ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    มนต์ลักขณา (涵芳仙)

    ลำดับตอนที่ #8 : เหลาอาหาร ฟู่ หง อี้ ไฉ (ฟู่หง)

    • อัปเดตล่าสุด 15 มี.ค. 65


    หลังจากเทศกาลขนมจ้างหรือเทศกาลตวนอู่ (ตวนอู่เจี๋ย) ที่จัดขึ้นในวันที่ 5 เดือน 5 ตามปฏิทินทางจันทรคติแล้วเหลาอาหารของพวกนางก็ได้ถือโอกาสเปิดเหลาอาหารหลังเทศกาล โดยชื่อเหลาอาหารที่พวกนางเห็นพ้องต้องกันมีชื่อว่า “เหลาอาหาร ฟู่ หง อี้ ไฉ” ฟู่ ที่มีความหมายว่าร่ำรวย หง ที่มีความหมายว่ายิ่งใหญ่ อี้ ที่มีความหมายว่ากำไร และไฉ ที่มีความหมายว่าทรัพย์สินเงินทอง โดยเรียกสั้นๆ ว่าเหลาอาหาร “ฟู่หง”

    ในวันเปิดร้านนั้นทั้งสามได้ให้บิดาของพวกนางเป็นผู้ยกป้ายร้านและมีแม่ทัพใหญ่หวังบิดาของหวังลี่จินเป็นผู้กล่าวเปิดร้านอย่างเป็นทางการ วันนั้นทางเหลาอาหารได้ทำอาหารจัดเลี้ยงผู้ที่มาร่วมงานโดยเป็นอาหารขึ้นชื่อของแคว้นสี่อย่างและอาหารไทยอีกสี่อย่าง

    ของหวานนั้นเป็นขนมหนวดมังกร ยุเหวียนเชียวหรือขนมบัวลอยหลากสี ขนมถ้วยฟูที่มีสีสันและรูปลักษณ์ที่หลากหลายเป็นที่ตื่นตาของผู้มาร่วมงานเนื่องจากปกติขนมถ้วยฟูที่มีขายจะเป็นสีขาว และมีขนมไทยที่นางเลือกมาทำในครั้งนี้คือขนมจำพวกตระกูลทองทั้งหลายคือทองหยิบ ทองหยอด เม็ดขนุน ฝอยทอง ดาราทอง (จ่ามงกุฎ) ทองเอกและเสน่ห์จันทร์

    เครื่องดื่มนั้นเป็นสุราหมักที่นางทำขึ้นและสุราใสรสอ่อนที่ฟางเซียนได้มาจากในมิติของนาง ของส่วนใหญ่ที่ฟางเซียนนำออกมาใช้นั้นไม่ได้มีความพิเศษใดๆเพียงแต่มีรสชาติที่ดีกว่าเท่านั้น และพวกนางยังมีของขวัญสำหรับผู้ที่มาร่วมงานวันเปิดร้านอีกด้วย

    เป็นกล่องไม้ขนาดเท่าสองฝ่ามือผูกด้วยผ้าสีสันสดใสด้านในแบ่งเป็นสี่ช่องมีขนมเปี๊ยะทั้งหมดสี่ไส้คือ ถั่ว ไข่เค็ม เผือกและฝอยทอง เพื่อเป็นการโปรโมทสินค้าก่อนนำมาวางขายไปในตัว

    “งานวันนี้เหนื่อยไม่น้อยเลยทีเดียว เดินจนขาข้าล้าไปหมดแล้ว” หวางฮุ่ยหลิงอดที่จะบ่นออกมาไม่ได้เมื่อพวกนางพากันมาถึงห้องโถงบนชั้น 3 หลังส่งครอบครัวของพวกนางขึ้นรถม้ากลับไปแล้ว

    “แต่ก็ดีแล้วไม่ใช่หรือมีแต่คนชมรสชาติอาหารของเราหากเป็นการพูดปากต่อปากลูกค้าเหลาอาหารเราก็จะยิ่งมีมากขึ้น”

    “นั่นสิ ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีเช่นนี้” ฟางเซียนไม่คิดว่าผู้คนที่นี่จะชื่นชอบรายการอาหารของนางขนาดนี้เนื่องจากเป็นรายการที่คนที่นี่ไม่เคยรู้จักมาก่อน

