ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักนี้แค่เธอยัยหวานใจของฉัน [ yuri ]

    ลำดับตอนที่ #1 : บทที่1 การพบเจอกันครั้งแรก(Re) (2 มาเพื่อแก้คำผิด==;;)

    • อัปเดตล่าสุด 7 ธ.ค. 56


    "ฮือ ฮือ ไม่นะหนูไม่ให้นี่ของแม่หนูอย่าเอาไปนะ ฮือ ใครก็ไครก็ได้ช่วยหนูด้วย" เสียงเด็กน้อยที่ดังออกจากตรอกโสโครกแห่งหนึ่งตอนนี้เป็นเวลาตอนเย็นเด็กๆหลายคนจะมาเลนที่สนามทรายหน้าตรอกแห่งนีแต่วันนี้กลับไร้วี่แววคนทั้งหลาย..แต่ถึงมีก็คงไม่กล้าเพราะตรอกนี้พวกอัตพาธครองถิ่นทุกคนจึงพยายามไม่ยุ่งเกี่ยวยกเว้นซะว่าดวงซวยโดนรีดไถเงิน

    "ตะโกนทำไมพวกพี่แค่ไม่มีเงินซื้อยาเลยจะขอไปก่อน…ส่งมาดีๆเธอจะได้ไม่เสียของแต่แหมน่าตาน่ารักใช้ได้เล่นด้วยซักหน่อยแล้วค้อยส่งขายชายแดนก็ไม่น่าจะเสียราคาเท่าไหร่...ดีไหมว่ะพวก"พอชายหน้าเหียกแรกพูดทั้งหมดก็หัวเราะอย่างน่ารังเกียจ

    "นั้นสินะแค่คิดถึงกำไรแมร่งโคตรเยอะแต่กูเริ่มอดใจไม่ไหวแล้วเริ่มเลยดีกว่าวะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า"ว่าแล้วทั้ง3ก็เดินเข้าหาเด็กน้อยทันที

    "เน่ๆพี่ชายกรุณาปล่อยเธอคนนั้นด้วยนะฮะ"ผู้มาใหม่ปรากฎตัวขึ้นพร้อมกับเสียงนุ้มทุ้มขี้เล่นน่าขนลุกและน่าประหลาดที่เสียงแบบนั้นกลับมาจากเด็กน้อยร่างบางที่ใบหน้าหวานสวยแต่ท่าทางและลักษณะการแต่งตัวจึงบอกได้ว่าเป็นเพศชาย

    "อะไรอยากมีเรื่องหรอไง"หน้าเหียกตอบไปแต่แววตากลับสั่นเล็กน้อยเพราะความรู้สึกกดดัน
     
     'บรรยากาศน่ากลัวนี่มันอะไรกันไอ้เด็กนี้น่ากลัวชิบรีบจัดการมันดีกว่า แต่เสียดายร่างกายนั้นชะมัดเด็กผู้ชายน่าตาน่ารักแบบราคาดีกว่าเด็กผู้หญิงอีก'หน้าเหียกหมายเลข1คิดในใจ

    "เฮ้อ พี่ชายเข้าใจยากจังนะแต่ช่างเหอะขายเธอให้ผมไหมล่า"เด็กหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงยียวน

    "2,000,000มีปัญญาไหม"หน้าเหียก3พูด

    "ผมบอกหรอว่าจะจ่ายด้วย'เงิน'นะ"น้ำเสียงของเด็กหนุ่มเริ่มเปลี่ยนไป

    "ไอ้เวรนี่มึงจะเอายังไงว่ะมึงจะจ่ายไหม!"หน้าเหียก2อารมณ์เสียใส่

    "บอกแล้วผมจะจ่าย...แต่ผมจะจ่ายด้วยอิสระภาพของพวกแก!"เสียงเด็กหนุ่มกลายเป็นแข็งกร้าวก่อนจะแผ่รังสีทมิฬดำมืด

    "เฮ้ย!"หน้าเหียกหมายเลข3ร้องด้วยความตกใจ

    "ร้องทำไมรุมมันสิวะ"หน้าเหียกหมายเลข1กล่าวอย่างตกใจไม่แพ้กัน

    พรึบ!

