โดยไม่เรียงลำดับตามประวัติศาสตร์
หรือ ชื่อเสียงเก่าๆ ในอดีต
ทุกๆ สามปี จะมีการประลองคัดเลือก
เพื่อจัดอันดับใหม่
เหตุที่ต้องจัดบ่อยครั้ง เพราะวิชาไม่หยุดนิ่ง
วรยุทธ์ก้าวหน้าไม่หยุดยั้ง
พรรคก่อเกิดใหม่ วีรบุรุษกำเนิดทุกขวบปี
ดังนั้น ตำแหน่ง จ้าวยุทธ์ (ผู้นำแห่งยุทธภพ) และ ประมุขน้อย (ผู้นำรุ่นเยาว์) จึงต้องมีการแข่งขันทุกๆ สามปี
6 พรรคใหญ่ ประกอบด้วย
1.หมู่ตึกเทพกระเรียน [อันดับหนึ่งแห่งยุทธภพ]
= เพลงกระบี่ วิชาจี้จุด และค่ายกล แหล่งรวมยอดศาสตราวุธ
2.ป้อมพยัคฆ์คำราม [อันดับสองแห่งยุทธภพ]
= เพลงดาบ และวิชาสงคราม เบ้าหลอมอาวุธที่เลิศล้ำ
3.ตำหนักเขียวขจี [อันดับห้าแห่งยุทธภพ]
= ดนตรี การแพทย์ ยาพิษ และการแปลงโฉม
4.หมู่บ้านดาวตก [อันดับเจ็ดแห่งยุทธภพ]
= อาวุธลับ และวิชาตัวเบา
5.พรรคกระยาจก [อันดับเก้าแห่งยุทธภพ]
= สมาชิกมาก วิชาไม้เท้า เหยี่ยวข่าวที่หูตาไวสุด
6.พรรคอักษรกระบี่ [อันดับสิบแห่งยุทธภพ]
= การประยุกต์ ผนึกสายวิชา อักขระโบราณลึกลับ
7 สำนักใหญ่ ประกอบด้วย
1.เส้าหลิน [อันดับสามแห่งยุทธภพ]
= พลังลมปราณ หมัดมวย และพลอง
2.บู๊ตึ๊ง [อันดับสี่แห่งยุทธภพ]
= สายลมปราณ และเพลงกระบี่
3.ง่อไบ๊ [อันดับหกแห่งยุทธภพ]
= สายลมปราณ และเพลงกระบี่
4.คุนลุ้น [อันดับแปดแห่งยุทธภพ]
= เพลงหมัด และเพลงดาบ
5.คงท้ง [อันดับสิบเอ็ดแห่งยุทธภพ]
= เพลงหมัด และเพลงดาบ
6.จงน้ำ [อันดับสิบสองแห่งยุทธภพ]
= วิชาทางน้ำอันดับหนึ่ง เพลงพลอง
7.เตียมซัง [อันดับสิบสามแห่งยุทธภพ]
= เพลงพลอง และอาวุธลับ
4 มาร ประกอบด้วย
1.วังจันทรา = มายากล สะกดจิต เวทมนตร์
2.สุสานกระดูกขาว = ดนตรี แปลงโฉม ยาพิษ
3.เกาะอสูร = ค่ายกล อาวุธลับ วิชาจี้จุด
4.หุบเขาอเวจี = สัตว์ร้าย อาวุธประหลาด
จ้าวยุทธ์ คนปัจจุบัน คือ เจ้าถิงฟง ประมุข แห่ง หมู่ตึกเทพกระเรียน [2 สมัย]
ประมุขน้อย คนปัจจุบัน คือ เหลียนเฉิงปี นายน้อย แห่ง ป้อมพยัคฆ์คำราม [1 สมัย]
ยุทธภพสงบสุข ภายใต้การนำของผู้นำทั้งสอง
ทว่า การดำรงอยู่ของ 4 มาร ดุจหนามยอกอก เป็นภัยร้ายแก่บู๊ลิ้ม
ก่อกรรมทำเข็ญ สร้างความเดือดร้อน แก่ชาวบ้าน และชาวยุทธ์
มีการปะทะกันบ้างประปราย มาตลอดหลายปี
4 มาร ซึ่งเป็นสัมพันธมิตรกัน ไม่ประกาศศึกอย่างโจ่งแจ้ง
ด้วยกำลังฝ่ายอาธรรมที่มีน้อยกว่ามาก
พวกมันค่อยๆ ซ่องสุมกำลัง และพัฒนาฝีมืออย่างต่อเนื่อง
เสาะแสวงหาคัมภีร์ และศาสตราวุธ อย่างเงียบๆ
เปลือกนอก ยุทธภพสงบ ราบรื่น เหมือนฝ่ายธรรมะ ควบคุมทุกอย่างไว้ในกำมือ หารู้ไม่ว่า คลื่นใต้น้ำกำลังก่อตัว และเริ่มปั่นป่วน พวกเขาทีละน้อย อย่างเงียบเชียบ กว่าจะรู้ตัว...
เหลียนไถ้ ประมุขป้อมพยัคฆ์คำราม และ ไต้ซือซิหมิง เจ้าสำนักเส้าหลิน ก็หายสาบสูญไป!!
