คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ระเบิดแห่งรัก
แพรวพิลาส
หญิงสาวหุ่นนางแบบ ในชุดสายเดี่ยวสีแดงเข้มตัวสั้นจู๋
ยืนหมุนสำรวจตัวเองอยู่หน้ากระจกอย่างพึงพอใจ ในห้องคอนโดของตัวเอง
เมื่อเสียงเคาะประตูดังขึ้น ก็ซักซ้อมกับตัวเองอีกที ก่อนไปเปิดประตู
“บอส! มาแล้วหรือคะ เข้ามาก่อนสิคะ”
ส่งยิ้มหวานเชื้อเชิญ
ชายหนุ่มรูปหล่อในชุดสูทอย่างเท่ ยิ้มนิดหนึ่ง ก่อนจะเดินเข้ามาอย่างว่าง่าย เมื่อเห็นเขานั่งลงบนโซฟาใหญ่
สาวงามก็เข้ามานั่งเคียงข้าง พร้อมรินไวน์แดงส่งให้เขา และตัวเองด้วย
“เรียกผมมานี่ เห็นบอกว่ามีธุระ?”
ชายหนุ่มยกขึ้นจิบเป็นพิธี
ก่อนเริ่มเรื่อง หญิงสาวยกขาไขว่ห้าง ดวงตาแวววาวเป็นประกายระยับ
“แหม ใครจะกล้าเรียกใช้บอสคะ เรียกว่าเชิญต่างหาก
แพรวมีเรื่องสำคัญจะคุยกับบอส คือ ที่บริษัทมันไม่สะดวก แพรวไม่ค่อยมีเวลา
บอสก็เหมือนกัน...”
บอสหนุ่มมองท่อนขาอ่อนอวบอิ่มขาวสล้างที่แกว่งล่อสายตาอยู่ตรงหน้า
ก่อนยิ้มเย็นๆ
“พูดถึงเรื่องไม่มีเวลา ผมก็มีเรื่องไม่เคลียร์เหมือนกัน เห็นมีนารายงานว่า
ระยะนี้ คุณขาดซ้อมบ่อย มาไม่ตรงเวลาบ้าง งอแงเวลาทำงานบ้าง เกรี้ยวกราดโมโหใส่ทีมงานบ้าง
มันมีปัญหาอะไร?”
“อุ๊ย! คุณมีนาคงจะใส่ไฟแต่เรื่องเลวร้ายให้บอสฟัง
ไม่จริงนะคะ แพรวเป็นนางแบบมืออาชีพ มีหรือจะทำตัวแย่ๆ แบบนั้น
เพราะคนอื่นริษยาแพรวต่างหาก แพรวยอมรับว่าตัวเองเจ้าอารมณ์ไปหน่อย แต่...หลังๆ
นี้ ก็เพราะ...แพรวไม่ค่อยมีความสุข...”
สาวเซ็กซี่ในชุดบาดใจทำหน้าสลด
เอนหลังพิงพนัก เอานิ้วหมุนเกลียวผมตัวเองเล่นอย่างเหม่อลอย
“มีความทุกข์อะไรนักหนา ไหนระบายให้ผมฟังซิ เคยบอกแต่แรกแล้วว่า มีปัญหาให้ปรึกษาผม...”
ตามฟ้าหันข้างมาหา
ตัวเอนพิงพนัก ยกขาไขว่ห้างบ้าง กางแขนออกข้างหนึ่ง แพรวพิลาสถึงกับตะลึงลาน
ลุ่มหลงงมงายกับดวงตาอ่อนโยนของเขา หัวใจเร่าร้อนยากจะระงับ
ร่างอวบแน่นไปด้วยเนื้อหนัง โถมเข้ามาบดเบียดในอ้อมอกเขาอย่างเต็มที่
“แพรวเหงาค่ะบอส! เหงามากจริงๆ ไม่มีใครสนใจแพรว
ไม่มีใครรักแพรวเลย แพรวอยากได้รับความรัก แพรวเป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ต้องการความรัก
ความอบอุ่นจากใครบ้าง บอสให้แพรวได้ไหมล่ะคะ?”
เสียงเพ้อหวานสั่นพร่ำอยู่ริมหู
หล่อนกอดคอเขาไว้ ซุกหน้ากับต้นคอเขา จิกเล็บลงบนบ่าเขา อารมณ์โหยหาที่เก็บกดอัดอั้นมาหลายปีมันแตกระเบิดในยามนี้
หล่อนจะไม่ยอมพลาดจากเขาอีกแล้วในคืนนี้!
“แพรว...” ตามฟ้าเรียกเบาๆ เอามือดันไหล่หล่อนให้ออกห่าง
แต่หล่อนกลับตอบโต้ ด้วยการจู่โจมริมฝีปากเขาอย่างรวดเร็ว รสจูบนั้นทั้งรุนแรง และจัดเจนในลีลาที่สุด มือหล่อนลูบไล้ต้นขาเขาหนัก เลื่อนมาจนถึงหน้าอก
ด้วยท่วงท่าอันคล่องแคล่วหาใดเปรียบ ก่อนจะพยายามขึ้นนั่งบนตัก
ชายหนุ่มตะครุบมือหล่อนที่ยุ่งอยู่กับซิบกางเกงของเขาไว้ บีบแรงจนหล่อนร้องอุทาน เงยหน้าขึ้นมอง ดวงตาแข็งกร้าวเย็นชาคู่นั้น
ทำเพลิงราคะหล่อนลดลงไปเกือบครึ่ง “บอสขา...” หล่อนครางยั่ว แม้จะรู้สึกผิดปกติ แต่ไฟร้อนนั้นรุนแรงนัก รสจูบที่หล่อนได้รับเป็นครั้งแรก มันกระตุ้นให้ร่างร้อนเร่าโหยหาการตอบสนอง จึงยื่นมือลูบไล้ทรวงอก อย่างปลุกเร้า แกะกระดุมเสื้อเขาได้
แต่ก็ถูกตะครุบ ถูกผลักให้ออกห่างมาอย่างเลือดเย็น
“บอส!!” หล่อนยืนกรีดร้องกลางห้อง
ด้วยอารมณ์ที่สุดบรรยาย ตามฟ้ากลับนั่งติดกระดุมเสื้อเขาอย่างเชื่องช้า
ดึงสูทที่เลื่อนหล่นมาสวมทับอย่างใจเย็น ราวกับคนไม่รู้สึกรู้สาอะไร
เสร็จหันไปรินไวน์มาดื่มอย่างสบายอีกด้วย
“เฮ้อ! ช่วงนี้ไวน์แดงกับผม
มักมีคดีด้วยกันบ่อยยังไงไม่รู้นะ”
ตามฟ้าเปรยเบาๆ
หมุนแก้วเหล้าในมือ ขณะคิดถึงกนกเมทนีในคืนนั้น ทิ้งนางแบบสาวยืนตะลึง ตาโต
“รู้ไหม แพรวพิลาส ทำไมผมถึงตอบรับคำนัด มาหาคุณที่ห้องคืนนี้
ทั้งที่คุณอุตส่าห์เชื้อเชิญทั้งวาจา และท่าทางมาตลอดสามปี ยังไม่เคยสำเร็จสักครั้ง?”
