ตอนที่ 45 : ใจเสน่หา (รีไรต์)
อึ๊กกกก
หญิงสาวเบ้ปากให้กับรสชาติขมปร่าของสุราในมือ เมื่อมันล่วงผ่านจากลำคอลงสู่กระเพาะน้อยๆ บังเกิดความร้อนวูบวาบภายในร่างกาย ปกตินางก็ไม่ใช่คนชอบดื่มอะไรจำพวกนี้เท่าไรนัก นานๆครั้งจะแตะต้องบ้างยามที่ต้องเข้าสังคม แต่หากเลี่ยงได้นางก็จะเลี่ยงด้วยต้องรักษาภาพพจน์นักแสดงและเพื่อสุขภาพร่างกายของนางเอง
ทว่าคราวนี้เพื่อความสมจริง จึงต้องลงทุนกันสักหน่อย อย่างน้อยแค่จิบนิดๆหน่อยๆ คงเพียงแต่มึนๆไม่ถึงขั้นเมามายกระมัง ต่างจากบุรุษตรงหน้าที่ดื่มมาก่อนแล้ว หากได้รับสุราเพิ่มอีกอาจถึงขั้นเมามายจนหลับไปก็เป็นได้ นางคิดถึงแผนการมอมสุราเจ้าบ่าวแล้วก็ได้แต่หัวเราะอยู่ภายในใจ หากแต่ภายนอกกลับส่งยิ้มหวานไปให้คนที่มองนางอยู่ในเวลานี้
มู่หรงหย่งหมิงลอบมองสตรีข้างกาย พลางครุ่นคิดถึงกิริยาแปลกๆของจางซูหนี่ว์ ใบหน้าพริ้มเพรานั้นมอบรอยยิ้มแก่เขา ชวนพูดคุยนั่นนี่ ทว่ากลับขยับไปนั่งเสียห่างช่างดูประหลาดพิกล หากแต่เมื่อนางยื่นสุราให้แก่เขา เขาก็ไม่ได้ขัดข้องนางแต่ประการใด
ผ่านไปครู่ใหญ่สุรามงคลจอกสุดท้ายก็หมดลง พร้อมๆกับบุรุษที่ก่อนนั่นขยันส่งสายตาหวานหยดมาให้นาง บัดนี้ตาปรืออย่างเห็นได้ชัด
" จวิ้นอ๋องเพคะ "
"......"
" ทรงไหวหรือไม่เพคะ "
" หวายย "
นางส่งเสียงเอ่ยถามอย่างต้องการหยั่งเชิงคนตรงหน้า ซึ่งก็ยังอุตส่าห์เอ่ยตอบนางด้วยเสียงแผ่วเบากลับมา อีกนิดคงได้เข้าสู่ห้วงนิทราเป็นแน่
เหอะ ก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิดสักเท่าไร จากตอนแรกก็ดูเหมือนเขาจะสงสัยอยู่บ้าง หากแต่นางก็งัดมารยาหญิงขึ้นมาฉอเลาะ วาจาหวานหูอย่างเอาใจยิ้มนิดสบตาหน่อย สุดท้ายก็อย่างที่เห็น หึ หึ
" เก่งจังเพคะ เช่นนั้นถ้ายังไหวจริงๆ ก็คงรอหม่อมฉันได้ใช่ไหมเพคะ หม่อมฉันขอเข้าไปอาบน้ำชำระกายก่อนได้หรือไม่ เหนื่อยมาทั้งวันเหนียวตัวเหลือเกิน ทรงรอหม่อมฉันก่อนนะเพคะ "
นางกล่าวด้วยน้ำเสียงออดอ้อน ทั้งที่ดูก็รู้ว่าคนตรงหน้านั้นกำลังจะหลับใหลอยู่รอมร่อ
