ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    มนต์ลักขณา (涵芳仙)

    ลำดับตอนที่ #7 : หมักสุราผลไม้

    • อัปเดตล่าสุด 23 ก.พ. 65


     หลังจากวันนั้นที่ฟางเซียนได้คำแนะนำจากมารดาก็นำความต่างๆ มาปรึกษากับสหาย ด้วยความที่พวกนางได้ลิ้มลองรสชาติอาหารของฟางเซียนและมั่นใจในตัวสหายของพวกนานอยู่แล้วจึงได้ความว่าพวกนางตกลงที่จะสร้างเหลาอาหารขึ้นเองด้วยความสะดวกในหลายๆ ด้าน

    พวกนางร่วมทุนกันซื้อที่ดินที่อยู่ถัดจากตลาดออกไปประมาณ 2ลี้ แต่ก็ผืนดินที่มีเส้นทางสัญจรพาดผ่าน ที่ดินส่วนนั้นเป็นลานกว้างทั้งหมดกว่า 50 หมู่เดิมที่เป็นของขุนนางเมืองผู้หนึ่งเคยซื้อไว้ตอนเข้ามาประจำการ เพียงแต่ตอนนี้นั้นเขาย้ายกลับไปยังเมืองบ้านเกิดแล้วจึงต้องการที่จะขายที่ดินผืนนั้นซึ่งพวกนางก็เข้าไปติดต่อกรมที่ดินได้ถูกเวลาพอดี จึงได้ที่ผืนนี้มาในราคากว่า 250 ตำลึงทอง

    เวลาผ่านไปหลายเดือน ที่ดินทั้งหมดถูกสร้างรั้วรอบขอบชิดกั้นไว้ทั้งหมด เหลาอาหารถูกสร้างเป็นอาคาร 3ชั้น ด้านข้างอาคารเป็นพื้นที่สำหรับจอดรถม้าของผู้ที่มาใช้บริการเหลาอาหารและมีพื้นที่กันไว้พิเศษประมาณ 10ช่อง ชั้นแรกของอาคารเป็นส่วนของห้องครัว ห้องเปล่าที่มีชั้นเรียงรายอยู่หลายชั้น ห้องสำหรับรองรับลูกค้าและห้องสำหรับสั่งอาหารเมื่อเดินเข้าไปในห้องสั่งอาหารแล้วจะมีบันไดขึ้นสู่ชั้นสองที่เป็นห้องส่วนตัวและประตูออกทางด้านหลังไปยังส่วนที่เป็นสวนหลังร้าน

    ชั้นที่สองเป็นห้องส่วนตัวที่ทำไว้ประมาณ 9ห้องเป็นห้องขนาดใหญ่รองรับประมาณ 15-20 คน 1ห้อง ขนาดกลางรองรับประมาณ 8-14 คน 3ห้อง และขนาดเล็กรับตั้งแต่1-7คน 5ห้องบนชั้นสามนั้นถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นห้องทำงานของหญิงสาวทั้ง 3คนทางขึ้นถูกสร้างแยกออกไว้ด้านนอกเชื่อมต่อกับชั้นที่ 2เพื่อเดินขึ้นสู่ชั้นที่ 3

    บนพื้นที่ชั้นที่สามตรงกลางเป็นห้องนั่งเล่นซ้ายมือเป็นห้องส่วนตัวของหานฟางเซียน ตรงกลางห้องแรกเป็นห้องส่วนตัวของหวังลี่จินห้องที่ 2เป็นห้องส่วนตัวของหวางฮุ่ยหลิงทั้งสามห้องมีห้องสำหรับพักผ่อนอยู่ด้านในมีห้องน้ำในตัวเช่นเดียวกับเรือนที่จวนของฟางเซียนเพราะนางเป็นคนเขียนแบบอาคารนี้เองและช่างก็เป็นชุดเดิมที่สร้างเรือนของนางอีกด้วยและ 2ห้องสุดท้ายฝั่งขวามือห้องแรกเป็นห้องสำหรับรับประทานอาหาร ห้องที่ 2เป็นห้องที่มีโต๊ะขนาดใหญ่ตั้งอยู่กลางห้องและมีเก้าอี้ล้อมอยู่นับ 10ตัว