    นายหน้าเหียกทั้งสองพุ้งเข้าหาเด็กหนุ่มพร้อมกำมีดในกางเกงก่อนที่จะเอามีดออกมาเมิ่อใกล้ถึงตัวเด็กหนุ่ม

    ฟึบ! ขวับ! ตุบ! อ๊อค! อุค!

    เด็กหนุ่มหลบมีดด้วยความรวดเร็วก่อนจะอ้อมไปด้านหลังของทั้งสองก่อนจะสับสันมือลงบนต้นคอของทั้งสองจนสลบไป

    "ไอเดช ไอชัย แก แกตาย!!"พูดจบร่างยักษ์ก็พุ้งเข้ามาทันที เด็กหนุ่มเบี่ยงหลบเล็กน้อยซักพักร่างนั้นก็หันกลับมาพุ้งใส่อีกรอบคราวนี้เด็กหนุ่มเตะเข้าที่กลางลำตัวจนอีกฝ่ายจุกจนล้มลงไปแล้วเปิดช่องว่างเอาไว้เด็กหนุ่มรีบเตะเสยคางทันทีส่งผลให้อีกฝ่ายสลบไป

    "ไม่เป็นไรนะ"เด็กหนุ่มถลาตัวเข้ามาหาเด็กน้อยทันทีพบว่าเด็กน้อยสลบไป

    "เฮ้อ โล่งอกเอาล่ะได้เวลาแจ้งข่าว ตึ๊ด เรียบร้อยค่ะคราวนี้พวกลักลอบจากประเทศอื่น...ค่ะ...ทราบค่ะ...อ้อเอ่อมีผู้บาดเจ็บอายุประมาณ12ปี เป็นเด็กผู้หญิง น่าจะเป็นลูกครึ่ง รีบมาด่วน ตึ๊ด"หลังจากเด็กหนุ่มตัดสายก็ถอดหมวกออกเผอยให้เห็นใบหน้าสวยตาคมราวกับจะสามารถฆ่าคนให้ตายได้เพียงแค่ปลายตามองดวงตาสีน้ำตาลอ่อนตัดกับเรือนผมสีน้ำตาลแดงถูกมัดรวบขึ้นปลายผมจึงยาวระบ่าเท่านั้น สายตามองไปที่สาวน้อยเพิ่อสำหรวจอีกครั้ง

    "ไม่เป็นอะไรสินะ"แล้วเด็กหนุ่มที่กลายเป็นเด็กสาวก็ใส่หมวกอีกครั้งหากคราวนี้ไม่ได้ต้องการปิดหน้าเหมือนดั่งเคย

    วี๊ หว่อ วี๊ หว่อ

    รถตำรวจและรถพยาบาลตรงเข้ามาทันทีที่มาถึง

    "ไงไม่เป็นไรใช่ไหมลูก"ตำรวจนายหนึ่งเดินเช้ามาหาเด็กสาว

    "ค่ะสบายดีส่วนเด็กคนนั้นแผลนิดหน่อยแขนซ่ำส่วนนี้เรียบร้อย"เด็กสาวกล่าวพลางหยิบเครื่องบันทึกเสียงขึ้นมาส่งให้ผู้เป็นพ่อ

    "ทำได้ดีมาก"ผู้เป็นพ่อพูดก่อนจะเดินไปที่รถเพื่อเปิดฟังแต่จู่ๆเด็กสาวก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมาก่อนจะนึกได้ว่า

    'ฉัน...พูดว่าแกไปนี่หว่า!!!!'