รอไปเถอะ...นางเพียงถ่วงเวลาให้แน่ใจเท่านั้น ว่าคนตรงหน้านี่หลับไปแล้วจริงๆ
" อืมมม "
คนตาปรือที่ตอนนี้เปลือกตานั้นปิดเป็นที่เรียบร้อย ทว่าก็ยังครางตอบนางอยู่ แบบนี้นางยังถือว่าไม่ปลอดภัยต่อพรหมจรรย์ ต้องรอให้หลับลึกหลับยาวจนถึงเช้านั่นล่ะดี
หากแต่ก็ยังมีน้ำใจขยับเข้าไปจัดท่าทางให้คนที่นั่งพิงเสาเตียงในตอนนี้ได้ลงไปนอนเหยียดยาวอย่างสบายบนเตียง ขืนปล่อยให้นั่งอยู่แบบนี้ ดีไม่ดีหล่นตุ๊บลงมากองอยู่ที่พื้น จะมากล่าวหาว่านางใจไม้ไส้ระกำ มิยอมดูแลผู้เป็นสวามีในภายหลังเอาได้
จางซูหนี่ว์นั้นนอนแช่ในอ่างน้ำอุ่นที่มีกลีบกุหลาบสีแดงสดโปรยอยู่เต็มไปหมด ก็คงเป็นเสี่ยวไป๋ที่จัดเตรียมเอาไว้ให้นางเป็นแน่ กลิ่นหอมนั้นอบอวลอยู่บริเวณโดยรอบ นางมิได้รีบเร่งแต่อย่างใด กลับอ้อยอิ่งวักน้ำและกุหลาบในอ่างเล่นอย่างสบายอุรา
" ป่านนี้คงหลับไปแล้วมั้ง "
รำพึงออกมา เมื่อเห็นว่าเวลานั่นผ่านมาเกือบครึ่งชั่วยามแล้ว (ราวหนึ่งชั่วโมง) นางจึงลุกขึ้นมาคว้าผ้าพันรอบกาย ก่อนที่จะสวมอาภรณ์ให้เรียบร้อย
ครั้นออกมาแล้วก็พบว่าคนตัวโตนั้นหลับอยู่บนเตียง มิได้มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมาก่อกวนนางแต่อย่างใดก็ให้เบาใจ แต่ก็ขอพิสูจน์สักหน่อยเถิด...
นางเดินเข้าไปใกล้จดๆจ้องๆอยู่เพียงครู่ จึงนั่งลงบนเตียงข้างกายเขา ก่อนตัดสินใจใช้นิ้วลองจิ้มๆเขี่ยๆ ที่แขนของเขาดูว่ารู้สึกตัวหรือไม่
" จวิ้นอ๋องเพคะ "
"......"
" จวิ้นอ๋องเพคะ "
"......"
ไร้ปฏิกิริยาตอบรับใดใด ก็ให้นึกเบาใจและวางใจขึ้นมากโข อย่างน้อยคืนนี้ก็คงไม่มีสิ่งใดให้คนที่อยู่เฝ้าหน้าห้องหอเอาไปกล่าวได้ คิดแล้วก็ให้ขำกับบุรุษตรงหน้าไม่ได้ ตอนแรกนั้นนั่งหน้ามุ่ยเชียว เมื่อนางเบี่ยงกายหลบจูบจากเขา คงเก้อไปเลยกระมัง
ชะโงกหน้าเข้าไปมองเครื่องหน้าคนเจ้าเล่ห์ ตอนหลับเช่นนี้ก็ดูไร้พิษสงน่ารักดีเหมือนกัน แต่อย่าให้ลืมตาขึ้นมาเชียว จากน่ารักจะกลายเป็นน่าทุบเสียตั้งหลายครา อดที่จะใช้มือบีบไปที่ปลายจมูกของเขาไม่ได้ ด้วยอารมณ์หมั่นไส้และอยากแกล้ง
หมับ!!!
เหวอ!!!
