ตอนที่ 28 : รักแรก มิอาจลืมเลือน (รีไรต์)
" ต้องทรงช่วยหม่อมฉันนะเพคะ ท่านพ่อ ฮือ ฮือ... "
ต้วนลี่จูนั้นกำลังคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าฮองเฮา พลางร้องไห้สะอึกสะอื้นปริ่มว่าจะขาดใจเสียให้ได้ โดยมีองค์หญิงเหลียนฮวาคอยปลอบโยนลูบไหล่ลูบหลังอยู่ข้างๆนางตรงนั้น ภาพนั้นสร้างความตกใจแก่พระนางมิน้อย เหตุใดผู้เป็นหลานสาวจึงได้ร้องไห้มากมายถึงเพียงนี้
" ลี่จูเจ้าเป็นอะไรไป ผู้ใดทำอันใดเจ้า "
ต้วนฮองเฮารับสั่งถามทันที หากแต่หลานสาวของพระนางนั้นก็เอาแต่ร้องไห้อย่างหนัก จนน้ำเสียงที่กล่าวออกมานั้นฟังแทบไม่ได้ศัพท์สักนิด จนกระทั่งองค์หญิงเหลียนฮวาที่อยู่ข้างกายผู้เป็นสหายต้องเอ่ยขึ้นมาแทนเสียเอง
" นางร้องไห้ ด้วยว่าถูกบิดาของนาง บังคับให้แต่งงานกับคุณชายสกุลโหลว แต่นางมิเต็มใจเพคะ...ฮองเฮาก็ทรงทราบดีว่าลี่จูของหม่อมฉันนั้นมีใจให้ผู้ใด เป็นเช่นนี้แล้วนางจะแต่งเข้าสกุลโหลวได้อย่างไรกัน "
มู่หรงเหลียนฮวากล่าว พลางหันไปมองต้วนลี่จูอย่างนึกสงสารผู้เป็นสหาย หากเป็นนางที่ถูกจับแต่งงานกับผู้ที่มิได้รักใคร่บ้าง นางจะอาละวาดเสียให้น่าดูเลยทีเดียว มิเชื่อก็คอยดู...
" เป็นเช่นนั้นไปได้อย่างไรกัน บิดาของเจ้าจะให้เจ้าแต่งงานเข้าสกุลอื่นโดยมิบอกกล่าวเปิ่นกง "
ต้วนฮองเฮานั้นให้สงสัยยิ่งนัก พี่ชายของพระนางก็ทราบดีว่าพระนางนั้นรักและเอ็นดูหลานสาวผู้นี้มาก ทั้งยังคาดหวังให้ลี่จูแต่งกับจวิ้นอ๋อง ไยผู้เป็นพี่ชายจึงได้กระทำการใดโดยมิบอกกล่าวพระนางสักคำ
" เอาเถิดเปิ่นกงจะเรียกบิดาของเจ้าเข้ามาปรึกษาเรื่องของเจ้าเอง หยุดร้องไห้ได้แล้วลี่จู "
" จริงๆนะเพคะ หม่อมฉันไม่อยากแต่งกับคุณชายโหลวผู้นั้น บุรุษอะไรหน้าตาช่างขี้ริ้วนัก เปรียบกับจวิ้นอ๋องมิได้เลยแม้สักนิดเดียว "
สตรีร่างอวบอั๋นที่ร้องไห้อยู่เมื่อครู่ เอ่ยขึ้นกับสตรีสูงศักดิ์ตรงหน้า ทั้งมีศักดิ์เป็นท่านอาของนางอีกด้วย นางใช้มือปาดน้ำตาทิ้งและหยุดร้องไห้ทันที เมื่อได้ยินที่ต้วนฮองเฮากล่าวว่าจะช่วยนางในเรื่องนี้
หลายสัปดาห์ก่อนหน้านั้น นางร้องไห้ฟูมฟายด้วยความเสียใจเรื่องของจวิ้นอ๋องกับสตรีผู้นั้น ที่ได้ยินข่าวลือแว่วเข้ามาถึงหูของนาง ว่าทั้งสองนั้นคงสนิทสนมกันอยู่มากพอสมควร ในช่วงหลายเดือนนี้จึงมีผู้คนได้เห็นว่าจวิ้นอ๋องนั้นเสด็จเยือนจวนสกุลจางบ่อยยิ่งนัก
