ตอนที่ 16 : หนึ่งพันตำลึงทอง (รีไรต์)
" เช่นนั้นหม่อมฉันต้องขอตัวไปดูอาการของเสด็จแม่ก่อน เพียงผ่านมาเห็นว่าเฟิ่งหวงกุ้ยเฟยประทับอยู่ที่อุทยาน จึงแวะมาเท่านั้น "
" เชิญองค์ชายห้าเถิด ฝากองค์ชายนำความจากเปิ่นกงบอกสวี่กุ้ยเฟยด้วยว่า ขอให้แข็งแรงในเร็ววัน "
" หยางเฉิงจะนำความบอกแก่เสด็จแม่ตามที่เฟิ่งหวงกุ้ยเฟยกล่าว ทูลลา "
มู่หรงหยางเฉิงถอยออกมา หากแต่เมื่อเตรียมหมุนกายออกไปจากตรงนั้น ก็หันไปเห็นสตรีนางหนึ่งยืนอยู่ เขาหยุดชะงักไปเล็กน้อย...เมื่อคราวที่เดินเข้ามานั้น ด้วยนางนั้นก้มหน้าอยู่เขาจึงมิทันได้มอง ทว่าตอนนี้ใบหน้างามนั้นเงยขึ้นมาสบตากับเขาพอดี
จะว่าเป็นนางกำนัลก็คงไม่ใช่ เพราะเมื่อพิจารณาจากเครื่องประดับและการแต่งกายแล้วดูสูงศักดิ์เกินกว่าจะเป็นนางกำนัลทั่วไป คงเป็นบุตรีของขุนนางคนใดคนหนึ่งเป็นแน่
ใจหนอ ไยจึงได้สั่นไหวถึงเพียงนี้ เขาอดที่จะส่งยิ้มไปให้นางมิได้ หากแต่นางก็คลี่ยิ้มตอบกลับมาทั้งนัยน์ตาคู่งามนั้นก็มองเขานิ่ง มิได้มีทีท่าเอียงอายดั่งสตรีอื่นแต่อย่างใด
เพียงครู่นางจึงหลุบตาลง และยอบกายลงคารวะเป็นการส่งเสด็จ นั่นจึงทำให้เขาต้องละความสนใจจากวงหน้างามของสตรีตรงหน้า และเดินจากมาเพื่อไม่ให้ดูเป็นการเสียมารยาทจนเกินไป
นางเป็นใครกัน...คำถามนี้ผุดขึ้นกลางใจของมู่หรงหยางเฉิง
ภายในห้องทรงงานส่วนพระองค์ของฮ่องเต้หย่งไท่
" เรื่องที่เจ้าถูกลอบทำร้ายที่เมืองฉาง เจ้าไม่ได้บอกให้มารดาของเจ้ารู้ใช่หรือไม่ หย่งหมิง "
ฮ่องเต้หย่งไท่ตรัสถามพระโอรสองค์รองของพระองค์
" พ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อ "
" ดีแล้ว...เดี๋ยวนางจะเป็นห่วงและทุกข์ใจไปเปล่าๆ "
" ลูกก็คิดเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ "
" แล้วนี่เจ้าสืบได้ความว่าอย่างไรบ้าง "
" พวกมันเป็นมือสังหารที่ถูกฝึกมาเป็นอย่างดี เมื่อภารกิจล้มเหลวมิอาจสังหารลูกได้ พวกที่ถูกจับได้ยังมิทันเค้นความจริง ก็ชิงปลิดชีพตนเองเสียก่อน ยากแก่การสืบความยิ่งนักพ่ะย่ะค่ะ "
มู่หรงหย่งหมิง สีหน้าขรึมขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อคิดถึงเรื่องที่เขาถูกลอบสังหารหลายครั้ง ภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
หลายคราที่เกือบเอาชีวิตไม่รอดก็มี จะด้วยศักดิ์ฐานะและหน้าที่ในกองทัพทหารของเขาตอนนี้นั้น หากมีคนปองร้ายนั้นก็ไม่แปลกเท่าใด คงไปขวางทางการไขว่คว้าอำนาจของผู้ใดเป็นแน่
" อย่าให้ข้ารู้ว่าใครมันเป็นคนบงการมือสังหารให้มาทำร้ายเจ้า ข้าจะสั่งตัดหัวมันเสีย "
