ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ยอดขุนศึกสะท้านปฐพี 2

    ลำดับตอนที่ #2 : ชุลมุนวันลอยโคม

    • อัปเดตล่าสุด 14 ก.ค. 60






     
         
                    "...นี่มันอะไรกันน่ะ หมอกหนาพวกนี้มาจากไหน ทำไมเราถึงกลับมาที่เดิม มันไม่ใช่ทางนี้นี่นา อาหลาง...อาหลาง เจ้าอยู่ไหน ช่วยข้าด้วย อาหลาง..."

         สุ่ยหลิงหลงร้องก้องอย่างกระวนกระวาย นางควบม้าเข้ามาในป่าไผ่ เพื่อจะไปหาเขา แต่วนอยู่หลายรอบแล้ว ก็ยังหาทางออกไม่เจอสักที ชักม้าไปทางไหน ก็มีแต่หมอกขาวเต็มไปหมด กำลังงุนงง และร้อนใจยิ่งนัก จิ้งจงก็ควบม้าเข้ามาดูว่าเป็นผู้ใดเข้ามาอีก

         "แม่นางหลิงหลง..."

         "จิ้งจง ช่วยพาข้าออกไปที"

         นางร้องอย่างยินดี เมื่อเห็นทหารเอก

         "ตามข้ามา"

         จิ้งจงจึงนำทางนางไปที่ค่าย...

         ขณะเดียวกัน ในค่ายทหาร ชาวบ้านกำลังจับคู่ประลองหมัดกันอยู่ ครูฝึกหยางนั่งดูอยู่อย่างสำราญใจ มองจุนย่งฉีคว่ำเพื่อนลงได้อีกเป็นคนที่สามติดต่อกัน ด้วยแววตาชื่นชม

         "โอ้โห เก่งจริงๆ เลย ย่งฉี เจ้าเยี่ยมมาก"

         เพื่อนๆ ปรบมือ ชูนิ้วยกย่อง ตอนนี้นางกลายเป็นดาวเด่นในค่ายทหาร ทุกคนต่างยอมรับนับถือในความสามารถ นางจึงภาคภูมิใจ หน้าชื่นตาบานเป็นอย่างยิ่ง หยางซื่อหลางตวาดยิ้มๆ

         "อย่ามัวแต่ยอกันเองอยู่เลย พวกเจ้าก็ต้องเร่งฝึกฝน ให้ตามทันย่งฉีเขา ใครชักช้า อืดอาด ไม่คืบหน้า ข้าจะลงโทษด้วยนะ"

         "ครับ"

         ทหารรับคำอย่างเคร่งครัด แล้วจับคู่ประลองกันต่อ หยางซื่อหลางเดินมาหาจุนย่งฉี

         "เจ้าเหนื่อยรึยัง"

         "สบายมาก ยังรับได้อีกเหลือเฟือ"

         นางยืดอก บอกอวดๆ

         "วันนี้เจ้าทำได้ดีมากเลย"

         "ก็บอกแล้วไงว่าข้าไม่ได้อ่อนหัด อย่างที่ท่านคิด"

         ผ่านไปสักครู่หนึ่ง เขาก็สั่งทหารทุกคนให้ไปพัก และอาบน้ำได้

         "เย้ ได้เวลาอาบน้ำแล้ว เหนียวตัวจริงๆ อาบน้ำกันเถอะ"

         "ย่งฉี ไปอาบน้ำกัน"

         เพื่อนๆ กวักมือเรียก นางสะดุ้งเฮือก รีบโบกมือ 

         "โอ๊ย ยังหรอก ยังหรอก ข้ายังไม่เหนื่อย อยากฝึกอีกหน่อยน่ะ ไปอาบกันก่อนเลย"

         หยางซื่อหลางกลั้นยิ้ม หยิบทวนจากราวอาวุธมาอันหนึ่ง แล้วบอกหน้าตาเฉย

         "ก็ได้ งั้นข้าจะเป็นคู่ซ้อมให้เจ้า"

         แต่เขาลงมือเพียงไม่กี่เพลง นางก็ทำทวนหลุดมือเสียแล้ว ครูฝึกหยางลอบยิ้ม

         "ข้าว่าเจ้าคงเหนื่อยแล้วล่ะ มาเถอะ"

         เขาบอก แล้วจูงมือนางไปง่ายๆ นางร้อง พยายามสะบัดมือออกแต่ไม่หลุด

         "อ้าว เดี๋ยวสิ จะพาข้าไปไหน"
     

     
         เขาพานางมายังด้านหลังของค่าย ที่ซึ่งเป็นบ้านพักผ่อนชั่วคราวของเขา นางแปลกใจ

         "นี่ เจ้าพาข้ามาที่นี่ทำไมน่ะ"

         หยางซื่อหลางกอดอก อมยิ้ม 

         "เราไม่ได้ถกพิชัยยุทธิ์กันมานานแล้ว ข้าก็เลยอยากให้เจ้าชี้แนะอีก แต่ว่าตอนนี้ ตัวเจ้าเหม็นมาก และเจ้าก็เหนื่อยมากด้วย ข้าก็เลย...อยากให้เจ้าได้อาบน้ำให้สบายเสียก่อน แล้วค่อยมาคุยกัน"

         "หา อาบน้ำเหรอ!"

         นางร้องเสียงตกใจ อ้าปากจะปฏิเสธ แต่เขาชิงตัดหน้า บุ้ยปากไปข้างใน

         "ถ้าเจ้าไม่รังเกียจ ใช้ห้องน้ำบ้านข้าก็ได้"

         ด้านจิ้งจง พาสุ่ยหลิงหลงมาถึงในค่าย พวกทหารก็พากันไปพักหมดแล้ว ในค่ายจึงเงียบสนิท นางมองหาหยางซื่อหลาง ก็ไม่เจอตัว

         "นี่ นายน้อยเจ้าล่ะ"

         "สงสัยจะกลับบ้านพักไปแล้ว"

         "งั้นข้าไปหา"

         "เดี๋ยว นี่..."

         ทหารเอกจะห้าม แต่นางไม่ฟัง วิ่งตรงไปยังบ้านพักหลังค่ายทันที...

         ด้านจุนย่งฉี ถอดร่างทหารห้าวชั่วคราว มาเป็นหญิงงาม ผานจื่อเอียน กำลังเปลือยกายขาวสล้าง นั่งแช่น้ำอยู่ในถังอย่างสบายอารมณ์ในห้องพักของเขา หยางซื่อหลางยืนยิ้มเจ้าเล่ห์อยู่บนระเบียงด้านนอก ค่อยๆ เดินเข้ามาที่หน้าประตู เอ่ยทักเข้าไป

         "นี่...ย่งฉี..."