หากเป็นดั่งที่ชาวเมืองนั้นลือกัน ว่าพระองค์นั้นทรงหมายใจให้คุณหนูสกุลจางดำรงตำแหน่งจวิ้นหวางเฟยเป็นแน่ เช่นนั้นแล้วความหวังของนางก็คงริบหรี่เหลือเกิน อัดอั้นตันใจจนต้องร้องไห้ เพื่อระบายมันออกมาด้วยการกิน บิดาของนางก็เข้ามาปลอบใจ
แม้นางจะรู้ว่าคงจะช่วยสิ่งใดมิได้ ทั้งยังมิชอบจวิ้นอ๋องเสียด้วยซ้ำ แต่นางก็นึกไม่ถึงว่าบิดาจะหาทางออก ด้วยการคิดจับนางแต่งกับบุตรชายของผู้เป็นสหาย
รูปโฉมหรือก็มิได้หล่อเหลางามสง่า ดั่งเช่นจวิ้นอ๋องของนาง ทั้งรูปร่างก็อ้วนท้วนราวตือโป๊ยก่ายก็มิปาน เป็นตายอย่างไรนางก็มิยอมแต่งกับคุณชายโหลวผู้นั้นแน่
" เปิ่นกงเคยโกหกเจ้าหรือลี่จู "
" ไม่เพคะ "
ต้วนลี่จูกล่าว พลางยิ้มจนดวงตาเรียวรีนั้นหยีด้วยความดีใจที่ฮองเฮานั้นรับปากว่าจะช่วย หากทรงเอ่ยปากกล่าวกับบิดา นางย่อมต้องรอดจากการถูกจับแต่งงานเข้าสกุลโหลวแน่นอน
" อีกเรื่องเพคะ หม่อมฉันได้ยินข่าวลือจากชาวเมืองว่าจวิ้นอ๋องทรงเสด็จไปเยือนสกุลจางบ่อยครั้ง หม่อมฉันเกรงว่าจะทรงพึงพอใจในตัวนางผู้นั้น ดั่งที่คิดไว้แต่แรก "
" เปิ่นกงก็ได้ยินเช่นนั้น ท่านพี่คิดเช่นไรกันจึงได้ไปสนใจนางผู้นั้น เป็นบุตรีของเจ้ากรมการคลังแล้วอย่างไร ไฉนจะสู้หลานสาวของฮองเฮาได้กัน ทั้งลี่จูเองก็จงรักภักดีมาตลอดหลายปีช่างน่าซาบซึ้ง ไยท่านพี่หย่งหมิงจึงได้ดวงตามืดบอดนัก "
มู่หรงเหลียนฮวา ได้ฟังสหายกล่าวเช่นนั้น จึงเอ่ยถึงผู้เป็นพี่ชายอย่างนึกขัดเคือง นางมิปฏิเสธว่าคุณหนูสกุลจางผู้นั้นก็มีรูปโฉมงดงามมิน้อย และออกจะมีมากกว่าผู้เป็นสหายของนางอยู่มากโข
ทว่านางพึงพอใจในต้วนลี่จูมากกว่าอยู่ดี ก็เพราะสหายผู้นี้รักพี่ชายของนางด้วยใจจริง ทั้งยังมีสายสัมพันธ์เป็นพระญาติกับฮองเฮา อำนาจและบารมีย่อมมีมากกว่าสกุลจางอยู่มาก สามารถส่งเสริมพี่ชายของนางได้ดีกว่าเป็นไหนๆ
ต้วนฮองเฮาปรายพระเนตรไปมององค์หญิงเหลียนฮวา พลางยิ้มให้นางเล็กน้อย ก่อนเอ่ยกับสตรีอ่อนวัยทั้งสองด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
" ก็ใช่ว่าจะมีแต่จวิ้นอ๋องที่เสด็จไปยังจวนสกุลจางเสียเมื่อไร ยังมีองค์ชายห้าด้วยอีกคนที่เสด็จไปที่นั่น "
แม้ว่าจะน้อยกว่าจวิ้นอ๋องก็ตามที หากแต่พระนางก็มิได้กล่าวประโยคหลังนี้ออกไป ให้สตรีทั้งสองตรงหน้านั้นคิดไปเอง
