ลำดับตอนที่ #6
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : งานชุมนุมบู๊ลิ้ม
บรรยากาศภายในตัวเมืองอู่ถาน สถานที่มีเหล่าจอมยุทธิ์พลุกพล่าน และพำนักอยู่มากที่สุดในจงหยวน ถือเป็นเมืองใหญ่เมืองหนึ่ง อยู่ข้างๆ เปี้ยนจิง คึกคัก และคับคั่งไปด้วยผู้ฝึกวิชาอาวุธ ผู้กล้า และคนประหลาด ทั้งเหล่าจอมยุทธิ์ผู้เปรื่องปราด และมีชื่อเสียง ไปจนถึงพวกอ่อนต่อโลก ที่เพิ่งจะหัดผาดโผนในยุทธจักร พรรค ค่าย และสำนักที่สำคัญ ส่วนใหญ่ต่างตั้งอยู่ในเมืองนี้
อันเขาว่า ยุทธภพกว้างใหญ่ ต่างล้วนเป็นสหายกัน บัดนี้ การเข่นฆ่าล้างผลาญ ต่อสู้เพื่อแย่งชิงอาวุธ สมบัติ และความเป็นใหญ่ ได้มลายหายไปหมดแล้ว ยุทธภพสงบเงียบ และผาสุขมาช้านาน อาจจะมีปัญหาบ้าง ก็เป็นเพียงเรื่องระหว่างบุคคล ทั้งนี้ สาเหตุหนึ่ง อาจเป็นเพราะ มีเสาหลักที่แข็งแกร่งอย่างพรรคเทวา เป็นเจ้าปกครองยุทธภพอยู่ ประมุขซุนไห่ถังปีนี้ อายุครบห้าสิบปีแล้ว ยึดครองตำแหน่งเจ้ายุทธิ์มาเจ็ดสมัยติดต่อกัน มิมีผู้ใดคัดค้าน มิมีผู้ใดจับมือกันโค่นล้ม อาจเพราะภาวะของสังคมยุทธจักรสิบปีให้หลังมานี้ ขาดตัวร้ายผู้โฉดชั่ว และฝีมือเก่งกาจขึ้นมาก่อกวน จนต้องประลองต่อสู้กัน มีก็แต่พวกคนโฉดปล้นฆ่าเล็กๆ น้อยๆ และคู่อริส่วนตัวกันเอง จึงค่อนข้างจะจืดชืด เงียบเหงา และไร้สีสันอยู่บ้าง
"เป็นไง ผ่อนคลายขึ้นไหม ข้าบอกแล้วว่าต้องออกมาเปิดหูเปิดตาบ้าง วันๆ อยู่แต่ในค่าย ฝึกทหารหน้าดำคร่ำเคร่ง ชีวิตจะมีความสุขได้ยังไง"
นางโจรสาวคุยอย่างรื่นเริง แจ่มใส ดีใจยิ่งนักที่ลากตัวเขาออกมาจากค่ายจนได้
"เฮอะ เจ้ารู้ได้ยังไงว่าข้าไม่มีความสุข ที่ข้ายอมตามเจ้าออกมา เพราะอยากเดินเล่นเท่านั้นหรอกนะ"
"งั้นดี วันนี้เที่ยวให้สนุกไปเลย งานชุมนุมชาวยุทธิ์ครั้งนี้ ต้องตื่นเต้นเร้าใจแน่"
เขามองนางยิ้มๆ ถามอย่างชวนคุย
"อ๋อ ตอนนี้ในยุทธภพ มีเรื่องอะไรน่าสนุกล่ะ แล้ว...งานชุมนุมอะไรกัน"
"คัดเลือกฑูตพิทักษ์พรรคเทวา!"
นางตอบฉาดฉาน เขาเลิกคิ้วอย่างทึ่ง
"เหรอ แปลกดีนะ ท่าทางน่าสนุก"
"สนุกแน่ เพราะตอนนี้พรรคเทวา เป็นสำนักฝ่ายธรรมมะอันดับหนึ่งของยุทธภพ ประมุขยุทธจักรซุนไห่ถัง คือผู้กล้าทรงธรรมที่ใครๆ ต่างยกย่อง ไม่ว่าจะด้านพลังฝีมือ หรือนิสัย ชาวยุทธิ์ในใต้หล้า ต่างแห่แหนมาจากทุกสารทิศ เพียงเพื่องานนี้ เพราะอยากประจบรับใช้ประมุธซุน หากได้เป็นฑูตพิทักษ์ มีตำแหน่งเท่ากับเป็นมือขวาของท่าน และเลื่อนอันดับมาอยู่แนวหน้าในยุทธภพได้เลย"
นางเล่าอย่างฉาดฉาน บันเทิงใจ เขายิ้มอย่างชวนขัน
"หึ ท่าทางเจ้ารู้มากขนาดนี้ ไม่ใช่จะมาประลองคัดเลือกกับเขาด้วยนะ"
"บ้า ฑูตพิทักษ์รับแต่ผู้ชาย ข้าก็แค่มาเก็บเกี่ยวหาประสบการณ์เท่านั้น"
"อ๋อ ข้าก็นึกว่าเจ้าจะมาสำแดงเดช ใช้ประสบการณ์อันโชกโชน ในงานชุมนุมซะอีก"
"อะไรเหรอ"
"ฮ่ะ ฮ่ะ ก็ขโมยของไงล่ะ แม่โจรสาว เจ้าน่ะมีฉายาว่า จอมโจรสายลม ผู้เหาะเหินเดินอากาศได้ราวกับนางเซียนมิใช่หรือ คนมาชุมนุมกันเยอะขนาดนี้ เจ้าก็ไม่น่าพลาดประกาศตัวให้เหล่าชาวยุทธิ์ได้ประจักษ์ว่า เจ้าคือ จอมโจรอันดับหนึ่งของแผ่นดินนะ"
สุ่ยหลิงหลงฉุกใจคิด ก่อนจะค้อนขวับ และชูกำปั้นให้
"สำแดงเดชต่อหน้าท่านประมุขซุน ข้ามีหวังไม่ได้อยู่เป็นสุขน่ะสิ ท่านก็อย่าหางานให้ข้าหน่อยเลย"
"ฮ่ะ ฮ่ะ แต่ก็ดีเหมือนกัน ไปงานประลองคราวนี้ จะได้แวะเยี่ยมคารวะท่านประมุขซุนสักหน่อย ตอนแม่ข้ายังสาว เป็นหนึ่งในชาวยุทธจักร คบหาเพื่อนในวงการไม่น้อยเลย แม่เคยเอ่ยถึงซุนไห่ถังให้ข้าฟังอยู่บ่อยๆ และเคยไปพบท่านด้วย แต่ข้ายังไม่เคยเลย"
"ดี ท่านไปเยี่ยมคารวะ ส่วนข้าก็...ไปขอฝากเนื้อฝากตัวสักเล็กน้อย แหะ แหะ"
บนเส้นทางนี้ ทั้งสองจึงมีเรื่องให้คุยสนุกกันไปอีกยาว
ที่จวนเทียนปอ ฮูหยินหยางก็ได้กล่าวกับลูกชายทั้งสองว่า
"งานคัดเลือกฑูตพิทักษ์ของประมุขซุน เป็นเรื่องน่ายินดีมาก เสียดายที่แม่ติดธุระไม่ว่างไปด้วยตัวเอง ในฐานะคนรู้จัก ควรจะแสดงความยินดีกับท่านสักหน่อย"
"ท่านแม่ก็เลยจะให้ข้ากับพี่ห้าไปคารวะท่านประมุขแทนอย่างนั้นเหรอ"
หยางฉี่หลางถาม มารดาพยักหน้ายิ้มๆ
"อืม นำจดหมายของแม่ไป คารวะแด่ท่านอาวุโสด้วย ตอนแม่ท่องยุทธภพ เคยได้รับความช่วยเหลือ และคำชี้แนะจากประมุขซุนหลายอย่าง ท่านมีบุญคุณกับแม่มาก และเป็นผู้ที่แม่นับถือ คิดว่าต้องดีใจแน่ๆ ที่ได้เจอพวกเจ้า"
"ดีเลย ข้าก็อยากรู้จักพวกชาวยุทธิ์เหมือนท่านแม่บ้าง แถมได้ดูการประลองอีกด้วย"
ลูกจอมสำราญพูดอย่างยินดี แววตาเป็นประกาย ท่าทางคึกคักขึ้นมาทันที มารดารีบปราม
"ดูน่ะได้ แต่อย่าก่อเรื่องเด็ดขาด อู่หลาง เจ้ากับหมิงจูก็ไปด้วย เยี่ยมแล้วก็รีบกลับ อย่าได้เถลไถลล่ะ"
"ครับ ท่านแม่"
ลูกห้ารับคำด้วยท่าทีสงบเรียบร้อย
"งานคัดเลือกฑูตพิทักษ์ของประมุขซุน เป็นเรื่องน่ายินดีมาก เสียดายที่แม่ติดธุระไม่ว่างไปด้วยตัวเอง ในฐานะคนรู้จัก ควรจะแสดงความยินดีกับท่านสักหน่อย"
"ท่านแม่ก็เลยจะให้ข้ากับพี่ห้าไปคารวะท่านประมุขแทนอย่างนั้นเหรอ"
หยางฉี่หลางถาม มารดาพยักหน้ายิ้มๆ
"อืม นำจดหมายของแม่ไป คารวะแด่ท่านอาวุโสด้วย ตอนแม่ท่องยุทธภพ เคยได้รับความช่วยเหลือ และคำชี้แนะจากประมุขซุนหลายอย่าง ท่านมีบุญคุณกับแม่มาก และเป็นผู้ที่แม่นับถือ คิดว่าต้องดีใจแน่ๆ ที่ได้เจอพวกเจ้า"
"ดีเลย ข้าก็อยากรู้จักพวกชาวยุทธิ์เหมือนท่านแม่บ้าง แถมได้ดูการประลองอีกด้วย"
ลูกจอมสำราญพูดอย่างยินดี แววตาเป็นประกาย ท่าทางคึกคักขึ้นมาทันที มารดารีบปราม
"ดูน่ะได้ แต่อย่าก่อเรื่องเด็ดขาด อู่หลาง เจ้ากับหมิงจูก็ไปด้วย เยี่ยมแล้วก็รีบกลับ อย่าได้เถลไถลล่ะ"
"ครับ ท่านแม่"
ลูกห้ารับคำด้วยท่าทีสงบเรียบร้อย
เมื่องานใหญ่ในยุทธภพถูกจัดขึ้นที่ลานสยบมารของพรรคเทวา อันเป็นบริเวณที่มีอาณาเขตกว้างขวาง รองรับแขกเหรื่อได้เกือบพันคน และเป็นสถานที่สร้างชื่อของประมุขซุน ในการประลองยุทธิ์ปราบจอมมารร้ายในอดีตด้วย เหล่าฝูงชนจึงทยอยหลั่งไหลกันเดินทางมาร่วมงานอย่างมิขาดสาย คับคั่ง หนาตาเป็นกระแสคลื่น หาได้มีเฉพาะชาวยุทธิ์เท่านั้นไม่ พวกขุนนาง เสนาคหบดี รวมถึงประชาชนผู้ให้ความสนใจกับยอดวิชา และการประลองที่น่าตื่นตะลึง ก็มากับเขาด้วย
"โอ้โห คนเยอะเกินคาดนะเนี่ย ขอแทรกหน่อย ขอแทรกหน่อย..."
สุ่ยหลิงหลงพยายามแหวกฝูงชนที่ยืนออกันเต็มหน้าเวที เข้าไปด้านในให้ได้ โดยจูงมือหยางซื่อหลาง เบียดเข้ามาด้วย นางอยากติดตามการประลองอย่างใกล้ชิด จึงต้องเข้าไปให้ถึงขอบเวที แม้คนที่มาด้วยกัน จะไม่ค่อยสนใจเท่าไรนัก นางก็มิยินยอม ยังพาเขาทะลุไปถึงจนได้
"นั่นไง นั่นไง พวกเขาประลองกันแล้ว สุดยอดเลย สู้เขา สู้เขา... ฮ้า เจ้านั่น หมัดเหล็ก ฉีหลินนี่ เยี่ยมไปเลย กระบองสำราญ เฉินฮ้าวจวงจากไซฮกก็มาด้วย งานนี้รวมยอดคนจริงๆ"
นางโจรสาวร้องอย่างคึกคัก ตื่นเต้นยินดีเป็นยิ่งนัก เมื่อได้พบกับเหล่าจอมยุทธิ์มีชื่อเสียงมากหน้าหลายตา โห่ร้องปรบมือเชียร์ กระบองสำราญ จอมยุทธิ์หนุ่มหล่อแห่งแดนไซฮก อย่างออกนอกหน้า โดยบนเวทีนั้น ฉีหลินกำลังจ้วงหมัดรัวเป็นพายุใส่คู่ต่อสู้ เสียงดังกระหึ่ม แสดงถึงพลังลมปราณที่แข็งแกร่ง แต่เฉินฮ้าวจวง ใช้อาวุธคือกระบองตุ้มเหล็กของตน กวัดแกว่งรับทุกหมัดอย่างหนักแน่น มั่นคง เสียงดัง ก๊อง ก๊อง เป็นจังหวะ ฉีหลินหาโอกาสประชิดตัว โดยหมุนไปมารอบๆ เพื่อจะต่อยให้ถูกอวัยวะสำคัญให้ได้ แต่คู่ต่อสู้ก็ก้าวตามทิศทางของเขา หันมาเผชิญด้านหน้าตลอด ไม่ยอมเปิดจุดให้โจมตีง่ายๆ การประลองจึงยืดเวลาความตื่นเต้นออกไปอย่างน่าลุ้นระทึก
หยางซื่อหลางมิได้สนใจการเชียร์อย่างเมามันของสุ่ยหลิงหลง และจอมยุทธิ์รอบด้าน เขากลับมองไปยังหน้าหมู่ตึกสราญรมย์ ชายวัยกลางคน รูปร่างภูมิฐาน ใบหน้าอบอุ่นมีเมตตา มีอริยาบทสุขุม เยือกเย็น ทรงอำนาจ และเปี่ยมสง่าราศี นั่งอยู่บนเก้าอี้ใหญ่เด่นสง่า เขาคือ เจ้าภาพผู้จัดงานครั้งนี้ขึ้น จ้าวยุทธิ์ และประมุขพรรคเทวา ซุนไห่ถัง ด้านหลัง คือเหล่าศิษย์ในพรรค และลูกน้องบ่าวไพร่ทั้งหลาย
หยางซื่อหลางไม่เคยพบประมุขซุนมาก่อน แต่เพียงได้เห็นหน้า ก็ให้เกิดความนิยมเลื่อมใสขึ้นมาทันใด สมกับเป็นคนที่มารดาเคารพยกย่อง มีสง่าราศี และบุคลิกองอาจเป็นยอดบุรษ
"โอย...คนแน่นเกินไปแล้ว ขออภัย ขออภัย จอมยุทธิ์ทุกท่าน ช่วยเปิดทางหน่อย"
หยางฉี่หลาง คุณชายเจ็ดแห่งตระกูลจอมทัพ กว่าจะบุกบั่นเข้ามาถึงหน้าเวที ก็ลำบากหนักหนา ปราดเหงื่อเลยเชียว หมิงจู ตามเข้ามาติดๆ ขณะที่หยางอู่หลางมัวเงอะงะงุ่มง่ามด้วยความเกรงใจคนอยู่ จึงเข้ามาถึงช้าที่สุด แถมยังถูกผลักด้วยความรำคาญ จึงถอยหลังล้มไปชนสุ่ยหลิงหลงที่ยืนเชียร์อยู่ด้วย
"โอ๊ย..."
