ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลิขิตรัก...อัญมณี

    ลำดับตอนที่ #12 : ก่อกวนหมู่บ้านผาแดง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 325
      4
      26 พ.ค. 59



     
     

    พ่อค้ากำลังจะปิดร้าน เหมรัตน์วิ่งมาถึงก่อน แล้วสั่งช่อกุหลาบสีแดงเข้มสิบสองดอกทันที โกเมนวิ่งมาถึงทีหลัง สั่งดอกลิลลี่สีขาวสิบดอก เหมรัตน์ใช้อำนาจเงินสั่งพ่อค้าไม่ให้ขายให้ โกเมนที่ฐานะไม่ได้กระจอกไปกว่า จึงทุ่มสุดตัวเพื่อซื้อดอกไม้ให้ได้ กระทบกระทั่งกันอยู่นาน ในที่สุดทั้งคู่ก็ได้ดอกไม้มาอยู่ในมือตามต้องการ

    “เชอะ! ไอ้หน้าละอ่อน ไอ้ไก่อ่อนไร้น้ำยา คิดจะแย่งผู้หญิงกับฉัน ยังเร็วไปสิบชาติโว้ย”

    เหมรัตน์เยาะเย้ยถากถาง โกเมนจ้องตอบด้วยดวงตาแข็งกร้าว ราวกับมีไฟแค้นสุมอกอยู่ภายใน

    “ฉันไม่ปล่อยเธอให้นายแน่”

    “ชะ กล้าซะด้วย คนหน้าโง่ ที่ถูกผู้หญิงหลอกอย่างแกเนี่ยนะ จะมีน้ำยามาสู้ฉันได้?    

    “ก็ลองดู”

    โกเมนท้ารบ แล้วออกวิ่งกลับไปทันที เหมรัตน์ไม่ยอมแพ้ วิ่งแซงไปอย่างสุดตัวเช่นกัน...

    ในไนต์คลับ... ริชาร์ดที่อยู่ในอาการเมาหนัก เริ่มจะสำราญเกินขอบเขต เมื่อเจอสาวไทยที่พูดฝรั่งจ้อคนหนึ่ง ถูกใจเขามาก จากเต้นขยับมากอดจูบนัวเนียอยู่บนโซฟาที่โต๊ะของหล่อน มุกตาภาเบือนหน้าหนีอย่างระอา

    ...พี่ใหญ่นี่มั่วผู้หญิงไม่เลือกจริงๆ สาวใจแตกในผับก็เอาได้ เดี๋ยวก็ได้ติดเอดส์กันบ้างหรอก...

    “มาแล้วครับ...”

    ดอกกุหลาบสีแดงเข้มปรากฏอยู่เบื้องหน้า เหมรัตน์สไลด์ตัวมาคุกเข่ายื่นให้อย่างเท่ ยิ้มอย่างลุ่มหลง

    “กุหลาบสีแดงเข้ม หมายถึง คุณสวยเหลือเกิน สิบสองดอก หมายถึง ขอให้คุณเป็นคู่ของผมคนเดียว”

    “หวานจังเลยนะ ของนายเป็นดอกลิลลี่หรือ ทำไมล่ะ?

    หล่อนกระตุกยิ้ม หันมาทางโกเมนที่วิ่งหายใจหอบเหนื่อยมาถึง เขาระงับหัวใจที่เต้นแรงไม่ได้เลย

    “เอ่อ เป็นการสื่อว่า...ผมรู้สึกยินดีที่ได้พบกับคุณ ได้รู้จักคุณ และผมจริงใจกับคุณ”

    “เฮอะ ผมมาถึงก่อน ผมเป็นผู้ชนะ ตามที่ตกลงกันไว้นะครับ คุณ...”

    เหมรัตน์เว้นช่องว่างให้หญิงสาวเติมชื่อ มุกตาภายิ้มอย่างนึกสนุก พยักหน้าเห็นด้วย

    “ใช่แล้ว นายมาก่อน งั้นเราก็ออกไปเต้นกันเถอะ”

    โกเมนหัวใจแทบสลาย เมื่อเห็นสาวงามที่เขาพึงตาต้องใจอย่างรุนแรงเป็นครั้งแรก รับช่อดอกไม้ในมือคู่ปรับ แล้วเดินนำหน้าไปกลางฟลอร์ เหมรัตน์หันมายิ้มเยาะอย่างสะใจ ทำให้เขาหมดสิ้นเรี่ยวแรงแทบล้มทั้งยืน

    มุกตาภา ร่ายลีลาแสนเย้ายวนอยู่เบื้องหน้า ทำเอาหนุ่มเจ้าชู้ที่ผ่านสาวมาเป็นร้อยอย่างเหมรัตน์ยืนตะลึง อึ้งอย่างไปไม่เป็น หล่อนไม่ได้มีท่าเต้นที่ร้อนแรงอะไรเลย แต่การเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อย ยักย้ายส่ายสะโพกนิดๆ เต้นตามใจของตัวเองอย่างไม่เน้นสวยงาม กลับเปล่งประกายดึงดูด ให้หัวใจไหวสะท้านได้ถึงเพียงนี้ หล่อนงดงามสมบูรณ์แบบทั้งสรีระ และอารมณ์ เสน่ห์เหลือล้น จนหัวใจของเขาแทบละลายไปตรงหน้า

    “เอ้า เต้นสิคะ กำลังสนุกเลย...”

    มุกตาภาร้องชวน ไม่สนดวงตาของเขาที่โลมเลียไปทั่วร่างหล่อนอย่างจาบจ้วง แล้วแอบกลืนน้ำลายตัวเอง เขารับเสียงสั่น “จ้ะ จ้ะ” ขยับจะเต้น แต่แล้ว...ร่างเหมือนถูกอะไรจับยึดตรึงไว้แน่น เขาขยับตัวไม่ได้!

    ...เอ๊ะ! อ๊ะ เอ่อ ก...เกิดอะไรขึ้นเนี่ย...

    “อ้าว ทำไมไม่เต้นล่ะ ไม่ชอบหรือ?

    หญิงสาวซักมา ทำหน้าสงสัย เหมรัตน์รีบปฏิเสธ แต่ใจนั้นแตกตื่นอย่างยิ่ง ทำไมเขากระดิกตัวไม่ได้!