         "หา อ...อะไร"

         เขากลั้นขำ กระซิบเบาๆ

         "ข้าเหงื่อออก ขอเข้าไปอาบน้ำด้วยคนสิ"

         "หา ไม่...ไม่ได้นะ จะ...จะบ้าเหรอ"

         นางร้องอย่างตกใจ

         "ทำไมล่ะ ผู้ชายด้วยกัน อาบน้ำถังเดียวกัน ไม่เห็นเป็นไรเลย"

         "ไม่...ไม่ได้ คือ... คือข้า...ข้าไม่ชอบอาบน้ำร่วมกับใคร"

         นางกล่าวด้วยใจเต้นแรง

         "อ๋อ มิน่าล่ะ สิบกว่าวันแล้ว ยังไม่เห็นเจ้าอาบน้ำกับเพื่อนๆ เลยสักที"

         "ใช่แล้ว ข้า...ข้าเป็นโรค...กลัวคนเวลาอาบน้ำน่ะ"

         "เจ้าขี้อายขนาดนี้เลยหรือเนี่ย"

         เขาแหย่ นางบอกฉุนๆ 

         "ก็แล้วทำไมล่ะ"

         "ฮ่ะ ฮ่ะ ก็ไม่ทำไมหรอก ข้าไม่อาบน้ำกับเจ้าก็ได้ งั้นข้าขอเข้าไปนั่งดูเจ้าอาบน้ำได้ไหมล่ะ"

         "บ้า ท่าน... นี่ท่านวิปริตรึไง ชอบดูผู้ชายด้วยกันอาบน้ำเหรอ"

         ร้องอย่างตะหนกอีกครั้ง เขาหัวเราะอย่างอดใจไม่อยู่

         "ฮ่ะ ฮ่ะ ใช่ ก็ขนาดเจ้ายังเป็นคนแปลก อาบน้ำร่วมกับคนอื่นไม่ได้เลย แล้วทำไม ข้าจะวิปริต ชอบมองผู้ชายด้วยกันอาบน้ำบ้างไม่ได้ล่ะ"

         "ท่านอย่าเข้ามานะ ถ้าท่านเข้ามา ข้าจะไปเดี๋ยวนี้"

         "ได้ ได้ ได้ ข้าไม่เข้าไปแล้ว แค่ล้อเจ้าเล่นเท่านั้น ทำเป็นจริงจังไปได้ อาบน้ำเถอะ"

         เขากระเซ้าเย้าแหย่จนพอใจ แล้วถอนตัวออกมาอย่างรื่นเริง นางถอนใจโล่งอก บ่นอุบอิบ

         "คนบ้า คนผีทะเล ชอบแกล้งอยู่เรื่อย"

         "อาหลาง..."

         นางโจรสาวตรงเข้ามาหาเขาที่ระเบียง เขาหันมามองอย่างแปลกใจ

         "หลิงหลง นี่...เจ้าเข้ามาได้ยังไงเนี่ย"

         "จิ้งจงไปรับข้าน่ะสิ ไม่อย่างนั้น ข้าคงต้องติดอยู่ในค่ายกลบ้าๆ ของท่านจนถึงมืดแน่ๆ"

         หยางซื่อหลางเลิกคิ้ว แล้วหัวเราะขำๆ

         "นี่ ค่ายกลบ้าๆ ที่ไหนกันล่ะ นี่เรียกว่า ค่ายกลเทวดาเชียวนะ"

         "เชอะ ตั้งซะหรูเชียวนะ ค่ายกลดักผีน่ะสิไม่ว่า ทำข้าเกือบแย่แน่ะ"

         "นี่ ท่านคุยกับใครน่ะ"

         ผานจื่อเอียนได้ยินเสียงคนคุยกันข้างนอก จึงร้องถาม นางโจรสาวหันมองงงๆ

         "เอ๊ะ มีใครอยู่ข้างในเหรอ"

         "อ๋อ เปล่า ไม่มีอะไร ทหารในสังกัดของข้าเอง"

         เขาไม่ได้ร้องตอบจุนย่งฉี ทำให้สาวงามเริ่มสงสัย เพราะเสียงที่ได้ยิน คล้ายเสียงของผู้หญิง จึงลุกขึ้นจากน้ำ แล้วแต่งตัว

         "นี่ ข้ามาทวงสัญญาแล้วนะ ก็เลยมารับท่าน"

         "รับ... รับไปไหน"

         "ก็ไปท่องยุทธภพน่ะสิ"

         เขาถอนใจเฮือก

         "ข้าเคยบอกเมื่อไหร่ว่าจะไป"

         "อ้าว ทำไมอย่างนี้ล่ะ จะบิดพริ้วกันเหรอ ตอนนั้นข้าอุตส่าห์ทำแผลให้นะ"

         "เจ้าพูดเองเออเอง ข้าตอบรับที่ไหนกันล่ะ"

         "ไม่รู้ล่ะ เจ้าต้อง..."

         นางพยายามจะตื๊อ แต่แล้ว...หนุ่มหน้ามนในชุดทหารก็เดินออกมา ทั้งสองสบตากันอย่างแปลกใจ ผานจื่อเอียนมองนางอย่างอึ้งๆ สุ่ยหลิงหลงก็มองนางอย่างรู้สึกแปลกๆ อย่างไรพิกล

         "เอ่อ ข้าอาบน้ำเสร็จแล้ว ขอตัวกลับค่ายก่อนนะ"

         นางบอกอ้อมแอ้ม รีบหลบหน้าเดินจากไป แต่เขาเรียกไว้

         "เดี๋ยว ย่งฉี..."

         "หา..."

         "ป่านนี้ขนมคงหมดแล้ว เจ้าเข้าไปเอาในครัวนะ ข้าเก็บส่วนของเจ้าไว้ให้แล้ว"

         "ขอบคุุณ"

         นางพยักหน้าตอบสั้นๆ มองหญิงงามข้างกายเขาอีกแวบหนึ่ง แล้วเดินไป สุ่ยหลิงหลงขมวดคิ้ว มองทหารหน้าหวานคนนั้นจนลับสายตา

         "แหม นึกไม่ถึงเลย ว่าท่านจะเป็นห่วงทหารหนุ่มน้อยหน้ามนคนนี้จังเลยนะ ให้อาบน้ำในห้องน้ำบ้านท่าน แล้วยังเก็บขนมไว้ให้อีก"

         "หึ ก็ข้าชอบเขานี่นา เขาเป็นทหารเอกที่ฝีมือดีที่สุดในค่ายของข้า"

         "หา ชอบเหรอ"

         นางหันมาร้องอย่างตกใจ เขาหัวเราะ

         "ฮ่ะ ฮ่ะ เจ้ากลับไปดีกว่า หลิงหลง ระยะนี้ข้างานยุ่งมาก ต้องฝึกทหาร ต้องสะสางบัญชี ไม่มีเวลาไปเที่ยวเล่นกับเจ้าหรอก"

         เขาปฏิเสธอ่อนโยน เพราะเห็นนางเป็นเพื่อน จึงรักษาน้ำใจ แต่นางทำหน้างออีกแล้ว

         "ไหนบอกว่าเป็นเพื่อนกัน แค่นี้ก็ให้ไม่ได้"

         "เอาล่ะ เพื่อเป็นการชดเชย และขอโทษเจ้า คืนนี้ ข้าพาเจ้าไปเที่ยวงานลอยโคมประจำเมืองก็แล้วกัน"

         "หา งานลอยโคม"

         นางร้องอย่างตื่นเต้น เพราะไม่รู้จัก หยางซื่อหลางพยักหน้ายิ้มๆ

         "อืม..."
     

