คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : อินทราณี แคมป์เบลล์
-2-
ซิดนีย์
ประเทศออสเตรเลีย...
อุณหภูมิที่เย็นเยือกสิบกว่าองศานั้น
ทำเอาร่างอวบอิ่มของหญิงสาวไหวสะท้าน ยามเมื่อลมหนาวพัดโชยมาทางระเบียงห้อง
จุดที่หล่อนยืนกอดอก ห่อไหล่อยู่ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนคู่งามเหม่อมองนกน้อยที่บินโฉบไปมาบนท้องฟ้าอย่างอิสรเสรี
ด้วยความเหงาจับใจ หล่อนกระชับผ้าคลุมไหล่สีชมพูอ่อนขอบทองเลื่อนมาปิดช่วงคอให้มิดชิดยิ่งขึ้น
เมื่อลมหนาวของซิดนีย์แวะมาทักทายอีกระลอก
“ทำไมหนาวอย่างนี้นะ...”
พึมพำออกมาเบาๆ
หากรู้ดีว่าความหนาวกายนั้น เทียบมิได้กับความหนาวใจ ที่ก่อตัวเพิ่มขึ้นทุกขณะ ยามเมื่อคิดถึงเขา...
ร่างงดงามในชุดเดรสนิตติ้งสีส้มนั้น
เตะตาชายหนุ่มสามคนที่เดินผ่านไปมาบนถนนในซอยด้านล่าง พวกเขาหยุดเดิน แหงนหน้าขึ้นมองจ้องหล่อนแบบตรงๆ
แววตาเจ้าชู้ของหนุ่มออสซี่โลมเลียไปทั่วเรือนร่างหญิงสาว ด้วยความทึ่ง
และประทับใจ คนหนึ่งผิวปากจีบ คนหนึ่งส่งยิ้มหวานให้
อีกคนถึงกับร้องตะโกนเป็นภาษาอังกฤษใส่หน้าหล่อน ซึ่งแปลได้ว่า
“คนสวย...ไปเดทกันไหม?”
หญิงสาวเชิดหน้านิดหนึ่งอย่างไว้ตัว
เย็นชา ก่อนจะหมุนตัวกลับ เลื่อนประตูกระจกแบบฝ้า เปิดเข้าไปในห้องทันที ถอนใจอย่างเบื่อหน่าย
ขณะนั่งลงบนโซฟายาวตัวเหลือง พร้อมกับเสียงออดที่ดังขึ้นมาแทบจะทันที!
“เอ๊ะ! คิดจะลองดีรึไงกัน”
หล่อนร้อง
คิดว่าพวกผู้ชายกลุ่มเมื่อครู่นี้มาก่อกวน ผุดลุกขึ้นยืนทันที แม้ในบ้านตอนนี้
มีหล่อนอยู่เพียงลำพัง บิดาออกไปทำงานแล้ว แต่ก็ไม่เคยนึกเกรงกลัวใคร ตามประสาคนจิตใจนักเลง
หญิงสาวลงบันไดมาชั้นล่าง ด้วยอารมณ์กรุ่นๆ กะจะอาลวาทใส่ให้เต็มที่ หล่อนแนบตาซ้ายลงกับรูเล็กๆ
ที่กึ่งกลางประตู มองออกไป...