นางร้องเมื่อตัวเซจะล้ม หยางซื่อหลางรีบรับประคองไว้ จอมเซ่อซ่าหันมาคำนับเป็นการใหญ่
"ฮ้า ขอโทษ ขอโทษด้วยแม่นาง ข้ามิได้ตั้งใจ อ๊ะ เจ้า..."
"น้องเจ็ด หมิงจู..."
ทุกคนจึงพบกันด้วยประการฉะนี้ หยางอู่หลางตะลึง ใจเต้นแรง เมื่อได้พบกับนางที่เขาปักใจตั้งแต่แรกพบในงานลอยโคมคืนนั้น ขณะที่สุ่ยหลิงหลงกระอักกระอ่วนใจนิดหน่อย เมื่อได้พบกับสามคนที่เคยสู้กับนางตอนบุกจวนเทียนปอ (แม้ตอนนั้นนางจะปิดหน้า แต่นางจำพวกเขาได้ชัดเจน) หยางฉี่หลางร้องอย่างแปลกใจ ส่วนหมิงจูหันมาทักคุณชายสี่ แล้วชะงักกึกเมื่อเห็นหน้านางโจรสาว ความรู้สึกของนาง คือ คุ้นตาราวกับเคยเห็นที่ไหน (คืนนั้น มีหมิงจูคนเดียวที่ไม่โดนผงมอมเมา ตอนหยางซื่อหลางกระชากผ้าปิดหน้าโจรออก นางก็เห็น เพียงแต่ค่อนข้างมืดสลัว จึงไม่ชัดเจนเท่ากับที่นายน้อยเห็น)
"อะไรกัน พวกเจ้าก็มางานชาวยุทธิ์กับเขาด้วยหรือ"
หยางซื่อหลางทักทาย น้องเจ็ดตอบรื่นเริง
"ก็ใช่น่ะสิ ท่านแม่ให้เรามา คารวะท่านประมุขซุนน่ะ"
"ท่านแม่ไม่ได้มาด้วยหรือ เสียดายจัง"
"เอ่อ...เจ้า...เจ้า..."
หยางอู่หลางอยากทักทายนางโจรสาว แต่ก็เขินอายจนพูดไม่ออก หยางฉี่หลางหันมาเห็นนาง ก็อ้าปากค้าง ร้องอย่างตื่นเต้น
"โอ้โห พี่สี่ แหม ถึงว่าทำไมไม่ค่อยกลับบ้าน ที่แท้ มีสิ่งดึงดูดใจอยู่ข้างนอกนี่เอง"
น้องชายล้อในแง่ว่านางเป็นคนรักของเขา พี่สี่ถอนหายใจกับเจ้าตัวป่วน ขณะที่นางเขิน
"อย่าพูดเหลวไหล นางคือเพื่อนข้า สุ่ยหลิงหลง เพื่อนชาวยุทธจักรน่ะ นี่ น้องชายข้า ฉี่หลาง กับอู่หลาง แล้วนี่หมิงจู แม่ครัวมือหนึ่ง"
"อ๋อ ยินดีที่ได้รู้จักนะ แม่นางหลิงหลง แหม พี่สี่นี่คบเพื่อนชาวยุทธิ์สวยยังกะนางฟ้า ไม่ธรรมดาจริงๆ นะเนี่ย ว่างๆ เชิญที่จวนเทียนปอบ้างสิ"
น้องเจ็ดผูกมิตรทันที ตามประสาคนเข้ากับคนเก่ง และมีอัธยาศัยไมตรีกว้างขวาง เปิดเผย พี่สี่ยิ้มอย่างหมั่นไส้ นึกรู้เลยว่าเจ้าน้องชายตัวแสบ คิดจะจับคู่ให้เขาแน่ๆ นางโจรสาวค่อยยิ้มอย่างโล่งอก ที่พวกเขาไม่ระแคะระคายว่านางคือคนที่บุกตึกอักษร ตอบรับน้องเจ็ดอย่างยินดี
"คุ้นหน้าจังเลย เราเคยเจอกันมาก่อนรึเปล่านะ!"
แต่แล้วรอยยิ้มก็สลายหายวับ เมื่อสาวใช้ตาเหยี่ยวอย่างหมิงจูทักขึ้นอย่างสงสัย
"ฮ้า ไม่เคย ไม่เคย เราเพิ่งเจอกันครั้งแรกนี่แหละ เอ่อ ดูการประลองดีกว่านะ กำลังสนุกเลย เย้ จอมยุทธิ์เฉินชนะแล้ว ต้องอย่างนี้สิ ข้าคาดไว้แล้วเชียว"
นางรีบเบี่ยงประเด็น ร้องให้ทุกคนหันไปสนใจบนเวทีแทน อีกสี่คนจึงยืนเรียงหน้ากระดาน หันไปชมการประลองอย่างสนใจ มีเพียงหยางอู่หลางคอยเหล่มองนางโจรสาว แล้วยิ้มเขินๆ
"ข้าน้อยฝีมืออ่อนหัด น่าละอายแล้ว"
หมัดเหล็ก ฉีหลิน ยกมือคำนับประมุขซุนอย่างรู้สึกผิดหวัง จ้าวยุทธิ์ลูบเครา ยิ้มเล็กน้อย กล่าวเสียงกังวาน
"ดี จอมยุทธิ์ฉีสมเป็นผู้แพ้ที่มีเกียรติ ไม่ดื้อรั้นดันทุรัง ข้า และชาวพรรคเทวา ขอคบท่านเป็นสหายแน่นอน"
"ท่านประมุขเกรงใจไปแล้ว ข้าฝีมือต่ำต้อย มิกล้าอาจเอื้อม วันหลังจะมาคารวะใหม่"
ฉีหลินกระโดดลงจากเวที แล้วจากไป ทุกคนต่างปรบมือชื่นชมกับบุคลิกนิสัยของเขา รวมถึงผู้ชนะ กระบองสำราญ เฉินฮ้าวจวง ก็ยกมือคำนับส่งให้ ก่อนหันมากล่าวเสียงนอบน้อม
"เฉินฮ้าวจวง ขอรับการชี้แนะจากผู้ท้าชิงท่านต่อไป"
"ข้าเอง..."
ชายฉกรรจ์ รูปร่างสูงใหญ่ หน้าตาเหี้ยมหาญ และเจ้าเล่ห์ ถือทวน ใช้วิชาเท้าเมฆาล่องลอย เตะฝ่าอากาศขึ้นมาบนเวที กวัดแกว่งทวนในมืออย่างคล่องแคล่ว โอ้อวด ก่อนมาบรรจบที่เบื้องหน้า
"ตั้งอิวเหลียง ฉายา ทวนโลหิต คารวะประมุขซุน และจอมยุทธิ์ทุกท่าน ก่อนจะประลอง ข้าขอประกาศสักเล็กน้อย ตำแหน่งฑูตพิทักษ์ในครานี้ ข้าแซ่ตั้ง หมายมั่นจะเอาให้ได้ จึงจะแสดงสุดยอดวิชาออกมาอย่างเต็มที่ สุดฝีมือ หากผู้ใดไม่แน่จริง หรือไม่มั่นใจพอ โปรดอย่าได้ขึ้นมาขวาง เพราะอาวุธไร้นัยน์ตา อาจมีการบาดเจ็บถึงล้มตายได้"
แม้ท่าทีองอาจ ห้าวหาญ แต่วาจากลับอวดดี ยโสยิ่งนัก เหล่าชาวยุทธิ์ซุบซิบนินทาขึ้นมาทันใด หยางซื่อหลางมองคนผู้นี้แล้วต้องขมวดคิ้ว รู้สึกไม่ชื่นชอบนัก สุ่ยหลิงหลงถึงกับพ่นน้ำลาย
"เพ้ย สถานที่ดีๆ แบบนี้ มิน่าต้องมาแปดเปื้อนเพราะเจ้าอำมหิตแซ่ตั้งนี้เลย งานกำลังสนุก เห็นทีจะกร่อยก็คราวนี้ เสนอหน้ามาใยมิทราบ"
"อ๋อ เจ้ารู้จักคนผู้นี้หรือ"
หยางซื่อหลางถามอย่างสนใจ นางพยักหน้า ตอบอย่างไม่สบอารมณ์นัก
"ตั้งอิวเหลียง ในยุทธจักรใครๆ ก็รู้จักทั้งนั้น มันหาได้เก่งกาจ จนผู้คนยกย่องไม่ แต่ความใจดำ อำมหิตของมันต่างหาก ที่ขึ้นชื่อลือชานัก นั่น! ดูอาวุธในมือของมัน ฉายาทวนโลหิต มิได้หมายความว่า เก่งกาจเพลงทวน จนสะท้านปฐพี ใครมาสู้ก็ต้องตาย แต่หมายถึง ความเหี้ยมโหด ร้ายกาจในวิชาที่ใช้ รวมถึงการชอบหลั่งเลือดคู่ต่อสู้โดยไม่จำเป็น ไม่เคยรักษาน้ำใจ เย็นชายโส ถือตัวอวดดีเป็นที่หนึ่ง ฝ่ายธรรมะใครๆ ก็เกลียดขี้หน้ามัน แม้มันจะไม่เคยฆ่าคนดีก็เถอะ แต่มีคนดีหลายคนต้องบาดเจ็บเพราะทวนในมือมัน"
"อ๋อ เช่นนั้น...เพลงทวนของเขาคงสูงส่งมาก"
หยางซื่อหลางถามอย่างฉงน พลอยนึกชื่อวิชาทวนต่างๆ ในใจ นับดูแล้ว เขาก็ยังไม่เห็นว่า จะมีวิชาทวนอันใด ยอดเยี่ยมไร้ที่ติ นอกจาก...เพลงทวนตระกูลหยาง!
"ข้าเคยเห็นแล้ว นับว่าเป็นเลิศได้อยู่ ท่านรอดูเอาเองเถอะ"
ยามนั้น ประมุขซุนได้กล่าวตอบตั้งอิวเหลียงว่า
"อาวุธไร้นัยน์ตา แต่คนไม่ไร้น้ำใจ การประลองครั้งนี้ ข้ากำหนดเพียงให้รู้ผลแพ้ชนะด้วยกระบวนท่า อย่าได้หลั่งเลือดด้วยคมอาวุธ ขอจอมยุทธิ์ตั้งโปรดรักษากฏนี้ เพื่อให้งานคัดเลือกมิต้องนองเลือดโดยไร้เหตุผล"
"ข้าน้อมรักษากฎลานสยบมาร มิต้องการแปดเปื้อนโลหิต แต่เพลงทวนของข้า เป็นอันดับหนึ่งในใต้หล้า มีกระบวนท่าที่รุนแรง ร้ายกาจ หากคู่ต่อสู้ฝีมือห่างชั้นเกินไป เกรงว่าข้ามิอาจรับผิดชอบชีวิตมันได้! เช่นนั้น ข้าขอให้ท่านอนุโลมกับตัวข้า เป็นการพิเศษได้หรือไม่ ท่านประมุข"
ซุนไห่ถังลอบถอนใจ แต่สีหน้ายังคงยิ้มละไมอยู่ แน่นอนเขาย่อมรู้ดีว่า คนผู้นี้ควบคุมและจัดการได้ยาก แม้วิชาอันสูงส่งของมัน เทียบกับท่านแล้วยังห่างชั้นไกล แต่นิสัยอันเย่อหยิ่ง จองหอง ไม่เคยเห็นผู้ใดอยู่ในสายตา ทำให้ยากจะบงการ หรือสั่งสอนมันได้ ท่านเป็นประมุธ จัดงานคัดเลือกครานี้ มิได้ยินดีจะเห็นตั้งอิวเหลียงมาสำแดงเดชเลย แต่หากปฏิเสธ ก็จะอยุติธรรมไป จึงจำต้องโอนอ่อนต่อมัน
"เพลงทวนของท่าน ชื่อเสียงโด่งดัง ในด้านความเกรี้ยวกราด โหดเหี้ยม ต่อสู้คราใดไม่เคยไม่หลั่งเลือด นับว่าเป็นยอดอาวุธ และยอดวิชา หากได้ชื่อว่าจอมยุทธิ์ผู้เก่งกาจสามารถ ย่อมจะกำหนดความหนักเบาของระดับฝีมือได้ ตัวท่านนั้นระดับไหน ข้าดูออก และพร้อมชื่นชมอยู่ เห็นแก่การประลองที่มีความรุนแรง และมิอาจไว้ใจ จึงโอนอ่อนแก้ไขให้หลั่งโลหิตได้ แต่ห้ามเสียชีวิต หากถึงกับมีผู้สังเวยชีพบนเวทีนี้ ข้าเองคงได้แต่ยกเลิก ด้วยความละอายใจต่อมัน และชดใช้โทษให้แก่มัน จึงขอจอมยุทธิ์ตั้ง จอมยุทธิ์เฉิน และอีกหลายคนที่จะขึ้นมาหลังจากนี้ โปรดใช้สติ และคุณธรรมอย่างสูงสุด หากผิดพลาดแล้ว ข้าเองก็คงมิอาจอภัยได้!"