" อะไรนะเพคะ นี่นางต้องทำการยั่วยวนใดเป็นแน่ ทั้งท่านพี่ และองค์ชายห้า จึงได้พากันเสด็จไปหานางที่จวนบ่อยครั้งเพียงนั้น นางช่างแพศยานัก ยั่วยวนบุรุษในคราเดียวถึงสองคน "
มู่หรงเหลียนฮวาเอ่ยขึ้นอย่างรับไม่ได้ และนึกไม่พอใจจางซูหนี่ว์ยิ่งขึ้นไปอีก
" เปิ่นกงก็มิแน่ใจนักว่านางยั่วยวนหรือไม่ หรือว่าจวิ้นอ๋องและองค์ชายห้าเต็มพระทัยไปหานางด้วยตนเอง หากแต่คนของเปิ่นกงก็ทราบมาเช่นกัน ว่าขณะนี้คุณหนูจางผู้นั้นกำลังจะเปิดกิจการสถานเริงรมย์ในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ "
ต้วนฮองเฮา พยายามชักนำความคิดให้องค์หญิงน้อยผู้นี้คล้อยตามทีละนิดๆ ลางทีพระนางอาจมิต้องทำสิ่งใดเลยก็ได้ เพราะจะมีผู้เข้าไปสร้างความวุ่นวายให้คนเหล่านั้นแทนพระนางอยู่ดี
" อ้อ...เปิดสถานเริงรมย์นี่เอง หูตาคงจะแพรวพราว กิริยายั่วยวนบุรุษคงมีไม่น้อย มิแปลกหรอก "
มู่หรงเหลียนฮวา ชักสีหน้าอย่างนึกเหยียดหยันสตรีจอมมารยาผู้นั้น จางซูหนี่ว์....
อีกมุมหนึ่งของตำหนักฮองเฮาห่างออกไปไม่ไกลนัก สตรีนางหนึ่งชะงักเท้าที่เตรียมจะก้าวเข้าไปยังบริเวณที่ฮองเฮาประทับอยู่กับสตรีอ่อนวัยกว่าทั้งสอง
ร่างบางอรชร ผิวขาวนวลเนียน สวมใส่อาภรณ์สีชมพูตัดฟ้าอ่อน เครื่องประดับมีค่าถูกสวมใส่อยู่พอสมควรตามยศศักดิ์ เส้นผมสีดำสนิทนั้นถูกเกล้าขึ้นทั้งหมดประดับด้วยปิ่นต่างๆ เป็นการบ่งบอกว่านางได้ผ่านการแต่งงานมาแล้ว ใบหน้างดงามอ่อนหวานนั้นประทินโฉมบางเบา ดูละมุนละไม ทว่าบุคลิกต่างๆนั้นดูสง่างามมิน้อยเลย
เจิ้งจิวอิง หรือ ไท่จื่อเฟย พระชายาเอกขององค์รัชทายาท แอบยืนฟังการสนทนาของบุคคลทั้งสามที่ดังแว่วมาให้ได้ยินอยู่อย่างเงียบๆ โดยไม่ปรากฏกายออกไปให้ทั้งหมดนั้นรับรู้ ถึงการมาของนางกับสาวใช้คนสนิทที่ถือถาดใส่ถ้วยขนมตามนางเข้ามาด้วย
ถ้านางไม่ได้ยินทั้งสามเอ่ยถึงจวิ้นอ๋องเสียก่อนก็คงเดินเข้าไปตั้งนานเสียแล้ว และนางก็จะไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับบุรุษผู้นั้นที่ทั้งสามกล่าวถึงเลย พวกนั้นเอ่ยถึงสตรีผู้หนึ่งใจความว่าอาจจะยั่วยวนจวิ้นอ๋องให้หลงใหล จนทำให้เสด็จเยือนสกุลจางบ่อยครั้ง
เพียงได้ยินว่าจวิ้นอ๋องนั้นสนใจสตรีอื่นก็ให้ประหลาดใจยิ่งนัก นางเชื่อมาตลอดว่าจวิ้นอ๋องนั้นยังคงมิอาจตัดใจจากนางได้ ลึกๆแล้วเขายังรักนางอยู่ดี รักแรก ย่อมตราตรึง มิอาจลืมเลือนได้โดยง่าย.....