    “นี่ ชวนฉันออกมาเต้น แล้วมายืนเป็นหินแบบนี้ ฉันอารมณ์เสียนะ ขืนไม่ขยับ ฉันไม่เต้นด้วยแล้วนะ”

    “เต้นๆ จ้ะ ผะ...ผมเต้น...อ๊าก...มันติดอะไรวะ”

    เหมรัตน์สบถดังๆ โถมสุดฤทธิ์ให้หลุดจากสภาพอัมพาต แล้วเขาก็หลุดจริงๆ แต่หลุดแบบฉับพลัน ร่างถลาไปอย่างแรง หัวซุนไปซุกก้นผู้หญิงคนหนึ่งที่เต้นอยู่ หล่อนกรีดร้อง ทำให้ทุกคนหันมามอง เขาหน้าตาตื่น มองรอบๆ ตัว อย่างหวาดหวั่น มุกตาภากวักมือเรียก

    “เฮ้! นาย เป็นไรรึเปล่า มาเต้นกันเถอะ”

    จึงเดินกล้าๆ กลัวๆ กลับมาอีกครั้ง พอขยับเต้น คราวนี้มาเป็นชุด ทั้งโดนถีบก้น...ผลักหลัง...ตบหัว...เตะขา...เซไปทางโน้นทีทางนี้ทีจนเขาออกอาลวาทใส่นักเต้นรอบๆ กายอย่างโมโหสุดฤทธิ์ เพราะนึกว่าถูกแกล้ง มุกตาภาถอยห่างออกมา ยืนกอดอกหัวเราะ มองคู่เต้นวางมวยกับผู้ชาย และหาเรื่องกับผู้หญิง อย่างสนุกครึกครื้นสำราญใจ ปีศาจองครักษ์สองตัวปรากฏวูบด้านหลังหล่อน หลังจากทำหน้าที่กลั่นแกล้งเหมรัตน์ตามคำสั่งเจ้านายสำเร็จเรียบร้อยแล้ว

    “พี่ใหญ่ กลับกันได้แล้ว...”

    หล่อนเดินมาตามพี่ชาย ที่ตอนนี้นอนราบอยู่บนโซฟาตัวยาว ปล่อยให้หญิงสาวทาบทับกอดจูบอยู่

    “ลงมาจากตัวพี่ชายฉันเดี๋ยวนี้”

    หล่อนสั่งเสียงเข้ม เมื่อเห็นพี่ชายไม่ได้สติแล้ว สาวนางนั้นก็คล้ายจะหูอื้อตามัวแล้วเหมือนกัน มุกตาภาตาขุ่นวาบ จ้องหลังสาวใจแตกผู้นั้น ฉับพลัน ร่างหล่อนก็ปลิวลงมากระแทกพื้น ร้องเจ็บด้วยความตกใจ มึนงง

    “ทุเรศ บัดสี! ผู้หญิงอะไร... พี่ใหญ่ กลับกันได้แล้ว พี่ใหญ่...”

    ริชาร์ดเมาหนัก ครางเรียกหาแต่คู่สาวบำเรอ มุกตาภาเลยสั่งบริกรช่วยหิ้วปีกพี่ชายหล่อนไปส่งที่รถ


     

    ขณะมุกตาภากำลังจะเข้าไปในรถ ที่มีพี่ชายนอนเมาไม่ได้สติอยู่บนเบาะหลัง โกเมนที่คอยจับตามองหล่อนมาตลอด ก็วิ่งเข้ามาหา ยึดจับประตูรถเอาไว้ สาวงามหันมามองอย่างหงุดหงิดเล็กน้อย ถามเสียงห้วน

    “ทำไม? จะเต้นด้วยหรือ”

    “เอ่อ...ผะ...ผม...”

    “จะพูดอะไร ก็พูดมาสิ ฉันจะไปแล้วนะ”

    มุกตาภารำคาญจับจิต ผู้ชายคนหนึ่งกะล่อนหยาบคาย อีกคนกลับจืดชืด น่าเบื่อ ไร้เสน่ห์พอกัน

    “เอ่อ คุณ...ยังไม่ได้รับช่อดอกไม้ของผมเลย”

    “จะเอาอะไรอีกไหม?

    “มะ...ไม่มีอะไรแล้วครับ เอ่อ ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ ผมจะได้พบคุณอีกไหม?

    ไม่มีคำตอบ เพราะหญิงสาวก้าวเข้าไปนั่งในรถ แล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว บนรถ หญิงสาวเห็นการ์ดที่เสียบมากับดอกไม้ มีทั้งชื่อ และเบอร์โทรของเขา ก็ยิ้มหมิ่นๆ ก่อนจะขว้างลงกลางถนนอย่างไม่ใยดี

    เมื่อกลับมาถึงโรงแรม หญิงสาวซักถามผีร้ายทันที เมื่อได้ความว่าไม่มีอะไรผิดปกติ ก็วางใจ อาบน้ำแล้วนอนทันที ขณะนอนอยู่บนเตียง หล่อนนึกถึงความสะใจกับสภาพเหมรัตน์ ผู้ชายอย่างเขา หล่อนเจอมาไม่รู้เท่าไหร่ ก็ถูกหล่อนปั่นหัว กลั่นแกล้งมาหมดแล้ว ใครที่มองหล่อนเป็นของเล่น ไม่ได้ลงเอยดีสักราย ส่วนผู้ชายหน้าจืดอีกคน แม้ดูเป็นสุภาพบุรุษกว่า แต่ท่าทางขาดความมั่นใจแบบนั้น ช่างไร้เสน่ห์สิ้นดี หล่อนชังผู้ชายใจมด

    โกเมน... ผู้ชายใจมดคนนั้น บัดนี้ ถูกพิษเสน่ห์หาเข้าครอบงำจนหมดใจแล้ว เขานอนอยู่บนเตียง มองไม่เห็นสิ่งใดอีกนอกจากภาพหล่อน ยิ้มเคลิบเคลิ้มหลงใหล กำมือถือบนหน้าอกแน่น รำพึงในใจด้วยพิษรัก

