ตอนที่ 12 : หลอกใช้ (รีไรต์)
ณ เรือนรับรอง
หญิงสาวเดินเข้าไปภายในเรือนรับรองที่นางใช้พำนักอยู่ในระหว่าง 7 วัน ที่ต้องคอยดูแลจวิ้นอ๋อง ใบหน้างดงามนั้นนิ่งขรึม แต่ทว่าการก้าวเดินกลับรวดเร็วประหนึ่งรีบร้อนของผู้เป็นนายสาว ทำให้เพ่ยเพ่ยสาวใช้คนสนิทและเสี่ยวไป๋ที่คอยติดตามรับใช้นั้น รีบสาวเท้าก้าวตามให้ทันผู้เป็นนายทันที ต่างก็หันมองหน้ากันด้วยความงุนงง
" พวกเจ้าสองคนไม่ต้องตามข้าเข้าไปด้านในหรอก ข้าอยากอยู่คนเดียวเงียบๆสักพัก พวกเจ้ามีสิ่งใดจะต้องทำก็ไปทำเถิด "
" เจ้าค่ะ "
จางซูหนี่ว์ หยุดอยู่เพียงหน้าประตูห้อง ก่อนหันกลับมาเอ่ยกับสาวใช้ และก้าวเข้าไปในห้องนั้นพลางปิดประตูลง
" เพ่ยเพ่ย คุณหนูของเจ้านางเป็นอะไรไป เหตุใดจึงมีใบหน้านิ่งขรึมเพียงนั้น ตั้งแต่ออกมาจากตำหนักกลาง ข้าก็ไม่เห็นว่าคุณหนูของเจ้าจะกล่าวกับผู้ใดเลย "
เสี่ยวไป๋ เอ่ยถาม เพ่ยเพ่ยที่ยืนงงอยู่ข้างๆ
" ข้าก็อยู่ด้วยกันกับเจ้า ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรเล่า "
เพ่ยเพ่ย เอ่ยตอบ เสี่ยวไป๋ นางเองก็ไม่อาจรู้ได้เช่นกัน ว่าในตอนนี้คุณหนูของนางนั้นคิดอะไรอยู่ หากแต่อารมณ์ก็คงขุ่นมัวอยู่มากพอดู
....ภายในห้อง....
" หึ อิตาอ๋องเจ้าเล่ห์ คนเห็นแก่ตัว มากเล่ห์เพทุบายนักนะ ทำไม..ว่าแล้วยังมามองหน้าอีก ข้าว่าท่านนั่นแหละ มีอย่างที่ไหนอยู่ๆก็มาลากข้าเข้าไปพัวพันเรื่องวุ่นวายของท่านเช่นนี้ ข้าอยู่ของข้าดีดีแท้ๆ.. แล้วยังกล้ามาบอกว่าสนใจข้าอีก สนใจแค่เพียงเปลือกนอกน่ะสิ หากข้าไม่สวย ชาติตระกูลไม่ดีท่านจะสนข้าหรือ เหอะ..ผู้ชาย
แล้วดูสิ...คนสนใจกันเขาทำกันเช่นนี้หรือ โยนขี้ให้ข้าชัดๆเลย จิตใจของท่านมันก็คงกระด้างพอๆ กับใบหน้าโหดๆ ของท่านนั่นล่ะ ตาอ๋องหน้าหนวด ฮึ่ย..ยิ่งพูดยิ่งคิดยิ่งโมโห ตายสะเถอะ นี่แน่ะ นี่แน่ะ "
หากผู้ใดได้เข้ามาเห็นนางในตอนนี้ อาจจะคิดไปได้ว่านางสติวิปลาสก็เป็นได้ ด้วยสามารถพูดคุยกับหมอนที่ใช้หนุนนอนได้เป็นตุเป็นตะ ดั่งว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตที่สามารถพูดคุยโต้ตอบกับนางได้
แต่จะให้นางทำอย่างไรล่ะ ถ้าไม่ได้ระบายอารมณ์โกรธออกไปบ้าง นางคงได้อกแตกตายด้วยความโมโหเป็นแน่แท้ ใจนั้นอยากกรีดร้องออกมาดังๆด้วยความหงุดหงิดเสียด้วยซ้ำ หากแต่ไม่สามารถทำได้...