เหตุไฉนคนที่นางคิดว่าหลับใหลไปนานแล้ว กลับลืมตาตื่นขึ้นมาอีก เขามองสบตานาง ทั้งยังปรากฏรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปากนั่นอีก สายตากรุ้มกริ่มยังมีอยู่ ทว่าอาการตาปรือก่อนนั้นกลับหายไปอย่างสิ้นเชิง
มือใหญ่คว้าหมับเข้าที่มือของนาง ก่อนดึงเข้าไปจรดริมฝีปากของเขา จูบเพียงแผ่วเบาที่ฝ่ามือเท่านั้น ดั่งมีกระแสไอร้อนส่งผ่านจากริมฝีปากมาสู่ฝ่ามือและลุกลามมาที่ใบหน้าของนางให้รู้สึกร้อนวูบวาบเลยทีเดียว
การกระทำเช่นนี้ ไม่ต้องคิดอ่านสิ่งใดมากมาย นางต่างหากเล่าที่ตกหลุมพรางคนเจ้าเล่ห์ มิใช่เขาที่หลงกลให้นางมอมสุรา ก็ว่าอยู่ทำไมมันง่ายนัก หญิงสาวชักสีหน้าขยับกายเตรียมลุกจากเตียงทันที หากแต่ก็ถูกคนที่นอนยิ้มเผล่อยู่บนเตียงในตอนนี้ ออกแรงกระตุกทีเดียวนางก็ปลิวหวือลงนอนทับร่างเขาเสียแล้ว
" ทรงหลอกหม่อมฉัน "
" เจ้าต่างหากที่ล่อลวง มอมเมาเปิ่นหวาง แผนมอมสุราของเจ้าน่ะใช้ไม่ได้หรอก "
ใช่แล้ว เขาอ่านแผนการของนางออก หากแต่ก็ยอมเล่นตามแผนของนาง จะว่าไปก็ตื่นเต้นดีเหมือนกัน เข้าหอคืนแรกก็มีเรื่องสนุกเสียแล้ว
" ใครเพคะ ใครล่อลวงพระองค์กัน "
นางแสร้งทำไขสือ ไม่รู้ไม่ชี้ ไม่ยอมรับเสียอย่าง
" ก็ดี เช่นนั้นเจ้าก็คงไม่ลืมหน้าที่ของเจ้าคืนนี้หรอกนะชายารัก ในเมื่อเปิ่นหวางก็ยอมอดทน นอนรอเจ้าอาบน้ำชำระกายเสียเป็นนานสองนาน "
มู่หรงหย่งหมิงกระชับอ้อมแขนโอบกอดนางยิ่งขึ้น จะว่าไปก็คุ้มที่รออยู่เหมือนกัน เพราะร่างนุ่มนิ่มในอ้อมแขนเขาตอนนี้หอมกรุ่นไปทั้งร่าง อดไม่ได้ที่จะฝังปลายจมูกเข้าไปสูดดมความหอมหวานที่แก้มนางเสียฟอดใหญ่
" อื้อออ ปล่อยเถิดเพคะ วันนี้หม่อมฉันยังไม่พร้อม "
นางเอ่ยออกไปตรงๆ พลางเบี่ยงหน้าหลบ ทั้งพยายามขยับกายออกจากร่างของเขา หากแต่วงแขนแกร่งก็รัดรึงนางเสียแน่น มิต่างจากงูเหลือมที่กำลังรัดเหยื่อ
" เดี๋ยวเปิ่นหวางก็ทำให้เจ้าพร้อมเอง "
เขาตอบเสียงกระเส่าเล็กน้อย นางจะรู้หรือไม่ว่ายิ่งนางดิ้นไปมาอยู่บนร่างเขาเช่นนี้ มันมีผลต่อความรู้สึกทางร่างกายเขาเพียงใด จนต้องพลิกกายนางมาไว้ใต้ร่างเขาแทน ทั้งตระกองกอดนางแน่น
" เอ่อ หม่อมฉันกลัวนะเพคะ "
จางซูหนี่ว์มองบุรุษที่ได้ชื่อว่าพระสวามีของนางเขม็ง สายตาวาบหวามมองนางอย่างนี้ จะบอกว่าไม่เมาก็คงไม่ได้ ครั้นจะบอกว่าเมาก็ไม่ใช่อีก เพราะก็ยังมีสติดีอยู่มาก อย่างนี้ต้องบอกว่าเป็นอาการของคนเจ้าเล่ห์เสียมากกว่า
