ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    จอมยุทธ์หน้ากากทอง [E-Book]

    ลำดับตอนที่ #5 : ถล่มวังจันทรา

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.05K
      47
      10 ส.ค. 64


    ภายในห้องรับรอง ตำหนักเขียวขจี

    งานประชุมลับของเหลียนเฉิงปี เป็นการชุมนุมชาวยุทธ์รุ่นเยาว์ ล้วนเป็น ศิษย์เอก หรือตัวแทน ของ 6 พรรค 7 สำนัก ดังนั้น จึงมีแต่คนหนุ่มสาว อนึ่ง สามารถใช้เป็นสถานที่เปิดประชุมลับได้ เนื่องจาก ประมุขแห่งตำหนักเขียวขจี ตอนนี้ พำนักอยู่วังหลวง 

    แขกที่ได้รับเชิญ ส่วนใหญ่อยู่ชนชั้นจอมยุทธ์ ยามนี้ บางส่วนยืนจับกลุ่มพูดคุย บางส่วนนั่งเงียบๆ ประมุขน้อย เหลียนเฉิงปี ยืนหันหลังให้ทุกคนบนบัลลังก์ประธาน นิ่งคิด เงียบขรึม ไม่สนผู้ใด โอวหยางชิง ยืนเด่นกลางห้อง ต้อนรับ และสนทนากับสหาย อย่างเปี่ยมอัธยาศัย

    เมื่อแขกกลุ่มใหญ่สุดก้าวเข้ามา ดึงดูดทุกสายตาให้หันมอง ยกเว้นประมุขน้อย... คนเดินนำหน้าสุด รูปกายสูงเด่น หน้าตาคมเข้ม คือ เมี่ยวฟง สองคนถัดมา คือหญิงสาวผู้มีชื่อเสียง เหยาฟ่งอิง และบุรุษหนุ่ม ผู้มีบุคลิกโดดเด่น แต่ไม่มีใครรู้จัก หยุนเซียวเซียว สองคนหลังสุด ที่มีท่าทางตื่นเต้น กริยาหลุกหลิก คือ ไฉจิ้งฟง กับ เกาฮวยเอี้ยน ซึ่งถูกเมี่ยวฟงจับตัวที่หน้าประตู แล้วสั่งให้เข้ามาพร้อมกัน 

    ...ใน 5 คน กลับเป็น หยุนเซียวเซียว ที่ได้รับการเพ่งมองมากสุด ด้วยบุคลิกสง่าผ่าเผย ท่วงท่าองอาจ ใบหน้าระบายรอยยิ้ม แถมรูปโฉมหล่อเหลา

    "พี่เมี่ยว แม่นางเหยา... นึกว่าจะไม่มาแล้ว" ผู้เดินยิ้มแย้มมาต้อนรับคนแรก คือ บุรุษหน้าตาดี นิสัยซื่อตรง และขี้อาย ศิษย์เอกสำนักคุนลุ้น ดาบซื่อสัตย์ เถี่ยหลงอัน

    "ไฮ้ งานสนุกแบบนี้ ขาดข้าเมี่ยวฟงไป มิกร่อยแย่เหรอ"

    "ฮะ ฮะ แน่นอน แน่นอน มีงานครึกครื้นที่ไหน ต้องมีวิหคเหินฟ้าอยู่ที่นั่น หากท่านพี่เมี่ยวไม่มา งานปราบพรรคมารก็ไร้สีสันแย่" โอวหยางชิงทักทาย นำสองบุรุษเดินมา

    "แหม่ โอวหยางชิง พูดซะน่าฟังสวยหรู แต่ไปเยือนพรรคอักษรกระบี่ ไม่ยอมเยือนหมู่บ้านข้า สองมาตรฐานนี่นา" เมี่ยวฟงหยอกเย้า

    "อภัยเถอะ อภัยเถอะ ประมุขน้อยสืบข่าวบิดาถึงพรรคอักษรกระบี่ จึงแวะเยี่ยมเยียน ไม่ว่างไปหมู่บ้านดาวตก วันหลังค่อยไปขอขมาประมุขหลาน... แม่นางเหยา คุณชายหยุน ขอต้อนรับสู่ตำหนักเขียวขจี ส่วนสหายน้อยสองท่านหลังนี้ คือ..."

    "อ๋อ ข้า...เอ่อ...ข้า...ไฉจิ้งฟง กับ ศิษย์น้อง เกาฮวยเอี้ยน เราสองคนเป็นศิษย์ผู้เฒ่าสายลม แห่งหมู่บ้านดาวตก" ไฉจิ้งฟงแนะนำตัว ทั้งสองยังควบคุมความตื่นเต้นไม่ได้

    "อ๋อ ผู้เฒ่าเหมารับศิษย์แล้วหรือนี่ นับถือ นับถือ ยินดีที่ได้พบ" โอวหยางชิงทักทายอย่างนอบน้อม ทั้งสองคำนับกลับอย่างประหม่า 

    "หูฮุ่ยเฉียง พรรคกระยาจก..." บุรุษผอมเก้งก้าง ใบหน้าดุ แววตาเจ้าเล่ห์ แนะนำตัว มันคือ ศิษย์เอกพรรคกระยาจกลำดับที่หนึ่ง มุสิกไร้เงา หูฮุ่ยเฉียง 

    "กัวเทียนเซิ่ง แห่ง คงท้ง..." บุรุษรูปร่างสูงโปร่ง เก้งก้าง ใบหน้าดำคล้ำ แสดงถึงนิสัยวู่วาม เจ้าอารมณ์ คือ ศิษย์เอกสำนักคงท้ง หมัดผ่าหิน กัวเทียนเซิ่ง

    "ยินดีที่ได้พบ มิทราบจอมยุทธ์ ชื่อแซ่ใด?" ทั้งสองยกมือคำนับมาทางหยุนเซียวเซียว และหูฮุ่ยเฉียงเป็นคนถาม 

    "หยุนเซียวเซียว ศิษย์พรรคอักษรกระบี่ เพิ่งออกท่องยุทธภพครั้งแรก ยินดีที่รู้จัก"

    พอทราบว่าเป็นคนไร้ชื่อเสียง ไม่อยู่ในทำเนียบจอมยุทธ์ ทั้งสองมองหน้ากัน แล้วหมดความสนใจทันที พากันเดินไปนั่ง เมี่ยวฟงทำปากหมุบหมิบอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์