    ผู้หญิงคนนั้น...เทพธิดา...สวยและน่ารักเหลือเกิน...เธอจะโทรมาไหมนะ...อยากเจอเธอ...อยากคุยกับเธอ...ใจจะขาดอยู่แล้ว...ได้โปรดโทรมาเถอะ...ผมสัญญา...ผมจะรักคุณคนเดียวตลอดไป



     

    เช้าวันต่อมา ที่หมู่บ้านผาแดง การดำเนินชีวิตประจำวันของเพชรกล้า เป็นไปอย่างปกติสุข เขาเปิดแผงขายผัก และดอกไม้ อยู่ข้างๆ แผงขายผลไม้ของปิญชาน์ ในตลาดยามเช้าแสนจะคึกคัก ชาวบ้านออกมาจับจ่ายหาซื้อข้าวของ แม้ชายหนุ่มจะร่าเริงสดใส แต่ก็มีเรื่องค้างคาใจเล็กน้อย คือการจากไปโดยไม่ลาของปิณฑิรา หล่อนเดินกลับออกจากป่าคนเดียว แล้วไปจากหมู่บ้านเลย เขาไม่สบายใจ เพราะมันไม่ได้เป็นการจากกันด้วยดี ที่จริงเขาอยากจะพูดคุยกับคนประเภทเดียวกันที่เพิ่งเจอเป็นครั้งแรกนานกว่านี้หน่อย แต่ไม่มีโอกาสซะแล้ว

    ขณะกำลังขายของตามปกติ ชายฉกรรจ์รูปร่างสูงใหญ่บึกบึน ท่าทางนักเลง จำนวนเจ็ดคนเดินเข้ามาในตลาด ลวนลามแม่ค้าผู้หญิง และทำลายแผงร้านของชาวบ้าน จนปั่นป่วนวุ่นวายอลหม่านกันไปหมด

    “หยุดเดี๋ยวนี้นะโว้ย! พวกแกจะมารังควาญหมู่บ้านเราไม่ได้ ออกไปซะ”

    พวกผู้ชายในหมู่บ้าน ออกมาขับไล่ คนที่เป็นหัวโจก หัวเราะเสียงเหี้ยม

    “นายเส็งเตือนพวกแกแล้วไง บอกว่าวันนี้จะมาให้ของขวัญ ย้ายออกไปดีๆ ไม่ชอบ ก็ต้องเจอแบบนี้”

    มันยกเท้าถีบคนแก่ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ แล้วตามไปกระทืบซ้ำ กระตุ้นอารมณ์เดือดของพวกชาวบ้าน จนหยิบอาวุธเข้ามาตะลุมบอนกัน กลางตลาดกลายเป็นสมรภูมิรบของชายชาตินักรบเลือดผาแดง กับพวกสมุนเจ้าพ่อ  

    “พวกนายเส็งแน่ๆ เลย ใช้วิธีเจรจาไม่สำเร็จ เลยยกพรรคพวกมาถล่มหมู่บ้านเรา”

    ปิญชาน์บอกเพชรกล้าอย่างโกรธแค้น หันซ้ายหันขวาหาทองแก้ว สุนัขคู่ใจ เพื่อจะได้สั่งไปไล่กัดพวกมัน เพชรกล้าก็ร้องตะโกน แล้ววิ่งเข้าไปในใจกลางวงล้อมเพื่อห้าม “อย่าตีกัน...อย่าตีกัน...หยุดนะ...พอได้แล้ว”

    ทุกคนหยุดชะงักไปครู่ เพชรกล้าหันมาประจันหน้ากับพวกสมุนมาเฟีย พูดเสียงก้องกังวาน

    “เราบอกแล้วไงว่าจะไม่ขายที่นี่ และจะไม่ย้ายไปไหนด้วย กลับไปบอกนายเส็ง ว่าอย่ามารังควาญเราอีก เราชาวหมู่บ้านผาแดง ไม่อยากมีเรื่องกับใคร”

    “แต่กูอยากมีเรื่อง มีอะไรไหม”

    “อันธพาลไปก็เท่านั้น ถ้าใช้กำลัง งั้นก็ให้เรื่องถึงทางการดีกว่า”

    “ฮะ ฮะ เจ้าพ่อของเราไม่กลัวทางการหรอกโว้ย ตำรวจหน้าไหนก็ไม่ช่วยพวกแกทั้งนั้น”

    “พูดกับมันเปลืองน้ำลาย เพชร ไล่มันด้วยฝีมือของเรานี่แหละ ชาวผาแดงไม่ยอมให้ใครหยามเด็ดขาด”

    “เดี๋ยว!” เพชรกล้าไม่อาจห้ามความโกรธอันรุนแรงของชาวบ้านได้ การตะลุมบอนเริ่มขึ้นอีกครั้ง แต่พวกมันเป็นนักเลงที่เชี่ยวชาญวิชาการต่อสู้ แม้พวกผู้ชายจะใจสู้ แต่ฝีมือไม่ดี จึงตกเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ เพชรกล้ามองรอบๆ ตัวอย่างร้อนใจ เจ้าหัวหน้าโจรหมั่นไส้เลยเข้ามาจู่โจมเขา เพชรกล้าแสดงวิชาหมัดมวยที่สูงกว่า สยบมันไว้ได้ มือหนึ่งขยุ้มคออวบใหญ่ของมันไว้อย่างเฉียบขาด ร้องตะโกน “หยุด! ทุกคนหยุดเดี๋ยวนี้”

    การต่อสู้จบลง ชาวบ้านบาดเจ็บ พวกสมุนต้องหยุดมือ เพราะลูกพี่ตกไปอยู่ในมือฝ่ายตรงข้ามเสียแล้ว

    “ขอเตือนอีกครั้ง ถ้ายังคิดจะแย่งพื้นที่หมู่บ้านของเราอีก เราชาวผาแดงจะสู้ขาดใจ ต่อต้านจนลมหายใจสุดท้าย ที่นี่ไม่มีคนกลัวตาย แต่ถ้าใครอยากจะตาย ก็ดาหน้ามาได้เลย ฉันจะสงเคราะห์ให้เอง”

