ตอนที่ 33 : ที่ปรึกษา (รีไรต์)
ชายาอ๋องกระดูกเหล็ก
บทที่ 33 ที่ปรึกษาหัวใจ
ท่ามกลางความมืดมิดในยามรัตติกาล ทว่าก็ยังพอจะมีแสงจากจันทราสาดส่องมาให้พอได้เห็นสรรพสิ่งอื่นบ้าง แม้ลางเลือนมิชัดกระจ่างเท่ายามกลางวันก็เถิด หากแต่ก็เพียงพอที่จะทำให้บุคคลทั้งสองนั้นสนทนากันได้โดยไม่ลำบากนัก ด้วยถูกฝึกมาให้ปรับตัวได้ทุกสถานการณ์ และสิ่งแวดล้อมอื่นๆ ทั้งยามกลางวันและกลางคืน
สถานที่นี้ไม่ไกลจากแหล่งที่พักอาศัยของผู้คนนัก หากแต่เป็นมุมอับที่ลับตาคนอยู่พอสมควร ซึ่งทั้งสองก็ได้ใช้มันเป็นสถานที่นัดพบกันอยู่บ่อยครั้ง
" จวิ้นอ๋องทรงฝากข้ามาบอกเจ้าว่าให้ระวังตัวให้ดี "
จางฮุ่ยหราน เอ่ยกับสตรีชุดดำกลมกลืนกับสีของท้องฟ้าในยามนี้ ทั้งยังมีผ้าบางๆปิดบังใบหน้าครึ่งล่างเอาไว้ เหลือเพียงดวงตาของนาง เพื่อปกปิดตัวตนไม่ให้ผู้ใดล่วงรู้ว่าเป็นใคร ในยามที่ต้องปลอมตัวไปยังที่ต่างๆ
ทว่าคนที่รู้จักกันมานาน เป็นศิษย์ร่วมสำนัก ร่วมเป็นร่วมตายกันมาหลายครา อย่าว่าแต่เห็นเพียงครึ่งใบหน้าเลย ต่อให้ได้ยินเพียงเสียงฝีเท้าของนางเขาก็จำจังหวะการเดินได้
หากเขาเปรียบดั่งมือขวาของจวิ้นอ๋อง
นางก็คงเปรียบได้ดั่งมือซ้ายของพระองค์เช่นกัน
มือซ้ายที่คอยสืบข่าว ส่งข่าว และอารักขาอยู่เบื้องหลัง
มือซ้ายที่ไม่เผยตัว ให้ผู้ใดรับรู้ถึงตัวตนที่แท้จริง...
" ข้ารู้แล้ว เจ้าก็อย่าลืมรายงานจวิ้นอ๋องตามที่ข้ากล่าวด้วยล่ะ "
สตรีนางนั้นกล่าวตอบบุรุษตรงหน้าเช่นกัน หลังจากรายงานความคืบหน้าต่างๆ ให้ได้ทราบแล้ว ร่างบางหากแต่เคลื่อนไหวได้ทะมัดทะแมงและรวดเร็ว ขยับกายอาศัยความมืดมิดเตรียมเร้นกายออกไปจากตรงนั้น หากแต่ก็ต้องชะงัก...
" ข้าก็ห่วงเจ้า "
จางฮุ่ยหราน เอ่ยออกไปในที่สุด ถึงจะรู้ว่านางนั้นมีฝีมือในการต่อสู้ และสามารถดูแลตนเองได้ หากแต่ศัตรูก็ใช่ว่าจะต้องไร้ฝีมือเสมอไป หากวันใดวันหนึ่งนางพลาดท่าถูกจับได้ขึ้นมา เขานั้นเป็นห่วงนางย่อมมิใช่เรื่องแปลก...
" ขอบใจ "
นางเอ่ยเพียงเท่านั้น ทั้งที่ยังยืนหันหลังให้กับชายหนุ่ม บรรยากาศบริเวณนั้นเงียบงันจึงทำให้ได้ยินคำพูดของทั้งคู่ได้ชัดเจนยิ่งขึ้นแม้เพียงกระซิบก็เถิด ได้ยินแม้กระทั่งเสียงลมหายใจของอีกฝ่ายทีเดียว.....