    "เถี่ยหลงอัน จาก สำนักคุนลุ้น... พี่หยุนบุคลิกไม่ธรรมดา ภายภาคหน้าต้องโด่งดังแน่" มีเพียงเถี่ยหลงอัน ที่มอบมิตรภาพให้อย่างไม่ดูถูก หยุนเซียวเซียวยิ้มรับไมตรี

    "เอ่อ...ข้า... กุ้ยอู่ จากพรรคกระยาจก ยินดีที่ได้พบ" หนุ่มน้อยท่าทางขี้อาย ที่ยืนอยู่หลังเก้าอี้หูฮุ่ยเฉียง เดินประหม่าเข้ามาทักทาย ...มิเพียงเกรงศักดิ์ศรีเหล่าจอมยุทธ์...มิเพียงออกท่องโลกกว้างเป็นครั้งแรก... นางยังเป็นหญิงที่ปลอมตัวเป็นชายอีกด้วย!! มิใช่ตั้งใจหลอกลวง แต่งเป็นชายเพื่อความสะดวก แต่ยังไม่มีใครเปิดโปงตัวตนของนาง จึงปล่อยเลยตามเลย จำยอมเป็นบุรุษเพศต่อไป 

    บนเก้าอี้ ยังมี พลองขี้เซา เว่ยจาจี่ ศิษย์เอกสำนักจงน้ำ บุรุษรูปร่างผอมบาง ซูปซีด อิดโรย ท่วงท่าเซื่องซึม หงอยเหงา เหมือนคนอมโรค แถมแววตาสะลึมสะลือตลอดเวลา ลุกขึ้นคำนับกลุ่มของเมี่ยวฟงเงียบๆ เป็นพิธี แล้วนั่งเฉยตามเดิม

    "ฮ่าห์...!" จู่ๆ ปลายประบี่พุ่งมาจากหน้าประตูพร้อมร่างสาวน้อยเสื้อส้ม เมี่ยวฟงตีลังกาสองตลบ หลบอย่างหวุดหวิด นางพลิ้วตัวข้ามหัวลงพื้น หันกลับมาตั้งท่าอีกครั้ง

    "เดี๋ยว ถ้าจะต่อยตี กรุณาไปข้างนอก" โอวหยางชิงรีบปราม เหลียนเฟิ่งหวงหันไปย่นจมูกใส่ทีหนึ่ง ก่อนหันกลับมาเชิดปากว่าเจื้อยแจ้ว

    "อะไรคือเพิ่งมา? เสียแรงวิชาตัวเบาเลิศสุดในแผ่นดิน มาช้ากว่าคงท้งอีก"

    "โธ่เอ๊ย เขานัดยามสองก็ต้องมายามสองซี่ จะรีบมาทำไร ต่อยตีกับเด็กกะโปโลอย่างเจ้าน่ะเหรอ ข้าไม่เอาด้วยหรอก" เมี่ยวฟงว่าเสียงดัง ยกมือกอดอก เชิดหน้า

    "หนอยแน่ะ เสียทีคบเป็นสหาย เล่นด้วยแค่นี้ทำวางท่านะ พี่ฟ่งอิง... ดูศิษย์พี่ใหญ่ของท่านสิ" คุณหนูเหลียนเข้ามาฟ้องเหยาฟ่งอิง ด้วยกริยาแง่งอนแบบน่ารัก ทว่า สายตาเหลือบเห็นบุรุษข้างตัวนาง พลันชะงัก จ้องตาค้าง ...สะดุดทั้งตา...สะดุดทั้งใจ...

    "ท่านหญิง มาแล้ว..." เมื่อโอวหยางซือซือปรากฏกาย ทุกคนยกมือคำนับนาง ไฉจิ้งฟงถึงกับอ้าปากค้างในความงาม ส่วนเมี่ยวฟงนั้นยิ้มหวาน ดวงตาฉ่ำเยิ้ม

    "คืนนี้ ข้าเป็นเจ้าภาพเปิดตำหนักเขียวขจี ตามคำขอของประมุขน้อย เชิญทุกท่านทำตัวตามสบาย" นางยิ้มพลางนั่งลงบนเก้าอี้ทางซ้ายของที่นั่งประธาน โอวหยางชิง น้องชาย เดินขึ้นบันไดมานั่งลงทางขวา เหลียนเฉิงปีหันกลับมาช้าๆ

    ภายในห้องรับรอง มีทั้งสิ้นสิบสี่คน ที่ขาดไป มีเพียง หมู่ตึกเทพกระเรียน สำนักเส้าหลิน สำนักบู๊ตึ๊ง สำนักง่อไบ๊ และสำนักเตียมซัง มิใช่ว่าไม่มา แต่เหลียนเฉิงปีไม่ได้เชิญ

    ผู้ร่วมประชุมแยกย้ายกันนั่ง บางคนก็ยืน เพราะเก้าอี้แขกมีเพียงแปดตัว กุ้ยอู่ ไฉจิ้งฟง และเกาฮวยเอี้ยน เป็นสามคนที่ยืน... 

    "ที่ข้าเปิดประชุมลับในคืนนี้ เพื่อต้องการรับฟังความเห็น และแผนการบุกโจมตีวังจันทรา" ประมุขน้อยเข้าประเด็นทันที

    "โจมตีวังจันทรา!?" กัวเทียนเซิ่งโพล่ง "เรารู้ที่ตั้งแท้จริงของมันแล้วเหรอ"

    "งานโค่นหมัดพยัคฆ์ระบุว่า ประมุขทั้งสองอยู่ที่วังจันทรา แต่ที่ตั้งของพรรคมารแห่งนี้ ยังไม่มีหลักฐานชัดเจน จะว่าอยู่ในวงแหวนสี่มาร ก็ไม่มีใครพิสูจน์ได้" หูฮุ่ยเฉียงว่า

    "เมื่อภารกิจ คือ บุกวังจันทรา คิดว่าประมุขน้อยคงจะทราบที่อยู่ชัดเจนแล้วล่ะ" 