ฮ่องเต้หย่งไท่ตรัสขึ้นมาอย่างโมโห
" แล้วถ้าผู้บงการนั้นเป็นคนที่ทรงคุ้นเคยดี เสด็จพ่อจะยังทรงตัดสินโทษประหารแก่คนผู้นั้นหรือไม่ พ่ะย่ะค่ะ "
มู่หรงหย่งหมิงเอ่ยถามผู้เป็นพระบิดา
" เจ้ากล่าวเช่นนี้ หมายความว่าอย่างไร "
" ลูกมิทราบหรอกพ่ะย่ะค่ะ เพียงกล่าวเอาไว้เท่านั้น หากแต่ถ้าเป็นคนที่ทรงรู้จักและคุ้นเคยดี เป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ปองร้ายลูกทั้งหมด ลูกเพียงอยากทราบว่าเสด็จพ่อจะยังทรงลงโทษคนผู้นั้นอยู่หรือไม่ "
" แน่นอนผิดก็คือผิด ถูกก็คือถูก ใครคิดร้ายกับผู้อื่นก็ต้องรับโทษเช่นนั้น "
ฮ่องเต้หย่งไท่ ทอดสายพระเนตรมองมู่หรงหย่งหมิงนิ่งไปสักพัก ทั้งสองต่างสบตากันความจริงในใจนั้นต่างก็มีผู้ต้องสงสัยอยู่ หากแต่ไม่มีใครเอ่ยมันออกมา ด้วยก็ยังไม่มีหลักฐานใดที่จะเอาผิดได้ จึงจำต้องปล่อยเอาไว้และคอยจับตาดูอยู่ห่างๆ ผลีผลามทำสิ่งใดไปจะมีผลกระทบในทางเสียมากกว่าด้านดี
" ฝ่าบาท...องค์ไท่จื่อขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ "
เสียงขันทีที่ยืนประจำการอยู่หน้าห้องทรงงาน เอ่ยรายงานถึงการมาขององค์รัชทายาทมู่หรงหยางหมิ่น มู่หรงหย่งหมิงชะงักไปเพียงนิดเมื่อได้ยินว่าผู้ใดกำลังจะเข้ามา
นานเท่าไรแล้วนะ ที่ไม่ได้พบเจอกันกับพี่ชายคนนี้...เกือบปีได้แล้วกระมัง
" ให้เข้ามา..."
ฮ่องเต้หย่งไท่ทรงตรัสอนุญาต สักครู่จึงปรากฏบุรุษรูปร่างสูงโปร่งในอาภรณ์สีน้ำเงินเข้มดูสง่างาม ใบหน้าคมคายนั้นมีส่วนคล้ายพระบิดาอยู่หลายส่วน หากแต่ก็ยังน้อยกว่าผู้เป็นน้องชายอย่างมู่หรงหย่งหมิงอยู่ดี
" ถวายพระพรเสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ "
มู่หรงหยางหมิ่น น้อมกายลงประสานมือคารวะผู้เป็นพระบิดา
" วันนี้มาหาพ่อมีสิ่งใดหรือ "
" ลูกเห็นว่าช่วงนี้ทรงประชวรบ่อย พอดีได้สมุนไพรหายากบำรุงร่างกายมาจากท่านตา จึงได้นำมาถวายให้เสด็จพ่อเสวยเพื่อบำรุงพระวรกายพ่ะย่ะค่ะ "
" ขอบใจเจ้ามากหยางหมิ่น...พ่อนั้นก็มีอายุมากขึ้นในทุกวันจะล้มป่วยบ้าง ก็ไม่นับว่าเป็นเรื่องแปลกอันใด "
" ลูกอยากให้เสด็จพ่อทรงได้พักผ่อนบ้างนะพ่ะย่ะค่ะ พระพลานามัยจะได้สมบูรณ์แข็งแรง เรื่องราชกิจต่างๆนั้น หม่อมฉันและน้องๆก็สามารถแบ่งเบาเสด็จพ่อได้...จริงหรือไม่ หย่งหมิง "
มู่หรงหยางหมิ่น เอ่ยตอบพระบิดา หากแต่ประโยคสุดท้ายนั้น เขาหันไปกล่าวกับมู่หรงหย่งหมิง ที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากเขานัก นี่เป็นครั้งแรกที่ได้พบกันในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา....
