คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : นางแบบคนใหม่
รุ่งเช้า
ขณะตามฟ้าเดินผ่านห้องอาหารในคอนโด ก็พบหญิงสาวคู่กรณีพิศวาสเมื่อคืน
นั่งดูนิตยสาร รอมื้อเช้าอยู่บนโต๊ะ เขาหยุดชะงัก ยืนจ้องหล่อนอยู่พักหนึ่ง
หล่อนเงยหน้าขึ้น สบเข้ากับดวงตาคมเข้ม ริมฝีปากสวยก็คลี่สยายออกในทันที
...เป็นรอยยิ้มยวนยั่วมีเลศนัย...ผสมกับดวงตาเจ้าชู้พราวระยับนั้น...ทำเอาเขาต้องชั่งใจอย่างหนัก...
“อรุณสวัสดิ์ครับ!”
“มอร์นิ่งค่ะ ดีใจจังที่คุณจำฉันได้ ทั้งที่เราเพิ่งเจอกันแค่ครั้งเดียว”
หล่อนบอกหน้าตาเฉย
แถมขยิบตานิดหนึ่งอย่างขี้เล่นซุกซน ตามฟ้าหัวเราะเบาๆ ทรุดนั่งลงตรงข้าม
“ไม่จำไม่ได้หรอกครับ อุตส่าห์ทักทายกัน “แรง” ซะขนาดนั้น ผมเป็นคนความจำดี ยิ่งโดยเฉพาะ
การถูกผู้หญิงลวนลามในสระน้ำตอนกลางคืน เพิ่งเคยเจอหนแรก คงไม่มีผู้ชายคนไหน
ลืมง่ายนักหรอกครับ”
ชายหนุ่มบอกยิ้มๆ
หน้าตาเฉยเหมือนกัน หญิงสาวเบิกตาโต ยกมือปิดปาก แม้เสแสร้งแต่กลับดูน่ารัก
“อุ๊ย! ลวนลาม? ฟังดูน่าละอายจัง
แต่...ถ้าเข้าใจไม่ผิด คำว่าลวนลามนี่ น่าจะหมายถึง “ถูกล่วงเกินฝ่ายเดียว” ไม่ใช่รึคะ?”
สาวดาวยั่วตอกกลับ
จนสุภาพบุรุษหนุ่มถึงกับหน้าหงาย ให้ตายสิ! เขาเสียท่าหล่อนอีกแล้ว
“เพิ่งเข้ามาอยู่หรือครับ ไม่เคยเห็นคุณมาก่อนเลย?”
ยิ่งสาวความ
ก็อาจจะยิ่งเข้าตัว ว่าแล้ว ชายหนุ่มเลยออกนอกเรื่องดีกว่า ยิหวานารียิ้มมุมปาก
“ค่ะ เพิ่งย้ายมาเมื่อคืนนี้ โชคดีมาก แค่คืนแรก ก็ได้เพื่อนใหม่เลย”
“ทำงานอะไรครับ? อ้อ! โทษที
ลืมแนะนำตัว ผม...ตามฟ้า เป็นนักธุรกิจจิวเวลรี่”
ยิ่งสนใจคำพูดหล่อนมาก
ก็ยิ่งปั่นป่วน เลยเอาหูทวนลมเสียบ้าง ดาวยั่วระดับพระกาฬเลิกคิ้วสูง ตาโต
“ว้าว! บอสใหญ่แห่งจิวเวลรี่อีกคนแล้ว ดวงสมพงศ์ดีจัง”
“อีกคน?”
“เปล่าค่ะ ที่คุณเดินเข้ามาหาฉัน คงไม่ใช่แค่...คิดถึง หรืออยากจะชวนฉันออกเดท...”
“โอ้ว! แน่นอนครับ ผมจะชวนคุณออกเดทได้อย่างไร
คุณเพิ่งรับผมเป็นเพื่อนใหม่เมื่อครู่นี้เองนี่นา ใช่แล้วครับ ผมมีธุระ
เป็นข้อเสนอทางธุรกิจ มิทราบว่า คุณสนใจจะมาเป็นนางแบบให้บริษัทของผมไหม?”
ไม่มีความตื่นเต้นแปลกใจบนใบหน้าของหญิงสาว
หล่อนหัวเราะน้อยๆ เป็นรอยยิ้มแจ่มใสที่เขาเพิ่งเห็นครั้งแรก
“ฉันชื่อ ยิหวานารี ค่ะ เป็นอดีตนางแบบของบริษัทวันไนท์ ประเทศออสเตรเลีย”
ตามฟ้าเป็นฝ่ายงงงันเสียเอง
บริษัทนี้เขารู้จัก เป็นบริษัทแฟชั่นที่ผลิตเสื้อผ้าหรูระดับห้าดาว
“งั้นผมก็เดาไม่ผิด เห็นคุณทีแรก ก็นึกสงสัยอยู่แล้ว คุณบอกว่า อดีต?”
“ค่ะ เป็นอดีตไปแล้ว เพราะฉันเบื่อซิดนีย์
อยากจะกลับมาอยู่เมืองไทยแบบถาวรสักที”
“ถ้างั้น คุณก็ยังว่างอยู่...ในตอนนี้?”
“ขา... อะไรคะที่ว่าง? อาชีพ หรือว่า หัวใจ!”
