกันโดยที่แม่นมของเธอเรียกสาวใช้ที่อยู่ใกล้ๆ ให้มายกช่วยกันของขึ้นไปข้างบนให้เธอ

    .

    .

    ณ โต๊ะอาหารเย็นครอบครัวพรเพ็ญพิระยะ เวลาหนึ่งทุ่มตรงเป็นเวลาตั้งโต๊ะปกติของบ้านหากใครที่กลับมาช้ากว่านี้ถ้าไม่กินมาจากข้างนอกคงต้องไปรบกวนเหล่าแม่ครัวให้จัดเตรียมอาหารให้

    “อ่าวคุณพ่อ คุณแม่วันนี้กลับมาเร็วนะครับ” บุตรชายคนเดียวของบ้านไม่วายเอ่ยขึ้นหลังจากที่เห็นบิดามารดาเดินเข้ามาในห้องอาหาร ปกติสองคนนี้ชอบถูกเชิญไปงานเลี้ยงจนแทบจะไม่มีเวลามากินข้าวที่บ้านอยู่แล้ว

    “ว่าแต่พ่อกับแม่ แกก็เหมือนกันนั่นแหละ” ไรวินทร์ เดินเข้ามานั่งฝั่งขวามือของมารดาที่นั่งอยู่หัวโต๊ะ ส่วนภรรยาเขานั้นนั่งลงข้าง ๆ ไม่วายเอ่ยตอบบุตรชายที่นั่งอยู่โต๊ะฝั่งซ้ายมือซึ่งเป็นที่นั่งของบุตรชายและบุตรสาว โดยตอนนี้มีเพียง รชานนท์ พรเพ็ญพิระยะ หรือ อี้หลง เนื่องจากบุตรสาวของเขานั้นอยู่ต่างประเทศยังไม่กลับมา

    “เอาเถอะๆ กลับเร็วกันก็ดีแล้วนานๆ จะได้กินข้าวกินปลาพร้อมหน้ากัน”

    “ใช่ค่ะคุณแม่ สองพ่อลูกนี่จริงๆ เลยเป็นต้องเถียงกันทุกที”

    “เอาเถอะๆ ได้เวลาตั้งโต๊ะแล้ว สายใจจัดการเถอะ”

    “ได้ค่ะคุณท่าน” "พวกเธอน่ะยกอาหารเข้ามา อาหารต่างๆ ที่สาวใช้ยกเข้ามาวันนี้นั้นทำให้ทุกคนบนโต๊ะอาหารแปลกใจเพราะมีทั้งแกงรัญจวน ต้มกะทิสายบัว แกงขี้เหล็ก ต้มยำกุ้งและอีกหลายอย่าง ซึ่งทุกอย่างนั้นเป็นของโปรดของคุณหนูฟางเซียนเกือบทั้งหมดเลยด้วยซ้ำ

    “ทำไมวันนี้มีแต่ของโปรดยัยฟางทั้งนั้นเลยล่ะนมสาย” ผู้เป็นแม่อดสงสัยไม่ได้เมื่อเห็นอาหารที่วางตรงหน้านี้มีแต่ของบุตรสาวของเธอ

    “นมคงคิดถึงพี่ฟางมากแน่ๆ เลยครับคุณแม่ ถึงทำแต่ของโปรดมาขนาดนี้ แบบนี้ผมน้อยใจนะครับ”

    “เอ๊ะ เอ๊ะ เอ๊ะ ได้ยินว่าใครน้อยใจกันนร่าาาา มานี่พี่สาวจะกอดปลอบใจเอง”

    “ยัยฟาง/ฟาง/ฟางเซียน”

    “ทุกคนไม่ต้องเรียกหนูพร้อมกันขนาดนั้นก็ได้ค่ะ รู้ว่าคิดถึงกัน เป็นไงคะเซอร์ไพรส์ไหมคะ”

    “ยังจะเล่นอยู่อีกกลับมาไม่บอกย่าบอกใครสักคน”

    “งื้อออออ คุณย่าขา”

    “ไม่ต้องมาอ้อนย่าโตจนหมากัดก้นไม่ถึงแล้ว นั่งลงกินข้าวก่อนเลยเวลามามากแล้วค่อยคุยกัน”

    “รับทราบค่ะคุณหญิงกชมล พรเพ็ญพิระยะ”

    “ตักข้าวเถอะ”

    “ค่ะ คุณท่าน”