     
         ผานเจิ้งเดินมาส่งหมิงจูที่หน้าจวน แล้วกำชับเสียงหวาน

         "อย่าลืมนะ หมิงจู เรามีสัญญานัดกันคืนนี้"

         "แน่นอนค่ะ คุณชายผานอดใจรอได้เลย"

         นางตอบเสียงหวาน แถมขยิบตายิ้มๆ จอมเกเรถึงกับยืนเคลิ้ม นางเดินเข้าบ้านไปแล้ว ยังคงทำตาละห้อย ฝันหวานถึงวิมานสวรรค์ในคืนนี้

         "เฮ้อ คนบางคนหน้าตาเหมือนสุนัข นิสัยก็เหมือนสุนัขนะ ไม่เจียมตัวเห่าเครื่องบินอยู่ได้ สมกับเป็นนายน้อยตระกูลผานจริงๆ"

         เสียงยั่วดังลอยมา ผานเจิ้งสะดุ้ง หันขวับไปเจอหยางฉี่หลาง คู่ปรับเก่ายืนกอดอกพิงเสาอยู่

         "หยางฉี่หลาง เจ้าสะกดรอยตามข้าเหรอ"

         "อะไรกัน นี่มันหน้าบ้านข้านะ ข้าอยู่ตรงนี้มันแปลกตรงไหน แต่ก็นี่แหละน๊า คนบางคนมันบ้าผู้หญิงจนหน้ามืดตามัว คนสะกดรอยตามหรือไม่ก็ยังไม่รู้ตัว ตัณหาจัดก็อย่างนี้ล่ะ"

         นายน้อยพูดเจ็ดพูดยั่วไปเรื่อย ผานเจิ้งถลกแขนเสื้อขึ้น

         "ดีเลย ตอนนี้ข้ากำลังคันไม้คันมือพอดี เจ้ามาได้ถูกเวลาจริงๆ"

         "ตอนนี้ข้าไม่สู้กับเจ้าหรอก แน่จริง เจอกันในเทศกาลลอยโคมคืนนี้สิ"

         หยางฉี่หลางเดินเข้ามาประชิดตัว พูดเสียงกร้าว ผานเจิ้งยืดอกเผชิญหน้า

         "จะทำไม"

         "ข้าขอท้าประลองกับเจ้า ต่อหน้าชาวเมืองเปี้ยนจิง เพื่อแสดงให้ทุกคนเห็นว่า นายน้อยเจ็ดตระกูลหยาง เหนือกว่านายน้อยผาน จอมอันธพาลประจำเมืองอย่างเจ้า"

         นายน้อยเจ็ดประกาศเสียงห้าว ผานเจิ้งแสยะยิ้ม ชี้หน้า

         "ชะ หาที่ตายแท้ๆ ใครแพ้ได้เป็นลูกเต่าแน่ละคืนนี้ ข้ารับคำท้า อย่าหนีก็แล้วกัน"

         "ไม่หนีอยู่แล้ว"
     

     
         ที่จวนเสนาผาน...

         "อะไรนะ ให้ข้าไปเป็นกรรมการเหรอ"

     

     
         ผานจื่อเอียนถามอย่างงุนงง พี่ชายที่น่ารักของนางเชิดหน้าอย่างทระนงตน

         "ใช่แล้ว น้องพี่ ข้าจะขึ้นเวทีประลองกับเจ้าหยางฉี่หลาง จะซัดให้มันหน้าหงาย กลายเป็นลูกเต่าใหญ่แห่งเมืองเปี้ยนจิงให้ได้ เจ้าต้องไปเป็นกรรมการตัดสินให้พี่ เป็นสักขีพยานดูพี่สยบเจ้าพวกตระกูลหยางให้ชัดกับตา"

         "ทำไมพี่ชอบมีเรื่องกับหยางฉี่หลางนักนะ"

         น้องสาวบ่นอย่างรำคาญ นั่งลงแปรงผมสวยหน้ากระจกอย่างไม่อยากสนใจ 

         "อ้าว ก็มันท้าดวลกับพี่เองนะ มันแส่หาเรื่อง ไม่เจียมกะลา จะมาโทษพี่ไม่ได้ พี่จะทำให้มันจำฝังใจในคืนนี้ ว่าพี่คือราชา มันเป็นแค่เจ้าเต่าโง่"

         "ข้าไม่ไปหรอก ข้าเหนื่อยมากแล้ว อยากพักผ่อน"

         นางบอกเนือยๆ ลุกขึ้นยืนจะเดินไปที่เตียง พี่ชายฉุดแขนไว้

         "เฮ้ น้องพี่ ไม่ได้นะ..."

         "โอ๊ย..."

         นางร้องอุทานด้วยความเจ็บ ผานเจิ้งตกใจ คว้าแขนนางมาดู แล้วร้อง

         "อ้าว นี่ น้องพี่ แขนเจ้าไปโดนอะไรมา ดูสิ ช้ำไปหมดเลย แล้วใบหน้าเจ้าอีก ช่วงนี้มันดูคล้ำๆ กร้านๆ ไปนะ ผิวก็หยาบกระด้างขึ้นด้วย นี่เจ้าไปทำอะไรมากันเนี่ย"

         "ข้า...ข้าเปล่าสักหน่อย แค่ตากแดดมากไปหน่อย"

         ผานจื่อเอียนตอบอ้อมแอ้ม หลบสายตา จะบอกได้อย่างไร ว่าที่นางดูแข็งแกร่ง ทรหดขึ้น แต่มีรอยฟกช้ำเต็มเนื้อตัวไปหมด เพราะการฝึกทหารอันหนักหน่วงจากค่ายตระกูลหยาง

         "จริงเหรอ ข้าเห็นเจ้าแต่งเป็นชาย ออกจากบ้านแต่เช้าทุกวัน หลายสิบวันแล้วนะ บางคืนก็ไม่กลับบ้าน หรือว่าเจ้าไปทำอะไรมา หา บอกพี่หน่อยสิ"

         พี่ชายพยายามซักไซร้ นางก็เลยบอกเสียงหงุดหงิดเป็นการตัดบท

         "พี่ อย่าเซ้าซี้กวนใจได้ไหม บอกแล้วว่าข้าเหนื่อย ข้าจะนอน"

         "ได้ ได้ ได้ พี่ไม่เซ้าซี้กวนใจ แต่เจ้าต้องไปเป็นเพื่อนพี่นะ นะ นะ จื่อเอียน"

         "ก็ได้ แต่ข้าไม่เป็นกรรมการตัดสินให้พี่กับหยางฉี่หลางหรอกนะ ข้าจะไปเดินเที่ยวเป็นเพื่อน แล้วก็ลอยโคมเท่านั้น"

         นางรับปากไปอย่างรำคาญ

         "ก็ได้ งั้นเจ้าพักผ่อนเถอะ พี่ไม่กวนละ"

         ผานเจิ้งเดินออกมาจากห้อง แล้วแอบครุ่นคิดอย่างสงสัยคนเดียว

         "จื่อเอียนไปทำอะไรมากันแน่นะ ถึงได้โทรมขนาดนี้ แปลกจริงๆ"
     