    ด้านหลังของอาคารหลักท่ามกลางสวนขนาดใหญ่เป็นห้องอาหารกลางที่มีการจัดโต๊ะไว้บริการ 15โต๊ะสามารถนั่งได้โต๊ะละ 4คนและแบบที่เป็นศาลาแยกตามจุดต่างๆ ของสวนอีก 12จุด เหลาอาหารท่ามกลางธรรมชาติและอาหารรสชาติดีคงเรียกลูกค้าได้ไม่น้อยในภายหน้า

    “ข้าไม่คิดเลยว่ามันจะออกมาน่ามองไม่น้อยเช่นนี้” ลี่จิน

    “มันดูใหญ่โตกว่าที่พวกเราคิดกันในตอนแรกเสียอีก” ฮุ่ยหลิง

    “เป็นเพราะครอบครัวของพวกเราสนับสนุนนั่นแหละถึงออกมาเป็นแบบนี้ได้ พวกเราต้องดูแลกิจการนี้ให้ดีที่สุด”

    “ใช่ๆ นี่เป็นงานชิ้นแรกที่ข้าทำด้วยตนเองที่เป็นรูปเป็นร่างเลยนะ”

    “พวกข้าก็ไม่ต่างกันหรอกนะ”

    “หลิงหลิง เจ้าจำที่ข้าเคยบอกว่าอยากหมักสุราผลไม้ขายได้หรือไม่เจ้าสอบถามราคาสุราจากที่บ้านเจ้าแล้วบ้างหรือไม่”

    “ข้าสอบถามจากพี่ชายมาบ้างแล้ว ราคาสุราแบ่งตามคุณภาพของสุราที่มีอยู่ต่ำสุดที่ไหละ 50อีแปะ ระดับกลางอยู่ที่ไหละ 2 เหรียญทองแดง และคุณภาพดีที่สุดไหละ 5 เหรียญทองแดง เจ้าต้องการแบบไหนล่ะ”

    “ข้าต้องการสุราคุณภาพดี 50 ไหเจ้าให้คนมาส่งที่จวนของข้าได้หรือไม่”

    “ได้สิข้าจะบอกพี่ใหญ่ให้ แต่เจ้าต้องอย่าลืมให้ข้าชิมนะ”

    “ข้าด้วยสิ เจ้าอย่าลืมให้พวกข้าชิมนะเซียนเซียน”

    “เป็นเด็กเป็นเล็กพวกเจ้านี่น่ะ”

    “เจ้าก็อายุเท่าข้ายังริอาจจะหมักสุราขายเลย”

    “เอาเถอะๆ ตามพวกเจ้าว่าก็ได้ เจ้าอย่าลืมส่งให้ข้าเล่าหลิงหลิง”

    “แล้วเจ้าจะวางขายในเหลาอาหารหรือไม่เซียนเซียน”

    “คงต้องดูก่อน ว่าสุราที่หมักได้ผลดีหรือไม่แต่ข้าให้นายช่างทำห้องไว้แล้ว นับเวลาที่เหลือกับการตกแต่งเหลาอาหารและฝึกฝนพวกคนงานต่างๆ คาดว่าสุราของข้าคงถึงเวลาพอดี”

    “เช่นนั้นวันนี้พวกเราแยกย้ายกันก่อนเถอะ พวกเจ้าอย่าลืมคิดชื่อเหลาอาหารเล่า”

    “พวกข้าไม่ลืมหรอกหนาจินจินคนงาม อิอิ”

    “เจ้านี่เหลือกินนะ หลิงหลิง”