ผู้ชายคนหนึ่งยืนหันหลังให้
เขาอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดตา
คลุมทับด้วยเสื้อคลุมขนสัตว์แขนยาวแบบมีหมวกสีน้ำตาลเข้ม สวมกางเกงยีนผ้าเรียบสีฟ้าคราม
รูปร่างสูงโปร่ง แม้มองจากด้านหลัง ยังเห็นได้ชัดว่ามีสัดส่วนเรือนร่างที่สมชายชาตรีอย่างยิ่ง
เขายืนมือไพล่หลังในท่าสบาย
เหม่อมองทัศนียภาพเบื้องนอก ในซอยเล็กๆ นี้ มีบ้านสองชั้นทรงยุโรปคล้ายๆ กัน เรียงติดกันเป็นแนว
ถัดมาคือถนนสองเลนที่ว่างโล่ง หมอกขาวลงหนาเพราะอุณหภูมิลดต่ำ เขายืดอก สูดอากาศบริสุทธิ์ยามเช้าเข้าเต็มปอด
ไม่ได้รู้สึกตัวว่า หญิงสาวด้านหลังที่ยืนตกตะลึงไปชั่วครู่นั้น
กำลังไขโซ่ที่คล้องประตูออกด้วยมืออันสั่น และหัวใจเต้นแรง
เมื่อเขาหันมา
หญิงสาวก็ปรากฏตัวที่หน้าบ้าน ทั้งสองยืนสบตากันนิ่ง ก่อนที่ชายหนุ่มจะส่งยิ้ม
และทักทายเสียงนุ่ม
“อรุณสวัสดิ์ครับ แองจี้ ผมคงไม่ได้มาขัดจังหวะมื้อเช้าของคุณนะ”
แทนคำตอบ
หล่อนถลาเข้าไปกอดเขาอย่างรวดเร็ว และหนักหน่วง
จนร่างชายหนุ่มเซไปข้างหลังครึ่งก้าว เพราะไม่ทันตั้งตัว สองแขนโอบกระหวัดรัดรอบคอ
ใบหน้าซบนิ่งบนบ่า สูดดมกลิ่นกายเขาราวกับโหยหามานาน
ทรวงอกอวบอิ่มเบียดชิดกับทรวงอกกว้างแนบแน่น ช่วงขาเรียวงามเบียดสนิทแนบกับต้นขาของเขาราวกับจะแทรกเข้าไปเป็นเนื้อเดียวกัน
ตามฟ้ากอดตอบ
รัดแน่นหนึ่งทีให้สาสมกับความคิดถึง ก่อนจะคลายออกนิดหนึ่ง
ใช้มือขวาโอบเอวหล่อนไว้
มือซ้ายลูบเส้นผมสีน้ำตาลอ่อนนุ่มที่สยายยาวเคลียแผ่นหลังนั้นอย่างสุดแสนอ่อนโยน
“ฟ้าขา...แองจี้คิดถึงคุณเหลือเกิน...คิดถึงคุณมากเลย รู้ไหมคะ”
อินทราณีพร่ำเสียงสั่น
สุขใจราวกับความฝัน เต็มไปด้วยความสุขท่วมท้น
เมื่อเห็นเขาปรากฏตัวต่อหน้าหล่อนยามนี้
“ผมก็คิดถึงคุณ แองจี้ ที่ผ่านมาคุณสบายดีหรือ?
รู้ไหมว่าผม...”
คำพูดถูกกลืนหายไป
เมื่อริมฝีปากนุ่มสีแสดเป็นมันวาวประทับหนักหน่วงบนริมฝีปากบาง เป็นการปิดปากเสีย...
ตามฟ้าหลับตา
จูบสนองด้วยสัมผัสอันนุ่มนวล อ่อนหวาน มือที่ลูบผมสวยเลื่อนลงมาลูบแผ่นหลังอ่อนโยน
เคลื่อนไหวใบหน้าไปตามจังหวะที่คุ้นเคย
ปล่อยตัวปล่อยใจให้ดื่มด่ำเคลิบเคลิ้มไปกับรสจูบของกันและกันอย่างเต็มที่
อุณหภูมิภายนอกจะหนาวเย็นสักเพียงใด...แต่อุณหภูมิร่างกายของทั้งสองเริ่มจะอุ่นขึ้นทีละน้อยแล้ว!
นานเท่าใดไม่ทราบ
ตามฟ้าเป็นฝ่ายถอนริมฝีปากออก อินทราณียังไม่ยอมลืมตา ตามฟ้าจึงจุมพิตหน้าผากแผ่วเบา
“หายคิดถึงผมหรือยัง?”
เขาถามเย้าๆ
ขยิบตาล้อ หญิงสาวลืมตา ใบหน้าแดงปลั่ง สั่นศีรษะเบาๆ ก่อนเอาจมูกมาชนกัน
ลมหายใจของเขาร้อนอุ่นๆ ไม่ต่างจากหล่อน
“ยังค่ะ ต้องมากกว่านี้อีก!”
กระซิบหยอก
พร้อมดวงตาเป็นประกายวาวเหมือนจะท้า ทำให้ตามฟ้ากลืนน้ำลายลงคอ ยืนอึ้งไปชั่วขณะ
ก่อนที่หล่อนจะหลุดหัวเราะน้อยๆ จูบรวดเร็วที่ริมฝีปากเขาอีกหน ตามฟ้าได้แต่ยืนทำตาปริบๆ
พร้อมถอนหายใจ
สิบนาทีต่อมา
เขาก็มายืนอยู่ในห้องรับแขกชั้นล่างของบ้านอินทราณี มองสำรวจห้องเล็กๆ สีฟ้าอ่อน
ประดับประดาด้วยเฟอร์นิเจอร์โทนสีฟ้าขาว ตกแต่งอย่างเป็นระเบียบน่ารัก
สดใสสมวัยเจ้าของบ้านด้วยความทึ่ง
“คุณจัดบ้านใหม่หรือ แองจี้?