     
         งานเทศกาลลอยโคมของเมืองเปี้ยนจิง คึกคักและยิ่งใหญ่เป็นประจำทุกปี ชาวบ้านต่างแห่กันมาท่องเที่ยว ซื้อของตามแผงร้านต่างๆ ที่วางขายอยู่สองฟากฝั่ง จุดพลุไฟหลากสี และลอยโคมวาสนากัน ผู้คนเดินกันพลุกพล่าน หมิงจู ในชุดสีส้มสวยเป็นพิเศษ เดินมากับหยางฉี่หลาง และหยางอู่หลาง อย่างรื่นเริงสบายใจ

         "ครึกครื้นดีจริงๆ งานนี้เจ้าได้สมหวัง ดังใหญ่แน่ หมิงจู"

         นายน้อยเจ็ดบอกยิ้มๆ นางหันขวับมาทำหน้างง

         "คุณชายเจ็ด หมายความว่าไงคะ"

         "ก็คนเยอะๆ แบบนี้ เป็นโอกาสดีที่คุณชายผานสุดที่รักของเจ้า จะประกาศต่อหน้าฝูงชน ว่าเจ้าคือ ยอดหวานใจ ว่าที่สะใภ้ตระกูลกังฉินอันดับหนึ่งของเปี้ยนจิงยังไงล่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ ระวังตัวให้ดีเถอะ จะถูกพวกชาวบ้านรังเกียจก็คราวนี้แหละ"

         สาวใช้ทำตาโต อุทานเสียงดัง

         "โห ถ้าเป็นอย่างนั้น ข้าน้อยก็คงอาย และโกรธนิดหน่อยนะคะ แต่ว่าคนบางคนนี่สิ รู้ตัวว่าสู้เขาไม่ได้ ยังจะท้าประลอง เกิดโดนเขาต่อยสลบกลางเวที อาจจะอับอายมาถึงจวนเทียนปอได้เลย เฮ้อ พรุ่งนี้คนทั้งจวน คงไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนเชียวนะคะ"

         "หนอย เจ้าไม่ต้องขู่ข้า รับรองว่าวันนี้ข้าไม่แพ้แน่"

         "น้องเจ็ด มั่นใจขนาดนั้นเชียวเหรอ"

         พี่ห้าถามอย่างหวาดๆ เพราะคำพูดของหมิงจู เกรงว่าหากน้องชายเป็นผู้แพ้ในคืนนี้ จะพลอยเสื่อมเสียมาถึงจวนเทียนปอจริงๆ น้องเจ็ดพูดเสียงกร้าว

         "เชื่อเถอะ พี่ห้า ข้าเตรียมตัวมาอย่างดีแล้ว รับรอง ไม่ทำขายหน้าพ่อแม่แน่"

         ด้านหยางซื่อหลาง ก็เดินเที่ยวชมงานมากับสุ่ยหลิงหลง คืนนี้นางแต่งกายงดงามเป็นพิเศษ ชุดสีชมพูอ่อนหวาน แต่งแต้มประทินผิวราวกับเป็นลูกสาวขุนนาง ไม่หลงเหลือคราบนางโจรสาวจอมมอมแมม แต่นายน้อยสี่ก็ไม่ได้ให้ความสนใจชื่นชมกับตัวนางสักเท่าไรนัก ทำให้นางรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย

         "โอ้โห เทศกาลลอยโคมของเมืองหลวงเนี่ย ยิ่งใหญ่จริงๆ เลย มีแต่ของสวยๆ งามๆ ทั้งนั้น นี่ เจ้าดูสิ ข้าไม่เคยมาเที่ยวที่ครึกครื้นแบบนี้เลยนะ"

         นางทำตัวร่าเริงสนุกสนาน ชวนเขาดูนั่นดูนี่ตลอดเวลา เขาเพียงแต่ยิ้มบางๆ

         "เจ้าไปอยู่ไหนมา งานลอยโคมก็มีทุกปีนั่นแหละ ปีนี้ก็ไม่แตกต่างจากปีที่แล้วเลย"

         "ก็ข้าเป็นชาวยุทธิ์ ร่อนเร่พเนจรไปเรื่อย อยู่ไม่ตรงวันเทศกาลนี่นา เออนี่ อันนี้เท่าไหร่"

         นางหยิบถุงหอมใบหนึ่งจากร้านค้าริมทางขึ้นมาถามเถ้าแก่ 

         "ไม่แพงครับ ยี่สิบตำลึง"

         "โอ้โห เนี่ยนะไม่แพง"

         "ไม่เป็นไร ข้าซื้อให้"

         หยางซื่อหลางจะควักเงิน แต่นางฉุดมือไว้ 

         "ไม่ต้อง เห็นข้าเป็นคนจนตรอกรึไง ไปกันเถอะ"

         นางยิ้มเจ้าเล่ห์ แล้วดึงแขนเขาเดินมา เขาได้แต่มองอย่างงงๆ

         "อ้าว ไหนว่าไม่จนตรอก แล้วทำไมไม่ซื้อล่ะ"

         "เอามาแล้ว นี่ไง!"

         นางชูถุงหอมให้เขาดู หยางซื่อหลางถึงกับเบิกตาโต งุนงง

         "นี่ นี่เจ้า หยิบมาตอนไหน ทำไมข้าไม่เห็น"

         "หึ เจ้าลืมไปแล้วเหรอ ข้าเป็นนางโจร ที่เคยบุกจวนเทียนปอมาแล้วนะ จิ๊กของข้างทางแค่นี้สบายมาก"

         นางยิ้ม บอกอย่างภาคภูมิใจ แต่เขาถอนใจ ส่ายหน้า

         "เจ้านี่จริงๆ เลย ออกมากับข้า อย่าทำนิสัยแบบนี้ได้ไหม"

         "ทำไม กลัวถูกจับได้ จะเสื่อมเสียชื่อนายน้อยแห่งจวนเทียนปอเหรอ เชอะ แน่จริง ก็อย่ามาเดินมากับข้าสิ ถ้ากลัวแปดเปื้อนขนาดนั้น"

         นางปล่อยแขนเขาอย่างแง่งอน เขามองนางแล้วซ่อนยิ้ม แกล้งบอกสั้นๆ

         "ก็ได้ งั้นข้าไปล่ะ"

         "อ้าว เดี๋ยวสิ นี่...ไปจริงเหรอ หยางซื่อหลาง คนบ้า...ทำไมหน้าบางอย่างนี้นะ ไม่ได้เรื่องเลย"

         บนถนนอีกฟาก ผานเจิ้งในชุดหรูหรา เจ้าสำราญ ก็เดินเคียงคู่มากับหญิงงาม ที่ชายหนุ่มต่างเห็นก็อดชื่นชม มองตามมิได้ ผานจื่อเอียนในชุดสีเหลือง ประทินโฉมเบาบาง แต่งดงามเจิดจรัส สวยสะคราญปานนางฟ้าในเทพนิยาย เดินเที่ยวชมงานอย่างไม่ค่อยคึกคัก ร่าเริงเท่าไร

         "นี่ น้องพี่ ดูสิ คนเยอะน่าดูเลย แค่คิดก็สนุกแล้ว ข้าจะได้เดินควงสาวงาม พาหมิงจูไปลอยโคม แล้วยังได้อัดเจ้าเต่าหยางฉี่หลางต่อหน้าทุกคนในเมือง ฮ่ะ ฮ่ะ คืนนี้ต้องโชคดีแน่ๆ"