    เหลาอาหารฟู่หงนั้นจะเปิดขายทุกวันตั้งแต่ยามเหม่าจนถึงยามฉวีแบ่งคนงานออกเป็นสองรอบเพื่อให้ทุกคนไม่เหนื่อยล้าจนเกินไปขายอาหารและขนมขึ้นชื่อของทวีปมังกรทอง และจะมีจานพิเศษอีกวันละ 4 รายการ

    คือพวกอาหารไทยที่ฟางเซียนเคยเรียนรู้มาและของหวานอีก 2 รายการเลือกตามที่นางเป็นคนสอนให้แก่เหล่าแม่ครัว โดยรายการอาหารพิเศษนี้จะเปลี่ยนทุกๆ 7 วันโดยมีการติดป้ายไว้ที่หน้าเหลาอาหาร

    “ข้ามีของมาให้พวกเจ้าลองชิม รอข้าประเดี๋ยว” ฟางเซียนทิ้งสหายทั้งสองเอาไว้

    “อะไรกัน นางจะเอาอะไรมาให้เราชิมอีกจะรสชาติดีเหมือนไวน์ที่นางเคยให้ลองหรือไม่นะหรือข้าจะตามไปดูดี”

    “เจ้าก็ใจเย็นๆ เถอะหลิงหลิงเดี๋ยวนี้เจ้าซักจะเห็นแก่กินขึ้นทุกวันละนะ”

    “จินจินก็ข้าเปล่านะ เซียนเซียนนางทำอะไรก็อร่อยจนข้าอดใจไม่ไหวต่างหาก”

    “อื่มข้าเห็นด้วย”

    “มาแล้ว มาแล้ว ข้ามาแล้ว” ฟางเซียนเดินออกมาจากห้องของนางพร้อมกับถาดที่ใส่อุปกรณ์ต่างๆ เอาไว้ เป็นน้ำหมักผลไม้ที่นางทำไว้ 4 แบบวางในน้ำแข็ง แก้วทรงหยดน้ำอีก 3ใบและน้ำแข็งแบบเกล็ดที่นางนำออกมาจากในมิติเป็นน้ำแข็งที่ให้ความเย็นอย่างรวดเร็วเหมาะกับการนำมาใช้กับน้ำหวานหรือเครื่องดื่มเคี้ยวง่าย

    “เจ้านี่เรียกคนไปยกมาก็ได้ แล้วนี่คือสิ่งใดหรือเซียนเซียน” ฮุ่ยหลิง

    “ไม่เป็นไรข้ายกไหว สิ่งนี้มันคือน้ำหมักผลไม้อย่างไรเล่า”

    “น้ำหมักผลไม้หรือ” ลี่จิน

    “ใช่แล้ว น้ำหมักผลไม้มันเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพเพราะนอกจากเครื่องดื่มชนิดนี้จะดีต่อสุขภาพ โดดเด่นในด้านของการช่วยขับถ่าย เมื่อดื่มตอนเช้าหลังจากตื่นนอน จะช่วยให้สดชื่นอีกด้วยข้าทำมา 4แบบ”

    “ข้าอยากลอง ข้าอยากลองทั้งหมดเลยเทมาได้เลย”

    “ให้พวกเจ้าชิมอย่างละนิดก่อนก็แล้วกัน แบบแรกเป็นหงเหมย หลานเหมย โป้เหอ*” ส่วนน้ำที่ใช้แช่เป็นโซดาที่นางเรียกออกมาจากในมิติอีกเช่นกัน แบบที่สองเป็น จวี่จือ หนิงเมิงที่ฝานเป็นแผ่นบางๆ และโป้เหอ แบบที่สามเป็น หนิงเหมิงเฉ่า วานโต่วฮวา และหนิงเมิง สุดท้ายเป็น หวงกวาหั่นแว่น หนิงเมิง และโป้เหอ นางเลือกใช้รสเปรี้ยวเป็นหลักเพื่อที่จะทำให้รู้สึกสดชื่น

