ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : อุทยานจิตสราญ
"งานจับมังกร เป็นแค่งานประลองของฝ่ายธรรมะ แต่งานของเรา ต้อนรับสหายทั้งธรรมะ และอธรรม งานนี้ เพิ่งจัดเป็นครั้งแรก โดยมี "พรรคเรา" เป็นประธาน งานนี้ไม่มีการเลี้ยง สังสรรค์ ร่ายรำ หรือสุราอาหาร มีแต่การโชว์ "ศิลปะการฆ่า" ที่จะทำให้ทุกท่านเพลิดเพลินไปกับรสชาติของความตาย ชื่อของงานนี้คือ งานโค่นหมัดพยัคฆ์"
"โค่นหมัดพยัคฆ์?!" เหยาฟ่งอิงอุทานตกใจ หญิงงามยิ้มเย็นเยียบ บรรยายต่อด้วยสีหน้ารื่นเริง คล้ายมีความสุข สนุก กับ "เทศกาลงานฆ่า" อย่างยิ่ง
"รายละเอียดระบุในเทียบเชิญ งานโค่นหมัดพยัคฆ์ของเรา จะจัดขึ้นในอีกสามวันข้างหน้า โดยมีบุคคลสำคัญ ที่จะถูกแสดงโชว์ 2 ท่าน สำหรับแขกรับเชิญ หรือผู้ชมนั้น ก็คือ 6 พรรค 7 สำนัก และ 3 มาร เห็นไหมล่ะว่า ยิ่งใหญ่กว่างานจับมังกรของพวกท่านแค่ไหน"
ไม่มีใครตื่นเต้นกับความยิ่งใหญ่ของนาง ยิ่งนาน ใบหน้าของเหล่าหนุ่มสาว ยกเว้นหยุนเซียวเซียว ก็ยิ่งตื่นตระหนก ตกใจ
"เชิญ 3 มาร?!" ไฉจิ้งฟงร้อง
"เจ้าเป็นใครกันแน่" เกาฮวยเอี้ยนร้อง
"หึ ก่อนวันงาน หากท่านใดมีข้อสงสัย อยากซักถามเพิ่มเติม เชิญที่ อุทยานจิตสราญ ข้า ตวนหมิ่น พำนักอยู่ที่นั่นชั่วคราว แล้วจะรอพวกท่านไปชี้แนะ"
นางแนะนำตัวด้วยชื่อสั้นๆ ยิ้มหมิ่นๆ เป็นการอำลา แล้วหันหลังเดินจากไป
"เดี๋ยว เอ่อ..." เฉินชวนลุกพรวด เรียกรั้ง นางชะงัก แต่ไม่หันกลับมา
"แล้ว... แล้วเทียบเชิญล่ะ" เดิมที เรียกรั้งเพราะเสียงหัวใจ แต่พอเห็นสายตาคนอื่น จึงต้องยกเรื่องมาอ้าง
"ก็อยู่ข้างหน้าท่านไง!" นางตอบเย็นชา แล้วเดินลงบันไดไป
"ฮ้า..." เฉินชวนอุทาน ก้มมอง จึงพบเทียบสีทองวางอยู่บนโต๊ะ "เฮ้ย..." ไฉจิ้งฟงร้อง เทียบวางอยู่ข้างๆ จานข้าวของเขา "อ๊ะ..." เหยาฟ่งอิงก็เช่นกัน มันตั้งอยู่ซ้ายมือนาง
"ตามไป..." เฉินชวนหยิบเทียบ ไม่รออาหาร บอกศิษย์น้อง แล้ววิ่งลงบันไดไป
"ไม่ต้องตาม..." ไฉจิ้งฟงลุกพรวด แต่ผู้เฒ่าเหมาสั่งเบาๆ
"ทำไมล่ะ อาจารย์ลุง ด้วยวิชาตัวเบาของเราต้องตามทันแน่" หนุ่มน้อยอยากอวดโอ่
"เฮอะ ขนาดเทียบเชิญวางอยู่ตรงหน้า พวกเจ้ายังมิรู้สึก ยังคิดจะไล่ตามคนอีก"
ผู้เฒ่าสายลมบ่นอย่างหมั่นไส้ ก่อนวางตะเกียบบนชาม เป็นสัญญาณว่าอิ่มแล้ว
"จริงด้วย เทียบเชิญมาอยู่บนโต๊ะได้ยังไง ไม่เห็นรู้เรื่องเลย" เกาฮวยเอี้ยนงุนงง
"วิชามายาจิต" อาจารย์ลุงตอบเรียบๆ
"มายาจิต!?" หลานศิษย์ทั้งสองประสานเสียง
"ถูกนางเล่นงานแล้ว ฟ่งอิง" หยุนเซียวเซียวบอกขรึมๆ หยิบเทียบเชิญมาจากข้างจานนาง สหายสาวยังหน้าตื่นตะลึง
"เป็นไปไม่ได้ ข้าไม่ได้คลาดสายตาจากนางเลย"
"เพราะไม่คลาดสายตาจึงถูกนางสะกด วิชามายาจิตของวังจันทรา อาศัยมนต์แววตาครอบงำจิตใจผู้คน" ลิ้วกิวเฮียบอธิบายเรียบๆ ในที่นี้มีเพียงสามคนที่รู้ว่านางวางเทียบยังไง หยุนเซียวเซียวอาจเรียกว่าโชคดี เพราะถอนสายตาจากนางทัน
"วังจันทรา!!" เหยาฟ่งอิง ไฉจิ้งฟง และเกาฮวยเอี้ยน ประสานเสียง
"คนของ 4 มารเหรอ" เกาฮวยเอี้ยนโพล่ง ตื่นเต้นอย่างเปิดเผย
"เสียทีผาดโผนในยุทธภพนานกว่าใคร กลิ่นดอกโบตั๋นเป็นสัญลักษณ์ของวังจันทรา เจ้าก็ลืมได้นา ฟ่งอิง" ผู้เฒ่าสายลมตำหนิมาเบาๆ ไม่จริงจังกระไร
"จริงด้วย ทำไมข้าสะเพร่าอย่างนี้" เหยาฟ่งอิงทุบโต๊ะอย่างเจ็บใจ ดีที่นางแค่ใช้มนต์เพื่อวางเทียบ หากคิดจะเด็ดหัว ผีเสื้อสราญรมย์คงสิ้นชื่อไปแล้ว!
