ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Ayakashi to issho เสน่ห์ร้ายนายเก้าหาง

    ลำดับตอนที่ #12 : บทที่ 11 [100%] ฮารุกะถูกรังแก!

    • อัปเดตล่าสุด 27 พ.ค. 57




     

     บทที่ 11

     

     

                    ชีวิตของฉันกลับมาดำเนินตามปกติอีกครั้งเมื่อขึ้นวันใหม่ และเช่นเดียวกับนักเรียนม. ปลายทั่วไปที่เวลากว่าค่อนวันของเราจะถูกใช้ไปกับการเรียนหนังสือ มาถึงตอนนี้ฉันพูดได้เต็มปากว่าเคยชินกับการเรียนเสริมหลังเลิกเรียนแล้ว แม้ว่าผู้สอนจะเป็นปีศาจที่ครั้งหนึ่งฉันเคยหวาดกลัวและไม่ยอมรับก็ตาม

                    “แล้ว...” ปีศาจในคราบอาจารย์เปรยขึ้นเมื่อเห็น ของแสลง “ทำไมคนที่ได้คะแนนระดับท็อปในวิชาประวัติศาสตร์ถึงได้โผล่หน้ามาในคลาสเรียนที่น่าจะมีแค่ผมกับฮารุกะสองต่อสองได้ล่ะ”

                    “อ๋อ...พอดีว่าช่วงนี้ผมเอาแต่คิดหาทางผนึกปีศาจเกะกะน่ารำคานแถวๆ นี้ เลยไม่ค่อยมีเวลาทบทวนตำราสักเท่าไหร่ คะแนนสอบย่อยครั้งที่ผ่านมามันก็เลยร่วงเอาๆ จนต้องมาคอยเป็นไม้กันหมา เอ้ย! จนต้องมาเรียนเสริมเนี่ยล่ะครับ”

                    นับกว่าเป็นการตอบกลับที่เจ็บแสบใช้ได้ทีเดียวสำหรับหนุ่มอารมณ์ดีอย่างมาเอดะ โค

                    ชั่วโมงเรียนเสริมของวันนี้ต่างไปจากวันก่อนๆ เพราะตอนนี้ที่นั่งข้างกายซึ่งฉันมักใช้เป็นที่วางกระเป๋าถูกแทนที่ด้วยร่างกายสูงใหญ่ของมาเอดะ โคซะแล้ว

                    “แบ่งเวลาไม่เป็นสินะ ฮารุกะไม่ชอบผู้ชายที่แม้แต่เรื่องของตัวเองก็ยังเอาไม่อยู่หรอกนะครับ มาเอดะ โค” รินเองก็ไม่น้อยหน้า โตกลับอย่างแสบทรวงเช่นกัน

                    “เหรอครับ? แต่ว่าไอ้จิ้งจอกปีศาจที่อุตริจำแลงกายในคราบอาจารย์แถมยังใช้หน้าที่บังหน้าเพื่อเข้าหาฮารุกะก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเท่าไหร่หรอก เนอะ”

                    “ขอร้องล่ะ อย่าเอาฉันเข้าไปยุ่งในสงครามน้ำลายของพวกนายเลย” ฉันวอนขอจากก้นบึ้งของหัวใจ

                    อีกไม่นานฉันคงเป็นประสาท แต่ก่อนหน้านั้นหูฉันคงจะหนวกซะก่อน ความสงบสุขในชีวิตฉันลดฮวบฮาบในตอนที่รินโผล่มา และยิ่งทิ้งดิ่งจนติดลบเมื่อมีโคเข้ามาผสมโรงอีกคน

                    ช่วงนี้โคชอบเข้าหาฉันบ่อยๆ ไม่อายที่จะตะโกนข้ามตึกเรียนเพื่อทักทายฉัน หรือต่อให้วันที่มีฝนตกเขาก็เสียสละร่มให้ฉันยืม มีอะไรหลายๆ อย่างที่เขาทำให้โดยที่ฉันไม่ได้ร้องขอ และการที่เขาดูแลฉันดีเกินไปก็ทำให้มีข่าวลือหนาหูว่าเราคบกันอยู่