         น้องสาวเพียงยิ้มบางๆ ตอบ จางคุนชี้ไปข้างหน้า ร้อง

         "นายน้อย นายน้อย นั่นไง เจ้าหยางฉี่หลาง มันอยู่โน่น"

         "มาแล้วเหรอ จื่อเอียน น้องพี่ เราไปกันเถอะ"

         ผานเจิ้งหันมาคว้าแขน แต่นางขืนตัวไว้ ส่ายหน้า พูดซึมๆ

         "ข้าไม่ไปหรอก พี่จะไปต่อยตีใช่ไหม อย่าให้หนักมากนะ ระวังท่านพ่อจะด่าเอา"

         "อ้าว เจ้าไม่ไปกับพี่ แล้วเจ้าจะไปไหน"

         "ข้าจะไปลอยโคม แล้วก็จะกลับบ้าน เพราะข้าเพลียมาก เดินไม่ไหวแล้วล่ะ"

         ผานเจิ้งเห็นใบหน้าซีดๆ ของนางแล้วรู้สึกสงสารจับใจ ที่ถูกตนลากมาเที่ยวเป็นเพื่อน จึงปล่อยมือ พยักหน้า บอกอย่างเป็นห่วง

         "งั้นเจ้าก็กลับดีๆ นะ รีบๆ เข้านอนเสีย ไม่ต้องห่วงพี่ พี่ต้องชนะมันแน่ จางคุน ไป"

         ผานจื่อเอียนมองตามหลังพี่ชายไป แล้วถอนใจ หันหลังกลับ เดินไปอีกทาง เป็นจังหวะเดียวกับที่หยางซื่อหลางเดินมาจากอีกด้านหนึ่ง แล้วชนเข้ากับหยางอู่หลางที่เดินถอยหลังมา

         "อ้าว พี่สี่..."

         "น้องห้า น้องเจ็ด หมิงจู นี่ พวกเจ้าก็มาด้วยเหรอ"

         เขาถามอย่างแปลกใจ ทุกคนไม่ทันตอบ ผานเจิ้งก็นำสมุนเดินมาถึง เรียกเสียงดัง

         "หยางฉี่หลาง!"

         "ผานเจิ้ง!"

         น้องเจ็ดก็เรียกด้วยเสียงอันดังเช่นกัน ทั้งสองเดินเข้ามาประจันหน้ากัน

         "ว่าไง เตรียมพร้อมมารับความอับอายแล้วใช่ไหม"

         "ใครกันแน่ที่ต้องอาย ยังไม่รู้ผล อย่าเพิ่งคุยโวดีกว่า"

         "เดี๋ยวก่อน นี่มันเรื่องอะไรกัน"

         หยางซื่อหลางกอดอกถามเสียงเข้ม น้องเจ็ดตอบโดยยังจ้องหน้าคู่อริเขม็ง

         "พี่สี่ไม่ต้องห้าม วันนี้ข้ากับผานเจิ้งจะประลองกันตัวต่อตัว ให้รู้ดำรู้แดงไปเลย"

         ผานเจิ้งเหลือบมาเห็นยอดดวงใจ ถึงกับตาโต ร้องอุทานเสียงหวาน

         "หมิงจู นางฟ้าของข้า วันนี้เจ้าช่างงามจริงๆ"

         จะก้าวเข้าหา แต่หยางฉี่หลางคว้าคอเสื้อไว้ ผลักให้กลับไปยืนที่เดิม

         "อย่ามัวแต่หื่นกามอยู่เลย ผานเจิ้ง เวทีประลองอยู่ด้านโน้น"

         "ก็ไปซี่ หมิงจู เจ้าต้องไปเชียร์ข้านะ"

         สาวใช้ส่งยิ้มหวาน ย่อกายคำนับ

         "ค่ะ คุณชายผาน ข้าเอาใจช่วยท่าน"

         "หมิงจู!"

         นายน้อยเจ็ดตวาดลั่น นางเลิกคิ้ว ย่อกายอีกหน ส่งยิ้มหวานอย่างประชด

         "แล้วก็...คุณชายเจ็ดด้วยนะคะ"

         "เชอะ ไป"

         หยางฉี่หลางตวาด แล้วเดินนำหน้าไปทันที ผานเจิ้งตามไปติดๆ หยางอู่หลางขยับตัว

         "น้องเจ็ด น้องเจ็ด..."

         เรียกอย่างเป็นห่วง แล้วจะตามไป แต่หยางซื่อหลางคว้าไหล่ไว้ บอกเรียบๆ

         "ปล่อยไปเถอะ เรื่องนี้เขาเป็นคนผูก ก็ต้องให้เขาแก้เอง จะมาช่วยทุกครั้งไม่ได้หรอก"

         "แต่ฝีมือน้องเจ็ด ยังเป็นรองเจ้าผานเจิ้ง ข้าอดเป็นห่วงไม่ได้"

         พี่สี่นิ่งคิด ก่อนจะพยักหน้า

         "ก็ดีเหมือนกัน เจ้าตามไปดูหน่อย ถ้ารุนแรงมากนัก ก็จุดพลุสัญญาณเรียกข้านะ"

         "ครับ พี่"

         หยางอู่หลางตามไปแล้ว สาวใช้จอมแก่นกลับค่อยๆ ก้าวถอยหลังเตรียมจะฉากหลบ แต่หยางซื่อหลางตาไวอยู่แล้ว เหลือบเห็นด้วยหางตา ถอนใจ แล้วเรียกรั้งตัวไว้

         "หมิงจู..."

         "ขา...คะ คุณชายสี่..."

         นางลากเสียง รู้ตัวว่าหลบไม่พ้น จึงรีบเข้ามาประจบ ยิ้มแห้งๆ เขากอดอก มองนางอย่างตำหนิปนขำ

         "ตัวเองเป็นต้นเรื่อง จะมาหนีเอาตัวรอดง่ายๆ แบบนี้เหรอ"

         "เอ๋ ข้าไม่ใช่ต้นเรื่องนะคะ คุณชายสี่ ที่พวกเขาประลองกัน ไม่เกี่ยวกับข้าสักหน่อย"

         "แต่เจ้าก็ออกมากับเขาด้วย ถึงไม่เกี่ยวก็ต้องเกี่ยวล่ะ ตามไปดูหน่อยไป ถ้าผานเจิ้งลงมือหนัก คนที่จะช่วยพวกเขาได้ ก็มีแต่เจ้า อย่าให้เกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นเด็ดขาด"

         "เฮ้อ ทราบแล้วค่ะ"

         นางเลยอดเที่ยว ต้องตามไปเฝ้าสองชายอย่างเซ็งๆ สุ่ยหลงหลงเดินตามหาเขาจนมาเจอ

         "นี่ หนีมาไม่บอกข้าเลยนะ นี่เหรอที่บอกว่า มาเที่ยวด้วยกัน"

         "ก็เจ้าบอกให้ข้าไปเองนะ"