ชายหนุ่มยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น หลังจากคล้อยหลังสตรีชุดดำที่ไปจากตรงนั้นได้สักครู่แล้ว ภายในใจเขาเคยคิดว่านางเป็นสตรีที่เข้าใจยากที่สุดและแปลกที่สุด จนถึงตอนนี้ก็ยังคิดเช่นนั้น เพียงแต่เพราะเหตุใดยิ่งนานวัน เขาจึงยิ่งห่วงใยสตรีเข้าใจยากผู้นี้ขึ้นทุกวัน
จางฮุ่ยหรานถอนหายใจออกมาในที่สุด ก่อนจะหันหลังไปจากสถานที่ตรงนั้นเช่นกัน
ณ จวนสกุลจาง...
" ซือซือ ท่านพ่อของเจ้าน่ะทำให้ข้านอนไม่หลับเลย รู้หรือไม่ "
จางซูหนี่ว์ที่นอนไม่หลับนั้นกำลังพูดคุยอยู่กับกระต่ายตัวน้อยในอ้อมแขน นางอุ้มมันออกมารับลมเย็นสบายตรงระเบียง เรื่องราวเมื่อตอนกลางวันนั้นทำให้นางคิดมากจนมิอาจข่มตาหลับลงได้ แม้ว่าจะดึกมากแล้วก็ตาม
เพราะคำว่า หึง เพียงคำเดียวจริงๆ ที่ทำให้นางต้องมานั่งคิดทบทวนหลายสิ่งหลายอย่างในจิตใจ จนถึงตอนนี้ก็ยังคิดไม่ตกว่าจะเอาอย่างไรต่อไปดี ไม่อยากจะยอมรับหรอกว่าตอนนี้นางมีความรู้สึกดีๆกับจวิ้นอ๋องผู้นั้นไปแล้ว ก็ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไรที่ในใจนางมีความรู้สึกเช่นนี้ ทั้งที่ก็ตั้งใจแต่แรกว่าจะไม่ขอข้องเกี่ยวกับเขาอีก หากแต่ทุกอย่างกลับตาลปัตรไปหมด
" เขาน่ะ เป็นบุรุษที่เจ้าเล่ห์มากเลย ...แน่ะ พอข้าว่าท่านพ่อของเจ้าเข้าหน่อยทำเป็นมามองหน้าเชียวนะ เจ้าจะเข้าข้างเขาอีกล่ะสิ ใช้ไม่ได้เลย ข้าน่ะเป็นคนเลี้ยงเจ้ามากกว่าเขาด้วยซ้ำนะ "
หญิงสาวมองเจ้าตัวขนปุยสีขาว พลางบ่นออกมา เจ้ากระต่ายน้อยนี่ก็ช่างรู้มากจริงๆ นอนนิ่งให้นางอุ้มเล่นอยู่เป็นนาน แต่พอเอ่ยถึงจวิ้นอ๋องเท่านั้นล่ะ ดูกระตือรือร้น ขึ้นมา หูตาตื่น ดวงตาใสกลมโตของมันหันมามองนางตาแป๋ว ดั่งจะโต้ตอบกับนางแทนผู้ที่เรียกตัวเองว่าบิดาของมัน
" เจ้าก็พาลเอากับกระต่ายได้นะหนี่ว์เอ๋อร์ "
จางฮุ่ยหรานเดินเข้าไปหาน้องสาว หลังจากที่เขากลับมาจากด้านนอกกำลังจะเข้าไปที่ห้องของตน หากแต่ก็เหลือบไปเห็นน้องสาวที่ระเบียงเสียก่อน จึงคิดจะเดินเข้ามาทักว่าเหตุใดจึงยังไม่พักผ่อน เพราะนี่ก็ดึกดื่นค่อนคืนแล้ว
" พี่ใหญ่..ท่านเพิ่งกลับเข้าจวนหรือ "
หญิงสาวหันหน้าไปมองผู้ที่เดินเข้ามาใหม่ เมื่อเห็นว่าเป็นพี่ชายจึงได้เอ่ยถามออกไป
" ใช่..ข้าเพิ่งกลับมาจากทำภารกิจด้านนอก แล้วเจ้าเล่า..ไยจึงไม่นอนนี่ก็ดึกมากแล้ว "
ผู้เป็นพี่ชายเอ่ยถามน้องสาว
" ข้านอนไม่หลับ "
" เพราะเหตุใดจึงนอนไม่หลับ "
" ก็ เพราะ เอ่อ...ก็เพราะนอนไม่หลับน่ะสิ จำเป็นต้องมีเหตุผลอื่นด้วยหรือ "
จางซูหนี่ว์อ้ำอึ้ง ก่อนเอ่ยออกไป โดยเสมองไปเสียทางอื่น ด้วยต้องการหลบสายตาผู้เป็นพี่ชาย ก็รู้สึกกระดากอายอยู่บ้าง ถ้าจะเอ่ยบอกไปว่าที่นางนอนไม่หลับ เพราะมัวคิดถึงเรื่องของบุรุษสูงศักดิ์ผู้นั้นอยู่
" ข้าก็คิดว่าเจ้านั้น คงคิดถึงเรื่องของจวิ้นอ๋องอยู่ "