แพรวพิลาส
ตัวร้อน หน้าร้อนวูบวาบไปหมด ทั้งอารมณ์คั่งค้าง ทั้งความเจ็บแสบที่ถูกด่า ผสมปนเป
“ไม่รู้สินะ? งั้นฟังนี่ จะได้ช่วยให้หูตาที่กำลังมืดมิดมัวเมา
สว่างแจ่มใสขึ้นมาบ้าง”
ชายหนุ่มกดโทรศัพท์มือถือของตัว
แล้ววางลงบนโต๊ะ ทั้งเสียงและภาพของเครื่องก็เริ่มทำงาน...
...ไม่ต้องห่วงค่ะ
แพรวทำได้แน่...แพรวมืออาชีพแล้วนะคะ อีกอย่าง บอสเขาก็วางใจในตัวแพรวมาก
ไม่งั้นแพรวไม่ได้เป็นนางแบบมือหนึ่งของเดอะไลท์หรอกค่ะ
แหม...เรื่องนั้นน่ะ...แพรวจะลองพยายามดูก็แล้วกันนะคะ ไม่แน่ใจว่าจะสำเร็จ แต่บอสก็คงไม่ใช่พระอิฐพระปูนอะไร
แพรวเชื่อค่ะ ว่าจะจัดการเขาได้...!!
แพรวพิลาส
ยืนตัวเย็นเฉียบ หน้าซีด ชาดิกไปทั้งตัว อารมณ์ราคะหายวูบหมดไม่มีเหลือ เมื่อได้เห็นภาพหล่อนในโทรศัพท์
ซึ่งกำลังยืนหลบมุมเสา แอบคุยโทรศัพท์อยู่อย่างลับๆ ล่อๆ แต่เสียงที่ได้ยิน
ก็ชัดเจนพอ
“อืม...เป็นแผนการที่ดีนะ ฟังแล้วรู้สึกสนุกชวนคิดตามไปด้วยเลย
ผู้หญิงคนหนึ่งล่อผู้ชายมา เพื่อทำเรื่องอย่างว่า ตอนจบมันน่าจะออกสองด้าน หนึ่ง ติดกล้องถ่ายไว้ในห้อง
บันทึกเรื่องราวไว้แบล็คเมล์ สอง มีคนโผล่เข้ามาตอนปฏิบัติภารกิจ
เพื่อเอาเรื่องไปประจานให้สนุกปาก หรือ สาม เผยแพร่ทั้งคลิป ทั้งพยาน เพื่อเผาชื่อเสียงของคนหนึ่งในนั้นให้วายวอด
แบบว่าต้องใส่ปี๊บคลุมหัวกันเลยทีเดียว สุดท้ายถูกเช็คบิลด้วยการถูกผู้บริหารระดับสูงของเดอะไลท์เปิดโหวตไม่ไว้วางใจ
บ๊ะ! แต่งได้เป็นเรื่องเป็นราวเลยนะ ไอ้แบบนี้ต้องขอคำเฉลยจากรองผู้กำกับหนังอย่างคุณแพรวพิลาสซะแล้ว
ว่าอย่างไหนคือตอนจบของเรื่องที่แท้จริงกันแน่? แต่ให้เดา คงหนีไม่พ้นอย่างหลัง!”
“แพรว...แพรวเปล่า...แพรวไม่ได้...ไม่ได้ตั้งใจ...คุณดิลกเป็นคนคิด...เขาเป็นคนสั่งให้แพรวทำ
จริงๆ นะคะ แพรวไม่รู้เรื่อง บอส! บอสต้องเชื่อแพรวนะคะ
แพรวซื่อสัตย์ภักดีต่อบอส แพรวไม่มีวันทรยศบอส...”
คนผิดเร่มาคุกเข่า
กอดเข่าร้องไห้ฟูมฟายยกใหญ่ ตามฟ้ามองหล่อนด้วยแววตาเยือกเย็น สมเพศ
“ตอนคุณเข้ามาทำงาน ผมเตือนแล้วว่า ให้สนใจแค่การทำงานเท่านั้น
ถ้ามีอิทธิพลฝ่ายไหนเข้ามายุ่ง ให้บอกผม
แต่คุณก็เลือก...จะอยู่ฝ่ายที่ตอบสนองความโลภของคุณ งั้นเราก็คงจบเส้นทางกันเพียงเท่านี้”
ชายหนุ่มผุดลุกขึ้น
จะเดินไป แต่ถูกกอดขาไว้แน่น หล่อนร้องคร่ำครวญ
“ไม่นะ! ไม่นะ! บอส บอส อย่า...
อย่าไล่แพรวนะคะ แพรวผิดไปแล้ว แพรวขอโทษ ยกโทษให้แพรวด้วย แพรวจะไม่ทำอีกแล้ว
แพรวเป็นนางแบบมือหนึ่งของเดอะไลท์นะคะ คุณต้องไม่ไล่แพรว”
“คุณไม่ใช่...นางแบบเบอร์หนึ่งของเดอะไลท์อีกต่อไป พรุ่งนี้
ไม่ต้องไปทำงานอีกแล้ว”
ความเจ็บปวดอับอาย
เปลี่ยนเป็นความโมโหเกรี้ยวกราด โทสะระเบิดจนควบคุมไม่อยู่ กรีดร้องใส่เขาดังลั่น ตามฟ้าเดินอย่างเยือกเย็น
มาเปิดประตูห้อง ก่อนจะหันกลับมายิ้มเยาะ
“อ้อ! บอกให้เป็นความรู้อย่างนะ คุณนางแบบ ตัวผมชอบ “รุก” ไม่ได้ชอบ “รับ” เพราะงั้น เกมกามาประเภทยั่วยวนชวนราคะ ให้อ่อนเป็นแมวนอนเชื่อง ใช้กับผมไม่ได้ผลหรอก
โดยเฉพาะ คนที่มือไม่ถึงนะ!”