ผมจำได้ว่าตอนมาครั้งที่แล้ว ชุดโต๊ะรับแขกนี้อยู่ตรงริมหน้าต่างนี่นา
แล้วต้นเยอบีร่าสองต้นนี้ก็ไม่เคยเห็นด้วย”
หญิงสาวเดินถือถ้วยกาแฟออกมาจากคอกบาร์เล็กๆ
ภายในห้องรับแขกนั้น ยื่นส่งให้เขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ฟ้าความจำดีมากค่ะ ตั้งสี่เดือนแล้วที่คุณจากไป ยังจำองค์ประกอบภายในบ้านแองจี้ได้ด้วย
แล้วสวยไหมล่ะคะ? แองจี้ดีไซน์เองเลยนะ
แล้วก็ช่วยกันสองคนกับจินนี่ ลงมือจัดการทุกอย่างเลย”
“สวยดีครับ น่ารักดี ดูน่าอยู่มากขึ้นเลยนะ”
“งั้นก็อยู่นานๆ สิคะ...”
น้ำเสียงเว้าวอนนั้น
ทำเอาตามฟ้าหันไปมอง อินทราณีทอดสายตาอ่อนหวาน สื่อประกายแห่งความรัก...คิดถึง...จับหัวใจ
ชายหนุ่มจึงโอบหล่อนเข้ามากอดประเล้าประโลม
“เที่ยวนี้ ผมจะอยู่กับคุณครึ่งเดือนเต็มๆ เลยดีไหม?”
ถามมาแบบเอาใจ
อินทราณีส่ายหน้าบนบ่าของเขา งึมงำว่า
“ไม่พอ...อยู่เดือนนึง”
ตามฟ้าหัวเราะน้อยๆ
ลูบแผ่นหลังหล่อนอย่างอ่อนโยน
“เอาเถิด! ให้เพิ่มเป็นยี่สิบวันเลย พอใจไหมครับ
คุณสาวน้อยแสนสวย”
คำตอบนั้น
ทำเอาหญิงสาวยิ้มเริงร่าออกมาได้ ตอบแทนความน่ารักของเขา ด้วยการใช้จมูกชนแก้มเขาเบาๆ
แล้ววาดวงแขนโอบรอบคอ ยื่นริมฝีปากสีสวยนั้นมาแตะริมฝีปากเขาแผ่วๆ ชายหนุ่มไม่ได้จูบตอบ
แต่กะพริบตาปริบๆ จ้องมองหล่อน
“คุณสวยขึ้นนะ แองจี้”
ตามฟ้าพึมพำคล้ายละเมอ
และมันก็คือเรื่องจริง...
หญิงสาวตรงหน้า
มีดวงหน้ารูปไข่ ใบหน้าหวาน ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนบ่งบอกสัญชาติว่า เป็นลูกครึ่งไทย - ออสเตรเลีย
แก้มอิ่มงามเปล่งปลั่ง จมูกโด่งรับกับใบหน้า ริมฝีปากอวบอิ่มเย้ายวนมีริ้วรอยบางๆ
เคลือบสีแสดอ่อนเป็นมัน แวววาวด้วยสีชมพูตามธรรมชาติ ฟันซี่เล็กๆ
เรียบขาวเรียงสวยราวกับสร้อยไข่มุก
ปล่อยผมเส้นเล็กนุ่มสวยสีน้ำตาลอ่อนเคลียสยายทั่วแผ่นหลัง ลำคอระหง
ส่วนหน้าอกอวบอิ่มแน่นไปด้วยไขมันนุ่มๆ ตะโพกกลมกลึงเย้ายวน เรียวขาอวบนิดๆ
แต่ไม่อ้วน ขาวผุดผ่องเป็นยองใย ผิวพรรณทั่วร่างกายละเอียดอ่อนนวลเนียน
เป็นสีขาวอมชมพู แสดงถึงสุขภาพผิวที่ดีมาก รูปร่างของหล่อนไม่ถึงกับสูงโปร่ง งามระหงเหมือนหุ่นนางแบบ
แต่มีความเซ็กซี่น้อยๆ เย้ายวนใจ ยิ่งได้กลิ่นหอมหวานของดอกกุหลาบผสมมัคส์และซีดาร์วู้ดโชยเบาบางจากตัวหล่อน
ยิ่งทำให้รู้สึกเคลิบเคลิ้มโรแมนติกชวนหลงใหล
