คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ปฐมนิเทศน์มหาวิทยาลัย part 1
1 มิถุนายน ปฐมนิเทศน์นักศึกษาใหม่ปีการศึกษา 2554 หลังจากที่แต่ละคณะได้ทำการปฐมนิเทศน์ในตัวไปก่อนหน้านี้แล้ว ตั้งแต่วันที่ 1-3 มิถุนายนต่อจากนี้ จะเป็นการปฐมนิเทศน์ของมหาวิทยาลัยที่รวมทุกคณะในมหาวิทยาลัยเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ เป็นกิจกรรมบังคับอีกกิจกรรมหนึ่งที่นักศึกษาทุกคนต้องเข้าร่วม ภายในศูนย์ประชุมนานาทศวรรษมีเด็กนักศึกษาชั้นปีที่ 1 แน่นขนัดเต็มไปทั่วห้องประชุมขนาดใหญ่ เป็นห้องประชุมที่ใหญ่ที่สุดแล้ว เพราะเป็นห้องที่สามารถรองรับจำนวนนักศึกษาได้ทั้งระดับชั้นปีได้พอสมควรมากกว่าห้องอื่นๆ ภายในบรรยากาศห้องประชุมแกรนด์พาเลสนี้ ตกแต่งไปด้วยความเรียบง่าย ผนังห้องในบางโซนทำด้วยไม้ย้อมสีโอ๊คซึ่งดูเป็นธรรมชาติยิ่งนัก พื้นห้องประชุมก็ปูรองด้วยพรมสีน้ำเงินกรมท่าทำให้บรรยากาศดูเงียบขรึมและเหมาะกับการเข้ารับฟังการประชุมหรือสัมมนาต่างๆ ในจำนวนคนเยอะ ภายในห้องประชุมขณะนี้ได้มีการจัดวางเรียงเก้าอี้ไม้เป็นจำนวนพันๆ ตัวเพื่อที่จะรองรับให้กับนักศึกษาที่เข้ารับการปฐมนิเทศน์ในปีการศึกษานี้
9 นาฬิกาเป็นเวลาที่นักศึกษาชั้นปีที่ 1 ทยอยกันเข้ามาภายในห้องประชุมนี้ ส่วนใหญ่นักศึกษาเริ่มที่จะจับกลุ่มนั่งกันตามคณะแล้ว เหตุเพราะก่อนหน้านี้แต่ละคณะได้ทำการปฐมนิเทศน์ไปบ้างแล้ว ทำให้นักศึกษาเหล่านี้เริ่มที่จะคุ้นเคยกับเพื่อนร่วมคณะกันไม่มากก็น้อย
“กุถามรุ่นพี่มาแล้วเว้ย ว่าปฐมนิเทศน์ของมหาวิทยาลัยเป็นไงบ้าง รุ่นพี่กุบอกโคตรน่าเบื่อเลย นั่งฟังตลอด 3 วัน หนีก็ไม่ได้เพราะเค้าเช็คทรานสคริป” แจ๊บพูด
“จริงเดะ แบบนี้น่าเบื่อตาย” เซียงพูด
เป็นจริงอย่างที่แจ๊บว่า เพราะแค่ไม่ถึงชั่วโมงบรรยากาศภายในห้องประชุมก็น่าเบื่อเป็นอย่างมาก นักศึกษาที่นั่งหลังห้องมีท่าทีค่อยๆ เลื้อยลงไปนอนกับพื้น ส่วนที่นั่งด้านหน้าก็ต้องทนยอมเสแสร้งนั่งตั้งใจฟังผู้ที่มาบรรยายเรื่องต่างๆ ภายในมหาวิทยาลัย
“ต่อไปจะเป็นการอันเชิญตรามหาวิทยาลัย ธงมหาวิทยาลัย ตราคณะ และธงคณะครับ” พิธีกรชายพูด
