ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลิขิตรัก...อัญมณี

    ลำดับตอนที่ #10 : พานพบหลวงปู่นิล

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 348
      3
      26 พ.ค. 59


        
     

    ระหว่างทาง ปิณฑิราเจองูจงอางเลื้อยผ่านหน้าในระยะประชิด ก็ตกใจ ผงะมาด้านหลัง ชนชายหนุ่มที่เดินตามติดมา ล้มไปกองกับพื้นด้วยกัน ในสภาพที่หญิงสาวทาบทับอยู่บนตัวชายหนุ่ม หล่อนจ้องเขาตะลึง

    “นี่ ออกมานะ ออกมาจากตัวเพชรเก๊เดี๋ยวนี้!

    ปิญชาน์รุ่มร้อนแทบอกระเบิด ดึงตัวหล่อนขึ้นมาโดยเร็ว หญิงสาวหน้าแดงวูบ หลบสายตา บอกอ้อมแอ้ม “ขอโทษนะ” เพชรกล้าลุกขึ้นมานั่ง ตอบเบาๆ แบบไม่กล้าสบตาเช่นกัน

    “ไม่เป็นไร เจองูเหรอ”

    “โฮก!!

     เสือลายพาดกลอนกระโจนขึ้นมาบนเนินดิน ยืนเด่นเป็นสง่าน่าเกรงขาม จ้องมองมนุษย์ทั้งสามคนนิ่งคล้ายจะหยั่งเชิง ปิญชาน์อ้าปากค้าง หัวใจแทบหยุดเต้น เพชรกล้า กับปิณฑิราลุกพรวดขึ้นยืน มองเจ้าเสือใหญ่อย่างระแวดระวัง สังเกตท่าทีของมันเขม็งนิ่ง

    “เพชรเก๊...ล...ไล่มันไป ฉันไม่ไว้ใจแม่นั่น”

    ปิญชาน์กระซิบ มองอดีตสัตว์เลี้ยงอย่างอาลัยคิดถึง ชายหนุ่มขยับตัว

    ทันใดนั้น! เจ้าเสือร้ายก็กระโจนเข้าใส่ปิณฑิรา พร้อมเสียงร้องคำรามสะท้านป่า เพชรกล้าใจหายวูบ ตกตะลึงพอๆ กับปิญชาน์ แฟนซีไดมอนด์บนตัวของหญิงสาว ก็ทำงานทันที หล่อนยื่นมือทั้งสองข้าง ส่งคลื่นพลังบังคับการเคลื่อนไหวของทองกล้า เมื่อมันกระโจนเข้าใส่อย่างดุร้าย หล่อนก็เหวี่ยงมันไปกระแทกต้นไม้ใหญ่ พอมันวิ่งเข้ามาอีก หล่อนก็โยนไปกระแทกก้อนหินใหญ่หนักหน่วง เจ้าเสือมีพละกำลังมหาศาล และดุร้ายทรหดก็จริง แต่เทียบอะไรไม่ได้เลย เมื่อเจอกับพลังเหนือธรรมชาติ หล่อนไม่ต้องแตะตัว แค่ส่งกระแสคลื่นออกไป มันก็ลอยคว้างไปชนโน่นชนนี่ เนื้อหนังเกี่ยวกับกิ่งไม้ กระทบแง่งหิน จนบาดแผลเริ่มมีเลือดไหลออกมา

    ปิญชาน์ยกมือปิดปาก ดวงตาแดงก่ำ อยากจะร้องไห้เพราะเจ็บปวดแทนมัน ร้องห้าม

    “หยุดนะ ปล่อยมันไป”

    อยู่ตลอดเวลา หากแต่เสือร้ายบ้าคลั่ง ถึงบาดเจ็บก็ยังเข้าพัวพันหวังจะฝังคมเขี้ยว หรือกรงเล็บลงบนตัวหล่อนให้ได้ ปิณฑิราไม่มีทางเลือก และหล่อนก็บันดาลโทสะขึ้นมาแล้ว จึงทำร้ายทองกล้าอย่างไม่ปรานี

    “ไม่ยอมแพ้ใช่ไหม!

    หญิงสาวคุมอารมณ์ไม่อยู่ เพิ่มพลังรุนแรงครั้งสุดท้าย หวังจะปราบมันให้ตายในคราเดียว คลื่นสีแดงแผ่ขยายกว้าง ครอบคลุมร่างหล่อน เป็นรัศมีฮาโล ระยิบระยับเปล่งประกายงดงามจับตา เสือร้ายกระโจนเข้าใส่อย่างแลกชีวิต หล่อนจ้องด้วยสายตาอำมหิต ยื่นมือสองข้างออกไปช้าๆ

    “อย่าทำ!!