" พ่ะย่ะค่ะ "
มู่หรงหย่งหมิงเอ่ยรับคำเพียงสั้นๆเท่านั้น ด้วยก็ไม่รู้จะกล่าวสิ่งใดต่อไปอีก เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องเมื่อสี่ปีก่อน ความสนิทสนมอันดีระหว่างพี่น้องของเขาและองค์ไท่จื่อ ก็เป็นอันต้องสะดุดลง
ความเสียใจทำให้เขาโกรธผู้เป็นพี่ชายมาก และนำตัวเองถอยห่างออกมาจากความเจ็บปวด อาสาไปปราบกบฏ ไปเยี่ยมเยือนราษฏร์ตามหัวเมืองต่างๆในแคว้นหวงหรง
ผ่านมาจนถึงบัดนี้...แม้จะเข้าใจและมองเห็นความจริงในด้านอื่นๆมากขึ้น ทว่าความห่างเหินนั้นก็ยังมีอยู่
" ไม่ได้พบกันเสียนานเจ้าสบายดีหรือไม่ "
" หม่อมฉันสบายดี...เอ่อ องค์ไท่จื่อทรงสบายดีใช่หรือไม่ "
" ข้าสบายดี...ได้ยินว่าเจ้าปราบกบฏที่ชายแดนได้แล้ว ดีใจที่เจ้าทำการปกป้องบ้านเมืองได้สำเร็จอีกครั้ง และดีใจที่เจ้ากลับมาอย่างปลอดภัย ต่อไปเจ้าคงกลับมาอยู่ที่เมืองหลวง และคงจะช่วยแบ่งเบาราชกิจต่างๆจากเสด็จพ่อได้อีกมากโข "
มู่หรงหยางหมิ่น อดที่จะดีใจลึกๆไม่ได้ เมื่อเห็นว่าผู้เป็นน้องชายนั้นดูเหมือนว่าจะลดความห่างเหินเย็นชาลงไปมาก จากแต่ก่อนแทบจะไม่มองหน้าเขาด้วยซ้ำไปหากไม่จำเป็น
ที่ผ่านมาใช่ว่าจะสบายใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น หากตอนนั้นเฉลียวใจสักนิดว่าพระมารดาทรงมีแผนการใดอยู่ในพระทัยแล้วล่ะก็ คงจะมิยอมทำตามพระประสงค์แต่งเจิ้งจิวอิงเป็นชายาเอกแน่
เพราะหากทราบว่ามู่หรงหย่งหมิงนั้นมีความรู้สึกใดกับเจิ้งจิวอิง เขาจะไม่ยอมแต่งนางเด็ดขาด
ทว่าเมื่อทราบความสัมพันธ์ของทั้งสองในภายหลัง ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งใดได้ ด้วยมีราชโองการพระราชทานสมรสระหว่างเขาและนางแล้ว
ซึ่งดูเหมือนว่านางเองก็สมัครใจตกลงในการแต่งงานครั้งนี้ด้วย ก็นับว่าแปลกที่นางตกลงแต่งงานกับเขาอย่างง่ายดาย ก็พิสูจน์ให้เขาเห็นประการหนึ่งว่านางมิได้รักผู้ใดมากกว่าตนเอง และผลประโยชน์ที่นางจะได้รับ
" ขอบพระทัย หม่อมฉันก็คิดว่าคงจะเป็นเช่นนั้น "
มู่หรงหย่งหมิง คิดว่าคงจะถึงเวลาแล้วที่เขาควรจะปล่อยวางเสียที และควรที่จะเดินหน้าต่อไป
ก็มิรู้ว่า..เหตุใดเมื่อคิดถึงกาลข้างหน้า อยู่ๆ ใจนั้นก็ไพล่ไปคิดถึงใบหน้าของสตรีนางหนึ่ง ใบหน้าเชิดๆของนางนั้น ทำให้เขาโมโห ขำ หมั่นไส้ และเคลิบเคลิ้มได้ในเวลาเดียวกัน ประหลาดจริง
ฮ่องเต้หย่งไท่มองเห็นถึงปฏิกิริยาของลูกชายทั้งสองที่บัดนี้ความห่างเหินนั้นค่อยๆสลายลง ผู้เป็นบิดานั้นย่อมดีใจมิน้อยทีเดียว
ช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว ขาวกับดำ เทพบุตรกับจอมมาร
จางซูหนี่ว์ที่ลอบมองใบหน้าของจวิ้นอ๋องไปพลางๆ ในขณะที่กำลังเดินทางกลับไปที่วังของเขา นางคิดเช่นนั้นจริงๆนะ....
หนึ่งคนใบหน้าหล่อเหลา ประดับรอยยิ้มอ่อนโยน แต่งกายด้วยอาภรณ์สีขาวดูสะอาดสะอ้านทว่าภูมิฐานแลดูสง่างาม และสูงศักดิ์ ทั้งยังมีจิตใจดี...
