ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บัลลังก์ไพร [E-Book]

    ลำดับตอนที่ #1 : หมู่บ้านไพรพฤกษ์

    • อัปเดตล่าสุด 10 ธ.ค. 61



    ป่าดงดิบ ณ จุดตกสำรวจบนแผนที่โลก

    คืนเดือนดับปลายฤดูฝน เกิดพายุลูกใหญ่ กินบริเวณเกือบครึ่งภูเขา สายฟ้าแลบแปลบปลาบ สายฝนกระหน่ำกรรโชก น้ำป่าไหลจากที่สูงท่วมพื้นที่ราบ บรรจบกับลำธารสายน้อย บางส่วนที่อุดมสมบูรณ์ชุ่มฉ่ำและดูดซึมสายธารสู่เบื้องล่าง บางส่วนเกิดเป็นน้ำขัง ท่วม และเจิ่งนอง ปรากฏการณ์ธรรมชาติจากนอกโลก ได้ส่งสะเก็ดอุกกาบาตพุ่งลงมาดุจห่าฝน มันตรงเข้ากระแทกผนังถ้ำแห่งหนึ่ง และบางส่วนตกกระจายอยู่บริเวณนั้น การถูกก้อนหินจากนอกโลกอัดกระแทกซ้ำๆ ได้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ...

    เสียงคำรามอันจำแนกเพศพันธ์ุมิได้ ดังกึกก้อง โหยหวน สะท้อนวนไปมาในดินแดนอันเงียบสงบ ไร้สรรพชีวิต ไม่มีแม้แต่สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่สุดอาศัยอยู่ อาณาบริเวณที่มีชื่อเรียกขานว่า ...ประตูนรก





    หนึ่งเดือนต่อมา

    ฝุ่นทรายฟุ้งตลบอบอวล ผสมละอองควันบางๆ จากท่อไอเสีย เมื่อรถจิ๊ปลายทหาร ยานพาหนะขนาดกลาง บรรทุกกรงสัตว์มาเต็มคันรถ เคลื่อนผ่านถนนลูกรัง ซึ่งเป็นซอยแคบ อุดมด้วยต้นสนสูงชะลูดใบเขียวสดตลอดสองฟากทาง นั่นคือ ทางเข้าออกสายหลักใน "ป่าโศก" ของหมู่บ้านไพรพฤกษ์ ส่งผลให้ชาวบ้านที่สัญจรอยู่ละแวกนั้นหันมามอง  

    "พี่ทิงมาแล้ว... พี่ทิงมาแล้ว..."

    เด็กๆ ร้องบอกกันเจื้อยแจ้ว แล้วพากันวิ่งมาเป็นกลุ่มใหญ่ ห้อมล้อมรถคันนั้นไว้ บุรุษหนุ่มวัยเพียงยี่สิบเอ็ดยี่สิบสอง หย่อนรองเท้าลุยป่าลายพรางเหยียบพื้น ก่อนเอี้ยวตัวลงจากรถ ถอดหมวกปีกกว้าง ผ้าสักหลาด มาตบฝุ่นบนขากางเกง แต่งกายชุดทหารพรานเก่าซอมซ่อ ขะมุกขะมอม ใบหน้าและผิวออกคล้ำเพราะกรำแดด แต่แววตาสุกใส เปล่งประกายความสุข ยิ้มเห็นฟันขาว 

    เขาคือ พรานป่าอายุน้อยที่สุดในหมู่บ้านไพรพฤกษ์ นาม กระทิง สิงห์พนา

    "เฮ้ เฮ้ ห้ามแตะซี้ซั้วนะ นี่ของฝากผู้ใหญ่บ้านเขา" 

    พรานหนุ่มตีมือเด็กชายอ้วนวัยสิบขวบ ซึ่งยื่นมือจะไปแตะกรงที่มีผ้าคลุมไว้

    "แล้วกระรอกของผมล่ะ" เด็กน้อยเงยหน้าท้วงเสียงอ้อน 

    "อยู่นี่ไง..." กระทิงหิ้วกรงใบเล็กจากเบาะหลังมามอบให้ "แหม ทำหน้าผิดหวัง นึกว่าจะลืมเหรอ" ขยี้หัวอย่างเอ็นดู

    "ขอบคุณพี่ทิง" เด็กชายยิ้มปลื้มใจ กอดกรงกระรอกน้อยแนบลำตัว

    "เลี้ยงดูมันดีๆ นะ คู่มือยังอยู่ใช่ไหม"

    "โอเค... จะเลี้ยงให้อ้วนพุงพลุ้ยเหมือนผมเลย" 

    "นี่ หมูแดง แม่ใหญ่อยู่ไหน" 





    กระทิงก้าวขึ้นบันไดบ้านไม้มายังชั้นสอง ผลักประตูเข้าไป

    สตรีวัยกลางคน อายุห้าสิบต้นๆ ในชุดคนป่าพื้นเมือง ยืนกอดอกหันหลังให้อยู่ริมหน้าต่าง แสงแดดที่ส่องลอดเข้ามา กระทบกระสอบป่านที่คลุมบางสิ่งอยู่บนเตียงไม้ ภายในห้องโถงนั้นค่อนข้างกว้าง เครื่องเรือนประกอบด้วยชุดโซฟา โต๊ะทำงานอันวางด้วยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ กรอบรูป กระติกน้ำร้อน ตู้วางของ ตู้ปลา ปืนยาว ธนู หน้าไม้ ไร้ซึ่งสัตว์สตาฟ หรือเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากอวัยวะสัตว์ ซึ่งมักถูกดัดแปลงตกแต่งเป็นเครื่องประดับห้องของครอบครัวพรานนักล่า 

    "แม่ ผมกลับมาแล้ว..."