    เพชรกล้าร้องเสียงกร้าวอย่างดุดัน เจ้าหัวโจกเริ่มหวั่นๆ เพราะลักษณะการคร่ากุมลำคอของเขานั้น แสดงให้เห็นชัดว่า เป็น “ยอดฝีมือ” ที่เหนือกว่าเขาซะอีก แถมเรี่ยวแรงมหาศาล ไม่น่าเชื่อว่า เด็กหนุ่มตัวเล็กๆ จะมีพละกำลังแข็งแกร่งขนาดนี้ เพชรกล้าจ้องตากลับอย่างดุ ก่อนจะคลายมือที่ลำคอ แล้วถีบก้นมันเซไปหาพรรคพวก ชาวบ้านโห่ร้องปรบมือ และขับไล่ไสส่งออกไป มันกล่าวคำอาฆาต ก่อนจากไป ใครคนหนึ่งเดินเข้ามาใกล้ตัว ปรบมือยกย่อง พอเขาหันไป ก็พบกับบุรุษร่างเล็ก แต่บึกบึนกำยำ หน้าตาคมเข้ม ร้องอย่างดีใจ “พี่ยอด!

     

    “ไม่เจอกันตั้งนาน ฝีมือดีขึ้นมากเลยนะ”

    สองหนุ่มที่มีฐานะคล้ายอาจารย์กับลูกศิษย์กลายๆ เดินคุยกันไปในหมู่บ้าน เพชรกล้ายิ้มร่าเริง

    “ก็เพราะได้พี่ยอด สั่งสอนวิชาหมัดมวยตั้งแต่เล็ก ทำให้ผมมีพื้นฐานที่ดีน่ะสิครับ”

    “ฮะ ฮะ น่าปลื้มใจจริงๆ เพราะนายหัวไว แถมขยันฝึกไม่ทอดทิ้ง ก็เลยเก่งแบบนี้ ครูคนอื่นคงภูมิใจแย่”

    เพชรกล้ามองชายวัยสามสิบปลายๆ ด้วยแววตาเคารพนับถือ

    “พี่ยอดสบายดีหรือครับ ในเมืองเป็นไงบ้าง”

    “ก็...อย่างเคย ไม่ค่อยมีอะไรแปลกใหม่ วันนี้ว่าง เลยมาเยี่ยมเพชรกับพวกชาวบ้านได้”

    “จริงสิ พรานมิ่งที่ส่งตัวไปรักษาในโรงพยาบาล อาการเป็นยังไงบ้างครับ”

    เขาถามถึงพรานป่าที่ถูก “เจ้าเสือทองกล้า” ของปิญชาน์กัด และถูกส่งไปรักษาตัวในเมืองหลายวันแล้ว

    “ดีขึ้นเรื่อยๆ นะ พี่ก็ไปเยี่ยมบ่อยๆ อีกไม่กี่วันคงกลับบ้านได้แล้วล่ะ เออ จริงสิ เจ้าพวกนั้นมันคงไม่ปล่อยหมู่บ้านเพชรไปง่ายๆ แน่ พี่สืบรู้มาว่า เบื้องหลังของนายเส็งน่ะ มีตัวการใหญ่เจ้าพ่ออิทธิพลมืดซ่อนอยู่ เป็นพวกค้ายา พวกมันต้องการที่ดินของหมู่บ้านผาแดงเป็นที่ซ่องสุมผลิตยาเสพติด พี่เป็นห่วงมากจริงๆ”

    เพชรกล้าตกตะลึงกับสิ่งที่ได้ยิน แต่ก็พอจะเดาจุดประสงค์มันได้แต่แรกแล้ว ว่าต้องไม่พ้นเรื่องทำนองนี้

    “ถ้ามันหนักหนานัก ยังไงก็ต้องแจ้งทางการ”

    “ไม่มีประโยชน์ เพชร ผู้ใหญ่มุ่ยก็ร้องเรียนถึงนายอำเภอ กำนัน รวมถึงผู้ว่าไปแล้วมิใช่หรือ แต่ก็ไม่เห็นมีใครโผล่หัวมาช่วยสักราย เงินน่ะมันทำได้ทุกอย่างนะ เป็นค่าปิดปาก ปิดหู ปิดตาคน ให้ทำเป็นไม่สนใจได้ทั้งนั้น”

    เพชรกล้ายืนอึ้ง ดวงตาขุ่นกร้าว กำมือแน่นอย่างแค้นใจ

    “เสียทีเป็นตำรวจ รักษากฎหมายบ้านเมือง หาความตงฉินสักนิดก็ไม่มี บ้านเมืองฝากไว้กับคนพวกนี้ ประเทศจะไม่ฉิบหายได้อย่างไร”

    ยอดหันมาจับไหล่ลูกศิษย์หนุ่ม พูดเสียงเข้มอย่างฝากฝัง

    “คงต้องหาตัวช่วยอื่น พี่เชื่อนะว่า ความยุติธรรมยังมีอยู่บนโลก และถ้าชาวผาแดงสามัคคี ร่วมมือกัน ก็จะผ่านเภทภัยในครั้งนี้ได้ เพชร นายต้องเป็นกำลังสำคัญให้พวกเขา หมู่บ้านผาแดง ฝากไว้ในมือนายแล้ว”

     


     

    ณ กรุงเทพฯ ประเทศไทย

    ริชาร์ดเมาหนัก เช้าแล้วยังไม่ได้สติ มุกตาภาจึงต้องมาสอดแนมบริษัททั้งสองกับไตรทศสองคน เมื่อเข้ามาในบริษัทการค้าอัญมณียักษ์ใหญ่ เดอะ แฟนซี จิวเวลรี่ ก็ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีราวกับลูกค้าวีไอพีจากพนักงานฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ แสดงให้เห็นถึงการทำงานที่มีระบบระเบียบ เป็นมืออาชีพ และบริการยอดเยี่ยมมาก

    “ที่นี่โอ่อ่ากว้างขวาง...ทันสมัยกว่าที่เราคิดนะ”

    มุกตาภาเอ่ยเบาๆ ขณะเดินชมภายในตัวตึก ไตรทศตามติดอยู่ข้างหลัง คอยรายงาน และตอบคำถาม

    “ก็เป็นบริษัทการค้าที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศไทยนี่ครับ”

    หล่อนเดินพลาง คิดสำรวจหาลู่ทางเคลื่อนไหวไปพลาง โกเมน เดชาวัต หัวหน้าฝ่ายการขาย และลูกชายคนที่สองของเจ้าของบริษัท เดินถือแฟ้มรายงานออกมาจากห้อง ผ่านตรงระเบียง มองลงไปชั้นล่างอย่างไม่ตั้งใจ ก็ถึงกับเบิกตากว้าง เมื่อเห็นร่างหญิงงามที่ได้ครอบครองหัวใจเขาไปแล้ว ยืนอยู่ตรงนั้น เขารีบวิ่งลงบันไดมาอย่างเร็วที่สุด แต่พอมาถึงตรงที่ที่หล่อนยืนอยู่เมื่อครู่นี้ หล่อนก็อันตรธานไปเสียแล้ว จึงมองหาอย่างร้อนใจ

    ...ไปไหนแล้วล่ะ เทพธิดาของฉัน...