"ในเทียบ เขียนว่ายังไง" ไฉจิ้งฟงยื่นหน้ามาใกล้ศิษย์น้องผู้เปิดอ่าน
"วันที่สิบเอ็ด เดือนสาม เชิญร่วมงานโค่นหมัดพยัคฆ์ ณ วังจันทรา ...ยามเมื่อโบตั๋นเบ่งบาน ประตูจะเปิดต้อนรับ..."
"เดี๋ยวก่อน ยุทธจักรมีคนชื่อ "หมัดพยัคฆ์" ด้วยเหรอ" ไฉจิ้งฟงเกาหัว
"หรือว่า..." เหยาฟ่งอิงอุทาน เริ่มเดาออก
"หมัด หมายถึง วิชาของเส้าหลิน พยัคฆ์ คือ สัญลักษณ์ของป้อมพยัคฆ์คำราม งานโค่นหมัดพยัคฆ์ หมายถึง งานฆ่า ไต้ซือซิหมิง กับ ประมุขเหลียน!!"
ลิ้วกิวเฮียบกล่าวเสียงเรียบ แต่สีหน้าเครียดขรึม เหล่าหนุ่มสาวต่างร้องตกใจ
"ทั้งสองท่านถูกวังจันทราจับตัวไปจริงๆ?!" เหยาฟ่งอิงไม่อยากเชื่อ
"อืม... นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เลย" ผู้เฒ่าสายลมลูบเครา พึมพำมา
หยุนเซียวเซียวที่นั่งเงียบ ครุ่นคิดมานาน กล่าวขึ้นบ้าง
"อาวุโส จากคำบอกเล่าของนาง มีการเชิญ 6 พรรค 7 สำนักใหญ่ รวมถึง 3 มารด้วย แต่เท่าที่ทราบ พรรคมารทั้ง 4 เป็นพันธมิตรกันอยู่แล้ว นางพูดว่า "พรรคเราเป็นประธาน" หมายถึง วังจันทรา เพียงแห่งเดียว อาวุโสสองท่าน ถูกใครจับไปยังพิสูจน์ไม่ได้ แต่วังจันทราฉายเดี่ยวในการเป็นเจ้าภาพฆ่าผู้นำทั้งสอง แถมส่งเทียบเชิญอีกสามพรรคมาร ถือว่าผิดปกติหรือเปล่า"
"อืม...สหายหยุนวิเคราะห์ได้น่าคิด" เสียงผู้เฒ่าสายลมลอยมาจากอีกโต๊ะ
"หากวังจันทรา อยู่เบื้องหลังแผนการทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียว ฝีมือของประมุขวังนี้ นับว่าน่าตกใจแล้ว" เหยาฟ่งอิงพึมพำ
ลิ้วกิวเฮียบครุ่นคิดเงียบขรึมครู่ใหญ่ ก่อนลุกขึ้นยืน ทั้งหมดจึงลุกตาม
"ผู้เฒ่าเหมา สหายน้อยทุกท่าน ข้าต้องกลับหมู่ตึกเทพกระเรียนก่อน ขอลา"
บอกไปเป็นไป กระเรียนเหยียบเมฆไม่มากพิธีการ คำนับอำลา แล้วเดินลงบันไดทันที
"น้อมส่ง ผู้อาวุโส" หยุนเซียวเซียวคำนับไล่หลัง
"อ้าว ท่านอาลิ้ว แล้วจะไปงานรึเปล่าคะ" เหยาฟ่งอิงร้องถาม ลิ้วกิวเฮียบไม่หัน ไม่ตอบ ลงบันไดจนลับสายตาไปเลย หยุนเซียวเซียวส่ายหน้า
"ฟ่งอิง เรื่องนี้ถามไม่ได้ การนัดหมายของ 4 มาร ไม่ใช่ภาวะปกติ! 6 พรรค 7 สำนัก จะต้องรัดกุม ปิดการเคลื่อนไหวของตัวเองเป็นความลับ"
"อืม ถูกต้อง..." ผู้เฒ่าเหมาเห็นด้วย เดินมายังทั้งสอง
"งานจับมังกรยิ่งใหญ่ แต่ความสำคัญแพ้งานโค่นหมัดพยัคฆ์ราบคาบ ยามนี้ ทุกฝ่ายคงกำลังเตรียมรับมือเหตุการณ์... ฟ่งอิง ในเวลานี้ เจ้าก็สมควรอยู่ด้วย"
พูดจบ ก็เดินลงบันไดไปอีกคน หลานศิษย์ทั้งสองคำนับอำลาแล้วติดตามไป
"น้อมส่ง ผู้เฒ่าเหมา" หยุนเซียวเซียวรู้สึกนับถือ ชื่นชม ความสมถะ เรียบง่าย ไม่มีพิธีรีตอง ไม่มากมารยาท ของลิ้วกิวเฮียบ และเหมาสือซัน
"หยุนเซียว..." เหยาฟ่งอิงทำท่าจะพูด เขาแทรกอ่อนโยน
"กลับหมู่บ้านดาวตกเถอะ ไม่ต้องเป็นห่วงข้า"
"พรุ่งนี้ข้าจะมาใหม่" บอกแค่นั้น แล้วจากไปอีกคน พอทุกคนไปกันหมด เขาก็นึกถึงใบหน้านางขึ้นมา พึมพำอย่างสนใจ ...ตวนหมิ่น แห่ง วังจันทรา...
