ตอนที่ 27 : อำนาจที่ถูกริดรอน (รีไรต์)
" เอามาอีก ข้าจะกิน กิน กิน กินให้มันลืมความทุกข์ในใจของข้า ฮือ ฮือ ฮือ "
แว่วเสียงของสตรีร่างอวบในอาภรณ์มีราคาสวมเครื่องประดับมีค่ามากมาย ใบหน้าที่ประทินโฉมเสียจัดจ้าน บัดนี้เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาที่ไหลออกมาจากดวงตาเรียวรีนั้นอย่างไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุด พอๆกับที่มือของนางนั้นหยิบจับอาหารเข้าปากไม่หยุด
ทุกคนในจวนต่างก็รู้ดีถึงอุปนิสัยของคุณหนูต้วนลี่จู คราใดที่นางประสบพบเจอกับปัญหา หรือความทุกข์ใจอันใด วิธีที่นางเลือกใช้ระบายความรู้สึกก็คือการกิน ยิ่งทุกข์ก็ยิ่งกิน อาหารจานแล้วจานเล่าถูกนำมาวางจนเต็มโต๊ะอาหาร หากแต่นางก็ยังไม่พอใจ ยังเรียกหาสาวใช้ให้นำอาหารมาวางอีกอยู่เรื่อยๆ
" อะไรกันลี่จู เหตุใดจึงร้องไห้เช่นนี้ บอกพ่อมาสิว่าผู้ใดทำให้เจ้าทุกข์ใจ และเสียน้ำตา มันผู้นั้นคงมิอยากมีลมหายอยู่ต่อไปแล้วกระมัง "
ต้วนหลี่จงเอ่ยขึ้นอย่างตกใจที่เดินเข้ามา แล้วเห็นบุตรสาวอันเป็นที่รักนั้นน้ำตานองหน้าเช่นนี้ ผู้เป็นบิดาเช่นเขานั้นยอมมิได้ บุตรสาวคนเล็กนั้นเขาเฝ้าทะนุถนอมเลี้ยงดู ตามใจมาตลอด มิเคยขัดใจสิ่งใด หวังให้นางนั้นมีความสุข และได้รับสิ่งที่ดีที่สุดมากกว่าผู้ใดเสมอมา แล้วใครกันที่กล้าทำให้บุตรสาวของเขาน้ำตาตกเช่นนี้
" ฮือ ฮือ ฮึก ฮึก ฮืออออ "
ต้วนลี่จู ได้ฟังบิดากล่าวเช่นนั้นก็ยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิม บิดาของนางนั้นหรือจะช่วยนางได้ หากช่วยได้ป่านนี้นางคงได้แต่งเข้าเป็นจวิ้นหวางเฟยเสียนานแล้ว
ทั้งส่วนตัวก็รับรู้ได้ว่าบิดาของนางนั้นมิได้นิยมชมชอบในตัวจวิ้นอ๋องแม้สักนิด แล้วบิดาจะช่วยให้นางสมหวังกับพระองค์ได้อย่างไร คงมีแต่ฮองเฮาผู้เป็นท่านอาของนาง และองค์หญิงเหลียนฮวาเท่านั้น ที่คอยสนับสนุนในความรักของนางที่มีต่อบุรุษผู้เป็นรักแรกและรักเดียวมาตลอด
" เจ้าร้องไห้เช่นนี้พ่อปวดใจนักรู้หรือไม่ลี่จู เจ้าเป็นอะไร ขัดข้องทุกข์ใจสิ่งใด ไยจึงไม่บอกกล่าวให้พ่อได้รับรู้บ้าง "
" จวิ้นอ๋อง พระองค์ต้องพึงใจในตัวนางผู้นั้นเป็นแน่ ฮือ ฮือ "
ต้วนหลี่จง กัดฟันกรอด มือที่วางอยู่ข้างลำตัวนั้นกำเข้าหากันแน่นด้วยความแค้นเคือง เมื่อได้ฟังสิ่งที่บุตรสาวได้เอ่ยออกมาเมื่อครู่
