ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Any YouLove ถ้าคุณสงสัยก็ลองรักผมดูสิ

    ลำดับตอนที่ #4 : I’m Girl

    • อัปเดตล่าสุด 7 ธ.ค. 53


     

              “เฮ้ย! อย่ามาล้อกันเล่นนะโว้ย ฉันไม่ขำ” ไอ้ผีจูออนที่น่าจะชื่อแชมหรืออะไรสักอย่างตะโกนลั่นให้องค์กรนาซ่าได้ยิน มันจะตะโกนทำไมเนี่ย ฉันสิต้องตะโกน แต่คงไม่พอหรอกต้องร้องให้น้ำตาเป็นสายเลือดด้วย T^T

              “ตอบพวกฉันมา ว่าทำไมเจ้าหนูนั่นถึงเรียกเธอว่าพี่สาว” ไอ้ผมซอยนำตาลพูดขึ้นอีกครั้งจากนั้นทุกสายตาก็จ้องมองมาที่ฉันเพียงคนเดียว กดดันนะเฟ้ย สงสารกันบ้าง

              “ดะ...เดี๋ยวก่อน ^_^; ฉันจะบอกให้ก็ได้แต่พวกนายห้ามเป็นเหมือนเจ้าเด็กเมื่อกี้นะ เพราะเดี๋ยวฉันไม่มีใครพาไปส่งโรงพยาบาล Y^Y” ฉันพูดอย่างปรงๆ ชีวิต ฮือๆ ทำไมล่ะ ทำไม ทามมาย ชีวิตฉันถึงเป็นแบบนี้มาเมืองไทยไม่ทันข้ามคืนตกต้นไม้ ขาหักหรือเปล่าไม่รู้ ฉันยังมาทำเด็กเป็นเอ๋ออีก แต่อีกเดี๋ยวคงได้มีคนช๊อกน้ำลายฟูมปากกับเรื่องของฉันอีกแน่ ฉันจะโดนจับไหมเนี่ย U_U

              “ทำไมเจ้าเด็กนั่นถึงเรียกเธอว่าพี่สาว”

              “เพราะ...” ฮึ! เอาว่ะ ไม่มีอะไรจะเสียแล้วนี่บอกเป็นบอกตายเป็นตายครับพี่น้องครับ >O<

              “...”

              “ก็เพราะฉันเป็นผู้หญิงน่ะเซ่ ไอ้เด็กบ้านั้นถึงได้เรียกฉันว่าพี่สาวน่ะ >O<

              “หา! บ้าน่าหน้าอย่างเธอน่ะนะเป็นผู้หญิงฉันไม่เชื่อ T^T

              “พวกเราก็ไม่เชื่อ (. .  )(  . .)(. .  )(  . .)” เออ รู้แล้วว่าโลกนี้ไม่มีใครเชื่อหรอกว่าฉันเป็นผู้หญิงน่ะ T^T ฉันชินแล้วฮือๆ

              “จะเชื่อหรือไม่เชื่อมันก็เรื่องของพวกนายแต่พาฉันไปส่งโรงบาลก่อนได้ไหม เจ็บขาจนจะชักตายอยู่แล้ว” ฉันตะโกนเรียกสติพวกบ้าที่ยืนเรียงแถวหน้ากระดานเก๊กหล่อหน้างงกันอยู่ให้พาฉันไปส่งโรงพยาบาลได้แล้ว

              “เออลืม เฮ้ยพวกเราแบก!” เป็นเสียงประกาสิทธิ ทั้งสี่วิ่งมามาแบกฉันไปที่รถเปิดประทุนสีดำราคาแพงที่จอดอยู่แถวนั้น แล้วพวกมันก็โยนฉันลงบนหลังรถ อ๊ากกกกกกกก! เจ็บนะเฟ้ยโยนมาได้ ไม่ได้เข้าใจหัวอกคนเจ็บบ้างเลยT^T ฉันคิดถูกคิดผิดเนี่ย ที่ให้ไอ้พวกนี้ไปส่งฉันโรงพยาบาลน่ะ

              หลังจากทนเจ็บไม่น้อยอยู่นาน และเสียเวลาไปกับการโต้วาทีกันตอนฉันตกต้นไม้ ฉันก็ถึงมือหมอเสียที และผลชันสูตรศพ เฮ้ย ฉันยังไม่ตาย ก็แค่เกือบๆ เท่านั้นแหละ  หมอบอกว่าฉันขาหัก เลยต้องเข้าเฝือกไปตามระเบียบ =_=; มันก็น่าจะเป็นแบบนั้นอยู่แล้วนี่ตกต้นไม้สูงขนาดนั้นน่ะ เฮอะๆ แต่นี่ไม่ใช่ปัญหา ปัญหามันอยู่ที่ว่าค่ารักษาพยาบาลกับการกลับห้องของฉันต่างหากที่เป็นปัญหา แล้วใครจะจ่ายให้ตูว่ะเนี่ย =o=;