" มิต้องกลัว เปิ่นหวางจะทะนุถนอมและอ่อนโยนกับเจ้านะยอดรัก "
มู่หรงหย่งหมิงตะล่อมกล่อมชายารัก เข้าหอคืนแรกสำคัญปล่อยผ่านไปเฉยๆ ก็เสียเชิงชายสิ้น เหล่าน้องชายรู้เข้ามิขายหน้าแย่หรือ แต่กระนั้นก็ยังไม่สำคัญเท่ามีร่างนุ่มนิ่มแสนงามของสตรีผู้เป็นที่รักอยู่ในอ้อมอกเช่นนี้ เรื่องปล่อยผ่านนั้นคงยาก
ช่างหน้าด้านหน้ามึนเสียจริงๆ หญิงสาวได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันคนตรงหน้า ทั้งมือข้างหนึ่งก็ยันอกเขาไว้ อีกข้างก็ปัดมือของเขาที่ตอนนี้มิต่างกับหนวดปลาหมึก ซึ่งกำลังทำหน้าที่ยุ่มย่ามกับเรือนร่างนางไปทั่ว
" แต่ข้างนอกมีคนเฝ้าอยู่นะเพคะ "
" แล้วอย่างไร เปิ่นหวางรักพระชายาออกเพียงนี้ ทั้งรัก ทั้งหลง จะให้นอนมองตาเจ้าอยู่เฉยๆทั้งคืน เป็นไปไม่ได้หรอกนะ เจ้าไม่เห็นใจเปิ่นหวางบ้างหรือยอดรัก "
เขาส่งสายตาเว้าวอนไปให้นาง ทว่ามือยังคงลูบไล้อยู่บริเวณเอวบาง จะว่าเขาเห็นแก่ตัวสร้างอารมณ์กำหนัดให้นางที่ไม่ประสาในเรื่องเช่นนี้ เขาก็ยอมให้ถูกต่อว่า
ทว่าไฟปรารถนาในใจของเขาถูกจุดให้ลุกโชนอย่างง่ายดาย เพียงแค่ได้แตะต้องกายนางเพียงนิด ทั้งนี้ก็มิใช่เพราะรักที่มันอัดแน่นอยู่ภายในใจหรอกหรือ
" แต่ว่า.."
" แต่ว่าอะไรอีก ดูเจ้าจะมีเรื่องให้กล่าวมากมายเหลือเกินนะ สนใจผู้อื่นทำไมนักเล่า คนที่เจ้าควรสนใจอยู่ตรงนี้ สวามีผู้น่าสงสารคนนี้ต่างหาก เจ้าจะทรมานเปิ่นหวางไปถึงเมื่อใดกัน ฮึ "
เขาเอ่ยด้วยอารมณ์ติดจะน้อยใจเล็กน้อยที่นางมิได้สนใจใยดีเขาเท่าที่ควร เมื่อกล่าวเช่นนั้นก็เห็นว่านางชะงักไป เหมือนกำลังคิดตัดสินใจอะไรบางอย่างจนลืมผลักไสเขา จึงได้ทีสบโอกาสนี้ประทับริมฝีปากลงบนปากอิ่มเย้ายวนของร่างบาง บรรจงจูบนุ่มนวลอ้อยอิ่ง ทว่าดูดดื่มอย่างที่ใจปรารถนา ละเลียดเล็มความหวานก่อนแทรกลิ้นเกี่ยวกระหวัดสร้างความรัญจวนชวนใจหวิว
แรกเริ่มหญิงสาวพยายามต้านทานแรงอารมณ์ที่คนตัวใหญ่นั้นสร้างมันขึ้นมาทีละนิด
แต่สุดท้ายมิรู้อย่างไร..นางจึงได้จูบตอบเขาไปเช่นนี้ แม้ว่าอาจจะเงอะงะไปบ้าง ด้วยไร้ประสบการณ์
สมองนางตอนนี้เบาหวิวในหัวนั้นโล่งไปหมด สติสัมปชัญญะที่ตั้งใจจะห้ามปรามนั้นเหลือน้อยเต็มที เพราะหลุดลอยไปกับจูบและสัมผัสที่เขามอบให้
" หนี่ว์เอ๋อร์ เปิ่นหวางว่าซือซือ คงอยากมีน้องแล้วล่ะ "
มู่หรงหย่งหมิง เอ่ยบอกนางด้วยน้ำเสียงพร่าแปร่ง ดวงตาหวานหยดมองผู้เป็นชายาของตนเอง อย่างร้องขอสิ่งที่มากกว่าจูบและเล้าโลม...