พูดดีๆ
ได้ไม่กี่คำ หล่อนก็ออกลีลาลวดลายดาวยั่วใส่เขาอีกแล้ว เอามือเท้าคางบนโต๊ะ
หยอดตาหวานเชื่อมใส่ พร้อมรอยยิ้มชวนหลงใหล น่าแปลกที่ตามฟ้าไม่รู้สึกรำคาญ
อาจเพราะหล่อนทำแล้วน่ารัก มีเสน่ห์จริงๆ
“อาชีพสิครับ เรื่องหัวใจ คงไม่ใช่หน้าที่ผม”
“เข้มจัง! อยากให้ตอบกลับกัน คงตัดสินใจง่ายขึ้นเยอะ”
สาวสวยรวยสวาทบอกตาปรอย
ก่อนลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินนวยนาดมา ยื่นมือก่ายเกาะพนักเก้าอี้ ลูบมาที่หัวไหล่เขา
ก่อนจะโอบรอบคอเขาไว้หลวมๆ จากด้านหลัง โน้มร่างลง ยื่นใบหน้ามากระซิบริมหูเบาๆ
“หล่อ...เสน่ห์แรง...แต่ยังไม่เร้าใจ!
ให้โอกาสทำคะแนนอีกครั้ง คืนนี้...ที่ห้องคุณ...ถ้าใจสู้ เจอกัน!”
ริมฝีปากสีสดประทับลงบนแก้มเขาเบาๆ
ก่อนที่หญิงสาวจะหยิบกระเป๋า เดินฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีจากไป
ทิ้งชายหนุ่มให้นั่งตัวเกร็ง ขนลุกซู่ ...เอาแล้วไง!...หาเรื่องจนได้สิเรา...คิดผิด
คิดถูกนี่!
บ้านของอินทราณี
ที่เมืองไทย...
อัมพกาพร
หญิงสาววัยกลางคน นั่งถักเสื้อไหมพรมอยู่บนเก้าอี้หวาย ขณะเสียงออดดังขึ้น ใบบัว
หญิงรับใช้เพียงคนเดียวในบ้าน ไปเปิดประตู สักพักหนึ่ง ชายหนุ่มรูปงาม ก็เดินเสียงเบากริบเข้ามาอย่างสุภาพ
“สวัสดีครับ คุณแม่...”
ตามฟ้ายกมือไหว้อย่างสุภาพอ่อนน้อม
ค่อยๆ เดินก้มตัวผ่านหล่อนเข้ามานั่งบนเก้าอี้ด้านใน พร้อมกระเช้าผลไม้สดหลากสีในมือ
อัมพกาพรรับไหว้ พลางยิ้มละไม
“สวัสดีค่ะ คุณตามฟ้า มาเสียเย็นเชียว ผลไม้น่าทานอีกแล้ว
อาทิตย์ก่อนยังทานไม่หมดเลย”
“ไม่เป็นไรครับ แบ่งให้เพื่อนบ้านก็ได้ ผลไม้พวกนี้มีประโยชน์
และเหมาะกับวัยของคุณแม่ ทานเยอะๆ ไม่เป็นอันตราย แต่ถ้าเบื่อแล้ว วันหลังผมจะหาอย่างอื่นที่มีคุณค่าทดแทนกันมาฝากนะครับ”
ตามฟ้าบอกเสียงอ่อนโยนอย่างเอาใจ
มารดาของคนรักส่ายหน้า ยิ้มน้อยๆ
“มีคนคอยเอาใจแบบนี้ อีกไม่นานแม่คงจะอ้วนเหมือนหมู”
“ฮ่ะ ฮ่ะ ไม่หรอกครับ ผลไม้นี่ครับ มีแต่ทำให้สุขภาพแข็งแรง สมบูรณ์
ยิ่งขึ้น”
“ระยะนี้ ไม่เจอคุณเรืองรำไพเลย เธอสบายดีหรือคะ?”
“น้าเรืองกำลังวุ่นอยู่กับร้านขนมเค้กครับ จึงไม่ค่อยได้แวะมา
เห็นบ่นคิดถึงคุณแม่อยู่เหมือนกัน อ้อ! เมื่อวานคุยกับแองจี้
เห็นแองจี้บอกว่า คุณแม่มีอาการปวดที่ปลายประสาทหรือครับ?”
“คงจะพักผ่อนน้อย หรือเครียดกับร้านดอกไม้มากไปหน่อยค่ะ แองจี้ไม่น่าจะต้องเล่าให้คุณฟังเลย”
“เธอทำถูกแล้วครับ แองจี้เป็นห่วงคุณแม่ เธออยู่ห่างไกล มาดูแลไม่ได้
สมควรที่จะฝากผมไว้ และถ้าเป็นเรื่องสุขภาพ ผมก็มีของดีพอจะช่วยเหลือบรรเทาได้”
“ว่าที่ลูกเขย” หยิบสิ่งหนึ่งออกมาจากในเสื้อสูท
เป็นกล่องเล็กๆ กะทัดรัด ส่งมอบให้หล่อน อัมพกาพรรับมาเปิดดู ด้านในเป็น
อัญมณีทรงกลมสีแดงส้มลูกใหญ่ ดูสวย และมีมนต์เสน่ห์ เมื่อหยิบขึ้นมาวางบนมือซ้าย
รู้สึกจิตใจปลอดโปร่ง สงบ และสดชื่น ขึ้นมาอย่างประหลาด
ราวกับมีบรรยากาศของป่าเขียวขจีรายรอบ
“นี่คือ...?”