                    แน่นอนว่าเรื่องนี้ถึงหูรินด้วย

                    โชคดีที่รินดูจะไม่ใส่ใจกับข่าวลือเท่าไหร่นัก ไม่อย่างนั้นชีวิตฉันคงยุ่งเหยิงกว่าที่เป็นอยู่นี้ร้อยเท่า

                    “ผมชักไม่แน่ใจแล้วสิว่านายมาที่นี่เพราะต้องเรียนเสริมจริงๆ หรือแค่เพราะอยากขวางทางรักของผมกับฮารุกะกันแน่”

    “พูดอะไรอย่างนั้นล่ะครับอาจารย์ ผมจำเป็นต้องเรียนเสริมจริงๆ นะครับ” ไม่ว่าเปล่า โคยังเปิดแฟ้มและหยิบผลสอบล่าสุดออกมาเป็นหลักฐาน เลขแปดแสนอนาถสีแดงสดบนหัวกระดาษข้อสอบฉบับล่าสุดนั้นช่างดูน่าเวทนาและเกือบทำให้ฉันเชื่อจริงๆ ว่าเขาควรเรียนเพิ่ม

    ถ้าไม่ติดว่า...บนกระดาษข้อสอบก่อนหน้านั้นมีเลขสองหลักพร้อม ฮานะมารุดวงใหญ่กำกับอยู่ด้วย

    อะ...อีตาบ้านี่ตั้งใจสอบตกชัดๆ!

    แปะ...

    จู่ๆ ใบไม้สีคล้ำถูกลมพัดปลิวเข้ามาทางหน้าต่างและหลงลงกลางโต๊ะ ความรู้สึกบางอย่างบอกฉันว่ามันไม่ใช่ใบไม้ธรรมดา แต่ก่อนจะรู้ว่ามันคืออะไร มากจากไหนรินก็คว้ามันไปเสียก่อน

    “ขอตัวสักครู่นะ”

    จิ้งจอกบอกอย่างมีมรรยาทก่อนจะออกจากห้องสมุดไป ฉันเลิกสนใจเจ้าใบไม้นั่นแล้วหันไปใช้ศอกกระทุ้งสีข้างคนข้างๆ และกลับเข้าเรื่องที่เขาพยายามทำคะแนนสอบให้ห่วย

    พยายามแทบตายฉันยังทำให้พ้นตัวแดงไม่ได้ แต่อีตานี่กลับอยากติดตัวแดงซะงั้น!

    “นี่มันไม่ตลกนะ”

    “อะไรตลก?”

    “ก็ข้อสอบของนายไง เห็นชัดเจนว่านายจงใจกาผิดข้อน่ะ!

    “เปล่าซะหน่อย” คนถูกถามทำหน้าเหรอหรา “ฉันแค่อ่านทบทวนไม่ทันจริงจริ๊ง”

    น้ำเสียงชักสูงนั่นฟังดูไม่น่าเชื่อถือเลยสำหรับฉัน มันบ่งบอกว่าเขากำลังปิดบังบางอย่างเอาไว้ ฉันไม่ได้พูดอะไร แต่จ้องหน้าโคนิ่งๆ จนไหนที่สุด...มาเอดะ โคก็รับสารภาพ

    “ก็ได้ๆ ยอมรับก็ได้ว่าฉันจงใจสอบตก”

    นั่นไงล่ะ! ฉันว่าผิดซะที่ไหน

    “ก็ฉันไม่ไว้ใจให้เธออยู่กับหมอนั่นสองต่อสองนี่นา อีกอย่างถึงจะต้องเรียนเสริมแต่มันก็คุ้มดีนะ...ได้อยู่ข้างๆ เธอแบบนี้น่ะ” ความเขินอายทำให้เขาฟุบลงกับโต๊ะ โดยที่ยังเงยหน้าขึ้นมาคุยกับฉัน โคระบายยิ้มอ่อนโยนอย่างทุกครั้ง และมันน่ามองมากเมื่อแสงสุดท้ายของวันสะท้อนประกายในดวงตาคู่สวย

    “ฉันเห็นถึงความตั้งใจของนายนะโค แต่มันคงน่าปลื้มดีกว่านี้ถ้านายแยกเรื่องเรียนกับความรักออกจากกัน” ฉันบอกเสียงเบา “มันคงไม่ดีถ้าป้ามาซากิรู้ว่านายแกล้งสอบตกเพื่อจะแอ๊วสาว”

    “เธอไม่ชอบให้ฉันทำแบบนี้เหรอ?”