    ผ่าง!! เด็กสาวราวกัยเจอฟ้าผ่ากลางวันแสกๆคนแถวนั้นก็สดุ้งกันเป็นแถบๆเมื่อเจอรังสีอโรร่าดำทมิฬแบบท่าสะกิดต่อมสั่นที่ใช้กับโจรเมื่อครู่เรียกว่าคนละชั้นเลย

    "คิสิซัง...เมื่อกี้พ่อไปตรวจสอบเทปมาน่ะ..." เสียงที่นิ่งๆเย็นชามาพร้อมกับรอยยิ้มพิฆาต

    "มะ มีอะไร ระ หรือค่ะ"เด็กสาวพยายามสะกดเสียงไม่ให้สั่นและหันไปปั้นหน้ายิ้มสดใสโลกสว่าง

    คลิก'ผมจะจ่ายด้วยอิสระภาพของแก!!'คลิก

    "เหมือนว่าพ่อจะได้ยินคำว่า'แก'นะ" คราวนี้เด็กสาวถึงกับหน้าซีดทันตาเห็นและใบหน้าเนียนขาวสวยปรากฎเหงื่อเม็ดโป้งไหลราวเขื่อนแตก

    "วันนี้พ่อจะให้ลูกฝึกกับพวกทหารตามปกติแต่ว่าหลังฝึกเสร็จลูกต้องทำงานเอกสารของโรงพักทั้งหมดแทนทุกคนภายในโรงพักและส่งวันพรุ่งนี้ตอน5โมงเย็นที่ห้องหัวหน้าคณะกรรมการ"พูดจบก็เดินจากไปเด็กสาวนิ่งช็อคค้างนิ่งไป1วินาที

    "ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวพ่อให้คนส่งไปที่ห้องลูกแล้วกันพ่อไปล่ะ"ว่าแล้วก็จากไปอีกที

    'อา..สงสัยคินนี้นอนซักตี2พัก4ชั่วโมงแล้ววอมร่างกายเล็กน้อยอีก1ชั่วโมงกินข้าว3นาทีแบบครบ5หมู่ล่ะกันมื้อนี้'เด็กสาวคิดพรางถอนหายใจ

    ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ เสียงนาฬิกาข้อมือสีดำดังเตือนเด็กสาว

    "อ่ะ!!ได้เวลาแล้วรีบดีกว่าวันนี้น่าจะเหมือนเดิมนะ"เด็กสาวพูดก่อนจะก้มลงไปแตะปุ่มข้างรองเท้าและสบัดเล็กน้อยจากรองเท้าผ้าใบธรรมดาจึงกลายเป็นโรลเลอร์เบรดแล้วพุ่งไปยังจุดหมายทันที

    เวลา 18:00 น. ณ โรงพยาบาล

    "อืม"เสียงครางเบาๆดังจากร่างเล็กที่นอนอยู่บนเตียง

    "คุณ!ลูกฟิ้นแล้ว!"ผู้เป็นแม่ร้องบอกสามีของตนอย่างดีใจ ดวงตาสีเมทินปริอขึ้นเล็กน้อยก่อนจะกระพริบตาถี่ๆเมื่อเจอแสงจากหลอดไฟ

    "คุณพ่อ คุณแม่?"เด็กน้อยมองบุพการีทั้งสองเมื่อปรับสายตาได้แล้ว เด็กน้อยค่อยๆยันตัวขึ้น เรือนผมสีน้ำเงินไพลินสั้นระดับต้นคอดูยุ่งเหยิงเล็กน้อยใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารักบัดนี้ ไร้สิ่งเปรอะเปื้อนดวงตาแสดงความตื่นตระหนกเล็กน้อยพรางยกมือจับที่คอของตนทันทีแล้วก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกเมิ่อพบว่าจสร้อยจี้เพชรที่สลักชื่อครอบครัวยังอยู่