จึงได้แต่ตบตีชกต่อยอยู่กับหมอนเช่นตอนนี้อย่างไรเล่า ใจก็ไพล่นึกไปว่ามันคือใบหน้าของจวิ้นอ๋องเจ้าเล่ห์ผู้นั้น ผ่านไปสักพักเริ่มเหนื่อยหอบจึงได้หยุด และเมื่อได้ระบายอารมณ์ออกไปบ้างก็รู้สึกดีขึ้นไม่น้อยทีเดียว
" หึ...จวิ้นหวางเฟยอย่างนั้นหรือ ใครอยากเป็นก็เป็นไป แต่ไม่ใช่จางซูหนี่ว์ผู้นี้แน่ เชิญท่านเอาตำแหน่งนี้ไปให้ผู้อื่นเถอะ แต่ข้าว่าสตรีที่ได้คนอย่างท่านเป็นสามีนี่น่าสงสารมากกว่าจะน่ายินดีนะ เพราะท่านมันไม่เคยหวังดีกับใครด้วยใจจริง ข้าขอแช่งให้ท่านอกหักรักคุด รักผู้หญิงคนไหนก็ขอให้อกหักทุกครั้งไป รักเขาแต่เขาไม่รัก เจ็บปวดจนเตลิดเข้าป่าไปอีกรอบเลยได้ยิ่งดี ให้สมกับที่ท่านหลอกใช้ข้าด้วยเถอะ เพี้ยงงง!!! "
จางซูหนี่ว์ ยกหมอนใบนั้นขึ้นมา พลางเอ่ยแช่งมันดั่งเป็นตัวแทนบุรุษสูงศักดิ์ผู้เป็นต้นเหตุของความขุ่นเคืองในใจนางอย่างเข่นเขี้ยว จากนั้นก็โยนมันไปไกลตัวอย่างหงุดหงิด
ฮัดเช่ย ๆๆ
มู่หรงหย่งหมิงจามออกมาอย่างกลั้นไม่ไหว หลังจากที่จางซูหนี่ว์ออกไปจากห้องนี้แล้ว เขาก็ไม่ได้มีสมาธิที่จะทำงานต่อไป ในหัวตอนนี้มีแต่เรื่องของนางอยู่เต็มไปหมด โดยเฉพาะคำขอของนาง....
" ซูหนี่ว์ เจ้านี่ช่างใจแข็งแท้...แต่ก็เพราะเจ้าดื้อดั่งม้าพยศเช่นนี้อย่างไรเล่า ข้าจึงได้สนใจเจ้า "
เขาได้ให้สัญญาไปตามที่นางขอก็จริง แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม มู่หรงหย่งหมิงมีความรู้สึกมั่นใจนัก ว่าเขากับจางซูหนี่ว์นั้นต้องได้เจอกันอยู่เรื่อยๆเป็นแน่
นางกล่าวว่า..หากไม่จำเป็น อย่าได้มาข้องเกี่ยว แล้วถ้ามีเหตุจำเป็น ก็ไม่ถือว่าเขาผิดคำพูดใช่หรือไม่
ตอนแรกก็เพียงแค่สนใจ แต่เพราะนิสัยหลายอย่างของนางนั้นถูกใจเขานัก เขาชอบที่จะมองดวงตาของนางเพราะมันราวกับสะท้อนความคิดของนางให้เขาได้เห็น
นางเป็นคนฉลาดที่ไม่แสดงตัวว่าฉลาด รู้จักควบคุมอารมณ์ในการแสดงออก และที่สำคัญนางใช้เวลาเพียงไม่นานก็อ่านแผนการของเขาออกอย่างทะลุปรุโปร่ง นางโกรธแต่นางไม่โวยวาย หากแต่นางก็มีความกล้ามากพอที่จะพูดกับเขาตรงๆ ด้วยท่าทางนิ่งสงบและใช้เหตุผล ซึ่งทั้งหมดนั้นก็มากพอที่จะทำให้เขานึกชอบสตรีนางนี้อยู่มากทีเดียว...
...ในมุมหนึ่งของเรือนรับรอง...