    “ก็แหงสิยะ”

    “ไม่เห็นเหมือนผู้หญิงคนอื่นเลย พวกนั้นน่ะดีใจจะตายเวลาฉันดอดซ้อมไปเที่ยวด้วย” หนุ่มป๊อบรำพัน

    เชื่อสิว่าถ้าที่ปรึกษาชมรมหรือประธานรุ่นก่อนๆ มาได้ยินเข้าคงกอดคอกันร้องไห้ ใครหนอใครที่คิดสั้นให้อีตานี่เป็นประธานชมรม...?

    ผู้หญิงคนอื่นกับ พวกนั้นคือคำสองคำที่ทำให้ฉันผุดคำถามขึ้นมาในใจอย่างเงียบๆ อย่างที่รู้กันว่าโค คือหนุ่มป็อป อัธยาศัยดี และมีไมตรีให้คนรอบข้าง ดังนั้นจึงไม่แปลกถ้าจะได้เห็นเขาถูกห้อมล้อมด้วยสาวๆ ตั้งแต่ปีหนึ่งยันปีสาม แต่...เรื่องหนึ่งที่ฉันไม่รู้คือเขาเคยคบใครมาบ้างแล้วหรือยัง

    ไม่สิ...ปากหวาน อารมณ์ดี แถมยังเอาใจเก่งแบบนี้คงควงสาวมาเป็นสิบแล้วล่ะ

    “ฮารุกะเคยคบกับใครมาก่อนหรือเปล่า” คำถามของโคกระชากฉันออกมาจากห้วงความคิด แล้วมันก็เรียกความสนใจได้เป็นอย่างดี

    “ไม่นี่” ใครจะไปเหมือนหนุ่มฮอตอย่างนายเล่า “ถามทำไมอ่ะ”

    “ก็แค่อยากรู้น่ะ งั้นก็แปลว่า...” ว่าแล้วเขาก็ฟุบหน้าลงกับโต๊ะไป คล้ายกับกำลังรวบรวมความกล้าเพื่อจะเอ่ยประโยคต่อมา “...แฟนคนแรกงั้นสินะ”

    “ก็...อย่างนั้นล่ะมั้ง”

    “คิกคิก” โคหัวเราะคิกคักเมื่อได้ยินอย่างนั้น ก่อนจะฟุบหน้าลงไปอีกครั้ง ฉันเห็นนะว่าใบหูของเขาเริ่มขึ้นสีแดง เดี๋ยว...อย่าบอกนะว่าเขากำลังเขิน

    “เขินอะไรของนาย ทำอย่างกับว่าไม่เคยคบใครมาก่อนงั้นแหละ”

    “อื้อ” เสียงอู้อี้ที่เล็ดลอดออกมาทำฉันอึ้ง แต่ก็ไม่เท่าประโยคเต็มๆ ที่เขาพูดขึ้น “ฉันไม่เคยคบกับใครจริงๆ จังๆ หรอก”

    และมันสร้างความสงสัยให้ฉันเป็นอย่างมาก “นายเป็นเกย์เหรอ?”

    โคได้ยินดังนั้นถึงกับเอาหัวเขกโต๊ะ ก่อนจะหันหน้ามาถามอย่างค้อนๆ “ลืมไปแล้วหรือไงว่าฉันเพิ่งสารภาพรักเธอไปเมื่ออาทิตย์ก่อน”

    “อ่า...ใช่ จะว่าไปก็เกือบลืมไปแล้วแฮะ”

    “ฮารุกะ!