    ทางด้านล่างเหล่าแม่ครัวก็จัดเตรียมข้าวของสำหรับเปิดขายในวันพรุ่งนี้ทั้งเมนูทั่วไปและเมนูพิเศษของร้านที่จะขึ้นป้าย 4 เมนูคือ หมูโสร่งที่ฟางเซียนตั้งชื่อใหม่ว่า หมูห่อบะหมี่ทอดเพื่อให้ง่ายต่อความเข้าใจ

    ลักษณะเหมือนลูกชิ้นทอด ใช้หมูหมักปั้นเป็นลูกกลมๆ ห่อและพันด้วยเส้นบะหมี่ให้รอบๆ และ ทอด ให้เส้นกรอบ เนื้อหมูจับตัวเป็นก้อนนุ่ม จิ้มด้วยน้ำจิ้ม

    ข้าวแช่ เป็นข้าวหุงสุก แช่น้ำเย็น ทานกับเครื่องเคียง อย่าง ลูกกะปิ หอมแดงยัดไส้ พริกหยวกสอดไส้ หมูฝอย และผัก

    ซี่โครงหมูผัดตะไคร้ คือการนำใบมะกรูด กระเทียมและตะไคร้ลงไปผัด ผัดให้กระเทียมเหลืองส่งกลิ่นหอม ใส่ซี่โครงหมูลงไปผัด ผัดให้ซี่โครงหมูคลุกเคล้ากับกระเทียม ใบมะกรูดและตะไคร้ ให้ซี่โครงหมูสุก เมื่อซี่โครงหมูสุกแล้วปรุงรส

    และจานสุดท้ายคือน้ำพริกลงเรือ น้ำพริกลงเรือ เป็นการนำน้ำพริกกับปลามาผัดรวมกับหมูหวาน โปะด้วยไข่แดงเค็ม จัดใสจานพร้อมกับเครื่องเคียงที่เป็นผักต่างๆ

    ของหวานอีก 2 รายการคือ ขนมพระพายแม้ว่าชื่อจะอ่านยากสักหน่อยแต่ก็ยังพอใช้ได้ ขนมพระพาย เป็นแป้งข้าวเหนียวหลายสีสอดไส้ถั่วเขียวกวนแล้วก็นำไป ทานขณะที่อุ่นๆ ราดด้วยน้ำกะทิด้วยสีสันของขนม ทำให้น่าทานมากขึ้น

    และอย่างที่ 2 คือวุ้นสังขยา ส่วนประกอบคือ วุ้นกับสังขยาแบบที่ยังไม่นำไปนึ่งแต่นำมาผสมกับวุ้นแล้วเคี่ยวจนได้ที่ก่อนจะใส่แม่พิมพ์ที่เตรียมไว้

    เหลาอาหารแห่งนี้ฟางเซียนได้จัดทำรายการอาหารที่เป็นรูปเล่มขึ้นมามีทั้งภาพ ชื่อเรียก ราคา ของทั้งอาหารและเครื่องดื่มต่างๆ เพื่อให้คนที่เข้ามาง่ายต่อการเลือกสั่ง

    “พวกเจ้าทั้งสองคนอยากทำสิ่งใดเพิ่มหรือไม่”

    “ยังก่อนหรอกเซียนเซียนข้ายังไม่รู้ว่าจะทำสิ่งใดเพิ่ม”

    “ข้าก็คิดเหมือนจินจิน แต่นำหมักผลไม้พวกนี้เจ้าจะทำขายที่เหลาอาหารหรือไม่”

    “ข้าคงไม่ได้ทำขายหรอกหลิงหลิงแค่ทำมาให้พวกเจ้าชิมดูเท่านั้นอีกอย่างที่เหลาอาหารของเราขายน้ำผลไม้สดอยู่แล้วด้วย”

    “อื่ม ก็จริงอย่างที่เจ้าว่า”

    “แล้วหงจิ่วเล่าเจ้าจะนำมาขายที่เหลาอาหารหรือไม่เซียนเซียน”

    “คงจะนำมาขายแบบที่เป็นของฝากและขายที่ร้านนั่นแหละข้ากำลังสั่งทำขวดบรรจุแบบใหม่อยู่คงอีกไม่นาน”

    “ดีแล้วๆ ท่านพ่อกับท่านพี่ของข้าถามหาตลอดว่าเมื่อไหร่เจ้าจะนำมาขาย อีกทั้งท่านเคยนำมาดื่มกับสหายที่มาเยี่ยมเป็นที่กล่าวถึงไม่น้อยคงจะขายดี”