    เหยาฟ่งอิงกล่าวอย่างฉลาด เพื่อตัดบทโต้เถียงในประเด็นนี้ออกไป

    "ถูกต้อง ข้าคิดว่า เบื้องหลังของอุทยานจิตสราญ คือ ที่ตั้งของวังจันทรา เพราะข้าเคยได้ไปสำรวจมาแล้ว ที่นั่น เปลือกนอกเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ข้างในกลับลึกลับซับซ้อนกว่าที่คิด มีการใช้เวทมนตร์สร้างภาพมายา รวมถึงกับดักมากมาย การจะทะลุเข้าไปถึงข้างในนั้น จึงใช้แค่กำลังหักหาญไม่ได้ ต้องใช้ปัญญาด้วย" 

    "แล้วทำไมเราถึงไม่รอวันมะรืน ซึ่งวังจันทราจะยอมเปิดตัวเป็นครั้งแรก" เมี่ยงฟงถาม

    "งานโค่นหมัดพยัคฆ์ ไม่ได้มีแต่ 6 พรรค 7 สำนัก อีก 3 มาร ก็มาด้วย ข้าคิดว่าวันนั้นจะวุ่นวายมาก 3 มาร ที่ต้องการเป็นใหญ่ อาจเข้ามาร่วมแย่งตัวทั้งสอง ศัตรูมากขึ้น โอกาสก็น้อยลง ถ้าบุกพรุ่งนี้ เราจะซัดแค่วังจันทราเท่านั้น มันควบคุมง่ายกว่ามาก"

    "คำถามแรก คือ เราจะหาวังจันทราพบได้อย่างไร และข้อสอง จะเข้าไปในนั้นได้อย่างไร" โอวหยางชิงตั้งประเด็น

    "ไม่เห็นยาก อยากได้ลูกเสือก็ต้องเข้าถ้ำเสือ พวกเราทั้งหมดนี่บุกเข้าไปพร้อมกัน กระจายรอบทิศทาง อุทยานจะกว้างขวางสักแค่ไหนเชียว" เมี่ยวฟงบอกห้าวๆ เขาเป็นคนไม่มีความคิดซับซ้อน บุ่มบ่าม และไม่ละเอียดรอบคอบ ถนัดแต่เรื่องบู๊

    "อ๋า... เมี่ยวฟงห้าวหาญ ชาญชัย นัก ขอเชิญท่านเป็นทัพหน้า บุกทะลวงฟันเหล่ามารให้เรียบ" เหลียนเฟิ่งหวงนิยมชมชอบความกล้าหาญ พูดจริง ทำจริง ของเมี่ยวฟงเสมอ

    "เฟิ่งหวง นี่เป็นภารกิจช่วยบิดา ไม่ใช่ขายของเล่น อย่าชักใบให้เรือเสีย" เหลียนเฉิงปีปรามน้องสาวเสียงดุ 

    "พี่ใหญ่ เขาพูดถูก จะช่วยคนก็ต้องบุกเข้าไป ด้วยฝีมือของพวกเรา รับมือแค่วังจันทรา คงไม่ถึงขนาดแพ้กระมัง แต่ก่อนพี่ลุยหน้าฆ่าฟัน ไม่เห็นคิดมากอย่างนี้เลย"

    "เฟิ่งหวง ยุทธจักรกล่าวขานถึงความลึกลับร้ายกาจ ฝ่ายอธรรมก็ยกย่องวังจันทราเป็นอันดับหนึ่งในสี่มาร ตำแหน่งนี้ มิได้มาเพราะโชคช่วย เจ้าอย่าได้ประมาทศัตรู"

    โอวหยางซือซือเตือนมานุ่มนวล เมี่ยวฟงถึงกับลุกขึ้นยืน พูดเสียงดัง

    "ท่านหญิงกล่าวถูกต้อง เราต้องรู้เขารู้เราก่อน ถึงจะค่อยบุกซัด เมื่อกี้ ข้าพูดสั้นไปนิดนึง ขออภัย" บางคนรู้ว่าเมี่ยวฟงเอาใจโอวหยางซือซือ จึงรู้สึกขำ ท่านหญิงเพียงยิ้มรับ ส่วนเหลียนเฟิ่งหวงค้อนอย่างหมั่นไส้ 

    "แค่ก...แค่ก... หรือจะใช้วิธีลอบเข้าไปสืบ" เว่ยจาจี่ไอทีหนึ่ง ก่อนพูดเสียงเบา เขาดูคล้ายคนป่วยสุขภาพย่ำแย่ ที่จริงเป็นโรคประหลาด ยามต่อสู้ จะเปลี่ยนเป็นอีกคน

    "ข้าต้องการโจมตีแบบสายฟ้า ยิ่งเสียเวลา ศัตรูยิ่งมีโอกาส ข้าต้องการบทสรุปเป็นแผนการที่ชัดเจน ก่อนลงมือเช้าวันพรุ่งนี้" ประมุขน้อยพูดเสียงเฉียบขาด 

    "เอ่อ... หากข้าเคยไปอุทยานแห่งนี้ จะต้องคิดแผนได้ทันทีแน่" หูฮุ่ยเฉียงฉลาดพูดให้ตัวเองดูดี ส่วนกัวเทียนเซิ่ง กับ เว่ยจาจี่ เงียบ ไม่รู้จะแสดงความเห็นอย่างไร  

    "...ยามเมื่อโบตั๋นเบ่งบาน ประตูจะเปิดต้อนรับ... เรามาไขปริศนาประโยคนี้ก่อนดีไหม"

    บุรุษรูปงามนั่งฟังมานาน ชี้ทางสว่างให้ เมื่อทุกฝ่ายเงียบ

    "อ่า... คุณชายหยุนไม่พูด ก็เกือบลืมไป..." โอวหยางชิงสนับสนุน "ธรรมชาติของดอกโบตั๋นนั้น จะเบ่งบานยามเที่ยงคืน ความหมายของประโยคนี้ มีอยู่สองอย่าง คือ เที่ยงคืน ประตูวังจะเปิดอัตโนมัติ หรือ คนของวังจะเปิดประตูในเวลาเที่ยงคืน"

    "มีอีกอย่าง คือ ไม่มีความหมายลึกซึ้ง ความจริงแล้ว วังจันทราก็เปิดกว้างเหมือนสำนักอื่นๆ เพียงแต่เรามองไม่เห็นเท่านั้นเอง" หยุนเซียวเซียวต่อท้ายยิ้มๆ 

    "อ๋อ... หรือว่า...คุณชายหยุนรู้ที่ตั้งของวังจันทราแล้ว?" เหลียนเฉิงปีมองตาคมกริบ หยุนเซียวเซียวระบายรอยยิ้ม ก่อนจะเริ่มพูดแสดงความเห็นของตนเอง... 