    "เงียบก่อน!"

    กระทิงชะงักกึก เมื่อใดที่มารดาบุญธรรมของเขามีท่าทีอย่างนี้ เขาไม่อาจรบกวนได้ 

    "คิดอะไรอยู่อีกล่ะ ท่าทางจริงจังเชียว... เฮ้ย อะไรเนี่ย!"

    บ่นพำพลางเดินมาเลิกกระสอบป่านขึ้น ถึงกับสะดุ้งโหยง  

    "รายที่สิบเอ็ด!!" 

    ลั่นทม หันหน้ามากล่าวเรียบๆ  

    "หา... อีกแล้วเหรอ... ทำไมเป็นอย่างนี้ล่ะ ผมเข้าป่าเป็นอาทิตย์ ไม่เห็นเจออะไรเลยนี่นา แม่ชันสูตรศพแล้วเหรอ คราวนี้ โดนกัด หรือว่าอะไรอีก" 

    พรานกระทิงเอามือปิดจมูก ก้มหน้าสำรวจดูใกล้ๆ... 

    ชายวัยหนุ่ม นักท่องเที่ยวชาวพม่า นอนทอดร่างเหยียดยาวไร้วิญญาณอยู่บนเตียง สภาพร่างกายถูกกัดแทะขบกัด เป็นบาดแผลเล็กๆ น้อยๆ ตลอดทั้งตัว แต่โดยเฉพาะส่วนเนื้อที่เห็นชัดเจน เช่น แขนขาและลำคอ ถูกกัดจนเนื้อหนังขาดวิ่น เป็นแผลเหวอะหวะ สภาพน่าอเนจอนาถมาก

    "รอยแผลแปลกๆ แฮะ ต้องเป็นสัตว์กินเนื้อที่ฟันแหลมคมมากแน่ๆ รอยฉีกเรียบกริบเชียว ไม่น่าใช่เขี้ยวเสือ จะว่าสัตว์เล็กกัด บาดแผลก็ไม่น่าฉกรรจ์ขนาดนี้ และสัตว์อะไรล่ะ กระหายเลือดถึงขนาดรุมทึ้งคนจนตายได้"

    "เจอสิ่งนี้ในบาดแผลของเขา" ลั่นทมเดินมา หยิบคีมคีบกระดูกชิ้นเล็กๆ ในจานเหล็กให้เขาดู กระทิงเพ่งมอง "โหววว นี่มันเขี้ยวนี่นา เขี้ยวเสือเหรอ"

    "ตอนแรกคิดว่าใช่ แต่เมื่อตรวจสอบดีเอ็นเอจากน้ำลายที่ปนเปื้อนมากับเลือดแล้ว ไม่ใช่ชิ้นส่วนเสือ ไม่ตรงกับสปีชีส์ของสัตว์ชนิดใดทั้งสิ้น ลักษณะทางพันธุกรรมคล้ายกับสัตว์ตระกูลหนู แต่ถ้าเป็นหนู... มันต้องเป็นหนูสายพันธุ์ใหม่ของโลก พันธุ์ใหญ่ยักษ์ พันธุ์พิลึกพิลั่น อย่างที่ไม่เคยปรากฎในโลกยุคไหนมาก่อน" 

    ลั่นทมกล่าวอธิบายพร้อมก้มตัวลงไปดูในกล้องจุลทรรศน์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของงานทางด้านวิทยาศาสตร์มาปรากฏอยู่ที่นี่ บุคคลภายนอกหากมาเห็นเข้า คงรู้สึกแปลกตาและสงสัย แต่สำหรับกระทิงแล้ว การที่เขาเกิดและเติบโตที่นี่ ย่อมทำให้รับรู้ถึงตัวตนหญิงกลางคนที่ลักษณะภายนอกคล้ายชาวบ้านธรรมดาผู้นี้ดี 

    มารดาบุญธรรม ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน... ดีกรี มหาบัณฑิตจากสหราชอาณาจักร เป็นทั้งนักชีววิทยา นักเคมีวิทยา จบหลักสูตรหมอทหารจากกองทัพบก ก่อนผันตัวเองมาเป็นสาวชนบท ตามสามีผู้เป็นพรานนักล่าที่ยิ่งใหญ่มาอยู่ที่นี่

    "แต่ละรายที่ตาย สาเหตุแทบไม่ซ้ำกันเลย แบบนี้ญาติพี่น้องเขาไม่มาทวงความเป็นธรรมกับเราวุ่นเหรอ แม่" 