    “ฮ่าๆ ล้อเล่นน่ะ แล้วทำไมนายถึงไม่ครบใครสักคนล่ะ อยู่โสดๆ แบบนี้มันเสียเชิงหนุ่มป็อปนะ”  

    โคไม่ตอบในทันที เขายืดตัวขึ้นนั่งหลังตรง อกผายไหล่ผึ่งตามประสาหนุ่มนักกีฬา ระบายรอยยิ้มบนใบหน้า ก่อนจะเข้ามาใกล้ๆ จนฉันหายใจสะดุด “...เรื่องนั้นฉันไม่บอกเธอหรอก”

    ถูกจู่โจมจากมาเอดะ โคเป็นเรื่องที่ฉันไม่คาดฝันเลยนะเนี่ย

    “ฉะ...ฉันก็ไม่ได้อยากรู้ขนาดนั้นหรอก” ฉันถอยห่างออกจากเขาเล็กน้อย ก่อนจะชวนเปลี่ยนเรื่องด้วยการหยิบหนังสือภาพที่อยู่บนชั้นวางใกล้ๆ กับโต๊ะที่เรานั่งมาเปิดดู

                    รินกลับมาในตอนที่ฉันเปิดสมุดภาพดูได้ครึ่งเล่ม ฉันจัดการปิดสมุดแล้วสอดเก็บไว้ที่เดิมเพราะเข้าใจว่าการเรียนของวันนี้คงกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว

                    “เอาล่ะ เปิดไปที่หน้าสามสิบห้า แล้วก็...” จิ้งจอกในคราบอาจารย์เงยหน้าขึ้นจากตำราเมื่อเห็นว่าโคกับฉันแชร์ตำรากันอยู่ “เขยิบออกมาห่างๆ หน่อยสิครับมาเอดะคุง ประเดี๋ยวฮารุกะของผมจะสำลักกลิ่นนมผง”

                    เปรี๊ยะ!

                    ฉันถอนหายใจเมื่อสัมผัสได้ถึงกระแสไฟฟ้ากำลังสูงสองขั้วแล่นเข้าปะทะกันอีกแล้ว คุณเองก็คงจะพอเดาออกเหมือนกันใช่ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้

     

                    เพราะยึดคำที่ว่า รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดีเป็นคติประจำใจ ฉันจึงค่อยๆ ย่องออกมาสูดอากาศข้างนอกในตอนที่สงครามน้ำลายกำลังปะทุ ก็นะ...ไอ้ผู้ชายสองคนนั้นน่ารำคานจะตาย ไม่รู้ว่าขาดแคลเซียมกันหรือยังไงถึงได้กัดกันตลอด

                    ฉันห้ามทัพจนคอแห้งเป็นผง ความกระหายจึงพามุ่งตรงไปที่ตู้ขายน้ำอัตโนมัติซึ่งตั้งอยู่ใกล้ๆ โรงอาหาร ก่อนจะพบว่ามีกลุ่มนักเรียนหญิงสี่ห้าคนนั่งจับกลุ่มเม้าท์อยู่ใกล้ๆ กัน และเมื่อฉันเดินเฉียดเข้าใกล้ ทั้งวงก็หันมามองและเริ่มซุบซิบ

                    ฉันพยายามไม่ใส่ใจเสียงเล็กๆ ที่พวกเธอพยายามทำกันนัก แล้วเดินไปกดชาอู่หลงอย่างเร่งรีบ บอกไว้เลยว่าตอนนี้ฉันรู้สึกไม่ค่อยดี และบรรยากาศตรงนี้ก็เริ่มไม่น่าไว้วางใจหลังจากที่นึกขึ้นได้ว่าพวกหล่อนเป็นแฟนคลับที่คอยห้อมล้อมอยู่รอบๆ ตัวประธานชมรมยูโด

                    แก๊งค์สาวเฟี้ยวตัวแม่อันดับต้นๆ ของโรงเรียน!

                    “ซากุระซากะซังใช่ไหม” หนึ่งในนั้นถามขึ้นด้วยท่าทาง เอาเรื่องในตอนที่ฉันกำลังจะหมุนตัวกลับ “มาด้วยกันหน่อยสิ”

                    นั่นประไร...

                   

                    ในห้องน้ำหญิง...

                    ซ่า...