หญิงสาวนางหนึ่งได้ซ่อนอยู่ทางด้านหลังของเสาใหญ่ จุดประสงค์ก็เพื่อจะแอบดูความเคลื่อนใหวต่างๆของสตรีตระกูลจางและจวิ้นอ๋อง ตามคำสั่งขององค์หญิงเหลียนฮวา
ใช่...นางคือคนที่องค์หญิงเหลียนฮวาและคุณหนูต้วน ส่งเข้ามาดูความเป็นไปของจวิ้นอ๋อง แต่เดิมนั้นเพียงแค่คอยรายงานให้คุณหนูต้วนทราบว่าจวิ้นอ๋องทำอะไรบ้างเมื่ออยู่ที่ตำหนัก
เมื่อองค์หญิงเหลียนฮวาและคุณหนูต้วนมาที่นี่จึงได้พบจวิ้นอ๋องเกือบทุกครั้งไป หากแต่ครั้งนี้หน้าที่ของนางเพิ่มมาอีกหนึ่งอย่าง ด้วยได้รับคำสั่งให้นางจับตาดูคุณหนูจางผู้นี้ด้วยอีกหนึ่งคน
" ซิ่วซิ่น เจ้ามายืนทำลับๆล่อๆอะไรตรงนี้น่ะ "
เสี่ยวไป๋ กับ เพ่ยเพ่ย ที่เดินมาอีกทางหนึ่ง ซึ่งอยู่ทางด้านหลังของสาวใช้ผู้นี้ จึงได้เห็นว่านางกำลังยืนลับๆล่อๆอยู่ทางด้านหลังเสา
ซิ่วซิ่น สะดุ้งตกใจเล็กน้อย หากแต่ก็ยังทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ไม่ยอมรับว่ามายืนทำลับๆล่อๆอยู่จริงตามที่เสี่ยวไป๋กล่าว
" ข้าเพียงแต่มาเดินเล่นเท่านั้น เจ้าอย่ามาใส่ความข้า "
" ข้ายังไม่ได้ไปใส่ความอะไรเจ้าเลยนะ อย่าร้อนตัว "
เสี่ยวไป๋กล่าว
" ก็เจ้าว่าข้ามายืนลับๆล่อๆ แอบมองคุณหนูจาง "
" อ้อ...ที่แท้ก็มาแอบมองคุณหนูจางนี่เอง "
เสี่ยวไป๋ เอ่ยกับซิ่วซิ่น ทั้งที่ความจริงนางก็พอรู้อยู่แล้วล่ะ
" เปล่านะ ก็ที่นี่มีใครอยู่บ้างล่ะ นอกจากคุณหนูตระกูลจาง เจ้าว่าข้ามาทำลับๆล่อๆ ก็หมายความว่าข้ามาแอบมองคุณหนูจางน่ะสิ ทั้งที่ความจริงข้าแค่มาเดินเล่นเท่านั้น และตอนนี้ข้าก็เบื่อทิวทัศน์แถวนี้แล้ว งั้นข้าไปล่ะ "
ซิ่วซิ่น เมื่อรู้ตัวว่าเผลอหลุดพูดออกไป ก็รีบแถไปอย่างอื่นทันที พลางเอ่ยขอตัวและเดินออกไปจากบริเวณนั้นโดยเร็ว
" ใครน่ะ...เสี่ยวไป๋ "
เพ่ยเพ่ย เอ่ยถาม
" สาวใช้คนหนึ่งน่ะ ชื่อ ซิ่วซิ่น ...ก็คงมาสืบความคอยเอาไปรายงานองค์หญิงตามเคยน่ะแหละ...อย่าไปสนใจนางนักเลย น่ารำคาญออก "
เสี่ยวไป๋ เอ่ยบอก นางไม่ค่อยชอบสาวใช้ผู้นั้นเท่าไร เกียจคร้านก็ปานนั้น ขี้ประจบสอพลอก็ปานนี้
ณ ตำหนักฮองเฮา
สตรีสูงศักดิ์ท่วงท่างามสง่า สวมอาภรณ์เนื้อดีลวดลายหงส์ปักดิ้นทองดูหรูหรางดงาม พระเกษาปักปิ่นประดับลายหงส์ดูเข้ากันกับชุด แลเครื่องประดับอีกมากมายพราวระยับ บ่งบอกถึงฐานันดรศักดิ์
พระนางคือผู้เป็นใหญ่และมีอำนาจที่สุดในวังหลังแห่งนี้ ในวัยสี่สิบห้าปี แม้ภายนอกความงามจะโรยราไปบ้างตามกาลเวลา หากแต่ก็ยังมีเค้าความงามปรากฏอยู่มาก ให้ผู้พบเห็นประจักษ์ว่าเมื่อครั้งยังเยาว์ด้วยวัยสาวนั้น พระนางคงงดงามมิน้อย
" จริงๆนะเพคะ หม่อมฉันกับลี่จูไปเจอกับสตรีคนหนึ่งที่วังจวิ้นอ๋อง ดูท่าทางความสัมพันธ์คงมิธรรมดาเป็นแน่ "