    หลังจากแยกย้ายกับสหายทั้งสองกลับจวนฟางเซียนก็กลับมาเตรียมสถานที่สำหรับเก็บสุราที่นางสั่งมาโดยไม่ลืมแจ้งแก่พ่อบ้านไว้ก่อนแล้วเรื่องนี้นางเองก็เคยกล่าวกับท่านพ่อท่านแม่ไว้แล้วเช่นกันและทั้งสองก็ไม่ได้ห้าแต่อย่างใด ไม่นานสุราที่สั่งไว้ก็มาส่งนางให้บ่าวในเรือนขนไปเก็บไว้ที่ห้องเก็บของที่เรือนของนางก่อนที่จะกวาดสุราทั้งหมดเข้าไปในมิติ

    สุรา 50ไหนั้นเมื่อนำมาเทใส่ภาชนะตวงของนางได้ 100 ลิตรเลยทีเดียวจากของต่างๆ ที่นางขอมานั้นหนึ่งในนั้นคือโหลแก้วขนาด 1ลิตรที่นางสามารถเรียกออกมาใช้ได้ โถแก้วมีฝาปิดล็อกกว่า 200ใบถูกนำมาวางเรียงรายกัน สุราหมักที่นางจะทำในวันนี้แบ่งเป็น 4อย่าง อย่างละ50 โถ

    อย่างแรกเป็นเหล้าดองลูกท้อวัตถุดิบคือ ท้อสดที่เก็บจากในมิติของนางครึ่งกิโลกรัม น้ำผึ้งครึ่งถ้วย สุราขาวครึ่งลิตร วิธีทำแช่ท้อสดไว้ 30 นาที ทำความสะอาดแล้วเช็ดให้แห้ง เอาท้อสดใส่ในโถแก้วแล้วตามด้วยน้ำผึ้งเติมสุราขาวลงไปเก็บไว้ในที่มืด 6 เดือนก็นำมาทานได้แล้วยิ่งทิ้งไว้นานเท่าไหร่รสชาติยิ่งกลมกล่อมมากขึ้น แต่ว่านางจะทิ้งไว้ในมิติของนางก่อนเพราะมันสามารถปรับเวลาได้และของที่อยู่ด้านในนี้ไม่เน่าเสีย

    อย่างที่สองเป็นเหล้าดองลูกพลัมวัตถุดิบคือลูกพลัม 500 กรัม น้ำตาลกรวด 500 กรัม สุราขาวครึ่งลิตรวิธีทำแช่ลูกพลัมสดไว้ 1 ชั่วโมงทำความสะอาดแล้วเช็ดให้แห้งนำมาใส่โถ สลับกับน้ำตาลไล่เป็นชั้นๆ จนหมดเติมสุราขาวครึ่งลิตรลงไป พักไว้ 3-6 เดือน

    อย่างที่สามเป็นเหล้าดองลิ้นจี่วัตถุดิบลิ้นจี่ 500 กรัมน้ำตาลกรวด 500 กรัมสุราขาวครึ่งลิตร วิธีทำนำลิ้นจี่มาล้างทำความสะอาดพร้อมกับแกะเปลือกคว้านเมล็ด นำมาใส่โหลสลับกับน้ำตาลไล่เป็นชั้นๆ จนหมดเติมสุราขาวครึ่งลิตรลงไปพักไว้ 3-6 เดือน

    อย่างสุดท้ายเป็นเหล้าดองบ๊วย วัตถุดิบคือบ๊วยสดแบบเขียวๆ 500 กรัม น้ำตาลกรวด 500 กรัม สุราขาวครึ่งลิตรวิธีทำแช่บ๊วยสดไว้ 2 ชั่วโมง ทำความสะอาดแล้วเช็ดให้แห้ง เขี่ยขั้วออก เอาบ๊วยสดใส่ในโถแก้วสลับกับน้ำตาลไล่เป็นชั้นๆ จนหมดเติมสุราขาวครึ่งลิตรลงไป พักไว้ 6 เดือน

    เวลาผ่านไปหลายชั่วยามการดองสุราผลไม้รอบแรกของนางก็ผ่านไปได้ด้วยดี ฟางเซียนจึงปรับเวลาในมิติของนางให้เวลาด้านนอก 1เดือนเท่ากับเวลาด้านในนี้หนึ่งปีสุรารอบแรกถูกแบ่งให้สหายและบิดาของแต่ละคนได้ชิมทุกคนต่างบอกว่าเป็นสุราที่ดีสามารถขายได้ พวกนางจึงตกลงกันว่าจะนำสุรานี้วางขายที่เหลาอาหารด้วยแต่เป็นการรับจากนางไปขาย