    "ท่านหญิง...เอ่อ..." เมื่อการประชุมจบลง เมี่ยวฟงเดินตามนางมาด้วยใจเรียกร้อง ก่อนจะเรียกรั้งไว้ เมื่อนางกำลังจะกลับเข้าห้องพักของตนเอง

    "จอมยุทธ์เมี่ยว มีธุระอันใด" โอวหยางซือซือหันมาถามเสียงนุ่ม

    "อ๋อ เปล่า คือ พรุ่งนี้เช้าเราก็จะไปกันแล้ว ไม่ว่าผลออกมาจะเป็นยังไง ข้าตั้งใจว่าจะกลับมาที่นี่อีกครั้ง" เมี่ยวฟงรวบรวมความกล้าพูดออกไป แต่ท่านหญิงไม่เข้าใจความหมาย

    "ตำหนักเขียวขจียินดีต้อนรับทุกเมื่อ ราตรีสวัสดิ์" จึงได้แต่ยิ้มรับอย่างสุภาพ แล้วเดินจากไป เมี่ยวฟงมองตามจนลับตา แม้จะอาวรณ์แต่ก็รู้สึกคุ้มค่าที่ได้ทำตามหัวใจตัวเอง



    ยามสามแล้ว ภายในห้องพักฝั่งตะวันตกของตำหนักเขียวขจี

    แขกเหรื่อที่มาในวันนี้ ล้วนพำนักกันในตำหนักทั้งหมด ซึ่งสถานที่กว้างขวางมาก รองรับคนได้ไม่มีจำกัด หยุนเซียวเซียวกับคนหมู่บ้านดาวตกห้องพักติดกัน เหยาฟ่งอิงจึงแวะมาคุยด้วย

    หยุนเซียวเซียวเปิดหน้าต่าง ภายในตำหนักแม้ใหญ่โตโอ่อ่า มีทหารรักษาการณ์มากมาย แต่ก็มีความเป็นส่วนตัวไม่น้อย เห็นได้จากไม่มีเวรยามมาป้วนเปี้ยนแถวห้องพักแขก

    "นี่ เจ้าแน่ใจหรือว่า แผนที่บอกไปจะใช้ได้ผล?" สหายสาวถามมาประโยคแรก

    "พรุ่งนี้เช้าก็รู้!" เขาตอบสั้นๆ พร้อมยิ้มอย่างมีเลสนัย

    "ไม่อยากเชื่อเลยว่า ประมุขน้อยจะยอมทำตามแผนของเจ้าง่ายดาย" เหยาฟ่งอิงเอ่ยเหมือนรำพึง หยุนเซียวเซียวเอะใจ เดินมานั่งลงเคียงข้าง เลิกคิ้วถาม

    "ประมุขน้อย...เป็นคนแบบไหนกันแน่?"

    "หยิ่งยโส เผด็จการ เอาแต่ใจตัวเองเป็นใหญ่ ไม่ค่อยชอบถามความเห็นใคร บางครั้งก็ดูลึกลับเข้าถึงยาก เดิมที ข้าสงสัยตั้งแต่งานประชุมลับนี่แล้ว ปกติ ด้วยฝีมือของเขา บวกกับตำหนักเขียวจี สำนักคุนลุ้น คงท้ง จงน้ำ และพรรคกระยาจก น่าจะพอเพียงต่อการบุกวังจันทรา ทำไมถึงทำให้เป็นเรื่องใหญ่โต แถมพอเจ้าเสนอแผนการครั้งแรก ก็เห็นด้วยแบบไม่คิดเลย ดูจะ...ผิดวิสัยคนแบบเขาไปหน่อยนะ"

    "บางที...ข้ากับประมุขน้อย...อาจใจตรงกันก็ได้" เขาพูดเพื่อให้นางสบายใจ

    "หวังให้เป็นอย่างนั้นเถอะ เอาล่ะ ข้าควรไปนอนแล้ว พรุ่งนี้เช้าเปิดศึกใหญ่ เจ้าก็ควรจะพักผ่อนให้เพียงพอ" หยุนเซียวเซียวไปส่งนางที่หน้าประตู เมื่อนางลับตาแล้ว เมี่ยวฟงก็เดินผ่านมา ฮัมเพลงอย่างมีความสุข

    "พี่ฟง ท่าทางอารมณ์ดีแบบนี้ คงยังไม่ง่วงใช่ไหม แวะคุยกันหน่อยสิ"

    "อ๋อ ได้เลย ถึงกลับไปก็นอนไม่หลับ ข้าน่ะชอบโต้รุ่งอยู่แล้ว ว่าแต่ถ้ามีเหล้าแจ่มๆ มันจะยิ่งคุยสนุกขึ้นนะ"

    "ฮะ ฮะ ไม่ต้องห่วง สาวใช้เพิ่งนำนารีแดงมาที่ห้องข้าเอง" หยุนเซียวเซียวปิดประตูลง และคืนนั้น ยามสามกว่าๆ เขากับเมี่ยวฟงก็ได้พูดคุยบางอย่างที่ไม่มีใครรู้

       

    รุ่งเช้า กองทัพถล่มวังจันทรา ก็ทยอยเดินทางออกจากตำหนักเขียวขจี โดยมีเพียงท่านหญิงคนเดียวที่ไม่ได้ไป หูฮุ่ยเฉียง กัวเทียนเซิ่ง กุ้ยอู่ และเว่ยจาจี่ ไปก่อนเป็นกลุ่มแรก ประมุขน้อย เหลียนเฉิงปี เหลียนเฟิ่งหวง โอวหยางชิง และเถี่ยหลงอัน เดินทางเป็นกลุ่มที่สอง ปิดท้ายด้วย หยุนเซียวเซียว เมี่ยวฟง เหยาฟ่งอิง ไฉจิ้งฟง และเกาฮวยเอี้ยน เป็นกลุ่มที่สาม ที่ต้องกระจายออกไปเป็นกลุ่มๆ เพื่อกันการสังเกต สนใจ จากภายนอก