         "ข้าแค่ประชดเท่านั้นน่ะ อย่าถือเป็นจริงเป็นจังสิ ก็ได้ ก็ได้ ก็ได้ ต่อไปข้าไม่ขโมยของต่อหน้าท่านแล้ว พอใจรึยังคะ นายน้อยตระกูลหยาง"

         นางจีบปากบอกประชด เขายิ้มหึๆ 

         "แล้วเราจะไปไหนกันต่อดี"

         "ไปลอยโคมกัน"

         นางบอกยิ้มแย้ม แล้วฉุดแขนเขาไป

         "เอาโคมอันนี้ค่ะ"

         ด้านผานจื่อเอียนเลือกโคมมาอันหนึ่ง เดินอย่างเหงาๆ ไปที่ริมแม่น้ำ ย่อกายลงจะลอย ก็นึกถึงใบหน้าเขา ยิ้มขึ้นมา

         "ตอนนี้เขาคงนั่งหน้านิ่วอยู่ในค่ายทหาร น่าจะชวนมาเที่ยวด้วยกันก็คงดี"

         อีกด้าน สุ่ยหลิงหลงกับหยางซื่อหลางมาถึงริมน้ำคนละฝั่ง นางมอบโคมให้เขา เขาก็ย่อกายลง จะลอยเลย นางฉุดแขนไว้

         "นี่ ลอยอย่างนี้ได้ที่ไหนกันล่ะ ต้องจุดไฟและอธิษฐานก่อน"

         "ข้าทำไม่เป็น ข้าไม่เคยลอยนี่นา"

         "ดูพวกเขาสิ มา..."

         นางย่อกายลง จุดไฟ ผานจื่อเอียนกำลังจะลอย เหลือบไปเห็นก็สะดุ้ง รีบหันหน้าหลบ

         "ซื่อหลาง!"

         แต่พอเห็นพวกเขาไม่สนใจมองมา จึงค่อยๆ หันกลับไปมองอีกครั้ง

         "ผู้หญิงคนนั้น ที่อยู่ในค่ายนี่ หรือว่า...นางคือยั่วหลาน นางกลับมาแล้วเหรอ"

         "เอ้า อธิษฐานได้"

         นางส่งโคมให้เขาก่อน เขารับไปแล้วหลับตา ภาวนา ก่อนส่งคืนให้นาง

         "ท่านอธิษฐานว่าอะไร"

         "บอกไปก็ไม่ศักดิ์สิทธิ์สิ"

         "อืม..."

         นางรับไป หลับตา อธิษฐานบ้าง ก่อนจะลืมตา ยิ้มแย้ม

         "ท่านไม่ถามข้าเหรอ"

         "ไม่ต้องหรอก"

         "แต่ข้าอยากบอกนี่นา ข้าอธิษฐานว่า..."

         นางฉุดแขนเขา ไปกระซิบริมหู ผานจื่อเอียนมองไกลๆ นึกว่านางหอมแก้มเขา ถึงกับอ้าปากค้าง ตัวชา หัวใจกระตุกสั่นไหว

         "เจ้านี่แสบจริงๆ เลย อยากเป็นนางโจรผู้ไร้เทียมทานอันดับหนึ่งในใต้หล้าเหรอ"

         "ใช่แล้ว นี่แหละความฝันข้าเลย จวนเทียนปอของท่านก็ระวังไว้เถอะ วันหนึ่งข้าต้องเข้าไปเอาของให้ได้"

         "เฮอะ มาเถอะ ยินดีต้อนรับเสมอ"

         เขาหยอกล้อกับนางอย่างสนุกสนาน ก่อนที่ทั้งสองจะปล่อยโคมพร้อมกัน

         "นี่ แม่นาง ตกลงเจ้าจะลอยไหม ถืออยู่นานแล้วนะ"

         คู่รักชาวบ้านที่รอคิวอยู่ด้านหลังผานจื่อเอียนเรียก นางจึงได้สติ ลุกขึ้นอย่างอายๆ

         "เอ่อ ขอโทษค่ะ เชิญ..."

         นางหลีกทางให้ แล้วอุ้มโคมเดินจากมาอย่างไร้กะจิตกะใจจะลอยอีกแล้ว...

         บนเวที สองหนุ่มหันหน้าประจันกัน โดยมีกรรมการเปล่าประกาศอยู่ตรงกลาง

         "ต่อไปนี้ จะเป็นการประลองฝีมือกัน ระหว่าง นายน้อยตระกูลผาน ผานเจิ้ง กับคุณชายเจ็ดตระกูลหยาง หยางฉี่หลาง..."

         "ใครแพ้ ขอให้ทุกคนเรียกมันดังๆ ว่า ลูกเต่า สิบครั้ง"

         ผานเจิ้งประกาศแทรก พวกชาวบ้านต่างชูมือร้องอย่างคึกคัก

         "ลูกเต่า...ลูกเต่า...ลูกเต่า...ฮ่ะ ฮ่ะ"

         หยางอู่หลาง กับหมิงจูหันมาสบตากัน ด้วยสีหน้าสยอง

         "หยางฉี่หลาง วันนี้ข้าจะทำให้เจ้าอับอายต่อหน้าชาวเมืองไปอีกสิบปีเลย"

         "เฮอะ ใครขายหน้า เดี๋ยวก็ได้รู้"

         หยางฉี่หลางโต้ตอบอย่างไม่เกรงกลัว 

         "การประลองเริ่มได้..."

         ทั้งสองเดินเข้าหากันช้าๆ ก่อนจะเริ่มประเดิมด้วยเพลงหมัดเป็นชุดๆ

         "ย๊ะ ย๊ะ ย๊ะ..."

         "นายน้อยสู้ๆ นายน้อยสู้ๆ..."

         พวกสมุนจางคุนร้องเชียร์ หยางอู่หลางชูมือ ร้องให้กำลังใจด้วย

         "น้องเจ็ดสู้ๆ น้องเจ็ดสู้ๆ..."

         สุ่ยหลิงหลงรั้งแขนหยางซื่อหลางไว้ เมื่อได้ยินเสียงคึกคักมาอีกด้านหนึ่ง

         "นี่ นี่ ทางโน้นมีการประลองยุทธ์กัน เราไปดูกันเถอะ"

         "เจ้าไปเถอะ ข้าเบื่อแล้ว อยากจะกลับแล้วล่ะ"

         "อย่าเพิ่งกลับสิ ท่านรอข้าเดี๋ยวนะ ข้าไปดูก่อนว่าสนุกไหม อยู่ตรงนี้นะ"

         นางวิ่งไป เขาได้แต่ยิ้มขำๆ ไม่ได้ยืนรออย่างที่นางขอ แต่เดินไปเรื่อยๆ ด้วยอารมณ์ที่ไม่สนุกนักอย่างที่คิด ผานจื่อเอียนเดินถือโคมเหม่อลอยมาจากอีกฟาก คิดถึงแต่ภาพสนิทสนมของพวกเขาสองคน กระทั่งเด็กคนหนึ่งวิ่งชนนาง นางได้สติ เหลือบมองด้านหน้า ก็พบเห็นเขา...

         "ซื่อหลาง...!"

