ตอนที่ 2 : จางซูหนี่ว์เอ๋ย นางช่างเป็นสตรีที่โง่งมนัก (รีไรต์)
จางฮูหยิน โอบกอดบุตรสาวคนเล็กเอาไว้ พลางเอ่ยปลอบโยนจิตใจที่สุดแสนจะบอบช้ำของบุตรสาว ทั้งที่น้ำตาของนางเองยังนองหน้าอยู่เช่นกัน
" ที่ท่านแม่ของเจ้ากล่าวนั้นถูกต้องแล้ว เจ้ายังมีครอบครัวที่รักเจ้าสุดหัวใจอยู่นะหนี่ว์เอ๋อร์ หากเจ้าฆ่าตัวตายก็เท่ากับว่าเจ้าฆ่าคนที่รักเจ้าให้ตายทั้งเป็นไปด้วย "
เสนาบดีจางเอ่ยกับบุตรสาว เพื่อเตือนสตินางด้วยอีกคน...ใจนั้นสุดจะสงสารบุตรสาวยิ่งนัก คงเป็นเพราะอารมณ์ชั่ววูบเป็นแน่ ที่ทำให้นางตัดสินใจทำสิ่งที่โง่งมที่สุดลงไป ด้วยการคิดฆ่าตัวตายหนีความอับอายจากการที่ถูกผู้เป็นคู่หมั้นยกเลิกการหมั้นหมายไปเมื่อสองเดือนก่อน
ด้วยเหตุผลที่ตัวนางเองก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะฝ่ายชายอ้างเหตุของอาการป่วยกระเสาะกระแสะของนางมาตั้งแต่เด็ก ท่าทางคงมิอาจให้กำเนิดบุตรธิดาที่แข็งแรงให้กับตระกูลเค่อ เพื่อสืบตระกูลต่อไปในอนาคตได้เป็นแน่ คุณชายใหญ่ตระกูลเค่อจึงขอถอนหมั้นบุตรสาวของตนในที่สุด
เนื่องจากคหบดีเค่อเหยียนเป่านั้นมี เค่อเหยียนเหว่ย เป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของตระกูล นอกเหนือจากนั้นก็เป็นบุตรีทั้งสิ้น ความหวังในการสืบทอดตระกูลจึงตกอยู่ที่คุณชายใหญ่ของตระกูลเพียงผู้เดียว หากแต่งกับสตรีที่ร่างกายอ่อนแอสามวันดีสี่วันไข้เช่นจางซูหนี่ว์แล้วไซร้ ไม่แน่ว่านางจะมีบุตรให้กับสามีได้หรือไม่
เช่นนั้นแล้วตระกูลเค่อ จึงจำต้องขอถอนหมั้นจากคุณหนูสาม จางซูหนี่ว์ เสียดีกว่าแต่งนางเข้าไปเป็นภรรยา อย่างน้อยก็เพื่อเปิดโอกาสให้นางได้เจอคุณชายตระกูลอื่นที่เหมาะสมกับนางมากกว่าเค่อเหยียนเหว่ย ที่จำเป็นต้องมีบุตรธิดาเพื่อสืบสกุลเป็นอย่างมาก
หากแต่ความจริงอีกประการเป็นอย่างไรนั้น ทั้งสองตระกูลต่างรู้ดีแก่ใจ...
เพราะถูกถอนหมั้นไม่ทันไรความเจ็บช้ำยังไม่ทันเลือนหายดี ก็ได้ข่าวว่าตระกูลเค่อนั้นได้ทำการสู่ขอม่านฉิงเซียง บุตรีที่กำเนิดจากอนุภรรยาของท่านหมอหลวงม่านฉิงซ่าง มาเป็นฮูหยินเอกให้กับคุณชายใหญ่ตระกูลเค่อ...