    และเมื่อกลุ่มแรกมาถึงแล้ว จึงเริ่มดำเนินตามแผนที่วางไว้ แผนของหยุนเซียวเซียว คือ ให้กลุ่มของหูฮุ่ยเฉียงบุกโจมตีอุทยานจิตสราญทางทิศตะวันตก เพื่อดึงความสนใจของคนวังจันทรา ทั้งสี่อาละวาดสมบทบาท และพบว่ามีศิษย์วังจันทรา (สตรี) ซ่องสุมอยู่ไม่น้อยเลย ทยอยออกมารับมือไม่ขาดสาย ฟากตะวันตกจึงเปิดศึกรบกันระหว่างฝ่ายธรรมมะทั้งสี่ กับเหล่าศิษย์วังจันทรา กลุ่มของประมุขน้อย บุกทางทิศตะวันออก แต่ไปแบบซ่อนเร้น ทิศตะวันออกของอุทยานจิตสราญเป็นสวนเล็กๆ ที่มีน้ำตก หยุนเซียวเซียวเปิดเผยเรื่องที่ตนเคยมาสำรวจ (ไม่ใช่คืนเมื่อวาน) และสังเกตว่าหลังม่านน้ำตกนั้นคล้ายมีถ้ำ หน้าที่การสืบค้นจึงยกให้เหลียนเฉิงปีกับพรรคพวกไป และทั้งสี่ก็หลบสายตาเหล่าศิษย์ หายเข้าไปหลังม่านน้ำตกจนได้ กลุ่มของหยุนเซียวเซียว บุกเข้าไปตรงกลางอย่างสง่าผ่าเผย เป้าหมาย เพื่อจับตัวธิดาเทพแห่งวังจันทรา ทว่า เมื่อพวกเขามาถึงก็ไม่พบนาง กลุ่มของหูฮุ่ยเฉียงตามมาสมทบกับพวกหยุนเซียวเซียว 

    ด้านนอก ตวนหมิ่น ที่รู้ความเคลื่อนไหวล่วงหน้า เตรียมการไว้หมดแล้ว สั่งคนของนางจุดไฟเผาอุทยาน และลูกศิษย์รายล้อมไว้ทุกด้าน ทั้งหมดตกอยู่กลางวงล้อมของกองเพลิง ไม่สามารถหลบหนีออกมาได้ เพราะถูกปิดทางทั้งหมด ส่วนหน้าทางเข้าถ้ำ เมื่อทั้งหมดวิ่งมาถึง พบว่ามีก้อนหินขนาดยักษ์ปิดกั้นทางไว้แล้ว ขณะที่ทุกคนแตกตื่น สับสน หยุนเซียวเซียว กับ เมี่ยวฟง เป็นผู้นำพาทุกคนมายังห้องอาบน้ำของอุทยาน หยุนเซียวเซียวเปิดห้องลับหลังม่านไม้ไผ่ แล้วนำทุกคนเข้าไปในนั้น (คืนนั้น ขณะต่อสู้กับตวนหมิ่นในห้องนี้ เขาพบความผิดปกติหลังม่านไม้ไผ่ จากการสังเกตผนังที่ไม่ราบเรียบ จึงมั่นใจว่าต้องมีห้องลับแน่)

    ทั้งเก้าคนเดินมาบนทางแคบและมืด ราวกับลงไปใต้ดิน หยุนเซียวเซียวนำหน้า จุดไม้ขีดไฟ ส่องนำทางเข้าไป ก่อนจะมาสิ้นสุดตรงบานประตูที่ไม่ทางเปิด

    "นี่มันทางตันนี่นา... ไหงเป็นงี้ไปได้" เมี่ยวฟงอุทานตกใจ รีบผลักประตูเป็นการใหญ่ แต่ไม่สะทกสะเทือน

    "เป็นไปไม่ได้ ในเมื่อสร้างทางเดิน ก็ต้องมีทางออก จะทำทางตันทำไม" เหยาฟ่งอิงมาช่วยขยับอีกแรง ไฉจิ้งฟง และเกาฮวยเอี้ยนก็ช่วยด้วย แต่ไม่มีวี่แววว่าจะสัมฤทธิ์ผล

    "นี่ เจ้าพาพวกเรามาทางตัน จะรับผิดชอบยังไง" หูฮุ่ยเฉียงอาละวาดทันที

    "จริงด้วย เจ้าไม่รู้แน่ว่ามันเป็นทางออก พาเข้ามามั่วๆ อย่างนี้ก็แย่สิ" กัวเทียนเซิ่งเสริม

    "ไม่หรอก ประมุขน้อยเข้าไปได้ ทำไมเราจะไปไม่ได้!" หยุนเซียวเซียวตอบเรียบๆ

    "ว่าไงนะ ประมุขน้อยอยู่ข้างในเหรอ" เหยาฟ่งอิงร้องงุนงง

    "อ้าว ประมุขน้อยเข้าไปในถ้ำหลังน้ำตกไม่ใช่เหรอ" เว่ยจาจี่ก็แปลกใจ

    "คนอย่างประมุขน้อย ไม่มีทางเดินตามแผนที่คนอื่นสั่ง เขาแค่พาทุกคนแสดงฉากตบตา เข้าไปในม่านน้ำตกให้พวกวังเห็น แล้วรีบกลับออกมา ก่อนพวกนั้นจะปิดทางลง ประมุขน้อยไม่ใช่คนโง่ ย่อมไม่พาตัวเข้าไปเสี่ยงกับอะไรง่ายๆ" หยุนเซียวเซียวบอกยิ้มๆ

    "ฮ้า เรื่องนี้เจ้าคิดไว้ก่อนแล้วเหรอ" เมี่ยวฟงถามอย่างเหลือเชื่อ

    "แน่นอน ก็อย่างที่บอกกับท่านเมื่อคืน เราเล่นกับวังจันทราอยู่ จะเดินตามแผนซื่อๆ ไม่ได้ การเคลื่อนไหวของพวกเรา ข้าคำนวณไว้แล้วว่าวังจันทรารู้แน่ การที่ตวนหมิ่นล้อมจับอยู่ด้านนอก และเผาอุทยาน ข้าก็เดาได้ล่วงหน้าแล้ว เพราะมั่นใจว่ามีทางออก จึงยอมพาตัวมาติดกับนาง" หยุนเซียวเซียวบอกอย่างไร้ความตึงเครียด