    กระทิง เป็นเด็กกำพร้า บิดามารดาเสียชีวิตเพราะโจรป่า จังหวะที่พบเจอกับลั่นทม เป็นช่วงสิบสองปีก่อน ตอนเขายังวัยเด็ก ลั่นทมรับอุปการะเขาไว้ สอนวิชาความรู้ ถ่ายทอดแบบเรียนของลูกผู้ชาย กระทิงรู้เพียงแต่ว่า พรานใหญ่แห่งหมู่บ้านไพรพฤกษ์จนกระจอก แต่ได้ภรรยารวยล้นฟ้า ทั้งสวยงาม และมีความเป็นผู้ดี เด็กๆ ทั้งหมู่บ้านเรียกหล่อนว่า "แม่ใหญ่" หล่อนเปรียบเสมือนต้นโพธิ์ต้นไทรของที่นี่ หลังจากที่สามีหายสาบสูญเข้าป่าไปเกือบห้าปีแล้ว 

    "ผู้ใหญ่บ้านเขาก็มีวิธีจัดการของเขา เรื่องนี้น่ะไม่เกี่ยวกับเรา และสุดวิสัยพรานนำทางจะช่วยได้ แค่ให้เงินเยียวยาตามอัตภาพ รับศพกลับบ้านไป พวกเขาไม่ติดใจสาเหตุการตายนักหรอก ยังไงก็เป็นคนเมือง จะบอกว่าโง่ก็ได้ ดูสิ อย่างกรณีนี้ แค่เรากุว่า ถูกหมาไนขย้ำ เขาก็คงจนปัญญาจะโต้เถียง"

    "น่าสงสารเขานะแม่" 

    "ไม่มีทางเลือก เราก็ต้องรักษาชื่อเสียงของเราเหมือนกัน คิดดูนะ นักท่องเที่ยวตายในป่าโศก สิบเอ็ดรายในรอบหนึ่งเดือน ต่อให้ปิดข่าวไม่ให้รั่วไหลออกไป แต่ละแวกหมู่บ้านใกล้เคียงก็ลือกันให้แซ่ดแล้ว นอกจากป่าโศกของเราจะขึ้นชื่อเรื่องความเศร้า ตอนนี้ เพิ่มเติมเรื่องลี้ลับอันตรายเข้าไปอีก หึ ป่าดับไม่กลัว กลัวแต่หลังจากนี้จะมีพวกลองดีเข้ามาไม่หยุดหย่อนน่ะสิ"

    ลั่นทมยืนกอดอก เอนหลังพิงตู้ ใบหน้ามีรอยครุ่นคิดเงียบขรึม

    "แต่มันก็น่าแปลกจริงๆ น๊าา สิบเอ็ดรายมีแต่นักท่องเที่ยวที่ตาย ส่วนพวกพรานรอดหมด คนที่เป็นพรานนำทาง ควรจะสัมผัสอันตรายได้ก่อนนักท่องเที่ยวไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่มีใครเห็นเหตุการณ์เลยแม้แต่คนเดียว ถ้า "สาเหตุการตาย" นั้น เป็นสัตว์ เป็นไปได้เหรอว่า พวกพรานจะไม่ระแคะระคายบ้าง"

    พรานหนุ่มตั้งข้อสังเกต แต่พรานหญิงอาวุโสคิดไกลกว่าเขา 

    "เรื่องแปลกไม่ได้มีเท่านี้หรอก ตอนนี้ ฉันเริ่มเอะใจบางอย่างแล้ว แต่ถ้าไม่ไปเห็นกับตา คงยากจะได้คำตอบ" 

    "หา สงสัยอะไรเหรอ แม่" 

    "เคยได้ยินเรื่อง "ประตูนรก" ใช่ไหมล่ะ" 

    "เคย เส้นแบ่งเขตแดนในตำนานไง"

    "จุดที่นักท่องเที่ยวพวกนั้นตาย คือ เขตยมโลก ฉันคิดว่า..."

    ยังไม่ทันกล่าวจบ พรานเฒ่าคนหนึ่งก็วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา

    "นายหญิง นายหญิง แย่แล้ว!"

    "เกิดอะไรขึ้น ข้างนอกเอะอะโวยวายอะไรกัน" 

    "ม...มีคนเมืองสองกลุ่มใหญ่ พกพาอาวุธครบมือ บ...บุกเข้ามาในหมู่บ้านเราครับ" 

    "แม่ ผมออกไปดูเอง แม่อยู่ในนี้นะ" 

    เมื่อเกิดสถานการณ์ที่ไม่น่าไว้วางใจ พรานหนุ่มกระทิงจำต้องสวมบทผู้กล้าปกป้องมารดาบุญธรรมที่รักและเคารพของเขา

    ลั่นทมยืนมองบุตรชายตามพรานเฒ่าออกไป ด้วยแววตานิ่งสงบ ก่อนหันมามอง "ปืนยาวคู่" ที่แขวนอยู่บนฝาผนัง!  
    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×