    "ลูกนี่นา ฮึก อย่าทำอย่างนี้อีกนะสร้อยนี้แม่สั่งทำใหม่ได้ถ้าแม่เสียลูกไปเพราะเรื่องแค่นี้จะเป็นยังไง โฮ"หญิงสาวพูดพรางปล่อยน้ำตาโฮ

    "แม่ค่ะ ฮึก หนูขอโทษ แงงงงง"เด็กน้อยโผกอดผู้เป็นแม่

    "เฮ้อ ลูกโชคดีมากรู้ไหม ลูกของเพื่อนพ่อเค้าไปสืบคดีพอดีลูกก็ดันกลายเป็นเหยื่อพวกนั้นพี่เค้าเลยปิดคดีได้"ผู้เป็นพ่อเล่าพรางลูบหัวเด็กน้อย 'เด็กผู้ชายที่ช่วยเราคนนั้นสินะ'เด็กน้อยคิดในใจ

    "อิม รู้สึกจะได้ฉายาว่า 'จิ้งจอกหน้ากากหมอกหิมะ' นะ ตอนเจอครั้งแรกลูกอายุ4ขวบเองส่วนคิสิยะก็6ขวบล่ะมั้ง...แต่ก็เย็นชาแข็งกร้าวแต่เรื่องความฉลาดลูกเทียบไม่ติดเลยล่ะเห็นว่าเพื่อนพ่อจะชอบจับไปฝึกโหดหรือไม่ก็ไปฝึกมรรยาท2เดือนเวลาที่พูดคำหยาบแล้วก็เวลาที่ทำตัวไม่ดีล่ะน่ะ"เมื่อบิดาพูดจบเด็กน้อยถึงกับช๊อคค้าง

    'ความฉลาดเทียบไม่ติด โดนจับฝึกโหดเพียงเพราะกริยาและคำพูดไม่ดีเนี่ยนะ...ชีวิตพี่ชายสุดเท่มันน่าเหลือเชื่่อไปแล้วนะ แล้วที่บอกว่าทำคดีอายุ15ปีแน่นะยังไม่ครบ20ปีแต่สามารถจัดการพวกพี่เบิ้มร่างยักษ์เพื่อช่วยเราได้เนี่ยนะ เก่งชะมัด'

    "พ่อค่ะพี่เขาชื่ออะไร อายุเท่าไหร่ค่ะ"เด็กสาวถามบิดาตน

    "อืม อายาโนะ คิสิยะ แต่ควรเรียกว่า อายาโนะ เพราะถ้าไม่สนิทเขาจะอารมณ์เสียได้ แล้วก็อายุ15ปี ตำแหน่งก็ที่ปรึกษากรรมการคุมกฎของซากาวะคิวจิและพิเศษกว่านั้นคือเจ้าหน้าที่นอกสังกัดมีอภิสิทธิ์พิเศษหลายอย่าง อ้อ พ่อขอเพิ่มว่าคำแหน่งที่ปรึกษากรรมการคุมกฎของโรงเรียนนี้มีอำนาจพอๆกับหัวหน้ากรรมการคุมกฎและไม่สามารถไล่ออกได้ยกเว้นบางกรณีอยากรู้ต่อสงสัยต้องตอนที่ลูกเข้าไปอยู่ในโรงเรียนได้ล่ะนะ"บิดาตอบลูกสาวพรางขยิบตาให้ตอนจบ

    ' ถาม2คำ ตอบที่200คำ=_=;;'เด็กน้อยคิดในใจ

    "นี่คราวหลังก็ระวังตัวหน่อยรู้ไหม"มารดาลูบหัวบุตรสาวด้วยความเอ็นดู 

    "ครับผม!"เด็กน้อยพูดพรางทำท่าตะเบะและสับลงลงอย่างแรงแต่ตันโดนตรงที่หัวโนเต็มๆ

    "โอ๋ เจ็บไหมลูกแม่เค้าพึ่งบอกให้ระวังตัวไม่ใช่หรอเรา"บิดาเรื่มแซวบุตรสาวของตน

    "หึ! ขอบคุณที่ถามค่ะ"เด็กน้อยส่งสายตาอาฆาตตาขวาง หางชี้ตั้ง ขนฟูฟ่องไปหาบิดาตนอย่างเปิดเผอย