จวิ้นอ๋องอีกแล้วหรือ กี่ครั้ง กี่ครากันแล้ว ที่บุตรสาวของเขานั้นต้องเสียน้ำตาให้บุรุษผู้นี้ นางเฝ้าละเมอเพ้อหา เฝ้าจงรักภักดีต่อคนผู้นี้มาตลอด
แต่แล้วอย่างไรล่ะ นางก็มิเคยอยู่ในสายตาของคนผู้นั้นเลย สักนิดก็ไม่มี ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเพราะเหตุใด บุตรสาวของเขาจึงมิยอมตัดใจเสียที ชายอื่นนั้นก็มากมี มิจำเป็นต้องง้องอนชายเพียงคนเดียวที่มิเคยเห็นค่าของนางเลย
ทั้งอุปนิสัยหรือก็แข็งกร้าว ถือว่าเป็นพระโอรสคนโปรดแล้วจะทำการใดก็ได้ ไม่สนใจผู้ใด เขาเกลียดบุรุษผู้นี้ยิ่งนัก เกลียดจนถึงขั้นเคยส่งคนไปลอบฆ่าด้วยซ้ำ
หากไม่มีจวิ้นอ๋องสักคนก็ให้แน่ใจนักว่าองค์ไท่จื่อ ผู้เป็นหลานชายของเขาจะก้าวขึ้นสู่บัลลังก์ได้อย่างราบรื่นเป็นแน่
แต่แล้วเช้าของวันหนึ่งเมื่อหลายเดือนก่อนที่หน้าจวนของเขา ได้มีโลงศพปรากฏอยู่ที่ประตูด้านหน้าจวน คาดว่าคงมีผู้นำมาตั้งไว้ในยามวิกาล เมื่อให้คนเปิดออกดูเขาจึงพบว่ามีศพอยู่ด้านใน
แม้คนอื่นนั้นจะไม่รู้ว่าศพนั่นเป็นใคร ด้วยเพราะคนที่เขาว่าจ้างนั้นมิใช่คนที่อาศัยอยู่ในจวนสกุลต้วน และรู้แก่ใจดีว่าเหตุใดศพของชายผู้นี้จึงมีคนนำมาใส่โลงมาตั้งอยู่หน้าจวนของเขา
โกรธแสนโกรธ ทั้งยังนึกกลัวในสิ่งที่ตนได้กระทำขึ้นมา หากแต่ก็ต้องข่มใจเอาไว้อย่างยิ่งยวด คนในจวนนั้นก็แตกตื่นกันเป็นอย่างมาก เขารีบส่งคนไปจัดการครอบครัวของผู้ตายนี้อย่างลับๆ เพื่อกันไม่ให้ใครสืบสาวราวเรื่องมาจนถึงตัวเขาได้ ถึงแม้ว่าทางครอบครัวของผู้ตาย จะไม่รู้ไม่เห็นว่าผู้ตายทำงานให้ใครก็ตามที อย่างไรก็เป็นการตัดไฟแต่ต้นลม
จวิ้นอ๋องนั้นต้องรู้แน่ว่าเขาเป็นผู้บงการ มิเช่นนั้นคงไม่จงใจนำศพใส่โลงมาตั้งเช่นนี้หรอก หากแต่ก็เพียงเท่านั้นมิได้มีสิ่งใดเกิดขึ้นอย่างที่คิดกลัว จุดประสงค์ของจวิ้นอ๋องคงต้องการบอกกล่าวแก่เขาทางอ้อม ว่ารับรู้ในการกระทำของเขาแล้ว และเป็นการเตือนว่าอย่าได้คิดทำการใดอีก มิเช่นนั้นก็จะเป็นดั่งศพที่นอนอยู่ในโลงหน้าจวนของเขา
ด้วยเหตุนี้ต้วนหลี่จงจึงได้ไม่คิดทำการใดใดในตอนนี้ ด้วยเพราะว่าเพิ่งจะทำการอุกอาจไปเมื่อไม่นาน หากเอาผิดจริงโทษประหารทั้งตระกูลเจ็ดชั่วโคตรเลยเชียว
ใช่ว่าเขาจะไม่คิดทำสิ่งใดหรอกนะ หากแต่ต้องเว้นช่วงเอาไว้ก่อน อีกทั้งเรื่องนี้เขาทำมันโดยพลการ ฮองเฮาน้องสาวของเขา นางเคยสั่งเอาไว้ว่าห้ามสังหารผู้ใดโดยที่นางมิได้ออกคำสั่ง แต่เรื่องจวิ้นอ๋องนี้เขาเป็นผู้สั่งการเอง จึงต้องเงียบเอาไว้ก่อนด้วยมิอยากให้เรื่องนี้ล่วงรู้ถึงหูของนาง