    เสียงร้องก้อง พร้อมกับใครคนหนึ่งแทรกเข้ามาตรงกลางศึก ปิณฑิราใจหายวาบ แต่สายไปเสียแล้ว คลื่นพลังสูงสุดของหล่อนถูกซัดออกไปอย่างรุนแรง แน่นอนว่าใครก็ตามที่มารับพลังนี้ ร่างจะต้องถูกปลิดปลิวดุจใบไม้ร่วงลอยไปกระแทกภูเขาที่อยู่ห่างไกล ถึงแก่ความตายแน่! วินาทีนั้น เหมือนหัวใจหลุดออกจากร่าง แต่ไม่ถึงกับสลาย...

    สิ่งมหัศจรรย์ที่หล่อนไม่เคยพบเห็นปรากฏขึ้น คลื่นฮาโลสีแดงของหล่อน ไม่ได้แผ่ขยายออกไป มันถูกสะกดกั้นไว้ด้วยชายผู้ยืนอยู่เบื้องหน้า แผ่นหลังของเขาเต็มไปด้วยรัศมีสีแดงระยิบระยับ ขณะที่เบื้องหน้า รังสีออเรโอลาสีเหลืองทอง ก็สาดส่องหมุนวนอยู่รอบตัวเขา เจ้าเสือร้ายไม่ได้ตกวูบลงตรงหน้าอย่างที่เขาเคยทำได้ มันเหมือนลองดี หรือคิดท้าทายพลัง จึงหาญกล้าเข้าปะทะกับแสงตรงๆ ผลปรากฏคือ เหมือนชนกำแพงยักษ์ ที่แข็ง และหนาทึบยิ่งกว่าหิน

    มันร่วงลงพื้น ร้องครางด้วยความเจ็บปวดที่หัว หารู้ไม่ว่า ก่อนที่มันจะชน เพชรกล้าลดพลังลงแล้วถึงครึ่งหนึ่ง หากเขาใช้พลังเต็มที่ล่ะก็ มันคงร่างแหลกเหลวดุจรถสิบล้อทับไปแล้ว! เขาเมตตามันในนาทีสุดท้าย เพราะไม่ได้มุ่งหมายเอาชีวิต และมันก็สู้เขาไม่ได้อยู่แล้วไม่ว่าทางใด จึงไม่จำเป็น ต้องทำร้ายมันรุนแรงกว่าเหตุ

    รัศมีฮาโลด้านหลังเขาค่อยๆ อ่อนแรงลง ชายหนุ่มไม่ได้สนใจ เขามองเจ้าเสือร้ายอย่างการุณย์

    “ไปซะเถอะ ทองกล้า ไปตามทางของเจ้า เราไม่ทำร้ายเจ้า ขอเจ้าอย่าได้ทำร้ายใครอีกเลย”

    ทองกล้าเดินโซเซด้วยสภาพที่สะบักสะบอมไปทั้งตัวจากไปช้าๆ ไม่ได้เหลียวมองเจ้านายเก่าที่เคยคลุกคลีสนิทสนมด้วยเลย ปิญชาน์ก้าวช้าๆ ตามมันไปอย่างห่วงใย เพชรกล้าก็หันหน้ามาช้าๆ จ้องปิณฑิรานิ่ง หล่อนก้มหน้าวูบ หลบตาอย่างละอาย รู้สึกผิดเมื่อเห็นสายตาตำหนิของเขา พูดเสียงเบา

    “เอ่อ ก็...ก็มัน...จะฆ่าฉัน...”

    “คุณปิณฑิรา ผมรู้ว่าพลังจิตของคุณ... เอ่อ แฟนซีไดมอนด์น่ะ เป็นพลังจิตเคลื่อนย้าย อานุภาพรุนแรงมาก แต่ถ้าคุณคุมมันอยู่ รู้จักใช้อย่างมีขันติและสมาธิ ไม่ใช้อารมณ์ควบคุม คุณก็สามารถทำแบบผมได้นะ”

    เขาบอกเสียงอ่อนโยน มองหล่อนอย่างเข้าใจ และไม่โกรธเคือง ปิณฑิราสบตาเขาอย่างซาบซึ้งใจ

    “เพชรเก๊! มาดูเร็วเข้า ทองกล้ายังไม่ไป!

    เสียงเพื่อนสาว เรียกทั้งสองให้ออกมาดู เจ้าเสือร้ายมีท่าทางรีๆ รอๆ อยู่ คอยหันหน้ามาหาพวกเขา ไม่ยอมจากไปเสียที สร้างความฉงนให้ทั้งสามยิ่งนัก

    “เหมือนมันอยากให้เราตามไปนะ ไปดูเถอะ”

    เพชรกล้าคาดเดา และก็เดาไม่ผิด เมื่อเดินตามรอยเจ้าเสือไปได้สักพักใหญ่ ลับเหลี่ยมหินมา ทั้งสามคนก็พบกับ พระธุดงค์ในชุดผ้าเหลืองรูปหนึ่ง อายุเจ็ดสิบกว่าปีแล้ว นั่งขัดสมาธิ หลับตาอยู่ใต้ต้นไทรใหญ่อย่างสงบนิ่ง ทองกล้าเดินเบาๆ เข้าไปนั่งอยู่ด้านหลังพระ เพชรกล้า กับปิญชาน์ ร้องอุทานพร้อมกันอย่างยินดี

    หลวงปู่นิล!!