ใบหน้าคร้ามคมคายซบจมูกลงวนเวียนอยู่กับลำคอเนียนระหงหอมกรุ่นจากกายสาว วงแขนแข็งแกร่งนั้นโอบกระชับนางไว้แนบกาย ทั้งมือหนานั้นลูบไล้ไปตามนวลเนื้อนางของสตรีใต้ร่าง
ดวงตาปรือของนางที่มองมายังเขานั้นมีเสน่ห์ชวนให้น่าหลงใหลนัก มือใหญ่ค่อยๆเอื้อมไปปลดสายผ้ารัดเอวของนางออก เพื่อเปิดทางให้เขาสำรวจเรือนร่างงดงามนี้ได้สะดวกยิ่งขึ้น
" ยะ อย่าเพคะ "
หญิงสาวเอ่ยห้าม ทว่าร่างกายกลับอ่อนระทวยดั่งขี้ผึ้งลนไฟ ใจวาบหวิวขึ้นมาเมื่อมือของคนรักลูบไล้อยู่ที่โคนขาอ่อน ทั้งพรมจูบระเรื่อยจากลำคอมาจนถึงบริเวณทรวงอก
สมองกับร่างกายนั้นดูเหมือนจะไม่สัมพันธ์กัน ปากเอ่ยห้ามการกระทำนี้แต่ร่างกายกลับเบียดชิดเข้าหาอีกฝ่ายเสียอย่างนั้น
เพียงพริบตาเดียว ทั้งสองร่างก็ไร้ซึ่งอาภรณ์ที่เคยใช้ปกปิดร่างกาย มู่หรงหย่งหมิงตระกองกอดชายารักไว้แนบอก มองสบตานางด้วยแววตาหวานฉ่ำ เพื่อใช้มันยืนยันและให้ความมั่นใจแก่หญิงสาวใต้ร่างนี้ว่าเขารักนางมากเพียงใด
" เปิ่นหวางรักเจ้านะหนี่ว์เอ๋อร์ "
เขากล่าวออกไป หากแต่ไร้การตอบรับจากผู้เป็นชายา มีเพียงรอยยิ้มบางเบาที่นางมอบให้ และสายตาของนางที่สื่อว่าเชื่อใจและไว้ใจเขา เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว
ไร้ซึ่งการพูดคุยใดใด มีแต่เพียงเสียงหัวใจที่เต้นอยู่ในจังหวะเดียวกันของคนสองคน คำหวาน คำรัก ปล่อยให้ร่างกายของทั้งคู่ได้ทำหน้าที่เอื้อนเอ่ยบอกกันและกันแทน นั่นคงเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
จวบจนดึกดื่นค่อนคืนที่มู่หรงหย่งหมิงนั้นพร่ำสอนบทเพลงรักให้กับเจ้าสาวหมาดๆ ที่ตอนนี้ได้ดำรงตำแหน่งพระชายาเพียงหนึ่งเดียวของเขาเต็มตัวแล้ว มวลความสุขที่ทั้งสองคนนั้นร่วมกันสร้างอบอวลอยู่รอบกาย ดวงตาคมก้มมองหญิงสาวด้วยความอิ่มเอมใจเป็นที่สุด คนรักของเขานั้นหอมกรุ่นและหวานล้ำไปทั้งตัวเช่นนี้ อยู่ใกล้ก็พลอยทำให้เลือดลมพลุ่งพล่านจนอดที่จะแสดงความรักที่มีต่อนางมิได้
จะกล่าวว่าเขานั้นลุ่มหลงมัวเมาในตัวอิสตรีผู้นี้ก็คงไม่ผิดนัก แต่ทว่านางมิใช่ใครอื่นเป็นพระชายาของเขา หากจะรักใคร่หลงใหลในตัวนางนั่นย่อมถือว่าเป็นเรื่องดีมิใช่หรือ
อื้ออออ...