ฮองเฮาอยากเก็บศัตรูไว้ใกล้ตัวแต่เขาเห็นควรว่าไม่ โดยเฉพาะศัตรูอย่างจวิ้นอ๋อง อีกอย่างเขาก็ไม่อยากจะได้บุรุษผู้นี้มาเป็นเขยเสียด้วย
สถานการณ์ในตอนนี้องค์ไท่จื่อนั้นเป็นรัชทายาทที่จะต้องสืบบัลลังก์โดยชอบธรรม หากแต่ก็มีขุนนางหลายคนนั้นชื่นชมจวิ้นอ๋องอยู่ไม่น้อย
เส้นทางครองบัลลังก์ขององค์ไท่จื่อ...จะสวยงาม
หากจวิ้นอ๋องจะไม่เป็นที่โปรดปรานของฝ่าบาท
หากจวิ้นอ๋องจะไม่เป็นโอรสของเฟิ่งหวงกุ้ยเฟย
หากจวิ้นอ๋องจะไม่มีผลงานความดีความชอบมากมาย
หากจวิ้นอ๋องจะไม่เป็นที่ชื่นชมของเหล่าราษฎร
หากจวิ้นอ๋องจะไม่เป็นที่ชื่นชมและที่เคารพของเหล่าทหารส่วนใหญ่
หากจวิ้นอ๋องจะไม่มีขุนนางที่อยากจะสนับสนุนให้ขึ้นครองราชย์ แม้ไม่เอ่ยออกมาเป็นคำพูดแต่ขุนนางพวกนั้นก็คอยเข้าข้างจวิ้นอ๋องอยู่เห็นๆ
และหากว่าไทเฮานั้นจะไม่รักและเอ็นดูเฟิ่งหวงกุ้ยเฟยมากกว่าฮองเฮามาแต่ไหนแต่ไร เหตุผลเพียงนี้มากพอที่เขาคิดจะกำจัดจวิ้นอ๋องหรือไม่เล่า
ภาพความทรงจำราวยี่สิบกว่าปีก่อนหวนกลับเข้ามาในมโนสำนึกของต้วนหลี่จง...
หลังจากที่เมิ่งชงอวี้ได้เสียชีวิตลง เขาก็ได้สูญเสียน้องสาวผู้น่ารักและสดใสร่าเริงไปด้วยเช่นกัน เป็นเวลาแรมเดือนที่นางกักขังตนเองอยู่ภายในจวนไม่ออกไปที่ใดเลย จมอยู่กับความโศกเศร้าเสียใจร่างกายผ่ายผอมลงไปไม่น้อย จนเขาผู้เป็นพี่ชายนั้นใจหาย นางแทบไม่ยอมกินยอมนอนเลยด้วยซ้ำ อาการเหม่อลอยไม่พูดไม่จากับผู้ใดมีให้คนในครอบครัวเห็นจนชินตา ทั้งบิดา มารดา และผู้เป็นพี่ชายอย่างเขานั้นออกจะเป็นห่วงและกลัดกลุ้มใจเป็นอย่างมาก
เวลาผ่านไปจนกระทั่งมีข่าวเรื่องสมรสพระราชทานระหว่างองค์ไท่จื่อและคุณหนูสกุลเฟิ่ง บุตรีของท่านราชครูเฟิ่ง ผู้เป็นอาจารย์ขององค์ไท่จื่อ งานฉลองพระราชพิธีสมรสนั้นถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่อยู่พอสมควร ด้วยว่าเฟิ่งจินเหลียนนั้นถูกแต่งเข้าเป็น ไท่จื่อเฟย พระชายาเอกขององค์รัชทายาทมู่หรงหย่งช่าง
เป็นความคิดของเขาเองที่นำความเรื่องนี้ไปบอกกล่าวแก่ผู้เป็นน้องสาว หวังให้เรื่องนี้เรียกคืนสติให้กับนาง ด้วยความชิงชังในใจของต้วนลี่ถิงที่มีต่อเฟิ่งจินเหลียนนั้นมีอยู่ไม่น้อย ทำให้เข้าใจได้ว่าเฟิ่งจินเหลียนก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เมิ่งชงอวี้ชีวิตตกต่ำ