จางฮุ่ยหราน เอ่ยดักคอน้องสาวที่แสร้งทำเป็นมองนู่นนี่ไปเรื่อย
" อะไร...ผู้ใดคิดถึงจวิ้นอ๋องกัน "
หญิงสาวรีบเอ่ยปฏิเสธ พี่ชายของนางนั้นหูผีหรืออย่างไรกัน แค่เพียงแต่คิดอยู่ในใจก็ยังอุตส่าห์ได้ยินอีก
จางฮุ่ยหรานทอดสายตามองน้องสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้า เขานิ่งเงียบไปทว่าสายตาก็ยังไม่ละไปจากนาง
" เอ่อ...ไยท่านจึงมองข้าเช่นนั้นเล่า "
หญิงสาวมองสบสายตากับผู้เป็นพี่ชาย พลางเอ่ยถามออกไป ด้วยเห็นว่าจางฮุ่ยหรานนั้นมองหน้านางและก็เอาแต่เงียบอยู่เป็นนาน
" หากข้าถามอะไรเจ้าบางอย่าง เจ้าจะตอบข้าตามตรงได้หรือไม่หนี่ว์เอ๋อร์ "
" ท่านจะถามสิ่งใดหรือ หากตอบได้หนี่ว์เอ๋อร์คนนี้ก็จะตอบ "
" เจ้าคิดอย่างไรกับจวิ้นอ๋องบ้าง "
เขาถามนางออกไปในที่สุด ด้วยก็เพราะอยากจะรู้ว่าน้องสาวของเขานั้นคิดอย่างไรกับผู้เป็นนาย ตลอดหลายเดือนมานี้ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนเป็นเช่นไร เหตุใดเขาจะไม่รู้...
กับจวิ้นอ๋องนั้นกล่าวได้เลยว่าทรงมีพระทัยต่อน้องสาวของเขาแน่นอน หากแต่น้องสาวของเขาเล่านางคิดเช่นใดกันแน่ เท่าที่สังเกตบางครานางก็ดูเหมือนไม่ใส่ใจ หากแต่บางครั้งก็ดูเหมือนจะมีใจ คล้ายกับว่านางกำลังสับสนสิ่งใดอยู่กระนั้น....
" ข้าคิดอย่างไรกับจวิ้นอ๋องเช่นนั้นหรือ นั่นสินะ ข้าคิดเช่นไรกันแน่ "
หญิงสาวนิ่งงันไป เมื่อเห็นสายตาที่ดูจริงจังของพี่ชาย อย่าว่าแต่เขาอยากจะรู้เลย ตัวนางเองก็อยากจะรู้เช่นกัน นางไม่รู้และไม่แน่ใจเลยว่าความรู้สึกดีนี้มันเรียกว่าอะไร เรียกว่าชอบ ว่ารักได้หรือไม่ แล้วสมมติว่าถ้านางมีใจให้จวิ้นอ๋องจริงๆ มันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไร นึกย้อนกลับไปเขาก็ไม่ได้จริงใจกับนางตั้งแต่คราแรก ถึงตอนนี้เขาจะบอกรักและทำดีกับนาง แล้วนางจะสามารถเชื่อใจเขาได้แค่ไหนกัน
ทั้งชีวิตนางระวังตัวในเรื่องของความรัก พยายามที่จะไม่ปล่อยใจให้รักใครง่ายๆ กลัวที่จะต้องเจ็บ ต้องผิดหวัง สุดท้ายก็เลือกที่จะอยู่ตัวคนเดียว ไม่คบกับผู้ชายคนไหนในฐานะคนรักเลย สิ่งที่พบในการใช้ชีวิตโสดนางว่ามันก็สบายดี ใช้ชีวิตอิสระ อยากไปที่ใด อยากทำอะไรก็ได้ แม้ว่าในบางครั้งความเหงาจะเข้ามาเยือนแต่โดยรวมมันก็ไม่ได้แย่เท่าไรนัก
จวบจนชีวิตพบการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ นางได้มาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่แบบไม่ทันตั้งตัว แต่กระนั้นก็ยังคงยึดมั่นอยู่กับความตั้งใจเดิมที่จะใช้ชีวิตอย่างเป็นสุขที่สุด ทว่าเมื่อพบกับบุรุษผู้นั้นชีวิตนางก็พบกับการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง แรกเริ่มด้วยความไม่ชอบ ไม่ประทับใจ แม้จะยังไม่ถึงขั้นเกลียด แต่ก็ไม่อยากอยู่ใกล้ เพราะเขาทำให้นางรู้สึกว่าเขามันตัวอันตราย...