ตามฟ้ายกยิ้วทำท่าจิ๊บๆ
แถมหลิ่วตาให้อย่างเย้ยหยัน เรียกเสียงกรี๊ดระเบิดได้ใจ ทันทีที่เขาปิดประตูลง
“จะรีบไปไหนหรือครับ อาดิลก?”
ดิลกสะดุ้ง
ขณะกำลังจะเปิดประตูรถ หันกลับมา เห็นหลานชายยืนกอดอกมองอยู่ใต้ต้นไม้ในเงามืด
“อ่ะ...เอ่อ...เปล่า คือ อานัดเพื่อนไว้น่ะ
จะออกไปสังสรรค์กับเพื่อนสักหน่อย”
“หรือครับ? แหม! บังเอิญจัง นานๆ
ทีผมจะมาค้างที่บ้าน แต่คืนนี้พอมาปุ๊บ อาก็จะออกไปปั๊บ”
ตามฟ้าเดินมือไพล่หลังเข้ามาด้วยท่าทางสบายๆ
แต่ผู้เป็นอากลอกตาหลุกหลิกอย่างไม่ค่อยเป็นสุขนัก ยิ้มแหยๆ
“แหม! ก็อาจะไปรู้เมื่อไหร่ล่ะ ว่าฟ้าจะค้างบ้าน
นี่อาก็ติดธุระด้วย ไม่งั้นก็อยู่เป็นเพื่อนฟ้าแล้วล่ะ”
“ช่างเถอะครับ ผมไม่ขัดความสุขอาหรอก ผมก็เพลียมากเหมือนกัน ว่าจะขึ้นไปนอน
เพิ่งเสร็จกิจกับคนทรยศบริษัทมาหยกๆ เหนื่อยเหมือนกัน ขอตัวนะครับ”
ตามฟ้าฉีกยิ้มปริศนาทิ้งท้าย
หันหลังเดินไปได้สองก้าว ก็ได้ยินเสียง...
“คนทรยศบริษัทคนนั้น...แพรวพิลาสใช่ไหม?”
ชายหนุ่มชะงักกึก
ก่อนหันมาจ้องหน้าผู้เป็นอานิ่ง พยักหน้าช้าๆ
“รู้ข่าวไวจังนะครับ เรื่องเพิ่งเกิด เมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วนี้เอง”
“หึ จะไม่ให้รู้ได้ไงล่ะ ก็...แพรวพิลาสโทรศัพท์มาหาอา
โวยวายคร่ำครวญยกใหญ่ แต่ก็สมควรแล้วล่ะ คนที่ทรยศ กบฎต่อท่านประธาน ไม่สมควรเอาไว้
ฟ้าทำถูกแล้ว ด้านนี้อาก็...จัดการผู้สมรู้ร่วมคิดไปพร้อมกันด้วยแล้วล่ะนะ!”
ดิลกบอกด้วยสีหน้ากระหยิ่มยิ้มย่อง
ตามฟ้าวางหน้าเฉย แต่จ้องเขม็ง
“หมายความว่ายังไงครับ?”
“ก็แพรวพิลาส สมคบคิดกับเทอดศักดิ์ จัดฉากตะครุบหลานฟ้าเพื่อแบล็กเมล์ไงเล่า! ดีนะเนี่ย ที่อารู้ทันซะก่อน ก็เลยชิงลงโทษ ไล่เจ้าคนชั่วออกไป
ส่วนทางฟ้าก็จัดการแม่แพรวพิลาสเรียบร้อย เรื่องจบอย่างแฮปปี้แอนดิ้ง หายห่วง
สบายใจได้ ฮ่ะ ฮ่ะ!”
ดิลกตบแขนหลานชาย
พร้อมกับหัวเราะอย่างภาคภูมิใจ ตามฟ้าจ้องนิ่ง หรี่ตาลง ก่อนจะหัวเราะหึๆ
“โอ้โห! สุดยอดเซอร์ไพร์สอะไรอย่างนี้! ผมเพิ่งไล่แพรวพิลาสออกเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว
อาดิลกเผอิญจับได้ว่าเทอดศักดิ์เป็นคนสมคบคิด สรุปถูกไล่ออกพร้อมกันทั้งคู่
ในเวลาเดียวกันเสียด้วย แหม่! ถ้าเป็นละครนี่
ต้องบอกว่าผู้กำกับหนัง จัดคิวได้แน่นอนแม่นเป๊ะ จัดฉากได้สมจริงสมจัง ราวกับมีผู้ช่วยด้านหลังคอยกระซิบบอกเลยนะครับ”
ดิลกหัวเราะค้าง
กระแอมไอหนักๆ ราวกับอะไรติดคอกะทันหัน
“เอ่อ...อารีบไปก่อนดีกว่า สายมากแล้ว เดี๋ยวเพื่อนรอ”
ตามฟ้าจับขอบประตูรถไว้
ก่อนดิลกจะปิด ยื่นหน้ามาบอกว่า
“ขับรถดีๆ นะครับ อ้อ! ถ้าบังเอิญรอบที่สาม เจอแพรวพิลาสในคืนนี้อีก
ฝากขอบคุณเธอด้วยนะว่า แม้จะหลงผิดคิดชั่ว แต่อย่างน้อย ก็อุตส่าห์ทำดีนาทีสุดท้าย
ด้วยการ “สารภาพความจริง” ออกมาจนหมด!”
ชายหนุ่มอยู่ในชุดนอน
ครึ่งนั่งครึ่งนอนบนเตียงของเขา ขณะรอเจ้าของหัวใจมารับสาย...
เสียงเพลงรอสายเป็นเพลง
“วันเดอร์ฟูล ทูไนท์” เพลงที่ใช้บรรเลงในคืนพิเศษ
เขายิ้มน้อยๆ อย่างชื่นใจ
“...เลขหมายที่ท่านเรียกอยู่ขณะนี้ ไม่สามารถรับสายได้ ด้วยเหตุว่า นางกำลังคุยโทรศัพท์ติดพันกับมารดาอยู่
หากท่านต้องการเรียนสายด้วยจริงๆ กรุณาขออนุญาต...คุณแม่ของนางก่อนเจ้าค่ะ!”