    "แล้วประมุขน้อยรู้ทางลับนี่ได้ยังไง" กุ้ยอู่ หญิงผู้ปลอมเป็นชายถามบ้าง

    "เรื่องนั้น...ช่างมันก่อนเถอะ แต่ข้าพบหลักฐานว่าประมุขน้อยเข้ามาในนี้ ดังนั้น มันต้องมีทางออกแน่ ขอให้ทุกคนช่วยกันคิด ช่วยกันหาทาง" 

    หยุนเซียวเซียวขี้เกียจเปิดเผย ว่าตนเป็นคนบอกรหัสลับให้ประมุขน้อยรู้เอง คนหยิ่งทระนงอย่างเหลียนเฉิงปี เขามองนิสัยออก หากบอกตรงๆ ไม่มีทางยอมใช้แผนของตนแน่ ด้วยความฉลาดของเหลียนเฉิงปี จึงหาทางลับเจอ แต่จากไปโดยไม่ทิ้งวิธีเปิดไว้เลย นับว่าใจแคบ และเห็นแก่ตัว เกินความคาดหมายของเขาเหมือนกัน?!

    "ถอยมา ให้ข้าเปิดดู" กัวเทียนเซิ่งประกาศ เกร็งกำลังภายในแปดส่วน ผลักสองมือเลื่อนผาหิน แต่ขนาดหมัดผ่าหินแห่งคงท้ง ก็ยังไม่ขยับสักนิด

    "เอ้า ช่วยกัน... อึ๊บ..." เมี่ยวฟงมาเสริมอีกแรง แต่กำลังภายในสูงส่งของทั้งสองคน ก็ยังไม่เป็นผล "โธ่เว้ย...ทำไมมันแข็งอย่างนี้เนี่ย..." เมี่ยวฟงบ่น ความร้อนจากเปลวไฟด้านนอกเริ่มลามเข้ามา ทำให้กุ้ยอู่ ซึ่งยืนอยู่ใกล้ที่สุด ต้องขยับหนีเข้ามา

    "ผิดรึเปล่า ข้าว่าวังจันทราไม่อยู่ข้างในนี้หรอก ใครที่ไหนจะเผาทางเข้าวังของตัวเอง ข้าว่า เรามาติดกับซะแล้วล่ะมั้ง" ไฉจิ้งฟงว่าบ้าง 

    "ประมุขน้อยใจดำเกินไปแล้ว ถ้าเข้าไปได้ ก็น่าจะเปิดทางออกไว้ให้เราบ้างสิ หรือไม่ ทำสัญลักษณ์ หรือ เครื่องหมาย วิธีเปิดประตูก็ยังดี" เกาฮวยเอี้ยนกล่าวอย่างร้อนใจ

    ...ถ้าเหลียนเฉิงปีมาคนเดียว จะปิดประตูก็ไม่แปลก แต่นี่...โอวหยางชิงกับคนอื่นก็มาด้วย...การทำเรื่องแล้งน้ำใจต่อหน้าทุกคน ไม่ทำให้เสื่อมเสียเกียรติหรือ...เหลียนเฉิงปีไม่น่าทำได้... หยุนเซียวเซียววิเคราะห์อย่างใจเย็น ...หรือว่า...ไม่ได้ปิด...แต่มันเปิดไม่ได้จริงๆ...

    "เอ๋...นี่อะไรน่ะ...!" กุ้ยอู่ร้อง ทุกคนหันมอง บนผนังด้านหนึ่ง ปรากฏรอยขีดเขียน เป็นรูปสี่เหลี่ยม และมีวงกลมอยู่ตรงกลาง "น่าจะถูกขีดจากก้อนหินนี่แน่เลย" กุ้ยอู่หยิบหินลูกเล็กขึ้นมา ทุกคนช่วยกันมองพื้น มันเป็นวัตถุเดียวในที่นั้นที่เหลืออยู่

    "ใครขีดไว้? พวกประมุขน้อยรึเปล่า? แล้วจะรู้ความหมายได้ยังไง สี่เหลี่ยม...วงกลม... ข้ายิ่งแพ้เรื่องถอดรหัสอยู่ จะเขียนบอกตรงๆ ไม่ได้รึไงฟะ" เมี่ยวฟงบ่นอย่างเริ่มรำคาญ

    "รีบๆ หาวิธีเข้าเถอะ ไฟลามจะถึงตัวแล้ว เดี๋ยวก็ได้ถูกย่างสดกันหมด" หูฮุ่ยเฉียงผู้ไม่เคยออกแรงช่วยอะไรเลย บอกเสียงเครียด ทุกคนเริ่มร้อนกาย แต่ไม่เท่ากับร้อนใจ พยายามตีโจทย์ แต่ก็นึกไม่ออก หยุนเซียวเซียว เพราะเป็นศิษย์ของพรรคอักษรกระบี่ มีความชำนาญด้านภาพสัญลักษณ์มากกว่าใคร ทันใดนั้น เขาก็ฉุกคิดออก

    "ทุกคน ถอยมาก่อน!" บอกกัวเทียนเซิ่งกับเหยาฟ่งอิงที่ยังผลักกำแพงอยู่ ทั้งสองถอยออกมา หยุนเซียวเซียวขบคิดใคร่ครวญอีกครั้ง คิดว่า มีแต่ทางนี้ ที่เป็นไปได้มากที่สุด

    "ฟังนะ ทุกๆ ท่าน ขอให้เชื่อข้าสักครั้ง สี่เหลี่ยมหมายถึงทางออก วงกลมหมายถึงว่างเปล่า การจะออกไปจากที่นี่ได้ ต้องไม่ใช้กำลังภายใน เพราะแท้จริงแล้ว ประตูก็คือความว่างเปล่า"

    "ฮ้า...!?" เมี่ยวฟงอุทาน ทุกคนมึนงง

    "สิ่งที่วังจันทราเก่งที่สุด ก็คือ เวทมนตร์ ข้าจะพิสูจน์ว่ามันคือเรื่องจริง" ขาดคำ หยุนเซียวเซียวก็วิ่งผ่านหน้าทุกคนไปด้วยความเร็ว โดยไม่เกร็งกำลังภายในสักนิด เกือบจะถึงประตู เกาฮวยเอี้ยนยกมือปิดหน้าร้อง เพราะคิดว่าต้องชนดังโครมใหญ่แน่! ทว่า เสียงอุทานแตกตื่นทำให้ลดมือลง ร่างของหยุนเซียวเซียว อันตธานหายไปแล้ว!!