“คาร์เนเลียน ครับ ในศาสนาอิสลาม ถือเป็นหินศักดิ์สิทธิ์
เป็นสัญลักษณ์ของความสดใหม่ ปลุกพลังภายในให้สดชื่น ให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย
กระตุ้นให้อยากอาหาร ช่วยย่อย และขับถ่าย ที่สำคัญที่สุด
คือสามารถบำบัดอาการปวดที่ปลายประสาทได้ เพียงแค่นำไปวางแช่ไว้บริเวณที่ปวดสักครู่
ผมอยากให้คุณแม่ลองดู ถ้ามันมีผลดีจริง อาจจะช่วยลดปริมาณยาแพทย์ลงได้
ช่วยประหยัดเงิน แถมไม่เกิดผลข้างเคียงด้วยนะครับ”
“ไม่ได้หรอกค่ะ มันเป็นอัญมณี ที่มีมูลค่าสูงมาก แม่จะรับไว้ได้อย่างไร?”
อัมพกาพรยื่นส่งคืนเขาอย่างเกรงใจ
ตามฟ้ารวบมือนั้นไว้ด้วยอุ้งมืออบอุ่น ดวงตาอ่อนโยนทอความเคารพบูชา
“เมื่อผมเลือกแองจี้เป็นแฟน คุณแม่ของเธอ ก็คือ คุณแม่ของผม ผมไร้วาสนา
ไม่มีโอกาสได้ตอบแทนพระคุณมารดาที่จากไป ดังนั้นขอให้ผมได้ทำหน้าที่นี้
กับคนที่ผมเคารพรักเหมือนบุพการีด้วยเถิดครับ”
จิตใจที่อ่อนโยน
เยือกเย็น และเปี่ยมด้วยเมตตา กรุณา ของเขา โน้มน้าวให้อัมพากรยอมรับในที่สุด
“เมื่อไหร่คุณจะยอมเซ็นสัญญากับผมสักที?”
ก้องภพถามเสียงออดอ้อน
ดวงตากรุ้มกริ่มจ้องหล่อนไม่วางตา ชิดใกล้กันบนโซฟาขนาดนี้
เขากลับทำได้เพียงใช้สายตาแทะโลมอย่างกระหาย หล่อนนั่งไขว่ห้างจิบบรั่นดี
โชว์ขาอ่อน อวดรูปร่างเซ็กซี่ในชุดรัดรึงสบายใจ
“รีบจัง ยิหวาเพิ่งกลับมานะคะ ยังหายใจหายคอไม่เต็มปอดเลย”
น้ำเสียงแง่งอน
ดวงตาค้อนๆ และท่าทางเล่นตัวนั้น
มันยั่วเย้าไฟปรารถนาของหนุ่มใหญ่ให้ลุกโชนยิ่งขึ้น
“ก็ไปหายใจหายคอที่เดอะซันสิครับ ผมรับรองเลยว่า ที่นั่น มีออกซิเจนชั้นดี
ให้คุณได้สูดจนชุ่มปอดแน่”
“แหม กลัวจะเป็นตรงข้าม หายใจไม่ออกแทนน่ะสิคะ!”
ก้องภพอดใจไม่ไหว
ดึงร่างหล่อนเข้ามาชิด เสียงเคาะประตูห้องขัดจังหวะ ก้องภพถึงกับหงุดหงิดอย่างแรง
ลุกมาเปิด
“คุณภพ! กลับมาจากซิดนีย์แล้ว ไม่ไปหาแพรวล่ะคะ? ไหนบอกว่า จะพาแพรวไปเที่ยว”
แพรวพิลาสก้าวเข้ามาเกาะแขนเขา
ก่อนจะหันไปเห็นหญิงสาวที่นั่งผมยุ่งอยู่บนโซฟา แล้วอ้าปากค้าง
“มาที่นี่ทำไมกัน แพรว? ผมบอกแล้วไง ว่าถ้าว่าง ผมจะไปหาเอง”
“นี่มันอะไรกันคะ ผู้หญิงคนนี้ใคร?”
“ไม่ใช่เรื่องของคุณนะ กลับไปก่อนไป”
“คุณภพ แพรวมานี่เพราะคุณนัดไว้นะคะ คุณจะมาเบี้ยวไม่ได้
คุณต้องไปเที่ยวกับแพรว”
“เที่ยวบ้าอะไรล่ะ! ไม่เห็นรึไงว่าผมมีธุระ?”
“ธุระ? ธุระบนเตียงเหรอคะ!”
“แพรวพิลาส!”
“ขอโทษที!...” เสียงนุ่มดังแทรกขัดจังหวะ
ยิหวานารีลุกขึ้นยืนช้าๆ จัดแจงเสื้อผ้าตัวเองให้เข้าที่ หยิบกระเป๋า
เดินตรงเข้ามาเบียดไหล่ก้องภพ แต่ดวงตาคมเข้มจ้องหญิงสาวตรงหน้านิ่งอย่างเยาะหยัน
“ฉันขี้เกียจนั่งรอ ช่วยเคลียร์ธุระของคุณให้จบก่อน ส่วนเรื่องของเรา ไว้คุยกันนะคะ”
พูดจบ
หอมแก้มชายหนุ่มต่อหน้า แล้วเดินจากไป เรียกเสียงกรี๊ดของแพรวพิลาสได้ดังถึงใจดีแท้
“...ก็สวยดีนะครับ...คุณเลือกเองหรือ แองจี้?
สีฟ้าเหมาะกับคุณอยู่แล้ว...อืม...ผมอยากใส่ให้จัง...”