มู่หรงเหลียนฮวา กับต้วนลี่จู เมื่อออกมาจากวังจวิ้นอ๋องแล้ว ก็รีบพากันมายังตำหนักของฮองเฮาทันที เหตุผลก็คือการได้เข้าเฝ้าผู้ที่นางรักและเคารพประดุจพระมารดาของนางอีกคน และกราบทูลสิ่งที่นางได้พบเจอในวันนี้ให้พระนางได้ทรงทราบ
" เจ้าว่าความสัมพันธ์ของจวิ้นอ๋องกับสตรีผูนั้น มิธรรมดาเช่นนั้นหรือ "
ต้วนฮองเฮา ที่กำลังประทับอยู่บนตั่งไม้สักแกะสลักลวดลายงดงามอ่อนช้อยอย่างสำราญพระทัยอยู่นั้น ค่อยๆวางถ้วยชาที่ทรงถืออยู่ด้วยกิริยานุ่มนวล หากแต่พระพักตร์กลับแสดงความประหลาดพระทัยอยู่มาก เมื่อทรงได้ฟังสิ่งที่มู่หรงเหลียนฮวาและผู้เป็นหลานสาวได้กล่าวให้ฟัง
" จวิ้นอ๋องทรงให้ความสนิทสนมกับนางยิ่งนักเพคะ "
ต้วนลี่จู เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เมื่อยามนึกถึงใบหน้าอ่อนโยนและน้ำเสียงนุ่มนวลที่จวิ้นอ๋องเอ่ยกับจางซูหนี่ว์ ความน้อยใจแล่นริ้วขึ้นมาในอกน้ำตานั้นหรือก็พานจะไหล
" นางเป็นใครกัน เปิ่นกงรู้จักหรือไม่ "
ต้วนฮองเฮากล่าวถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
"นางเป็นบุตรีเสนาบดีจาง เจ้ากรมการคลังเพคะ "
มู่หรงเหลียนฮวา เป็นผู้ตอบ
" เช็ดน้ำตาเสียเถิดลี่จู เจ้าคร่ำครวญไปก็หาได้มีประโยชน์อันใด...บางทีอาจจะไม่ได้เป็นเช่นที่เจ้าคิดวิตกก็เป็นได้ "
ต้วนฮองเฮาเอ่ยปลอบประโลมผู้เป็นหลานสาว ทรงมีพระโอรสเพียงองค์เดียว คือ องค์ไท่จื่อ ไม่ได้มีพระโอรสหรือพระธิดาใดอีกด้วยร่างกายมิใคร่จะแข็งแรงเท่าใดนัก
ส่วน ต้วนหลี่จง ผู้เป็นพี่ชายนั้นมีบุตรธิดาทั้งหมดสามคน เป็นชายสองคน และหญิงหนึ่งคน ต้วนลี่จูนั้นคือน้องคนเล็ก ซึ่งพระนางนั้นออกจะรักและเอ็นดูหลานสาวคนนี้อยู่มากทีเดียว จึงทรงเรียกผู้เป็นหลานสาวเข้าเฝ้าอยู่บ่อยครั้ง
พลางหันพระพักตร์ไปทางสตรีสูงศักดิ์อีกนางที่อ่อนวัยกว่ามาก หากแต่เมื่อมองหน้านางคราใดก็ให้นึกไปถึงผู้เป็นมารดาของนางไม่ได้ เด็กสาวผู้นี้ยิ่งเจริญวัยยิ่งมีรูปร่างและรูปโฉมคล้ายมารดาของนางอยู่หลายส่วน ทว่าอุปนิสัยนั้นต่างกันมากมายนัก
หากแต่เป็นเช่นนั้นก็ตรงตามจุดประสงค์ที่พระนางวางหมากเอาไว้แต่แรกมิใช่หรือ ผู้คนเห็นเป็นที่ประจักษ์ว่าพระนางเอ็นดูรักใคร่องค์หญิงเหลียนฮวา พระธิดาของฝ่าบาทกับเฟิ่งหวงกุ้ยเฟยเป็นที่สุด ดั่งบุตรีในอุทรของพระนางเอง ผู้คนสรรเสริญน้ำพระทัยกว้างขวาง เปี่ยมคุณธรรมและพระเมตตา
แต่ความเป็นจริงนั้นไซร้ จะมีผู้ใดล่วงรู้ความในใจของพระนางบ้าง ว่าแสนจะชิงชังเลือดเนื้อเชื้อไขของสตรีจอมมารยาผู้นั้นเป็นที่สุด หากแต่ก็ต้องนำเด็กสาวผู้นี้มาไว้ใกล้ตัว เพื่อร้อยไว้ใช้ประโยชน์ในกาลข้างหน้า คิดแล้วมิดีกว่าหรือ เสี้ยมลูกให้ผิดใจกับแม่บังเกิดเกล้าไปเรื่อยๆ...สาแก่ใจกว่ากันเยอะ