    “เสียดายที่วันนี้ท่านพี่ของข้าทั้งสองไม่ได้มาร่วมงานเพราะต้องเดินทางไปต่างแคว้น ดีแล้วที่เจ้าไม่นำออกมาวันนี้”

    “ข้าจะรีบนำออกมาขายก็แล้วกันนะ” ไวน์ที่ฟางเซียนทำขึ้นนั้นมีทั้งหมด 4 แบบคือไวน์แดง ไวน์ขาว ไวน์ชมพูและไวน์ผลไม้

    การทำไวน์แดงไม่ได้แตกต่างจากไวน์ขาวเท่าใดนัก แต่สาเหตุที่ทำให้ไวน์แดงมีสีแดง นั่นเป็นเพราะมีการเติมเปลือกองุ่น ขั้วองุ่นรวมถึงเมล็ดเข้าไปในกระบวนการหมักด้วย ต่างจากไวน์ขาวที่คัดเปลือกและส่วนอื่นๆ ทิ้งไป

    นอกจากนั้น ไวน์แดงยังถูกหมักในอุณหภูมิสูง เพื่อสกัดเอาสี รสฝาดของแทนนินกลิ่นและรสออกมา ซึ่งจะมีความเข้มข้นแตกต่างกันไป ตามระยะเวลาการทิ้งเปลือกองุ่นไว้กับน้ำองุ่นในขั้นตอนการหมัก

    ไวน์สีชมพูเหมยกุ้ยฮวา ผลิตขึ้นจากองุ่นแดงหรือองุ่นดำ แต่ในกระบวนการหมัก เปลือกองุ่นหรือส่วนอื่นๆ จะถูกทิ้งให้สัมผัสกับน้ำองุ่นเพียงช่วงสั้นๆ

    ไวน์ผลไม้หลักๆ ที่นางทำเอาไว้คือ เฉ่าเหมยผลไม้ที่มีรสชาติเปรี้ยวอมหวานและกลิ่นที่หอม โหลวปัวรสชาติที่ออกเปรี้ยวนำหวาน และเถาจือด้วยกลิ่นหอมและรสชาติที่หวานอร่อยเมื่อนำมาหมักเป็นไวน์จะทำให้ได้ไวน์ที่มีกลิ่นและรสชาติที่น่าหลงใหลมากให้ความรู้สึกสดชื่นและผ่อนคลายมากเลยทีเดียว

    ขวดที่สั่งทำใหม่นางสั่งทำกับร้านเครื่องแก้วในตลาด ขวดเป็นสีเขียวเข้มเกือบดำมีลวดลายที่นางออกแบบไว้ตามชนิดของไวน์แต่ละชนิด พร้อมกับกล่องไม้ที่ใช้บรรจุอีกไม่นานคงเสร็จเรียบร้อย

    “ข้าว่าแยกย้ายกันพักผ่อนเถอะ ตรวจสอบของที่เราจะขายพรุ่งนี้อีก”

    หลังจากที่แยกย้ายกับสหายแล้วฟางเซียนไม่ได้เข้าไปพักผ่อนในห้องของนางแต่เลือกที่จะเรียกเสี่ยวมี่และเสี่ยวหมิงให้ตามออกมาเพราะนางต้องการไปเดินเล่นที่ลำธารด้านหลัง

    “คุณหนูจะไปที่ใดหรือเจ้าค่ะ”

    “ข้าอยากไปเดินเล่นที่ลำธารด้านหลังน่ะเสี่ยวมี่ ทั้งสองคนตามมาเถอะ”

    “เจ้าค่ะคุณหนู” ฟางเซียนเลือกที่จะมานั่งอยู่ที่ศาลาริมลำธารระหว่างที่นางกำลังดื่มด่ำกับธรรมชาติอยู่นั้นสายตามของนางก็หันไปเจอกับกอบอนหวานหรือที่คนที่นี่เรียกกันว่า เถียนบาง