ตามฟ้านั่งคุยกับอินทราณีผ่านเว็บแคมที่ห้องคอนโดของเขาในคืนนี้
สาวซิดนีย์ค้อนน้อยๆ เพราะหล่อนชูชุดเดรสสั้นสีฟ้าใสที่เพิ่งซื้อมาใหม่ให้เขาดู กลับถูกแทะโลมด้วยวาจา
แฟนหนุ่มหัวเราะเบาๆ
“อ้าว! มีคนมา งั้น...แค่นี้ก่อนนะครับ แองจี้
อีกหนึ่งชั่วโมงผมโทรไปนะ”
“ค่ะ ถ้าไม่โทรมา ขอให้นอนไม่หลับ ถ้าหลับก็ขอให้ฝันไม่ดี”
ตามฟ้ายิ้มขันในคำแช่งสุดแสนน่ารักนั้น
ปิดจอคอมเรียบร้อย ก่อนจะเดินไปเปิดประตูห้อง
หญิงสาวสวย
หุ่นนางแบบในชุดปักดิ้นทองสีเงิน ท่อนบนเป็นสองชั้นรูปกรวยแหลมปิดหน้าอก
คล้องคอด้วยไส้ไก่เส้นเล็ก และโอบรัดแผ่นหลังเพื่อพยุง ยืนเท้าสะเอวเซ็กซี่
ราวกำลังถ่ายแบบ อยู่หน้าห้องเขา
“พร้อมรึยังคะ!” ง่ายๆ สั้นๆ และได้ใจความ
จากเรียวปากประกายแสด ตามฟ้าจ้องหล่อนนิ่ง แล้วบอกสั้นๆ “เชิญครับ!”
ซิดนีย์
ประเทศออสเตรเลีย...
ขณะที่อินทราณีลองชุดเดรสสีฟ้าใส
ที่ตามฟ้าได้เห็นเมื่อครู่ อยู่หน้ากระจก เพื่อนสาวก็เปิดประตูเข้ามา
“ฮั่นแน่! เห่อชุดใหม่หรือคะ?
คุณนายเรืองฤทธิ์ธารันท์”
จินนี่ล้อยิ้มๆ
อินทราณียิ้มปนบึ้ง
“แน่นอนสิ ของใหม่ก็ต้องลองใส่ดูก่อน ว่า O.K ไหม
แต่นี่แน่ะ ตอนนี้ฉันเป็นแค่แฟนของนายตามฟ้าย่ะ ไม่ใช่เมีย ฉะนั้น
ยังเป็นคุณหนูแคมป์เบลล์อยู่ ไม่ใช่คุณนายเรืองฤทธิ์ธารันท์ เรียกให้ถูกด้วย”
“แหม จะตอนนี้ หรือตอนไหน ก็ต้องเป็นอยู่ดี หรือว่าจะไม่เป็น ฮื้อ?”
อินทราณีขี้เกียจต่อล้อต่อเถียง
หมุนตัวส่องดูทั่วทุกจุดจนพอใจแล้ว ก็เปลี่ยนถอดออกตรงนั้นเลย
จินนี่เดินมานั่งบนเตียง จ้องมองเพื่อนสาวถอดชุดออกจากตัวอย่างคล่องแคล่ว
เหลือแต่ซับในตัวจิ๋วสองชิ้น ที่แทบปกปิดความสวยสะพรั่งอวบอิ่มไว้ไม่มิด
ด้วยสายตาเคลิบเคลิ้ม ปนอิจฉา
“บอกพี่ตามฟ้ารึยัง?”
“ไม่บอก ปล่อยให้เซอร์ไพร์ทเล่น”
“น่าอิจฉา แหม! ถ้าพี่ตามฟ้า
ตื่นมาแล้วเห็นเธอนอนอยู่เคียงข้าง คงนึกว่าฝัน”
“คิดอะไรเซี้ยวๆ อีกล่ะ แม่คุณ ฉันจะไปพักกับคุณแม่ย่ะ ฝันลามกไปเถอะ”
หญิงสาวหัวเราะ
ขณะสวมใส่ชุดนอนอย่างรวดเร็ว จินนี่กระเดือกน้ำลายลงคอฝืดๆ
“นี่ ถามจริงเถอะ แองจี้ พี่ตามฟ้าทนเธอได้ยังไง?”
“เอ๊ะ! เป็นแฟนกัน ก็ต้องอดทนต่อความห่างไกล
เชื่อใจในตัวกันและกันสิ ไม่งั้นจะรักกันได้รึ?”
“ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น ก็ดูรูปร่างเธอสิ น่ากิ๊น น่ากิน
ชวนคลั่งเป็นบ้า ถ้าฉันเป็นผู้ชายนะ...”
ไม่ทันพูดจบ
หมอนอิงก็ปลิวมาใส่หน้า จนเจ้าตัวต้องรีบคว้าหมับ อินทราณีหัวเราะหึๆ
“ขอบใจย่ะ ที่ไม่ใช่ผู้ชาย เลิกไร้สาระได้แล้ว ฉันจะนอน!”
ยิหวานารีมองชายหนุ่มตรงหน้าเดินถือไวน์มา
ด้วยแววตาคมกริบเป็นประกาย เขานั่งลงบนโซฟาคนละตัวกับหล่อน ห่างออกมาหน่อย
ส่งยิ้มน้อยๆ อิริยาบถของเขาดูเป็นธรรมชาติ สบายๆ กว่าสองครั้งที่เจอกัน
“มาซะดึกเชียว ผมก็ลืมเสียสนิท อยากทานกับแกล้มอะไรคู่ไวน์ไหมครับ? ผมจะได้สั่งให้”
ตามฟ้าถามอย่างเอาใจ
นางแบบสาวยักไหล่ ยิ้มมุมปาก
“ตอนดึก กับแกล้มและไวน์ ไม่ใช่อาหารโปรดฉันค่ะ!”