    โดยแบ่งขายเป็นกาสุรา 1โถแบ่งได้ 4กา นางสั่งสุราคุณภาพดีราคาไหละ 5เหรียญเงิน แม้ว่าวัตถุดิบที่ทำอย่างอื่นนั้นไม่ได้ซื้อแต่ด้วยระยะเวลาในการหมัก ราคาส่งฟางเซียนนั้นอยู่ที่ โถละ 10เหรียญเงิน วางขายในเหลาอาหารกาละ 5เหรียญเงิน 8คือราคาที่ตกลงร่วมกัน เหลาอาหารของพวกนางจะเปิดเมื่อเข้าสู่กลางฤดูร้อนหรือต้นเดือนลิ่วเยว่ที่เป็นช่วงปิดเทอมกลางปีของพวกนางพอดี

    สิ่งที่นางจะทำต่อไปหลังจากนี้คือการหมักไวน์ ผลไม้ที่ฟางเซียนเลือกมาใช้ในการทำไวน์ครั้งนี้มีองุ่น ผลองุ่นที่ใช้ในการทำไวน์นั้นแตกต่างจากองุ่นที่มีวางขายทั่วไปสีเข้ม เมล็ดเล็ก เปลือกหนาเปรี้ยวกว่าและมีน้ำมากกว่า องุ่นของไวน์แดง ใช้องุ่นดำทั้งเนื้อและเปลือกรสชาติที่ได้จึงหนักแน่นกว่าเข้มข้นกว่ามีความฝาดและปริมาณแอลกอฮอล์ที่มากกว่าและไวน์ขาวต้องเลือกใช้แค่เนื้อขององุ่นขาวไม่ใช้เปลือกเพราะฉะนั้นรสชาติของไวน์ขาวจะมีความเปรี้ยว ไม่ขม และแอลกอฮอล์น้อยกว่า

    สตรอเบอร์รี่ผลไม้ที่มีรสชาติเปรี้ยวอมหวานและกลิ่นที่หอม สับปะรดโดยอาจจะนำมาดัดแปลงเป็นไวน์ขาวไว้จิบตอนเย็นๆ ก่อนมื้ออาหารหรือจิบคู่กับอาหารรสชาติเบาๆ อย่างสลัดผักก็ดูเข้ากันดี ด้วยรสชาติของสับปะรดที่ออกเปรี้ยวนำหวาน ลูกพีช ด้วยกลิ่นหอมของลูกพีชและรสชาติที่หวานอร่อยเมื่อนำมาหมักเป็นไวน์จะทำให้ได้ไวน์ที่มีกลิ่นและรสชาติที่น่าหลงใหลมาก ให้ความรู้สึกสดชื่นและผ่อนคลายมากเลยทีเดียว

    วิธีการหมักที่ฟางเซียนใช้ในการหมักไวน์ของนางคือส่วนผสมอัตราส่วนผลไม้ต่อน้ำตาลทราย 6:1 วิธีทำ คือทำความสะอาดผลไม้ที่ใช้ในการหมักไวน์ให้สะอาดให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ที่สุดเพราะเปลือกมีความสำคัญต่อรสชาติตอนหมักด้วยเสร็จแล้วนำไปแช่น้ำเกลือประมาณ 10นาที นำขึ้นมาแล้วแช่น้ำเปล่าต่ออีก 10นาทีเสร็จแล้วพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ

    เทลงถังที่แห้งและสะอาด บีบลูกองุ่นให้แตกให้หมดแล้วใส่น้ำตาลทรายขาวลงไป คนน้ำตาลให้เข้ากับองุ่นจนละลายหมดแล้วบรรจุลงขวดโหลแก้ว ฟางเซียนเลือกใช้โถแก้วขนาด 5ลิตรเหลือที่ไว้ประมาณ 2 ใน 3 ของโถเพราะขณะที่หมักนั้นกระบวนการหมักจะทำให้เนื้อผลไม้ฟูขึ้นมาและมีน้ำไวน์ไหลออกมาด้วย ปิดปากขวดให้สนิทห้ามให้มีอากาศเข้า แล้วตั้งโถไว้ในที่สะอาด ใช้เวลาหมักประมาณ 21วัน ไวน์ก็จะเริ่มมีกลิ่นหอมโชยออกมานำไวน์ออกมากรองกากออกและสามารถบรรจุใสภาชนะได้แล้ว

    ห้องเก็บของที่เรือนยามนี้นางใช้วางสุราผลไม้ที่หมักได้ที่แล้ว ส่วนที่เพิ่งหมักนั้นถูกเก็บไว้ในมิติของนาง ส่วนไวน์นั้นนางนำออกมาเป็นแบบที่ถูกบรรจุเรียบร้อยแล้วเท่านั้นและวันนี้นางนัดกับสหายทั้งสองเพื่อที่จะไปตรวจสอบเหลาอาหารเป็นครั้งสุดท้ายหลังจากที่ตกแต่งเรียบร้อยแล้วรวมถึงนำของบางส่วนไปไว้ในห้องทำงานของพวกนางด้วยเช่นกันและจะนำไวน์ที่นางหมักไปให้ทั้งสองได้ลองชิมดูเช่นกัน

    “จินจิน หลิงหลิง พวกเจ้าจัดห้องทำงานเสร็จหรือยัง” ห้องนั่งเล่นบนชั้นสามตอนนี้มีฟางเซียนที่จับจองที่นั่งอยู่

    “เสร็จแล้วๆ เจ้ามีอะไรเซียนเซียน”

    “วันนี้ข้ามีเครื่องดื่มแบบใหม่มาให้พวกเจ้าลอง”

    “ไหนๆ ข้าอยากลอง”

    “เจ้านี่รีบตลอดเลยหลิงหลิง ค่อยเดินก็ได้”

    “อย่าบ่นข้าเลยนะจินจิน เรารีบไปกันเถอะ” ทั้งสองนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งซ้ายขวาของฟางเซียน บนโต๊ะกลางมีขวดแก้วสีต่างๆ วางอยู่ และแก้วหน้าตาประหลาดอีก 9ใบวางอยู่

    “นี่คือสิ่งใดหรือเซียนเซียน”

    “สิ่งนี้ข้าเรียกมันว่าไวน์มีไวน์แดง ไวน์ขาวและไวน์ผลไม้รวม”

    “หวายหรือ”

    “ไวน์ต่างหากเล่าจินจินหรือเรียกอีกอย่างว่า หงจิ่วก็ได้”

    “ก็มันออกเสียงอยากนี่หน่า”

    “เอาเถอะๆ ข้าจะให้พวกเจ้าลองชิมดู” ฟางเซียนรินไวน์ใส่ในแก้วและสอนวิธีในการดื่มไวน์ให้แก่สหายทั้งสองคนขั้นตอนแรกหลังจากที่รินไวน์เสร็จเรียบร้อยแล้วก็คือ “ดู” ให้สังเกตสี ความใส ขุ่น ของไวน์ ข้อควรระวัง จับที่ก้านของแก้วไวน์ ไม่ควรจับที่ตัวเเก้วโดยตรง เพราะว่าอุณหภูมิของมือเราจะทำให้ไวน์เสียรสชาติ

    ขั้นตอนต่อไปคือการ “แกว่ง” ต่อมาให้ยกแก้วขึ้นส่องกับแสงและแกว่งแก้วเล็กน้อย เพื่อดูความหนืดของไวน์ ถ้าไวน์ขึ้นไปเกาะขอบแก้วแล้วไหลลงอย่างรวดเร็วความเข้มข้นน้อยหมักเป็นเวลาสั้นๆ ยังเป็นขั้นตอนที่ช่วยให้ ไวน์ได้สัมผัสกับอากาศ ทำให้สัมผัสกลิ่นไวน์ได้ดียิ่งขึ้น