     

    ณ หมู่บ้านผาแดง ผู้ใหญ่มุ่ยเรียกประชุมลูกบ้าน เพื่อปรึกษาหารือปัญหาเร่งด่วน หลายร้อยคนจึงมาชุมนุมกัน

    “เราไม่ย้ายเด็ดขาด ไม่ว่ายังไง เราก็จะอยู่ที่นี่ ต่อให้พวกมันข่มขู่แค่ไหนก็ตาม”

    ชาวบ้านหลายคนเห็นด้วย ที่จะรักษาหมู่บ้านไว้ ไม่ให้ถูกพวกมาเฟียยึดครอง แต่ก็มีบางคนกังวล

    “เราแจ้งนายอำเภอ กำนัน ผู้ว่าจังหวัดไปแล้ว ตั้งแต่ครั้งแรกที่มันมาข่มขู่ แต่ก็ไม่เห็นมีใครมาปกป้องเราเลยสักราย ฉันว่าอิทธิพลมันใหญ่เอาการอยู่นะ ถ้าทางราชการเป็นพวกของมันด้วย เราคงจะแย่หนักขึ้น”

    “ช่างมันปะไร เราเป็นหมู่บ้านที่ขึ้นทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย ใครคิดจะมารุกราน เราก็จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด พวกรัฐไม่ช่วย ก็ไปแจ้งเอกชน ต้องมีสักหน่วยงานที่ช่วยเราได้แน่ แต่รอดูก่อน ว่ามันจะทำอะไร”

    แกนนำของหมู่บ้านหลายคน เป็นเสาหลักต่อสู้เพื่อพื้นที่ทำกินของตนเอง ทำให้ชาวบ้านมีกำลังใจฮึกเหิม และเห็นไปในทางเดียวกันหมด ผู้ใหญ่มุ่ยหันมาถามบัว ถึงเพชรกล้า พอรู้ว่าเข้าป่า ก็ถอนหายใจ

    “เสียดายนะ ถ้าเพชรกล้าอยู่กับเราด้วยตอนนี้ คงคิดวิธีรับมือได้ เขาเป็นเด็กหนุ่มเฉลียวฉลาด กล้าหาญ จิตใจงาม แถมยังมีคุณธรรม น่าจะช่วยหมู่บ้านเราให้รอดพ้นภัยร้ายครั้งนี้ได้”

    “เดี๋ยวเพชรก็กลับมาช่วยเราน่า ผู้ใหญ่ วางใจเถอะ”

    ผู้ช่วยตบบ่าผู้ใหญ่อย่างให้กำลังใจ


     

    บนเครื่องบินที่กำลังเหินฟ้า มุกตาภากลับมาจากห้องน้ำ เดินผ่านที่นั่งของอาจารย์ไตรทศ ที่นั่งยิ้มกระหยิ่มอยู่ข้างหน้าต่าง บนตักมีตำราเล่มหนาปึกกางอยู่ นิ้วของเขาลูบไล้รูปภาพสีสวยห้ารูปเล็กๆ ที่มีสีสันลักษณะวิจิตรสวยงามแปลกตาอย่างยิ่ง แววตาหลงใหลเคลิบเคลิ้ม พึมพำเสียงเบา หญิงสาวหยุดอยู่ด้านหลังมองอย่างสนใจ แต่ภาพที่เห็นนั้นไม่ถนัดชัดเจนนัก จึงเอ่ยถาม      

    “ดูอะไรอยู่หรือคะ อาจารย์”

    ไตรทศสะดุ้งเฮือก หันขวับมาด้วยสีหน้าตกใจจนหล่อนฉงน รีบปิดตำรา เก็บใส่ในกระเป๋าข้างๆ อย่างรวดเร็ว รีบร้อน ก่อนจะลุกขึ้นยืน ดวงตาลอกแลก หญิงสาวจ้องเขม็งอย่างสำรวจ

    “ตำราของอาจารย์หรือ เป็นตำราอัญมณีใช่รึเปล่า”

    “เอ่อ ก็...หนังสือธรรมดาทั่วไป  ไม่มีอะไรน่าสนใจหรอกครับ คุณหนู”

    “ขอดูบ้างสิ...”

    มุกตาภาของ่ายๆ ไตรทศยิ้มเจื่อนๆ หลบสายตา

    “ก็เหมือนกับตำราอัญมณีที่คุณหนูยืมมาจากห้องสมุดนั่นแหละครับ ไม่แตกต่างกันหรอก”

    “อัญมณีบนโลกมีตั้งร้อยแปดพันเก้า จะเหมือนกันหมดได้ยังไง ต้องมีอะไรต่างบ้างแหละน่า”

    “ถ้ามีอะไรแปลก ผมก็บอกคุณหนูแล้วล่ะครับ มัน...ไม่มีอะไรน่าสนใจจริงๆ ออกจะน่าเบื่อด้วยซ้ำ”

    “...ตามใจ ฉันก็ยังดูหนังสือของฉันไม่จบเลย กลับไปดูต่อดีกว่า”