ณ พรรคอักษรกระบี่
เฉินชวนตามนางไปแต่ไม่พบ จึงกลับพรรค มอบเทียบแก่ตู้เทียนต้า หยุนเซียวเซียวก็อยู่ด้วย
"ไม่น่าเชื่อ..." ประมุขตู้พึมพำ สีหน้าประหลาด
"วังจันทรา มีดีอะไร กล้าเปิดศึกกับ 6 พรรค 7 สำนัก"
"จริงด้วย อาจารย์ พวกมันหาที่ตายแท้ๆ" เฉินชวนไม่รู้สึกกลัว 4 มาร เนื่องจากที่ผ่านมา ไม่เคยมีสงครามครั้งใหญ่เกิดขึ้น
"อาจารย์ มายาจิตของวังจันทรา ดูแคลนไม่ได้" หยุนเซียวเซียวเอ่ยอย่างระวัง
"ก็แค่มายากล ตวนหมิ่น... เอ่อ... นางแค่ล้อพวกเราเล่นเท่านั้น" เฉินชวนปกป้อง แถมประทับชื่อนางไว้ในใจ
"อาจารย์ ให้ศิษย์ไปสืบถามความจากนางที่อุทยานจิตสราญไหมครับ"
"ไม่ต้อง ชวนเอ๋อ เจ้าไปพักผ่อนได้แล้ว พรุ่งนี้ ต้องเก็บตัวแต่เช้า"
"แต่ว่า อาจารย์..." ผิดหวังที่ไม่ได้ไปหา ไม่เท่ากับเสียดายที่จะต้องพลาดงานโค่นหมัดพยัคฆ์ เฉินชวนรู้สึกว่าตนไม่อยากเป็นตัวแทนชิงตำแหน่งแล้ว ตู้เทียนต้าปลายตาดุมา เขาจำต้องล่าถอยออกไป
"เซียวเอ๋อ เจ้าเห็นว่า เรื่องนี้เป็นยังไง" อาจารย์เดินผ่านหน้าเขา แต่ถามความเห็น
"มีความน่าสงสัย แต่ไม่ไปไม่ได้" หยุนเซียวเซียวตอบกระชับ
"ดี งั้นอีกสามวันข้างหน้า เราไปทักทายวังจันทราด้วยกัน!"
ยามสาม ณ อุทยานจิตสราญ
อุทยานจิตสราญ ตั้งอยู่ใจกลางเมืองอันหยาง ซึ่งติดกับเมืองอันหลิว เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีทรรศนียภาพสวยงาม เปิดให้ผู้คนได้พักผ่อนหย่อนคลายในยามกลางวัน ในยามกลางคืน จะถูกปิด ไม่ให้ผู้คนเข้า
ใต้แสงดาวพร่างพราย ร่างหนึ่งกระโดดข้ามกำแพงสูงมา เท้าจรดพื้นหญ้าเสียงเบากริบ ชุดดำรัดกุม หน้ากากสีทอง แววตาเปล่งประกาย คมกริบสุกใสในความมืด กวาดมองสำรวจทั่วบริเวณ แล้วขยับเท้าจะก้าวเดิน ทว่า...
ร่างหนึ่งเหินฟ้าเตะอากาศ ลอยข้ามหัวไปด้วยความเร็วสูง เกร็งกำลังภายในครั้งเดียว สามารถข้ามไกลถึงใจกลางตึก แสดงถึงชนชั้นยอดฝีมือ จอมยุทธ์หน้ากากทองอุทาน
...เหลียนเฉิงปี...!!
ไม่ถึงกับประหลาดใจ ที่พบประมุขน้อยที่นี่ การหายตัวของบิดาสร้างความว้าวุ่นใจ เมื่อพบเบาะแสแม้เพียงน้อยนิด ก็ต้องสืบค้น อย่าว่าแต่การแจกเทียบเชิญครั้งนี้ ใช้คำอหังการใหญ่โตว่า "โค่นหมัดพยัคฆ์" เหลียนเฉิงปีคงยิ่งไฟสุมทรวงเป็นหลายเท่า
หยุนเซียวเซียวไม่รีบร้อน จะเดินเข้าไปตามปกติ แต่แล้ว ต้องหลบแวบหลังต้นไม้อีก เพราะเงาหนึ่ง กระโดดข้ามกำแพงมา แล้ววิ่งนำหน้าเขาไปก่อน
...ศิษย์พี่ใหญ่...!?
กลับกลายเป็นเฉินชวน ผู้ซึ่งควรนอนหลับพักผ่อนไปแล้ว หยุนเซียวเซียวประหลาดใจ ศิษย์พี่ใหญ่ต้องการอะไรจากตวนหมิ่น ถึงลอบมาหานางอย่างนี้
กำลังจะออกจากหลังต้นไม้ ก็ต้องถอยกลับมาอีก คาดไม่ถึง ราตรีนี้ มีอาคันตุกะมากมาย ผู้โดดข้ามกำแพงมา คราวนี้มีสองคน ชายหนึ่ง หญิงหนึ่ง วิชาตัวเบาสูงกว่าเฉินชวน
...ไฉจิ้งฟง...เกาฮวยเอี้ยน...!?