    “พี่โกเมน มองหาใครหรือคะ”

    พลอยไพลิน ดีไซเนอร์สาว นักออกแบบอัญมณี และน้องสาวคนสวย ถามอย่างสงสัย โกเมนส่ายหน้า

    วัน สกาย ไดมอนด์ คือจุดหมายต่อมา คุณหนูลูกสาวเจ้าอัญมณีแห่งยุโรป ยังคงได้รับการต้อนรับอย่างดีเยี่ยม หล่อนมิเพียงมากับไตรทศ ยังมีองครักษ์สองตัวตามติด คือ ครุตม์ กับ กุลิสร์ ปีศาจพันปีอิทธิฤทธิ์สูง

    “รู้สึกว่าที่นี่...จะใหญ่โตหรูหรากว่านะ”

    มุกตาภาแสดงความเห็น หล่อนมิเพียงมองสถานที่ ยังมองภาพรวม ด้วยสายตาเฉียบคมอีกด้วย

    “ถึงชื่อเสียงจะตีขนาบคู่กันมา แต่ถ้าดูรายละเอียดปลีกย่อย วัน สกาย เหนือกว่าเดอะแฟนซีอยู่เล็กน้อย ทั้งจำนวนลูกค้า ผลกำไรทางธุรกิจ และความนิยม ที่สำคัญ คือ...รวยกว่าพอประมาณทีเดียว”

    ไตรทศเอ่ยนอบน้อม แต่แล้ว...เมื่อหันไปเห็นรูปภาพบุรุษหน้าตาคมเข้ม ทรงพลังออร่า ทั้งน่าเกรงขาม และน่ากลัว ที่แขวนประดับอยู่บนฝาผนังใหญ่ แววตาก็จ้องเขม็งอย่างดุดัน เย็นชา กระแสความเกลียดไหลบ่าจนดวงตาแทบลุกเป็นไฟ ขบกรามแน่น มุกตาภาหันมาเห็นอาการก็ถามอย่างสงสัย แต่เขาปฏิเสธว่าไม่มีอะไร

    “ที่นี่ดูมีเสน่ห์กว่า ฉันชอบที่นี่มากกว่า แต่เป้าหมายเรายังคงเหมือนเดิม คือ ยึดทั้งสองบริษัท”

    มุกตาภาประกาศเจตจำนงชัดเจน ไตรทศก้มหน้า น้อมรับบัญชาอย่างสาสมใจ!

     

    ณ หมู่บ้านผาแดง

    ปิญชาน์นั่งอยู่ในกระท่อมทำพิธีของหล่อน หลังเดิมกับที่ปิณฑิราบุกเข้ามา และร่ายอาคมคุณไสยใส่ผู้ที่หล่อนเกลียดชังเป็นที่สุดอีกครา ก็คือ คนเดิมกับตอนที่ปิณฑิราเข้ามาทำลายพิธี แต่คราวนี้...

    “อะไรกัน! อาคมถูกต่อต้าน เจ้าคนชั่วนั่น ต้องใช้หมอคุณไสยมาเล่นงานเราแน่ และเอาของดีไปคุ้มกันตัว หึ ไม่ยอมหรอก ต้องมีวิธีอื่น จัดการมันได้สิน่า”

    หญิงสาวพลิกตำราไสยศาสตร์ในมือตนเองเป็นการใหญ่ หล่อนต้องแก้แค้น...มันเป็นหน้าที่ที่ต้องทำ!

    เพชรกล้าเดินเข้ามาในบ้านของผู้ใหญ่มุ่ย ซึ่งมีผู้ช่วยและผู้ใหญ่ในหมู่บ้านนั่งประชุมอยู่ก่อนแล้ว รวมผู้ใหญ่มุ่ยด้วยก็เป็นหกคนพอดี เขากวาดตามองทุกคนอย่างสงสัย ขณะที่ผู้ใหญ่หลายคนหันมาเรียกต้อนรับเขา

    “ผู้ใหญ่ เรียกผมมามีอะไรหรือครับ”

    ผู้ใหญ่มุ่ยไม่ตอบ แต่ยื่นแผ่นป้ายที่ทำจากไม้ให้เขาดู ชายหนุ่มรับมา อ่านอักษรเลือดที่อยู่บนนั้น

    ...ถ้าไม่อยากถูกกวาดล้างหมู่บ้าน จงรีบไสหัวไปภายในสามวัน!!  

    “มันส่งสาสน์นี้มาขู่เรา ให้เรายอมจำนน แค่ก แค่ก ฉันอ่านแล้วแค้นใจเหลือเกิน แค่ก ทำไมมันเลวได้อย่างนี้ มันคิดจะฆ่าล้าง แค่ก แค่ก คนทั้งหมู่บ้านเพื่อแย่งที่ แค่ก แค่ก แค่ก...”

    ผู้ใหญ่มุ่ยวัยเจ็ดสิบ พูดปนไอด้วยความคั่งแค้นใจแทบกระอักเลือด หน้าแดงเพราะโกรธจัด ผู้ช่วยวัยสี่สิบกว่าๆ ต้องรีบเข้ามาประคอง ช่วยกันบอกว่า “ใจเย็นๆ ผู้ใหญ่ อย่าโมโหมาก...”