    "แม่จ๋าดูลูกเราสิ"บิดาแกล้งทำเป็นกลัวแล้วหันไปอ้อนภรรยาตน

    "มันน่าเกลียดมากกว่าน่ารักนะพ่อหยุดเลย"เด็กน้อยทำหน้าเซ็ง

    "เอ๊ะนี่! ลูกอย่าพูดอย่างนั้นสิคุณก็อย่าแกล้งลูกด้วย"มารดาเด็กน้อยแกล้งเอ็ดเบาๆ ทั้งห้องอบอวลไปด้วยเสียงหัวเราะและไออุ่นแห่งครอบครัว

    ณ สนามฝึกทหารแห่งหนึ่ง

    "ยัยนั้นไงอายาโนะ คิสิยะ เด็กสาวที่อายุน้อยที่สุดคะแนนดีสุดและเก่งที่สุดถ้าเทียบกับเด็กรุ่นเดียวกัน"เสียงของชายหนุ่มร่างบึกไร้สมองขี้อิฉามองเด็กสาวด้วยท่าทีเย้ยยันในทันทีที่ก้าวเข้ามา แต่หากว่าเด็กสาวกลับแค่เดินไปเรื่อยๆแบบไม่สนใจด้วยใบหน้าเรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์ 'ยัยนี่ไม่สนใจกูเลยนี่หว่า!'ยักษ์เริ่มอารมณ์เสียและทำท่าจะเดินมาหาเด็กสาวแต่มีการเรียกรวมตัวเสียก่อน

    "เอาล่ะวันนี้ฉันจะให้พวกเธอสอบการต่อสู้โดยไร้อาวุธสุมจับกลุ่ม3คนซึ่งฉันได้ทำการสุ่มกลุ่มแรกแล้ว ได้แก่ อายาโนะ คิสิยะ ฮายากิ สิกิโยะ"เมื่อเสียงประกาศจบลงเสียงฮือฮาก็ดังขึ้นทันทีเพราะ สองพี่น้องฮายากิ สิกิโยะคืออัธพานของที่นี้แล้วจะมาให้สู้กับเด็กสาวที่เก่งแต่อายุน้อยที่สุดได้ยังไง!!

    "หึหึหึ จะยอมแพ้ตรงนี้ก็ยังทันนะหนูน้อย"คนพี่หัวเราะอย่างน่ารังเกียด ทว่าเธอกลับเดินเข้าสนามสอบด้วยความสงบนิ่ง

    "พี่ เหมือนเดิมละกัน"คนน้องพูดพรางยิ้มแสยะให้พี่ชายตน และก็ได้รับรอยยิ้มแสยะตอบเช่นกัน

    "เอาล่ะ 3…2…1 เริ่มได้"ยังไม่ทันจบดีสองพี่น้องก็พุ้งเข้าหาเด็กสาวทันที คนพี่พุ่งตรงเข้าหาส่วนคนน้องอ้อมไปทางด้านหลังของเด็กสาวแล้ววิ่งเข้าหาพร้อมกัน เด็กสาวพุ้งไปทางด้านซ้ายระยะ1เมตรด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อทำให้สองพี่น้องจึงหยุดเกือบไม่ทันก่อนที่คนพี่จะจับแขนคนน้องแล้วเหวี่ยงไปหาเด็กสาว เด็กสาวมองแล้ววิเคราะห์สถานะการอย่างรวดเร็วแล้วพุ้งเข้าหาร่างสิกิโยะที่กำลังพุ่งมา เมื่อถึงตัวเธอหลบเล็กน้อยแล้วยกขาเรียวหมายเตะท้องแต่สิกิโยะจับขาเธอทันแล้วฮายากิก็เห็นโอกาสจึงวิ่งมาทางด้านหลังเด็กสาว คิสิยะเบิกตาโพงหันหน้าไปด้านหลังอย่างรวดเร็วแต่เพียงเสี้ยววินาทีหมัดหนักๆของฮายากิก็กระทบใบหน้าสวยซะแล้ว