ศิษย์หลานของผู้เฒ่าสายลม ก็มากับเขาด้วย หยุนเซียวเซียวชักรู้สึกวุ่นวายเกินไปแล้ว ตัวเขาไม่ได้มาช่วยคนเหมือนประมุขน้อย ไม่ได้มาเพราะต้องมนต์เสน่หาเหมือนศิษย์พี่ ไม่ได้มาด้วยอยากลองดีเหมือนสองศิษย์อาวุโส เขาแค่อยากสืบข่าวงานโค่นหมัดพยัคฆ์ ซึ่งสงสัยว่า อาจมีแผนการเบื้องหลังซุกซ่อน
"ลุยเลย..." ไฉจิ้งฟงกระซิบ แล้วจะเดินผ่าเผยออกไป ศิษย์น้องฉุดแขนไว้
"เดี๋ยวก่อน ศิษย์พี่ ท่านแน่ใจแล้วเหรอ"
"อะไรเล่า มาถึงนี่แล้ว เจ้ากลัวรึไง"
"ถ้าอาจารย์ลุงรู้เข้า พวกเราต้องถูกทำโทษนะ" เหมือนนางไม่เต็มใจมา
"บอกแล้วว่ากลับก่อนฟ้าสาง และถ้าเราทำสำเร็จ ก็ไม่ต้องกลัวโดนลงโทษแล้ว แม้แต่ประมุขหลาน ก็จะเปลี่ยนมายกย่องนับถือพวกเรา และพวกเราจะกลายเป็นคนดังในชั่วข้ามคืน" ไฉจิ้งฟงสร้างวิมานบนอากาศจนศิษย์น้องตามไม่ทัน
"คิดอะไรใหญ่โตจัง พี่จะช่วยประมุขพรรคทั้งสอง หรือว่าฆ่าตวนหมิ่นกันแน่"
"เหลวไหล สองเรื่องนี้ทำไปแล้วได้อะไร ประมุขทั้งสองอยู่วังจันทรา นางมารคนสวยนั้นก็ไม่ได้ทำไรผิด นี่ ฟังนะ เราแค่ใช้จุดเด่นของตัวเองให้เป็นประโยชน์ เข้าไปข้างในนั้น ขโมยของออกมาสักชิ้น เท่านี้...ก็เรียบร้อย"
"ขโมยของ... ก็ทำให้ดังได้ด้วยเหรอ" เกาฮวยเอี้ยนแม้ปากดี แต่ความเจ้าเล่ห์เป็นรองศิษย์พี่เยอะ
"โธ่เอ๊ย เจ้านี่ซื่อจริง คนของวังจันทราอยู่ที่นี่ใช่ไหม ถ้าเราขโมยของนาง ตอนที่นางพำนักอยู่ เท่ากับเป็นการตบหน้านางฉาดใหญ่ ด้วยวิชาตัวเบาอันสูงส่งของข้ากับเจ้า บุกถึงข้างเตียงนาง ขโมยสัญลักษณ์ของนางออกมา คราวนี้แหละ พวกศิษย์หมู่บ้านดาวตกก็จะต้องยอมศิโรราบให้กับความเก่งกาจของพวกเรา ฮะ ฮะ"
ไฉจิ้งฟง ไม่ใช่คนเลวร้าย แต่มีปมเรื่องโดนดูถูก เหยียดหยาม เมื่อได้โอกาสออกท่องยุทธจักร จึงไม่ลังเลที่จะแสดงฝีมือสร้างชื่อ แม้เรื่องที่ทำ จะดูโง่เง่าไร้สาระไปบ้าง
หยุนเซียวเซียวยืนกอดอกแอบฟัง ถึงกับส่ายหน้ายิ้มขำ เด็กน้อยเพิ่งออกท่องโลกสองคน ถึงกับกล้าอาศัยวังจันทราสร้างชื่อ นับว่าขวัญกล้าเทียมฟ้าจริงๆ
"ไป..." สองหนุ่มสาวเดินเข้าไป หยุนเซียวเซียวเกร็งกำลังภายในหกส่วน ลอยข้ามหัวทายาทผู้เฒ่าสายลม เข้าไปในตำแหน่งเดียวกับเหลียนเฉิงปี โดยที่พวกนั้นไม่รู้สึกตัว
ก่อนหน้านั้น ประมุขน้อย เหลียนเฉิงปี ได้ผ่านเส้นทางนี้มาแล้ว ด้านใน คือ ความงามของจริง อุทยานจิตสราญ กว้างขวางโอ่อ่า กลิ่นหอมของดอกไม้นานาพรรณ สะพานยาว และคดเคี้ยว พาดผ่านสระน้ำทั้งสองฝั่ง ในสระเต็มไปด้วยพฤกษาหลากสี แสงจันทร์และแสงโคมไฟบนสะพาน ก่อให้เกิดประกายน้ำวิบวับ เป็นเงาสะท้อนบนทางเดิน
เสียงพิณแว่วหวานไพเราะ ฟังเสนาะเคลิบเคลิ้ม ล่องลอยมาจากที่ไกล แต่มิได้ดึงดูดใจของเหลียนเฉิงปีนัก เขามาที่นี่เพื่อสืบข่าวบิดา อุทยานจิตสราญเป็นเบาะแสเดียว เขาไม่ได้อยู่ด้วยตอนวังจันทราแจกเทียบ แต่พอได้รับข่าวจากป้อม ก็รีบมาทันที เป้าหมาย คือ "นางมารสะคราญโฉม นาม ตวนหมิ่น"
เหลียนเฉิงปีถือดาบจันทร์เสี้ยว เดินองอาจสง่างามมาตามทางเดินของสะพาน เบื้องหน้า คือ ศาลา ซึ่งคาดว่าเป็นทางเข้าตึก ยามนั้นเอง แสงสีทองวูบเข้าตา เขาหรี่ตาและคิดว่าถูกโจมตี จึงชักดาบออก มิดาด บนทางแยกของสะพานฝั่งขวา ปรากฏเนินกว้างขึ้นมาเมื่อไรมิทราบ กึ่งกลางของเนินทรายปักไว้ด้วยดาบเล่มหนึ่ง แสงจันทร์อาบไล้จนรัศมีเรืองรอง แสงสีทองวิบวับอร่ามตา
...ยอดศาตราวุธ...! มือดาบอย่างเหลียนเฉิงปีมองปราดเดียวก็ดูออก เท้าเบนออกนอกเส้นทางอย่างลืมตัว...