                    เสียงน้ำที่เปิดรองจนล้นถังดังกึกก้อง ทว่ากลับไม่มีใครสนใจจะปิดมันให้เรียบร้อย เพราะทุกคนในที่นี้ต่างก็ให้ความสนใจกับฉันอย่าเหลือล้น

                    “มาเอดะคุงคบกับเธออยู่เหรอ” ผู้หญิงที่คงจะเป็นหัวโจ๊กเท้าสะเอวถาม แววตาของเธอสื่อความหมายว่าฉันเป็นตัวน่าหมั่นไส้อย่างที่สุด

                    ฉันส่ายหน้าแทนคำตอบ แถมยังย้ำหนักแน่นด้วย “เปล่า ไม่ได้คบกันหรอก”

                    “อย่ามาตอแหลน่า มีคนเห็นนะว่าเธอกับมาเอดะคุงไปเที่ยวสวนสนุกเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา”

                    “แถมยังอี๋อ๋อกันสุดๆ”

                    ปัง!

                    “เอาดีๆ สิว่าตกลงเธอกับเค้าเป็นอะไรกันแน่!

                    ยัยหัวโจ๊กตบประตูห้องน้ำเสียงดังลั่น ตอนนี้ฉันถูกดันจนหลังชิดติดผนัง ซ้ำยังมีห้องน้ำขนาบข้างทั้งซ้ายและขวาแบบนี้ลืมเรื่องทางหนีทีไล่ไปได้เลย

    ...ชัดเลยว่าฉันกำลังถูกคุกคาม

    โอเค ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันถูกลากเข้าห้องน้ำด้วยความหมั่นไส้ของแฟนคลับหนุ่มป็อป (ตอนอยู่โตเกียวก็เคยมีเรื่องทำนองนี้เกิดขึ้นเหมือนกัน) แต่ฉันก็ไม่คิดจะชินกับมันหรอกนะ ในเวลาแบบนี้ฉันควรอยู่นิ่งๆ และทำใจเย็นๆ เข้าไว้ จะพูดอะไรก็ต้องระวังให้มากไม่อย่างนั้นสิ่งที่ฉันพูดอาจกลายเป็นน้ำมันซึ่งราดกลางกองไฟให้ลุกโชนยิ่งขึ้น

                    “เรารู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว เพราะบ้านอยู่ใกล้กันแค่นั้นเอง” ฉันพยายามฉีกยิ้มและตอบไปตามจริง แม้ว่าเราจะเพิ่งมาสนิทกันได้ไม่นานและหมอนั่นจะสารภาพรักกับฉันแล้วก็ตาม

                    “เหอะ เชื่อได้ตายล่ะ” หนึ่งในนั้นสบถขึ้นมา

                    แล้วฉันต้องพูดยังไงถึงจะถูกใจพวกหล่อนล่ะเนี่ย!

                    “แล้วกับอ.โยชิดะล่ะ” อีกคนหนึ่งโพล่งขึ้น “ที่อยู่ด้วยกันจนถึงเย็นในห้องสมุดนั่นหมายความว่าไง”

                    “ก็แค่เรียนเสริม...”

                    “จะอะไรก็ช่างเถอะ! ไม่คิดว่ามันขี้โกงไปหน่อยหรือไง ทั้งๆ ที่ฉันก็ได้คะแนนประวัติศาสตร์น้อยเหมือนกัน”

                    ปัง!

                    “ทำไมถึงมีแค่เธอคนเดียวที่ได้เรียนกับอ.โยชิดะ!

                    “ใจเย็นน่ามายะ”

                    คนอื่นๆ ปราบเสียงเย็นเมื่อคนที่พวกเธอเรียกว่ามายะยกเท้าขึ้นถีบผนัง และแน่นอนว่ามันเฉียดขาฉันไปนิดเดียว ...นี่มันเกินไปหน่อยมั้ง

                    “เอาล่ะ พวกเราจะยอมเชื่อที่เธอพูดก็ได้ แต่ช่วยจำเอาไว้ด้วยแล้วกันว่าทั้งอ.โยชิดะและมาเอดะคุงเป็นของทุกๆคน ถ้าเธอแย่งไปครองคนเดียวล่ะก็มีปัญหาแน่”

                    เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เริ่มเลวร้าย ยัยหัวโจ๊กก็ตัดบทเอาดื้อๆ ฉันค่อยหายใจหายคอคล่องขึ้นเมื่อพวกหล่อนหันหลังกลับออกไป ในใจก็โล่งว่ายังดีที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่แล้วฉันก็คิดผิด...เรื่องมันยังไม่จบแค่นั้น เพราะยัยคนที่ชื่อมายะอะไรนั่นยังหันกลับมาก่อนจะและถังซึ่งรองน้ำไว้เต็มจนล้นขึ้นมา แล้วก็...