สิ้นเสียงพิธีกรพูดเพลงประจำมหาวิทยาลัยบรรเลงขึ้น ตรงกลางห้องประชุมที่เขาทำทางเดินเว้นไว้ ก็มีขบวนนักศึกษาแต่ละชั้นปีที่เป็นตัวแทนในการถือตรา ธง มหาวิทยาลัยและคณะต่างๆ เดินขบวนเข้ามาพร้อมกับเสียงพิธีกรหญิงกับพิธีกรชายพลัดกันพูดแนะนำข้อมูลของมหาวิทยาลัยและคณะต่างๆ
ที่น่าสะดุดตามากก็คือ ผู้ที่ถือป้ายมหาวิทยาลัยนั้นคือดาวและเดือนมหาวิทยาลัยนั่นเอง เป็นที่ต้องตาของนักศึกษาชั้นปีที่ 1 เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเดือนมหาวิทยาลัย
สิ้นสุดพิธีแนะนำมหาวิทยาลัยและคณะแล้ว ทุกคนในห้องประชุมต่างกลับมาในสภาพเดิมอีก คือนั่งฟังบรรยายต่างๆ โดยที่ไม่รู้จะจบสิ้นเมื่อไหร่
“ไปห้องน้ำเป็นเพื่อนกุหน่อย” แจ๊บพูดหลังจากที่เวลาผ่านไป 2 ชั่วโมงกว่า
“เฮยยย เมิงรอก่อนนะ แป๊บเดียวเดี๋ยวเค้าก็พักกินข้าวแล้ว ค่อยออกไปตอนนั้นก็ได้” เซียงพูด
แจ๊บเลยนั่งรอให้เขาปล่อยให้พักกินข้าวตามที่เซียงบอก แต่ที่คาดไม่ถึงคือทางสโมสรของมหาวิทยาลัยไม่ได้ปล่อยให้นักศึกษาออกไปหาอะไรทานเองแล้วค่อยกลับมาตอนช่วงบ่าย แต่สโมสรมหาวิทยาลัยกลับให้นักศึกษาทุกคนนั่งอยู่กับที่ แล้วทางสโมสรมหาวิทยาลัยจะแจกข้าวกล่องไปตามแต่ละแถวเอง
“อ้าว ไหงเป็นงี้อ่ะ” เซียงพูด ไม่ใช่แค่เซียงที่พูดแบบนี้ แต่เด็กทั้งห้องประชุมต่างส่งเสียงโวยวายกันแทบทุกจุด เพราะเบื่อกับการที่ต้องนั่งอยู่ในห้องประชุมแบบนี้ตลอดเวลา
“ไป กุกินเสร็จแล้ว ไปห้องน้ำกับกุหน่อย” แจ๊บพูด
“เมิงยังไม่กินส้มเลยหนิ เมิงกินให้หมดก่อน เดี๋ยวเผื่อพี่เค้ามาเก็บจะถูกว่าเอาได้” เซียงพูด
“เมิงจะกลัวอะไรนักหนาวะ เด็กตั้งพันๆ คนพี่เค้าไม่มานั่งเรียงว่าตัวๆ หรอก นี่ของมหาวิทยาลัยไม่ใช่ของคณะนะเว้ย” แจ๊บพูดพลางลุกขึ้นยืนจะไปห้องน้ำ โดยที่ไม่สนใจแล้วว่าเซียงจะไปกับเขาหรือไม่
“เออๆ รอกุด้วย กุไปด้วย” เซียงพูด
ผ่านไปเกือบ 3 นาที ทั้งแจ๊บและเซียงก็ยังเดินไปไม่ถึงห้องน้ำ เพราะตอนพักเที่ยงเป็นช่วงเวลาที่นักศึกษาต่างเข้าห้องน้ำไปทำธุระส่วนตัวกันทั้งนั้น
“โอโห แมร่ง กว่ากุจะเดินมาถึงห้องน้ำปาไปเท่าไหร่แล้ว นี่มารอในห้องน้ำอีก” แจ๊บพูด แต่ไม่ใช่แค่นั้น โถปัสสาวะแต่ละโถก็สกปรก บางโถก็กดทิ้งน้ำไม่ได้ ลูกเหม็นที่ใส่ไว้แต่ละโถแทบจะกลบกลิ่นปัสสาวะได้ไม่หมด เป็นการเข้าห้องน้ำที่สะบักสะบอมมากสำหรับนักศึกษาปี 1 แทบทุกคน ไม่ว่าจะเป็นห้องน้ำผู้หญิงหรือห้องน้ำผู้ชาย