    “ผู้ใหญ่ ระวังสุขภาพด้วยครับ อย่าเพิ่งใช้อารมณ์”

    เพชรกล้ารีบเตือนอย่างเป็นห่วง แม้เขาจะตกใจกับข้อความเลือดแค่ไหน ก็ไม่อาจแสดงท่าทางหวั่นไหว หวาดกลัว หรือโมโหเคียดแค้นจนเกินไปได้ เพราะมันไม่ใช่เวลา จะมาใช้อารมณ์จัดการปัญหาแล้ว           

    “มันเลวได้ที่จริงๆ ตอนแรกมาเจรจา เจรจาไม่สำเร็จ ส่งสมุนมาทำร้าย พอเราต่อสู้ ก็ถึงกับจะกวาดล้างเราทั้งหมู่บ้าน สาสน์ขู่นี้มันเอาจริงแน่ หมายความว่าอีกสามวัน หากเรายังอยู่ มันเอาเราถึงตาย”

    กมล หนึ่งในผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านเอ่ยอย่างเจ็บแค้น เพชรกล้าส่ายหน้าช้าๆ กำมือแน่น พูดเสียงกร้าว

    “บ้านเมืองนี้ ไม่มีขื่อมีแปกันแล้วรึไง”

    “พวกตำรวจกับทางการถือหางมัน แค่มันเอาเงินยัดหน่อย ก็ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นแล้ว พวกเราเป็นแค่หมู่บ้านเล็กๆ ที่ไม่มีฝ่ายไหนสนใจเหลือบแลแต่แรกอยู่แล้ว พอเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ก็ไม่มีคนไหนคิดจะช่วย”

    “เราพึ่งพาใครไม่ได้ ก็ต้องพึ่งตัวเอง สู้เท่านั้น สู้กับมันให้ตายไปข้างหนึ่ง!

    หนุ่มวัยสามสิบโพล่งอย่างห้าวหาญ ปลุกใจทุกคนในที่นั้นให้ฮึกเหิม แต่เพชรกล้าแทรกขึ้นเสียงเครียด

    “ไม่ได้นะครับ เรื่องสู้น่ะ เราทำแน่ แต่ไม่ใช่ด้วยการตะลุมบอน ถ้าเปิดสงครามกันในหมู่บ้าน เราเป็นฝ่ายเสียเปรียบทั้งหมด ผู้ชายวัยฉกรรจ์น่ะไม่เป็นไรหรอก แต่ผู้หญิง คนชรา และเด็ก จะพลอยรับเคราะห์ โดนลูกหลงไปด้วย แค่มันจับตัวพี่น้องเราคนหนึ่งเป็นตัวประกัน เราก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว ต้องยอมจำนนสถานเดียว”

    ถ้อยคำของเพชรกล้าปลุกให้ทุกคนได้คิด กมล พยักหน้าช้าๆ ตบไหล่เขาเบาๆ ชื่นชมในความรอบคอบ

    “อืม...เพชรพูดถูกนะ พวกเราจะทำอะไร ต้องคิดถึงคนในหมู่บ้านด้วย จะให้มาเดือดร้อนกันหมดไม่ได้”

    “แต่ถ้ามันโจมตี ยังไงก็เลี่ยงไม่ได้ หรือจะให้ผู้หญิงและเด็กย้ายไปหลบภัยในป่าเพชรก่อน”

    สมการ หนึ่งในผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านอีกคนเสนอ เพชรกล้านิ่งคิด แล้วส่ายหน้าอย่างกังวล

    “เรื่องหลบภัยน่ะง่าย แต่การต่อสู้...พวกพี่ๆ มั่นใจแค่ไหนครับ ว่าจะเอาชนะพวกมันได้ หมู่บ้านเรามีผู้ชายพร้อมรบไม่กี่คน บางคนไม่เป็นฝีมือเลย แต่พวกมัน เต็มไปด้วยนักเลงที่กรำศึกมามาก อย่างวันนี้ พวกมันมาหาเรื่องในตลาด พวกชาวบ้านลุกขึ้นสู้ ถูกมันทำร้ายบาดเจ็บกันหลายคน แต่พวกมันไม่เป็นอะไรเลย นับแค่จุดนี้ เราก็เป็นรองมันแล้ว”

    “เพชรคิดได้ละเอียดรอบคอบมาก ถ้าเราจะสู้ ต้องมั่นใจว่าจะเอาชนะได้จริงๆ ไม่งั้นก็ฆ่าตัวตายเปล่า”

    “จริงสิ รู้สึกว่าพวกมันจะไม่ได้มีแค่นักเลง อันธพาลทั่วไปนะ สมุนของมันน่ะ มีนักฆ่าอาชีพอยู่ด้วย ถ้ามันเอาพวกนั้นบุกหมู่บ้าน เราคงสู้ด้วยไม่ได้สักท่า ตายกันหมด!

    ทุกคนเริ่มห่อเหี่ยวท้อแท้ใจ กับศึกหนักในครั้งนี้ ผู้ใหญ่มุ่ยกล่าวโทษตัวเอง ที่เป็นผู้นำที่พึ่งพิงของชาวบ้านไม่ได้ ผู้ช่วยต้องพากันปลอบ ขณะปรึกษาหารือกันอยู่ เพชรกล้าก็เดินแยกออกมาคิดอะไรคนเดียว

    ...นักฆ่า...ต่อสู้...! เขาฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้ กล่าวขึ้นกลางวงอย่างห้าวหาญมั่นใจ

    “ดีแล้ว! ผู้ใหญ่ครับ ขอผ้าขาวม้าผืนสีขาวให้ผมหน่อยสิ”

    เมื่อผ้าขาวม้าผืนขาวกางอยู่บนโต๊ะ ทุกคนมายืนรุมล้อม เพชรกล้าใช้นิ้วกรีดเลือดตัวเองกับมีดปอกผลไม้ที่ปักคาอยู่ กมลร้องอย่างตกใจ “เพชร!” เขาเขียนอักษรเลือดลงไปบนนั้น ด้วยท่าทางองอาจอย่างยิ่ง

    ...ส่งนักฆ่ามาดวลกัน...เดิมพันด้วยหมู่บ้าน...อีก 3 วัน...ติดสินผล!!

    “เพชรกล้า นี่มัน...”