เจ็บยิ่งกว่าเจ็บ อับอายต่อคำนินทาที่แว่วเข้าหูมาว่า คุณหนูจางถูกคู่หมั้นยกเลิกการหมั้นหมาย และหันไปแต่งสตรีอื่นที่เป็นเพียงบุตรีของอนุมาเป็นฮูหยินเอกแทน เนื่องจากเกรงว่าร่างกายขี้โรคของนาง อาจจะให้กำเนิดบุตรสืบสกุลให้กับผู้เป็นว่าที่สามีไม่ได้
แต่ที่สร้างความชอกช้ำอย่างที่สุด ก็คือ จางซูหนี่ว์ และ ม่านฉิงเซียง นั้นเป็นสหายสนิทกันมาตั้งแต่เยาว์วัย ด้วยว่าเสนาบดีจางได้ขอให้ท่านหมอหลวงม่าน ซึ่งรู้จักกันมาช่วยรักษาอาการป่วยบุตรสาวของตนอยู่บ่อยครั้ง
มาวันหนึ่งท่านหมอหลวงได้นำบุตรีมาด้วย เพื่อเป็นเพื่อนเล่นกับคุณหนูตระกูลจางในวัย 10 ขวบ ด้วยร่างกายที่อ่อนแอจึงไม่ค่อยได้ออกไปเที่ยวเล่นกับเด็กคนอื่นมากนัก จึงมีเพียงม่านฉิงเซียงเท่านั้นที่พอจะสนิทสนมด้วยเป็นพิเศษ
ยิ่งเจริญวัยขึ้นทั้งสองก็ยิ่งสนิทสนมกัน หากแต่นิสัยใจคอนั้นต่างกันอยู่มาก จางซูหนี่ว์นั้นออกจะขี้อาย พูดน้อย บอบบางและอ่อนแอ หากแต่จิตใจดีต่อคนรอบข้างจึงเป็นที่รักของทุกคนยิ่งนัก
ส่วนม่านฉิงเซียงนั้น ช่างเจรจากว่ามาก แม้รูปโฉมจะงดงามน้อยกว่าจางซูหนี่ว์ แต่กลับดูมีชีวิตชีวาและมีน้ำมีนวล ได้ยลแล้วเจริญตากว่าคุณหนูสกุลจาง เพราะอีกคนนั้นร่างกายอ่อนแอ ป่วยง่าย จึงทำให้แม้จะงดงามแต่ก็ขาดชีวิตชีวาและเสน่ห์ชวนมองไปมากโข ผิวกายขาวนั้นออกซีด ผอมจนแทบจะปลิวไปตามแรงลม...
จางซูหนี่ว์ และ เค่อเหยียนเหว่ย นั้นหมั้นหมายกันเมื่อ 2 ปีก่อน หลังจากที่นางผ่านพ้นพิธีปักปิ่นไปไม่นาน ด้วยความเห็นชอบของผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายที่สนิทสนมกัน
นางนั้นหลงรักคุณชายสกุลเค่อตั้งแต่แรกเห็น ทั้งรูปโฉมและเพียบพร้อมไปทุกด้าน รอยยิ้มอ่อนโยน วาจานุ่มนวล ก็ทำให้สาวน้อยอย่างจางซูหนี่ว์ตกหลุมรักได้ไม่ยาก หากแต่เมื่อสองเดือนก่อน ฝ่ายชายได้ขอถอนหมั้นพร้อมเหตุผลที่ทำร้ายจิตใจนางเหลือเกิน ทว่าก็เป็นเหตุผลที่นางนั้นยอมจำนน เพราะนางเองก็ไม่แน่ใจเช่นกันว่าจะให้กำเนิดบุตรแก่เขาได้หรือไม่
นั่นอาจจะเป็นเหตุผลที่นางยอมรับได้ ถ้าหากว่าไม่นานมานี้เค่อเหยียนเหว่ยจะไม่ทำร้ายความรู้สึกของนางด้วยการแต่งเพื่อนสนิทอย่างม่านฉิงเซียง เข้าตระกูลเป็นฮูหยินเอกแทนที่นาง แม้คนโง่ที่สุดในเมืองนี้ก็คงเดาได้ไม่ยาก...ว่าทั้งสองคนนั้นคงลักลอบคบหากันลับหลังคุณหนูผู้อ่อนแอขี้โรคเป็นแน่....
ทั้งเจ็บทั้งอายจนไม่อาจจะสู้หน้าผู้ใดได้อีกต่อไป จนทำให้เลือกที่จะปลิดชีวิตตนเองด้วยการผูกคอตาย...
.
.
" เฮ้อ...จางซูหนี่ว์เอ๋ย ทำไมเธอถึงได้โง่งมขนาดนี้นะ "
ปาลิน หรือก็คือ จางซูหนี่ว์ ในเวลานี้เอ่ยรำพึงรำพันออกมาอย่างอดสูในความอาภัพรักของจางซูหนี่ว์คนก่อน
ไม่ผิดหรอก...ตอนนี้นางอยู่ในร่างของคุณหนูสามแห่งตระกูลจาง นามว่า จางซูหนี่ว์ บุตรีของจางฮุ่ยตง เสนาบดีเจ้ากรมการคลังและฮูหยินเอก มีพี่ชายร่วมมารดาเดียวกันอีกสองคน คนหนึ่งเป็นรองแม่ทัพ นามว่า จางฮุ่ยหราน ส่วนอีกคนสืบทอดกิจการค้าขายอันเป็นกิจการดั้งเดิมของตระกูลจาง นามว่า จางฮุ่ยเฟิง
หากถามว่านางมาอยู่ในร่างสาวน้อยนี่ได้อย่างไรน่ะหรือ ใครมันจะไปรู้ สิ่งสุดท้ายที่จดจำได้ คือ เดินช็อปปิ้งเก๋ๆ ชิลๆ อยู่ดีดี ก็ถูกรถบ้าที่ไหนไม่รู้เสียหลักพุ่งเข้ามาชนเต็มๆ จากนั้นสติก็ดับวูบ...