ส่วนสัดทุกส่วนของหญิงสาวล้วนท้าทายนัยน์ตาชายได้ดีเยี่ยม
เป็นความจริงที่ว่า...เรือนร่างของอินทราณีนั้นกอปรด้วยเสน่ห์แห่งเพศสูงมาก
ความงามของหล่อนทำให้เขาหวนนึกถึงความงามของผู้หญิงอีกคนที่เพิ่งพานพบมา
หญิงสาวเจ้าของร้าน
“พิงค์ จิวเวลรี่” สาวลูกครึ่งไทย - รัสเซีย คนนั้น
แวบเข้ามาในมโนภาพ... ผู้หญิงซึ่งมีความสวยเฉียบขาด งดงามไร้คำบรรยายใดๆ
หากเปรียบความงามของอินทราณีเหมือนนางฟ้าบนสวรรค์ ความงามของพิมพ์รมเยศ ก็คือเทพีแห่งสรวงสวรรค์
เป็นเทพีแห่งความงามสง่า เยือกเย็น ต่างจากอินทราณี นางฟ้าแห่งความงามเย้ายวน
หวานล้ำ
“ตอนแองจี้ไม่อยู่ หลุดประโยคนี้กับผู้หญิงมากี่คนแล้วคะ?”
หล่อนถามเสียงนุ่ม
เอียงคอ ทำตาใสแต่แอบคมวาว ตามฟ้าเกือบสะดุ้ง ก่อนหัวเราะขันๆ
“ไม่มีสักคนครับ ต่อให้ผมชมเขา ก็ชมด้วยใจบริสุทธิ์ ชมในแง่ศิลปะ
ไม่มีความนัยเคลือบแคลง กับคุณไม่เหมือนกัน”
“หึ ไม่อยากฟังคารมคนเจ้าเล่ห์ ดูซิ!
จะมาก็ไม่เห็นบอกล่วงหน้า ชอบทำอะไรลึกลับ เชื่อถือไม่ได้”
อินทราณีกะบึงกะบอนอย่างน่ารักที่สุดในสายตาตามฟ้า
“ของฝากครับ”
อีกครู่หนึ่ง
ชายหนุ่มยื่นกล่องเล็กๆ สีน้ำเงินผูกโบว์สวยงามให้หล่อน อินทราณีรับมาอย่างตื่นเต้น
“ขอบคุณค่ะ แกะเลยได้ไหมคะ?”
“เชิญเลย ครับผม”
หล่อนบรรจงแกะช้าๆ
จนชิ้นส่วนสุดท้ายหลุดไป หญิงสาวอุทานเบาๆ ก่อนจะหยิบสิ่งของข้างในออกมา
“สิงโต! สวยจังเลยค่ะ น่ารักจัง”
มันคือ
หินลาปิสลาซูลีที่แกะสลักเป็นรูปสิงโตตัวเล็กๆ เห็นสายลายแคลไซต์สีขาวเด่นชัด
สวยและสง่างาม
“ทำจากลาปิสลาซูลีครับ ที่มอบสิงโตให้คุณ เพราะว่าคุณเกิดราศีสิงห์
ชอบไหมครับ?”
“ชอบที่สุดเลยค่ะ เป็นอัญมณีที่สวยเหลือเกิน ของฝากทุกชิ้นที่ฟ้าให้มา
มีค่าสำหรับแองจี้เสมอ แองจี้จะวางไว้บนหัวเตียงนอนนะคะ และจะดูแลรักษามันอย่างดีที่สุด
ขอบคุณมากค่ะ ฟ้า”
ตกเย็น
อินทราณีก็แสดงฝีมือทำอาหาร ภายในห้องครัวขนาดกะทัดรัดของบ้าน หล่อนแกะกุ้งเพื่อเตรียมทำเมนูกุ้งทอดคลุกเดรสซิ่ง
ของโปรดของตามฟ้า หญิงสาวอยู่ในชุดเดรสสีส้ม สวมทับด้วยเสื้อกันเปื้อนสีขาว
ตามฟ้าเดินลงบันไดมา มองหล่อนยิ้มๆ
“ทำอาหารแล้วหรือ? ผมช่วยนะ”
โดยไม่รอคำตอบ
ตามฟ้าหยิบถุงกุ้งกับเห็ดออกมาจากตู้เย็น เดินไปล้างมือ ก่อนหยิบเสื้อกันเปื้อนที่แขวนไว้ข้างๆ
มาสวมทับ อินทราณีหันมามองเสื้อกันเปื้อนลายดอกไม้สีชมพูหวานแหววของเขาแล้วหัวเราะ
“คิก คิก ฟ้ารู้ไหมคะ?