              “ขอบคุณนะค่ะ -0-” ฉันบอกขอบคุณคุณหมอก่อนที่ผู้ช่วยพยาบาลจะเข็นฉันออกมาข้างนอกห้อง ก่อนที่ฉันจะเจอบุรุษหน้าหล่อหัวสี่สี ทำเก๊กกันอยู่หน้าห้อง จะเก๊กไปไหนเนี่ย

              “เป็นไรมากหรือเปล่า(. .)” นายคนที่หัวสีเทาและนั่งเสมอฉันตอนแรกถามขึ้นโดยไม่ใช่สรรพนามนาย หรือ เธอ สงสัยยังงงๆ อยู่เรื่องฉันเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย

              “เปล่าไม่เป็นไรก็แค่ขาหัก’” ฉันเน้นเสียงตรงคำว่าขาหักอย่างหนักแน้น แล้วชี้ไปที่เฝือกซึ่งพันอยู่ที่ขาข้างซ้ายของฉันเอง

              “ฉันไม่ได้จะโทษนายหรอกนะ อย่าทำหน้าสำนึกผิดแบบนั้นดิ แต่ว่าฉันโมโหที่พวกเพื่อนของนายไม่รีบพาฉันมาส่งโรงพยาบาลต่างหาก (  *- -)”

              “อะไร พวกเราไม่ได้เป็นคนทำเธอตกต้นไม้สักหน่อย แค่พวกฉันพาเธอมาส่งโรงพยาบาลให้เนี่ยก็ดีเท่าไรแล้ว”

              “เออ ฉันมันผิดเองที่ตกลงมาจากต้นไม้ ให้ตัวเองขาหักเล่นน่ะ”

              “รู้ตัวก็ดี” คนที่น่าจะชื่อแชมพูดขึ้นมากรายๆพร้อมกับชันตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินมาที่ฉันกับนายหัวสีเทากำลังคุยกันอยู่

              “อะไรของนาย มีปัญหานักหรือไงแค่มาส่งฉันแค่นี้มันจะตายหรือไง” ฉันด่าปาวๆ อยู่บนรถเข็นผู้ป่วย ในขณะที่ไอ้ผีจูออน (ยังไม่ลืมชายาอีกเนอะ) ก็เดิมมาถึงฉันพอดี

              “ไม่ตายหรอก แต่ฉันไม่อยากเป็นแฟนแก”

              “อะไร? แฟนอะไรของนาย แล้วก็หยุดเรียกฉันด้วยสรรพนามเรียกผู้ชายด้วย -*-

              “พวกเราไม่เชื่อ”  ทั้งสี่ตะโกนออกมาเป็นเสียงเดียวกัน พร้อมใจกันซะเหลือเกินนะ

              “จะให้ฉันทำยังไงพวกนายถึงจะเชื่อ”

              “เอาบัตรประชาชนเธอมาให้พวกเราดูสิ -_-**”

              “ถ้าฉันเอามาด้วยอ่ะน่ะ แต่ถึงเอามาพวกนายก็อ่านไม่ออกหรอก” ฉันล่วงมือลงไปในกระเป๋าแล้วชักมือออกมาแบมือให้พวกนั้นเห็นว่าในกระเป๋าฉันไม่มีอะไรเลย_(. .)_ นอกจากกล้องถ่ายรูปที่แควนอยู่ที่คอของฉัน

              “ฉันไม่ตกภาษาไทยขนาดอ่านไม่ออกหรอกนะ” นายหัวสีน้ำตาลพูดพร้อมกันเอามือล้วงกระเป๋า เออ แกมันเก่งแต่เท่ล่ะว่ะสมองไม่มี

              “โคนนิจิวะ วาตะชิวะ โทชิยะ ยูคิน อีเดสกะ -O-*”

              “เฮ้ย แกเป็นคนญี่ปุ่นเหรอ O_o” พวกเขามองฉันด้วยสายตาไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไร

              “แล้วแต่จะคิด -_-* ว่าแต่พวกนายสี่คนชื่ออะไรกัน ตั้งแต่เมื่อกี้แล้วฉันว่าจะถามแต่ไม่ได้ถาม”

              “เหรอ งั้นหวัดดีฉันชื่อโซจู เป็นหัวหน้า Zenith ยินดีที่ได้รู้จัก ^_^” นายหัวสีน้ำตาลแนะนำตัวเองก่อนจะยิ้มน้อยๆ และทำหน้าตาเจ้าเล่ห์