    หลังจากที่ทานอาหารเสร็จทุกคนจึงพากันมานั่งที่ห้องรับแขกของบ้านเพื่อที่จะพูดคุยกับหญิงสาวที่กระทำการเซอร์ไพรส์ทุกคนโดยการกลับบ้านแบบไม่บอกไม่กล่าวใครเลยสักคน

    “คิดถึงคุณย่าที่สุดเลยค่ะ” ตั้งแต่นั่งลงเธอก็กอดคุณย่าไม่ปล่อยเลยในใจคงคิดกลัวว่าผู้อาวุโสของบ้านจะน้อยใจเอาได้ที่เธอกลับมาแล้วแต่ไม่ได้บอกว่าท่านเลยต้องรีบง้อไว้เสียก่อน

    “อ้อนคุณย่าเชียวนะพี่ฟาง กลัวคุณย่าดุให้ล่ะสิท่า”

    “นั่นก็ส่วนหนึ่งเถอะ แต่หนูคิดถึงคุณย่าจริงๆ นะคะ”

    “คิดถึงแต่คุณย่าแล้วแม่กับพ่อล่ะ ไม่คิดถึงเลยหรอยัยตัวแสบ”

    “แสบที่ไหนกันค่ะคุณแม่ ฟางก็คิดถึงคุณแม่ คุณพ่อแล้วก็ทุกคนมากเหมือนกันนั่นแหละค่ะแต่ว่า…”

    “แต่ว่าอะไรฮึ” คุณพ่อ

    “ใช่ๆ แต่ว่าอะไรพี่ฟาง” รชานนท์

    “แต่ว่า….หนูต้องการไปสมัครงานที่ร้านคุณย่าเลยกลัวคุณย่าไม่รับเข้าทำงานน่ะสิคะ”

    “ถ้าคุณย่าไม่รับหนูเข้าทำงานหนูต้องกลายเป็นคนตกงานแน่ๆ เลยค่ะ”

    “ลูกก็พูดไปเรื่อยอย่างคุณย่าของลูกน่ะหรอจะไม่รับลูกเข้าทำงาน กลัวหลานสาวไปร่อนใบสมัครงานที่อื่นเสียมากกว่าน่ะสิ”

    “เอาเถอะๆ พูดเล่นเป็นเด็กไปได้แล้วนี่หลานมาถึงตั้งแต่ตอนไหนกลับบ้านมายังไง”

    “ลงเครื่องตอนบ่ายค่ะคุณย่า แล้วก็เรียกรถรับจ้างให้มาส่งที่บ้าน”

    “จะลำบากทำไมก็ไม่รู้ เกิดเป็นอะไรอันตรายขึ้นมาจะทำยังไงน้องชายเราก็มีทำไมไม่โทรหา”

    “ก็หนูตั้งใจเซอร์ไพรส์นี่หน่า แต่คราวหลังจะไม่ทำให้ทุกคนเป็นห่วงแล้วค่ะ”

    “รู้ตัวก็ดีแล้ว”

    “ใช่ครับพี่ไม่ควรทำให้ทุกคนเป็นห่วง”

    “จร่าๆ คุณน้องชายสุดหล่อคราวหลังพี่สาวจะไม่ทำอีกจร่า”

    “พ่อว่าแยกย้ายกันไปนอนเถอะ ดึกแล้วคุณย่าจะได้พักผ่อนด้วย”

    “ค่ะพ่อ ครับพ่อ”

    “พ่อกับแม่ขึ้นไปพักผ่อนเลยนะคะเดี๋ยวหนูกับอี้หลงไปส่งคุณย่าเข้านอนเอง”

    “ฝันดีค่ะ/ฝันดีครับ คุณพ่อคุณแม่”

    “จร่ะ ลูกก็เช่นกัน ไปกับเถอะค่ะคุณ” “ครับ”

    สองหนุ่มสาวหลังจากบอกลาบิดามารดาแล้วก็หันมาประคองคุณย่าเข้าห้องโดยที่มีแม่นมสายใจเดินเข้ามาด้วย

    “คุณหนูก็ไปพักผ่อนเถอะค่ะ วันนี้เหนื่อยมาทั้งวันแล้วเดี๋ยวคุณท่านนมจัดการต่อเอง”

    “ก็ได้ค่ะงั้นฝากนมจัดการด้วยนะคะ หลับฝันดีค่ะคุณย่ารักคุณย่านะคะ/หลับฝันดีครับคุณย่าผมขอตัวก่อนนะครับ”

    “จร่ะ หลานไปพักเถอะ”

    “เจอกันพรุ่งนี้ค่ะ ฝันดีนะคะนมสาย”

    “ค่ะคุณหนู”

     

    …………

     


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×