เวลาฟ้าใส่เสื้อกันเปื้อนตัวนี้ทีไรนะ แองจี้ชอบคิดว่า ฟ้าเป็นแทมมี่ทุกทีเลย”
“จ้า...ขำดีไปเหอะ แล้วอย่ามาขอนอนกอดแทมมี่ก็แล้วกัน”
ตามฟ้ายิ้มสำรวล
ยักคิ้วหลิ่วตา อินทราณีหน้าแดงวูบ “แทมมี่” ที่พูดถึง
คือเพื่อนของหล่อนคนหนึ่งซึ่งเป็นกะเทย มักแวะมาช่วยทำอาหารบ่อยๆ
และจะใส่เสื้อกันเปื้อนตัวที่ตามฟ้าใส่อยู่นี้เสมอ
“จ้างให้ก็ไม่ขอ!”
หญิงสาวสะบัดเสียงอย่างแง่งอน
ตามฟ้าหัวเราะหึๆ ยิ่งทำให้หล่อนหงุดหงิด เลยพาลทุบอกเขาแก้เขิน เขาคว้าแขนไว้
“โอ๊ะ! เด็กพาโลนี่มือหนักจริงเชียว ดีล่ะ นิสัยชอบทุบแบบนี้
ต้องปล่อยให้อยู่บ้านคนเดียวเสียให้เข็ด พรุ่งนี้ไม่มาแล้ว กลับกรุงเทพดีกว่า ปล่อยให้นอนร้องไห้ตาเศร้าตาแฉะตาบวมเป่งกันไปเลย”
หญิงสาวร้องอุทานอะไรออกมาคำหนึ่ง
ก่อนจะปรี่เข้ามากระหน่ำทุบอกเขาเป็นพัลวัน
“บ้า บ้า บ้า บ้า ก็ลองดูสิ ลองไม่มานะ ก็ไม่ต้องมาอีกเลย
ไม่เปิดประตูบ้านให้เข้า ไม่ทำซุปให้กิน ไม่โทรศัพท์ไป อุ๊ย...”
ตามฟ้าหัวเราะก้อง
รวบมือทั้งสองข้างของหล่อนรั้งเข้ามาแนบอกเขา ตาต่อตาประสานกัน อินทราณีเมินหลบ...
เสียงออดดังขึ้นขัดจังหวะ!
ชายหนุ่มถอนใจเฮือกอย่างเสียดาย หญิงสาวซ่อนยิ้ม พึมพำลอยๆ
“สงสัยจะเป็นจินนี่กับเรย์?”
“หรือไม่ก็น้องแทมมี่มาช่วยทำอาหาร?”
หญิงสาวค้อนขวับ
ก่อนเดินไปเปิดประตู
“ฮัลโล! ไงจ๊ะ แองจี้ อยู่คนเดียวสบายดีรึ?”
หญิงสาวชาวไทย
วัยยี่สิบสี่ปีเท่ากับอินทราณี ผมหยิกแดง หน้ากลม รูปร่างอวบอิ่มคนหนึ่ง
ยืนอยู่หน้าประตู โบกมือทักทาย พร้อมกับขยิบตาล้อๆ อินทราณียกมือเท้าสะเอว
ทำเสียงขุ่น
“ไม่ต้องมาพูดดีเลย หายหน้าหายตาไปทั้งวันเชียวนะ ไหนบอกว่าจะกลับตอนบ่าย
มารับฉันไปด้วยไง?”