    ทุกคนมองเขาอย่างตกใจ ชายหนุ่มหันมายิ้มอย่างทระนง

    “ผมอยากทำข้อตกลงกับพวกมัน ให้พวกมันส่งคนมาสู้กับผม ถ้าแพ้ ก็ต้องเลิกยุ่งเกี่ยวกับพวกเรา”

    “โธ่! เพชร สัจจะในหมู่โจรมีที่ไหน”

    “ตอนนี้เรายังหาทางไม่ออก ถือว่าเป็นการถ่วงเวลาก็แล้วกัน มันอาจไม่ทำตามสัญญา แต่เรื่องสู้ยังไงก็ต้องมาแน่ ผมรู้จักนิสัยนักฆ่า พวกมันหยิ่งทระนง ถือดีอย่างยิ่ง ดังนั้นมันต้องรับคำท้า บางทีถ้าผมปราบมันลงได้ อาจทำให้หัวหน้าใหญ่รู้สึกหวาดกลัวเราขึ้นมา ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม ถึงตอนนั้นเราอาจมีวิธีแก้ไขแล้ว ต่อให้ไม่มี ผมก็มีแผนสอง... เอาเป็นว่า ผมไม่ให้มันยึดหมู่บ้านเราได้ก็แล้วกัน พวกพี่ๆ เชื่อมั่นในตัวผมกันรึเปล่าล่ะครับ”

    ถามเรื่องความเชื่อใจ กับเพชรกล้า ที่เติบโตมาในหมู่บ้าน รู้จักคุ้นเคยมาตั้งแต่เด็ก มีหรือพวกเขาจะไม่รู้จักนิสัย และความสามารถ หากแต่กมลก็ยังเป็นห่วง จับไหล่เพชรกล้าอย่างห่วงใย

    “เพชร พี่ไม่สงสัยความสามารถเธอ แต่...พวกนั้นเป็นนักฆ่ามืออาชีพนะ มันเสี่ยงเกินไป”

    “ถ้าผมไม่มั่นใจ ก็ไม่ท้าหรอกครับ ผมไม่เอาชีวิตคนทั้งหมู่บ้านมาล้อเล่นเด็ดขาด วางใจเถอะ พี่กมล”

    “เพชร เธอเสียสละเพื่อหมู่บ้านเราเหลือเกิน...”

    “กล้าหาญขนาดนี้ พี่ยอมรับนับถือเลย...”

    “ไม่ว่ายังไง ชาวผาแดงอยู่เคียงข้างเธอ เพชรกล้า ถ้าเธอสู้ เราก็สู้...”

     


     

    ผู้ใหญ่มุ่ยเรียกประชุมลูกบ้าน ทุกคนมายืนรวมตัวกันครบที่ลานดินหน้าบ้านของผู้ใหญ่

    “แค่ก แค่ก ตอนนี้หมู่บ้านเรามีภัย แค่ก...”

    “เอ่อ ผู้ใหญ่ ให้ผมพูดแทนเถอะครับ”

    เพชรกล้าอาสาแจ้งข่าวชาวบ้านแทนผู้ใหญ่ที่กำลังป่วย และไอหนัก ผู้ใหญ่มุ่ยพยักหน้าแล้วถอยไป

    “พี่น้องชาวบ้านผาแดงทุกคนครับ คงจะทราบแล้วว่า ตอนนี้หมู่บ้านเราถูกคุกคามจากพวกมาเฟียค้ายา ที่ต้องการไล่เราออกจากพื้นที่ จะได้สร้างที่ดินตรงนี้ เป็นแหล่งซ่องสุมผลิตยาเสพติด ถ้าเราปล่อยให้พวกมันได้ไป บ้านเมืองก็จะต้องเดือดร้อนเพราะเราเป็นต้นเหตุ ดังนั้นเพื่อปกป้องประเทศ เราจึงต้องต่อสู้กับศึกครั้งนี้”

    ชาวบ้านชูมือขึ้นฟ้า ร้องพร้อมเพรียงกันอย่างเห็นด้วย “ต่อสู้! ต่อสู้!” เพชรกล้ายกมือให้ทุกคนสงบลง

    “แต่เราจะไม่ต่อสู้ด้วยการใช้กำลังเข้าห้ำหั่น เพราะเราเสียเปรียบพวกมันด้านฝีมือ ดังนั้น ผมจึงอาสาเป็นตัวแทนหมู่บ้าน จัดการประลองกับพวกมัน โดยมีหมู่บ้านเราเป็นเดิมพัน อยากให้พี่น้องทุกคนเป็นพยานด้วย ถ้าผมชนะ พวกมันต้องเลิกระรานเรา แต่ถ้าพวกมันไม่รักษากติกา เราค่อยโต้ตอบด้วยความรุนแรง ตอนนี้ที่สำคัญที่สุด คือการเตรียมพร้อม เผื่อเปิดศึกกัน ทุกคนจะต้องฝึกวิชาการต่อสู้ ไว้ป้องกันตัวเองในยามคับขันได้”

    “และฉันเห็นว่า คนที่จะรับหน้าที่เป็นครูฝึกของพวกเรา ก็ควรจะเป็น เพชรกล้า ด้วย”

    กมล เสนอมา ชายหนุ่มจะท้วง เพราะอยากเสนอ “พี่ยอด” แต่พอเห็นแววตาเชื่อมั่นของกมล และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านอีกหลายคน จึงต้องยอมรับ

    “ก็ได้ครับ ผมจะเป็นครูฝึกให้ ในสามวันนี้ เราต้องลำบากกันหน่อยนะ”

    ชาวบ้านปรบมือ ชูมือโห่ร้อง เป็นขวัญกำลังใจให้กับเพชรกล้า แสดงออกถึงการเชื่อมั่นในตัวเขาเต็มที่

     


     

    กรุงเทพ ประเทศไทย

    เพื่อความสะดวกในการดำเนินการ และฝึกฝีมือ มุกตาภาจึงเลือกซื้อคฤหาสน์หรูหราหลังหนึ่งในตัวเมือง เป็นสถานที่พักอาศัยถาวร เอาไว้อยู่เวลาหล่อนมาที่นี่ หล่อนบอกเช่นนั้นกับไตรทศ แท้จริงแล้ว มีสาเหตุอื่น

    ...แม่คะ ที่ดินของแม่ตรงนี้ ถูกสร้างเป็นคฤหาสน์หรูแล้ว หนูไม่ได้เห็นบ้านหลังเล็กๆ ที่อบอุ่นของเราอีกต่อไป แต่ว่า...หนูก็ได้กลับมายืนอยู่ตรงนี้อีกครั้ง แม้บ้านจะเปลี่ยนไป แต่ที่ดินยังเหมือนเดิม หนูจะอยู่ที่นี่ ใช้เป็นที่พักถาวรเวลาแวะมา แม่ก็...อย่าลืมมาเยี่ยมหนูบ้างนะคะ...