แม้ว่าหากมองในมุมมองของคนภายนอกที่มิได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดอย่างเขานั้น จะเห็นว่าเมิ่งชงอวี้ต่างหากที่อ่อนแอรับไม่ได้กับสภาพที่เป็นอยู่ ในส่วนของเรื่องราวความรักแสนรันทดที่เกิดขึ้นจะกล่าวว่าผู้ใดผิดก็คงระบุมิได้แน่ชัดนัก
ในมุมของบุรุษด้วยกัน เขาก็มองว่าเมิ่งชงอวี้มิได้หลายใจ ไม่ได้ปันใจจากน้องสาวของเขาแต่อย่างใด หากแต่เมื่อความจำถูกลบเลือน ชายผู้นั้นจำไม่ได้แม้กระทั่งตนเอง จิตใจยามนั้นก็ล้วนว่างเปล่า เมื่อพบสาวงามที่คอยดูแลอยู่ข้างกายจะหลงรักก็มิแปลกอันใด และเมื่อผิดหวังจากสตรีนางนั้นจึงประชดชีวิตตนเองจนตกต่ำถึงขีดสุด
และเมื่อวันหนึ่งความทรงจำเก่าๆนั้นหวนกลับคืนหัวใจรักที่มีต่อน้องสาวของเขาก่อนหน้านั้นก็กลับมาด้วย ทว่าเมิ่งชงอวี้กลับรับสภาพร่างกายพิการไม่ได้ เลอะเลือนไปกับความเสียใจและท้อแท้กับร่างกายที่เคยแข็งแรง ซึ่งบัดนี้กลับทำไม่ได้แม้จะลุกจากเตียงนอน จึงคิดสั้นปลิดชีพตนเอง เพื่อตัดภาระและปัญหาทุกอย่าง
ต้วนหลี่จงคิดใช้ความชิงชังในจิตใจที่กำลังอ่อนแอของน้องสาว เป็นพลังในการที่จะทำให้นางกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติ เป็นดั่งแรงผลักดันให้นางอยากดำรงชีวิตต่อไป ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยสิ่งใดเขาก็พร้อมสนับสนุนขอเพียงให้นางหายจากอาการที่เป็นอยู่ เสมือนคนที่มีร่างกายอยู่ไปวันๆ ไร้จิตวิญญาณ ไร้ความรู้สึก เขาจะไม่ทนเห็นนางต้องตรอมตรม และบิดามารดาต้องเจ็บปวดใจ ทุกข์ใจอีกต่อไป
เขาเข้าไปพูดคุยและค่อยๆเกลี้ยกล่อมนาง กล่าวถึงความสุขและสมหวังของเฟิ่งจินเหลียนให้น้องสาวได้รู้สึกถึงความแตกต่าง เหตุใดผู้ที่ทำให้ชีวิตของนางต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้กลับได้ดี และเป็นต้วนลี่ถิงเสียเองต้องแบกรับความทุกข์จากการสูญเสียอยู่ฝ่ายเดียว นางควรลุกขึ้นมากระทำสิ่งใดเสียบ้างให้ฝ่ายนั้นประสบพบเจอกับความเสียใจ ทุกข์ใจ ดั่งเช่นที่น้องสาวของเขาเป็นอยู่ในขณะนี้
จิตใจที่กำลังอ่อนแอของน้องสาวช่างเปราะบาง ผ่านไปเพียงไม่นานต้วนลี่ถิงก็เอนเอียงและคล้อยตามในสิ่งที่เขาปลูกฝังความเคียดแค้นให้กับนาง เริ่มกลับมาดูแลเอาใจใส่ตนเองดั่งเดิม ทว่าครั้งนี้เขาได้สูญเสียน้องสาวผู้ใสซื่อและร่าเริงไปแล้ว ที่ได้กลับคืนมาคือน้องสาวผู้มีความแค้นสุมอยู่ในหัวใจ