ที่ผ่านมาจวิ้นอ๋องก็ทำให้นางเชื่อเช่นนั้น ด้วยเพราะมิยอมแต่งผู้ใดเข้าวังจวิ้นอ๋องเลย ทั้งชายาเอก ชายารอง หรือเหล่าอนุทั้งหลาย ก็เพราะเขาผิดหวังจากนางในครั้งนั้นมิใช่หรือ....
ความรัก และ อำนาจ
นางในตอนนั้นยอมตัดใจจากความรักที่จวิ้นอ๋องมอบให้
เลือกอำนาจ และ ยศศักดิ์ ที่เหนือกว่า..แต่งเป็นไท่จื่อเฟย
แต่ไฉนจึงหาความสุขใจอย่างแท้จริงได้ยากยิ่งนัก....
ทุกสิ่งที่มิได้เป็นไปอย่างที่นางคาดหวัง องค์ไท่จื่อนั้นแต่งกับนางเพราะตามใจพระมารดา เพียงให้เกียรติ ให้ความยกย่อง แต่มิได้ให้ความรักต่อนางมากพอ ยิ่งเมื่อทราบว่านางกับจวิ้นอ๋องเคยมีความสัมพันธ์เช่นไรมาก่อน ก็ทำให้ทรงห่างเหินต่อนางอย่างเห็นได้ชัด
นางเพียงเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวนางเอง แล้วนางผิดอะไร จึงต้องตกอยู่ในสถานการณ์อันน่าอึดอัดใจเช่นนี้ กลายเป็นตัวแปรให้องค์ไท่จื่อและจวิ้นอ๋องนั้นหมางใจกัน ความจริงแล้วตัวการนั้นคือ ฮองเฮา ต่างหากเล่า....
เจิ้งจิวอิง เพิ่งรู้ตัวว่าเป็นเพียงหมากตัวหนึ่งของต้วนฮองเฮาเท่านั้น มิใช่ว่าฮองเฮารู้แต่แรกแล้วหรือ ว่าระหว่างนางและจวิ้นอ๋องนั้นมีความสัมพันธ์ใด เพราะรู้จึงได้ทาบทามนางให้แต่งกับองค์ไท่จื่อ
เหตุผลนั้นหรือ...แม้นางจะไม่รู้เบื้องหลังสักเท่าไรว่ามีความแค้นใดกัน แต่ทำเช่นนี้ก็เป็นการหักหน้าและสร้างความปวดร้าว เสียใจให้แก่จวิ้นอ๋องไม่น้อย
ทุกวันนี้แม้นางจะแต่งกับองค์ไท่จื่อแล้ว แต่ลึกๆ หัวใจของนางนั้นก็ยังมีเพียงจวิ้นอ๋องเท่านั้น ถือว่านางพลาดมากที่เลือกแต่งกับองค์ไท่จื่อ แทนที่จะแต่งกับคนที่นางรักคงมีความสุขกว่านี้เป็นแน่
เจิ้งจิวอิง นึกถึงตอนนี้ก็ให้ปวดหัวใจยิ่งนัก ที่ผ่านมาการกระทำของจวิ้นอ๋องทำให้นางเชื่อว่ายังรักนางอยู่ แต่ครั้งนี้การที่เสด็จเยือนจวนสกุลจางบ่อยครั้ง หมายความว่าอย่างไรกัน เขาลืมนางได้แล้วจริงหรือ....
หอซือซิง...