    มุกตาภายอมแพ้ง่ายๆ แล้วกลับไปนั่งที่ต่อ ดวงตาเจ้าเล่ห์ของไตรทศมองตามอย่างไม่ไว้ใจ และเขาก็คาดไม่ผิด เมื่อหญิงสาวนำหนังสืออัญมณีขึ้นมาดู แต่ใจกลับนึกถึงอาการมีพิรุธของอาจารย์

    “ตำราเล่มนั้น! คุ้นๆ ว่าอาจารย์พกติดตัวเสมอ แต่ไม่เคยเห็นชัดๆ สักที ตลอดมาเหมือนจะคอยปกปิดเอาไว้ เมื่อกี้ก็ทำลับๆ ล่อๆ ตกใจตอนเราไปเห็น หรือว่า...ตำรานั่นจะมีอะไร?

    ไตรทศนั่งลงช้าๆ ถอนหายใจ นึกตำหนิตัวเองที่สะเพร่า เอาตำราเล่มนั้นมาเปิดดู จนเกือบความแตก!


     

    ในป่าเพชร... เมื่อเพชรกล้า และปิญชาน์เรียกชื่อออกมาพร้อมกัน ปิณฑิราก็หัวใจพองโต ใบหน้าสดใสปรากฏรอยยิ้มดีใจเป็นครั้งแรก มองภิกษุห่มผ้าเหลืองที่นั่งอยู่ตรงหน้า ด้วยแววตายินดีเป็นล้นพ้น เมื่อเห็นทั้งคู่เดินเข้าไปช้าๆ คุกเข่ากราบลงเบื้องหน้าท่าน อย่างให้ความเคารพ หล่อนก็ทำตามโดยไม่อิดออดแต่อย่างใด

    “หลวงปู่สบายดีหรือครับ...”

    เพชรกล้าเอ่ยถามอย่างสุภาพ หลวงปู่นิลยังนั่งนิ่ง ไม่ลืมตา ทว่าเอ่ยเสียงเนิบช้า

    “ผู้ออกบวชย่อมต้องสละทุกข์ ดำรงอยู่ในสติ มิใช่สุข”

    “ทองกล้า เอ่อ เสือตัวนี้เป็นของหลวงปู่เองหรือคะ”

    ปิญชาน์ถามอย่างข้องใจ เมื่อเห็นเสือของหล่อนหมอบอยู่ด้านหลังหลวงปู่ อย่างสงบเรียบร้อย เชื่องราวกับสัตว์เลี้ยง ไม่มีแววดุร้ายบ้าคลั่งเหมือนเมื่อครู่ ราวกับเป็นอีกตัวหนึ่ง

    “สัตว์ร้ายตัวนี้ มิมีผู้ใดเป็นเจ้าของหรอก อาตมาเพียงแต่มีบุญกรรมผูกพันกับมันมาเล็กน้อย จึงสยบมันลงได้ ที่จริง มันมิใช่เสือร้ายอันธพาลโดยสันดาน ที่ทำร้ายคน เพราะไปสัมผัสโดยรังสีอาคมสายดำในตัวโยมเข้า”

    ปิญชาน์หน้าม่อย เมื่อรู้ว่าตัวเองเป็นคนทำเสือดีๆ ให้กลายเป็นเสือร้ายผีสิงไป ปิณฑิราแอบมองเคืองๆ

    “ให้มันอยู่กับหลวงปู่ก็ดีแล้วครับ ชาวบ้านจะได้ไม่ต้องกลัวอีกต่อไป”

    “อืม...ฮอว์คอาย เปล่งพลังถึงขั้นสูงสุดแล้วสินะ!

    หลวงปู่นิลลืมตา ดวงตาการุณย์เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังธรรมเจิดจ้า จนปิณฑิราขนลุกอย่างเกรงขาม แต่ต้องตกตะลึง กับคำว่า “ฮอว์คอาย” ที่หลุดจากปากภิกษุเฒ่า หันขวับมาจ้องหน้าเขา เอ่ยอย่างตกใจ

    ฮอว์คอาย!!

    “อัญมณีหนึ่งเดียวที่สามารถปราบแฟนซี ไดมอนด์ อัญมณีพลังจิตเคลื่อนย้าย และกระแสพลังทุกชนิดบนโลกได้ ก็มีแต่ฮอว์คอายเท่านั้น โยมควรจะภาคภูมิใจแล้ว ที่ได้แพ้ให้กับอัญมณีชั้นสูง และผู้ฝึกสำเร็จคนนี้”

    ...รู้อยู่หรอกว่ามีพลังจิต แต่ไม่นึกว่าจะเป็น ฮอว์คอาย เขามีของแบบนี้ แปลว่า พลังต้องเหนือกว่าเรา

    ปิณฑิราคิด ทันใดนั้น! หล่อนก็รู้สึกโล่งใจ เกิดความยกย่องนับถือในตัวชายหนุ่มขึ้นมาแทน

    “พลังขั้นสูงสุดหรือครับ หลวงปู่?