เปลวไฟแห่งความชิงชังนั้นถูกจุดขึ้นแล้วด้วยฝีมือของเขาเอง และมันก็เป็นจุดเริ่มต้นการแก้แค้นของต้วนลี่ถิงโดยมีเขาและครอบครัวเป็นผู้สนับสนุน ทว่ารู้สึกตัวอีกคราอำนาจที่มีอยู่ในมือของคนตระกูลต้วนก็มากล้นจนมิสามารถจะปล่อยวางได้
เขาและผู้เป็นน้องสาววางแผนการแก้แค้นเฟิ่งจินเหลียน หรือ ไท่จื่อเฟย ในตอนนั้น...ในเมื่อความรักของต้วนลี่ถิงไม่สมหวังดั่งที่คิด ชีวิตรักของไท่จื่อเฟยก็ไม่สมควรพบกับความสุขสมหวังเช่นกัน
ต้วนลี่ถิงอาศัยความที่ต้วนฮูหยิน ผู้เป็นมารดานั้นเป็นพระญาติห่างๆของไทเฮา หรือเสด็จย่าขององค์ไท่จื่อในขณะนั้น นางทำทุกวิถีทางค่อยๆแทรกซึมเข้าใกล้องค์รัชทายาทและเฟิ่งจินเหลียน ผ่านทางไทเฮาจนกลายเป็นที่โปรดปราน
ซึ่งก็นับว่ามาถูกทางเพราะฮ่องเต้ในรัชกาลก่อนนั้นมิได้เด็ดขาดเท่าใดนัก ทั้งเชื่อฟังไทเฮาในหลายสิ่งหลายอย่าง บางครั้งข้อราชการบางเรื่องไทเฮานั้นก็เคยแทรกแทรงอยู่หลายครั้ง และยังเป็นผู้สั่งการผ่านฮ่องเต้ด้วยซ้ำไป
เมื่อถึงกาลที่ฮ่องเต้จะทรงสละบัลลังก์ให้องค์ไท่จื่อขึ้นครองราชย์ต่อจากพระองค์ ด้วยเพราะพระพลานามัยนั้นมิสู้แข็งแรง และเจ็บป่วยอยู่บ่อยครั้งในระยะหลัง ไทเฮานั้นได้ใช้ความเป็นพระราชมารดาของฮ่องเต้ และความเป็นเสด็จย่าขององค์ไท่จื่อ กดดันให้องค์ไท่จื่อเมื่อขึ้นครองราชย์แล้ว อภิเษกต้วนลี่ถิงขึ้นเป็นฮองเฮาแทนไท่จื่อเฟยในขณะนั้น และให้ไท่จื่อเฟยดำรงตำแหน่งกุ้ยเฟยแทน
มิเช่นนั้นหากไม่กระทำตามพระราชประสงค์ของไทเฮา จะทรงส่งเสริมพระอนุชาร่วมพระมารดาขององค์ไท่จื่อขึ้นครองราชย์แทน
พระราชอำนาจที่ไทเฮาทรงมี ณ ขณะนั้นอยู่เหนือฮ่องเต้มิน้อย สามารถทำได้ตามที่พระนางกล่าวแน่นอน ด้วยความรักขององค์ไท่จื่อที่มีต่อไท่จื่อเฟยเป็นที่รู้กันดีว่ามากมายนัก ก็คงจะมิยอมกระทำตามผู้เป็นเสด็จย่าเป็นแน่ ด้วยองค์ไท่จื่อมิได้อ่อนแอและโอนอ่อนต่อไทเฮา ดั่งที่ผู้เป็นพระบิดาได้กระทำเท่าไรนัก และปล่อยให้พระอนุชาขึ้นบัลลังก์มังกรแทน
ทว่าขุนนางอีกหลายฝ่ายที่มิได้อยู่ฝั่งไทเฮานั้นรวมตัวกันถวายฎีกาต่อฮ่องเต้ ให้ทรงพิจารณาเรื่องนี้อย่างถี่ถ้วน หากต้องมีการเปลี่ยนแปลงใดใดเรื่ององค์รัชทายาท
ด้วยเพราะพระอนุชา มิได้มีคุณสมบัติและคุณลักษณะอันดีที่จะดำรงตำแหน่งฮ่องเต้ได้เลย ไม่ได้เอาใจใส่ต่อราชกิจบ้านเมือง ทรงใส่พระทัยในเรื่องสุรานารีมาตลอด เกรงว่าหากขึ้นครองบัลลังก์แทนองค์รัชทายาทบ้านเมืองคงเดือดร้อนหนักเป็นแน่