    มุกตาภารำพึงถึงมารดาอย่างคิดถึงจับใจ ขณะนั่งอยู่ริมหน้าต่าง มองออกไปเห็นแม่น้ำใสสะอาด...


     

    ที่โชว์รูมรถ จำหน่ายรถยนต์คันหรูหราทันสมัยและไฮเทคที่สุดในเมืองไทย มุกตาภา พาพี่ชาย และอาจารย์ไตรทศมาเลือกซื้อรถส่วนตัว เพื่อความสะดวกในการเดินทาง

    “โอ้โห สุดยอด รถคันนี้เจ๋งไปเลยน้องมุก เพิ่งผลิตออกมาใหม่ มีไม่กี่คันบนโลกนะ อินเทรนด์สุดๆ”

    “อยากได้ก็เอาสิ คันเดียวพอหรือ คันนู้นก็สวยนะ เลือกไปสักสองสามคันสิ ที่บ้านเรามีที่จอดรถเป็นสิบ”

    มุกตาภาบอกมาง่ายๆ พร้อมกับมองหารถที่ตัวเองถูกใจ ริชาร์ดยิ้มแย้ม

    “นั่นสิ พี่ก็ชอบหลายคันอยู่นะ งั้นพี่ขอสาม”

    “ไม่ต้องจ่ายนะ เดี๋ยวมุกออกเอง วันนี้มุกเลี้ยง”

    หล่อนบอกอย่างใจสปอร์ต พี่ชายผิวปากอย่างทึ่ง ชูนิ้วให้ “ว้าว น่ารักอะไรอย่างนี้ น้องพี่...”

    ริชาร์ดเดินไปเลือกรถ หล่อนก็หันมามองไตรทศที่ยืนสงบสำรวมอยู่ด้านข้าง ไม่ตื่นเต้นยินดีกับรถหรูเลย

    “อาจารย์ ก็เลือกสักคันสิ”

    “ฮ้า! เอ่อ อย่าดีกว่าครับ”

    ไตรทศแสนจะประหลาดใจ เพราะปกติหล่อนไม่เคยใจกว้างกับเขาเช่นนี้ มุกตาภายิ้ม บอกคล่องแคล่ว

    “ทำไมล่ะ มีรถส่วนตัว ไปไหนมาไหนจะได้สะดวกนะ คันเดียวใช้ตั้งสามคน น่าเบื่อจะตาย ฉันจะซื้อให้อาจารย์สักสองคัน อยากได้คันไหน เลือกเอาเลยนะคะ ไม่ต้องเกรงใจ”

    “คุณหนูมุกตาภา เมตตาต่อผมเหลือเกิน...”

    “หึ ก็อาจารย์เป็นผู้มีพระคุณ สอนวิชาไข่มุกมาก็มาก ไข่มุกก็ต้องตอบแทนบ้าง เป็นเรื่องสมควรแล้ว”

    ฟังดูน่าซาบซึ้งใจ แต่รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของหล่อน ทำเอาเขาวางใจไม่ลงจริงๆ แต่ก็ต้องน้อมรับ


     

    ขณะที่ชายหนุ่มผู้แสนยากจน ติดดิน และต้อยต่ำทางฐานะสังคมอย่าง เพชรกล้า (ซึ่งตอนนี้กลายเป็นผู้นำหมู่บ้านไปโดยปริยายแล้ว) กำลังฝึกซ้อมวิชาการต่อสู้ให้ชาวบ้านอย่างขยันขันแข็ง อีกด้านหนึ่ง หญิงสาวผู้ร่ำรวย เป็นอภิมาหาเศรษฐี ติดอันดับท็อปเท็นของโลก มีฐานะดุจนางหงส์ นางพญาอย่าง มุกตาภา กำลังเดินเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ และของฟุ่มเฟือยที่ถูกใจมาประดับตกแต่งคฤหาสน์ใหม่ที่เพิ่งซื้อมาสดๆ ร้อนๆ อย่างมือเติบตามอำเภอใจ จนขนได้เต็มคันรถใหญ่ บริเวณหน้าห้าง ทั้งสามคนยืนมองพนักงานขนของขึ้นเต็มคันรถกระบะ

    “ของก็ซื้อเสร็จแล้ว ไปไหนกันต่อล่ะ น้องมุก”

    “คืนนี้เราต้องออกงาน ไข่มุกว่าจะไปดูชุดราตรีสวยๆ สักหน่อย พี่ใหญ่ กับอาจารย์กลับบ้านก่อนก็แล้วกัน ไม่ต้องรอหรอก เพราะคงจะนาน”

    “เอ่อ คุณหนูเพิ่งมาเมืองไทยหนแรกในรอบสิบปี ยังไม่ชำนาญทางนัก ผมว่า...”

    “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ อาจารย์ ฉันอยากลองเที่ยว ลองทางด้วยตัวเองน่ะ ขอบคุณนะคะที่เป็นห่วง”

    หญิงสาวหันมาบอกง่ายๆ แถมยิ้มสดใสด้วย ก่อนจะเดินไปขึ้นรถเฟอร์รารี่สีแดงคันหรูของตน ที่เพิ่งซื้อมาเมื่อครู่นี้ ขับออกไปอย่างรวดเร็ว ริชาร์ดเดินไปขึ้นรถของตัวบ้าง ส่วนไตรทศยังไม่ขยับ ยืนทำหน้าสงสัยอยู่

    ...วันนี้มาแปลก ใจดีผิดปกติ ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่กันแน่ เดาใจลำบากจริงๆ นังเด็กแสบคนนี้...

    © themybutter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×