เสียงซุบซิบ ชื่นชม ดังกระหึ่มทั่วลานสยบมาร วาจาของประมุขซุนหนักแน่นดุจขุนเขา หยางซื่อหลางฟังแล้ว ให้รู้สึกนับถือเลื่อมใสยิ่งนัก แววตามองท่านประมุขอย่างชื่นชม
นี่เป็นทั้งคำขู่ และคำเตือน โอนอ่อนให้การประลองสามารถบาดเจ็บได้ แต่หากมีผู้ใดตาย เขาก็จะชดเชยความผิดแก่มัน ด้วยการสังหารอีกคนเสีย นี่ถือเป็นความยุติธรรม กฏที่เปี่ยมคุณธรรมน้ำใจที่สุด และยังเป็นการปรามตั้งอิวเหลียง มิให้อวดดีเหิมเกริมเกินไปอีกด้วย
หากน้องชายทั้งสอง และหมิงจู กลับติดใจประโยคที่คนแซ่ตั้งโอ้อวดไว้แต่แรก แล้วครุ่นคิดอย่างพิศวง สงสัย หยางอู่หลางพึมพำอย่างสังหรณ์
"มันบอกว่า เพลงทวนอันดับหนึ่งในใต้หล้า หรือว่าจะเป็น..."
"เชิญ ลงมือ..."
กระบองสำราญ เฉินฮ้าวจวง ผายมือ ทวนโลหิต ตั้งอิวเหลียง จึงกวัดแกว่งทวนขึ้นเหนือฟ้า หมุนวนเป็นวงกลม ในท่ามังกรขี่เมฆ ขว้างออกจากมือ พุ่งเข้าหาคู่แข่ง รวดเร็วดุจพายุ เฉินฮ้าวจวงใช้ตุ้มเหล็กของกระบองต้านรับ เสียงดัง เคร้ง! เมื่อปลายแหลมของทวนกระทบถูก แต่ไม่อาจแทงทะลุได้ คนแซ่ตั้งกระโดดเข้ามา คว้าจับอาวุธของตน กระชากกลับแล้วตวัดขึ้นสูง เป็นจังหวะต่อเนื่อง เบนทิศพุ่งเสียบไหล่ขวาบนของจอมยุทธิ์เฉิน มันหลบทัน แต่ก็ถูกรุกต่อด้วยท่ากวาดใบไม้ลานวัดปาดเฉียงพาดคอ แต่คู่ต่อสู้ก็ยังปฏิกริยาไวสุดยอด ก้มหัวหลบปลายทวนอย่างฉิวเฉียด แปรเปลี่ยนจากรับเป็นรุก สวนตุ้มเหล็กเข้าท้องในระยะประชิด คนแซ่ตั้งกลับมิทราบใช้วิชาไหน ควงทวนที่หลุดจังหวะไปแล้วกลับมาใหม่ ใช้ด้ามจับนั้นต้านรับกระบองแทน แล้วการประลองอาวุธที่น่าตื่นตาตื่นใจก็อุบัติขึ้นอย่างต่อเนื่อง
"เพลงทวนเหรินฉี!!"
หยางอู่หลาง กับหยางฉี่หลาง ตะลึงตาโต ร้องก้องพร้อมกัน เป็นอย่างอื่นไปมิได้แน่ พวกเขาอาจไม่ได้ฝึกอย่างเป็นทางการ แต่พี่ชายผู้ยืนอยู่ข้างๆ ซึมซับเชี่ยวชาญวิชานี้อย่างลึกซึ้งทีเดียว และพวกเขาก็เคยเห็นมามิน้อยแล้ว
"ฮ้า ที่มันบอกว่า เพลงทวนอันดับหนึ่งของแผ่นดิน ที่แท้ คือเพลงทวนเหรินฉีเหรอ!"
หยางฉี่หลางร้องแตกตื่น เกิดความรู้สึกทั้งตกใจ ทั้งขุ่นเคือง จนอยู่ไม่สุข พี่ห้ากับหมิงจูก็อยู่ในอาการเดียวกัน หากผู้ฝึกเพลงทวนสายหยางถึงขั้นที่ห้า กลับมองบนเวทีอย่างสนอกสนใจ จับตาสำรวจกระบวนท่านั้นอย่างถี่ถ้วน แล้วคิดอย่างทึ่ง
"ฝึกถึงขั้นที่สี่แล้ว ไม่ธรรมดาจริงๆ"
ด้านบน เฉินฮ้าวจวงยิ่งมายิ่งตึงมือ เริ่มถอยร่นจนตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ทวนของคู่ต่อสู้นั้นประหลาดมาก เหมือนยิ่งจ้อง ยิ่งจับตา ก็ยิ่งตาลายเวียนหัว ไม่ว่าจะควงหมุนเป็นวงกลม แวบมาแล้วหาย ปุบปับมาอยู่ข้างหน้า ปุบปับทิ่มมาจากข้างบน อีกเดี๋ยวลอยมากวาดเบื้องล่าง อีกเดี๋ยวลอบมาแทงด้านหลัง กระบองสำราญหัวหมุนกับการเคลื่อนไหวของทวนที่มิอาจจับทางถูก อีกทั้งกระบวนท่าก็ว่องไว ปราดเปรียว เหลือเชื่อนัก เพลงทวนนี้ หักโหมทุ่มเท เกรี้ยวกราดรุนแรง รวจเร็วดุจสายฟ้า กระหน่ำมาราวพายุคลั่ง พลังอาจจะไม่เท่าไร เพราะลมปราณยังไม่กล้าแข็งนัก แต่คนแซ่ตั้งผู้นี้ กวัดแกว่งเพลงทวนได้อย่างช่ำชอง ชำนาญยิ่ง ราวกับเป็นแขนพิเศษของตนเอง ใช้คล่องยิ่งกว่ากระบองในมือของเขาเสียอีก
"อ๊ะ..."
หยางซื่อหลางอุทาน เมื่อเฉินฮ้าวจวงถูกคมทวนทิ่มเฉี่ยวไหล่ขวาไป โลหิตหลั่งเล็กน้อย หากเขาถอยร่นไปตั้งหลักก่อน คงจะพอได้พักหายใจ และมาสู้ใหม่ แต่กระบองสำราญกลับไม่แยแส กระโจนเข้าใส่ ฟาดกระบองสวนออกไปตรงๆ นี่เป็นความผิดพลาดมหันต์ที่ทำให้หยางซื่อหลางตกใจ เพราะการใช้วิธีต่อสู้แบบประชิดของตั้งอิวเหลียง คือจุดดีเป็นเลิศของวิชานี้ จอมยุทธิ์เฉินไม่เข้าใจ นึกว่าอยู่ใกล้จะกวัดแกว่งทวนไม่ถนัด หารู้ไม่ คนแซ่ตั้งสำเร็จกระบวนท่าย่อทวนแล้ว มือหนึ่งรูดด้ามทวนไปด้านหลัง กระชับจับเกือบสุดปลายแหลม แล้วเสือกทิ่มใส่ไหล่ซ้ายของคู่ต่อสู้ที่ถลันเข้ามา บาดแผลหนัก และลึกกว่าหนแรก คราวนี้เลือดไหลนองเต็มพื้น
"รู้ผลแพ้ชนะแล้ว หยุดแต่เพียงนี้!"
ประมุขซุนกล่าวเสียงกังวาน ขวางตั้งอิวเหลียงที่ขยับเท้าเข้าหา หยางซื่อหลางชะงักกึก หันหน้ามองท่านประมุขด้วยสีหน้าตระหนก ใจเต้นแรง
เกือบไปแล้ว! หากไม่ได้ยินเสียงพูดนี้ ตัวเขาคงกระโดดขึ้นเวที ขวางคนแซ่ตั้งแทนแน่ เพราะจากลักษณะการวางเท้าของตั้งอิวเหลียง คนธรรมดาทั่วไปอาจเห็นว่า ก็เป็นการตั้งท่ารับมือตามปกติ หากผู้ฝึกวิชาเพลงทวนเหรินฉีอย่างเขา อ่านออกทะลุปรุโปร่งว่า ตั้งอิวเหลียงผู้นี้ คิดจะใช้ท่าเท้าจูบเมฆา เตะปลายแหลมของทวนที่หักลดต่ำมาอยู่ระดับข้อเท้า ขึ้นเสียบคอหอยฝ่ายตรงข้ามจนดับชีพทั้งยืน! เจ้าคนอำมหิตเจ้าเล่ห์ผู้นี้ จงใจสังหารคู่ต่อสู้แต่แรกแล้ว!
"ขออภัยท่านประมุข แต่การต่อสู้อย่างดุเดือด ยากจะระงับยั้งมือกลางคันได้ ข้าได้ไว้ชีวิตเขาแล้ว ที่เขาบาดเจ็บเพราะอ่อนหัดเอง ขอประมุขซุนโปรดอภัย"
ตั้งอิวเหลียงหันมายกมือคำนับเจ้ายุทธิ์ ก้มหัวอย่างนอบน้อม แต่แววตาแอบสะใจ ซุนไห่ถังยังคงสงบเยือกเย็น แต่เหล่าจอมยุทธิ์ทั้งหลายต่างซุบซิบนินทา บ่นว่าอย่างไม่พอใจ แต่มันก็ทำลอยหน้า ยโสไม่สนผู้ใด หยางซื่อหลางหรี่ตามอง ขมวดคิ้ว คิดอย่างมีโทสะ
"ยั้งมือไว้ไมตรีที่ไหนกัน! เพลงทวนเหี้ยมโหดอยู่แล้ว เจ้ายังแผ่รังสีฆ่าฟัน ลงมืออย่างเกรี้ยวกราดดุร้าย ทุกกระบวนท่าไม่ได้หยุดแค่รู้ผล แต่ต้องการให้บาดเจ็บ ถึงเสียชีวิต คนผู้นี้ใจคออำมหิต และโฉดชั่วยิ่งนัก"
"มิน่าเล่า ถึงกล้าโอ้อวดตัวเองเป็นแนวหน้าของยุทธภพ ฝีมือเพลงทวนระดับนี้ ก็สมควรอยู่ แต่ท่าทียโส โอหัง แถมเหี้ยมโหดปานนี้ ข้าหมิงจูคงต้องขอแอบแช่งแทนล่ะนะ"
สาวใช้มือเอกบอกลอยๆ ประกาศตัวว่ารังเกียจคนแซ่ตั้งเต็มที่ นายน้อยอีกสองคนต่างพากันพยักหน้าเห็นด้วย และมองตั้งอิวเหลียงด้วยแววตาเหยียดหยาม
"ทุกคนคงเห็นแล้วว่า อาวุธของข้าร้ายกาจปานใด และวิชาของข้า มีอานุภาพแค่ไหน เพลงทวนเหรินฉีของข้า ตอนนี้ไร้ผู้ใดหาญต่อกร คนที่จะขึ้นมาประลองต่อไป จึงขอพึงระวังให้มากๆ"
ตั้งอิวเหลียงยังคงประกาศข่มขวัญอย่างเย่อหยิ่ง จองหองต่อไป สร้างความหมั่นไส้ ขุ่นเคือง แก่ทุกผู้คน ชายตัวอ้วนคนหนึ่งกระโดดขึ้นเวที พร้อมดาบใหญ่ในมือ คำนับแล้วร้องเสียงห้าว
"งั้นข้าขอคำชี้แนะ"
ทุกคนต่างลุ้นให้มีผู้ปราบความอหังการของมัน แต่ดาบล่าวิญญาณ แป๊ะฟั่นทง ก็เหลือเพียงแต่ชื่อ เมื่อถูกทวนโลหิต ใช้เพลงทวนเหรินฉีขั้นที่สาม สยบความกล้า เสียบชายโครงจนอาการหนัก ต้องส่งคนมาหามลงไป ตั้งอิวเหลียง ถึงกับแสยะยิ้มลำพอง ยิ่งผยองเป็นการใหญ่
"ข้าบอกแล้วว่า คนระดับไม่ถึง อย่าได้ขึ้นมาท้าทายทวนโลหิตของข้า เพลงทวนเหรินฉี เป็นสุดยอดวิชาอันดับหนึ่งของศาตราวุธปลายแหลม ท่านปรมาจารย์เหรินฉี ผู้ก่อตั้งสำนักทวนเจ็ดดาว เป็นผู้คิดค้นขึ้น ในโลกนี้ ยากจะหาวิชาใดมาสยบได้ จึงนับได้ว่า เป็นเพลงทวนอันดับหนึ่งแห่งยุค และในใต้หล้าเวลานี้ เหนือกว่าเพลงทวนตระกูลหยาง อันดีแต่ฟาดฟันทหารเลวกระจอกอ่อนหัด ตามชายแดนซะอีก!! ดังนั้น จงหัดประมาณตน อย่าได้ขึ้นมาสร้างความอับอายบนเวทีเลย"
คำพูดนี้ ช่างอวดโอ่ถือดีอย่างถึงที่สุด จนเหล่าจอมยุทธิ์ทั้งหลายออกอาการไม่พอใจ ด่าทอขึ้นบ้างแล้ว แต่ก็ยังไม่มีใครกล้าเสนอหน้ามาปราบพยศมัน เพราะเริ่มหวาดหวั่นในความร้ายกาจของเพลงทวน สำหรับพวกชาวยุทธิ์ อาจเป็นแค่การดูถูก ไม่ให้เกียรติเพียงเล็กน้อย แต่สำหรับคนตระกูลหยางแล้ว ประโยคนั้น ถือเป็นการหยามเกียรติ และเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของจวนขุนศึกอย่างใหญ่หลวง!!