    ขั้นตอนที่สามคือการ “ดม” ให้ลดจมูกลงไปที่แก้ว สูดกลิ่นจากแก้วไวน์เนื่องจากกลิ่นไวน์ประกอบด้วยกลิ่นหลากหลายอย่างด้วยกัน ถ้าเราดื่มไวน์เป็นประจำเราจะสามารถแยกกลิ่นนี้ได้เองและการ “จิบ” เพื่อลิ้มรสชาติทีละนิด ให้อมไวน์ไว้ในปาก แยกแยะรสชาติของไวน์ ว่ามีรสชาติหวานมากน้อยแค่ไหน เฝื่อนลิ้นหรือไม่เข้มข้นมากน้อยแค่ไหน เมื่อพินิจพิเคราะห์เรียบร้อยค่อยกลืน ถ้าเกิดไวน์ยังมีกลิ่นและรสชาติติดลิ้นอยู่ บ่งบอกถึงระดับคุณภาพของไวน์ได้อีกด้วย

    “เป็นอย่างไรบ้างรสชาติดีหรือไม่”

    “อื่ม รสชาติดีไม่แพ้สุราหมักของเจ้าเลยอีกทั้งรสยังอ่อนกว่าสุราอีกใช่หรือไม่”

    “ใช่แล้วล่ะ แม้ว่าไวน์จะทำให้เมาได้เหมือนสุราแต่ออกฤทธิ์อ่อนกว่ามากถือว่าสตรีดื่มได้แต่ดื่มมากไปก็ทำให้เมาได้เช่นกัน”

    “แล้วอีกสองขวดที่เหลือเล่าเหมือนกันหรือไม่เซียนเซียน”

    “ที่พวกเจ้าชิมไปคือไวน์แดง รสชาติจะเข้มกว่าขวดที่เหลือมาลองที่เหลือกันเถอะ” พวกนางชิมไวน์อีกสองชนิดที่เหลือรสชาติของมันดีไม่ต่างจากขวดแรก

    “ข้าชอบไวน์”

    “เจ้าเอาอีกแล้วนะหลิงหลิง”

    “เฮ้อ จินจินยังชอบดุข้าเช่นเดิมเซียนเซียนช่วยข้าด้วย”

    “ข้าว่าพวกเจ้าทั้งสองอาจจะเมาดูแก้มพวกเจ้าสิเริ่มแแดงแล้วล่ะ ข้าว่าวันนี้เราพอแค่นี้เถอะเดี๋ยวข้าเอาของพวกนี้ไปเก็บ แล้วข้าจะเอาไวน์พวกนี้ให้พวกเจ้านำไปฝากคนที่บ้านของพวกเจ้าด้วยเรียก”

    “ขอบใจเจ้ามากฟางเซียน” ก่อนเดินเข้าไปในห้องนางก็ได้เรียกคนของนางทั้งสองให้ตามเข้าไปและให้สหายของนางเรียกสาวใช้ที่ติดตามมาขึ้นมารอยกของไปเก็บที่รถม้าของสหายนางด้วย

    “นี่เป็นไวน์สามอย่างสามชุดและแก้วสำหรับรินไวน์อีกคนละสามชุด ส่วนของพวกเจ้าข้าจะให้คนยกไปไว้ให้ที่ห้องทำงาน” สิ่งที่ฟางเซียนยกออกมานั้นทั้งหมด 12กล่อง เป็นกล่องไวน์ที่ด้านในแบ่งเป็นสามช่องรองด้วยผ้านุ่มขวดไวน์สีดำปิดด้วยจุกไม้คอขวดผูกด้วยเชือกสีคล้ายๆ สีของไวน์เพื่อให้แยกออก ส่วนกล่องของแก้วนั้นนางก็ทำเช่นกันฝากล่องไม่สลักเป็นรูปผลไม้ขวดไวน์และแก้วตามของที่อยู่ด้านใน ฟางเซียนทำออกมาเพื่อเป็นชุดของฝากเมื่อเช้านางมอบให้บิดามารดาของตนเองไปแล้ว เลยถือโอกาสมอบให้ครอบครัวของสหายเช่นเดียวกัน

