ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : อสุรกายบุกโลก
ณ ซุปเปอร์มาเก็ต เมือง X
"พี่ฮะ พี่ฮีโร่ ขอถ่ายรูปหน่อยได้ไหมฮะ"
เด็กชายตัวน้อยๆ สามสี่คน มารุมล้อมตัวเขา เมื่อก้าวข้ามประตูมา ณัฎฐ์ยิ้มสดใส รับโทรศัพท์มือถือของน้องๆ มาเซลฟี่ด้วยความอบอุ่น ร่าเริง สร้างความประทับใจแก่ผู้ใหญ่หลายคนในที่นั้น ด้วยรู้จักคุ้นเคยกันดี
"ขยันจังนะ มาซื้อกับข้าวให้พี่สาวอีกแล้ว" แคชเชียร์สาวทักทาย
"เปล่าฮะ อาหารหมาหมดพอดี" ณัฎฐ์ตอบ แล้วเดินหิ้วตะกร้าเข้าข้างในไป
เมือง X นับเป็นศูนย์รวมความเจริญของโลกในศตวรรษนี้ เป็นเมืองใหญ่ที่มีผู้คนอาศัยอยู่อย่างหนาแน่น มีเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม ก้าวหน้า วิทยาศาสตร์ล้ำสมัย ความไฮเทคทางเทคโนโลยี และความแข็งแกร่งของกองกำลังทหาร เปรียบประดุจป้อมปราการที่มีระบบรักษาความปลอดภัยสูงสุด
แน่นอนว่า นักเรียนโรงเรียนพันธุ์ X คือความภาคภูมิใจของชาวเมืองนี้ มนุษย์กลายพันธุ์กำเนิดขึ้นเป็นครั้งแรกที่นี่ ตลอดยี่สิบกว่าปีที่ผ่าน พวกเขามียอดมนุษย์ ที่ขึ้นทำเนียบ "ซุปเปอร์ฮีโร่" มาแล้วมากมาย ทว่า โศกนาฏกรรมน่าเศร้าเมื่อเจ็ดปีก่อน คร่าชีวิตพวกเขาเหล่านั้นไปอย่างไม่มีวันกลับ การสละชีพปกป้องโลกจากมนุษย์ต่างดาว เป็นสงครามครั้งยิ่งใหญ่ สะเทือนปฐพี สร้างความสูญเสียทุกหย่อมหญ้า เหล่าซุปเปอร์ฮีโร่ล้มตายมากมาย และหลายคนนั้นเป็นชาวเมืองนี้ ทีมอินทรีดำเจเนอเรชันล่าสุดแห่งโรงเรียนพันธุ์ x ทั้ง 6 คน จึงถือเป็นความหวังใหม่ทั้งในศึกมิวแทนด์เกม (แข่งขันเพื่อเป็นทีมอันดับหนึ่งของโลก) และภารกิจกอบกู้โลก (ยามเกิดภัยคุกคาม)
"ช่วยด้วย...ช่วยด้วย...ช่วยด้วย..."