                    ซ่า...!!

                    ...น้ำเย็นๆ ในช่วงกลางฤดูใบไม้ผลิสาดใส่ฉันจนเปียกโชก...

                    “มือมันลื่นน่ะ โทษที”

                    แม้ปากจะเอ่ยขอโทษ แต่ฉันกลับไม่สัมผัสถึงความรู้สึกผิดหรือจริงใจ มีแค่ความหมั่นไส้ ชิงชัง และประชดประชันเท่านั้นที่แฝงอยู่ในน้ำเสียงเย้ยหยัน

                    เสียงหัวเราะชอบใจยังคงลอยเข้ามาในโสตประสาท ทั้งๆ ที่พวกนั้นออกไปกันหมดแล้ว แต่ฉันก็ยังได้ยินคำพูดหลายๆ คำ ไม่ว่าจะเป็น สมน้ำหน้าบ้างล่ะ น่าหมั่นไส้บ้างล่ะ

                    ฉันยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น ก่อนจะยกวงแขนขึ้นกอดตัวเองเพื่อบรรเทาความหนาวเมื่อสายลมเอื่อยๆ พัดมาและครุ่นหาคำตอบ ถามจริงเถอะ...ฉันทำผิดอะไร ผิดตรงไหน แล้วพวกนั้นเป็นใคร สมควรแล้วหรือไงที่ทำกับฉันแบบนี้ ก็รู้อยู่หรอกนะพวกหล่อนแค่อิจฉา แต่ว่า...มันถึงขั้นต้องทำกันขนาดนี้เลยเหรอ

                    นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนทำแบบนี้กับฉัน เป็นครั้งแรกที่ฉันโดนสาดน้ำ...ซึ่งก็รู้สึกเหมือนถูกตบหน้า มันแย่...แย่ที่สุด!

    .ยัยพวกนั้นใจร้ายไม่ต่างจากปีศาจเลย...!

                    มีผ้าขนหนูสีขาวกับกลิ่นหอมสะอาดผืนหนึ่งยื่นมาตรงหน้า แม้จะไม่รู้ว่ามุราคามิ อากิระ หรือที่รินเรียกว่า จ้าวอสูรมาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ฉันก็รับมันมาห่อร่างกายที่เปียกโชกแต่โดยดี ฉันหายใจเข้าลึกสุดปอด เม้มริมฝีปากแน่นเพื่อกลั้นน้ำตาไม่ให้รินไหล

    เปล่าหรอก...ฉันไม่ได้ร้องไห้เพราะความกลัวแต่อย่างใด หากแต่เจ็บใจ...เจ็บใจที่คาดไม่ถึงว่าจะมีปีศาจแฝงกายอยู่ในจิตใจของเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน

                    “ขอบคุณนะมุราคามิ” ฉันบอกเขาเมื่อรู้สึกดีขึ้นแล้ว “มันอุ่นมากเลย”

                    มุราคามิมองฉันเงียบๆ และไม่ได้พูดอะไร แต่สิ่งหนึ่งที่ฉันรับรู้ได้คือความหมายประมาณว่า บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่ายุ่งกับแม่ทัพของฉันแล้วต่อให้ฉันอยากจะเถียงกลับว่า ฉันเปล่า คนของนายนั่นแหละที่เป็นต้นเหตุมากแค่ไหนแต่ก็ทำไม่ได้ คำพูดของฉันคงถูกน้ำเย็นๆ ชะล้างออกไปหมดแล้ว และอีกอย่างที่เริ่มเข้าใจ คือความจริงที่ว่ามนุษย์บางคนก็น่ากลัวและชั่วร้ายกว่าปีศาจ ต่อให้จ้าวอสูรจะชอบมองฉันราวกับเป็นแค่แบคทีเรียร้ายในซอกบีกเกอร์ยังไง แต่เขาก็ยังดูหน้าคบกว่ายัยพวกนั้นเป็นร้อยเท่าพันเท่า