คำตอบล่อแหลมนั้น
ไม่ต่อความด้วยดีที่สุด ชายหนุ่มเดินไปเปิดเพลงจากเครื่องเสียง ถามมาอีกว่า
“ชอบฟังเพลงแนวไหนครับ?
ร็อค...ป๊อป...ฮิฟฮอพ...อินดี้...คลาสสิก...โรแมนติก...”
เสียงหัวเราะขำๆ
กลั้วคำตอบว่า
“ตามใจคุณสิคะ ไม่เอาฮิฟฮอพ แอนด์ ร็อคได้ไหม?”
ตามฟ้าหัวเราะด้วย
เลือกแผ่นเพลงสากลคลาสสิกใส่ลงไป ดนตรีเริ่มคลอเบาๆ เป็นจังหวะอ่อนหวาน ยิหวานารีเบิกตากว้าง
เมื่อจู่ๆ เขาก็เดินเข้ามา ยื่นมือมาหาหล่อน แล้วบอกว่า
“ให้เกียรติเต้นรำกับผมสักเพลงสิครับ”
หญิงสาวมองเขาอย่างงุนงง
ก่อนจะยื่นมือไปจับ สองร่างงามงด ทั้งบุรุษ และสตรี
เคลื่อนไหวลีลาไปตามจังหวะเพลงช้าๆ นั้น อย่างนุ่มนวล และสอดคล้องกัน
ดวงตาทั้งสองคู่ประสานกันแน่วนิ่ง สาวร้อนแรงเปี่ยมประจุไฟฟ้าไปทั้งตัว เอียงคอ
ยิ้มมุมปาก
“นี่จะพิสูจน์อะไรให้ฉันเห็นรึเปล่าคะ?”
“พิสูจน์? ผมแค่อารมณ์ดี นึกสนุกอยากเต้นรำเท่านั้นเอง
ทำไมหรือ?”
“คิดว่า ฉันมาแล้ว คุณจะเอาแต่คุยเรื่องธุรกิจ ธุรกิจ แล้วก็ธุรกิจ”
หล่อนจีบปากบอกประชด
ตามฟ้าหัวเราะ
“ผมไม่ได้บ้างานตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงหรอก บางครั้งคนเราก็ต้องผ่อนคลายบ้าง”
“ฉันชอบคุณในมุมนี้จัง!”
หล่อนเอ่ยตรงๆ
ออกมา แบบไม่มีขัดเขิน ตามฟ้าเลิกคิ้ว
“ผมไม่มีหลายมุมนักหรอก ตัวตนของผมก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว”
“แล้วคุณล่ะคะ ชอบฉันบ้างไหม?”
หล่อนถามตรงๆ
ไม่อ้อมค้อม เป็นความตรงไปตรงมาปราศจากจริต ที่ทำให้ตามฟ้าอดนับถือมิได้
“คุณเป็นคนตรงมากนะ เปิดเผย ใจสปอร์ตเหมือนสาวมะกัน ทั้งที่เป็นคนไทยแท้ๆ”
“คุณตอบไม่ตรงคำถาม”
“คุณสวย มีเสน่ห์ และน่ารัก แต่ผมชอบความใจกล้า ซื่อตรงในความรู้สึก ของคุณ”
ทำนองเพลงหวานซึ้ง
หรือคารมของเขา ก็ไม่ทราบ ที่ทำให้หล่อนตาหวานเคลิ้มได้ขนาดนี้ จู่ๆ
หญิงสาวก็เคลื่อนตัวเข้ามาเกือบชิด โอบแขนรอบคอเขา
ทรวงอกพุ่งตระหง่านชนเข้ากับแผ่นอกกว้างใหญ่อย่างจงใจ
ยื่นนิ้วชี้มาแตะริมฝีปากบางเฉียบนั้น
“จะให้ฉันตอบแทนความหวานของคุณยังไงดีคะ?”
“ดื่มไวน์ และเซ็นสัญญากับผม!”
ตามฟ้ารีบตอบอย่างไว
เพราะแข้งขาเรียวงามของหล่อนเริ่มอยู่ไม่สุข ทำให้เขาขนลุกซู่
“แต่ฉันสนใจสิ่งนี้มากกว่า...” สิ้นเสียงครางแผ่ว ริมฝีปากบางเฉียบนั้นก็ถูกประทับแนบสนิทด้วยริมฝีปากอิ่มสวยที่คุ้นเคย
มือของตามฟ้าแตะที่เอวหล่อน จะดันออกทันที แต่ชิวหาดุจพิษงูเห่าของหล่อน
มันทำสมองเขาปั่นป่วนราวกับโดยยาเมา!
...จะแพรวพิลาส
หรือผู้หญิงคนไหนที่เคยผ่าน ไม่ได้ครึ่งของยิหวานารีคนนี้หรอก ในด้านเสน่ห์
และลีลา
“เอาล่ะ พอเถอะครับ ผมยังไม่อยากหมดสติ ธุระของเรายังไม่เสร็จ”
ตามฟ้าปลดแขนหล่อนออกอย่างนิ่มนวล
กระซิบเบาๆ ทำหน้านิ่ง แม้เรือนร่าง และริมฝีปากจะร้อนซ่าน!
“เคยมีผู้หญิงคนไหนบอกคุณไหม? ว่าคุณมีเสน่ห์...น่าดึงดูด...น่าหลงใหล...น่าชิดใกล้มากที่สุด!”
เสียงกระซิบถามสั่นๆ
มาจากคนที่ยังยืนหลับตา ใบหน้าหล่อนแดงระเรื่อ
“เคยมีครับ เธอชื่อ อินทราณี แคมป์เบลล์ เป็นแฟนคนปัจจุบันของผมเอง!”