    บอนที่นางรู้จักนอกเหนือจากบอนประดับที่ผู้คนในภพก่อนนิยมกันนั้นมีลักษณะอวบน้ำมีหัวใต้ดินใบรูปไข่แกมรูปหัวใจปลายใบแหลมหรือมนโคนใบเว้าลึกรูปสามเหลี่ยมก้านใบสีเขียวหรือออกม่วง ชอบขึ้นบนดินโคลนหรือที่มีน้ำขัง

    แบ่งคร่าวๆออกเป็น 2 แบบคือ บอนหวาน บอนพันธุ์สีเขียวสดไม่มีสีขาวเคลือบอยู่ตามก้านและใบ ก้านเขียวสดไม่มีสีคล้ำ ไม่มีจุดสีดำกลางใบ และบอนคัน มีสีซีดกว่าและนวลขาวกว่าก้านมีสีม่วงไม่นิยมนำมาแกง

    สรรพคุณของมันคือ หัวใต้ดินรับประทานได้ใช้เป็นยาระบายใช้ห้ามเลือด ก้านใบคั้นน้ำเป็นยานวดแก้ฟกช้ำ ลำต้นบดใช้พอกแผลรวมทั้งแผลจากงูกัดหรือใช้ทำอาหาร เช่นแกงบอน ส่วนของบอนที่นำมาแกงคือยอดอ่อน หรือใบอ่อนของบอนที่อยู่ใกล้โคนต้น น้ำยางบอนสรรพคุณแก้พิษแมลงสัตว์กัดต่อยกำจัดหูด ไหลบอนใช้รักษาฝี

    โทษของต้นบอนมีความเป็นพิษ โดยในน้ำยางของบอน หากสัมผัสจะระคายเคืองผิวหนัง จะทำให้เกิดอาการแสนร้อน หากรับประทานแบบสดๆ ทำให้เกิดน้ำลายมาก บวมลิ้น ปาก เพดาน และใบหน้า

    “เสี่ยวมี่ข้าต้องการมีดกับตะกร้า เจ้าไปนำมาให้ข้าหน่อยสิ”

    “เจ้าค่ะ”

    “คุณหนู จะเอามาทำอะไรหรือเจ้าค่ะ”

    “ข้าจะทำแกงเถียนบางเจ้าตามข้ามาเถอะ”

    “คุณหนูรอข้าก่อนเจ้าค่ะ อย่างวิ่งเจ้าคะ รอเสี่ยวมี่กลับมาก่อนเจ้าค่ะ” รอไม่นานเสี่ยวมี่ก็นำของที่นางต้องการมาให้โดยที่มีเสี่ยวหมิงเป็นผู้ที่ลงไปตัดมาให้ตามที่นางต้องการ

    “มันกินได้แน่หรือเจ้าคะคุณหนู”

    “กินได้แน่สิ อร่อยด้วยพวกเจ้าทั้งสองไม่เชื่อข้าหรือ”

    “พวกข้าเชื่อเจ้าคะคุณหนูทำสิ่งใดก็อร่อยเพียงแต่พวกข้าไม่เคยเห็นใครนำมันมาทำอาหารก็เท่านั้น”

    “เดี๋ยวข้าจะทำให้พวกเจ้ากินเอง เสี่ยวหมิง เสี่ยวมี่พอแล้วไปกันเถอะ”

    “เจ้าค่ะคุณหนู”

    เมื่อได้มาแล้ววิธีในการทำคือ บอนปอกเปลือก หั่นเป็นท่อน ล้างน้ำ แล้วนำไปนึ่งใช้มือบีบให้รู้สึกนิ่มแล้วพักไว้

    โขลกเครื่องแกงใส่ข่าหั่น ตะไคร้ซอยรวมกันให้ละเอียดแล้วคลุกกับบอนที่เตรียมไว้

    ตั้งกระทะผัดหมูสับให้สุกใส่หนังหมูต้ม ใส่น้ำพริกและบอนที่คลุกกันไว้ลงไปผัดกับหมู ใส่ข่าอ่อนลงผัดและเติมน้ำเล็กน้อย เติมน้ำมะขามเปียก น้ำตาล น้ำปลา ให้รสหวานนำ ใส่ใบมะกรูดฉีก 4-5 ใบ ตั้งทิ้งไว้บนเตาจนเดือดแล้วลดไฟอ่อนๆ เคี่ยวต่อให้น้ำแกงเข้าเนื้อบอน