ทว่าเพียงไม่นานก็ถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกทรมานจนต้องดิ้นรนอย่างกระเสือกกระสน รู้สึกถึงลมหายใจที่ขาดหายเป็นห้วงๆ ภาพต่างๆปรากฏในห้วงความคิดของนาง หากแต่มันไม่ใช่ความทรงจำของตัวเองนี่สิ แล้วผู้คนที่นางเห็นเกือบทั้งหมดในห้วงความคิดเหล่านั้น ก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าเมื่อแรกที่นางลืมตาขึ้นมา หลังจากที่สติดับวูบไปจากเหตุการณ์รถชน
มันคงจะดีถ้านี่เป็นเพียงความฝัน...ฝันว่าอยู่ในสถานที่ประหลาด กับคนแปลกหน้าที่กำลังรุมล้อมนางอยู่มากมาย พลางร้องไห้น้ำหูน้ำตาไหลกันระงม พูดจาภาษาออกจะโบราณไปสักหน่อย แต่แปลกที่นางกลับเข้าใจได้อย่างประหลาด
ปาลินเหวอไปพักใหญ่ทีเดียว เพราะทุกคนที่นี่ต่างเรียกขานนางว่า ‘คุณหนู’ ยกเว้นชายหญิงคู่หนึ่ง และชายหนุ่มอีกสองคน ที่เรียกนางว่า ‘หนี่ว์เอ๋อร์’ ทุกคนมีสีหน้าเป็นห่วงนางอย่างมาก ทั้งยังกล่าวหาว่านางพยายามผูกคอตายหนีความอับอายอีกต่างหาก...
ใครกันที่คิดฆ่าตัวตาย??? โดนรถชนนี่เรียกว่าอุบัติเหตุ มันเป็นเหตุสุดวิสัย ปาลิน เอกดำรงกุล นางเอกซูเปอร์สตาร์ของเมืองไทยหรือจะคิดฆ่าตัวตาย ตลกล่ะ!! ชีวิตออกจะเพอร์เฟกต์ขนาดนี้ คิดได้อย่างไร ว่านางจะฆ่าตัวตายหนีความอับอายเพียงเพราะผู้ชายไม่รัก มีแต่ผู้ชายจะวิ่งเข้าหาไม่เว้นวันน่ะสิ
แต่เมื่อทุกคนเรียกขานนางอย่างนั้น จึงได้แต่เงียบและชักจะไม่แน่ใจเสียแล้ว ก้มมองตัวเองก็เห็นว่าอยู่ในชุดอะไรก็ไม่รู้คล้ายชุดจีนโบราณที่นางเคยใส่ตอนที่ถ่ายภาพยนต์ร่วมกับประเทศจีนเมื่อไม่นานมานี้ ซ้ำยังเห็นถึงสรีระของตัวเองที่มันช่าง...
เอ่อ จะกล่าวอย่างไรดีล่ะ มันช่างผอมแห้งไม่ต่างกับซากศพเดินได้ เปรียบเทียบอาจจะเกินไปนิดหน่อย แต่ผิวขาวจนเกือบซีดนี้ก็ให้ความรู้สึกแบบนั้นจริงๆ ฉะนั้นประโยคแรกที่นางเอ่ยออกไป คือ
...กระจกอยู่ไหน ขอกระจกให้ฉันที...
หลังจากที่ปาลินได้เห็นภาพสะท้อนตัวเองจากกระจกตรงหน้านั้น ก็พอจะเข้าใจถึงสาเหตุที่ทุกคนเรียกขานนางว่า ‘จางซูหนี่ว์’ แล้วล่ะ
เข้ามาอยู่ในร่างนี้ได้อย่างไรนางเองก็เกียจคร้านที่จะคิดหาคำตอบเสียแล้ว เพราะผ่านมาเป็นสัปดาห์ นั่งคิดนอนคิดจนปวดหัวไปหมดก็คิดไม่ออกเสียที ความทรงจำที่มีในสถานที่แห่งนี้ก็มีอย่างขาดๆหายๆ จำได้บ้างไม่ได้บ้าง จนต้องอ้างไปว่าจากเหตุการณ์เป็นตายที่ผ่านมา ทำให้ความทรงจำของนางขาดหายไปบางช่วง ซึ่งก็ยังดีกว่ายืนยันไปว่านางไม่ใช่จางซูหนี่ว์ แต่คือ ปาลิน ทั้งๆที่วิญญาณของนางก็อยู่ในร่างนี้อย่างเห็นได้ชัด
ถ้าคนเหล่านี้เชื่อก็ดี แต่ถ้าหากไม่เชื่อล่ะ...ไม่กล่าวหาว่านางสติวิปลาสหรอกหรือ จำต้องรับสมอ้างเป็นจางซูหนี่ว์ จนถึงปัจจุบันนี้....