ในที่สุดองค์ไทจื่อก็ยินยอมตามพระราชประสงค์ของไทเฮา แต่งตั้งต้วนลี่ถิงขึ้นเป็นฮองเฮาหลังจากที่พระองค์ทรงขึ้นครองราชย์แล้ว ด้วยเห็นแก่บ้านเมืองและราษฎรเป็นสำคัญ ซึ่งเฟิ่งจินเหลียนนั้นก็ยอมรับและเข้าใจในตัวพระสวามีเป็นอย่างดี
เพราะความรักล้วนทำให้คนเราอดทนได้ทุกสิ่งทุกอย่าง แม้กระทั่งยกตำแหน่งที่สมควรเป็นของพระนางให้กับสตรีอื่น อันรู้ดีแก่ใจว่ามีเบื้องหลังอันน่าเศร้าร่วมกันอย่างไร
ความรู้สึกผิดในใจในเรื่องที่พระนางไม่ได้ตั้งใจให้เกิดขึ้นเกี่ยวกับเมิ่งชงอวี้ ก็ทำให้พระนางพอจะนำมันมาบรรเทาความเสียใจได้บ้าง ถือเสียว่าได้ทำสิ่งใดชดเชยให้กับความสูญเสียของต้วนลี่ถิง หวังว่ามันจะคลายปมบางอย่างในใจของสตรีผู้นั้นได้บ้าง
แม้ว่าตัวพระนางจะต้องกลายเป็นรองสตรีผู้นั้นก็คงไม่เลวร้ายนัก เพราะรู้ดีว่าพระทัยของผู้เป็นพระสวามีนั้นอยู่ที่พระนางมาโดยตลอด
ต้วนลี่ถิงในขณะนั้นขึ้นดำรงตำแหน่งฮองเฮา เป็นที่โปรดปรานของ ไทฮองไทเฮา (ยศเดิมคือ ไทเฮา เมื่อองค์ไท่จื่อขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้ พระนางจะกลายเป็นเสด็จย่าของฮ่องเต้ทันที ) นางสาแก่ใจยิ่งนักที่เห็นความผิดหวังและความพ่ายแพ้ของสตรีแพศยาผู้นั้น
หากแต่ก็ไม่สามารถแสดงออกถึงความชิงชังผ่านทางการกระทำได้ พระนางปฏิบัติตัวให้กลายเป็นที่รักของทุกคนนั้นย่อมดีกว่า ไยจึงต้องแสดงความรู้สึกอีกด้านออกมา ด้วยมีไทฮองไทเฮานั้นคอยกระทำแทนนางอยู่แล้ว เรียกได้ว่าอำนาจในมือตระกูลต้วนขณะนั้นรุ่งเรืองถึงขีดสุด
ทว่าฮ่องเต้พระองค์ใหม่นั้น มิได้ควบคุมได้โดยง่าย พระองค์มิยอมอ่อนข้อให้ไทฮองไทเฮาเหมือนดั่งพระบิดา และที่เจ็บใจที่สุดก็คงเป็นตำแหน่งของเฟิ่งจินเหลียน จากที่เคยคิดจะให้นางดำรงตำแหน่งกุ้ยเฟย ฮ่องเต้กลับมอบตำแหน่งหวงกุ้ยเฟยให้นางแทน
หวงกุ้ยเฟย ตำแหน่งนี้เป็นรองเพียงฮองเฮา ในแผ่นดินหวงหรงนี้ หลายรัชกาลที่ผ่านมามิได้มีสตรีที่ดำรงตำแหน่งนี้มากนัก เป็นที่รู้กันภายในว่าส่วนใหญ่สตรีที่ดำรงตำแหน่งคือ สตรีอันเป็นที่รักของฮ่องเต้ แต่มิได้ดำรงอยู่ในตำแหน่งฮองเฮา
บางรัชกาลที่ผ่านมาหากสตรีอันเป็นที่รักมิได้ขึ้นดำรงตำแหน่งฮองเฮาด้วยเหตุผลหลายประการ ฮ่องเต้ก็จะทรงมอบตำแหน่งหวงกุ้ยเฟยให้แทน และฮ่องเต้บางรัชกาลก็ไม่มีฮองเฮา หากแต่มีสตรีผู้ดำรงหวงกุ้ยเฟยในขณะนั้นเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในวังหลังแทน
ต้วนฮองเฮานั้นเกิดความรู้สึกเจ็บช้ำใจและผิดหวังยิ่งนัก ทว่าก็แสดงออกไม่ได้มาก ได้แต่ปั้นหน้ายิ้มแย้มอ่อนหวานมอบไปให้นางแทน