แน่ล่ะ คนเป็นหมอพื้นฐานนางคิดว่าจะต้องเป็นคนที่มีความสุขุมและอ่อนโยน มีน้ำใจต่อเพื่อนมนุษย์ผู้หนึ่งเป็นแน่
อีกหนึ่งคนนั้นหรือ....อย่าให้นางสาธยายเลย เพียงครั้งแรกที่เจอนางก็หลงคิดว่าเป็นโจรป่าเสียแล้ว หนวดเครามิรู้จักโกน แม้ว่าเมื่อเข้าวังแล้วการแต่งกายจะดูดีสมฐานะจวิ้นอ๋องก็เถิด หากแต่นางก็ยังขัดหูขัดตากับหนวดเคราบนใบหน้าดุนั้นอยู่ดีสิน่า....
เรื่องนิสัยใจคอหรือ เท่าที่นางประสบพบเจอมากับตัวก็บอกคำเดียวเลยว่าบุรุษผู้นี้เจ้าเล่ห์และอันตรายนัก แม้ว่าวันนี้นางจะได้เห็นบางมุมที่ (อาจจะ)อ่อนโยนของเขาบ้างเล็กน้อย แต่ก็ใช่ว่าจะลบล้างสิ่งที่เขาคิดจะหลอกใช้นางได้หรอก
ยิ่งนางเป็นคนประเภทที่ว่า...พลาดแล้วต้องจำเสียด้วย จะให้นางมองว่าเขานั้นมีดีสิ่งใดบ้างก็คงต้องใช้เวลาเสียหน่อย
" มองหน้าเปิ่นหวางเช่นนั้น มีสิ่งใดข้องใจหรือไม่ "
มู่หรงหย่งหมิงเอ่ยถามอย่างข้องใจ เมื่อสังเกตได้ว่าจางซูหนี่ว์นั้นลอบมองมาที่เขาอยู่บ่อยครั้ง
" เปล่าเพคะ "
นางรีบกล่าวปฏิเสธโดยไว พลางทำสีหน้าตีมึนไม่รู้ไม่ชี้อย่างเดียว ใครมันจะไปบอกกันล่ะ ว่ากำลังนินทาเขาอยู่ในใจ
ยามค่ำคืนภายในโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง...
" นายของข้าฝากมาบอกว่า...หากท่านสังหารบุคคลหนึ่งได้ ค่าตอบแทนจำนวน หนึ่งพันตำลึงทอง จะเป็นของท่านทันที "
สตรีชุดม่วงนางหนึ่งสวมหมวกที่มีผ้าบางๆคลุมเอาไว้ ทำให้คนภายนอกมองเข้าไปเห็นใบหน้านั้นไม่ค่อยชัดสักเท่าใดนัก กำลังเจรจากับบุรุษชุดดำ ในบริเวณที่จัดเป็นสัดส่วน ดูเป็นส่วนตัวชั้นสองของโรงเตี๊ยม
" อะไรนะ หนึ่งพันตำลึงทองเลยเชียวหรือ ค่าตอบแทนสูงเพียงนี้แสดงว่าคนที่นายของเจ้า จะว่าจ้างให้มือสังหารเช่นพวกข้าไปสังหารนั้นต้องเป็นคนที่มีความสำคัญไม่น้อยใช่หรือไม่ "
มือสังหารผู้นั้น หยุดกล่าวสิ่งใด เมื่อมือเรียวของสตรีผู้นั้นยื่นจดหมายฉบับหนึ่งให้เขา และเมื่อเปิดอ่านมันจึงได้รู้ว่าข้างในนั้นคือชื่อๆหนึ่ง หรือก็คือบุคคลที่เขาจะต้องหาวิธีสังหารบุคคลผู้นี้ให้จงได้ เพื่อแลกกับค่าตอบแทนที่สูงลิ่วเพียงนั้น
อ่านชื่อในจดหมายแล้วก็คงไม่แปลกใจหรอก ว่าเหตุใดค่าตอบแทนจึงสูงนัก ก็เพราะบุคคลนั้นมียศศักดิ์เป็นถึงจวิ้นอ๋องเชียว...มู่หรงหย่งหมิง
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

น้องคะ หากพี่เค้าโกนหนวด หน้าจะหวานมากนะคะ
เปรียบให้เห็นภาพแบบไทยๆ ก็คือ หวงกุ้ยเฟย = พระอัครราชเทวี เป็นรองเพียงฮองเฮาเท่านั้น จะเรียกได้ว่าเป็นมเหสีรองก็ได้ ตำแหน่งนี้มีได้เพียงคนเดียว
กุ้ยเฟย = พระสนมเอก ซึ่งตำแหน่งเฟยจะมี 4 คน คือ กุ้ยเฟย ซูเฟย เต๋อเฟย เสียนเฟย ประมาณนี้ค่ะ...
รินไหล