ช่วงบ่ายเป็นกิจกรรมที่สันทนาการจะเข้ามาให้ความบันเทิงแก่นักศึกษาปี 1 แต่ก็ผิดคาด เพราะผู้นำสันทนาการไม่มีความเป็นผู้นำเอาซะเลย ไม่ว่าจะเล่นมุขไหนหรือเต้นท่าไหนก็ไม่ฮา ไม่ขำ หนำซ้ำยังสร้างความเบื่อหน่ายแกมบังคับอีก เพราะถ้าคนไหนไม่เต้นพี่ๆ เขาก็จะจับออกมาให้ขึ้นไปบนเวทีแล้วไปเต้นให้เพื่อนๆ ดู ทุกคนเลยต้องจำยอมเต้นอย่างไม่เต็มใจ
เวลาผ่านไปช้ามาก เพราะมีแต่ความน่าเบื่อหน่าย ต้องนั่งฟังวิทยากรคนแล้วคนเล่าแนะนำนู่นนี่นั่นภายในมหาวิทยาลัย ทำให้ด้านหลังนักศึกษานั่งสลับที่ไปมา เดินออกไปข้างนอกกันให้วุ่น แต่ออกไปก็ไปได้แค่ห้องน้ำ แล้วก็ต้องกลับเข้ามาในห้องประชุมอยู่ดี ทำให้ข้างหลังนั่งสลับปนเปมั่วคณะกันไปหมด
“จำเราได้มั๊ย” แจ๊บพูดพลางเอานิ้วชี้สะกิดผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างๆ เพราะตอนนี้ที่นั่งด้านหลังสลับมั่วไปมาหมดแล้ว
“จำได้ดิ แจ๊บใช่ป่ะ” ผู้หญิงคนนั้นพูด
“อื้ม จูนใช่มะ” แจ๊บถาม
“ใช่ๆ เค้าน่ะจำแจ๊บได้ แต่เค้ากลัวว่าแจ๊บจะจำเค้าไม่ได้ เค้าก็เลยไม่กล้าทัก 55” จูนพูด
“อยู่คณะอะไรหรอ” แจ๊บถาม
“นิเทศศาสตร์ แจ๊บล่ะ” จูนพูด
“บริหารธุรกิจ” แจ๊บพูด
เซียงหันไปหาแจ๊บว่ากำลังพูดกับใคร แต่เซียงก็ต้องสะดุดกึกเพราะผู้หญิงคนที่แจ๊บพูดเธอน่ารักเหลือเกิน ดูแล้วเป็นธรรมชาติดี เพราะใบหน้าเธอแทบจะปราศจากเครื่องสำอางอย่างที่วัยรุ่นผู้หญิงในปัจจุบันมักจะแต่งหน้ากัน เซียงหันไปยิ้มให้และจูนก็ยิ้มตอบกลับมาแล้วก็หันหน้าไปคุยกับเพื่อนข้างๆ เธอต่อ
“ใครวะแจ๊บ” เซียงถาม
“อ๋อ เพื่อนสมัยประถมน่ะ อยู่คนละห้องกัน แต่คุ้นหน้าจำได้” แจ๊บพูด
“อ๋อ” เซียงพูด
แต่ที่น่าแปลกคือ จูนก็หันหน้ามายิ้มกับเซียงบ่อยเหมือนกัน ทำให้เซียงอดคิดไม่ได้ว่า จูนก็รู้สึกอะไรบางอย่างเช่นเดียวกับเขา ในตอนนี้เซียงเริ่มรู้สึกว่าการนั่งฟังบรรยายต่างๆ ในห้องประชุมไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อสำหรับเขาอีกต่อไป เพราะแจ๊บได้แนะนำให้เซียงได้รู้จักกับจูนเพื่อนของเขา แต่ดูท่าทางแล้วเซียงกับจูนจะเข้ากันได้ดี แจ๊บเลยปล่อยให้เขาทั้งสองคนได้พูดคุยกันตามสบาย เพราะเขาจะได้เลื้อยลงไปนอนที่พื้นโดยที่ให้เซียงและจูนดูต้นทางให้
ความคิดเห็น