นายน้อยทั้งสามถึงกับตกตะลึงพรึงเพริด คนที่เจ็ดร้องออกมาอย่างโมโหสุดขีด
"เพ้ย ห่าเหวอะไรกัน มันบอกว่า เพลงทวนเหรินฉีของมัน เหนือกว่าเพลงทวนตระกูลหยาง"
"แถมยังว่า เพลงทวนตระกูลหยางดีแต่ฟาดฟันทหารอ่อนหัดตามชายแดน"
หยางอู่หลางพูดเสียงเกรี้ยวกราด ใบหน้าแดงก่ำ เขาเพิ่งฉุนขาดสุดๆ เป็นครั้งแรก
"อย่างนี้ไม่ถูกนะ เพลงทวนเหรินฉีเป็นของชาวยุทธิ์ แต่เพลงทวนตระกูลหยางใช้รบศึกในสนาม จะเอามาเปรียบกันได้ยังไง"
แม้แต่สุ่ยหลิงหลงก็พาลร้อนใจไปด้วย เพราะกองทัพตระกูลหยางปกป้องรับใช้ชาติ ถือเป็นวีรบุรุษในใจนาง และชาวซ่งทุกคน ดังนั้น จึงมีชาวยุทธิ์บางส่วน เริ่มส่งเสียงด่าทอไม่พอใจ ที่ตั้งอิวเหลียงพูดจากระทบกระแทกไปถึงขุนศึกตระกูลหยาง อันเป็นเสาหลักรักษาประเทศ
หยางซื่อหลางหน้าเครียด สะกดอารมณ์โกรธเกรี้ยวไว้ภายใน แน่นอนเขาเดือดดาลไม่แพ้น้องชายทั้งสอง แม้จะฝึกวิชาเหรินฉีเหมือนกัน แต่เขาไม่เห็นด้วยกับตั้งอิวเหลียงสักนิด
"จะยังไงก็ช่างเถอะค่ะ แต่คนที่ดูถูกตระกูลหยาง สมควรได้รับการสั่งสอน!"
หมิงจูพูดเสียงเครียด แววตาเข้มขรึมพอกัน พูดจบ ก็ลอยขึ้นเวทีไปอย่างสวยงาม หยางซื่อหลางตะลึงวูบ ร้องก้อง
"หมิงจู จะทำอะไร!"
"ข้าน้อยไม่อาจให้ใครมาลบหลู่ตระกูลหยางได้"
สาวใช้คนเก่งยกมือไพล่หลัง ยืดตัวตรงอย่างห้าวหาญ ตอบเสียงองอาจกลางเวที
"เจ้าลงมา!"
เขากลับตวาดเสียงกร้าว หมิงจูตอบเรียบๆ โดยไม่หันมา
"ไม่เป็นไรค่ะ ข้าเสนอหน้า พร้อมรับผิดชอบเอง"
หยางซื่อหลางสบถอย่างหงุดหงิด ที่เขาร้อนใจ มิใช่เพราะหมิงจูแทรกเรื่องชาวยุทธิ์ ขึ้นเวทีไปก่อกวนหาเรื่อง ผิดกฏของชาวยุทธจักร แต่เพราะ...วิชาฝีมือของนางยามนี้ ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของตั้งอิวเหลียงเด็ดขาด!
"เอาเลย หมิงจู สำแดงให้เห็นฤทธิ์เดชความร้ายกาจของเพลงทวนตระกูลหยางบ้าง เอาให้มันหน้าแหก ตกจากเวทีไปเลย"
หยางฉี่หลางไม่รู้ความ ชูมือร้องเชียร์ สนับสนุนเต็มที่ แต่หยางอู่หลางเห็นด้วยกับพี่สี่
"น้องเจ็ด อย่าทำเป็นเล่นไป ฝีมือมันไม่ใช่ย่อยนะ"
แม้พี่ห้าปราม แต่เขาก็ไม่สน ยังคงเชื่อมั่นในฝีมือของจอมแก่นคู่อริในบ้าน และเพลงทวนตระกูลหยางว่าไม่เป็นสองรองใคร
"เจ้าเป็นใคร ผู้หญิงไม่มีสิทธิ์คัดเลือก ลงไปซะ"
ตั้งอิวเหลียงตวาดลั่น หมิงจูแค่นยิ้มเย็นชาให้มัน จ้องแล้วทำเมินอย่างมิแยแส หันไปยกมือคำนับ ต่อเจ้าภาพ
"คารวะประมุขซุน ข้าน้อย หยางหมิงจู กับนายน้อยทั้งสาม ได้รับคำสั่งจากฮูหยินหยาง เดินทางมาเยี่ยมคำนับ และส่งจดหมายค่ะ"
พูดจบ ก็สะบัดมือออกไป จดหมายลอยพุ่งเข้ามือประมุขซุนที่นั่งอยู่ห่างไกลอย่างแม่นยำ ท่านรับมาเปิดอ่าน ลูบเครา ปรากฏรอยยิ้มยินดี
"หยางฮูหยินไม่สะดวกมา ยังอุตส่าห์ส่งลูกๆ มาร่วมงาน ข้าปลาบปลื้มใจยิ่งนัก"
"ขออภัยที่ข้าน้อยเสียมารยาท ขึ้นมาแทรกการประลอง แต่จอมยุทธิ์ตั้งท่านนี้ ได้พูดจาดูหมิ่นเพลงทวนตระกูลหยางจนเสื่อมเสีย ข้าน้อยมิเห็นด้วย จึงขึ้นเวที มิได้หมายจะมาคัดเลือก แค่อยากจะแสดงเพลงทวนตระกูลหยางให้จอมยุทธิ์ตั้งผู้บูชาเพลงทวนเหรินฉีเป็นนักหนา ได้ดูเป็นบุญตาสักเล็กน้อย เพื่อว่าหูตาจะสว่าง ไม่ลุ่มหลงอยู่ในกะลาครอบอีกต่อไป"
"ฮ่ะ ฮ่ะ เจ้าเป็นใคร ถึงคิดจะมาประลองกับข้า ตระกูลหยางมีแต่ลูกชายเจ็ดคน ใยถึงให้ผู้หญิงอย่างเจ้ามาเป็นตัวแทนประกาศความเกรียงไกรของเพลงทวนตระกูลหยางเล่า"
ตั้งอิวเหลียงเยาะเย้ยถากถาง พลางเหลือบมองนายน้อยทั้งสามที่ยืนอยู่ด้านล่างอย่างเย้ยหยัน หยางฉี่หลาง กับหยางอู่หลางกำหมัดแน่น จ้องถลึง ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน นางกลับเชิดหน้าตอบอย่างเยือกเย็น
"ข้าเป็นเพียงสาวใช้ในจวนเทียนปอ วิชาเพลงทวนตระกูลหยางของข้านั้นอ่อนด้อยที่สุด นายน้อยใจกว้างไม่ถือสาคำยะโสของท่าน เป็นข้าที่แส่หาเรื่องเอง จึงขอรับการชี้แนะจากท่านสักเล็กน้อย"
"อ๋อ ดี งั้นข้าจะแสดงให้เห็นสุดยอดวิชา แต่ข้าไม่รับรองชีวิตเจ้า!"
ตั้งอิวเหลียงพูดเสียงเย็นชา สาดแววตาอำมหิต กระชับทวน ยกขึ้นช้าๆ ซุนไห่ถังยืนขึ้น หยิบทวนบนราวอาวุธ โยนส่งให้ บอกเสียงขรึม
"แม่นางหยาง รับไว้"
นางหมุนตัวมารับ ควงอย่างคล่องแคล่วสวยงาม แล้วพาดเฉียงที่ด้านหลัง พยักหน้า
"ขอบคุณ ท่านประมุข"
"รับมือ!"
คนแซ่ตั้งลงมือก่อน ด้วยการทิ่มทวนเข้าใส่ดุจพายุ เร็วจนดูแทบไม่ทัน ทั้งด้านล่าง ด้านบน ด้านข้าง เหวี่ยงมาจากทุกทิศ ยืดหดตามใจปรารถนา กระบวนท่าสายรุ้งแพรวพราวของมัน มาจากวิชาเหรินฉีขั้นที่สาม หากหมิงจูไม่ตระหนก รับมืออย่างสุขุมเยือกเย็น นางย่อมรู้จักกระบวนท่านี้ เพราะคุณชายสี่เคยแสดงให้ชมมาแล้ว และสอนวิธีรับมือเอาไว้เป็นความรู้ จึงปัดป่าย ต้านรับ ปัดป้องได้ทุกท่า ตั้งอิวเหลียงเปลี่ยนเป็นใช้ท่าสว่านเจาะภูผา หมุนทวนเร็วๆ ราวกับเป็นจุดศูนย์กลางของพายุ แล้วเสือกแทงออกไปตรงๆ นางจึงเปลี่ยนมาใช้วิชาจี้พสุธา บทหนึ่งในเพลงทวนตระกูลหยางขั้นที่สอง เสือกทวนออกไปพร้อมกัน ปลายแหลมของทวนสองด้ามประสานกันดัง เคร้ง แล้วทวนโลหิตของตั้งอิวเหลียง เป็นฝ่ายเสียศูนย์ เบนเฉียงหลุดไปด้านข้าง จนตัวเขาเสียหลักเกือบล้มคะมำ นางรุกต่อด้วยกระบวนท่าจู่โจมต่อเนื่อง ด้วยวิชางัดหินขึ้นฟ้า ตวัดปลายทวนลงพื้น งัดทวนที่กำลังเสียสมดุลของตั้งอิวเหลียงขึ้นมา เกร็งลมปราณกระแทกรุนแรง คนแซ่ตั้งผงะ ทวนแทบหลุดจากมือ ดีแต่ว่าหมุนตัวหลบทัน ชักทวนกลับมาเสียก่อน กลายเป็นต้องถอยหลังไปสามก้าว
"โอ้โห ดูท่วงท่าแล้ว สาวใช้ของท่านไม่เบาเลยนะเนี่ย ตอนสู้กันในจวน ข้าก็รู้สึกแล้วว่านางน่ะเก่ง นึกไม่ถึงว่าจะใช้เพลงทวนคล่องขนาดนี้"
สุ่ยหลิงหลงกระซิบร่าเริง รู้สึกว่าพอมีความหวังจะปราบพยศเจ้าคนอำมหิตแล้ว แต่หยางซื่อหลางไม่ตอบ ไม่มองหน้า ราวกับไม่ได้ยิน สายตาของเขา จดจ่ออยู่กับท่าร่างของหมิงจู และการเคลื่อนไหวของทวน จ้องนิ่งราวกับถูกมนต์สะกด ใบหน้าเรียบเกร็ง ดวงตาสาดประกายจรัสจ้าอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน! เป็นแววตาที่มีทั้งความตั้งใจ และพิศวงฉงนฉงายอยู่ในนั้น สุ่ยหลิงหลงสังเกตเห็น ต้องขมวดคิ้วอย่างฉงน
...อะไรกัน เพลงทวนของตัวเองแท้ๆ จ้องตะลึง ยังกะไม่เคยพบเคยเห็น!...
"หมิงจูสู้เขา หมิงจูสู้ๆ"
หยางฉี่หลางร้องเชียร์อย่างเมามัน ตั้งอิวเหลียงใช้ไปสิบกระบวนท่า ยังมิอาจสยบนางลงได้ ถึงกับถอยมาตั้งหลักก่อน แววตากลอกกลิ้งมองนางขึ้นๆ ลงๆ ราวกับจะประเมินใหม่ แสยะยิ้มแค่นเสียงเย็นชา
"เฮอะ คนตระกูลหยาง ที่แท้ก็เก่งไม่เบา น่าเลื่อมใสจริงๆ"
"ที่เก่ง หาใช่คนไม่ แต่เป็นวิชาเพลงทวนตระกูลหยางต่างหาก"
"ดี งั้นข้าขอคำชี้แนะขั้นต่อไป!"
ตั้งอิวเหลียงนึกว่าจะจัดการสาวน้อยอ้อนแอ้น ผู้ดูอ่อนแอราวกับแค่ลมพัดก็ปลิว ด้วยเพลงทวนเหรินฉีขั้นที่สามได้ เพิ่งรู้ว่านางคนนี้ตึงมือยิ่งนัก พลังลมปราณอาจด้อยกว่า แต่ใช้ทวนได้คล่องแคล่ว แม่นยำ และมีท่วงท่าปราดเปรียว ว่องไวสุดยอด อีกทั้งไหวพริบ และการแก้ไขสถานการณ์ยังเข้าขั้นยอดเยี่ยมอีกด้วย
เมื่อมันเปลี่ยนมาใช้เพลงทวนเหรินฉีขั้นที่สี่ หยางหมิงจูก็รู้ว่าถึงเวลาเอาจริงแล้ว จำต้องงัดเพลงทวนตระกูลหยางขั้นที่สาม ระดับสูงสุดของนางออกมาใช้...
เหล่าจอมยุทธิ์ส่งเสียงฮือฮา ต่างร้องเชียร์เอาใจช่วยนาง ที่เป็นคนตระกูลหยาง เมื่อยกระดับ เพลงทวนของทั้งสองคล้ายเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ เพลงทวนเหรินฉีนั้นเหี้ยมโหด รุนแรง และเกรี้ยวกราดหนักยิ่งขึ้น แต่เพลงทวนตระกูลหยางกลับอ่อนโยน พริ้วไหว เยือกเย็น และเนิบช้า โอนอ่อนนุ่มนวลราวสายน้ำไหล แต่แฝงความมั่นคง แข็งกร้าวอยู่ภายใน กลายเป็นพลังสองขั้วที่แตกต่างกันอย่างที่สุด โคจรมาปะทะกัน
"สุดยอด เพลงทวนตระกูลหยางร้ายกาจสมคำร่ำลือจริงๆ..."
"แม่นางหยาง ท่านต้องชนะแน่..."
"สยบเพลงทวนเหรินฉีของมันเลย..."