ฝ่ายเฉินชวน ตามมาเป็นคนที่สอง อยู่บนสะพานเดียวกัน เขาถือกระบี่ ดวงตาลอกแลก ทั้งตื่นเต้นและตื่นกลัว กับการตัดสินใจมา เขานอนกลัดกลุ้มบนเตียง มิว่าอย่างไรก็สลัดภาพนางไม่หลุด อีกสามวัน เขาก็ต้องพลาดโอกาสพบนาง หากไม่มาวันนี้ จะรอเมื่อไร
เสียงพิณ ดึงดูด เย้ายวนใจเฉินชวนมาก ทว่า เมื่อเขาหันมองเบื้องซ้าย ภาพของโฉมงามตวนหมิ่นก็จางหายไปชั่วครู่ ศิษย์เอกพรรคอักษรกระบี่เบิกตาแทบถลน สระน้ำนอกสะพานมาจากไหนมิทราบ รายล้อมด้วยหญิงงามเลอโฉม นุ่งน้อยห่มน้อย กำลังนั่งเล่น อาบน้ำ หัวร่อคิกคัก เต็มไปด้วยจริตมารยา แถมกวักมือเชิญชวน ส่งเสียงยั่วเย้า เฉินชวนถูกรอยยิ้ม และกิเลสยั่วยวน จนพากายเข้าหา...
ไฉจิ้งฟง และเกาฮวยเอี้ยน เป็นรายต่อมา ทั้งสองเดินบนสะพานยาวที่คับแคบ มีเพียงเสียงพิณเป็นเพื่อน มองไม่เห็นสิ่งอื่นเลย ไฉจิ้งฟงเหลือบเห็นศาลากลางน้ำ จึงชักชวนนางไปดู เกาฮวยเอี้ยนพยายามเถียงว่าน่าจะยังไม่ถึงศาลาที่อยู่ห่างลิบๆ แต่พอทั้งสองมาถึง ก็ลืมเส้นทางเดิมเสียสนิท บนโต๊ะภายในศาลา ล้วนเต็มไปด้วยอาหารชั้นเลิศ สวยงามราวกับปรุงจากวัง ตั้งอยู่อย่างมากมาย แถมบนพื้นรายล้อมไปด้วยแก้วแหวนเงินทองและเครื่องประดับมากมาย แสงสีทองอร่ามเปล่งประกายละลานตาไปหมด...
หยุนเซียวเซียวขึ้นมาบนสะพานช้าที่สุด เพราะรอให้สองศิษย์ของผู้เฒ่าไปก่อน เขาปิดท้าย เพื่อระวังหลังให้ ถึงจะไม่สนิทคุ้นเคย แต่เมื่อรู้ว่าเป็นศิษย์ของผู้เฒ่าสายลม และทั้งสองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของตวนหมิ่น จึงกลายเป็นภาระของเขาโดยปริยาย
ทว่า เมื่อเดินมาตามสะพานที่ทอดยาว ถึงทางเลี้ยวหนึ่ง ละสายตาไปชั่ววูบ ร่างหนุ่มสาวทั้งสองกลับหายไป มิเพียงเท่านั้น ยังไร้ซุ่มเสียงของคนอื่นอีกด้วย หยุนเซียวเซียวชะงักกลางสะพาน หันซ้ายแลขวา มองรอบตัวไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ ทุกอย่างเงียบกริบ มีเพียงเสียงพิณขับขาน
...ประหลาดมาก! ทั้งที่เมื่อครู่ เรายังได้ยินเสียงฝีเท้าของทุกคนอยู่เลย จู่ๆ ทำไมหายตัวไปกันหมด หายไปอย่างรวดเร็ว และไร้ร่องรอยเช่นนี้!?
เหตุการณ์ไม่ปกติ หยุนเซียวเซียวคิดถึงมายาจิตบนโรงเตี๊ยม เสียงเล่าลือบอก วังจันทราเชี่ยวชาญวิชาเวทมนตร์ เป็นเรื่องที่มีจริง ชาวยุทธ์หลายคนโดนมาแล้ว หากขืนเดินต่อไป เขาอาจหายตัวไปเหมือนทุกคน คิดดังนั้น จึงทะยานขึ้นจากสะพาน วูบเดียวมุ่งสู่ศาลา...