    "อั๊ก!" เด็กสาวกระอักเลือดก้อนหนึ่งออกมาแต่จุ่ๆร่างของเธอก็ลอยขึ้นและก็ดิ่งลงพื้นอย่างแรงด้วยแรงฉุดบริเวณข้อเท้าเธอรู้สึกเจ็บจนแทบจะลุกไม่ขึ้น จุกจนแทบจะกรีดร้อง

    "หึ หึ หึ แค่นี้ก็จบ"ทั้งสองหัวเราะอย่างชั่วร้ายแล้วเดินหันหลังให้เด็กสาวแต่จู่ๆสิกิโยะก็ทรุดลงความเจ็บปวดเล่นจากลำคอลงมา

    "เฮ้ย!เป็นไร"ฮายากิร้องและพยุงน้องทันที

    "เฮอะ!น่าสมเพช โดนซัดตอนไหนยังไม่รู้ตัวเลย"เด็กสาวค่อยๆยันตัวขึ้นจะพื้นที่เต็มไปด้วยกรวดและทรายในสภาพที่ดูแล้วไม่น่าจะยืนได้เครื่องแบบทหารสีดำที่เป็นเอี้ยมกางเกงขาสั้นเสื้อเชิ๊ตสีขาวที่พับแขนเลยศอกเล็กน้อยมีโบว์หูกระต่ายสีดำกลับขาดและหลุดลุ่ยสำหรับคนที่ปลื้มเด็กสาวคงฟินเลือดพุ่งเป็นที่เรียบร้อย

    "ตอนไหน"ฮายากิถามในขณะที่พยุงน้องชายอยู่

    แต่เด็กสาวแค่จ้องด้วยสายตานิ่งเรียบแล้วพุ่งเข้าหาด้วยความเร็วที่ไม่ต่างไปจากเดิม ฮายากิรีบวางน้องชายลงแล้ววิ่งเข้าหาพร้อมง้างหมัด

    เด็กสาวกระโดดไปด้านหลังฮายากิแล้วฟาดขาไปยังต้นคอฮายากิเต็มแรงส่งผลให้หน้าของเขาทิ้มไถลพื้นสลบไป

    "ยังไงก็ขออนุญาตกลับก่อนนะค่ะ"เด็กสาวเดินออกจากลานฝึกแล้วเดินไปยังห้องแต่งตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าคว้าเป้สีดำแล้วเดินกลับบ้านของเธอไปโดนไม่สนใครเลย

    แกรก "กลับมาแล้ว"เธอเปิดประตูบ้านสีขาวก้าวเท้าเข้าไปยังบ้านที่ไม่เล็กไม่ใหญ่ที่พอสำหรับครอบครับที่ไม่ใหญ่

    "ยินดีต้อนรับกลับมาจ้า/ไง"

    "เย่!พี่สาวสุดสวยของหนูกลับมาแล้ว"เสียงของหญิงวัยกลางที่หน้าตากลับไม่เปลี่ยนแต่กลับน่ารักขึ้นเมื่อวัยที่กำลังเดินหน้าตามเวลากับเด็กน้อยอายุ5ขวบติดพี่สาวสุดๆซึ่งคิสิยะก็ได้ถ่ายทอดวิชาแผ่รังสีทมิฬไว้ป้องกันตัวระดับ1  เด็กสาวยิ้มสดใสแล้วเดินไปประจำที่แขวนเป้สีดำไว้ที่พนักพิง