เสียงตะโกนโห่ร้อง ยิ่งนานยิ่งดัง กลายเป็นการแข่งขันที่ตื่นเต้น เร้าใจ คึกคักที่สุดของวันนี้ ประมุขซุนไห่ถังลูบเครา นั่งชมอยู่อย่างใจเย็น แต่สายตาคมกริบคอยระแวดระวังอยู่เสมอ
"นี่ สาวใช้ของท่านเก่งออกอย่างนี้ ตั้งอิวเหลียงต้องพ่ายแพ้เป็นครั้งแรกในชีวิต"
สุ่ยหลิงหลงร้องอย่างปลาบปลื้มยินดี หากหยางซื่อหลางกลับไม่เห็นเช่นนั้น...
จริงอยู่ เพลงทวนของหมิงจูสวยงาม และไหลลื่นดุจกำลังร่ายรำกระบี่อันอ่อนพริ้ว ลีลาและกระบวนท่าเต็มไปด้วยธาตุหยิน คือ ใช้ความนิ่งสงบความเคลื่อนไหว ใช้ความอ่อนโยนระงับความแข็งกร้าว ใช้ความเยือกเย็นสยบความฮึกเหิม นางสมบูรณ์แบบในพลังด้านอ่อนนุ่ม แต่เพลงทวนตระกูลหยาง กอปรด้วยแข็ง และอ่อนผสานกัน ต้องผสมกลมกลืนรวมเป็นหนึ่ง บางจังหวะต้องแข็ง บางจังหวะต้องอ่อน รุกรับตามสถานการณ์ จังหวะ และอารมณ์ของอาวุธคู่ต่อสู้เป็นหลัก จึงจะเปล่งอานุภาพมาก หากขาดส่วนใดส่วนหนึ่งไป จะกลายเป็นจุดอ่อน อาจไม่ถือสาสำหรับศัตรูที่มีฝีมืออ่อนด้อย แต่หากประลองกับคนที่มีวิชาธาตุหยินแข็งแกร่งเกินไป เช่น ผู้ฝึกเพลงทวนเหรินฉีขั้นสูง ก็อาจตกเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำพ่ายแพ้ได้ แม้อยู่ระดับขั้นสูงกว่าก็ตาม
เพลงทวนเหรินฉีขั้นที่สี่ของตั้งอิวเหลียง ในการสังเกตของเขา ยังไม่สมบูรณ์แบบ แต่เพลงทวนตระกูลหยางขั้นที่สามของหมิงจู ก็ยังมีจุดบกพร่อง นอกจากระดับขั้นวิชา นางจะด้อยกว่าเขาชั้นหนึ่งแล้ว ยังอ่อนพลังแข็งกร้าว จึงไม่น่าแปลกใจ เมื่อผ่านไปสิบกว่ากระบวนท่า หมิงจูจะตกเป็นฝ่ายตั้งรับ และถอยร่นอยู่ฝ่ายเดียว
ตั้งอิวเหลียง ไม่เคยประลองกับวิชาเพลงทวนตระกูลหยาง ตอนแรกยังกริ่งเกรงนางอยู่สามส่วน แต่ยามนี้ พอดูออกแล้วว่า ระดับของนางไม่สูงส่งนัก จึงได้ทีรุกไล่เพื่อเผด็จศึกโดยเร็ว การจู่โจมของมัน เริ่มเรียกเสียงร้องหวาดเสียวจากผู้คน เพราะปลายทวนอันแหลมคม เดี๋ยวเฉี่ยวซ้าย เฉี่ยวขวา ปาดหน้า แทงหลัง ใกล้ถึงเนื้อตัวเข้าไปเรื่อยๆ ซุนไห่ถังจ้องตาไม่กะพริบ เขารู้ดีว่า คนแซ่ตั้งไม่ไว้ไมตรีนางแน่ จึงไม่ปล่อยให้คลาดสายตา หวังจะช่วยอารักขาสาวใช้บ้านตระกูลหยางไม่ให้หลั่งเลือด และพอหมิงจูเสียหลัก เซถลาไปด้านหลังเกือบตกขอบเวที เปิดโอกาสอันดีให้มันแล้ว!
ประมุขซุนก็งอนิ้วที่มีก้อนหินเล็กๆ อยู่ หวังจะพุ่งลมปราณแข็งแกร่งไปดีดปลายทวนให้เบี่ยงทิศ เบนห่างไป เสียงหวีดร้องของสุ่ยหลิงหลง พร้อมกันการชะงักค้างของท่าน ร่างหนึ่งกระโดดวูบขึ้นมาบนเวที ปลายเท้าง้างมา จะเตะทวนของมันเฉียงไป คนเจ้าเล่ห์ตั้งอิวเหลียง เดาออกอยู่แล้วว่าพวกของนางต้องขึ้นมาช่วย ท่าเมื่อครู่จึงเป็นแค่กับดักเท่านั้น!
ขณะจ่อทวน แสร้งทำท่าจะเสียบหมิงจู ก็สะบัดเปลี่ยนทิศกลางอากาศ หันมาจ่อใส่ระดับหน้าอกผู้มาแทรกแทน พร้อมโถมเข้าใส่ ยืดตัว ยืดแขนพุ่งออกไปให้สุด เพื่อเพิ่มความหนักหน่วงรุนแรง และเร็วยิ่งขึ้น
เป็นการแน่ชัดว่า คนที่ทะลึ่งลอยค้างอยู่กลางอากาศเวลานี้ หากพลิกตัวหลบ ก็จะเสียสมดุลหลุดออกนอกเวทีไป แต่หากไม่หลบ ก็จะต้องถูกทวนเสียบอกอย่างไม่ต้องสงสัย!!
เสียงร้องอย่างตระหนก ดังหลุดจากปากสุ่ยหลิงหลง พร้อมๆ กับอาการตัวแข็ง ตกตะลึงของหยางฉี่หลาง และหยางอู่หลาง หมิงจูยืนอ้าปากค้าง ซุนไห่ถังเบิกตากว้าง...
"โอ้โห คนเยอะเกินคาดนะเนี่ย ขอแทรกหน่อย ขอแทรกหน่อย..."
สุ่ยหลิงหลงพยายามแหวกฝูงชนที่ยืนออกันเต็มหน้าเวที เข้าไปด้านในให้ได้ โดยจูงมือหยางซื่อหลาง เบียดเข้ามาด้วย นางอยากติดตามการประลองอย่างใกล้ชิด จึงต้องเข้าไปให้ถึงขอบเวที แม้คนที่มาด้วยกัน จะไม่ค่อยสนใจเท่าไรนัก นางก็มิยินยอม ยังพาเขาทะลุไปถึงจนได้
"นั่นไง นั่นไง พวกเขาประลองกันแล้ว สุดยอดเลย สู้เขา สู้เขา... ฮ้า เจ้านั่น หมัดเหล็ก ฉีหลินนี่ เยี่ยมไปเลย กระบองสำราญ เฉินฮ้าวจวงจากไซฮกก็มาด้วย งานนี้รวมยอดคนจริงๆ"
นางโจรสาวร้องอย่างคึกคัก ตื่นเต้นยินดีเป็นยิ่งนัก เมื่อได้พบกับเหล่าจอมยุทธิ์มีชื่อเสียงมากหน้าหลายตา โห่ร้องปรบมือเชียร์ กระบองสำราญ จอมยุทธิ์หนุ่มหล่อแห่งแดนไซฮก อย่างออกนอกหน้า โดยบนเวทีนั้น ฉีหลินกำลังจ้วงหมัดรัวเป็นพายุใส่คู่ต่อสู้ เสียงดังกระหึ่ม แสดงถึงพลังลมปราณที่แข็งแกร่ง แต่เฉินฮ้าวจวง ใช้อาวุธคือกระบองตุ้มเหล็กของตน กวัดแกว่งรับทุกหมัดอย่างหนักแน่น มั่นคง เสียงดัง ก๊อง ก๊อง เป็นจังหวะ ฉีหลินหาโอกาสประชิดตัว โดยหมุนไปมารอบๆ เพื่อจะต่อยให้ถูกอวัยวะสำคัญให้ได้ แต่คู่ต่อสู้ก็ก้าวตามทิศทางของเขา หันมาเผชิญด้านหน้าตลอด ไม่ยอมเปิดจุดให้โจมตีง่ายๆ การประลองจึงยืดเวลาความตื่นเต้นออกไปอย่างน่าลุ้นระทึก
หยางซื่อหลางมิได้สนใจการเชียร์อย่างเมามันของสุ่ยหลิงหลง และจอมยุทธิ์รอบด้าน เขากลับมองไปยังหน้าหมู่ตึกสราญรมย์ ชายวัยกลางคน รูปร่างภูมิฐาน ใบหน้าอบอุ่นมีเมตตา มีอริยาบทสุขุม เยือกเย็น ทรงอำนาจ และเปี่ยมสง่าราศี นั่งอยู่บนเก้าอี้ใหญ่เด่นสง่า เขาคือ เจ้าภาพผู้จัดงานครั้งนี้ขึ้น จ้าวยุทธิ์ และประมุขพรรคเทวา ซุนไห่ถัง ด้านหลัง คือเหล่าศิษย์ในพรรค และลูกน้องบ่าวไพร่ทั้งหลาย
หยางซื่อหลางไม่เคยพบประมุขซุนมาก่อน แต่เพียงได้เห็นหน้า ก็ให้เกิดความนิยมเลื่อมใสขึ้นมาทันใด สมกับเป็นคนที่มารดาเคารพยกย่อง มีสง่าราศี และบุคลิกองอาจเป็นยอดบุรษ
"โอย...คนแน่นเกินไปแล้ว ขออภัย ขออภัย จอมยุทธิ์ทุกท่าน ช่วยเปิดทางหน่อย"
หยางฉี่หลาง คุณชายเจ็ดแห่งตระกูลจอมทัพ กว่าจะบุกบั่นเข้ามาถึงหน้าเวที ก็ลำบากหนักหนา ปราดเหงื่อเลยเชียว หมิงจู ตามเข้ามาติดๆ ขณะที่หยางอู่หลางมัวเงอะงะงุ่มง่ามด้วยความเกรงใจคนอยู่ จึงเข้ามาถึงช้าที่สุด แถมยังถูกผลักด้วยความรำคาญ จึงถอยหลังล้มไปชนสุ่ยหลิงหลงที่ยืนเชียร์อยู่ด้วย
"โอ๊ย..."
นางร้องเมื่อตัวเซจะล้ม หยางซื่อหลางรีบรับประคองไว้ จอมเซ่อซ่าหันมาคำนับเป็นการใหญ่
"ฮ้า ขอโทษ ขอโทษด้วยแม่นาง ข้ามิได้ตั้งใจ อ๊ะ เจ้า..."
"น้องเจ็ด หมิงจู..."
ทุกคนจึงพบกันด้วยประการฉะนี้ หยางอู่หลางตะลึง ใจเต้นแรง เมื่อได้พบกับนางที่เขาปักใจตั้งแต่แรกพบในงานลอยโคมคืนนั้น ขณะที่สุ่ยหลิงหลงกระอักกระอ่วนใจนิดหน่อย เมื่อได้พบกับสามคนที่เคยสู้กับนางตอนบุกจวนเทียนปอ (แม้ตอนนั้นนางจะปิดหน้า แต่นางจำพวกเขาได้ชัดเจน) หยางฉี่หลางร้องอย่างแปลกใจ ส่วนหมิงจูหันมาทักคุณชายสี่ แล้วชะงักกึกเมื่อเห็นหน้านางโจรสาว ความรู้สึกของนาง คือ คุ้นตาราวกับเคยเห็นที่ไหน (คืนนั้น มีหมิงจูคนเดียวที่ไม่โดนผงมอมเมา ตอนหยางซื่อหลางกระชากผ้าปิดหน้าโจรออก นางก็เห็น เพียงแต่ค่อนข้างมืดสลัว จึงไม่ชัดเจนเท่ากับที่นายน้อยเห็น)
"อะไรกัน พวกเจ้าก็มางานชาวยุทธิ์กับเขาด้วยหรือ"
หยางซื่อหลางทักทาย น้องเจ็ดตอบรื่นเริง
"ก็ใช่น่ะสิ ท่านแม่ให้เรามา คารวะท่านประมุขซุนน่ะ"
"ท่านแม่ไม่ได้มาด้วยหรือ เสียดายจัง"
"เอ่อ...เจ้า...เจ้า..."
หยางอู่หลางอยากทักทายนางโจรสาว แต่ก็เขินอายจนพูดไม่ออก หยางฉี่หลางหันมาเห็นนาง ก็อ้าปากค้าง ร้องอย่างตื่นเต้น
"โอ้โห พี่สี่ แหม ถึงว่าทำไมไม่ค่อยกลับบ้าน ที่แท้ มีสิ่งดึงดูดใจอยู่ข้างนอกนี่เอง"
น้องชายล้อในแง่ว่านางเป็นคนรักของเขา พี่สี่ถอนหายใจกับเจ้าตัวป่วน ขณะที่นางเขิน
"อย่าพูดเหลวไหล นางคือเพื่อนข้า สุ่ยหลิงหลง เพื่อนชาวยุทธจักรน่ะ นี่ น้องชายข้า ฉี่หลาง กับอู่หลาง แล้วนี่หมิงจู แม่ครัวมือหนึ่ง"
"อ๋อ ยินดีที่ได้รู้จักนะ แม่นางหลิงหลง แหม พี่สี่นี่คบเพื่อนชาวยุทธิ์สวยยังกะนางฟ้า ไม่ธรรมดาจริงๆ นะเนี่ย ว่างๆ เชิญที่จวนเทียนปอบ้างสิ"
น้องเจ็ดผูกมิตรทันที ตามประสาคนเข้ากับคนเก่ง และมีอัธยาศัยไมตรีกว้างขวาง เปิดเผย พี่สี่ยิ้มอย่างหมั่นไส้ นึกรู้เลยว่าเจ้าน้องชายตัวแสบ คิดจะจับคู่ให้เขาแน่ๆ นางโจรสาวค่อยยิ้มอย่างโล่งอก ที่พวกเขาไม่ระแคะระคายว่านางคือคนที่บุกตึกอักษร ตอบรับน้องเจ็ดอย่างยินดี
"คุ้นหน้าจังเลย เราเคยเจอกันมาก่อนรึเปล่านะ!"