"ธิดาเทพ พวกที่บุกเข้ามา ล้วนตกอยู่ในหลุมจิตมารกันหมดแล้ว"
สาวใช้รายงาน หญิงสาวสะคราญโฉม ผู้นั่งบรรเลงเพลงพิณบนศาลาที่ไม่มีผู้ใดมองเห็น ยิ้มหยันๆ ละมือจากเครื่องพิณ ลุกขึ้นยืนช้าๆ
"หึ นี่น่ะหรือ พวกฝ่ายธรรมมะ แค่ด่านแรกก็แพ้ภัยตัวเอง ตกอยู่ในกิเลสตัณหา น่าสมเพชสิ้นดี"
นางก็คือ ผู้แจกเทียบบนโรงเตี๊ยมจอมยุทธ์... ตวนหมิ่น ธิดาเทพ แห่ง วังจันทรา
เมื่อศัตรูติดกับกันหมดแล้ว ธิดาเทพผู้เลอโฉมจึงกลับห้องพักอย่างวางใจ ที่แท้ ความจริงของเรื่องนี้ คือ นางเจตนาจะทดสอบ พวกที่อ้างตัวเป็นคนดี เป็นฝ่ายธรรมะ กิเลสเบาบาง ยึดมั่นคุณธรรม ว่าจะสามารถผ่าน "ด่านจิตมาร" มาพบนางได้หรือไม่ แต่ก็ไร้เงาสักคน แสดงว่า คนฝ่ายธรรมะก็ไม่ได้วิเศษเลิศเลอ มีกิเลสตัณหาที่ยากหลุดพ้นเหมือนกัน
ตวนหมิ่นผลักประตูห้องอาบน้ำ สาวใช้สองนางกำลังโปรยดอกไม้ลงถัง
"ออกไปได้แล้ว..." สั่งเรียบๆ สาวใช้เดินออกแล้วปิดประตู...
หยุนเซียวเซียวแอบมองนางตั้งแต่อยู่ศาลาแล้ว จึงตามเข้ามาถึงในตัวตึก เห็นนางเข้าไปในห้องหนึ่ง กำลังลังเล พวกผู้รับใช้เดินผ่านมาพอดี จำต้องโดดเข้าหน้าต่างด้านหลังห้อง เมื่อเข้ามาถึง เหินขึ้นไปแอบบนขื่อทันทีเพื่อป้องกันการโจมตี เสียงกวักน้ำเรียกให้หันมา ภาพเบื้องหน้า ห่างออกไปเพียงฉากกั้น ทำเขาใจหายวาบ
ร่างเปลือยเปล่าของหญิงงามนั่งแช่อยู่ในอ่างยักษ์ แผ่นหลังช่วงบ่าเนียนขาว ผุดผ่องไร้ราคี ท่อนแขนเรียวงามกลมกลึงข้างหนึ่งวางพาดขอบอ่าง อีกข้างกวักน้ำเล่น อยู่ในช่วงผ่อนคลายอารมณ์อย่างยิ่ง หยุนเซียวเซียวรีบละสายตา ก่นด่าตัวเองในใจ ที่รุกล้ำล่วงเกินพื้นที่ส่วนตัวของสตรีเข้าแล้ว!
แม้ผิวน้ำสั่นไหว และลอยเต็มด้วยบุปผา สายตาของตวนหมิ่นยังว่องไว เหลือบเห็นเงาสะท้อน มีคนห้อยอยู่บนขื่อ!! ดวงตาพลันเบิกกว้าง พลิกตัวกลับกลางอ่าง ปลายนิ้วจ้วงน้ำสาดออกไป น้ำนั้นซัดมาด้วยกำลังภายใน จึงรุนแรงและเปี่ยมพลัง หมายซัดเป้าหมายให้ตกลงมา หยุนเซียวเซียวไหวทันตั้งแต่เสียงพลิกตัวแล้ว จึงหมุนตัวกลับหลัง ถีบกำแพง เหินข้ามร่างนางมา ลงสู่พื้นโดยหันหลังให้ ตวนหมิ่นหมุนตัวรวดเร็ว ลอยขึ้นจากน้ำ สะบัดสายน้ำจนกระเด็นสาดไปทั่วห้อง คว้าเสื้อคลุมยาวสีขาวห่อหุ้มตัวกลางอากาศ ส่วนปลายเท้าเตะกระบี่ที่ห้อยอยู่บนราว พุ่งใส่ร่างผู้บุกรุก
หยุนเซียวเซียวพลิกตัวหลบทั้งที่หันหลัง นางโดดมารับกระบี่ แล้วกวาดแทงใส่อย่างต่อเนื่องทันที กระบวนท่าดุดัน เหี้ยมโหด ด้วยอารมณ์ที่ถูกหยามเกียรติ
"ควักลูกตาเจ้าออกมา!" หยุนเซียวเซียวมิมีข้อแก้ตัว แม้นไม่เจตนาก็นับว่าทำลายเกียรตินางแล้ว แต่การชดใช้ความผิดด้วยความตาย มิอาจรับได้ เพลงกระบี่ของนางปราดเปรียว ดุร้าย ภายในพื้นที่แคบ หยุนเซียวเซียวยังไม่ยอมชักกระบี่ หากอาวุธกระทบกัน แน่นอนว่า ศัตรูของเขาจะไม่มีแค่คนเดียว... ดีที่วิชาตัวเบาจากหมู่บ้านดาวตกเลิศล้ำ ความว่องไวเพิ่มขึ้นสิบเท่า แม้นคมกระบี่นางก็ยังตามไม่ถึง