    เพชรกล้าถามอย่างสงสัย หลวงปู่นิลอธิบาย

    “โยมหยุดสัตว์ร้ายด้วยพลังที่มีอานุภาพรุนแรง เป็นเกราะป้องกันที่แข็งแกร่งกว่ากำแพงหิน มิใช่พลังอ่อนนุ่มไร้น้ำหนักอีกต่อไป แปลว่าโยมได้เปิดพลังฮอว์คอายถึงขั้นสูงสุดแล้ว แถมยังบังคับได้ดั่งใจต้องการ ด้วยจิตและสมาธิที่สูงขึ้น ไม่เพียงเท่านั้น พลังยังครอบคลุมไปทั่วร่าง ทำให้สามารถต้านทานพลังจิตของแฟนซี ไดมอนด์ ที่จู่โจมมาทางด้านหลังได้อีกด้วย การบังคับได้ตามใจสั่ง ด้วยจิตอันแข็งแกร่ง คือ...การบรรลุอย่างแท้จริง”

    ปิณฑิรานั่งฟังอย่างขนลุก แต่ชายหนุ่มกลับยิ้มอย่างสงบถ่อมตัว ไม่มีอาการหลงระเริงในความสำเร็จ

    “ผมใช้ออกไปโดยไม่ทันคิดอะไร คิดแต่เพียงว่าต้องมีสมาธิ บังคับจิตให้นิ่ง และกล้าหาญที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถือว่าเป็นโชคดีของผม ที่ฮอว์คอายเปล่งพลังช่วย มิฉะนั้นร่างคงปลิวไปตกอยู่ที่ไหนสักแห่งในป่าลึกแล้ว”   

    “เอ่อ หลวงปู่คะ คือว่า...อซูไรท์ของหนูน่ะ มันถูกอาคม อยากให้หลวงปู่ช่วยแก้หน่อย”

    ปิญชาน์บอกอ้อมแอ้มอย่างหวั่นๆ หลวงปู่นิลลอบถอนใจนิดหนึ่ง

    “จะใช้เดรัจฉานวิชา ก็ไปใช้กับอย่างอื่น ใยเอาไปลงใส่อัญมณีบริสุทธิ์ให้แปดเปื้อนธาตุดี”

    “ก็...ก็ตอนนั้นมันฉุกเฉินน่ะค่ะ...”

    บอกอุบอิบ แล้วเหล่มองปิณฑิราอย่างฉุนๆ ที่ทำให้หล่อนต้องโดนตำหนิ แต่สาวงามส่งสายตาเย็นขาตอบ หลวงปู่บอก “เอาออกมาสิ” เพชรกล้าก็ล้วงมือเข้าไปในอกเสื้อ นำสร้อยคอสีน้ำเงินปนฟ้าออกมา

    “ขอโทษนะ ที่โกหกคุณ แต่อซูไรท์เป็นอัญมณีที่หลวงปู่มอบให้ปิญชาน์ ผมจึงให้คุณไม่ได้”

    เขาหันมาบอกเบาๆ กับสาวงามด้านหลังอย่างเกรงใจ หล่อนไม่ว่าอะไร มองหลวงปู่รับอัญมณีไปทำพิธีถอนคุณไสย จนปรากฏแสงวับวาว เปล่งประกายธาตุบริสุทธิ์เหมือนเดิม ปิญชาน์รับไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

    “ขอบคุณหลวงปู่มากค่ะ สาบานว่าต่อไปนี้หนูไม่ทำอีกแล้วค่ะ”

    “ทำไมหลวงปู่ถึงมอบอัญมณีศักดิ์สิทธิ์ และล้ำค่า ให้เขาทั้งสองคนล่ะคะ”

    ปิณฑิราเอ่ยประโยคแรกกับหลวงปู่นิล เพราะข้องใจ

    “อัญมณีเป็นผู้เลือกเจ้าของ โยม อาตมาไม่มีสิทธิ์หยิบยื่นอะไรให้กับใครได้ แต่ใครเป็นเจ้าของ อาตมาหยั่งรู้ได้ ด้วยการสื่อกับพลังสูงสุดของมัน อัญมณีที่โยมพก ก็ล้วนแต่ชั้นสูง และมันก็เป็นของโยมอย่างแท้จริง”

    ปิณฑิราขนลุกเป็นคำรบสอง อัญมณีบางอย่างหล่อนไม่ได้ใส่เปิดเผย แต่หลวงปู่พูดราวกับมองทะลุเข้าไปถึงด้านในตัวของหล่อนได้ จึงนั่งตัวเกร็งอยู่ เมื่อเห็นหล่อนเงียบ หลวงปู่จึงยิ้มเล็กน้อย เอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยน

    “คุณเมธา พ่อของโยม สบายดีหรือ”

    “หลวงปู่ รู้จักพ่อของหนูด้วยหรือคะ”

    หญิงสาวถามอย่างประหลาดใจ หลวงปู่ยิ้มอย่างเมตตา

    “อาตมารู้ว่าโยมเป็นใครตั้งแต่แรกแล้ว”

    “คุณพ่อหนู...เสียชีวิตไปได้สองปีแล้วค่ะ ปีศาจพันปีสองตัว มันฆ่าพ่อหนู!