                    “ในฐานะประธานนักเรียน ฉันคงจะปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปเฉยๆ ไม่ได้” จ้าวอสูรในคราบหนุ่มม.ปลาย ทั้งยังพ่วงตำแหน่งประธานนักเรียนขยับแว่น นัยน์ตาสีนิลขลับยังคงฉายแววแข็งกระด้างเหมือนเดิม “พรุ่งนี้หลังเลิกเรียนช่วยไปที่ห้องปกครองด้วย”

                    “...”

                    “ถ้ามั่นใจว่างตัวเองไม่ได้ทำผิดอะไรก็ไม่ต้องกังวล”

                    มุราคามิพูดทิ้งไว้แค่นั้น แล้วก็เดินออกไป ส่วนฉันก็ยังยืนนิ่งอยู่สักพัก กอดกระชับตัวเองให้แน่น ขบกรามสู้ความหนาวเหน็บ แล้วเดินกลับห้องสมุด

     

                    ครืด...

                    “อ๊ะ! ฮารุกะกลับมาแล้ว เฮ้...เกิดอะไรขึ้น” น้ำเสียงสดใสของโคเหือดหายไปเมื่อได้เห็นสภาพปัจจุบันของฉัน ความตกใจฉายชัดอยู่บนนัยน์ตาสีน้ำตาลของเขา แต่และความผิดปกติของโคนั่นเองที่เรียกให้รินเงยหน้าขึ้นมา

                    ใบหน้าซีดเซียวเพราะของฉันความหนาวสะท้อนบนนัยน์ตาสีอำพันที่เบิกกว้าง แต่รินคงพอรู้อยู่บ้างว่าฉันไม่พร้อมจะอธิบายว่าเกิดอะไรขึ้น เขาจึงไม่ได้เอ่ยถาม มือใหญ่ของรินยื่นมาอย่างช้าๆ ก่อนจะสัมผัสที่แก้มฉันเบาๆ ราวกับปลอบใจ ส่วนโคเองก็จับมือฉันไว้...อุณหภูมิร่างกายที่ส่งผ่านมานั้นช่วยบรรเทาความเหน็บหนาวได้เป็นอย่างดี

    มือของรินนั้นอุ่น...มือของโคก็อุ่นเช่นกัน ทว่า...ความอบอุ่นที่ส่งผ่านมานั้นกลับแตกต่างกันออกไป

    สัมผัสของโคช่วยให้ฉันอุ่นกาย ในขณะที่สัมผัสของรินนั้นช่วยให้ฉันอุ่นใจและปลอดภัย...จนอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาเคยมอบความอบอุ่นแบบนี้ให้ใครคนไหนมาก่อนหรือเปล่า...?

     

                    

                    

                                                

    -------------------------------------------------------------
    25.05.14
    วันนี้ บ้านบาฮันนี่ฝนตกค่ะ
    ทางนั้นล่ะคะเป็นไงบ้าง
    โดนยึดอำนาจทีวีไม่ทำงานแบบนี้ ไม่รู้เลยจริงๆ ว่าว่าวันไหนจะเป็นยังไง
    นี่ถ้าโดนตัดเนทเล่นเว็บ อัพนิยายไม่ได้
    บาอันนี่ต้องกลายร่างเป็นปีศาจแน่ๆ เลยค่ะ

    27.05.14
    เข็นจนจบบทจนด้ายยยยยยยยยย
    เย้ๆๆๆๆๆๆฃ

    นี่ๆๆ มีข่าวดีจะบอกล่ะ
    บานิลลาได้งานทำละนะเคอะ //ดีใจ
    นิยายก้จะปั่นต่อไปเรื่อยๆ ไม่ตายไม่หายแน่นอน 
    ขอบคุณที่ติดตามกันนะคะ วิวเพิ่ม เฟบเพิ่มนี่รู้สึกเหมือนเห็นนิพพานเลยค่ะฃ



     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×