"อ๊ะ...!" โชคเข้าข้างหยุนเซียวเซียว กลายเป็นเคราะห์ร้ายของนาง บนพื้นเปียกน้ำ ขณะจู่โจมเท้าลื่น ตวนหมิ่นเสียหลักครั้งเดียว หยุนเซียวเซียวฉวยโอกาสจี้สกัดจุดนางถึงสามแห่ง ธิดาเทพแห่งวังจันทรากลายเป็นหุ่น! ขยับตัวไม่ได้ พูดไม่ได้ มีเพียงดวงตาที่เบิกกว้างอย่างเจ็บแค้น
"ขออภัยด้วย ข้าไม่มีเจตนาล่วงเกิน" ชายสวมหน้ากากทองรีบยกมือขอโทษนาง แต่แล้วเสียงฝีเท้าที่ใกล้เข้ามา ทำให้เขาต้องรีบตัดสินใจ
"ธิดาเทพ... เสียงเมื่อครู่...!" สาวใช้พกกระบี่สี่นางผลักประตูเข้ามา พบธิดาเทพของตนเรือนร่างเปลือยเปล่า นั่งแช่อยู่ในอ่างน้ำตามปกติ "ขออภัย ไปดูทางอื่น"
หัวบุรุษหนุ่มโผล่ขึ้นจากน้ำภายในอ่างเดียวกัน กระโดดออกมาทั้งเนื้อตัวเปียกปอน ยกมือคำนับโดยไม่หันมอง "ล่วงเกินแล้ว วันหลังจะมาขอขมา" พูดเพียงเท่านั้น ก็กระโดดออกทางหน้าต่างไป ตวนหมิ่นนั่งหน้านิ่งอยู่ในอ่าง ได้แต่กลอกตาไปมาอย่างแสนเจ็บใจ
หยุนเซียวเซียวกระโดดเข้าไปในตัวตึกโอ่อ่า เคยมาท่องเที่ยว มิทราบว่าด้านในจะมีห้องลับแบบนี้ด้วย เขาไม่ทราบว่าเป็นห้องใด แต่จากสายตาคร่าวๆ นอกจากตวนหมิ่น ผู้เป็น "ธิดาเทพ" แล้ว บริเวณอุทยานนี้ก็รายล้อมไปด้วยชนชั้นบ่าวไพร่เท่านั้น ไร้ผู้สูงศักดิ์คนอื่นอีก เขาค้นตามชั้นหนังสือ และฝาผนัง หมายจะหาเบาะแส ทว่า พลันรู้สึกว่าตนเองโง่เขลา เขาจัดการธิดาเทพของวังจันทราได้ เหตุใดจึงไม่ซักถามความจากนาง ในโรงเตี๊ยม นางเอกก็บอกว่าจะรอให้ไปชี้แนะ แต่เพราะล่วงเกินนาง ทำให้เขารู้สึกละอายที่จะกลับไป
ด้านตวนหมิ่น กำลังเร่งใช้ลมปราณภายในทะลวงจุด วิชาจี้จุดของพรรคอักษรกระบี่ไม่ซับซ้อน ภายในครึ่งชั่วยามก็จะคลายออกเอง แต่นางรุ่มร้อนดุจไฟเผา ใคร่จะกระชากหน้ากากจอมโจรผู้หยามเกียรตินาง แล้วควักลูกตาออกมาเสีย! ตวนหมิ่นนั่งเร่งลมปราณอย่างเงียบๆ มิคาด บุรุษผู้หนึ่ง ลักษณะคล้ายเมาสุรา กลับเดินโซเซเข้ามา
"ต...ตวน...หมิ่น...!?" ผู้ชายที่ถูก "กับดักมารรัก" หนีจากสาวสวยมาได้ ด้วยอำนาจของหญิงงามนางเดียวที่ฝังแน่นในใจ เบิกตาแทบถลน เมื่อพบ "นางฟ้า" โดยมิคาดฝัน มิเพียง โฉมงามสะคราญ ยังเย้ายวนกิเลสยิ่งนัก เฉินชวนหัวใจแทบกระดอน เมื่อเห็นช่วงบ่าเปลือยเปล่า ท่อนแขนขาวสล้าง เกาะพราวด้วยหยดน้ำ บุปผาดอกหนึ่งลอยปิดกึ่งกลางเนินอกพอดี เฉินชวนกลืนน้ำลาย รู้สึกเลือดในกายไหลพล่าน ปั่นป่วน
"ตวนหมิ่น..." ผู้บ้าสตรีอ้อมอ่างมาช้าๆ เขาร่ำสุรามาก่อนหน้า ผ่านการปรนเปรอจากหญิงงาม จนมีไฟราคะคั่งค้างระดับหนึ่ง เมื่อมาเจอนางในดวงใจเปลือยเปล่า นั่งนิ่งในน้ำราวกับทอดกายให้ สติของเฉินชวนก็ขาดสะบั้น ยามนี้ ในสมอง มีเพียงความปรารถนาแรงกล้า ที่จะปลดปล่อยตัณหาของตนเท่านั้น
"ตวนหมิ่น... เจ้าช่างงามเหลือเกิน..." มือสั่นค่อยๆ ยื่นมาลูบไล้หัวไหล่และเนินบ่า ธิดาเทพแห่งวังจันทราลมปราณแทบระเบิด ด้วยความตกใจและไฟแค้นพลุ่งพล่าน ทำให้เลือดลมโคจรย้อนกลับ การคลายจุดต้องย้อนทำใหม่ แต่นางจะตั้งสมาธิอย่างไร เมื่อเกียรติของผู้หญิง กำลังจะถูกล่วงเกิน!