“โอ๊ะโอ๋ว! แน่ใจหรือจ๊ะว่าอยากไปด้วย
ที่จริงฉันกับเรย์กลับมาตั้งแต่ตอนเที่ยงแล้วจ้ะ แต่ที่ไม่ได้เข้าบ้าน เพราะรู้ว่าตอนนั้นคุณหนูแองจี้กำลังต้อนรับแขกพิเศษ
แขกคนสำคัญอยู่ชั้นบนแน่ๆ เลย และก็คงอยากจะอยู่เฝ้าแขก เอ้ย! เฝ้าบ้านมากกว่าจะไปกับเรา แหม
แล้วไฉนเลยฉันจะไปขัดจังหวะคนอื่นให้บาปกรรมกันล่ะจ๊ะ”
จินนี่สัพยอก
แถมทำหน้าล้อเลียน อินทราณีหยิกแขนเพื่อนเบาๆ อย่างหมั่นไส้ จินนี่ร้องดีดดิ้น
ก่อนจะถือวิสาสะเดินเข้าไปในบ้านเลย อินทราณีหันมาเชิญเรย์ ชายหนุ่มหน้าตาดี ลูกครึ่งไทย
- อังกฤษ ที่ยืนยิ้มๆ อยู่
“สวัสดีค่า พี่ฟ้า แหม...มาแบบสายฟ้าแลบ ไม่บอกไม่กล่าวก่อนล่วงหน้าเลยน๊า ยังกะมนุษย์ล่องหนแน่ะ”
สาวน้อยหน้ากลมผมฟู
กระพุ่มมือไหว้เขา พร้อมกล่าวทักทายเสียงแจ๋ว
“ก็กะเซอร์ไพรท์จินนี่ไง แต่ผิดหวัง เพราะแม่คนชอบเที่ยวไม่รู้หนีไปไหนเสียแล้ว
ไม่ยอมอยู่ให้เซอร์ไพรท์เอาเสียเลย”
ตามฟ้าหยอกยิ้มๆ
ยักคิ้วนิดหนึ่ง จินนี่หัวเราะชอบใจ เรย์ทักทายเขาด้วยรอยยิ้มกว้าง
พร้อมยื่นมือให้จับ
“สวัสดีครับ ไม่เจอกันนานนะครับ คุณตามฟ้า พวกเราคิดถึงคุณแทบแย่”
“คิดถึงพอประมาณก็พอครับ คุณเรย์ อย่าคิดถึงแทบแย่เลย มันเสียว!”
ตามฟ้าพูดหน้าตาย
เพราะขำในความสุภาพขั้นเลิศของชายหนุ่ม จับมือเขาเขย่าเบาๆ จินนี่หัวเราะคิก
เรย์หัวเราะแหะๆ ส่วนอินทราณีร้องคำเดียวว่า “บ้า!” ตามฟ้าเอ่ยชวน
“ทานข้าวด้วยกันก่อนนะครับ”
บนโต๊ะอาหาร
สองสาวกับสองหนุ่มนั่งรับประทานอาหารร่วมกันบนโต๊ะสี่เหลี่ยมกลางห้องครัวเล็กๆ
นั้นอย่างเอร็ดอร่อย พร้อมกับบทสนทนาที่ออกรสชาติ
ส่วนใหญ่จินนี่จะเป็นฝ่ายคุยมากกว่า เพราะหล่อนช่างพูดมากที่สุดในกลุ่ม อินทราณีบอกกับทุกคนว่า
บิดาของหล่อน ซึ่งเป็นเจ้าของภัตตาคารเล็กๆ แห่งหนึ่งในตัวเมืองนั้น จะอยู่กับครอบครัวใหม่ของเขาในคืนนี้
ทุกคนจึงสังสรรค์กันอย่างเต็มที่
“เที่ยวนี้ พี่ฟ้าจะอยู่สักกี่วันคะ?”
จินนี่เอ่ยถามขึ้นมาตอนหนึ่ง
“ตอนแรกกะว่าสิบห้าวัน แต่มีคนขอขึ้น เลยกลายเป็นยี่สิบวันแล้ว”
ตามฟ้าตอบยิ้มๆ
จินนี่หัวเราะ หันมองอินทราณีที่วางสีหน้าไม่ถูก แต่แอบค้อนเขาวงเล็กๆ
“โถ! ขอขึ้นตั้งห้าวันแน่ะ น่าจะมีแถมให้บ้างนะคะ
แบบว่าโปรโมชั่นพิเศษช่วงฤดูแห่งความรัก ให้-แถม ให้-แถม อะไรแบบเนี๊ย”
“อะไรเหรอ ให้-แถม ให้-แถม?”
เรย์หันมาถามแฟนงงๆ
“อ้าว อย่างเวลาขายของ ต้องมีโปรโมชั่นลดแลกแจกแถมใช่ม๊า อันนี้คล้ายๆ กัน
เป็นโปรโมชั่นเลิฟ เช่นว่า ให้เดินควงไปเที่ยว 1 ชั่วโมง แถมให้ 1 วัน
เอาใจใส่ให้มีความสุข 1 ชั่วโมง แถมให้ 1 วัน หอมแก้ม 3 นาที ก็แถมให้อีก 1 วัน
จูบ 2 นาที ก็...ว๊าย...”