    ประโยคหลังเอ่ยออกมาด้วยความเจ็บแค้น แววตาปวดร้าว เมื่อนึกถึงเรื่องราวเมื่อสองปีก่อน...

     


     

    ณ ประเทศไทย มุกตาภา และพรรคพวกเดินทางถึงกรุงเทพฯ เรียบร้อยแล้ว เข้าจองห้องพักในโรงแรมทันที ขณะพนักงานลากกระเป๋าเข้ามาไว้ในห้องหรูระดับวีไอพี ไตรทศที่ยืนอยู่ด้วย ก็บอกอย่างนอบน้อม

    “คุณหนู เดินทางมาเหนื่อย พักผ่อนก่อนเถอะครับ พรุ่งนี้ค่อยเริ่มงานกัน”

    O.K ค่ะ อ้อ อาจารย์คะ เมื่อครู่นี้ ตอนจะขึ้นมา เห็นข้างๆ โรงแรม มีแผงขายลูกชิ้นปิ้งอยู่ ท่าทางน่าอร่อย ฉันอยากทานจังเลย รบกวนอาจารย์ช่วยลงไปซื้อให้หน่อยได้ไหมคะ”

    หล่อนวานแกมสั่งกลายๆ ไตรทศเกือบชักสีหน้าไม่พอใจ แต่ระงับไว้ทันเพราะคุ้นชินกับการถูกเรียกใช้มานาน เดินออกมาจากห้อง ได้แต่ด่าในใจว่า

    “นังเด็กบ้า! สั่งเรายังกะคนใช้อยู่เรื่อย คอยดู สักวันหนึ่งเถอะ!

    มุกตาภายิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์เมื่อเดินออกมา มองตามหลังอาจารย์ไปลับตา ก่อนจะสั่งปีศาจองครักษ์สองตัว...

    ขณะยืนซื้อลูกชิ้นหมูปิ้ง ไตรทศก็รู้สึกสะดุดใจขึ้นมา

    “แปลกจัง คนใช้ก็มี ทำไมไม่เรียก!

    สังหรณ์ใจไม่ดีจึงเร่งแม่ค้าสาวคนไทยให้ไวๆ หน่อย เพราะมีลูกค้ารุมซื้อมากมาย ทำให้เขาต้องต่อคิวอย่างหงุดหงิดร้อนใจนัก

    ...มุกตาภาเข้ามานั่งบนเก้าอี้ ภายในห้องของไตรทศเรียบร้อยแล้ว ตำราเล่มนั้นก็อยู่บนตักหล่อนด้วย

    “ว้าว! หน้าปกสวยจัง ดูโบราณคลาสสิก เหมือนตำรายุคดึกดำบรรพ์เลย ภาษาอังกฤษหรือ?

    ภาษาอังกฤษย่อมไม่ใช่อุปสรรคของหล่อน ในเมื่อหล่อนเป็นลูกครึ่งไทย – อเมริกัน หญิงสาวพลิกเปิดสองสามหน้า ทวนความจำถึงหน้ากระดาษที่เห็นบนเครื่องบิน แม้จะไม่เห็นเลขหน้า แต่พอเห็นสันปกว่าอยู่ท้ายๆ เล่ม จึงพลิกเปิดไปหน้าหลังสุด แล้วก็พบหน้าที่กำลังตามหา...ทันทีนั้น ดวงตาคู่งามก็เบิกกว้างอย่างตะลึง!
     


     

    ในป่าเพชร...หลังจากฟังปิณฑิราเล่าถึงความขมขื่นช้ำใจจากการตายของบิดาแล้ว หลวงปู่นิลก็ได้แต่ทอดถอนใจ เพราะมิเคยรู้เรื่องนี้มาก่อน เพชรกล้ารู้สึกสงสารหล่อน แม้แต่ปิญชาน์ก็ยังเศร้าตามไปด้วย

    “น่าเห็นใจนัก คงเป็นกรรมลิขิต แล้วที่โยมมาหาอาตมาในครั้งนี้ ก็เพราะบิดาสั่งล่ะสิ ใช่ไหม”

    ปิณฑิรานั่งพับเพียบ พยักหน้า สลัดความเศร้าออกไป เข้าจุดมุ่งหมายของหล่อนอย่างจริงจัง

    “ใช่ค่ะ คุณพ่อให้หนูมาหาหลวงปู่ เพื่อถามเรื่อง “อัญมณี 5 ธาตุ”!!