บทโปรย…
สองแขนไขว้สลับ นิ้วมือประสานผนึก เกร็งกำลังภายในจากท้องน้อย แขนขวาตั้งฉาก สองนิ้วชี้ฟ้า ข้อศอกถ่วงดุล มือซ้ายบังคับ ดูดพลังขึ้นมาสู่ข้อแขน กำหนดศูนย์กลางที่ข้อมือ ค่อยๆ ขยับเลื่อนขึ้น แต่ไปไม่ถึงนิ้วทั้งห้า เลือดลมโคจรพุ่งขึ้นแล้วตกไป ด้วยไม่เคยฝึกหัดการใช้ลมปราณบนปลายนิ้ว ต้องตั้งต้น ย้อนกลับทำใหม่
ซิหมิง เหลียนไถ้ เหลียนเฉิงปี ตะลึงงัน
"หยุนเซียว เจ้าบ้าหรือไร เวลานี้มาฝึกวิชา รีบไปตามคนช่วย”
"เฉิงปี หุบปาก!" เหลียนไถ้ไม่เคยตวาดว่าบุตรชาย บัดนี้ อดมิได้ต้องตะคอก
...ในยามหน้าสิ่วหน้าขวาน เสี่ยงต่อความตายหลายชีวิต คนผู้หนึ่งมีสติ มีสมาธิ มีปัญญา หาทางช่วยเหลือผู้อื่น ไม่คิดทอดทิ้งเอาชีวิตรอด ทว่าอีกผู้หนึ่ง กลับวุ่นวายใจร้อน ไร้สติ รักตัวกลัวตาย
เหลียนไถ้ละอายลอบอดสู เคยมองบุตรชายเป็นวีรบุรุษ แค่จอมยุทธ์ ยังมิอาจนับเป็น!
น้ำท่วมสูงถึงระดับหน้าอก!!
...เปรี้ยง...เปรี้ยง... นิ้วชี้พุ่งออกไป ถากหัวรูปปั้นอสูร หินแตกไปสองเสี้ยว เหลียนไถ้ กับซิหมิง ประกายตามีความหวัง หยุนเซียวเซียวก้มมองฝ่ามือตัวเอง ส่ายหน้า ...ยังไม่ถูก ดรรชนีเก้าสาย ร้ายกาจกว่านี้ ครานั้น หยางฝาน ใช้ลมปราณแบบไหนกันแน่...
หากเป็นวิชาของสำนักอื่น ตัวมันลอกเลียนได้ง่าย แต่วิชาของหมู่ตึกเทพกระเรียน ลึกลับซับซ้อน หากไม่รู้แนวทาง ยากจะฝึกให้แตกฉาน หยุนเซียวเซียวหลับตา ย้อนทวนความทรงจำ บนเวทีประลอง เขาพ่ายแพ้เพราะวิชานี้ จำรสชาติได้ไม่ลืมเลือน
"...ผนึกลมปราณตั้งต้น ที่จุดตู๋ปี้ (แอ่งบุ๋มที่ขอบนอกของเอ็นสะบ้า) เลื่อนขึ้นมาที่จุดเทียนซู (ด้านข้างของสะดือ) ทั้งซ้ายขวา บังคับให้เดินไปยังจุดซีเหมิน (ด้านในของแขนท่อนล่าง) กับ ไท่หยวน (ปลายนอกสุดของรอยพับข้อมือ ตรงกับแอ่งชีพจร) แล้วค่อยผลักออกอย่างรวดเร็วบนตำแหน่งโฮ่วซี (นิ้วก้อย)..."
เสียงชี้แนะค่อยๆ ลอยมาจากคนที่สลบไสล และเพิ่งฟื้นตื่น... ตู้เทียนต้า!!
หยุนเซียวเซียวจิตใจลิงโลด ทำตามคำสอนของอาจารย์ ผู้เป็นปรมาจารย์ด้านการประยุกต์วิชา เหลียนไถ้มองอย่างเลื่อมใส ยุทธภพบอก คนพรรคนี้ไม่มีจุดยืนของตัวเอง ชอบลอกเลียนวิชาของคนอื่น แท้ที่จริง นี่นับเป็นจุดเด่นของพวกเขา ความปราดเปรื่องทางสายตา และกระบวนความคิด
เปรี้ยง...! หยุนเซียวเซียวสาดดรรชนีออกไป ยังพลาดเป้าไปถูกผนัง
น้ำท่วมสูงถึงระดับคอ!!
"ลองอีกที เพ่งไปที่ลูกแก้วในปากอสูรนั่น ให้คิดว่านิ้วก้อยคือปลายกระบี่" อาจารย์กระตุ้นมา ศิษย์คนรองรับคำ ทดสอบอีกสามครา ปรากฏว่า ลูกแก้วหินทั้งสามในปากอสูรแตกเป็นผุยผงทั้งหมด
น้ำท่วมสูงถึงระดับปาก!!
"ใช้ได้แล้ว ลงมือ" อสูรตาเดียวร้อง แล้วหุบปาก หลับตา เมื่อน้ำท่วมถึง...
...เคร้ง...เคร้ง...เคร้ง...เคร้ง...เคร้ง...เคร้ง...เคร้ง...เคร้ง...
เสียงโซ่ดังขึ้นแปดครั้ง แม่นยำไม่พลาดเป้า น้ำท่วมมิดหัวทุกคนแล้ว แต่ข้อมือที่ถูกตรึงอยู่สูงกว่า เมื่อโซ่ขาดออกจากกัน ทั้ง 4 ก็ทะลึ่งพรวดขึ้นมาจากปากบ่อพร้อมกัน รอดพ้นจากความตายอย่างเฉียดฉิว
ความคิดเห็น