หญิงสาวพลิกกายหลบบางสิ่งบางอย่างที่นางรู้สึกว่ากำลังไต่ตอมลูบไล้อยู่บริเวณผิวกาย จนเกิดความรำคาญทั้งที่ยังหลับตาอยู่ นางให้รู้สึกอ่อนเพลียและปวดเมื่อยไปทั้งตัวกว่าจะได้นอนพักอย่างสบาย ก็ยังมีสิ่งใดรบกวนให้ต้องตื่นขึ้นมาอีก
ความรู้สึกแปลกๆเกิดขึ้นทันที เพราะบางสิ่งบางอย่างที่ว่านั้นมันเริ่มคลอเคลียหนักขึ้นและเริ่มรุกรานเล้าโลมไปยังส่วนต่างๆของร่างกายภายใต้ผ้าห่ม จนนางต้องเผยอเปลือกตาขึ้นด้วยความง่วงงุนและงงงัน
ทว่าเมื่อเปิดเปลือกตาขึ้นจนสุดแล้ว ก็พบกับบุรุษที่ได้ชื่อว่าพระสวามีของนาง กำลังอวดรอยยิ้มและดวงตาฉ่ำหวาน ใบหน้าคมคายนั้นอยู่ห่างนางแค่คืบ
" พระองค์ "
" ตื่นแล้วหรือ ชายารัก "
เขากระซิบถามแผ่วเบาที่ข้างหูของนาง จงใจแกล้งสตรีใต้ร่างนี้ให้เขินอาย ด้วยใบหน้าแดงก่ำที่เป็นอยู่ในขณะนี้มันช่างน่ารักน่าใคร่น้อยเสียเมื่อไร
" ไม่ตื่นก็ต้องตื่นล่ะ "
หญิงสาวบ่นอุบ ทว่าเสียงที่ล่วงผ่านออกมาจากลำคอนั้นเป็นเสียงเบาบางคล้ายรำพึงรำพันเสียมากกว่า
" เปิ่นหวางนอนไม่หลับ เจ้าตื่นแล้วก็อยู่คุยเป็นเพื่อนเปิ่นหวางได้หรือไม่ยอดรัก "
เขากระชับร่างบางเข้ามาคลอเคลีย
" มะ หม่อมฉันง่วงเพคะ ยังไม่อยากตื่น "
นางเบี่ยงหน้าหลบและแสร้งหลับตาลง ทว่ากลับเปิดโอกาสให้เขาซุกใบหน้าลงที่ซอกคอของนางได้ง่ายดายยิ่งขึ้น ร่างเปลือยเปล่าใต้ผ้าห่มผืนบางถูกเขาสำรวจตรวจตราไปเสียทุกซอกมุม จนต้องรีบลืมตาตื่นพลางใช้มือตีเพี๊ยะไปที่มือหนาเสียหนึ่งที
" ทรงรังแกหม่อมฉัน ไหนบอกจะให้หม่อมฉันพักผ่อนไงเพคะ "
" เปิ่นหวางก็ให้เจ้าพักแล้วไง แต่พักเอาแรงต่างหาก "
" ขี้โกง เจ้าเล่ห์นักนะเพคะ "
นางขมวดคิ้วทันทีเมื่อฟังเขากล่าว เท่าที่ทำกับนางเมื่อครู่ยังไม่เพียงพออีกหรืออย่างไร บอกจะให้นางพักผ่อนก็นึกดีใจไปว่าคงได้พักกายบ้าง แต่คนตรงหน้าดันเล่นแง่กลับคำเสียได้
" เห็นใจเปิ่นหวางหน่อยมิได้หรือ เจ้าอ่อนหวานน่ารักออกเพียงนี้ "