พูดไม่ทันจบ
เพื่อนสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ ฟาดมือเรียวงามเข้าที่ท่อนแขนให้อย่างจัง
จินนี่ร้องกรี๊ด เอ็ดตะโรดังลั่น ท่ามกลางเสียงหัวเราะของฝ่ายชาย
“ดีครับ ดี โปรโมชั่นแบบนี้น่ารักมากๆ เลย เอาด้วยไหมครับ คุณตามฟ้า?”
“เอาไว้ใช้กับแฟนตัวเองเถอะย่ะ คงทำเป็นประจำล่ะสิ?”
อินทราณีหันมาล้อใส่เรย์
ตามฟ้าหัวเราะ
“ผมว่า อย่างจินนี่กับคุณเรย์ไม่ใช่โปรโมชั่นให้-แถม ให้-แถม แล้วล่ะ
เป็นให้-รับ ให้-รับ มากกว่ามั๊ง”
อินทราณีหัวเราะชอบใจกับการตอกกลับของแฟนหนุ่ม
จินนี่แลบลิ้นนิดหนึ่งอย่างซุกซน ส่วนเรย์หน้าแดง
“แต่ถ้าใช้โปรโมชั่นให้-แถม ให้-แถม กับลูกค้าคนนี้ล่ะก็ ผมคงอยู่ซิดนีย์เป็นปี
ไม่ต้องกลับประเทศไทยแล้วล่ะ เพราะคงจะใด้ให้...แล้วก็ได้แถม...กันทุกวัน”
ดวงตาลึกซึ้ง
กับคำพูดกินนัยลึกแบบไม่เกรงใจใครของเขา ทำเอาอินทราณีใจเต้นระทึก นึกอยากจะปิดปากคนช่างพูดเสียเหลือเกิน
ยิ่งได้เห็นท่าทีคึกคักชอบอกชอบใจของสองกองเชียร์ ก็ยิ่งเขินจนทำอะไรไม่ถูก
ต้องขอตัวไปห้องน้ำเพื่อหนีภัยชั่วคราว
เมื่อจินนี่และเรย์กลับไปแล้ว
สองหนุ่มสาวก็มานั่งตระกองกอดกันบนเก้าอี้นวมตัวใหญ่ บริเวณระเบียงห้องชั้นสองของห้องนอนหล่อน
ยามนี้เป็นเวลาสี่ทุ่มกว่า ท้องฟ้ายามราตรีมืดสนิท
ถูกแต่งแต้มด้วยดวงดาวนับร้อยดวงที่จรัสแสง ท่ามกลางแสงเทียนสีชมพูที่อ่อนหวานโรแมนติก
ขับกล่อมบรรยากาศด้วยเพลงรักหวานซึ้งทำนองคลาสสิกจากวิทยุด้านใน ดังคลอออกมาเบาๆ
“รู้ไหมครับ ชื่อ อินทราณี แปลว่าอะไร?”
ตามฟ้ากระซิบถามข้างหู
หล่อนสั่นศีรษะ ขณะหลับตาพริ้ม เอนกายแอบอิงในอ้อมอกเขาอย่างอบอุ่น
“อะไรกัน ชื่อตัวเองแท้ๆ ไม่ทราบความหมาย แปลว่า ชายาของพระอินทร์ครับ”
“โอ้โห! ยิ่งใหญ่จังนะคะ เป็นถึงชายาพระอินทร์”
“มันมีตำนานเล่าขาน นางอินทราณี เป็นพระชายาของเทพพระอินทร์บนสวรรค์
บำเรอสุขอยู่บนสวรรค์ชั้นดุสิต วันหนึ่งเธอมองจากสวรรค์ลงมา พบชายหนุ่มคนหนึ่ง
ผู้ที่เพียบพร้อมไปเสียทุกสิ่ง ทว่าอาภัพเหลือเกินในเรื่องความรัก เพราะมีแต่หญิงสาวเวียนมาหักอกเล่นจนช้ำตรม
เธอรู้สึกสงสารเขาจับใจ จึงยอมลงจากสวรรค์ จำแลงเป็นมนุษย์ เมื่อได้อยู่ชิดใกล้
เธอก็หลงรักผู้ชายคนนั้น พระอินทร์ทรงโกรธมาก จึงบันดาลให้มีโองการ
มิให้ทั้งสองเป็นคู่แท้ ครองรักกันจนแก่เฒ่า แต่แม้ว่าจะต้องผจญอุปสรรคมากมายสักเพียงไหน
ทั้งสองก็ยังฟันฝ่าไปด้วยกันอย่างมิหวั่นเกรง หาทางที่จะให้อยู่ร่วมกันให้ได้
รักแท้สะเทือนถึงสวรรค์ จนในที่สุด เทพทั้งปวงก็เห็นใจในความรักแท้ของทั้งคู่
มนุษย์เดินดิน กับชายาของพระอินทร์ จึงกลายเป็นคู่แท้ คู่แรกบนโลกใบนี้”
อินทราณีลืมตา
รอยยิ้มขันปรากฏบนริมฝีปากงาม
“อินทราณีไม่อยากเป็นชายาของพระอินทร์ค่ะ เธอจะเป็นภรรยาของนายตามฟ้าคนเดียวเท่านั้น!”