" ฮวาเอ๋อร์ เจ้าก็อย่าเพิ่งร้อนใจโวยวายไป มิดีหรอกหรือ เจ้าจะได้มีพี่สะใภ้เสียที "
" หม่อมฉันอยากได้ลี่จูเป็นพี่สะใภ้ เป็นจวิ้นหวางเฟยเพคะ นางสนิทสนมและรู้ใจหม่อมฉัน แต่กับนางผู้นั้นหม่อมฉันไม่ต้องการ "
" แล้วเจ้าได้ถามจวิ้นอ๋องหรือยังล่ะ ว่านางไปทำอะไรที่นั้น "
" ถามแล้วเพคะ แต่ท่านพี่ไม่ตอบ...บอกเพียงว่าท่านแม่ทราบแล้วเท่านั้น "
" แล้วไยเจ้าไม่ลองไปถามเฟิ่งหวงกุ้ยเฟยดูล่ะ เจ้าจะได้รู้ว่านางมาทำอะไรที่วังจวิ้นอ๋อง "
" ฮองเฮาก็ทรงทราบว่าเสด็จแม่ของหม่อมฉัน ชอบดุหม่อมฉันอยู่เรื่อย ทำอะไรก็ไม่เห็นจะถูกใจสักอย่าง หากไปถามก็คงถูกดุกลับมาอีกว่าเป็นเรื่องของท่านพี่ "
" เปิ่นกงว่าคงไม่เป็นเช่นนั้นกระมัง บิดามารดาย่อมรักลูก จะดุผู้เป็นลูกทำไมกัน "
ต้วนฮองเฮา ยิ้มอ่อนโยนละมุนละไมส่งไปให้เด็กสาวสูงศักดิ์ คนเอาแต่ใจและอารมณ์ร้อน ไม่สนใจผู้ใด อยากได้ต้องได้ เมื่อถูกว่ากล่าวสั่งสอนและตักเตือน ก็มักมองว่าถูกดุด่าว่ากล่าวอยู่เสมอนั่นแหละ...โง่ แล้วยังอวดฉลาด
" เหตุใดเสด็จแม่จึงไม่ใจดีเช่นฮองเฮาบ้างนะเพคะ ทรงพระทัยดีและตามใจฮวาเอ๋อร์ยิ่งกว่ามารดาแท้ๆเสียอีก "
" เจ้าก็กล่าวเกินไป "
" หม่อมฉันทูลความจริงเพคะ "
มู่หรงเหลียนฮวาพูดเรื่องจริง ตั้งแต่ยังเยาว์วัยนางได้มาที่ตำหนักฮองเฮาบ่อยๆ ทรงรักและตามใจนางอยู่มาก มากกว่ามารดาของนางเสียอีก
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

อีลูกโง่...ทุกวันนี้เหมือนหมาเดินตามฮองเฮา เออเป็นอง์หญิงอิหยังวะ ไม่รู้เรื่องเล่ห์เหลี่ยนในวังหลังเ-้ยอะไรเลย ป๊าดดดด ง่าวขนาด...แบบนี้กว่าจะรู้ตัวก็ตอนโดนโยนเป็นบรรนาการเชื่อมสัมพันธ์เมืองอื่น แล้วง่าวขนาดนี้ไม่ต้องคืดเลยว่า มีเวลากี่วันกี่เดือนจะโดนโยนเข้าตำผนักเย็น หรือโดนวางยาตายอนาถไม่รู้ตัว
ไม่น่าเป็นองค์หญิง ความโง่งม
ร้ายกาจ
#แต่อาจมีช่วงที่ตัวละครคิดมันยาวไปแถมยังอธิบายซ้ำซ้อนจนทำให้บทพูดแต่ละช่วงห่างกันมาก บางทีต้องกวาดสายตาอ่านเร็วๆหรือข้ามไปเลยตรงนี้ก็ค่อนข้างจะเสียอรรถรสการอ่านนิดหน่อย
#่บทแต่ละช่วงการคิดยาวได้แต่ต้องไม่ใช้ประเด็นคิดอย่างเดียวแต่อธิบายยืดยาว
#รีดไม่ได้มีความรู้เรื่องการเขียนนิยายมากนักแค่เป็นนักอ่านคนนึงที่รักนิยายของไรท์เลยอยากให้มันออกมาดี
#เป็นกำลังใจให้คะไรท์สู้ๆๆ จุ๊บๆๆ
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์ ไรท์ก็เป็นเหมือนรี้ดเลย ไม่ชอบมากเมีย แต่ไหงอ่านแนวจีนมากเมียอยู่เรื่อยเลย 5555
ปล.เป็นการตอบนักอ่านที่ยาวมากของไรท์ เลย^^