เสียงหวานใสเจื้อยแจ้วมาตามสาย
ตามฟ้าอมยิ้ม มองพระจันทร์ ก่อนจะกรอกเสียงแผ่วละมุน
มองฟ้าแล้ว...คิดถึง...คนไกล
ที่สถิต...อยู่กลางใจ...คนเหงา
ฝนเพิ่งสร่างร้างไป...ชั่วครู่...นี้นา
แต่หมอกหนาวแสนหนา...ขวางกั้น...ทางจันทร์
วอนดวงดาว...พร่างพราว...บนนภา
ผ่านเส้นสายดารา...สรวงสวรรค์
ฝากร้อยความคิดถึง...ออดอ้อน...รำพัน
ถึงคนหนึ่งคนนั้น...รักมั่น...มิเสื่อมคลาย
คุณแม่หรือครับ? ผม ตามฟ้า เรืองฤทธิ์ธารันท์
ว่าที่ลูกเขยในอนาคตของคุณแม่นะครับ ขณะนี้ หัวใจผมถูกความคิดถึงกัดกร่อนรุมเร้าจนนอนไม่หลับ
อยากจะแวะมาเติมกำลังใจจากมธุรสพจมานอันนุ่มนวลแผ่วหวานของบุตรสาวผู้อารีของคุณแม่
เพื่อต่อลมหายใจให้ฮึดสู้ฝ่าฟันกับอุปสรรคปัญหา ความเหงา และความคิดถึง
ในอนาคตต่อไป ขอความเมตตากรุณา ต่อผู้ชายที่ถูกกุมหัวใจไปจนหมดสิ้นแล้ว คนนี้ด้วยเถิดครับ”
ปลายสายเงียบไปอึดใจใหญ่
ก่อนจะมีเสียงถอนลมหายใจแผ่วๆ
“ปากหวานเหลือเกิน!
มธุรสวาจาของใครก็ไม่หวานไพเราะจับจิต เท่ากับวาทศิลป์ของนักกวีเอกอย่างคุณหรอกค่ะ
ตามฟ้า ถ้าคุณแม่ของแองจี้ได้ฟัง คงแทบจะยกถวายแองจี้ให้คุณเสียเดี๋ยวนี้เลย”
อินทราณียิ้มหวาน
ด้วยหัวใจที่เป็นสุขสดชื่น
ขณะนั่งอยู่บนเตียงเปิดดูอัลบั้มภาพที่ถ่ายคู่กับเขาในอดีต
“ความคิดถึง...เปลี่ยนยอดนักรบให้กลายเป็นศิลปินได้ฉันใด ความรัก...ก็เปลี่ยนตามฟ้าให้กลายเป็นกวีได้ฉันนั้น”
“บุรุษเจ้าเสน่ห์กลายเป็นนักกวี ชักกลัวเสียแล้วสิ!”
“กลัวอะไรครับ?”
“กลัวสายลม...ดอกไม้...ผีเสื้อ...สายน้ำ...จะหลงลมนักกวี
แล้วก็...กลัวนักกวีจะเคลิบเคลิ้มไปกับสายลม...ดอกไม้...ผีเสื้อ...สายน้ำ...จนลืมคนไกล”
ตามฟ้าหัวเราะแผ่วหวาน
“ไม่ต้องกลัวหรอกครับ เพราะนักกวีสมัครเล่นคนนี้ ไม่ติดลมบนที่ไหนแน่นอน เพราะเขามักละเมอยามอยู่ต่อหน้าดวงจันทร์
ซึ่งมีใบหน้าของ “เทพธิดาซิดนีย์” อยู่ในนั้น ทุกค่ำคืน”
“ชื่นใจเหลือเกิน ฟ้าคะ ไม่ได้อ้อนนะ แต่ช่วงนี้ ไม่รู้เป็นอะไร แองจี้คิดถึงคุณมาก
และถี่ผิดปรกติ มัน...บอกไม่ถูก อารมณ์มันวูบวาบปั่นป่วนหลายแบบ ราวกับว่า แองจี้จะสื่อจิตถึงคุณได้ปานนั้น
แปลกจังเลยนะคะ”
“หือ...ก็เราผูกจิตกันแล้วนี่ครับ เอ...หรือว่า อาจจะเป็น พลังของโอปอลที่คุณใส่อยู่ก็ได้นะ”
“ทำไมคะ? มันมีอิทธิฤทธิ์กระตุ้นความคิดถึง หรือเชื่อมจิตกับคนรักได้กระมัง?”
“ครับ ก็แนวๆ นั้น เพราะคุณชอบมองมันบ่อยๆ เลยอุปทานไปว่า ตัวเองคิดถึงผมบ่อยขึ้นไงครับ”
อินทราณีกะพริบตาปริบๆ
คิดตามอย่างงงๆ ก่อนจะตามทันเล่ห์ของเขา เลยย่นจมูกใส่โทรศัพท์
“ขี้ตู่! คิดเข้าข้างตัวเองเป็นตุเป็นตะ”
ตามฟ้าหัวเราะรื่นเริง
หญิงสาวใช้นิ้วคลำภาพใบหน้าชายหนุ่มที่ยืนอยู่โดดๆ บนสะพานซิดนีย์ในฤดูหนาว
“แองจี้ครับ ผมคิดถึงคุณนะ แต่ไม่รู้สึกอ้างว้างเดียวดายเลย หัวใจผมเต็มอิ่ม
ไม่เร่าร้อน ทุรนทุราย แม้คุณจะไม่อยู่ข้างกายผม แต่คุณอยู่ในใจผม
เติมเต็มความรักให้ผมทุกวันด้วยภาพความทรงจำที่งดงาม ระยะทางไม่สำคัญเลย ถ้าเรามีศรัทธาต่อกัน
จิตใจเราก็สงบสุข ชื่นบาน และเยือกเย็น ผมอยากให้คุณเป็นแบบนั้นเช่นกัน”
อินทราณีสูดลมหายใจลึก
นิ่งฟังอย่างปลาบปลื้ม ซาบซึ้งใจ ถ้าเขาอยู่ตรงนี้ หล่อนคงกอดเขาเป็นแน่
คู่รักทั้งสองพร่ำพรอดรำพันถึงความรัก
ความคิดถึง และเรื่องราวต่างๆ อีกมากมาย
“คืนนี้นอนกับผมนะครับ แองจี้”
“ฮื้อ...นอนยังไงกันคะ?”