แล้วเพราะเหตุใดทั้งที่คิดจะปิดกั้นตัวเองให้ออกห่างจากเขา ชีวิตกลับเวียนวนให้ได้พบเจอกันบ่อยครั้ง หลายสิ่งหลายอย่างที่เขาแสดงออกต่อนางในระยะหลังมานี้ ในบางครั้งกลับทำให้นางหลงลืมไปบ้างกับสิ่งที่เขาเคยทำกับนาง และอาจจะเป็นเพราะสิ่งมี่เขาเคยกล่าวว่ามีใจให้นางกระมัง ทำให้นางเริ่มจับตาดูว่าเขาจะทำอย่างไรให้นางรักเขาได้อย่างที่พูด
ก็ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไรกัน...ที่บุรุษผู้นั้นเข้ามาอยู่ในสายตาและความรู้สึกนึกคิดของนาง มันอาจเป็นความรู้สึกที่ค่อยๆสะสมขึ้นทีละนิดจนนางไม่ทันได้รู้ตัวก็เป็นได้ ถึงวันนี้วันที่นางรู้สึกว่าควบคุมความรู้สึกของตัวเองได้ไม่ดีเท่าไรนัก เขากล่าวว่านางนั้นหึงหวง สรุปแล้วนางนั้นรักเขาแล้วหรืออย่างไร หรือแค่ชอบ แค่รู้สึกดี....
" บางครั้งเรื่องของหัวใจ ก็จงปล่อยให้มันเป็นไปตามความรู้สึกบ้างเถิดนะ เรื่องบางเรื่องใช้สมองตัดสินไปทุกสิ่งไม่ได้หรอก "
จางฮุ่ยหราน เอ่ยขึ้นมาเมื่อเห็นแววตาของน้องสาว แม้ท่าทางนางนั้นจะนิ่งสงบ หากแต่เขาก็เดาว่าจิตใจของนางกำลังสับสนในความรู้สึกของตนเองอยู่เป็นแน่
" ปล่อยให้เป็นไปตามที่รู้สึกอย่างนั้นหรือ "
หญิงสาวหันมามองหน้าพี่ชาย อย่างสนใจในคำที่เขากล่าวเมื่อครู่
" ใช่...ปล่อยให้เป็นไปตามความรู้สึก ตามที่หัวใจของเจ้าต้องการ "
" แล้วถ้าคนคนนั้นเขาเคยทำไม่ดีกับเราล่ะ เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าเขาจะเชื่อใจได้ จะไม่ทำให้เราผิดหวัง เสียใจ ร้องไห้ "
หญิงสาวเอ่ยถามพี่ชาย คล้ายขอความคิดเห็น
" ทั้งชีวิตเจ้าเคยเห็นผู้ที่ไม่เคยทำผิดพลาดใดใดเลยหรือไม่ แม้คนที่เจ้าคิดว่าดีที่สุด เจ้าแน่ใจหรือว่าคนคนนั้นจะไม่เคยทำสิ่งใดผิดเลย ข้ากล่าวมากไปเจ้าก็จะว่าข้าเข้าข้างผู้เป็นนายเอาได้ แต่สิ่งที่ข้าอยากจะบอกกับเจ้าก็คือ อดีตแก้ไขไม่ได้ ให้ดูที่ปัจจุบันไม่ดีกว่าหรือ ว่าเขาทำสิ่งใดและจริงใจหรือไม่ น้องสาวข้าก็มิได้โง่ ข้าเชื่อว่าเจ้าจะต้องได้ข้อเฉลยในสิ่งที่เจ้ากำลังคิดหาคำตอบอยู่ในตอนนี้ "
จางฮุ่ยหรานเอ่ยให้คำแนะนำแก่น้องสาว จากที่นางกล่าวมาทั้งหมด เขาก็พอจะเดาความรู้สึกของนางได้อยู่ลางๆ เพราะกลัวเสียใจ กลัวความผิดหวัง ทั้งก่อนนั้นท่านอ๋องคงไปทำอะไรให้นางโกรธเคืองเข้าเป็นแน่ นางจึงตั้งป้อมอคติ
พอถึงตอนนี้สิ่งที่จวิ้นอ๋องเพียรพยายามเข้าหานาง ทำดีต่อนาง จึงทำให้นางสับสนในการตัดสินใจที่จะรับรักผู้เป็นนายของเขา ทั้งที่นางก็คงจะเริ่มมีใจบ้างแล้ว แต่เพราะนางเลือกที่จะใช้สมองในการตัดสินใจเกินไป จนบางครั้งก็ลืมไปว่าเรื่องของหัวใจ ก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของหัวใจตัดสินบ้างก็ได้
" ในฐานะที่ท่านเป็นพี่ชายของข้า หากข้ากล่าวสิ่งใดออกไป สัญญาได้หรือไม่ว่าจะเก็บเป็นความลับไม่บอกใคร "
จางซูหนี่ว์มองหน้าพี่ชาย อย่างรอคอยคำตอบ
" แน่นอน ข้าจะเก็บเป็นความลับ ไม่บอกใครทั้งสิ้น ข้าสัญญา "
จางฮุ่ยหราน ให้สัญญากับน้องสาวหนักแน่น จะว่าไปนานเท่าไรแล้วที่ระหว่างเขากับผู้เป็นน้องสาวจะได้พูดคุยกันเป็นเรื่องเป็นราว และให้คำปรึกษากันเช่นนี้
ในตอนเด็กนางนั้นติดพี่ใหญ่อย่างเขามาก หากแต่เมื่อเขาอายุได้ 14 ปี ก็ได้ติดตามองค์ชายรอง หรือก็คือจวิ้นอ๋องในขณะนั้น ไปศึกษาวิชาการต่อสู้ต่างๆยังสำนักอันเลื่องชื่อแห่งหนึ่งเสียหลายปี กลับมาอีกครานางก็มิได้ทำตัวสนิทสนมดั่งแต่ก่อน อาจเพราะนางเริ่มเจริญวัยเข้าสู่วัยสาวแล้วกระมัง จึงทำให้ต้องระวังในเรื่องการวางตัวขึ้นมากกว่าเดิม
" แม้แต่จวิ้นอ๋องก็ห้ามบอก "
นางยังเอ่ยต่ออย่างดักคอพี่ชาย
" ก็ได้ ข้าจะไม่บอก "
" การที่ข้านั้นหงุดหงิด คิดมาก น้อยใจกับเรื่องของเขาคนนั้น โดยที่ความรู้สึกเหล่านี้ข้าไม่สามารถควบคุมมันได้เลย ท่านคิดว่าอย่างไร "
จางซูหนี่ว์เอ่ยถามพี่ชาย เพื่อหาคนที่จะช่วยยืนยันกับคำตอบที่อยู่ภายในใจของนางในตอนนี้
" ถ้าคนที่ไม่ได้มีใจให้กัน ก็คงไม่สามารถทำให้เจ้ารู้สึกได้มากมายถึงเพียงนั้น ถ้าไม่รักไม่มีใจ เจ้าจะไม่หงุดหงิด คิดมาก น้อยใจ กับเรื่องของเขาคนนั้น หรือแม้แต่หึงหวง โกรธเคือง ยามเขาอยู่กับสตรีอื่น "
" พี่ใหญ่ท่านมีความรักหรือไม่ ไยจึงดูให้คำปรึกษาแก่ข้าคล่องนัก "
นางอดที่จะเอ่ยถาม พลางเหล่ตามองพี่ชายคนโตไม่ได้ คนที่คิดว่าไม่ได้เรื่องเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ที่สุด เหตุใดจึงได้ให้คำแนะนำดีนักเล่า
หรือว่าพี่ใหญ่ของนางนั้นก็มีความรัก แต่ไม่ได้บอกกล่าวแก่ผู้ใดให้รับรู้ เช่นนั้นนางก็อยากจะรู้เสียจริงว่าหญิงสาวจากตระกูลใดหนอ ที่จะมาเป็นพี่สะใภ้ใหญ่ของนาง
" ข้ากล่าวด้วยใจไม่อคติต่างหากเล่า มองทุกสิ่งอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริงและความรัก ใช้สติให้ถูกที่ถูกเวลา ใช้ความรู้สึกให้เหมาะกับเรื่องก็เท่านั้น "
จางฮุ่ยหราน เอ่ยออกไปเช่นนั้น แต่ในแวบหนึ่งของความคิด ให้นึกไปถึงสตรีที่เขาเพิ่งแยกจากนางมาเมื่อไม่นาน มีความรักเช่นนั้นหรือ ใช่จะกล่าวเช่นนั้นก็ได้ แต่มันอาจจะเป็นรักข้างเดียวกระมัง.....