         ตะลึงวูบ เขาหันมาพอดี นางรีบหันหลังขวับ ยืนใจเต้นแรง แล้วรีบก้าวเดินเร็วๆ จากไป หยางซื่อหลางเขม้นมองอย่างฉงน เขาเห็นใบหน้านางเพียงแวบๆ แต่ก็รู้สึกคุ้นๆ และแปลกใจในอากัปกริยาท่าทางของนางมาก

         ผานจื่อเอียนกลับมาที่ริมแม่น้ำ พะว้าพะวังไม่รู้จะทำอย่างไรดี ตัดสินใจล้วงผ้าเช็ดหน้าออกมาปิดคลุมหน้าไว้ ลอยโคมที่อยู่ในมือไปก่อน แล้วรีบหนีกลับบ้านดีกว่า 

         เพราะความรีบร้อน ทำให้ข้อเท้าสะดุดกับเสาข้างๆ นางเสียหลัก ร่างจะตกลงไปในน้ำ มือหนึ่งก็ฉุดแขนขึ้นมาทันท่วงที ร่างนางหันกลับมาด้วยแรงเหวี่ยง ประจันหน้ากับเขาห่างเพียงแค่คืบ สองสายตาประสานกัน เขาตะลึง นางตกตะลึงยิ่งกว่า!

         ได้สติ แม้หัวใจเต้นแรง แต่ต้องรีบผละห่างจากเขา ก้มหน้า หลบสายตา บอกอ้อมแอ้ม

         "ข...ข้าจะลอยโคม โปรด...หลีกทางด้วย"

         หยางซื่อหลางจ้องนางเขม็ง มองสำรวจไปทั่วตัว แล้วยิ้มอย่างทึ่ง ถามอย่างสุภาพ

         "แม่นาง...มาลอยโคมคนเดียวหรือ"

         "...ใช่แล้ว"

         นางย่อกายลง จะลอยให้มันจบๆ ไป ผู้เฒ่าคนหนึ่งเดินผ่านมาเห็นก็ทัก

         "อ้าว แม่นาง ทำไมมาลอยคนเดียวล่ะ"

         "ท่านลุง ทำไมหรือคะ"

         "โคมนี้ เป็นโคมวาสนา เขาให้ลอยเป็นคู่ จะได้มีโชคลาภ เป็นศิริมงคล ลอยคนเดียวมันอัปมงคลนะ ไม่ดีหรอก"

         "แต่ว่าข้า..."

         "ไม่จำเป็นต้องเป็นคนรักก็ได้ เพื่อนก็ได้ ไปหาคู่ลอยเถอะ"

         ผู้เฒ่าหวังดีแนะนำแล้วเดินจากไป นางนิ่งกระอึกกระอัก ไม่รู้จะไปหาใคร หยางซื่อหลางอมยิ้ม มองนางอย่างทั้งขำ ทั้งชื่นชม

         "แม่นาง ถ้าเจ้าไม่ได้มีใครมาด้วย และถ้าไม่รังเกียจ ให้ข้าลอยเป็นเพื่อนจะได้ไหม"

         ผานจื่อเอียนยืนขึ้น สบตา นิ่งไปครู่ ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย เขาจึงเดินเข้าไปจับโคมอีกข้าง

         "ขออภัย ใบหน้าของแม่นาง..."

         ถาม ขณะพินิจอย่างใกล้ชิด นางหลบตาอีก ตอบแผ่วเบา

         "อ๋อ ใบหน้าข้าถูกไฟเผาแต่เด็ก จึงอัปลักษณ์ น่าเกลียดน่ากลัวยิ่งนัก"

         เขาซ่อนยิ้ม บอกอ่อนโยน

         "เจ้าอย่าได้คิดมากเลยนะ รูปโฉมก็แค่ของภายนอก คุณค่าของคนอยู่ที่ภายในใจต่างหาก"

         ทั้งสองคุกเข่าลง นางจุดเทียน อธิษฐาน ก่อนลอยลงในน้ำพร้อมกัน นางมองโคมที่ลอยไป แต่เขาจ้องใบหน้านางมิยอมห่าง นางหันมาเห็นแววตาของเขาก็ชะงัก รีบลุกขึ้นยืนอย่างประหม่า

         "ข้า...ขอบคุณมาก ข้าขอตัวก่อน"

         นางรีบเดินไป เขาเรียกไว้

         "เดี๋ยว แม่นาง..."

         นางหยุด แต่ไม่ได้หันมา เขาก็ไม่ได้ตามมาดักหน้า เพียงเอ่ยยิ้มๆ

         "ที่หลังมือของเจ้า บาดเจ็บมาหรือ!"

         "หา..."

         นางพลิกมือดู แล้วต้องตกใจ เมื่อเขาดันเห็นรอยแผลจากการพลาดถูกทวนระหว่างซ้อมกับเพื่อนเสียแล้ว และเขาก็เคยเห็นมาแล้ว ตอนอยู่ในค่าย นางยิ่งร้อนรนกว่ากว่า

         "เอ่อ แค่มีดบาดน่ะ ข้าขอลาก่อนนะ"

         ผานจื่อเอียนรีบร้อนเดินไป จนชนกับเสาอีก นางทั้งอาย ทั้งหงุดหงิดตัวเอง แล้วพาลเลยไปโกรธเขา ที่ดันมาเจอกันในคืนนี้ หยางซื่อหลางมองตามนางจนลับสายตาไป แล้วยิ้มกว้างออกมาเป็นครั้งแรก พึมพำอ่อนหวาน

         "ได้เห็นเจ้าแต่งตัวเป็นหญิง ช่างงามโสภาจริงๆ น่าเสียดาย ภายใต้ผ้าเช็ดหน้าผืนนั้น คงงดงามยิ่งกว่า จุนย่งฉี เมื่อไหร่ข้าจะได้เห็นเจ้าในตัวตนที่แท้จริงสักทีนะ!"

     


     
         สุ่ยหลิงหลงแหวกฝูงชนเข้ามาดูการประลองด้านใน ผานเจิ้งกับหยางฉี่หลางแลกหมัดกันอย่างเมามัน หนักหน่วง สู้กันเอาเป็นเอาตาย พวกชาวบ้านต่างร้องเชียร์กันอย่างสนุกสนาน สะใจ และแอบเอาใจช่วยนายน้อยตระกูลหยางให้สยบจอมอันธพาลประจำเมืองอยู่ในใจ แต่มีทีท่าว่าจะไม่รอด เพราะหลายเพลงผ่านไป หยางฉี่หลางตกเป็นเบี้ยล่าง ถูกรุกไล่ตลอด

         "เอ๊ะ เจ้านั่น นายน้อยตระกูลหยางนี่นา คนที่ดักจับเราตอนบุกจวนเทียนปอ แปลว่าเป็นพี่น้องกับอาหลาง"

         นางจึงร้องเชียร์หยางฉี่หลางด้วย 

         "เอ้า นี่ สู้เขา อย่ายอมแพ้นะ เข้มแข็งหน่อย"

         เพราะยืนอยู่ใกล้กัน หยางอู่หลางจึงได้ยิน แล้วหันมามอง เหมือนกามเทพแผลงศร เขาตะลึง อ้าปากค้าง จ้องนางที่รูปโฉมงดงาม เด่นสง่ากว่าใคร อย่างหลงรักในทันที

         บนเวที หยางฉี่หลางถูกซัดกระเด็นลงไปกองกับพื้น หมิงจูปิดหน้าอย่างไม่อาจทนมองอีกไหว นายน้อยเจ็ดหอบหายใจ บอบช้ำไปทั้งกาย ยกมือกุมหน้าอก ผานเจิ้งหัวเราะเย้ยหยัน

         "ยอมเป็นลูกเต่าให้ข้าขี่ซะดีๆ เถอะน่า หยางฉี่หลาง จะได้ไม่ต้องเจ็บตัว"

         "ย๊า..."