“คุณนอนบนเตียงทางขวา ผมนอนทางซ้าย ห่มผ้าห่ม และโอบกอดกันไว้
เราจะหลับฝันดีไปพร้อมกัน”
อินทราณียิ้ม
รู้สึกวาบหวามเต็มขั้วหัวใจ เขาช่างคิดให้หล่อนอ่อนไหว เคลิบเคลิ้ม โรแมนติกเหลือเกิน
“ฟ้าขา แองจี้รักฟ้านะคะ” หล่อนกระซิบ
ตามฟ้าหลับตาพริ้ม ระบายลมหายใจยาว ความเครียดที่ผ่านมาสลายหายไปสิ้น
“แองจี้ครับ ผมรักคุณทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคตนะครับ!”
“ไม่เชื่อหรอก คารมผู้ชาย เขาบอกว่าต้องฟังสองส่วน อีกแปดส่วนให้กาลเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์”
“เวลาไม่ใช่เครื่องพิสูจน์หรอกครับ
การกระทำต่างหากเป็นเครื่องพิสูจน์แท้จริง สิ่งใดที่แฟนคุณคนนี้พูดไป
รับฟังไว้เฉยๆ ยังไม่ต้องเชื่ออะไรทั้งนั้น รอจนเขาได้พิสูจน์ให้เห็นด้วยตาก่อน ค่อยเชื่อก็ยังมิสาย”
“ราตรีสวัสดิ์ค่ะ ฟ้า ขอให้พรุ่งนี้เป็นวันดีๆ ของคุณนะคะ แองจี้จะหมั่นส่งกำลังใจให้คุณเสมอ”
“ขออำนาจคุณพระศรีรัตนไตร และอัญมณี ปกป้องดูแลคุณแทนผมด้วย ราตรีสวัสดิ์
หลับฝันดีครับ”
ทั้งคู่ระลึกถึงกันทางมโนภาพเป็นครั้งสุดท้าย...ก่อนจมดิ่งสู่ห้วงความฝันอันแสนหวานล้ำโรแมนติก
“ผมขอดื่มให้คุณพงศ์ธร ขอบคุณที่อุตส่าห์ช่วยเป็นหูเป็นตาแก่บริษัท
ถ่ายคลิปคนร้ายมาให้ผม”
ตามฟ้ายกแก้วให้พนักงานหนุ่มที่นั่งตรงข้าม
กนกเมทนียกตามด้วย ทั้งสามนั่งอยู่ในร้านอาหารแห่งหนึ่ง
“โชคดีที่ผมสังเกตเห็นพิรุธ ก็เลยตามคุณแพรวพิลาสไป เรื่องบังเอิญน่ะครับ”
“ถ้าคุณไม่ใส่ใจสังเกต ก็คงไม่พบพิรุธหรอก พนักงานแบบคุณนี่แหละ
ที่ทำให้บริษัทอุ่นใจ”
พงศ์ธรยิ้มรับอย่างถ่อมตัว
เขาเป็นแค่พนักงานระดับกลางๆ
แต่กลับได้รับเชิญให้มารับประทานอาหารกับประธานบริษัทใหญ่
แม้จะรู้ว่าบอสหนุ่มเป็นคนใจกว้าง ไม่ถือตัว แต่ด้วยสติปัญญา และการมองคนทะลุปรุโปร่งของเขา
จึงไม่ง่ายเลย ที่ใครจะได้รับเลือกให้เป็นคนใกล้ชิด สนิทรู้ใจเขาง่ายๆ อย่างเช่นกนกเมทนี
“ตอนนี้ไม่ใช่แค่คุณพงศ์ธร เรามีพนักงานที่ไว้ใจได้เพิ่มขึ้นหลายคนแล้วนะคะ
เพราะคุณดิลก กับท่านรองประธาน มักใช้อิทธิพลสั่งการบังคับเรื่องที่มิชอบด้วยเหตุผล
จนเริ่มเกิดกระแสต่อต้านขึ้นบ้างแล้ว”
กนกเมทนีบอกยิ้มๆ
สายตาที่สบกับเจ้านาย เป็นปกติเหมือนเดิม หลังจากแน่ใจว่า
เขาไม่ได้ถือสาเรื่องคืนนั้น และหล่อนก็ไม่ได้พลั้งปาก ในสิ่งที่ “ใหญ่หลวง” ออกไป
แม้จะโล่งอก แต่อีกใจหนึ่ง ก็เสียดายอยู่ลึกๆ
“ระวังอย่าให้มันเลยเถิดก็แล้วกัน ผมอยากจัดการพวกเขาด้วยตัวเอง
ไม่ใช่การรุมประชาทัณฑ์”
“แต่ว่าบอสคะ การสูญเสียแพรวพิลาส เดอะไลท์เสียหายมากอยู่นะคะ
เธอเป็นนางแบบเบอร์หนึ่งของเรา
เป็นแม่เหล็กดึงดูดรายได้การโฆษณาหลักมาตลอดสามปีนี้ ปัญหาคือ ได้ข่าวว่าตอนนี้
เธอ...”
หญิงสาวชะงักคำพูด
จ้องมองด้านหลังของเขานิ่ง ชายหนุ่มหันไป ก็พบ ก้องภพ คู่ปรับบริษัทคนสำคัญ
เดินควงแขนหญิงสาวสวยเปรี้ยวเข้ามาในร้านอาหาร ทั้งคู่หยอกเย้ากันยิ้มแย้ม
เมื่อเดินมาถึงโต๊ะตามฟ้า ก็ชะงัก
“อ้าว! บังเอิญจังนะครับ คุณก้องภพ ทานร้านนี้มานาน
ไม่ยักเจอคุณมาก่อนเลย”
ตามฟ้าทักยิ้มๆ
ก้องภพทำหน้าเซ็งในทันที แต่พอเหลือบมองหญิงข้างกาย ก็แสยะยิ้มออกมาอย่างสุดสดชื่น
“อ๋อ! ไม่แปลกหรอกครับ ร้านหรูๆ
ก็ต้องเหมาะกับโอกาสพิเศษ พอดีวันนี้ ผมมีวาระสำคัญ ต้องพา “นางแบบเบอร์หนึ่งคนใหม่ของเดอะซัน”
มาเลี้ยงต้อนรับน่ะครับ”
กนกเมทนี
กับพงศ์ธรหันไปจ้องแพรวพิลาส ที่ยืนเชิดหน้าหยิ่งทระนงอยู่ ตามฟ้าหัวเราะเบาๆ
“อ๋อ! ยินดีด้วยนะครับ “นางแบบเบอร์หนึ่งคนใหม่” คุณก้องภพนี่ “ตาถึง” แท้”
“หึ เพชรแท้ ไม่ว่าจมปลักอยู่ในโคลนตมที่ไหนมานาน ก็ย่อมยังคงเปล่งประกายอยู่เสมอนั่นแหละครับ!”