แต่แล้วรอยยิ้มก็สลายหายวับ เมื่อสาวใช้ตาเหยี่ยวอย่างหมิงจูทักขึ้นอย่างสงสัย
"ฮ้า ไม่เคย ไม่เคย เราเพิ่งเจอกันครั้งแรกนี่แหละ เอ่อ ดูการประลองดีกว่านะ กำลังสนุกเลย เย้ จอมยุทธิ์เฉินชนะแล้ว ต้องอย่างนี้สิ ข้าคาดไว้แล้วเชียว"
นางรีบเบี่ยงประเด็น ร้องให้ทุกคนหันไปสนใจบนเวทีแทน อีกสี่คนจึงยืนเรียงหน้ากระดาน หันไปชมการประลองอย่างสนใจ มีเพียงหยางอู่หลางคอยเหล่มองนางโจรสาว แล้วยิ้มเขินๆ
"ข้าน้อยฝีมืออ่อนหัด น่าละอายแล้ว"
หมัดเหล็ก ฉีหลิน ยกมือคำนับประมุขซุนอย่างรู้สึกผิดหวัง จ้าวยุทธิ์ลูบเครา ยิ้มเล็กน้อย กล่าวเสียงกังวาน
"ดี จอมยุทธิ์ฉีสมเป็นผู้แพ้ที่มีเกียรติ ไม่ดื้อรั้นดันทุรัง ข้า และชาวพรรคเทวา ขอคบท่านเป็นสหายแน่นอน"
"ท่านประมุขเกรงใจไปแล้ว ข้าฝีมือต่ำต้อย มิกล้าอาจเอื้อม วันหลังจะมาคารวะใหม่"
ฉีหลินกระโดดลงจากเวที แล้วจากไป ทุกคนต่างปรบมือชื่นชมกับบุคลิกนิสัยของเขา รวมถึงผู้ชนะ กระบองสำราญ เฉินฮ้าวจวง ก็ยกมือคำนับส่งให้ ก่อนหันมากล่าวเสียงนอบน้อม
"เฉินฮ้าวจวง ขอรับการชี้แนะจากผู้ท้าชิงท่านต่อไป"
"ข้าเอง..."
ชายฉกรรจ์ รูปร่างสูงใหญ่ หน้าตาเหี้ยมหาญ และเจ้าเล่ห์ ถือทวน ใช้วิชาเท้าเมฆาล่องลอย เตะฝ่าอากาศขึ้นมาบนเวที กวัดแกว่งทวนในมืออย่างคล่องแคล่ว โอ้อวด ก่อนมาบรรจบที่เบื้องหน้า
"ตั้งอิวเหลียง ฉายา ทวนโลหิต คารวะประมุขซุน และจอมยุทธิ์ทุกท่าน ก่อนจะประลอง ข้าขอประกาศสักเล็กน้อย ตำแหน่งฑูตพิทักษ์ในครานี้ ข้าแซ่ตั้ง หมายมั่นจะเอาให้ได้ จึงจะแสดงสุดยอดวิชาออกมาอย่างเต็มที่ สุดฝีมือ หากผู้ใดไม่แน่จริง หรือไม่มั่นใจพอ โปรดอย่าได้ขึ้นมาขวาง เพราะอาวุธไร้นัยน์ตา อาจมีการบาดเจ็บถึงล้มตายได้"
แม้ท่าทีองอาจ ห้าวหาญ แต่วาจากลับอวดดี ยโสยิ่งนัก เหล่าชาวยุทธิ์ซุบซิบนินทาขึ้นมาทันใด หยางซื่อหลางมองคนผู้นี้แล้วต้องขมวดคิ้ว รู้สึกไม่ชื่นชอบนัก สุ่ยหลิงหลงถึงกับพ่นน้ำลาย
"เพ้ย สถานที่ดีๆ แบบนี้ มิน่าต้องมาแปดเปื้อนเพราะเจ้าอำมหิตแซ่ตั้งนี้เลย งานกำลังสนุก เห็นทีจะกร่อยก็คราวนี้ เสนอหน้ามาใยมิทราบ"
"อ๋อ เจ้ารู้จักคนผู้นี้หรือ"
หยางซื่อหลางถามอย่างสนใจ นางพยักหน้า ตอบอย่างไม่สบอารมณ์นัก
"ตั้งอิวเหลียง ในยุทธจักรใครๆ ก็รู้จักทั้งนั้น มันหาได้เก่งกาจ จนผู้คนยกย่องไม่ แต่ความใจดำ อำมหิตของมันต่างหาก ที่ขึ้นชื่อลือชานัก นั่น! ดูอาวุธในมือของมัน ฉายาทวนโลหิต มิได้หมายความว่า เก่งกาจเพลงทวน จนสะท้านปฐพี ใครมาสู้ก็ต้องตาย แต่หมายถึง ความเหี้ยมโหด ร้ายกาจในวิชาที่ใช้ รวมถึงการชอบหลั่งเลือดคู่ต่อสู้โดยไม่จำเป็น ไม่เคยรักษาน้ำใจ เย็นชายโส ถือตัวอวดดีเป็นที่หนึ่ง ฝ่ายธรรมะใครๆ ก็เกลียดขี้หน้ามัน แม้มันจะไม่เคยฆ่าคนดีก็เถอะ แต่มีคนดีหลายคนต้องบาดเจ็บเพราะทวนในมือมัน"
"อ๋อ เช่นนั้น...เพลงทวนของเขาคงสูงส่งมาก"
หยางซื่อหลางถามอย่างฉงน พลอยนึกชื่อวิชาทวนต่างๆ ในใจ นับดูแล้ว เขาก็ยังไม่เห็นว่า จะมีวิชาทวนอันใด ยอดเยี่ยมไร้ที่ติ นอกจาก...เพลงทวนตระกูลหยาง!
"ข้าเคยเห็นแล้ว นับว่าเป็นเลิศได้อยู่ ท่านรอดูเอาเองเถอะ"
ยามนั้น ประมุขซุนได้กล่าวตอบตั้งอิวเหลียงว่า
"อาวุธไร้นัยน์ตา แต่คนไม่ไร้น้ำใจ การประลองครั้งนี้ ข้ากำหนดเพียงให้รู้ผลแพ้ชนะด้วยกระบวนท่า อย่าได้หลั่งเลือดด้วยคมอาวุธ ขอจอมยุทธิ์ตั้งโปรดรักษากฏนี้ เพื่อให้งานคัดเลือกมิต้องนองเลือดโดยไร้เหตุผล"
"ข้าน้อมรักษากฎลานสยบมาร มิต้องการแปดเปื้อนโลหิต แต่เพลงทวนของข้า เป็นอันดับหนึ่งในใต้หล้า มีกระบวนท่าที่รุนแรง ร้ายกาจ หากคู่ต่อสู้ฝีมือห่างชั้นเกินไป เกรงว่าข้ามิอาจรับผิดชอบชีวิตมันได้! เช่นนั้น ข้าขอให้ท่านอนุโลมกับตัวข้า เป็นการพิเศษได้หรือไม่ ท่านประมุข"
ซุนไห่ถังลอบถอนใจ แต่สีหน้ายังคงยิ้มละไมอยู่ แน่นอนเขาย่อมรู้ดีว่า คนผู้นี้ควบคุมและจัดการได้ยาก แม้วิชาอันสูงส่งของมัน เทียบกับท่านแล้วยังห่างชั้นไกล แต่นิสัยอันเย่อหยิ่ง จองหอง ไม่เคยเห็นผู้ใดอยู่ในสายตา ทำให้ยากจะบงการ หรือสั่งสอนมันได้ ท่านเป็นประมุธ จัดงานคัดเลือกครานี้ มิได้ยินดีจะเห็นตั้งอิวเหลียงมาสำแดงเดชเลย แต่หากปฏิเสธ ก็จะอยุติธรรมไป จึงจำต้องโอนอ่อนต่อมัน
"เพลงทวนของท่าน ชื่อเสียงโด่งดัง ในด้านความเกรี้ยวกราด โหดเหี้ยม ต่อสู้คราใดไม่เคยไม่หลั่งเลือด นับว่าเป็นยอดอาวุธ และยอดวิชา หากได้ชื่อว่าจอมยุทธิ์ผู้เก่งกาจสามารถ ย่อมจะกำหนดความหนักเบาของระดับฝีมือได้ ตัวท่านนั้นระดับไหน ข้าดูออก และพร้อมชื่นชมอยู่ เห็นแก่การประลองที่มีความรุนแรง และมิอาจไว้ใจ จึงโอนอ่อนแก้ไขให้หลั่งโลหิตได้ แต่ห้ามเสียชีวิต หากถึงกับมีผู้สังเวยชีพบนเวทีนี้ ข้าเองคงได้แต่ยกเลิก ด้วยความละอายใจต่อมัน และชดใช้โทษให้แก่มัน จึงขอจอมยุทธิ์ตั้ง จอมยุทธิ์เฉิน และอีกหลายคนที่จะขึ้นมาหลังจากนี้ โปรดใช้สติ และคุณธรรมอย่างสูงสุด หากผิดพลาดแล้ว ข้าเองก็คงมิอาจอภัยได้!"
เสียงซุบซิบ ชื่นชม ดังกระหึ่มทั่วลานสยบมาร วาจาของประมุขซุนหนักแน่นดุจขุนเขา หยางซื่อหลางฟังแล้ว ให้รู้สึกนับถือเลื่อมใสยิ่งนัก แววตามองท่านประมุขอย่างชื่นชม
นี่เป็นทั้งคำขู่ และคำเตือน โอนอ่อนให้การประลองสามารถบาดเจ็บได้ แต่หากมีผู้ใดตาย เขาก็จะชดเชยความผิดแก่มัน ด้วยการสังหารอีกคนเสีย นี่ถือเป็นความยุติธรรม กฏที่เปี่ยมคุณธรรมน้ำใจที่สุด และยังเป็นการปรามตั้งอิวเหลียง มิให้อวดดีเหิมเกริมเกินไปอีกด้วย
หากน้องชายทั้งสอง และหมิงจู กลับติดใจประโยคที่คนแซ่ตั้งโอ้อวดไว้แต่แรก แล้วครุ่นคิดอย่างพิศวง สงสัย หยางอู่หลางพึมพำอย่างสังหรณ์
"มันบอกว่า เพลงทวนอันดับหนึ่งในใต้หล้า หรือว่าจะเป็น..."
"เชิญ ลงมือ..."
กระบองสำราญ เฉินฮ้าวจวง ผายมือ ทวนโลหิต ตั้งอิวเหลียง จึงกวัดแกว่งทวนขึ้นเหนือฟ้า หมุนวนเป็นวงกลม ในท่ามังกรขี่เมฆ ขว้างออกจากมือ พุ่งเข้าหาคู่แข่ง รวดเร็วดุจพายุ เฉินฮ้าวจวงใช้ตุ้มเหล็กของกระบองต้านรับ เสียงดัง เคร้ง! เมื่อปลายแหลมของทวนกระทบถูก แต่ไม่อาจแทงทะลุได้ คนแซ่ตั้งกระโดดเข้ามา คว้าจับอาวุธของตน กระชากกลับแล้วตวัดขึ้นสูง เป็นจังหวะต่อเนื่อง เบนทิศพุ่งเสียบไหล่ขวาบนของจอมยุทธิ์เฉิน มันหลบทัน แต่ก็ถูกรุกต่อด้วยท่ากวาดใบไม้ลานวัดปาดเฉียงพาดคอ แต่คู่ต่อสู้ก็ยังปฏิกริยาไวสุดยอด ก้มหัวหลบปลายทวนอย่างฉิวเฉียด แปรเปลี่ยนจากรับเป็นรุก สวนตุ้มเหล็กเข้าท้องในระยะประชิด คนแซ่ตั้งกลับมิทราบใช้วิชาไหน ควงทวนที่หลุดจังหวะไปแล้วกลับมาใหม่ ใช้ด้ามจับนั้นต้านรับกระบองแทน แล้วการประลองอาวุธที่น่าตื่นตาตื่นใจก็อุบัติขึ้นอย่างต่อเนื่อง
"เพลงทวนเหรินฉี!!"
หยางอู่หลาง กับหยางฉี่หลาง ตะลึงตาโต ร้องก้องพร้อมกัน เป็นอย่างอื่นไปมิได้แน่ พวกเขาอาจไม่ได้ฝึกอย่างเป็นทางการ แต่พี่ชายผู้ยืนอยู่ข้างๆ ซึมซับเชี่ยวชาญวิชานี้อย่างลึกซึ้งทีเดียว และพวกเขาก็เคยเห็นมามิน้อยแล้ว
"ฮ้า ที่มันบอกว่า เพลงทวนอันดับหนึ่งของแผ่นดิน ที่แท้ คือเพลงทวนเหรินฉีเหรอ!"
หยางฉี่หลางร้องแตกตื่น เกิดความรู้สึกทั้งตกใจ ทั้งขุ่นเคือง จนอยู่ไม่สุข พี่ห้ากับหมิงจูก็อยู่ในอาการเดียวกัน หากผู้ฝึกเพลงทวนสายหยางถึงขั้นที่ห้า กลับมองบนเวทีอย่างสนอกสนใจ จับตาสำรวจกระบวนท่านั้นอย่างถี่ถ้วน แล้วคิดอย่างทึ่ง
"ฝึกถึงขั้นที่สี่แล้ว ไม่ธรรมดาจริงๆ"
ด้านบน เฉินฮ้าวจวงยิ่งมายิ่งตึงมือ เริ่มถอยร่นจนตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ทวนของคู่ต่อสู้นั้นประหลาดมาก เหมือนยิ่งจ้อง ยิ่งจับตา ก็ยิ่งตาลายเวียนหัว ไม่ว่าจะควงหมุนเป็นวงกลม แวบมาแล้วหาย ปุบปับมาอยู่ข้างหน้า ปุบปับทิ่มมาจากข้างบน อีกเดี๋ยวลอยมากวาดเบื้องล่าง อีกเดี๋ยวลอบมาแทงด้านหลัง กระบองสำราญหัวหมุนกับการเคลื่อนไหวของทวนที่มิอาจจับทางถูก อีกทั้งกระบวนท่าก็ว่องไว ปราดเปรียว เหลือเชื่อนัก เพลงทวนนี้ หักโหมทุ่มเท เกรี้ยวกราดรุนแรง รวจเร็วดุจสายฟ้า กระหน่ำมาราวพายุคลั่ง พลังอาจจะไม่เท่าไร เพราะลมปราณยังไม่กล้าแข็งนัก แต่คนแซ่ตั้งผู้นี้ กวัดแกว่งเพลงทวนได้อย่างช่ำชอง ชำนาญยิ่ง ราวกับเป็นแขนพิเศษของตนเอง ใช้คล่องยิ่งกว่ากระบองในมือของเขาเสียอีก
"อ๊ะ..."