แม้ตำแหน่งจะเป็นรอง แต่เฟิ่งหวงกุ้ยเฟยกลับได้รับความรักจากฮ่องเต้มากกว่าใคร ยิ่งถูกกลั่นแกล้งลดขั้นจากฮองเฮาเป็นหวงกุ้ยเฟย ก็ยิ่งได้รับความรักความปรารถนาดีจากผู้เป็นพระสวามี และพระมารดาของพระสวามี หรือก็คือ ไทเฮา (ยศเดิม คือ ฮองเฮาของฮ่องเต้องค์ก่อน เมื่อพระโอรสขึ้นเป็นฮ่องเต้ พระนางจึงเลื่อนขึ้นเป็นไทเฮาแทน )
อำนาจที่มีอยู่ในมือนั้นเริ่มสั่นคลอน จากการที่ไทฮองไทเฮาผู้ที่คอยหนุนหลังอำนาจของต้วนฮองเฮานั้นสิ้นพระชนม์ จึงทำให้พระนางหวั่นวิตกอยู่มิน้อย เมื่อสิ้นไทฮองไทเฮาขุนนางหลายคนที่เคยสนับสนุนก็เริ่มออกห่าง กลายเป็นว่าผู้ที่มีอำนาจอยู่เหนือพระนางไปอีกขั้นก็คือ ไทเฮา
ทว่าสวรรค์ก็ยังเมตตาพระนางอยู่บ้าง เมื่อพระนางได้ให้กำเนิดพระโอรสได้ทันกาล ในขณะที่ฐานะของพระนางกำลังสั่นคลอน พระโอรสองค์แรกที่กำเนิดจากฮองเฮาย่อมดำรงตำแหน่งองค์ไท่จื่อโดยปริยาย
แต่สวรรค์ก็กลั่นแกล้งพระนางเช่นกัน ส่งพระโอรสมาให้นางแล้ว ไยจึงส่งผู้เป็นเสี้ยนหนามลูกของนางมาเกิดที่ท้องของเฟิ่งจินเหลียนด้วยเล่า และนั่นจึงต้องทำให้ต้วนฮองเฮา และคนในสกุลต้วนต้องทำทุกวิถีทางเพื่อการคงไว้ซึ่งฐานอำนาจขององค์ไท่จื่อ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา...
ต้วนหลี่จง คิดถึงเรื่องราวแต่หนหลังแล้วหันกลับมาดูปัจจุบัน บุตรสาวของเขาเองในตอนนี้ก็มิต่างจากต้วนฮองเฮาในอดีตนัก ถูกพิษของความรักบาดลึกจนเป็นแผลเหวอะหวะ ซึ่งเขาจะไม่ยอมให้ต้วนลี่จูถลำลึกไปกับความฝันลมๆแล้งๆ ว่าในที่สุดจวิ้นอ๋องผู้นั้นจะหันมาสนใจนาง เพราะเขารู้ดีว่าไม่มีทาง และเขาก็ไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้นแน่
เถียนเถียนเองค่ะ
ไทเฮา = พระมารดาของฮ่องเต้
ไทฮองไทเฮา = พระอัยยิกา (ย่า) ของฮ่องเต้
ต้วนฮองเฮาต้องเข้าใจนะเจ้าคะ ว่าอำนาจมันไม่อยู่ค้ำฟ้า มันมาแล้วเดี๋ยวมันก็ไป 55555
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เรื่องตำแหน่งไทเฮา
ถ้าสนมที่ไม่ได้เป็นฮองเฮามาก่อน เวลาลูกได้เป็นฮองเต้ จะได้ขึ้นเป็น”ไทเฮา”
แต่ถ้าแม่เป็นฮ่องเฮามาก่อน ลูกขึ้นเป็นฮ่องเต้ แม่จะได้ขึ้นเป็น “ฮองไทเฮา”
จริงๆฮองเฮาน่าจะเล่นงานฮ่องเต้ ชั้นไม่สมหวังในรักเธอก็อย่าได้สมหวังเลย
ตามอ่านไม่ทัน...เศร้าเลย
อ่านเจอหลายบทแล้ว แต่คิดว่าคงมีคนทัก แต่ไม่เห็นแก้ไขสักที เลยมาแจ้งให้ทราบคะ