“หรือครับ แต่บางครั้ง ต่อให้เป็นปลักโคลนที่ทั้งเน่าทั้งเหม็น
มาเจอกับเพชรเก๊ เพชรปีศาจจำแลง ที่มีแต่สารพิษ ปลักโคลนนั้นก็คงทนไม่ไหวเหมือนกันนะ!”
ตามฟ้าโต้ตอบหน้าตาย
กนกเมทนี กลั้นหัวเราะเกือบไม่ทัน แพรวพิลาสหน้าแดงก่ำ อ้าปากจะอาลวาท แต่ก้องภพฉุดแขนไว้
ลากไปนั่งที่โต๊ะเสียก่อน พงศ์ธรอ้าปากค้าง ขณะที่ครีเอทีฟสาวหัวเราะคิก
“โหดจังเลยนะคะ บอส”
“เกิดในยุค “คนกินคน” แบบนี้
ขืนไม่โหดล่ะก็ ได้ถูกจับกินเป็นอาหารแน่ เนอะ คุณพงศ์ธร”
พงศ์ธรยิ้มแหยๆ
เพิ่งเห็นฤทธิ์เดชของเจ้านายซึ่งๆ หน้า ทั้งเลื่อมใส และยำเกรง สุดขั้วหัวใจ
รุ่งเช้า
ตามฟ้ามาถึงบริษัท ในสภาพที่กำลังปั่นป่วนวุ่นวายราวกับเกิดแผ่นดินไหว
พนักงานของเดอะไลท์วิ่งกรูออกมายืนรวมกันข้างนอก สีหน้าแตกตื่นตกใจ ตามฟ้าเดินไปหานิตยา
เลขาสาวซึ่งรวมอยู่ในกลุ่มนั้นด้วย
“เกิดอะไรขึ้น?”
“บอส เกิดเรื่องใหญ่แล้วค่ะ ม...มีคนโทรศัพท์มาขู่ ว่าจะระเบิดบริษัท!!”
“อะไรนะ!?” ประธานหนุ่มร้องอย่างไม่เชื่อหู
เลขาสาวรายงานกระหืบกระหอบลิ้นแทบพันกันว่า
“ยี่สิบนาทีก่อน ฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ได้รับโทรศัพท์ลึกลับ
ขู่ว่าได้วางระเบิดไว้ 3 จุดในบริษัท และจะกดชนวนในอีกครึ่งชั่วโมง ทั้งสามลูก ทุกๆ
สิบนาทีค่ะ”
“บอสคะ! เรียกตำรวจแล้วค่ะ
หน่วยกู้วัตถุระเบิดกำลังมา”
กนกเมทนีวิ่งมาหาเขา
แม้จะมีอาการตกใจ แต่ควบคุมสติได้ดีกว่านิตยา ตามฟ้ายังจับต้นชนปลายไม่ถูก
ก็เห็นดิลก ยืนอยู่หน้าบริษัท ร้องโหวกเหวกไล่ต้อนพวกพนักงานให้รีบออกจากบริษัทโดยเร็ว
“เอ้า! เร็วๆ เข้า อย่าชักช้า เดี๋ยวได้ตายกันหมด
ออกไปเลย ข้าวของไม่ต้องห่วงแล้ว เอาชีวิตไว้ก่อน”
“อาดิลก!”
“อ้าว บอส ทำไมเพิ่งมา ผมไล่ต้อนคนเกือบหมดแล้วเนี่ย บอสเองก็รีบๆ
ไปรวมกลุ่มกับพวกนั้นเถอะ”
“รู้ได้ยังไงว่ามีระเบิดจริง?”
ตามฟ้าถามเร็วปรื๋อ
ใบหน้าเคร่งเครียด ทว่ายังคงความสุขุมเยือกเย็นอย่างยิ่ง ต่างกับดิลกที่ดูวุ่นวาย
“โธ่! บอส จะจริงหรือเท็จ ไม่ใช่เรื่องที่จะมานั่งพิสูจน์กันสดๆ
ในออฟฟิศไม่ใช่เหรอ นี่มันระเบิดนะ ไม่ใช่ประทัดตรุษจีน
ตูมเดียวก็ตายห่ากันหมดแล้ว”
“อาจะอพยพพนักงานทุกคนออกจากบริษัทไม่ได้นะครับ!”
ตามฟ้าเน้นเสียงเครียด
ดิลกหน้าตาตื่นยังกะเห็นผี ร้องตะโกนดังลั่น จนพนักงานหันมามอง
“นี่อะไรกันเนี่ย! มีระเบิดอยู่ในบริษัท
บอสกลับจะสั่งให้เรากลับไปทำงานต่อ นี่บอสห่วงงาน ไม่ห่วงชีวิตลูกน้องเลยเหรอ
ใจคอบอสทำด้วยอะไรเนี่ย ทำไมโหดร้ายจริง!”
พนักงานที่เสียขวัญหลายคน
ส่งเสียงพึมพำกันระงม กับถ้อยคำดุเดือดของดิลก ตามฟ้าฉุนกึก กล่าวเสียงเข้มขึ้น
“ผมไม่เคยห่วงงาน มากกว่าชีวิตคน แต่นี่มันไร้เหตุผลสิ้นดี! เดอะไลท์เป็นบริษัทชั้นนำระดับหกดาว
เรามีการป้องกันอารักขาเข้มงวดขนาดไหน แล้วจู่ๆ จะมีระเบิดปริศนาโผล่ขึ้นมาในบริษัทถึง
3 จุด เนี่ยนะ! ลำพังแค่เสียงโทรศัพท์
ก็สั่งอพยพคนหมดทั้งเดอะไลท์ เรามีพนักงานเป็นร้อยนะครับ ไม่ใช่ยี่สิบคน หลักฐานก็ไม่มีสักชิ้น
จะตัดสินแบบนี้ได้ยังไง”
ขาดคำ
เสียงระเบิดดัง “ตูม” ก็สะท้านก้องขึ้นทางด้านขวาของตึกใหญ่
พนักงานส่งเสียงร้องกรี๊ด ถอยหลังกรูดไปอีก พนักงานที่ยังชักช้า
บ้างรีรออยู่ในออฟฟิศ ต่างโกยอ้าวกันเร็วขึ้น ดิลกหันมาตะโกนใส่หน้า
“นั่นไง นั่นไง ใช่ระเบิดไหม? ยังจะเถียงอีก”
“บอสครับ บอส ม...มีควันพวยพุ่งขึ้นจากห้องฝ่ายโฆษณา
เรียกหน่วยดับเพลิงเถิดครับ”
พงศ์ธรร้องหน้าตาตื่นวิ่งมา
ตามฟ้าขมวดคิ้ว หรี่ตามองข้างในตัวตึก กัดริมฝีปากใช้สมองขบคิดอย่างหนัก
ก่อนจะดึงแขนพงศ์ธรที่เตรียมจะวิ่งไปสมทบกับคนข้างนอก บอกสั้นๆ ว่า “มากับผม...” แล้วพาเดินเข้าไปข้างใน
“บอสครับ จะไปไหนครับ?”