ยามเช้าอันสงบสุขยุติลง หลายชีวิตที่เดินจับจ่ายสินค้าอยู่ในห้าง ได้ยินเสียงสัญญาณไซเรนดังขึ้นพร้อมกัน ก่อนจะมีรถตำรวจ กับ รถพยาบาล สามคัน เรียงแถวมุ่งหน้าไปยังถนนฝั่งซ้าย และเวลานั้นเอง ชายคนหนึ่งผลักประตูเข้ามา ในสภาพโชกเลือด ล้มลุกคลุกคลานกับพื้น ร้องขอความช่วยเหลือ
"ช่วยด้วย... ข... ข้างนอกนั่น..." ชายกลางคนท่าทางแตกตื่นจนลิ้นพันกัน
"เกิดอะไรขึ้น?" ชายสองคนช่วยพยุงร่างเขาขึ้น ทั้งใบหน้าและเสื้อผ้าเปื้อนเลือด แต่ร่างกายไม่มีบาดแผล แปลว่า เป็นเลือกของคนอื่น
"ม...มีอะไรไม่รู้ ย...อยู่ในหมอก... มีคนถูกฆ่า...ค...คนตายเกลื่อนถนนเลย"
เสียงอุทานอย่างตกใจดังระงม ตอนนี้ ผู้คนในห้าง ทั้งแคชเชียร์ และลูกค้า ต่างหยุดเคลื่อนไหว หันมองชายคนนั้นเป็นตาเดียว ก่อนจะค่อยๆ เลื่อนไปมองยังบานกระจกของห้าง มีคนวิ่งหนีหมอกควันสีเทาปนขาวประหลาด ซึ่งกำลังเคลื่อนตัวช้าๆ เข้ามาปกคลุมถนน และหน้าห้าง เพียงแค่อึดใจเดียว ทัศนียภาพด้านนอก ทั้งคน ถนน รถยนต์ และตึกรามบ้านช่อง หายไปหมด เหลือเพียงความขาวโพลนอันน่าพิศวง และเสียงหวอที่ดังกังวาน
"อ...อะไร? อะไรอยู่ข้างนอก?" ชายที่ยืนชิดประตูสุด หันหน้าอันแตกตื่นมาถามชายโชกเลือด
"...ม...ไม่รู้ ฉันไม่รู้ ฉันไม่เห็นตัวมัน ได้ยินแต่เสียง..." หมอนั่นยืนตัวสั่น
"ล...ลูกฉันอยู่บนรถ..." หญิงคนหนึ่งร้องตกใจ สืบเท้ามาหน้าประตู
"อย่าครับ...!" ณัฎฐ์วาร์ปมาสกัดขวางหน้าไว้ "สถานการณ์ไม่ปกติ ขอทุกคนรออยู่ที่นี่ก่อนนะครับ"
กฎหมายใหม่มอบสิทธิ์ให้มิวแทนด์ทีมของทุกเมือง มีอำนาจสั่งการชาวเมืองในกรณีเกิดเหตุคับขัน พร้อมประสานงานกับ "เนปจูน" (กองกำลังรักษาเมือง) ในการให้ความช่วยเหลือ ในฐานะหัวหน้าทีมอินทรีดำ เขาจึงต้องออกโรง
"โปรดอยู่ในความสงบ ช่วยกันปิดประตูกระจกทุกบานให้แน่นหนา อย่าให้หมอกเล็ดลอดเข้ามาได้" เสียงทรงอำนาจดังขึ้น ณัฎฐ์หันไป "กฤษณ์..."
เพื่อนรักก็อยู่ที่นี่กับเขาด้วย ณัฎฐ์รู้สึกดีใจ ที่มีเพื่อนคอยปรึกษา เหล่าพนักงานกระวีกระวาดไปปิดกั้นทุกช่องทาง ไม่ให้หมอกปริศนาล่วงล้ำเข้ามา
"ปัง... ปัง... ปัง... ปัง... ปัง...!!"
เสียงปืนดังประสานขึ้นหลายนัด บ่งบอกว่ามีการปะทะกันที่ด้านนอกแล้ว แน่นอนว่าพวกเขาเป็นแค่ตำรวจธรรมดา เพราะสถานการณ์ฉุกเฉิน ต้องระดมพลมาสกัดยับยั้งไว้ก่อน ผู้คนในห้างก้าวถอยหลังตามสัญชาตญาณ
กฤษณ์ก้าวมายืนเคียงข้างณัฎฐ์ กอดอก เอนพิงกระจก เพ่งมองออกไป
"ไม่สัตว์ประหลาด ก็สารพิษชีวภาพ แวมไพร์ กับ มนุษย์หมาป่า ไม่มาอย่างนี้ รอดูเนปจูนก่อน"