ถ้อยคำชัดเจนแจ่มแจ้งนั้น
เรียกสติหญิงสาวกลับคืนมา หล่อนลืมตา จ้องเขา ตกตะลึง
“ถ้าคุณเซ็นสัญญากับผม ผมขอสัญญา จะเป็นเพื่อนที่ดีต่อคุณ เราจะคบกัน
ในฐานะเจ้านายลูกน้องเวลางาน และเพื่อน นอกเวลางาน มากไปกว่านั้น ผมคงให้ไม่ได้
นี่คือ ทางเลือกที่ผมมอบให้คุณ ตัดสินใจเถอะครับ”
ยิหวานารีนิ่งอึ้ง
มองเขาอย่างลึกซึ้ง เหมือนกำลังชั่งใจ ไม่หลงเหลือท่าทางยั่วสวาทอีก
หล่อนเข้าใจความหมายของเขา แต่เป็นทางเลือกที่หล่อนไม่ชอบเอาเสียเลย!
“บ้าชิบ!!”
เสียงร้อง
พร้อมเสียงแก้วแตก ทำให้เมทิดาซึ่งนั่งอยู่หน้าห้องตกใจ ผลักประตูเข้ามาดู
“บอส! เกิดอะไรขึ้นคะ?”
มีเศษแก้วกระจายเกลื่อนบนพื้น
พร้อมกับใบหน้าถมึงทึงโกรธเกรี้ยวอย่างที่สุดของก้องภพ
ซึ่งเลขาสาวไม่เคยเห็นมาก่อน โศภิตา ครีเอทีฟสาว ผ่านมาเห็นพอดี หล่อนมองเศษแก้วบนพื้น
และสีหน้าบอสใหญ่อย่างแปลกใจ
“มีปัญหาอะไรคะ บอส?”
เมทิดากลับออกไปแล้ว
ก้องภพนั่งหอบหายใจบนเก้าอี้ เห็นได้ชัดว่าเขากำลังฉุนเฉียวสุดๆ
“ยิหวานารี เสร็จเจ้ามาร์ตินมันแล้ว”
เขาคำรามลั่น
ใบหน้าแดงด้วยฤทธิ์โทสะ โศภิตาขมวดคิ้ว
“อ้าว ไหนบอสบอกว่า ตามจีบอยู่ ใกล้สำเร็จแล้วไงคะ แล้วทำไม?”
“จะไปรู้เหรอ แค่คืนเดียวเท่านั้น เจ้ามาร์ตินมันแอบสอดมือเข้ามายุ่ง
ตะครุบมือเปิบตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ยิหวานารีไม่เคยพูดถึงหมอนี่ แต่จู่ๆ
กลับโทรมาบอกว่า เซ็นสัญญากับเดอะไลท์ไปแล้ว มันน่า...ที่สุด”
“บอส! ไม่จริงใช่ไหมคะ
บอสจะเอานางแบบคนใหม่มาแทนแพรวเหรอคะ?”
แพรวพิลาสบุกเข้ามาในห้อง
ก้องภพตวาดลั่น “ออกไป!” นางแบบสาวถึงกับชะงัก อารมณ์โกรธสลายวูบ
เพราะไม่เคยเห็น “คู่ขา” หน้าตาน่ากลัวขนาดนี้มาก่อน
สะบัดหน้าไปอย่างเจ็บใจ โศภิตาถอนหายใจหน่ายๆ
“บอสคะ แค่นางแบบคนเดียว ต้องขนาดนี้หรือคะ?”
“คุณไม่รู้อะไร ยิหวานารีไม่เหมือนใคร เธอไม่เหมือนนางแบบคนไหนที่ผมเคยพบ
เธอสวย มีเสน่ห์ ดึงดูด ร้อนแรงที่สุด แบบที่เดอะไลท์เราไม่มี ผมกล้าพนันเลยว่า
ถ้าเธอมาเป็นนางแบบให้เรา เดอะซันต้องยิ่งใหญ่เกรียงไกรกว่านี้แน่
แต่ตอนนี้เธอไปเดอะไลท์ ไปช่วยเจ้ามาร์ติน มันน่าแค้นใจที่สุด”
ทุกสายตาในเดอะไลท์
ต่างจับจ้องมายังหญิงสาวรูปร่างสูงโปร่งระหง เซ็กซี่ และอวบอิ่ม
ในชุดมินิเดรสสายเดี่ยวผ้ามัดย้อมสีม่วงรัดรูป
ที่เดินคล่องแคล่วสง่างามเข้ามาบริเวณลานห้องโถง ของฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์
กันเป็นตาเดียว เนื่องจากเป็นคนแปลกหน้า และใบหน้า รูปร่าง ที่สวยเปรี้ยว ร้อนแรง
ทะลุร้อยองศา อย่างน่าทึ่ง
กนกเมทนีหันมา
เมื่อได้ยินเสียงรองเท้า ถึงกับอึ้งไปนาน หล่อนถอดแว่นสีแดงเก๋ไก๋ออก ยิ้มให้
“สวัสดีค่ะ คุณกนกเมทนีใช่ไหมคะ?”
“เรียกมีนาเฉยๆ ก็ได้ค่ะ คุณยิหวานารี เดอะไลท์ยินดีต้อนรับ
ทำไมถึงรู้จักฉันล่ะคะ?”