“ดูจุดเกิดเหตุ” ตามฟ้าตอบสั้นๆ เดินเร็วๆ
สวนกับพนักงานที่พากันวิ่งออก หลายคนหยุดชะงัก หันมามองเขาอย่างงงๆ
“ฮ้า! ไม่ทันหรอกครับ บอส ผมเพิ่งลงมาจากชั้นนั้น อีก
10 นาที ระเบิดลูกสองก็จะมาแล้วนะครับ”
ตามฟ้าไม่ได้เดินอย่างเดียว
เขาสังเกตกล้องวงจรปิด และสภาพแวดล้อมในอาคารอย่างถ้วนถี่
มือทำหน้าที่ฉุดแขนพงศ์ธรที่ยังขืนตัวไว้ ไม่ค่อยยอมไป กนกเมทนีร้องเรียกเขา
แล้ววิ่งตามเข้ามาด้วย
“เอาล่ะ หยุดวิ่งเดี๋ยวนี้ ทุกคนที่เหลือนั่นแหละ!”
จู่ๆ
ท่านประธานก็ร้องก้องขึ้น ดังสะท้านตึก พนักงานหลายคนที่วิ่งกันโกลาหลอลเวงพากันหยุดชะงัก
“ไม่มีระเบิดในตึกนี้ ผมขอรับรอง เลิกแตกตื่นโกลาหลกันได้แล้ว”
พนักงานหันมองกันหน้าตาตื่น
พงศ์ธรอ้าปากค้าง กนกเมทนีจ้องเขาอย่างตะลึง
“พ...พูดอะไรน่ะบอส ม...เมื่อกี้ก็ระเบิดไปแล้วไม่ใช่เหรอ?”
พงศ์ธรทำหน้าราวกับว่าเจ้านายของเขาเสียสติไปแล้ว
ตามฟ้ายืนนิ่ง จ้องหน้าทีละคนช้าๆ พูดเสียงเฉียบขาด
“ผมไม่คิดว่า เดอะไลท์จะถูกวางระเบิดของจริง หลักฐาน
ผมกำลังจะไปพิสูจน์เดี๋ยวนี้ ถ้าใครเชื่อผม ก็ยืนอยู่ตรงนี้ ถ้าใครไม่เชื่อ
ก็วิ่งออกไป เหลืออีกสามนาที ผมรู้ว่า พวกคุณรักชีวิต และผมไม่เคยคิดเอาชีวิตใครมาเสี่ยง
แต่ผมเป็นประธานบริษัท ผมจะไม่ทิ้งที่นี่ ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์ใดขึ้น
ต่อให้มีระเบิดจริง ผมก็ยอมตายพร้อมเดอะไลท์!
แต่พวกคุณไม่ใช่ ฉะนั้น ใครเชื่อผม ก็อยู่ ไม่เชื่อ ก็ไป ผมไม่เอาโทษ!”
พนักงานหันมามองหน้ากันเลิ่กลั่ก
กนกเมทนีจับมือตามฟ้าไว้ทันที มองเขาอย่างเชื่อใจ และด้วยแววตาที่สื่อว่า “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ฉันจะผจญมันกับคุณ” นั้น ก็ทำให้ชายหนุ่มถึงกับอึ้ง
ขณะที่พงศ์ธรจ้องนาฬิกาข้อมือด้วยหัวใจเต้นแรง นับถอยหลังเสียงสั่น
มีพนักงานสองคนวิ่งจากไป เหลืออีกสิบกว่าคนที่ยอมอยู่ตรงนั้น
ส่วนมากจ้องเขาด้วยสายตาเชื่อมั่น ทำให้ตามฟ้าซาบซึ้งใจ พงศ์ธรร้องว่า “เอาด้วยครับ
เป็นไงเป็นกัน...” ภาพพนักงานสิบกว่าคน กับท่านประธานบริษัท
ยืนนิ่งอย่างไม่หวาดหวั่นอยู่บนชั้นสอง
ประจักษ์แก่สายตาพนักงานเกือบร้อยคนที่ด้านล่าง ที่มองผ่านกระจกใสเข้ามา ตามฟ้าเดินมาเกือบชิดริมกระจก
ยืนด้วยท่วงท่าสบายๆ ส่งยิ้มให้ลูกน้องที่ยืนอกสั่นขวัญแขวนอย่างไม่เข้าใจเรื่องราว
ดิลก ยืนอ้าปากค้างอยู่ในกลุ่มด้วย!
“3...2...1...!!”
กนกเมทนีเคลื่อนกายมาเกาะแขนเขาไว้
ทั้งสองสบตากัน นิ่ง นาน...
เสียงร้องไชโยของพงศ์ธร
เสียงปรบมือ และถอนหายใจโล่งอกของพนักงานทั้งหลาย รวมทั้งพนักงานข้างนอกที่พากันปรบมือ
ร้องสรรเสริญความกล้าหาญของท่านประธานราวกับเสียงเชียร์เลือกตั้งดังระงม
เหตุการณ์รอบตัวที่เป็นไป
ไม่ได้เข้าโสตประสาทของหนึ่งหนุ่ม และหนึ่งสาวที่ยืนจ้องกันอยู่แม้แต่น้อย!
“เย้! บอส เป็นอะไรไปครับ ไม่ดีใจเหรอ มันไม่ระเบิด
ไม่มีระเบิดสักหน่อย จริงๆ ด้วย ฮ่ะ ฮ่ะ”
เสียงพงศ์ธรปลุกให้เขาได้สติ
ตื่นจากภวังค์ กนกเมทนีหน้าแดง หัวใจสั่น หลบสายตา หันหน้าไปทางอื่น
ไม่มีใครสังเกตอาการผิดปกติของทั้งคู่ เพราะมัวแต่ดีใจกันอยู่
ตามฟ้ายิ้มกับพนักงาน ทั้งที่หัวใจปั่นป่วนวุ่นวาย ไม่ใช่เรื่องระเบิด แต่เกิดจากอารมณ์อย่างหนึ่ง
ที่ถูกกระตุ้นจากดวงเนตร...สื่อบอกความนัยบางอย่างแก่เขา!