"อืมม..." ณัฎฐ์พยักหน้า ก่อนหันมาบอกกับชาวเมืองที่ติดอยู่ในห้าง "ทุกคนไม่ต้องตกใจนะครับ โปรดรออยู่ที่นี่ หน่วยเนปควบคุมสถานการณ์ได้แน่"
"แต่ลูกฉันอยู่บนรถ แกเพิ่งสองขวบ ฉันคิดว่าจะมาซื้อของแป๊บเดียว... ไม่ได้... ฉัน...ฉันต้องกลับไป" คนเป็นแม่รุ่มร้อนด้วยใจห่วงลูก
"คุณนาย อย่าไปเลย ข้างนอกอันตรายมากนะ คนถูกทำร้ายเต็มไปหมด" คนตัวโชกเลือดเตือน เขากำลังใช้ผ้าเช็ดหน้าที่แคชเชียร์ยื่นให้ เช็ดเลือดแดงฉานบนใบหน้า อีกหลายคนช่วยกันห้ามปรามมาอย่างเป็นห่วง
"ฉันทิ้งลูกไม่ได้!" หัวอกความเป็นแม่ ทำทุกคนสะอึก
"เดี๋ยวก่อนครับ ลูกคุณอยู่คันไหน ผมไปพามาเอง"
"ณัฎฐ์ ต่อให้นายเร็วแค่ไหน แต่มองทะลุอากาศไม่ได้ ออกไปก็เหมือนคนตาบอด" กฤษณ์เตือนอย่างรอบคอบ
"นั่นสิ อย่าออกไปเลย รอหน่วยเนปเถอะ พวกเธอเป็นซุปเปอร์ฮีโร่ก็จริง แต่ยังเด็ก และขาดประสบการณ์" ผู้จัดการห้างช่วยพูด
"ฟังสิ เสียงปืนเงียบไปแล้ว ไม่ใช่ข่าวดีแน่ พวกตำรวจคงเสร็จ หน่วยเนปก็ยังมาไม่ถึง ถ้าข้างนอกเป็นอสูรร้าย เด็กรอไม่ไหวนะ" ณัฎฐ์บอกเฉียบขาด
"โปรดช่วยลูกฉันด้วย ได้โปรด... แกอยู่เบาะหน้า เบนซ์สีขาว หน้าปั๊มน้ำมันร้าง ฝั่งตรงข้ามนี้เอง" หญิงสาวจับแขนณัฎฐ์อ้อนวอนทั้งน้ำตา ยื่นกุญแจรถให้ เขาคว้าหมับ
"วิ๊ดดดดดดดดด.......!!"
ทุกคนสะดุ้งเฮือก ผงะไปข้างหลัง ด้วยเสียงหวีดร้องโหยหวนชวนขนลุก กังวานมาจากข้างนอก คล้ายกับเสียงอสุรกายในโรงภาพยนตร์
"เสียงนั้น... ใช่เลย... สัตว์ประหลาด... มันยังไม่ตาย" ผู้รอดชีวิตพึมพำ
"...ตุบ...ตุบ..." อีกาดำสองตัวปลิวมากระแทกกระจกอย่างแรง เลือดสาดกระเซ็น หญิงสาวสองคนที่อยู่ใกล้กรีดร้อง ถอยกรูดออกมา ก่อนที่ซากนกสองตัวนั้นจะร่วงตกบนพื้น "...โครมมมมม..." มีเสียงพังทลายของรถยนต์ตามมา แปลว่ามันเริ่มออกอาละวาดแล้ว อาละวาด...ในม่านหมอกที่หนาทึบ...
"กำจัดหมอกได้ไหม?" ณัฎฐ์หันมาถามเพื่อนอย่างรวดเร็ว ในเวลานี้ เขาคิดถึงจิณณ์ พลังหายตัวคงสะดวกกว่าเยอะ ในสถานการณ์ที่มองอะไรไม่เห็น แต่ยามนี้ เพื่อนอีกสี่คนของเขาไม่อยู่ จำต้องแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเอาเอง
"ถ้าเป็นสารที่ออกมาจากตัวเจ้านั่น ไม่ใช่หมอกตามธรรมชาติ คิดว่าพอไหว" กฤษณ์ตอบอย่างสุขุม อย่างน้อยณัฎฐ์ก็ดีใจ ที่มีผู้ช่วยสุดเก่งอย่างเขา
"พวกเธอสองคน ระวังตัวด้วย" ผู้จัดการห้างพูด เพื่อนรักสบตากัน พยักหน้านิดหนึ่ง ไม่ต้องติวแผน แค่มองตาก็รู้ใจ เพราะประสบการณ์โชกโชนในด่านทดสอบ (เข้าโรงเรียนตั้งแต่สิบขวบ) จึงอ่านสถานการณ์ได้ปรุโปร่ง
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น