หยางซื่อหลางอุทาน เมื่อเฉินฮ้าวจวงถูกคมทวนทิ่มเฉี่ยวไหล่ขวาไป โลหิตหลั่งเล็กน้อย หากเขาถอยร่นไปตั้งหลักก่อน คงจะพอได้พักหายใจ และมาสู้ใหม่ แต่กระบองสำราญกลับไม่แยแส กระโจนเข้าใส่ ฟาดกระบองสวนออกไปตรงๆ นี่เป็นความผิดพลาดมหันต์ที่ทำให้หยางซื่อหลางตกใจ เพราะการใช้วิธีต่อสู้แบบประชิดของตั้งอิวเหลียง คือจุดดีเป็นเลิศของวิชานี้ จอมยุทธิ์เฉินไม่เข้าใจ นึกว่าอยู่ใกล้จะกวัดแกว่งทวนไม่ถนัด หารู้ไม่ คนแซ่ตั้งสำเร็จกระบวนท่าย่อทวนแล้ว มือหนึ่งรูดด้ามทวนไปด้านหลัง กระชับจับเกือบสุดปลายแหลม แล้วเสือกทิ่มใส่ไหล่ซ้ายของคู่ต่อสู้ที่ถลันเข้ามา บาดแผลหนัก และลึกกว่าหนแรก คราวนี้เลือดไหลนองเต็มพื้น
"รู้ผลแพ้ชนะแล้ว หยุดแต่เพียงนี้!"
ประมุขซุนกล่าวเสียงกังวาน ขวางตั้งอิวเหลียงที่ขยับเท้าเข้าหา หยางซื่อหลางชะงักกึก หันหน้ามองท่านประมุขด้วยสีหน้าตระหนก ใจเต้นแรง
เกือบไปแล้ว! หากไม่ได้ยินเสียงพูดนี้ ตัวเขาคงกระโดดขึ้นเวที ขวางคนแซ่ตั้งแทนแน่ เพราะจากลักษณะการวางเท้าของตั้งอิวเหลียง คนธรรมดาทั่วไปอาจเห็นว่า ก็เป็นการตั้งท่ารับมือตามปกติ หากผู้ฝึกวิชาเพลงทวนเหรินฉีอย่างเขา อ่านออกทะลุปรุโปร่งว่า ตั้งอิวเหลียงผู้นี้ คิดจะใช้ท่าเท้าจูบเมฆา เตะปลายแหลมของทวนที่หักลดต่ำมาอยู่ระดับข้อเท้า ขึ้นเสียบคอหอยฝ่ายตรงข้ามจนดับชีพทั้งยืน! เจ้าคนอำมหิตเจ้าเล่ห์ผู้นี้ จงใจสังหารคู่ต่อสู้แต่แรกแล้ว!
"ขออภัยท่านประมุข แต่การต่อสู้อย่างดุเดือด ยากจะระงับยั้งมือกลางคันได้ ข้าได้ไว้ชีวิตเขาแล้ว ที่เขาบาดเจ็บเพราะอ่อนหัดเอง ขอประมุขซุนโปรดอภัย"
ตั้งอิวเหลียงหันมายกมือคำนับเจ้ายุทธิ์ ก้มหัวอย่างนอบน้อม แต่แววตาแอบสะใจ ซุนไห่ถังยังคงสงบเยือกเย็น แต่เหล่าจอมยุทธิ์ทั้งหลายต่างซุบซิบนินทา บ่นว่าอย่างไม่พอใจ แต่มันก็ทำลอยหน้า ยโสไม่สนผู้ใด หยางซื่อหลางหรี่ตามอง ขมวดคิ้ว คิดอย่างมีโทสะ
"ยั้งมือไว้ไมตรีที่ไหนกัน! เพลงทวนเหี้ยมโหดอยู่แล้ว เจ้ายังแผ่รังสีฆ่าฟัน ลงมืออย่างเกรี้ยวกราดดุร้าย ทุกกระบวนท่าไม่ได้หยุดแค่รู้ผล แต่ต้องการให้บาดเจ็บ ถึงเสียชีวิต คนผู้นี้ใจคออำมหิต และโฉดชั่วยิ่งนัก"
"มิน่าเล่า ถึงกล้าโอ้อวดตัวเองเป็นแนวหน้าของยุทธภพ ฝีมือเพลงทวนระดับนี้ ก็สมควรอยู่ แต่ท่าทียโส โอหัง แถมเหี้ยมโหดปานนี้ ข้าหมิงจูคงต้องขอแอบแช่งแทนล่ะนะ"
สาวใช้มือเอกบอกลอยๆ ประกาศตัวว่ารังเกียจคนแซ่ตั้งเต็มที่ นายน้อยอีกสองคนต่างพากันพยักหน้าเห็นด้วย และมองตั้งอิวเหลียงด้วยแววตาเหยียดหยาม
"ทุกคนคงเห็นแล้วว่า อาวุธของข้าร้ายกาจปานใด และวิชาของข้า มีอานุภาพแค่ไหน เพลงทวนเหรินฉีของข้า ตอนนี้ไร้ผู้ใดหาญต่อกร คนที่จะขึ้นมาประลองต่อไป จึงขอพึงระวังให้มากๆ"
ตั้งอิวเหลียงยังคงประกาศข่มขวัญอย่างเย่อหยิ่ง จองหองต่อไป สร้างความหมั่นไส้ ขุ่นเคือง แก่ทุกผู้คน ชายตัวอ้วนคนหนึ่งกระโดดขึ้นเวที พร้อมดาบใหญ่ในมือ คำนับแล้วร้องเสียงห้าว
"งั้นข้าขอคำชี้แนะ"
ทุกคนต่างลุ้นให้มีผู้ปราบความอหังการของมัน แต่ดาบล่าวิญญาณ แป๊ะฟั่นทง ก็เหลือเพียงแต่ชื่อ เมื่อถูกทวนโลหิต ใช้เพลงทวนเหรินฉีขั้นที่สาม สยบความกล้า เสียบชายโครงจนอาการหนัก ต้องส่งคนมาหามลงไป ตั้งอิวเหลียง ถึงกับแสยะยิ้มลำพอง ยิ่งผยองเป็นการใหญ่
"ข้าบอกแล้วว่า คนระดับไม่ถึง อย่าได้ขึ้นมาท้าทายทวนโลหิตของข้า เพลงทวนเหรินฉี เป็นสุดยอดวิชาอันดับหนึ่งของศาตราวุธปลายแหลม ท่านปรมาจารย์เหรินฉี ผู้ก่อตั้งสำนักทวนเจ็ดดาว เป็นผู้คิดค้นขึ้น ในโลกนี้ ยากจะหาวิชาใดมาสยบได้ จึงนับได้ว่า เป็นเพลงทวนอันดับหนึ่งแห่งยุค และในใต้หล้าเวลานี้ เหนือกว่าเพลงทวนตระกูลหยาง อันดีแต่ฟาดฟันทหารเลวกระจอกอ่อนหัด ตามชายแดนซะอีก!! ดังนั้น จงหัดประมาณตน อย่าได้ขึ้นมาสร้างความอับอายบนเวทีเลย"
คำพูดนี้ ช่างอวดโอ่ถือดีอย่างถึงที่สุด จนเหล่าจอมยุทธิ์ทั้งหลายออกอาการไม่พอใจ ด่าทอขึ้นบ้างแล้ว แต่ก็ยังไม่มีใครกล้าเสนอหน้ามาปราบพยศมัน เพราะเริ่มหวาดหวั่นในความร้ายกาจของเพลงทวน สำหรับพวกชาวยุทธิ์ อาจเป็นแค่การดูถูก ไม่ให้เกียรติเพียงเล็กน้อย แต่สำหรับคนตระกูลหยางแล้ว ประโยคนั้น ถือเป็นการหยามเกียรติ และเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของจวนขุนศึกอย่างใหญ่หลวง!!
นายน้อยทั้งสามถึงกับตกตะลึงพรึงเพริด คนที่เจ็ดร้องออกมาอย่างโมโหสุดขีด
"เพ้ย ห่าเหวอะไรกัน มันบอกว่า เพลงทวนเหรินฉีของมัน เหนือกว่าเพลงทวนตระกูลหยาง"
"แถมยังว่า เพลงทวนตระกูลหยางดีแต่ฟาดฟันทหารอ่อนหัดตามชายแดน"
หยางอู่หลางพูดเสียงเกรี้ยวกราด ใบหน้าแดงก่ำ เขาเพิ่งฉุนขาดสุดๆ เป็นครั้งแรก
"อย่างนี้ไม่ถูกนะ เพลงทวนเหรินฉีเป็นของชาวยุทธิ์ แต่เพลงทวนตระกูลหยางใช้รบศึกในสนาม จะเอามาเปรียบกันได้ยังไง"
แม้แต่สุ่ยหลิงหลงก็พาลร้อนใจไปด้วย เพราะกองทัพตระกูลหยางปกป้องรับใช้ชาติ ถือเป็นวีรบุรุษในใจนาง และชาวซ่งทุกคน ดังนั้น จึงมีชาวยุทธิ์บางส่วน เริ่มส่งเสียงด่าทอไม่พอใจ ที่ตั้งอิวเหลียงพูดจากระทบกระแทกไปถึงขุนศึกตระกูลหยาง อันเป็นเสาหลักรักษาประเทศ
หยางซื่อหลางหน้าเครียด สะกดอารมณ์โกรธเกรี้ยวไว้ภายใน แน่นอนเขาเดือดดาลไม่แพ้น้องชายทั้งสอง แม้จะฝึกวิชาเหรินฉีเหมือนกัน แต่เขาไม่เห็นด้วยกับตั้งอิวเหลียงสักนิด
"จะยังไงก็ช่างเถอะค่ะ แต่คนที่ดูถูกตระกูลหยาง สมควรได้รับการสั่งสอน!"
หมิงจูพูดเสียงเครียด แววตาเข้มขรึมพอกัน พูดจบ ก็ลอยขึ้นเวทีไปอย่างสวยงาม หยางซื่อหลางตะลึงวูบ ร้องก้อง
"หมิงจู จะทำอะไร!"
"ข้าน้อยไม่อาจให้ใครมาลบหลู่ตระกูลหยางได้"
สาวใช้คนเก่งยกมือไพล่หลัง ยืดตัวตรงอย่างห้าวหาญ ตอบเสียงองอาจกลางเวที
"เจ้าลงมา!"
เขากลับตวาดเสียงกร้าว หมิงจูตอบเรียบๆ โดยไม่หันมา
"ไม่เป็นไรค่ะ ข้าเสนอหน้า พร้อมรับผิดชอบเอง"
หยางซื่อหลางสบถอย่างหงุดหงิด ที่เขาร้อนใจ มิใช่เพราะหมิงจูแทรกเรื่องชาวยุทธิ์ ขึ้นเวทีไปก่อกวนหาเรื่อง ผิดกฏของชาวยุทธจักร แต่เพราะ...วิชาฝีมือของนางยามนี้ ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของตั้งอิวเหลียงเด็ดขาด!
"เอาเลย หมิงจู สำแดงให้เห็นฤทธิ์เดชความร้ายกาจของเพลงทวนตระกูลหยางบ้าง เอาให้มันหน้าแหก ตกจากเวทีไปเลย"
หยางฉี่หลางไม่รู้ความ ชูมือร้องเชียร์ สนับสนุนเต็มที่ แต่หยางอู่หลางเห็นด้วยกับพี่สี่
"น้องเจ็ด อย่าทำเป็นเล่นไป ฝีมือมันไม่ใช่ย่อยนะ"
แม้พี่ห้าปราม แต่เขาก็ไม่สน ยังคงเชื่อมั่นในฝีมือของจอมแก่นคู่อริในบ้าน และเพลงทวนตระกูลหยางว่าไม่เป็นสองรองใคร
"เจ้าเป็นใคร ผู้หญิงไม่มีสิทธิ์คัดเลือก ลงไปซะ"
ตั้งอิวเหลียงตวาดลั่น หมิงจูแค่นยิ้มเย็นชาให้มัน จ้องแล้วทำเมินอย่างมิแยแส หันไปยกมือคำนับ ต่อเจ้าภาพ
"คารวะประมุขซุน ข้าน้อย หยางหมิงจู กับนายน้อยทั้งสาม ได้รับคำสั่งจากฮูหยินหยาง เดินทางมาเยี่ยมคำนับ และส่งจดหมายค่ะ"
พูดจบ ก็สะบัดมือออกไป จดหมายลอยพุ่งเข้ามือประมุขซุนที่นั่งอยู่ห่างไกลอย่างแม่นยำ ท่านรับมาเปิดอ่าน ลูบเครา ปรากฏรอยยิ้มยินดี
"หยางฮูหยินไม่สะดวกมา ยังอุตส่าห์ส่งลูกๆ มาร่วมงาน ข้าปลาบปลื้มใจยิ่งนัก"
"ขออภัยที่ข้าน้อยเสียมารยาท ขึ้นมาแทรกการประลอง แต่จอมยุทธิ์ตั้งท่านนี้ ได้พูดจาดูหมิ่นเพลงทวนตระกูลหยางจนเสื่อมเสีย ข้าน้อยมิเห็นด้วย จึงขึ้นเวที มิได้หมายจะมาคัดเลือก แค่อยากจะแสดงเพลงทวนตระกูลหยางให้จอมยุทธิ์ตั้งผู้บูชาเพลงทวนเหรินฉีเป็นนักหนา ได้ดูเป็นบุญตาสักเล็กน้อย เพื่อว่าหูตาจะสว่าง ไม่ลุ่มหลงอยู่ในกะลาครอบอีกต่อไป"
"ฮ่ะ ฮ่ะ เจ้าเป็นใคร ถึงคิดจะมาประลองกับข้า ตระกูลหยางมีแต่ลูกชายเจ็ดคน ใยถึงให้ผู้หญิงอย่างเจ้ามาเป็นตัวแทนประกาศความเกรียงไกรของเพลงทวนตระกูลหยางเล่า"
ตั้งอิวเหลียงเยาะเย้ยถากถาง พลางเหลือบมองนายน้อยทั้งสามที่ยืนอยู่ด้านล่างอย่างเย้ยหยัน หยางฉี่หลาง กับหยางอู่หลางกำหมัดแน่น จ้องถลึง ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน นางกลับเชิดหน้าตอบอย่างเยือกเย็น
"ข้าเป็นเพียงสาวใช้ในจวนเทียนปอ วิชาเพลงทวนตระกูลหยางของข้านั้นอ่อนด้อยที่สุด นายน้อยใจกว้างไม่ถือสาคำยะโสของท่าน เป็นข้าที่แส่หาเรื่องเอง จึงขอรับการชี้แนะจากท่านสักเล็กน้อย"
"อ๋อ ดี งั้นข้าจะแสดงให้เห็นสุดยอดวิชา แต่ข้าไม่รับรองชีวิตเจ้า!"