              “ฉันชื่อแชมเปญ” นายหัวสีน้ำตาลแดงหรือนายผีจูออนนั่นเอง

              “ฉันชื่อ ซีริค (. .)” นายผมเทา

              “ฉัน เซทเทิล” นายผมทอง เฮ้ย นี่ไม่มีใครผมสีดำเลยเหรอเนี่ยไอ้พวกนี้มันคนไทยหรือเปล่าว่ะ

              “ฉันขอถามอย่างหนึ่ง พวกนายเป็นคนไทยหรือเปล่า”

              “ถามอย่างกับพวกฉันเป็นต่างด้าวเลยนะ ^_^” นายโซจูพูดท่าทางกวนประสาทก่อนจะล้วงลูกอมจูปาจุ๊บรส     สตอเบอร์รี่ในกระเป๋ากางเกงมาอมไว้ที่ปากแล้วหันมาพูดกับฉันต่อ ทั้งที่ยังออมลูกอมแบบนั้นเนี่ยนะ

              “ไม่ต้องสงสัยหรอกพวกเราเป็นลูกครึ่งน่ะ”

              “ช่าย พวกเราเป็นลูกครึ่งกันหมดทุกคนเลยล่ะ ^^” นายแชมเปญคงคิดคำพูดของตัวเองออกแล้วมั้งเห็นเงียบไปนานตั้งแต่ตะกี้ (มันก็เงียบกันทุกคนเลยไม่ใช่เหรอนอกจากโซจูน่ะ) ส่วนคนที่ชื่อเซทเทิลเขาเดินไปเอายาตรงล๊อบบี้มาให้ฉันน่ะ สงสัยจะจ่ายเงินให้ด้วยมั้ง ก็ดีเพราะฉันไม่ได้เอากระเป๋าสตางค์มาด้วยเพราะคิดว่าไปแป๊บเดียวก็กลับ เอ จะว่าไปฉันจะกลับห้องยังไงว่ะเนี่ย

              “เออเกือบลืม ไอ้แชมแกยังไม่ได้ทำในสิ่งที่แกพูดไว้เลยนะเว้ย”

              “ไอ้โซลแกยังจำได้อีกเหรอ T^T

              “ผมจำได้ (. .)”

              “ฉันด้วย =_=;

              “หยุดเลยพวกแก จะทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ทำไมเนี่ย ปล่อยคำพูดของฉันมันล่องลอยไปกับสายลมเหอะ” พวกนี้มันพูดเรื่องอะไรกันเนี่ย สรุปตูเป็นตอไม้ใช่ไหมถึงได้ไม่มีใครสนใจเลยน่ะ

              “ไม่ได้ไอ้แชม แกไม่ทำก็ออกจาก Zenith ไปซะ”

              “โถ่ ไอ้เพื่อนบ้าแกก็รู้ว่าฉันทำใจออกจาก Zenith ไม่ได้”

              “งั้นก็ทำตามที่คุณพูดสิครับคุณแชมเปญ (. .)”

              “ใช่ แกมันกวนประสาท เรื่องมาก รีบทำรีบจบมันมีอะไรนักหนาว่ะ”

              “พวกแกบังคับฉันเหรอ T^T

              “เออ!

              “เออ ก็ได้ฉันจะทำ T^T

              “แล้วพวกฉันจะรอดู ฮิ ๆ”

              “ไอ้โซลแกจำไว้เลย TOT

              “คร้าบๆ เดี๋ยวผมจะจำนะครับ ^^” บทสนทนา (ที่ไม่มีฉันอยู่) จบลงแค่นั้นก่อนที่สามเกลอเพื่อนยากจะเดินออกไปยืนหลบมุมอยู่หลังเสาแล้วมองมาที่ฉันกับไอ้ผีจูออน แล้วมาทิ้งมันไว้ทำไมตรงนี้ทำไมไม่พามันไปด้วยเล่า

              “ยูคิน”

              “อะไร มีปัญหาอะไรกับฉันเหรอ”

              “ไม่มีอะไร แต่แค่จะขอให้เธอฟัง” ทำไม? ทำไมต้องทำหน้าจริงจังแบบนั้นด้วยล่ะ น่าสงสัยแหะ

              “...” ฉันไม่พูดอะไรหากแต่นั่งฟังอยู่เงียบๆ

              “ฟังให้ดีนะ”

              “รู้แล้วน่า ฟังอยู่”

              “เรามาเป็นแฟนกันเถอะ นะครับที่รัก”

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×