    ฟางเซียนเลือกที่จะทำอาหารเพิ่มอีกสองสามอย่างเพื่อที่จะแบ่งให้สหายทั้งสองนำกลับไปที่จวนด้วย แล้วนางก็นำเอานั่วหมี่หรือข้าวเหนียว มานึ่งเพื่อนำมากินกับแกงบอนของนาง กว่าที่ทุกอย่างละแล้วเสร็จก็เข้าสู่ปลายยามเซินเข้าแล้วโดยทุกอย่างที่พวกนางทำได้รับความสนใจจากเหล่าแม่ครัวเป็นอย่างมาก

    “เสี่ยวมี่จัดสำรับเล็กๆ ให้ข้าชุดหนึ่ง ห่อสำรับอีกสามชุดแล้วที่เหลือก็ให้ทุกคนนำไปแบ่งกันได้เลย ส่วนเสี่ยวหมิงเจ้าขึ้นไปตามลี่จินกับฮุ่ยหลิงให้ข้าหน่อย”

    “เจ้าค่ะคุณหนู”

    “มันอร่อยมากเจ้าค่ะคุณหนูข้าไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ามันนำมาทำอาหารได้”

    “อื่ม เชิญพวกท่านตามสบายเถิดข้าขอตัวออกไปข้างนอกก่อน”

    “เจ้าค่ะ”

    “เสร็จแล้วหรือไม่เสี่ยวมี่ ไปโต๊ะด้านนอกกันเถอะ”

    “เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ”

    “มาแล้ว ข้ามาแล้วเซียนเซียน”

    “หลิงหลิงเจ้าค่อยๆ เดินสิ”

    “โถ่วจินจิน ข้าแค่รีบนิดหน่อยเอง”

    “พวกเจ้าทั้งสองมาแล้วหรือมานั่งก่อนสิ ข้ามีอาหารชนิดใหม่มาให้ชิม”

    “นี่คือสิ่งใดหรือเซียนเซียน” เมื่อได้ยินคำถามของสหายนางจึงต้องนั่งอธิบายให้สหายทั้งสองของนางฟังและชิมจากสำรับที่นางเตรียมไว้

    “พวกเจ้าจะกลับเลยหรือไม่ ข้าเตรียมห่อสำรับไว้ให้พวกเจ้านำกลับไปด้วย”

    “นี่ก็ปลายยามเซินแล้วคงต้องกลับก่อน” ลี่จินเอ่ยความต้องการของนางออกมา

    “เช่นนั้นเจอกันพรุ่งนี้ต้นยามเฉิน” เป็นฟางเซียนที่เอ่ยนัดหมายสหายทั้งสองคนของนาง

    “ได้สิ ไม่รู้พรุ่งนี้ผู้คนจะเป็นเช่นไรบ้าง” ฮุ่ยหลิงพูดขึ้นพลางคิดถึงเรื่องของวันพรุ่งนี้

    “อย่าคิดมากเลยหลิงหลิงอย่างไรนี่ก็เพิ่งเริ่มต้นและข้าก็คิดว่ามันจะผ่านไปได้ด้วยดีแน่นอน สิ่งต่อไปจากนี้คือพวกเราต้องเรียนรู้ให้มากขึ้นเท่านั้น”

    “อื่ม ทุกอย่างต้องผ่านได้ด้วยดี” ต่างฝ่ายต่างให้กำลังใจซึ่งกันและกันในเมื่อนี่คือสิ่งที่พวกนางร่วมกันสร้างมันขึ้นมาและทุกอย่างต้องเป็นไปในทางที่ดีอย่างแน่นอน

    “ข้ากลับก่อนละน่ะ”

    .

    ..

    …………………………………….

    >>>

    **หลานเหมย = บลูเบอร์รี่

    หงเหมย = ราสเบอร์รี่

    โป้เหอ = สาระแหน่

    จวี่จือ = ส้ม

    หนิงเมิง = มะนาว

    มิงเฉ่า = ตะไคร้

    วานโต่วฮวา = ดอกอัญชัน

    หวงกวา = แตงกวา

    …………………………………….

    อย่าลืมกดเลิฟ กดไลท์ กดเฟบ คอมเม้นท์เป็นกำลังใจให้เราด้วยนะคะ *_^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×