    “พวกเจ้าถือดีๆนะ ระวังของด้านในแตก”

    “ข้าจะบอกวิธีการเก็บรักษาให้และในกล่องก็มีเช่นกัน”

    “อื่ม/อื่ม”

    “การเก็บไวน์ที่ถูกวิธีควรต้องคำนึงถึงปัจจัยสำคัญ คืออุณหภูมิ ที่เหมาะสมที่สุดในการเก็บไวน์ อยู่ที่ประมาณ 18 – 25องศา ไม่ควรเก็บไว้ในที่ที่มีความเย็นจัด” ดีที่ยุคสมัยนี้มีที่วัดอุณหภูมิใช้แล้วนางจึงไม่เป็นห่วง อีกทั้งอากาศที่นี่ไม่ได้ร้อนแต่อย่างใดอย่างมากแค่ 30องศาเท่านั้น

    “ควรเก็บให้พ้นจากความร้อนและแสงแดด ห้องเก็บไวน์ไม่ควรมีแสงสว่างมากเกินไป จะทำให้มีผลเสียต่อรสชาติ” ขวดไวน์ทุกขวดของนางนั้นเป็นขวดแบบใส แต่ทุกขวดถูกห่อเอาไว้ด้วยกระดาษสีน้ำตาลพับจีบสวยงามคอขวดผูกด้วยเชือกป่านมัดเป็นโบว์ ด้วยการค้าที่หลากหลายทำให้กระดาษในยุคสมัยนี้ราคาไม่ได้แพงมากแล้ว แต่หากนางต้องการวางขายเป็นขวดคงต้องเขียนฉลากและวิธีการเก็บรักษามาติดเสียแล้วและอาจจะเปลี่ยนเป็นขวดบรรจุสีดำทั้งหมดด้วย

    “สุดท้ายคือความชื้นก็มีผลต่อการเก็บรักษาเช่นกันควรเก็บไว้ในที่มืดและเงียบ เวลาเก็บควรวางในแนวนอนเพื่อป้องกันจุกไม้ด้านในแห้งพวกเจ้าเข้าใจหรือไม่ แต่ที่ข้ามอบให้พวกเจ้าไปให้บิดาครั้งนี้ถือว่าเป็นจำนวนน้อยหากต้องการเก็บไว้นานๆ ควรมีที่เก็บเข้าใจหรือไม่”

    “เข้าใจแล้ว เจ้าคิดว่าที่เรือของพวกโฝหลางจีที่เข้ามาค้าขายที่ท่าเรือจะมีขายหรือไม่เซียนเซียน”

    “ข้าคิดว่าอาจจะมีนะเพราะพวกนั้นชอบนำของแปลกมาขายและแล้วก็วิธีหมักสุราพวกนี้ข้าก็ได้มาจากพวกพ่อค้านี่แหละ”

    “เอาล่ะวันนี้ข้าว่าพวกเราแยกย้ายกันเถอะนี่ก็ปลายยามเซินแล้วไว้พรุ่งนี้ค่อยพบกันใหม่” พวกนางยังต้องเข้ามาจัดการเรื่องต่างๆ ให้เรียบร้อยเนื่องจากอีก 7วัน เหลาอาหารของพวกนางก็จะเปิดให้บริการแล้ว

    “อื่ม เช่นนั้นก็แยกย้ายกันเถอะ”

    .

    ..

    …………………………………….

    happy valentine's day คร่าทุกคนheartheart

    ปล. วิธีการที่นำมาเขีียนส่วนใหญ่เป็นวิธีการแบบแฮนด์เมดนะคะ ไม่ได้ลงรายละเอียดลึกมาก

    อย่าลืมกดเลิฟ กดไลท์ กดเฟบ คอมเม้นท์เป็นกำลังใจให้เราด้วยนะคะ *_^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×