ครีเอทีฟสาวได้รับรายงานจากบอสมาคร่าวๆ
แล้ว จึงไม่แปลกใจ นางแบบสาวชื่อดัง ยิ้มมุมปาก
“บอสเป็นคนบอกค่ะ ว่าคนที่จะดูแลฉัน คือ ผู้หญิงที่สวยที่สุดในบริษัทนี้
ฉะนั้น ฉันคิดว่าคงไม่ผิดคนแน่”
กนกเมทนีแก้มร้อนผ่าว
วางหน้าไม่ถูก ยิหวานารีหัวเราะคิก แววตาซุกซน
“ล้อเล่นค่ะ ฉันเห็นจากรูปน่ะ เดอะไลท์นี่หรูหราจังนะคะ
พนักงานดูเป็นมืออาชีพทุกคนเลย”
“ตามมาทางนี้ดีกว่าค่ะ ฉันจะแนะนำให้คุณรู้จักทีมงาน และบางส่วนคร่าวๆ
ของที่นี่”
ยิหวานารีเดินตามกนกเมทนี
ผู้เป็นหัวหน้างานของหล่อนไป เดินสวนกับดิลก ที่ผ่านมาพอดี
หนุ่มใหญ่เจ้าสำราญถึงกับยืนตะลึง จ้องตาแทบถลน อ้าปากค้าง
เมื่อสาวสวยสุดเซ็กซี่เดินเฉียดผ่านไป แถมส่งยิ้มหวานให้เขาเสียด้วย
“เรียบร้อยดีไหม มีนา?”
บอสใหญ่ถามไถ่
ขณะหญิงสาวทรุดนั่งลงตรงหน้า ในห้องทำงานของเขา
“เรื่องงาน ไม่มีปัญหาค่ะ เธอเป็นมืออาชีพ ทำงานวงการใหญ่มานาน
สอนแค่นิดหน่อยเท่านั้น”
“อืม...ฝากด้วยละกันนะ ยังไงก็ให้เธอเข้ากับทีมงานให้ได้ก่อน จะได้ไม่เกิดปัญหา”
ตามฟ้าจดเอกสารยุ่งอยู่
บอกมาอย่างไม่ใส่ใจอะไรนัก กนกเมทนีมองเขา ด้วยแววตาแปลกๆ ปนอึดอัด
ความเงียบไปของหล่อน ทำให้ชายหนุ่มเงยหน้ามอง เห็นสีหน้าหล่อนแล้วขมวดคิ้ว
“บอกว่าไม่มีปัญหา แต่สีหน้าคุณดูกังวล มีอะไร?”
“เอ่อ เปล่าค่ะ...”
“มีนา บอกก่อนนะ ยิหวาไม่ใช่เด็กเส้นผม และไม่ใช่คนโปรดอะไร
อย่างที่คนในบริษัทเขาร่ำลือกัน แม้ผมจะเป็นคนติดต่อเธอมา ก็แค่เรื่องงานเท่านั้น
เมื่อเข้ามาอยู่ในเดอะไลท์ พนักงานทุกคนต้องเท่าเทียมกัน ถ้าเธอทำตัวแปลกแยก
หรือว่าทำอะไรมีอภิสิทธิ์เหนือคนอื่น คุณปรามเธอได้เลย หรือไม่ก็บอกผม”
ตามฟ้าบอกชัดเจน
หญิงสาวค่อยโล่งใจ ยิ้มอย่างสดใส
“เธอ...ก็ น่ารักดีค่ะ ไม่ได้ทำตัวมีอภิสิทธิ์อะไร เพียงแต่มีนาไม่อยากเชื่อว่าบอส...จะเป็นคนหามา”
“อย่างนี้ต้องมีคอมเมนต์หน่อยแล้ว ไหนบอกซิ ฝีมือผมเป็นไง?”
“ยิ่งกว่าโมเดลลิ่งอีกค่ะ นิยามสั้นๆ ว่า ซุปเปอร์โมเดลที่ร้อนแรงที่สุดในเมืองไทย
ได้กำเนิดขึ้นแล้ว นับจากนี้ เธอดังเป็นพลุแตกแน่”
“งั้นก็ดีแล้ว ตัดปัญหาเรื่องนางแบบไปได้สักทีนะ ผมเชื่อว่า
เธอต้องยอดเยี่ยมกว่าแพรวพิลาสแน่นอน”
...ความยอดเยี่ยมในเรื่องเดินแบบ
ไม่เถียงหรอกค่ะบอส... มีนาคิดในใจ เกรงแต่ว่า ...ความยอดเยี่ยมในด้านอื่นของหล่อน...
ก็อาจจะสร้างปัญหา ทำให้เขาปวดหัว
ได้ยิ่งกว่าแพรวพิลาสก็เป็นได้!
“ทำงานวันแรก เป็นไงบ้าง?”
ตามฟ้าเอ่ยถามหญิงสาว
บนโต๊ะอาหาร ขณะนั่งรับประทานมื้อเย็นกันอยู่
“ก็ดีค่ะ ทุกคนเป็นมืออาชีพ น่ารัก เป็นกันเองกับยิหวา โดยเฉพาะคุณมีนา...”
“ถ้ามีปัญหาอะไร บอกมีนา หรือไม่ก็ผมได้ อ้อ
พรุ่งนี้เราจะไปถ่ายแบบที่พัทยานะ มีนาคงบอกแล้ว”
“ค่ะ อืม...คุณมีนานี่...น่ารักจังเลยนะคะ
เป็นคน...สวยนุ่มๆ...ละมุนละไม...ดูแล้วเย็นตาดีจัง”
อะไรบางอย่างในน้ำเสียง
ทำให้ชายหนุ่มจ้องนางแบบคนใหม่ของบริษัทนิ่ง
“รู้สึกว่า คุณจะชอบ “หัวหน้างาน” ของคุณมากนะ?”