คืนนี้เป็นคืนแรกที่หอซือซิงเปิดทำการแสดง มีผู้คนนั้นให้ความสนใจเข้ามาชมการแสดงอยู่มิน้อย บรรยากาศภายในนั้นเริ่มครึกครื้นตั้งแต่ช่วงหัวค่ำ
จางซูหนี่ว์ นั้นจัดรูปแบบให้คล้ายกับการแสดงละครเวทีในยุคปัจจุบัน ในช่วงหัวค่ำจะมีการบรรเลงดนตรีขับกล่อม และมีการร่ายรำสวยงามต่างๆ เป็นการดึงดูดและเรียกความสนใจจากลูกค้า จนกระทั่งถึงเวลาทำการแสดงหลัก
โดยเนื้อเรื่องที่นางจะนำเสนอในคืนที่เปิดทำการแสดงนั้น คือ โฉมงามกับองค์ชายอสูร ซึ่งเรื่องนี้ย่อมเป็นที่รู้จักกันอย่างดีในยุคปัจจุบัน แต่สำหรับที่นี่นั้นไม่ใช่ เพียงนางนำมาดัดแปลงและประยุกต์ให้เข้ากับอะไรหลายๆอย่างของที่นี่ก็สามารถใช้ได้
ในคืนนี้เสนาบดีจาง และจางฮูหยิน บิดามารดาของนางก็มาร่วมยินดีและให้กำลังใจต่อนางด้วย แต่ที่ทำให้นางประหลาดใจ เพราะไม่คิดว่าคนกลุ่มนี้จะกล้ามาร่วมแสดงความยินดีกับนางในครั้งนี้ด้วย สกุลเค่อ
หลังจากที่นางได้พบกับเค่อเหยียนเหว่ยและม่านฉิงเซียง ในวันนั้นที่ตลาดก็มิได้พบกับทั้งสองอีกเลย กล่าวตามจริงนั้น เรียกว่านางมิได้ให้ความสนใจ ใส่ใจที่จะรับรู้เรื่องราวของทั้งคู่เสียมากกว่า จวบจนกระทั่งวันนี้จึงได้มีโอกาสพบกันอีกครา
เค่อเหยียนเป่า และเค่อฮูหยิน นั้นก็ได้มาด้วยเช่นกัน ทั้งสี่คนตรงเข้ามายังจุดที่นางและครอบครัวยืนอยู่ ใบหน้าของประมุขและฮูหยินสกุลเค่อนั้นยิ้มแย้มมองนางอย่างเอ็นดู ส่วนเค่อเหยียนเหว่ยนั้นมีรอยยิ้มบางๆส่งมาให้กับนาง ผิดกับม่านฉิงเซียงนั้นใบหน้าเรียบเฉยติดจะบึ้งตึงไปสักนิด ประหนึ่งว่าถูกบังคับให้มาเสียอย่างนั้น...
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ที่แท้แล้วแม่นางผู้นั้นเป็นคนของจวิ้นอ๋อง(กระซิบ.....เป็นผู้หน้าหวานปลอมตัวมา)เป็นหน่วยข่าวจริีงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
คือรีดเดอร์ มโนได้ทุกตอน
กับเรื่องอ๋องและน้องหนี่ว์อาจเพราะมันยังไม่ได้ผ่านเหตุการณ์ทดลองใจอะไรมากเท่าไรนัก และเริ่มต้นมาไม่ดีต่างคนก็ต่างมีปม มันจึงอาจจะยังไม่ได้ลงความรักที่ลึกซึ้งตราตรึงเท่าไร ส่วนองค์ชายห้าถ้ามองในด้านรายละเอียดย่อยรอบตัวนั้นเหมาะกับนางเอกมากกว่า (อันนี้ไรต์เห็นด้วย)
แต่เพราะความรักก็ใช่จะมองเพราะความเหมาะสมเพียงอย่างเดียว มันยังมีความรู้สึกที่ไม่สามารถหักห้ามได้ด้วย รอดูเหตุกการณ์และค่อยๆลุ้นไปด้วยกันเนอะ
เรื่องแฟนเก่านั้นจะเป็นอย่างไร ตัวละครตัวนี้ก็ใกล้จะออกโรงแล้ว เดี๋ยวเราคงได้รู้กันเนอะ //ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์นะคร้าาา^^