    "เรียน ธิดาเทพ... พวกเราตามหาจนทั่วแล้ว แต่ไม่พบศพใครเลยสักคนเดียว"เมื่อไฟมอดลง ศิษย์วังจันทราจึงมารายงาน ตวนหมิ่นสะดุดใจ ถึงกับหน้าเครียด

    "พวกมันรู้ทางลับของที่นี่! ส่งสัญญาณให้ศิษย์หน้าวังรู้ตัว ขวางพวกมันไว้ก่อนถึงประตูทางเข้า"

    "รับทราบ" ธิดาเทพรู้สึกถึงการทำพลาดครั้งใหญ่ การล่อฝ่ายธรรมมะมาที่อุทยาน ทำให้ความลับของที่ตั้งวังจันทรากำลังจะถูกเปิดเผย และตนอาจต้องชดใช้โทษด้วยชีวิต

      

    ฝ่ายเหลียนเฉิงปีที่ใช้วิธีเดียวกับหยุนเซียวเซียวออกจากทางลับมา บุกคืบหน้ามาทางป่าไผ่ และได้ปะทะกับเหล่าสาวกวังจันทรา ประมุขน้อยกับพวกทั้งสาม ต่อสู้กับพรรคมาร อย่างไม่เกรงกลัวบารมี โอวหยางชิง แม้ร่างอ้วนและชอบใช้ปัญญามากกว่าฝึกวิทยายุทธ์ ก็ยังเป็นวิชาอยู่บ้าง โดยใช้พัดเหล็กของตนนั้นเองเป็นอาวุธ

    "อั๊ก..." ศิษย์หญิงวังจันทราถูกเหลียนเฉิงปีเตะกระเด็นมา ดาบจันทร์เสี้ยวจ่อที่ลำคอ 

    "บอกมา พรรคเจ้าอยู่ที่ไหน" ประมุขน้อยเค้นถาม แต่ศิษย์ผู้พ่ายแพ้ทั้งหมด ต่างกัดลิ้นฆ่าตัวตาย ทั้งสี่หมดหนทางสืบสาว จำต้องเดินหน้าต่อไป แล้วมาพบกับทางแยก...

    "สองเส้นทางนี้ จะต้องมีทางหนึ่งเป็นที่ตั้งของวังจันทราแน่" โอวหยางชิงเปรย

    "งั้นเราแยกกันไป ข้ากับเฟิ่งหวงจะไปทางซ้าย ส่วนพวกเจ้าไปทางขวา" ประมุขน้อยสั่ง

    "พี่ใหญ่ ให้พี่โอวหยางไปกับท่านดีกว่า ท่านต้องพึ่งพาปัญญาของเขา ข้ากับหลงอันจะไปทางซ้ายเอง" เหลียนเฟิ่งหวงเสนอ เหลียนเฉิงปีนิ่งคิด เห็นว่าน้องสาวของตนฝีมือแม้นไม่เลิศเลอ แต่ก็อยู่ระดับแนวหน้า อีกทั้งมีศิษย์เอกสำนักคุนลุ้นเป็นเพื่อน คงเอาตัวรอดได้ จึงตกลงตามนั้น...

    สองฝ่ายแยกทางกันเดินไม่นาน พวกของหยุนเซียวเซียวก็มาถึง พบกับซากศพมากมาย หยุนเซียวเซียวตรวจสภาพศพของพรรคมาร แล้วพึมพำ

    "บางคนตายด้วยอาวุธ บางคนกัดลิ้นฆ่าตัวตาย แปลว่า ประมุขน้อยซักถามถึงที่ตั้ง แต่ไม่ได้คำตอบ"

    "งั้นพวกเขาไปทางไหนล่ะ" เหยาฟ่งอิงมองซ้ายขวาอย่างเดาใจไม่ถูก

    "ด้วยจำนวนคนของฝั่งประมุขน้อย คงให้แยกกันหา เราเองก็แยกกันบ้างเถอะ" หยุนเซียวเซียวเสนอ ตอนนี้ เขาคล้ายเป็นผู้นำกลุ่มไปแล้ว เพราะนำคนทั้งหมดฝ่าประตูปริศนาออกมาได้ เมื่อตกลงตามนั้น หูฮุ่ยเฉียง กัวเทียนเซิ่ง เว่ยจาจี่ และกุ้ยอู่ เป็นกลุ่มที่แยกไปทางขวา ส่วนพวกที่เหลือไปทางซ้าย
        

    "เฮ้อ... ไม่เห็นมีใครเลย สงสัยมาผิดทางแล้วล่ะ" เดินมาตามทิวป่าระยะหนึ่ง แต่ไม่พบกับศัตรู คุณหนูเหลียนเลยถอดใจว่ามาทางผิด 

    "คุณหนูรอง ท่านเหนื่อยแล้ว พักก่อนสักครู่เถอะ แล้วเราค่อยย้อนกลับ" เถี่ยหลงอันบอกอย่างเป็นห่วง เหลียนเฟิ่งหวงพยักหน้า ก้มตัวกำลังจะนั่งลงใต้ต้นไม้ "อ๊ะ ระวัง!" เสียงของเถี่ยหลงอันดังขึ้น พร้อมกับอาวุธลับจำนวนหนึ่ง พุ่งออกมาจากป่าทึบ ทั้งสองใช้อาวุธปัดป้อง กระบี่ของเหลียนเฟิงหวง และดาบของเถี่ยหลงอัน หมุนคว้างเป็นพัลวัน อาวุธลับที่คล้ายกระสวยจิ๋วตกหล่นตามพื้น แต่ตัวหนึ่งหลุดทิ่มทะลุต้นแขนซ้ายของคุณหนูเหลียน สาวกวังจันทราสิบกว่านางกระโดดออกมา ใช้ค่ายกระบี่ดักพวกเขาสองคนไว้ การต่อสู้เริ่มขึ้นอีกครั้ง เถี่ยหลงอันแม้นปกติก็นับว่าตึงมือแล้ว แต่เหลียนเฟิ่งหวงได้รับบาดเจ็บ ต้านได้ไม่นาน ก็ถูกซัดล้มลงกับพื้น เถี่ยหลงอันอยากจะไปช่วยแต่ก็สู้ติดพัน กระบี่วังจันทรากำลังจะพุ่งถึงหน้าอกนาง! ปลายกระบี่หนึ่งพลันกระแทก สกัดขวางไว้ทัน แล้วรับมือแทน หยุนเซียวเซียวนั่นเอง เป็นคนช่วยนางไว้อย่างเฉียดฉิว