"ตวนหมิ่น... ข้า... ข้ารักเจ้า..." ธิดาเทพเจ็บแค้นแทบกระอักโลหิต เฉินชวนดอมดมความหอมจากกลิ่นกายบริสุทธิ์ ก่อนซุกใบหน้าลงที่ลำคอ...!!
หยุนเซียวเซียวผละจากชั้นหนังสือ ตั้งใจจะกลับไปใหม่ ร่างหนึ่งกลับโดดเข้ามา สองสายตาปะทะกันอีกครั้ง อย่างตะลึงปนพิศวง
"...หน้ากากทอง!?" เหลียนเฉิงปีอุทาน หยุนเซียวเซียวไม่ขออยู่นาน รีบผละหนีออกทางประตู "หยุดนะ!" ประมุขน้อยไล่ตาม ต้องการจับตัวมาเค้นถามถึงที่มา และจุดประสงค์ของการปรากฏตัวที่นี่ แต่ลับสายตาแวบเดียว ร่างของจอมยุทธ์หน้ากากทองพลันอันตธานหายไป เหลียนเฉิงปีชะงัก รู้สึกเหนือความคาดหมาย ต่อสู้กันครั้งแรก วิชาตัวเบามันไม่สูงอย่างนี้นี่นา?
หยุนเซียวเซียวโดดเข้าหน้าต่างห้องอาบน้ำอีกครั้ง ภาพเบื้องหน้าทำเขาใจหายวาบ...
จากด้านหลัง เฉินชวนคุกเข่า กำลังซุกไซ้ใบหน้ากับแก้มนางอย่างเมามัน มือก็ลูบคลำไปทั่ว ในชั่วพริบตา เท้าไวกว่าสมองสั่งการ หยุนเซียวเซียวเตะด้ามกระบี่บนพื้นที่ตกอยู่ปลิวไปกระแทกจุดหลับด้านหลังของศิษย์พี่ เฉินชวนฟุบลงบนพื้น สิ้นสมประดีทันที
"เลวมาก!" เขาก้าวเข้ามา ด้วยความโมโห เผลอสบถและจ่อกระบี่ใส่ ทว่า นึกขึ้นได้ว่าเป็นศิษย์ร่วมสำนัก แม้นจะเกลียดชังนิสัยสักปานใด ก็มิอาจลงโทษด้วยอารมณ์ส่วนตัว ตอนแรก คิดจะมาสืบข่าว กลายเป็นสร้างเรื่องสารพัดมากมาย หยุนเซียวเซียวมิอาจอยู่ต่อไปได้ จึงแบกร่างศิษย์พี่ขึ้นบ่า โดดออกทางหน้าต่าง พร้อมทิ้งคำพูดไว้
"ธิดาเทพ ขอชดใช้ความผิดให้ท่านภายหลัง โปรดไว้ชีวิตเฉินชวนด้วย"
ตวนหมิ่นเจ็บแค้นแทบธาตุไฟแตก กลอกตากราดเกรี้ยว พร้อมสาบานในใจ... เมื่อหลุดไปได้ สิ่งแรกที่นางจะทำ คือ ตัดมือ ตัดลิ้น ตัดจมูก และสับเฉินชวนเป็นหมื่นๆ ชิ้น!!
ก้อนหินเล็กๆ สามลูก พุ่งจากหน้าต่างเข้ามากระทบจุดคลายบนร่างนาง ตวนหมิ่นพรวดขึ้นจากน้ำ หันมาทั้งยืนแต่เอามือป้องทรวงอก สองร่างเหาะเหินบนหลังคาด้วยความไวสุดยอด เพียงปราดเดียว ก็ลับสายตาไป นางรู้ว่าจอมยุทธ์หน้ากากทองเป็นผู้คลายจุดนาง แต่การเอาตัวผู้สร้างความอัปยศของนางไป นับว่าสร้างความเจ็บแค้นมากขึ้น เสียงอาวุธกระทบกันดังมาจากด้านนอก ตวนหมิ่นรู้ทันทีว่าเหลียนเฉิงปีมาแล้ว...
บ่าวไพร่หญิงล่าถอย เมื่อกระบี่ของธิดาเทพเข้าปะทะศัตรูอย่างเกรี้ยวกราด ตวนหมิ่นสู้กับเหลียนเฉิงปี ด้วยโทสะที่เก็บกดมานาน ระบายออกเป็นเพลงกระบี่เหี้ยมโหด เดิมที แค่นึกสนุก อยากจะกลั่นแกล้งพวกฝ่ายธรรมะ แต่ยามนี้ นางถูกลบหลู่ หยามเกียรติ โดยคนฝ่ายธรรมมะ เจ็บแค้นอย่างบ้าคลั่ง เพราะตามจอมยุทธ์หน้ากากทองไม่ทัน โทสะทั้งหมดจึงระบายกับเหลียนเฉิงปี แต่ดาบจันทร์เสี้ยวของสกุลเหลียน เป็นยอดศาสตราวุธในพิภพ และเพลงดาบจิตพยัคฆ์ก็ไร้เทียมทาน เมื่อรู้ตัวสู้ไม่ได้ นางจึงใช้วิชาเวทย์เล่นงาน ประมุขน้อยพลาดท่า ถูกเหวี่ยงออกนอกอุทยาน เช่นเดียวกับไฉจิ้งฟง และเกาฮวยเอี้ยน ที่ถูกโยนออกมาในสภาพสลบไสล ตวนหมิ่นไม่มีอารมณ์จะรับแขก หรือเล่นกับใครอีกแล้ว นางประกาศเสียงกร้าว แววตาอำมหิต
"พรรคอักษรกระบี่ พรุ่งนี้ ข้าจะถล่มเจ้าให้ราบ!!"
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น