" เมื่อครู่คุณหนูกล่าวอย่างไรนะเจ้าคะ "
เพ่ยเพ่ย สาวใช้คนสนิทของจางซูหนี่ว์คนก่อน และก็เป็นผู้ดูแลนางในตอนนี้เอ่ยถามขึ้นอย่างสงสัย ด้วยฟังสิ่งที่ผู้เป็นนายกล่าวไม่ถนัดนัก
" ข้าเพียงแต่กล่าวว่าจางซูหนี่ว์คนเก่าที่ผ่านมา เหตุใดช่างโง่งมนัก "
คู่หมั้นกับเพื่อนสนิทแอบคบหากันลับหลังไม่เคยสังเกตเลยหรืออย่างไรกัน ทั้งที่เพ่ยเพ่ยเองนั้นเล่าว่าเคยมีคนเห็นทั้งสองนั้นอยู่ด้วยกันเพียงลำพังที่ตลาดหลายครั้ง หากแต่ทั้งคู่ก็แก้ต่างไปว่าบังเอิญพบกัน หรือในบางครั้งเค่อเหยียนเหว่ยก็รบกวนให้ม่านฉิงเซียงไปช่วยเลือกเครื่องประดับ เพื่อเป็นของขวัญให้จางซูหนี่ว์ในวันเกิดของนางที่ผ่านมา เพราะสนิทกับนางที่สุด จางซูหนี่ว์ก็เชื่อและไม่สงสัยสิ่งใดเลย....
โถ แม่ช่างจิตใจงามจริงๆ แต่ความเชื่อใจหากให้ใครไปมากจนขาดความเฉลียว แม้มีใครเตือนก็ไม่ฟังความ จากคนดีก็กลายเป็นคนโง่จนโดนสวมเขาเอาได้นะ...
" คุณหนูของเพ่ยเพ่ย จิตใจดี รักและไว้ใจคุณหนูฉิงเซียงมากต่างหากเล่าเจ้าคะ มากจนไม่คิดระแวงสิ่งใด ใครจะคิดว่าคนที่คอยเป็นห่วงเป็นไย คอยปลอบโยนให้คำปรึกษา เป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของคุณหนูเสมอมา จะทำกับคุณหนูได้ลงคอ "
เพ่ยเพ่ยเข้าไปกุมมือของผู้เป็นนายอย่างให้กำลังใจ ที่ผ่านมาคุณหนูชอกช้ำปานใด นางรู้นางเห็นมาตลอดก็ได้แต่ปลอบโยน หากก็ไม่คิดว่าคุณหนูจะคิดสั้นถึงเพียงนี้ ถ้าคุณชายใหญ่ไม่เข้าไปเห็นคุณหนูของนางในตอนนั้น และช่วยเหลือได้ทันท่วงที จวนสกุลจางในตอนนี้อาจกำลังอยู่ในช่วงไว้ทุกข์ก็เป็นได้
" แต่ตอนนี้ข้าคือจางซูหนี่ว์คนใหม่แล้วนะเพ่ยเพ่ย "
ปาลิน เอ่ยขึ้นมาอย่างตัดสินใจได้ว่า อนาคตเป็นอย่างไรนางเองก็ไม่อาจรู้ได้ แต่ในปัจจุบันนางอยู่ในร่างนี้ ก็ต้องปรับตัวและใช้ชีวิตในแต่ละวันให้ได้อย่างมีสุขที่สุด
ใครจะไปรู้อาจมีสักวันที่วิณญาณของนางอาจจะได้กลับไปอยู่ในร่างเดิม ร่างที่เป็นของนางจริงๆก็เป็นได้ อยู่กับปัจจุบัน ทำปัจจุบันให้ดี แล้วทุกสิ่งจะดีเอง นางเชื่อเช่นนั้น...
จากนี้ไปนางจะใช้ชีวิตในนามของจางซูหนี่ว์ แต่เป็นจางซูหนี่ว์คนใหม่ที่จะต้องไฉไลกว่าเดิม....เค่อเหยียนเหว่ย อะไรนั้นน่ะหรือ ใครสนกันล่ะ...
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ไหนๆได้ชีวิตใหม่ก็จัดหนักจัดเต็มปรับปรุงนางให้เลอเลิศสวยงามเก่งก้าวหน้าทำชื่อเสียงใหม่ให้สนั่นเมือง 555555