ตั้งอิวเหลียงพูดเสียงเย็นชา สาดแววตาอำมหิต กระชับทวน ยกขึ้นช้าๆ ซุนไห่ถังยืนขึ้น หยิบทวนบนราวอาวุธ โยนส่งให้ บอกเสียงขรึม
"แม่นางหยาง รับไว้"
นางหมุนตัวมารับ ควงอย่างคล่องแคล่วสวยงาม แล้วพาดเฉียงที่ด้านหลัง พยักหน้า
"ขอบคุณ ท่านประมุข"
"รับมือ!"
คนแซ่ตั้งลงมือก่อน ด้วยการทิ่มทวนเข้าใส่ดุจพายุ เร็วจนดูแทบไม่ทัน ทั้งด้านล่าง ด้านบน ด้านข้าง เหวี่ยงมาจากทุกทิศ ยืดหดตามใจปรารถนา กระบวนท่าสายรุ้งแพรวพราวของมัน มาจากวิชาเหรินฉีขั้นที่สาม หากหมิงจูไม่ตระหนก รับมืออย่างสุขุมเยือกเย็น นางย่อมรู้จักกระบวนท่านี้ เพราะคุณชายสี่เคยแสดงให้ชมมาแล้ว และสอนวิธีรับมือเอาไว้เป็นความรู้ จึงปัดป่าย ต้านรับ ปัดป้องได้ทุกท่า ตั้งอิวเหลียงเปลี่ยนเป็นใช้ท่าสว่านเจาะภูผา หมุนทวนเร็วๆ ราวกับเป็นจุดศูนย์กลางของพายุ แล้วเสือกแทงออกไปตรงๆ นางจึงเปลี่ยนมาใช้วิชาจี้พสุธา บทหนึ่งในเพลงทวนตระกูลหยางขั้นที่สอง เสือกทวนออกไปพร้อมกัน ปลายแหลมของทวนสองด้ามประสานกันดัง เคร้ง แล้วทวนโลหิตของตั้งอิวเหลียง เป็นฝ่ายเสียศูนย์ เบนเฉียงหลุดไปด้านข้าง จนตัวเขาเสียหลักเกือบล้มคะมำ นางรุกต่อด้วยกระบวนท่าจู่โจมต่อเนื่อง ด้วยวิชางัดหินขึ้นฟ้า ตวัดปลายทวนลงพื้น งัดทวนที่กำลังเสียสมดุลของตั้งอิวเหลียงขึ้นมา เกร็งลมปราณกระแทกรุนแรง คนแซ่ตั้งผงะ ทวนแทบหลุดจากมือ ดีแต่ว่าหมุนตัวหลบทัน ชักทวนกลับมาเสียก่อน กลายเป็นต้องถอยหลังไปสามก้าว
"โอ้โห ดูท่วงท่าแล้ว สาวใช้ของท่านไม่เบาเลยนะเนี่ย ตอนสู้กันในจวน ข้าก็รู้สึกแล้วว่านางน่ะเก่ง นึกไม่ถึงว่าจะใช้เพลงทวนคล่องขนาดนี้"
สุ่ยหลิงหลงกระซิบร่าเริง รู้สึกว่าพอมีความหวังจะปราบพยศเจ้าคนอำมหิตแล้ว แต่หยางซื่อหลางไม่ตอบ ไม่มองหน้า ราวกับไม่ได้ยิน สายตาของเขา จดจ่ออยู่กับท่าร่างของหมิงจู และการเคลื่อนไหวของทวน จ้องนิ่งราวกับถูกมนต์สะกด ใบหน้าเรียบเกร็ง ดวงตาสาดประกายจรัสจ้าอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน! เป็นแววตาที่มีทั้งความตั้งใจ และพิศวงฉงนฉงายอยู่ในนั้น สุ่ยหลิงหลงสังเกตเห็น ต้องขมวดคิ้วอย่างฉงน
...อะไรกัน เพลงทวนของตัวเองแท้ๆ จ้องตะลึง ยังกะไม่เคยพบเคยเห็น!...
"หมิงจูสู้เขา หมิงจูสู้ๆ"
หยางฉี่หลางร้องเชียร์อย่างเมามัน ตั้งอิวเหลียงใช้ไปสิบกระบวนท่า ยังมิอาจสยบนางลงได้ ถึงกับถอยมาตั้งหลักก่อน แววตากลอกกลิ้งมองนางขึ้นๆ ลงๆ ราวกับจะประเมินใหม่ แสยะยิ้มแค่นเสียงเย็นชา
"เฮอะ คนตระกูลหยาง ที่แท้ก็เก่งไม่เบา น่าเลื่อมใสจริงๆ"
"ที่เก่ง หาใช่คนไม่ แต่เป็นวิชาเพลงทวนตระกูลหยางต่างหาก"
"ดี งั้นข้าขอคำชี้แนะขั้นต่อไป!"
ตั้งอิวเหลียงนึกว่าจะจัดการสาวน้อยอ้อนแอ้น ผู้ดูอ่อนแอราวกับแค่ลมพัดก็ปลิว ด้วยเพลงทวนเหรินฉีขั้นที่สามได้ เพิ่งรู้ว่านางคนนี้ตึงมือยิ่งนัก พลังลมปราณอาจด้อยกว่า แต่ใช้ทวนได้คล่องแคล่ว แม่นยำ และมีท่วงท่าปราดเปรียว ว่องไวสุดยอด อีกทั้งไหวพริบ และการแก้ไขสถานการณ์ยังเข้าขั้นยอดเยี่ยมอีกด้วย
เมื่อมันเปลี่ยนมาใช้เพลงทวนเหรินฉีขั้นที่สี่ หยางหมิงจูก็รู้ว่าถึงเวลาเอาจริงแล้ว จำต้องงัดเพลงทวนตระกูลหยางขั้นที่สาม ระดับสูงสุดของนางออกมาใช้...
เหล่าจอมยุทธิ์ส่งเสียงฮือฮา ต่างร้องเชียร์เอาใจช่วยนาง ที่เป็นคนตระกูลหยาง เมื่อยกระดับ เพลงทวนของทั้งสองคล้ายเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ เพลงทวนเหรินฉีนั้นเหี้ยมโหด รุนแรง และเกรี้ยวกราดหนักยิ่งขึ้น แต่เพลงทวนตระกูลหยางกลับอ่อนโยน พริ้วไหว เยือกเย็น และเนิบช้า โอนอ่อนนุ่มนวลราวสายน้ำไหล แต่แฝงความมั่นคง แข็งกร้าวอยู่ภายใน กลายเป็นพลังสองขั้วที่แตกต่างกันอย่างที่สุด โคจรมาปะทะกัน
"สุดยอด เพลงทวนตระกูลหยางร้ายกาจสมคำร่ำลือจริงๆ..."
"แม่นางหยาง ท่านต้องชนะแน่..."
"สยบเพลงทวนเหรินฉีของมันเลย..."
เสียงตะโกนโห่ร้อง ยิ่งนานยิ่งดัง กลายเป็นการแข่งขันที่ตื่นเต้น เร้าใจ คึกคักที่สุดของวันนี้ ประมุขซุนไห่ถังลูบเครา นั่งชมอยู่อย่างใจเย็น แต่สายตาคมกริบคอยระแวดระวังอยู่เสมอ
"นี่ สาวใช้ของท่านเก่งออกอย่างนี้ ตั้งอิวเหลียงต้องพ่ายแพ้เป็นครั้งแรกในชีวิต"
สุ่ยหลิงหลงร้องอย่างปลาบปลื้มยินดี หากหยางซื่อหลางกลับไม่เห็นเช่นนั้น...
จริงอยู่ เพลงทวนของหมิงจูสวยงาม และไหลลื่นดุจกำลังร่ายรำกระบี่อันอ่อนพริ้ว ลีลาและกระบวนท่าเต็มไปด้วยธาตุหยิน คือ ใช้ความนิ่งสงบความเคลื่อนไหว ใช้ความอ่อนโยนระงับความแข็งกร้าว ใช้ความเยือกเย็นสยบความฮึกเหิม นางสมบูรณ์แบบในพลังด้านอ่อนนุ่ม แต่เพลงทวนตระกูลหยาง กอปรด้วยแข็ง และอ่อนผสานกัน ต้องผสมกลมกลืนรวมเป็นหนึ่ง บางจังหวะต้องแข็ง บางจังหวะต้องอ่อน รุกรับตามสถานการณ์ จังหวะ และอารมณ์ของอาวุธคู่ต่อสู้เป็นหลัก จึงจะเปล่งอานุภาพมาก หากขาดส่วนใดส่วนหนึ่งไป จะกลายเป็นจุดอ่อน อาจไม่ถือสาสำหรับศัตรูที่มีฝีมืออ่อนด้อย แต่หากประลองกับคนที่มีวิชาธาตุหยินแข็งแกร่งเกินไป เช่น ผู้ฝึกเพลงทวนเหรินฉีขั้นสูง ก็อาจตกเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำพ่ายแพ้ได้ แม้อยู่ระดับขั้นสูงกว่าก็ตาม
เพลงทวนเหรินฉีขั้นที่สี่ของตั้งอิวเหลียง ในการสังเกตของเขา ยังไม่สมบูรณ์แบบ แต่เพลงทวนตระกูลหยางขั้นที่สามของหมิงจู ก็ยังมีจุดบกพร่อง นอกจากระดับขั้นวิชา นางจะด้อยกว่าเขาชั้นหนึ่งแล้ว ยังอ่อนพลังแข็งกร้าว จึงไม่น่าแปลกใจ เมื่อผ่านไปสิบกว่ากระบวนท่า หมิงจูจะตกเป็นฝ่ายตั้งรับ และถอยร่นอยู่ฝ่ายเดียว
ตั้งอิวเหลียง ไม่เคยประลองกับวิชาเพลงทวนตระกูลหยาง ตอนแรกยังกริ่งเกรงนางอยู่สามส่วน แต่ยามนี้ พอดูออกแล้วว่า ระดับของนางไม่สูงส่งนัก จึงได้ทีรุกไล่เพื่อเผด็จศึกโดยเร็ว การจู่โจมของมัน เริ่มเรียกเสียงร้องหวาดเสียวจากผู้คน เพราะปลายทวนอันแหลมคม เดี๋ยวเฉี่ยวซ้าย เฉี่ยวขวา ปาดหน้า แทงหลัง ใกล้ถึงเนื้อตัวเข้าไปเรื่อยๆ ซุนไห่ถังจ้องตาไม่กะพริบ เขารู้ดีว่า คนแซ่ตั้งไม่ไว้ไมตรีนางแน่ จึงไม่ปล่อยให้คลาดสายตา หวังจะช่วยอารักขาสาวใช้บ้านตระกูลหยางไม่ให้หลั่งเลือด และพอหมิงจูเสียหลัก เซถลาไปด้านหลังเกือบตกขอบเวที เปิดโอกาสอันดีให้มันแล้ว!
ประมุขซุนก็งอนิ้วที่มีก้อนหินเล็กๆ อยู่ หวังจะพุ่งลมปราณแข็งแกร่งไปดีดปลายทวนให้เบี่ยงทิศ เบนห่างไป เสียงหวีดร้องของสุ่ยหลิงหลง พร้อมกันการชะงักค้างของท่าน ร่างหนึ่งกระโดดวูบขึ้นมาบนเวที ปลายเท้าง้างมา จะเตะทวนของมันเฉียงไป คนเจ้าเล่ห์ตั้งอิวเหลียง เดาออกอยู่แล้วว่าพวกของนางต้องขึ้นมาช่วย ท่าเมื่อครู่จึงเป็นแค่กับดักเท่านั้น!
ขณะจ่อทวน แสร้งทำท่าจะเสียบหมิงจู ก็สะบัดเปลี่ยนทิศกลางอากาศ หันมาจ่อใส่ระดับหน้าอกผู้มาแทรกแทน พร้อมโถมเข้าใส่ ยืดตัว ยืดแขนพุ่งออกไปให้สุด เพื่อเพิ่มความหนักหน่วงรุนแรง และเร็วยิ่งขึ้น
เป็นการแน่ชัดว่า คนที่ทะลึ่งลอยค้างอยู่กลางอากาศเวลานี้ หากพลิกตัวหลบ ก็จะเสียสมดุลหลุดออกนอกเวทีไป แต่หากไม่หลบ ก็จะต้องถูกทวนเสียบอกอย่างไม่ต้องสงสัย!!
เสียงร้องอย่างตระหนก ดังหลุดจากปากสุ่ยหลิงหลง พร้อมๆ กับอาการตัวแข็ง ตกตะลึงของหยางฉี่หลาง และหยางอู่หลาง หมิงจูยืนอ้าปากค้าง ซุนไห่ถังเบิกตากว้าง...
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น