เขาส่งสายตาออดอ้อนจางซูหนี่ว์ ชนิดที่แม้แต่ตัวเองก็ไม่เคยคิดว่าจะต้องมาทำอะไรเช่นนี้เลย
" เอาแต่พระทัย "
นางเชิดหน้าเอ่ยว่าคนตรงหน้าอย่างไม่จริงจังนัก
" ก็เฉพาะกับเจ้าเท่านั้น "
" แน่ล่ะ..ลองไปทำเช่นนี้กับผู้อื่นดูสิเพคะ "
" ใครกล้า เปิ่นหวางรักเจ้า มีเจ้าเพียงหนึ่ง สตรีอื่นนับร้อยนับพันก็ไม่มีความหมาย "
" ทรงกล่าวได้ดีเพคะ "
นางอมยิ้มกับคำพูดหวานหู และออดอ้อนของจวิ้นอ๋องคนหน้าหนวดที่นางชอบค่อนขอดอยู่เป็นประจำ อดเขินไม่ได้นางก็คนธรรมดา ที่เมื่อได้ยินคำเหล่านี้จากคนรัก เหตุใดจะมิพึงพอใจกันเล่า
" พูดดีเช่นนี้ มิให้รางวัลเปิ่นหวางหน่อยหรือ "
เขาเบียดกายแกร่งเข้าหานาง ความรู้สึกช่วงล่างนั้นตื่นตัวขึ้นมาอีกครั้ง
" แต่นี่มันใกล้จะรุ่งเช้าแล้วนะเพคะ เดี๋ยวเสี่ยวไป๋กับเพ่ยเพ่ยอาจเข้ามาเห็น "
" ไม่เห็นเป็นไร หากเปิ่นหวางยังไม่อนุญาตก็ไม่มีใครกล้าเข้ามาหรอก พวกนั้นก็น่าจะรู้ว่าคืนเข้าหอเปิ่นหวางย่อมอยากใช้เวลาอยู่กับชายารัก พวกนั้นไม่เข้ามากวนหรอก "
มู่หรงหย่งหมิงเอ่ยพลางใช้ริมฝีปากประทับจูบไปตามร่างกายนาง อย่างมิอาจห้ามใจเสน่หา...
จูบแล้วจูบเล่าเฝ้าเวียนวน
เพียงได้ยลโฉมนางให้หลงใหล
หนึ่งในใต้หล้านภาไกล
สตรีใดที่ว่างามมิอาจเทียม
มอบใจรักภักดีให้แก่เจ้า
หวังสองเราเคียงคู่ดั่งใจหมาย
คิมหันต์ วสันต์ พิรุณพราย
ใจไม่คลายรักเจ้ายอดฤทัย
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

อ่านตอนนี้เขินมากเลยค่ะ
พออ่านละอ่านไปเขินไป เลือดขึ้นหัวขึ้นหน้าหมด
ปวดหัวกว่าเดิมอีกทีนี้
ความผิดไรท์เลย
ใต้คำฝากนี้/ไรท์ตบเฮียอ๋องไปแล้วหนึ่งที ข้อหาทำให้ไรท์หมั่นไส้ 555
ทำไมอ่านไม่ได้ เพราะอะไร และต้องทำอย่างไรคะ ( หลายตอนแล้ว )
ยินดีกับทั้งสองคนด้วย โดยเฉพาะท่านอ๋อง ดูท่าจะดีใจมาก หน้างี้บานเป็นจานดาวเทียมเชียว 555
ส่วนองค์หญิงน้อยนั้น เก็บอาการหน่อยหนู ยิ่งแสดงออกยิ่งดูโง่เขลาอะไรเช่นนี้ เฮ้อ ช่างน่าสงสารแลเอือมระอายิ่งนัก