" ข้าก็กำลังใช้ความรู้สึกอยู่นี่อย่างไรล่ะ...ข้าว่า ข้าคงมีใจให้บุรุษผู้นั้นแล้วล่ะเจ้าค่ะ "
หญิงสาวเอ่ยขึ้น หลังจากได้คิดตามในสิ่งที่จางฮุ่ยหรานได้ให้ข้อคิดและคำแนะนำแก่นาง จึงตัดสินใจได้ว่าหากนางจะเปิดโอกาสให้ตัวเองบ้าง ก็คงจะไม่เป็นไรกระมัง
รวมถึงจวิ้นอ๋องด้วยนางคงปฏิเสธไม่ได้อีกต่อไป ว่านางมีใจให้แก่เขาไปแล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้นางก็คงจะต้องปล่อยให้หัวใจนำทางบ้างเสียแล้ว ก็ได้แต่หวังว่าหัวใจของนางคงเลือกคนที่จะดูแลมันได้ถูกคนนะ
ณ วังจวิ้นอ๋อง
แม้จะเป็นเวลาดึกดื่นและอีกไม่ถึงสองชั่วยามก็คงจะรุ่งสาง แต่จนถึงตอนนี้มู่หรงหย่งหมิงก็ยังไม่สามารถข่มตาหลับได้ลง รอยยิ้มแต้มอยู่บนใบหน้าของเขาตั้งแต่เมื่อกลางวัน คิดถึงเหตุการณ์นั้นวนเวียนซ้ำๆ ใบหน้าของจางซูหนี่ว์แจ่มชัดอยู่ในห้วงคำนึง
ทั้งประโยคคำพูดและท่าทางเหล่านั้นที่เขาคิดว่าอาจจะไม่ได้ยินจากปากของนางเสียแล้ว แค่คิดว่านางหึงหวงเขากับสตรีอื่น รอยยิ้มมันก็ประดับอยู่บนหน้าเขาตลอดเวลา
ถือว่าวันนี้เขาได้มากกว่าสิ่งที่คิดเอาไว้เกินที่คาดการณ์อยู่มาก เรื่องการที่ให้คนจากหอซือซิงของนางมาทำการแสดงต่อหน้าพระพักตร์ มิได้มีเพียงเหตุผลแค่เพราะกิจการของนางนั้นเป็นที่รู้จัก และโด่งดังจากการแสดงแปลกใหม่เท่านั้น ยังมีเหตุผลอื่นแฝงอยู่ด้วยต่างหาก...
นั่นเพราะเขาอยากให้นางได้พบกับเสด็จย่าของเขาต่างหากล่ะ คือ จุดประสงค์อันดับแรก
เถียนเถียนเองค่ะ
มันคือแผนพาว่าที่หลานสะใภ้ไปให้ย่าดูตัว...เอ๊ะ ทำยังไงสาวจะไม่รู้ตัวนะ
อ๋อ เอางานมาอ้างนี่เอง ท่านอ๋องได้ประโยชน์ นางเอกได้งานได้หน้า (และอาจจะได้สามีเป็นจวิ้นอ๋อง) 55555
#ใต้ความเนียนหลอกสาวไปให้พ่อกับย่าดูตัว
#ฉันเกลียดนายอิอ๋องเจ้าเล่ห์ 555555
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เล่ห์มาก
คึคึคึ รุกเต็มที่เลยจ้าาา ท่านอ๋อง เชียร์