ตามฟ้าจรดริมฝีปากลงบนแก้มหอมกรุ่น
แล้วโอบร่างหล่อนเข้ามาแนบชิดไออุ่น ถอนหายใจ
“ผมก็อยากจะเป็นสามีใจจะขาด แองจี้ครับ คุณทรมานไหม?
ผมถ่วงเวลานานเกินไปรึเปล่า กว่าเราจะได้แต่งงานกัน ผมเชื่อว่า
ผมอดทนรอจนถึงวันนั้นได้ แต่...ผมเป็นห่วงคุณ”
“แองจี้มีอะไรน่าห่วงคะ ขนาดฟ้าเป็นผู้ชายยังอดทนรอได้
แองจี้เป็นผู้หญิงแท้ๆ จะเป็นฝ่ายรีบเร่งแทนหรือไร? และแองจี้เป็นคนถ่วงเวลาเองด้วย
อยากเรียนให้จบก่อน จะเร็วจะช้า อายุก็...แค่ยี่สิบกว่าๆ ยังไม่แก่สักหน่อย”
ชายหนุ่มหัวเราะ
ในอารมณ์ขันของหญิงสาว ยกมือหล่อนขึ้นจุมพิต
“ถึงคุณจะแก่ ผมก็ยังจะแต่ง คนแก่สองคนแต่งงานกัน
น่ารักยิ่งกว่าคนหนุ่มสาวหลายเท่านัก”
“งั้นเราแต่งกันตอนอายุเจ็ดสิบดีไหมคะ? คุณถือไม้เท้าเดินเข้าพิธีวิวาห์
ส่วนฉันก็หลังค่อม ประคองคุณเดินเข้าไป”
“อืม! เป็นความน่ารัก ที่แสนประทับใจโดยแท้ มีปัญหาอย่างเดียวเท่านั้น
ตอนส่งตัวเข้าหอเสร็จ จะทำอะไรกันต่อล่ะครับ”
อินทราณีหน้าแดงเรื่อ
หยิกแขนเขาเบาๆ ก่อนจะหัวเราะอย่างขบขัน
“ก็...นั่งดูดาว...คุยเรื่องความหลัง...”
“อาบน้ำให้กัน จากนั้นก็นั่งลูบๆ คลำๆ...”
“บ้า! เอ๊...ทะลึ่งใหญ่แล้ว หัดเป็นคนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่นะ
ความสุภาพอย่างแต่ก่อนหายไปไหนหมดคะ อยู่กับแองจี้ทีไร ทำทะลึ่งตึงตังใส่ทุกที”
“ไม่ทะลึ่งกับคุณ จะให้ไปทะลึ่งกับใครล่ะครับ ก็ผมมีแฟนอยู่คนเดียวนินา
แองจี้ครับ งานแต่งงานของเราอาจช้าหน่อย ทั้งเรื่องงานของผม และเรื่องเรียนของคุณ
แต่ผมจะอดทนรอจนถึงวันที่เราทั้งสองพร้อมด้วยกัน”
ตามฟ้าวางคอไว้บนบ่าของหล่อน
อ้อมแขนโอบร่างหล่อน ใบหน้าแนบข้างคลอเคลียกัน กระซิบฝากถ้อยคำสัญญา
อินทราณีมองดวงดาวบนฟ้า ยิ้มอย่างเคลิ้มฝัน ก่อนหันหน้ามาจูบแก้มเขาแทนคำตอบ
ความคิดเห็น