         หยางฉี่หลางโมโหสุดขีด ตกลงใจใช้ท่าไม้ตาย เขาทุ่มเทพลังทั้งหมด จ้วงหมัดออกไปอย่างรุนแรง เป็นจังหวะเดียวกับที่ผานเจิ้ง ก็สวนหมัดแลกกัน หมัดของผานเจิ้งชกเข้าที่หน้าอกเขา ส่วนหมัดของเขาชกเข้าที่ท้องของผานเจิ้ง แล้วต่างก็นิ่ง ยืนแข็งเป็นหินกันไปทั้งคู่!

         "อ้าว ทำไมค้างล่ะเนี่ย"

         "นิ่งเลยอ่ะ ไม่ชกกันต่อล่ะ"

         "เฮ้ สู้กันสิ หยุดทำไม"

         พวกชาวบ้านต่างร้องตะโกน แต่พวกเขาสองคนก็ยังอยู่ในท่านั้น ไม่กระดุกกระดิกตัว คนเลยพากันพึมพำอย่างสงสัย ไม่เข้าใจ สุ่ยหลิงหลงก็งง หยางอู่หลางยังจ้องนางตาค้างอยู่เช่นนั้น ไม่ได้ดูเวที หมิงจูสังเกตอาการอย่างฉุกใจคิด ก่อนจะร้องอย่างตกใจ

         "แย่แล้ว รีบเอานายน้อยกลับบ้านเร็ว!"

         นางกระโดดขึ้นเวที ฉุดร่างที่แข็งทื่อของนายน้อยเจ็ดออกมา พร้อมร้องบอก

         "คุณชายห้า มาช่วยกันหน่อยสิ"

         หยางอู่หลางจึงได้สติ หันมาเห็นอาการน้อง ร้องตกใจ

         "หา น้องเจ็ด น้องเจ็ด..."

         หมิงจู กับคุณชายห้าแยกร่างหยางฉี่หลางออกมา พวกจางคุนก็แยกร่างนายน้อยออกมา ทั้งสองยังนิ่งอยู่ในท่าจ้วงหมัด แข็งทื่อราวกับตายไปแล้ว พวกเขารีบหามร่างนั้นลงเวทีโดยเร็ว

         "ว้า หมดสนุกเลย"

         สุ่ยหลิงหลงร้องอย่างขัดใจ ชาวบ้านเลยพากันแยกย้ายจากไปอย่างงุนงง
     

     
         ร่างแข็งทื่อของหยางฉี่หลางถูกวางลงบนเตียงในห้องนอนที่จวนเทียนปอ ในยามดึกสงัด

         "ทำไมน้องเจ็ดเป็นอย่างนี้ล่ะ"

         หยางอู่หลางถามอย่างร้อนใจ เมื่อปลุกอย่างไร น้องก็ไม่ได้สติ หมิงจูใช้สมองขบคิดอย่างเร่งด่วน

         "เมื่อตะกี้ คุณชายเจ็ดใช้ท่าหมัดสะบั้นใจ ชกไปที่ท้องของผานเจิ้ง ส่วนผานเจิ้งก็ใช้ท่าเดียวกัน ชกไปที่อกของคุณชาย เดี๋ยวก่อน แบบนี้มันแปลว่า..."

         "แปลว่าอะไร เจ้ารีบๆ คิดหน่อยสิ น้องเจ็ดตัวเย็นชืดแล้วนะ จะเป็นไรรึเปล่า ไม่ได้การ ไปบอกท่านพ่อดีกว่า"

         เขาร้อนใจมากจะรีบเดินไป หมิงจูฉุดมือไว้

         "ไม่ได้นะคะ ถ้าบอกนายท่าน คุณชายแย่แน่"

         หยางซื่อหลางผลักประตูเข้ามา สีหน้าร้อนใจ

         "หมิงจู..."

         "คุณชายสี่..."

         นางร้องอย่างดีใจ ราวกับสวรรค์มาโปรด

         "น้องเจ็ด เป็นไงบ้าง"

         เขาได้ยินผู้คนคุยกันเรื่องนี้ในงาน จึงรีบกลับบ้านมาดูอาการน้อง 

         "พี่สี่ดูทีเถอะ น้องเจ็ดท่าจะแย่แล้ว"

         เขาก้าวเร็วๆ มาที่เตียง เห็นสภาพของหยางฉี่หลาง แล้วตกใจ

         "เกิดอะไรขึ้น"

         "คุณชายเจ็ดใช้หมัดสะบั้นใจกับผานเจิ้ง บังเอิญผานเจิ้งก็ใช้ท่าเดียวกัน ทั้งสองคนออกหมัดพร้อมกัน แล้วก็ค้างไปพร้อมกันเลยค่ะ"

         นางรายงานอย่างเร่งด่วน หยางซื่อหลางจับชีพจรน้อง แล้วบอกเร็วๆ

         "พยุงตัวเขาขึ้น"

         หยางอู่หลางพยุงร่างน้องขึ้นมา นายน้อยสี่เกร็งกำลังภายในไว้ที่ฝ่ามือ แล้วผลักลมปราณกระแทกจุดตันบนท้องน้อย น้องเจ็ดสะดุ้งเฮือกหนึ่ง เบิกตาโพลง ก่อนที่เรือนร่างจะอ่อนระทวย ไม่แข็งทื่อดั่งเก่า แต่ยังสลบไสลอยู่

         "น้องเจ็ด น้องเจ็ด..."

         "คุณชายเจ็ด..."

         ทั้งสองเรียกอย่างร้อนใจ หยางซื่อหลางถอนหายใจ

         "ไม่เป็นไรแล้ว ดีที่ข้ามาทัน ช้ากว่านี้อีกนิด เขาได้ไปปรโลกแน่!"

         "หา..."

         "เอ๊ะ แล้วอย่างนี้ ผานเจิ้งจะเป็นไรรึเปล่าคะ"

         "หมัดของน้องเจ็ดยังไม่มีอานุภาพรุนแรงพอ จะทำอันตรายถึงชีวิตเขาหรอก อาการเขาคงไม่หนักเท่าน้องเจ็ดแน่ๆ"

         "เรื่องนี้ จะให้ท่านพ่อ ท่านแม่ รู้ไม่ได้เด็ดขาดเลยนะ หมิงจู"

         นายน้อยห้ากำชับ สาวใช้พยักหน้า

         "แน่นอนอยู่แล้วค่ะ"

         หยางซื่อหลางถอนหายใจเหน็ดเหนื่อย ราตรีนี้...ช่างวุ่นวายเสียจริงๆ

     


    © themy  butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×