     

    “อัญมณี 5 ธาตุ”

    มุกตาภาพึมพำเหม่อลอย จ้องมองภาพอัญมณีที่งดงามสุดบรรยายราวกับจิตรกรมือเอกปั้นแต่งในหน้ากระดาษนั้น อย่างสุดทึ่ง และหลงใหล ภาพอัญมณีทั้งห้า สะกด และดึงดูดสายตาหล่อนราวกับมีมนต์ขลัง

     ภาพที่หนึ่ง คือ อัญมณีแท่งยาวปลายแหลมสีขาวใสยิ่งกว่ากระจก ภาพสอง คือ อัญมณีทรงกลมขนาดเท่าลูกส้มโอ พื้นผิวเรียบเนียน สีขาวอมฟ้ามันวาวคล้ายดวงจันทร์ ภาพสาม คือ อัญมณีเป็นผลึกหกเหลี่ยม สีขาวขุ่นมีสีเขียวเหมือนตะไคร่อยู่ในเนื้อ ภาพสี่ คือ อัญมณีเป็นผลึกสามเหลี่ยมสีม่วงเข้ม ภาพห้า คือ อัญมณีรูปวงแหวน สีเหลืองอมเขียวใส

    มองเพียงชิ้นเดียว ไม่รู้สึกอะไร แต่เมื่อมองรวมๆ กันอย่างเพ่งพินิจ หล่อนสัมผัสได้ถึงพลังบางอย่าง...

    “คุณหนูมุกตาภา!!

    เสียงเข้มดังขึ้นที่หน้าห้อง ปีศาจพันปีทั้งสองปรากฏตัววูบขึ้นด้านหลังหล่อน กะจะรายงานแต่ไม่ทัน

    มุกตาภา เงยหน้าจ้องมองอาจารย์นิ่ง ก่อนจะลุกขึ้นยืนช้าๆ แล้วถามเสียงเยือกเย็น

    “อัญมณี 5 ธาตุ คืออะไร?


     

    เพชรกล้าหันมาตอบคำถามของปิญชาน์

    “อัญมณีศักดิ์สิทธิ์ ทรงพลังที่สุดในสามโลก เป็นตำนานลึกลับที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน”

    “นายก็รู้จักอัญมณี 5 ธาตุหรือ?

    ปิณฑิราถามอย่างตื่นเต้น แปลกใจ เพชรกล้ายิ้มนิดหนึ่ง

    “ผมก็ฟังมาจากหลวงปู่นั่นแหละครับ”

    หลวงปู่นิล มีแววตาครุ่นคิดกังวลลึกซึ้ง ก่อนจะเอื้อนเอ่ยช้าๆ

    “อืม...เมื่อ 93 ปีก่อน เกิดภัยพิบัติธรรมชาติขึ้น 5 อย่างพร้อมกันทั่วโลก แผ่นดินไหวที่ประเทศบราซิล...คลื่นยักษ์ที่ประเทศแอฟริกาใต้... ลมพายุทอร์นาโดที่ประเทศสหรัฐอเมริกา... ภูเขาไฟระเบิดที่ประเทศญี่ปุ่น... และหินอุกกาบาตพุ่งชนโลกที่ประเทศรัสเซีย... การเกิดขึ้นของภัยพิบัติทั้งห้า นำมาซึ่งความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินของประชากรโลกจำนวนมาก เป็นหายนะครั้งยิ่งใหญ่ที่สำคัญครั้งหนึ่ง ซึ่งเคยอุบัติขึ้นบนโลก แต่ก็เป็นจุดกำเนิดของอัญมณี 5 ธาตุ อันศักดิ์สิทธิ์ และทรงอานุภาพมากที่สุดบนโลกด้วย หนึ่งคือ ควอทซ์ คริสตัล อัญมณีอันเกิดจากแผ่นดินไหว เชื่อว่า มีพลังจิตเคลื่อนย้ายสูงสุด สองคือ มูนสโตน อัญมณีอันเกิดจากคลื่นยักษ์ เชื่อว่า ทำนายอนาคตของโลกได้ สามคือ มอสอะเกต อัญมณีอันเกิดจากพายุ เชื่อว่า มีพลังชีวิตอำมตะ และไม่ตาย สี่คือ อเมทิสต์ อัญมณีอันเกิดจากภูเขาไฟระเบิด เชื่อว่าเป็นแหล่งรวมพลังศักดิ์สิทธิ์เรื่องเวทมนตร์คาถา ห้าคือ มอลดาไวต์ อัญมณีอันเกิดจากอุกกาบาตพุ่งชนโลก เชื่อว่า สามารถสลายพลังจิต และพลังวิเศษจากอัญมณีทุกชนิดบนโลกได้ อัญมณีทั้งห้า เป็นอัญมณีบริสุทธิ์ขั้นสูงสุด เปี่ยมพลังงานธรรมชาติจากธาตุของตนเองอย่างเต็มที่ เป็นอัญมณีวิเศษที่สวรรค์ประทานอย่างแท้จริง มีจารึกไว้ว่า ใครได้ครอบครองครบทั้งห้าชิ้น ผู้นั้นจักครองได้ทั้งโลก และจักรวาล!!


     

    เมื่อมุกตาภาฟังจบแล้ว ก็เกิดความไม่พอใจขึ้นทันที

    “มีอัญมณีวิเศษขนาดนี้อยู่บนโลก ทำไมอาจารย์ถึงปิดบังฉัน?