    เมื่อครบคนก็เลยเริ่มลงมือทานอาหารที่เตรียมไว้ทุกคนพูดคุยกันอย่างสนุกสนานแต่หากเด็กสาวกับกินเงียบๆแล้วเดินขึ้นห้องนอนของตน

    มือเรียวคว้าลูกบิดสีเงินที่ติดบนประตูไม้อัดสีขาวบิดกลอนประตูแล้วผลักเข้าไปเผอยให้เห็นห้องไม่กว้างนักแต่จัดเป็นมุมๆ(นึกถึงพวกคอนโดมิเนียมไว้)ผนังห้องสีขาวมีหน้าต่างบานใหญ่มีมุ้งลวดหนึ่งชั้นกั้นแล้วที่เป็นกระจกด้านนอกก็ยังคงเปิดรับลมอยู่ตรงกลางห้องแบบที่เดินเข้ามาก็เห็นพอดีผ้าม่านสีฟ้าอ่อนผูกเก็บไว้ทั้งสองฝั่งมุมห้องด้านซ้ายของหน้าต่างมีเตียงเดีี่ยวหลังหนึ่งตั้งอยู่ผ้าห่มสีฟ้าแกมน้ำเงินคลุมเตียงเอาไว้อีก มุมด้านขวามีดูหนังสือ2ตู้ติดกระจกโดยตั้งให้หันหน้าไปทางประตูหน้าตู้มีเก้าอี้ทำงานเบาะหนังสีดำและโต๊ะทำงานไม้ขนาดไม่ใหญ่หันหน้ามาทางประตู แต่หากบนโต๊ะมีกองเอกสารสูงท่วนหัวคนนั่งเป็นกรอบหนึ่งชั้นหน้าโต๊ะ เมื่อก้าวเข้ามาในห้องแล้วหันไปทางขาวจะมีตู้เสื้อผ้าสีไม้โอ๊คหลังใหญ่ตั้งไว้

    เด็กกสาวเดินไปเปิดตู้นั่งยองๆไปที่ลิ้นชักด้านล่างหยิบชุดนอนแขนยาวขางยาวแต่เป็นผ้าบางๆสีดำกับผ้าผืนเล็กสีเทาลายลูกแกะสีขาวออกจากตู้ก่อนยิบเป้เ้สีดำเอาบรรดาหมวกเสื้อ ชุดฟอร์มออกมา เอาหมวก กระเป๋าเป้เข้าตู้แล้วปิดตู้ก่อนถือชุดนอนชุดฟอร์มออกจากห้องเพื่อทำธุระประจำวัน

    เวลาผ่านไปไม่นานเธอเดินเข้ามาในห้องสวมชุดนอนสีดำปล่อยผมผ้าลายลูกแกะคล้องคอตรงไปที่เก้าอี้ทำงานเอาผ้าพาดบนเก้าอี้แล้วเริ่มทำงาน

    แกรก แกรก แกรก หือ

    สายตาเธอสดุดกับชื่อพยายานพร้อมรูปที่เธอคุ้นตา ที่เธอทำอยู่เป็นงานที่เธอวันนี้พอดี

    'มิสิฮิเดะ โยฮันนา......เธอคนนั้นนี่ว่างๆแวะเยี่ยมหน่อยก็ดี'เธอคิดในใจ

    เวลาล่วงเลยผ่านไปเรื่อยๆจนกระทั้งเด็กสาวรู้สึกง่วงงุน

    "ตี4แล้วหรอเนี่ย"เด็กสาวบ่นพึมพำมองกองเอกสารอีก6ตั้งใหญ่ที่ยังไม่ได้ทำแล้วถอนหายใจเก็บของปิดไฟขึ้นเตียงก้าวเข้าสู่ห้วงนิทราไป
    _______________________________________________________________________

    ของใหม่ไม่ทำกลับมาแก้แต่ของเก่าคิดว่าโอขึ้นนะยังไงก็ฝากเห็นตาดูคำผิดค้วยนะค่ะ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×