    เมี่ยวฟง เหยาฟ่งอิง ไฉจิ้งฟง และเกาฮวยเอี้ยน กระโดดเข้าช่วยเถี่ยหลงอัน ศึกขนาดย่อมปะทุขึ้น คาดไม่ถึง อีกสิบสาวกวังจันทราดาหน้ามาอีกกลุ่ม เหลียนเฟิ่งหวงยืนหยัดขึ้นมารับมือ แต่ด้วยบาดแผลทำให้ฝีมือเป็นรอง หยุนเซียวเซียวคนเดียว คอยช่วยเหลือ และปกป้องนาง เพราะคนอื่นติดพันกันหมด

    "พี่ฟง ข้าล่วงหน้าไปก่อน เจอกันข้างหน้า..." หยุนเซียวเซียวตะโกนกลางสนามรบ ด้วยรู้ดีว่า ไม่อาจเผด็จศึกในเวลาอันสั้น แถมยืนปักหลักต่อไป ดีแต่เป็นเป้านิ่งให้ศัตรูส่งกำลังเสริมมาไม่หยุด มือหนึ่งกวัดแกว่งกระบี่ อีกมือคว้าข้อมือคุณหนูเหลียน ทะลวงบุกออกไป แม้เหยาฟ่งอิง กับเมี่ยวฟงจะร้องเรียก เขาก็ไม่อาจหันกลับไปได้ ใช่ว่าเอาตัวรอด แต่เพราะชีวิตของคุณหนูเหลียนสุ่มเสี่ยงกับความตาย จำต้องพานางออกมาก่อน

         

    "เป็นไงบ้าง..." เขาถาม ขณะพานางมาหลบในพุ่มไม้ มีสาวกสองคนติดตามมา มองหาแล้วไปทางอื่น เหลียนเฟิ่งหวงเหงื่อไหลรินจากหน้าผาก ด้วยความเจ็บปวด แต่ยังฝืนกลั้น อดทน ไม่ร้อง ไม่โอดครวญแม้แต่คำเดียว ตอนเขาพาหนีมา

    "สบายมาก ตอนเด็กข้าเคยบาดเจ็บเพราะอาวุธบ่อยๆ แค่นี้...ทำอะไรข้าไม่ได้หรอก"

    "เก่งมาก" หยุนเซียวเซียวยิ้มชื่นชม "ขอโทษนะ" ก่อนหันไหล่นางมาเผชิญหน้า มือดึงแขนซ้ายออกมา คุณหนูเหลียนหน้าเหย มือขวาขยุ้มแขนเขาไว้แน่น พอเขาชะงัก สบตา พลันรู้สึกอายที่แสดงความอ่อนแอ "จะร้องก็ได้ ข้าไม่บอกใครหรอก" เขาหยอกยิ้มๆ ก่อนดึงกระสวยจิ๋วออกอย่างรวดเร็ว เหลียนเฟิ่งหวงสะดุ้งด้วยความเจ็บ แต่กัดฟันแน่น เขาฉีกเศษผ้าตัวเองออกมาพันแผลห้ามเลือดไว้ 

    "ยังดีที่ไม่มีพิษ แผลไม่ลึกมาก แต่ควรต้องรักษา อย่าเพิ่งออกแรงดีที่สุด"

    "ข้าต้องบุกวังจันทราช่วยท่านพ่อ ต่อให้แขนขาด หรือใกล้จะตายก็ต้องไป"

    "ตอนนี้ เจ้ามีข้าแล้ว ให้ข้าเป็นแขนขาแทนเจ้าเถอะ" คำพูดนั้น ในสถานการณ์เช่นนี้ กับคนที่ไม่สนิท เหลียนเฟิ่งหวงถึงกับตะลึงมอง ทุกคนบอกเขาเพิ่งออกท่องยุทธจักร สำหรับนางแล้ว การช่วยชีวิตอย่างเฉียดฉิว ปกป้องคุ้มครองกลางสมรภูมิ และคำพูดประโยคนี้อีก เขา...ช่างดูเหมือนจอมยุทธ์นัก

    หยุนเซียวเซียวประคองนางเดินต่อไป เพราะรู้ว่าเส้นทางข้างหน้า คือ วังจันทรา...


    ประมุขน้อย โอวหยางชิง หูฮุ่ยเฉียง กัวเทียนเซิ่ง เว่ยจาจี่ และกุ้ยอู่ ย้อนกลับมาสมทบ ก็เมื่อสงครามสงบแล้ว พวกพรรคมารตายเรียบ ส่วนเหล่าธรรมมะยืนหอบเหนื่อย

    "เฟิ่งหวงล่ะ?" ถามทันที เมื่อกวาดมองไม่พบตัวน้องสาว ทุกคนมองหน้ากัน

    "เอ่อ... เป็นเพราะข้าคุ้มครองไม่ดี คุณหนู... คุณหนูรอง..." เถี่ยหลงอันตะกุกตะกัก

    "เฟิ่งหวงเป็นอะไร?!" เหลียนเฉิงปีชักหน้าเครียด เหยาฟ่งอิงตอบแทน

    "หยุนเซียวเซียวพาไปแล้ว วางใจเถอะ ข้าเชื่อว่าเฟิ่งหวงอยู่กับเขาต้องปลอดภัย"

    ประมุขน้อยสีหน้าเรียบขรึม ไม่มีใครอ่านความรู้สึกออก เดินไปเฉย ที่เหลือจึงทยอยตามไป เหยาฟ่งอิงประคองเกาฮวยเอี้ยนที่ได้รับบาดเจ็บ ส่วนไฉจิ้งฟง แม้ฝีมืออ่อนหัด แต่ไม่เป็นไร เพราะระหว่างต่อสู้ มีแอบเผ่นออกจากสมรภูมิบ้าง


    PA
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×