    ไตรทศถอนหายใจ พูดอย่างนอบน้อม

    “ผมไม่ได้คิดจะปิด มันเป็นแค่ตำนาน หรือเรื่องเล่า ยังไม่แน่ว่าจะมีอยู่จริงบนโลก”

    “ถ้าไม่มีจริง ทำไมอาจารย์ถึง...จ้องมันไม่วางตาล่ะ!


     

    “มันเป็นแค่เรื่องเล่า...อย่างนั้นใช่ไหม?

    ปิญชาน์ถามเพชรกล้าด้วยใบหน้าตื่นๆ แม้จะเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ใจที่สุด แต่ก็ยากที่จะเชื่อเหลือเกิน

    “คุณพ่อให้ฉันออกตามหา ต้องไม่ใช่เรื่องเล่าแน่นอน”

    ปิณฑิราบอกเสียงหนักแน่น เพชรกล้างุนงงวูบ

    “คุณตามหาอัญมณี 5 ธาตุ หรือ?

    “คุณพ่อให้ฉันมาถามหลวงปู่ ถึงที่อยู่ของอัญมณี 5 ธาตุ เพื่อยับยั้งภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นในอีก 7 ปี ข้างหน้า!

    “ภัยพิบัติ? อะไรหรือครับ หลวงปู่?

    เพชรกล้าไม่เข้าใจ หลวงปู่หลับตาลงเสียแล้ว ปิณฑิราเลยตอบแทนมาว่า

    “อีก 7 ปี โลกจะเผชิญกับภัยธรรมชาติครั้งใหญ่หลวงรุนแรง แบบเดียวกับเมื่อ 93 ปีก่อนไม่ผิดเพี้ยน มันจะเกิดขึ้นทั่วโลกพร้อมกัน และคราวนี้จะมีคนตายไปกว่าครึ่งค่อนโลก!!

    เพชรกล้าตะลึงพรึงเพริด หัวใจหยุดเต้นไปวูบหนึ่ง ปิญชาน์ร้องลั่น

    “ฮ้า! โลกจะแตกเหรอ”

    “ไม่ถึงกับอวสานหรอก แต่คนกว่าครึ่งโลกจะต้องตายแน่ๆ เพราะภัยพิบัติครั้งนี้รุนแรง น่ากลัว กว่าเมื่อ 93 ปีก่อนหลายร้อยเท่า มีแต่อัญมณี 5 ธาตุเท่านั้น ที่จะหยุดยั้งมันได้”

    “จริงหรือครับ หลวงปู่?

    “อืม...ในตำราอัญมณีศักดิ์สิทธิ์บางเล่มมีจารึกไว้ เมื่อเกิดภัยพิบัติทั้งห้าขึ้น มันจะใช้เวลาอีกร้อยปี เพื่อเกิดขึ้นอีกครั้ง เป็นการนำอัญมณีจากสวรรค์กลับสู่ธาตุเดิม อัญมณีทั้งห้า คือของขวัญจากฟ้า ที่ประทานมาให้เราได้ชื่นชมชั่วขณะ แต่น่าเสียดายที่ไม่มีใครค้นพบ จนตอนนี้ผ่านมา 93 ปีแล้ว เหลืออีกแค่ 7 ปี อัญมณีก็จะต้องกลับสู่โลกของเขา”

    “ตำราอัญมณีศักดิ์สิทธิ์...คืออะไรหรือครับ หลวงปู่”

    “เชื่อว่ามาพร้อมกับอัญมณี 5 ธาตุ ปรากฏตัวอย่างลึกลับ และไม่อาจรู้ได้ว่า บนโลกนี้...มีอยู่กี่เล่ม!


     

    “อาจารย์รู้เรื่องนี้ได้ยังไง?

    หญิงสาวไล่ต้อนต่อ เมื่อเห็นว่าอาจารย์ไตรทศหมดทางหนีไปไหนได้อีกแล้ว

    “ตำราเล่มนี้ ผมเจอเมื่อ 3 ปีก่อน นอกจากอัญมณีทั่วไป มันยังบันทึกเรื่องของอัญมณี 5 ธาตุไว้ด้วย”

    ไตรทศตอบตามความจริง เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เขาคงจะปิดไว้ไม่อยู่ คุณหนูตัวแสบต้องซักฟอกจนหมดเปลือกแน่ เขาจะต้องปิดในบางส่วนที่สำคัญไว้ให้ได้ มุกตาภาเดินไปมาช้าๆ ใช้ความคิดไตร่ตรองอย่างลึกซึ้ง ในเรื่องสำคัญแล้ว หล่อนก็สุขุมพอจะเยือกเย็น ไม่วู่วามใจร้อน

    “แล้วจะใช้มัน...ช่วยโลกด้วยวิธีไหน?

    “เมื่อเกิดภัยธรรมชาติขึ้นจากจุดต่างๆ ทั่วโลก ก็โยนอัญมณีทั้งห้า กลับสู่ธาตุเดิมของมันพร้อมกัน เมื่อนั้น ภัยพิบัติก็จะสงบลง...ตลอดกาล

    © themybutter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×