คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #20 : บาบารุ เคอิเค – พิษฟองสบู่ญี่ปุ่น
cr. https://aommoney.com/stories/mrpunngern/
ญี่ปุ่นแพ้ในWW2 หลังจากนั้นทั้งภาครัฐและเอกชนก็ช่วยกันฟื้นฟูให้ประเทศที่กลายมาเป็นเสือเศรษฐกิจแห่งเอเชียได้โดยใช้เวลาไม่นาน
ด้วยนโยบาย “ความมั่งคั่งทางทรัพยากร” ของประเทศ
ไม่ใช่ “กำลังทหารที่เข้มแข็ง” อีกต่อไป แลละด้วยความช่วยเหลือจากสหรัฐฯและประเทศต่างๆ
ญี่ปุ่นกลายเป็นประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจที่มี
GDP เป็นอันดับ 2 รองจากสหรัฐอเมริกา
ช่วงแรกที่ญี่ปุ่นกำลังฟื้นฟูประเทศ
อุตสาหกรรมของญี่ปุ่นจะอยู่ภายใต้การนำของกลุ่มเครือข่ายธุรกิจครอบครัวขนาดใหญ่ที่เรียกว่า
“Keiretsu” อันได้แก่
Sumitomo, Mitsui, Yasuda
และ Mitsubishi(มีอาณาจักรธุรกิจยิ่งใหญ่ทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้า
รถยนต์ อุตสาหกรรมหนัก และธนาคาร)
อุตสาหกรรมการผลิตของญี่ปุ่นเติบโตอย่างรวดเร็วด้วยการเน้น
“นวัตกรรม” ที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงการใส่ไอเดียใหม่ๆเข้าไปในสินค้าและกระบวนการผลิต
ทำให้ขายสินค้าที่มีคุณภาพได้ในราคาสูง ซึ่งเป็นยุคทองของสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์
เช่น Sony, Hitachi, Nissan, Sega และ Nintendo
1985
โดยญี่ปุ่นเป็นประเทศเดียวที่ได้กำไรทางการค้าสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีหลายประเทศรู้สึกว่าญี่ปุ่นนั้นเอาเปรียบคู่ค้าเกินไป
จนเกิดข้อตกลงทางการค้าที่เรียกว่า Plaza Accord ทำให้เงินเยนของญี่ปุ่นแข็งค่าขึ้น
ทั้งข้อตกลงพลาซ่าและเศรษฐกิจภายในประเทศที่ดีขึ้น ทำให้ค่าเงินเยนแข็งขึ้นกว่าเดิม
แหล่งเงินกู้ภายนอกประเทศจึงมีต้นทุนต่ำลงสำหรับบริษัทเอกชนสัญชาติญี่ปุ่น
ธนาคารพาณิชย์เริ่มเพิ่มระดับความเสี่ยงที่เกินตัวให้กับตัวเองด้วยการยืมเงินจำนวนมหาศาลจากแหล่งเงินทุนนอกประเทศ
ประมาณ 186 ล้านล้านเยน
ทำให้ฟองสบู่เกิดขึ้นอย่างช้าๆ โดยมีสาเหตุมาจาก...
1 ความเชื่อมั่นในตัวเองของรัฐบาลทำให้เกิดนโยบายการคลังแบบขยายตัว
พูดง่ายๆคือรัฐบาลใช้จ่ายอย่างเกินตัว ทำให้เงินทุนล้นตลาด คนญี่ปุ่นต่างนำเงินไปเก็งกำไรในตลาดหุ้น
และอสังหาริมทรัพย์
2 ดูได้จากดัชนีตลาดนิกเกอิที่สูงขึ้นมาสามเท่าตัวในช่วง
1985-1989 มาอยู่ที่ 39,000 จุดและมีมูลค่าตลาดขนาดใหญ่คิดเป็น 1 ใน 3 ของมูลค่าตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลก
ณ ขณะนั้น การถือหุ้นไขว้กันของบริษัทในกลุ่ม Keiretsu
ที่มีอำนาจการเงินอยู่ล้นเหลือ ทำให้การปั่นราคาหุ้นของบริษัทในเครือที่มีน้ำหนักต่อการเปลี่ยนแปลงของดัชนีนิกเกอินั้นเป็นไปอย่างง่ายดาย
3 ราคาของอสังหาริมทรัพย์ในย่านธุรกิจอย่างโตเกียวสูงขึ้นกว่า
350 เท่า ราคาแพงกว่าที่ดินย่านธุรกิจสำคัญที่แมนฮัตตันในนิวยอร์ค
4 วิศวกรรมทางการเงินที่เรียกว่า “Zaitech”
ช่วยให้บริษัทต่างๆสามารถนำกำไรจากการเก็งกำไรในสินทรัพย์เข้าไปรวมอยู่ในงบกำไรขาดทุนของบริษัทได้
ทำให้เกิดความโลภ เพราะถ้าบริษัทแสดงตัวเลขกำไรที่สูงขึ้นได้จากการทำธุรกรรม
Zaitech บริษัทก็จะสามารถปั่นราคาหุ้นให้สูงขึ้นได้ ผู้ถือหุ้นได้เงินปันผลและ
Capital Gain มากขึ้น บริษัทเอกชนจึงมองหาแหล่งเงินกู้ที่มีภาระดอกเบี้ยต่ำ
แล้วใช้เงินที่กู้มาเก็งกำไรในสินทรัพย์ ยิ่งทำให้ราคาของสินทรัพย์ในประเทศสูงขึ้นอย่างรุนแรง
ทำให้หุ้นหลายตัวในตลาดกลายเป็นหุ้นที่แพงกว่ามูลค่ามาก
สถานการณ์ทั้งหมดกลายเป็นต้นเหตุของฟองสบู่เศรษฐกิจที่รอวันแตกในไม่ช้า
ในปี 1989 รัฐบาลญี่ปุ่นก็เริ่มตระหนักได้ว่าหากปล่อยให้ฟองสบู่ลอยตัวสูงไปกว่านี้
ผลเสียหายที่รุนแรงชนิดประเมินค่าไม่ได้จะตามมา จึงตัดสินใจใช้นโยบายการคลังแบบรัดตัว
ความคิดเห็น