“แล้วบอสล่ะคะ ชอบ “หัวหน้างาน”
ของยิหวาแค่ไหน?”
ตามฟ้างงงันวูบ
แต่ยังดีที่ไม่ต้องตอบ เพราะหนุ่มสาวคู่หนึ่ง เดินเข้ามาในร้าน
เฉียดผ่านโต๊ะมาพอดี
“อ้าว บังเอิญอีกแล้วนะครับ คุณก้องภพ เอ๊ะ วันนี้ คุณ “นางแบบเบอร์หนึ่ง” ไม่มาด้วยรึครับ?”
ก้องภพที่กำลังอารมณ์ดีอยู่
เห็นสาวที่นั่งข้างกายตามฟ้า อารมณ์ก็แทบจะลุกเป็นไฟ จ้องหล่อนเขม็งนิ่ง
จนลืมตอบคำถาม โศภิตาสะกิดเตือนเขาให้เยือกเย็นลงหน่อย ยิหวานารีประสานสายตายิ้มๆ
อย่างไม่สะทกสะท้าน
“หึ คุณตามฟ้านี่ ขยันหานางแบบคนใหม่เก่งนะครับ แต่ระวังตัวไว้หน่อยก็ดี
ผู้หญิงที่ทั้งสวย ทั้งรวยเสน่ห์ บางคน ก็ชอบปั่นหัวให้คนลุ่มหลง ล่อหลอกให้ตายใจ
สุดท้ายก็ถีบหัวส่ง ระวังหลังจะหักเอา”
ตามฟ้าเลิกคิ้ว
พิศวงงงงัน หญิงสาวที่นั่งข้างๆ ตอบแทนด้วยเสียงใสกลั้วหัวเราะ
“อุ๊ย! ซีเรียสจัง ระวังแก่เร็วนะคะ คุณภพ
ยิหวาเป็นห่วง”
ก้องภพโกรธหนวดแทบกระดิก
รีบเดินไปนั่งที่โต๊ะอย่างไว ยังไม่วายได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักไล่หลัง
“เห็นจะต้องเคลียร์กันยาวเสียแล้ว เรื่องคุณ กับ นายคนนั้น?”
ตามฟ้าหันมาซักหล่อน
ยิหวานารียิ้มหวานปนยั่ว
“เรื่องมันยาวค่ะ ถ้าจะฟังคงต้องเล่าแบบข้ามคืน เอาเป็น...ที่คอนโดเรา
หรือโฮเต็ลที่ไหนดีล่ะคะ?”
เพียงเท่านั้น
ชายหนุ่มก็ถอนใจยาว สงบปากคำ ไม่ซักไซ้อะไรอีกต่อไป...
“แน่ใจแล้วหรือ? กับการเอานางแบบคนนั้นมาเข้าสังกัด”
ในห้องน้ำ
ตามฟ้าล้างมืออยู่ ก้องภพก็เข้ามายืนล้างมือเคียงข้าง เอ่ยขึ้นเบาๆ
ตามฟ้าเงยหน้ามอง
“ผมเป็นคนเลือกเอง บอกว่าไม่มั่นใจคงจะไม่ได้”
“หึ คุณคิดผิดซะแล้ว คุณไม่รู้เลยว่าเธอร้ายกาจแค่ไหน เล่นกับเธอ
ก็เหมือนเล่นกับงูพิษดีๆ นี่เอง”
“ผมไม่สนว่าเธอจะเป็นงูพิษ หรือเป็นกระต่ายน้อย ผมสนแค่ว่า เธอเป็นนางแบบที่ดีให้เราได้แค่ไหน
เป้าหมายผมมีแค่นั้น ผมมุ่งไปที่ความสามารถของเธอ แต่คุณก้องภพ คงจะมุ่ง
และหมายถึงอย่างอื่นมากกว่า?”
ก้องภพจ้องตาหนุ่มรุ่นเยาว์กว่าด้วยสายตาแข็งกร้าว
ดุดัน ก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้ ยิ้มเจ้าเล่ห์
“หึ ช่างมันเถอะ ผมไม่สนใจกับของที่ไม่ได้มาตรฐานแบบนั้นหรอก
ใครอยากได้ก็เอาไป คนสวยกว่าเธอมีอีกตั้งเยอะ อย่างเช่น แม่ “เทพธิดาซิดนีย์” ผู้เลอโฉม
ทรงเสน่ห์ยิ่งกว่าร้อยเท่า! นั่นต่างหาก เป้าหมายผม!!”
ตามฟ้าชะงักกึก
เมื่อได้ยินคำว่า “เทพธิดาซิดนีย์” หันขวับมาจ้องหน้าก้องภพ
หนุ่มใหญ่หัวเราะในลำคอ ส่งสายตามีเลศนัย ก่อนจะเดินออกไป
ทิ้งให้ตามฟ้ามึนงงอยู่คนเดียว ขณะอยู่บนโต๊ะอาหาร ชายหนุ่มเหม่อลอย
เพราะรู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ จนนางแบบสาวต้องคอยกระตุ้นเขา ภาพหญิงที่คอยออเซาะ
เอาใจใส่ ดูแลฝ่ายชายนั้น
กระตุ้นไฟริษยาในหัวใจหนุ่มใหญ่ที่นั่งห่างออกไปให้ลุกโชนขึ้นมาอีก
เขาจ้องมองเขม็ง ก่อนจะนึกบางอย่างขึ้นมาได้ แสยะยิ้มชั่วร้ายออกมาเงียบๆ
ความคิดเห็น