เถกิงรมณีนั่งนิ่ง
สายตาที่มองดิลก เต็มไปด้วยโทสะ ที่พยายามสะกดกลั้นไว้สุดฤทธิ์
“รู้ตัวรึเปล่า ว่าทำอะไรลงไป?”
หล่อนถามเสียงห้วน
ทุบกำปั้นลงบนโต๊ะ ดิลกเดินพล่านไปมายังกับหนูติดจั่น กระวนกระวายเป็นที่สุด
“โธ่เอ๊ย! ก็ใครจะไปรู้ล่ะ ว่าตามฟ้าจะบ้าดีเดือด
ถึงขั้นไม่กลัวระเบิด ขนาด “ตู้ม” ขึ้นมาลูกหนึ่งแล้ว
ยังเดินเข้าไปในตึกอีก บ้าชิบ!”
“ที่บ้าน่ะไม่ใช่เขา คุณต่างหาก!”
“อ้าว จู่ๆ มาว่าผมทำไมน่ะ แรนดี้ นี่...ผมก็ทำตามแผนคุณแล้วนะ แต่...มันดันออกตรงข้ามเท่านั้นเอง”
“ฉันไม่เคยสั่งให้คุณทำแบบนี้ เรื่องนี้คุณทำโดยพละการเลยนะ ฉันเข้าใจแผนของคุณ
วางระเบิดในบริษัท ทำลายขวัญพนักงาน คิดว่าตามฟ้าจะกลัวตาย วิ่งไปรวมกับพวกข้างนอก
และคุณก็จะตลบหลัง เป็นฮีโร่กู้สถานการณ์ ทำใจกล้า
อยู่ในตึกตอนถึงเวลาระเบิดลูกที่สอง เพื่อให้ทุกคนเห็นว่าคุณทั้งรักบริษัท และเป็นผู้นำที่น่าเลื่อมใส
หรือพิสูจน์ให้เห็นว่าเป็นระเบิดปลอม หักหน้าตามฟ้า หักเครดิตเขา และสร้างคะแนนให้ตัวเองไปในคราวเดียว
ฉันพูดถูกไหม?”
ดิลก
ทำหน้าไม่พอใจนัก กระแทกตัวนั่งลง ไม่ตอบ เถกิงรมณีถอนใจอย่างเหนื่อยหน่าย
“ดิลก ฉันขอร้องล่ะ วันหลังจะทำอะไร ช่วยปรึกษากันก่อนได้ไหม? หากพลาดพลั้งลงไป ฉันจะได้ช่วยคุณทัน ไอเดียคุณมันบ้าระห่ำ
และเสี่ยงเกินไป ไม่คิดบ้างหรือ ว่าถ้าเกิดออกตรงข้าม กลายเป็นคนที่อยู่ในตึกนั้น
เป็นตามฟ้า ไม่ใช่คุณ จะเป็นยังไง แล้วมันก็เกิดขึ้นจริงๆ ด้วย
นั่นยังไม่แย่เท่ากับว่า ถ้าเขาตรวจสอบพบว่ามันเป็นฝีมือคุณ คุณจะไม่ใช่แค่ถูกเด้ง
ตามฟ้าเอาคุณเข้าคุกหัวโตแน่!!”
เหตุจลาจลที่เกิดขึ้นกับบริษัทเดอะไลท์เมื่อเช้านี้
กลายเป็นข่าวครึกโครมไปทั่วประเทศ หนังสือพิมพ์พาดหัวข่าว “ขู่วางระเบิดกลั่นแกล้ง” พร้อม
“ความกล้าหาญของบอสใหญ่”
ผู้หยุดเหตุวุ่นวายไม่ให้บานปลายควบคู่กัน ภาพประธานหนุ่มยืนอยู่บนตึก
พนักงานปรบมือโห่ร้องอยู่ด้านล่าง เป็นภาพที่งดงาม น่าประทับใจ ผู้คนที่สุด
การประชุมใหญ่เกิดขึ้นทันที
หลังหน่วยเก็บกู้ระเบิด และตำรวจ มาตรวจสอบเบื้องต้น แล้วพบว่า ภายในตัวอาคาร
มีวัตถุระเบิดปลอมอยู่แค่ชิ้นเดียว ในห้องฝ่ายโฆษณา ซึ่งเป็นแค่ระเบิดควันเท่านั้น
ไม่มีความเสียหายมากนัก กล้องวงจรปิดทุกตัว พนักงานหลายฝ่าย
ต่างถูกเรียกมาตรวจสอบทั้งหมด แต่ยังไม่พบหลักฐานใดที่จะชี้นำไปถึงตัวผู้วางระเบิด
สภาพของเดอะไลท์ในวันนี้ จึงแทบจะเรียกได้ว่า เป็นอัมพาตไปครึ่งวันทีเดียว
“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผมจะไม่ใช้คำว่า “ก่อกวน” มันคือการ “ก่อการร้ายระดับรุนแรงที่สุด”
ทำลายขวัญพนักงาน ทำลายชื่อเสียงด้านความปลอดภัยระดับหกดาว
ทำลายภาพลักษณ์เดอะไลท์ สูญเสียกำไร จากการบริหารงานหยุดชะงัก
ผมขอประกาศให้ทราบไว้ตรงนี้เลยว่า ถ้ามีหลักฐานมัดตัวแน่นหนา ว่าใครทำ
ทั้งผู้ลงมือ และผู้บงการ
ไม่จำเป็นต้องเตรียมหางานใหม่ คุณจะไม่มีงานทำอีกเลยทั้งชีวิต กฎหมายเอาคุณเข้าคุก
แต่ผมจะเอาคุณหนักกว่านั้นแน่ จำไว้!!”
เสียงประกาศิตจากประธานใหญ่
ดังสะท้านทั่วห้องประชุม พนักงานหลายคนก้มหัว ตัวลีบ อย่างครั่นคร้าม ยำเกรง
พวกเขาไม่เคยเห็นบอสใหญ่ “น่ากลัว” ขนาดนี้มาก่อนเลย
แม้แต่ดิลก ก็ยังไม่กล้าสบสายตา กลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ กลอกกลิ้งดวงตาเจ้าเล่ห์อย่างหวาดหวั่น
ผิดกับเถกิงรมณี ที่จ้องตาหลานชายอย่างแข็งกร้าว
ความคิดเห็น