คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : หมั้นหมาย
หลายวันต่อมา
ตามฟ้า กับอินทราณี จูงมือกันไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ทั่วออสเตรเลีย ขึ้นท่าเรือซิดนีย์
ไปเที่ยวสวนสัตว์ตารองก้า ซึ่งเป็นสวนสัตว์ที่สวยที่สุดในโลกก็ว่าได้
มีสัตว์มากกว่าห้าพันตัว รวมทั้งสัตว์พื้นเมืองต่างๆ ครบชุด ทั้งหมีโคอาล่า
และจิงโจ้ ไปเยือน Royal
Botanic Gardens หรือหอพรรณไม้ ที่นี่มี ต้นไม้ ดอกไม้ สวยๆ แปลกๆ ให้เราดูมากมายหลายชนิด
โดยมีจุดชมวิวที่สำคัญ คือ บริเวณ Mrs. Macquarie’s Chair นักท่องเที่ยวจะชอบมาถ่ายรูปกันมาก
เพราะเป็นสวนระดับต้น ๆ ของโลก โดยที่นี่จะอยู่ติดกับโอเปร่าเฮาส์
สองหนุ่มสาวคู่รัก
ถ่ายภาพด้วยกันมากมาย เพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึก โดยวานนักท่องเที่ยวแถวนั้นเป็นตากล้องให้
ที่ชื่นชอบที่สุด คือพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ Sydney Aquarium หรือโลกใต้ท้องทะเล
ด้านในมีปลาสวยงามมากมายหลายชนิด สร้างความตื่นตาตื่นใจ โดยมีจุดที่น่าสนใจ คือ แนวปะการังคอมเพล็กซ์ที่จำลองมาจากเกรทแบร์ริเออร์รีฟ
(
ยามบ่ายสี่โมงเย็น
ทั้งสองมาพักผ่อนริมทะเลแบบสบายๆ ที่ Beach Bondi หาดที่นิยมมากที่สุดในซิดนีย์
และนิยมในหมู่วัยรุ่น มีคนเล่น Surf Board เป็นจำนวนมาก
เป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การอาบแดด และพักผ่อนหย่อนใจจริงๆ
ตามฟ้านั่งเอนกายบนเก้าอี้ผ้าใบ
มองแฟนสาวที่นั่งตรงข้ามด้วยแววตาประทับใจ
วันนี้อินทราณีแต่งชุดสายเดี่ยวคอร์เซตลายดอกไม้ทับเสื้อแขนกุดสีขาวข้างในกับกางเกงขาเดฟสีดำ
สวมหมวกผ้าไหมลายดอกไม้ดูเก๋ไก๋ ท่วงท่าหล่อนยามทานแมงโก้มาร์เวลนั้น
ช่างดูสมกับเป็นกุลสตรีแท้ มองแล้วสวยเพลินตาไปทุกกระเบียดนิ้ว
แองจี้
หรือ อินทราณี แคมป์เบลล์ นักศึกษาปริญญาโท สาวน้อยวัยยี่สิบสี่ปี
ผู้มีรูปร่างหน้าตางามเลิศ บุคลิกงามสง่าราวกับเจ้าหญิง อาจทำให้คนอื่นมองว่าหล่อนเป็นคุณหนูผู้สูงศักดิ์
ผู้เดินทางมาศึกษาจากแดนไกล หล่อนเสมือนดอกฟ้าผู้ร่ำรวยและเพียบพร้อมไปด้วยรูปสมบัติและคุณสมบัติ
จึงเป็นเหตุให้ชายหนุ่มมากหน้าหลายตา หลายเชื้อชาติศาสนา
ทยอยเข้ามาหวังเกี่ยวดอกฟ้าไปเป็นดาวประดับใจอยู่เสมอ แต่ก็ไม่เคยมีผู้ใดจะสามารถพิชิตกาย
พิชิตใจหล่อนได้เลยสักคน ความจริงแล้ว สาวลูกครึ่งคนนี้มิได้เป็นคุณหนูบ้านเศรษฐี
มีฐานะร่ำรวยกระไรนัก พ่อของหล่อนเป็นชาวออสเตรเลีย ที่แยกทางกับแม่มาประกอบธุรกิจเป็นเจ้าของภัตตาคารเล็กๆ
อยู่ที่นี่ และมีครอบครัวใหม่ ส่วนแม่เปิดร้านขายดอกไม้อยู่เมืองไทย
หล่อนรู้จักกับตามฟ้าเมื่อสี่ปีก่อน
ตอนนั้นเขามาเที่ยวซิดนีย์ และได้ช่วยหล่อนไว้จากการถูกโจรวิ่งราว
อินทราณีประทับใจเขาตั้งแต่แรกเห็น แต่ไม่ได้ลุ่มหลง
ในชีวิตของหล่อนเจอผู้ชายหน้าตาดีมามาก จนเบื่อที่จะมองคนแต่เพียงเปลือกนอก
ตามฟ้าเป็นสุภาพบุรุษกับหล่อนมาก
ในครั้งแรกที่เจอกัน เขามีอัธยาศัยไมตรีอันดี
เพียงพูดคุยกันสองสามคำก็ทำให้หล่อนอยากรู้จักมากยิ่งขึ้น
ระยะแรกกลับเป็นหญิงสาวเสียเองที่ระมัดระวังตัว และหัวใจอย่างที่สุด
สบตากับเขาแวบเดียว ก็รู้สึกว่าผู้ชายคนนี้น่ากลัว! สิ่งที่น่ากลัว คือ
ดวงตาอันทรงเสน่ห์...หายากนักที่มีความคมกริบและอ่อนโยนด้วยในเวลาเดียวกัน
ริมฝีปาก...วาทศิลป์อันไพเราะแฝงปรัชญาและเหตุผล...สอดแทรกอารมณ์ขันในคราวเดียวกัน
บุคลิกลักษณะ
สุขุม...ลึกซึ้ง...เยือกเย็น...ขณะเดียวกัน...ร่าเริง...ผ่อนคลาย...ตามสบายกับชีวิต
ผู้ชายคนนี้เหมือนกับจะเป็นอะไรก็ได้ เป็นฮีโร่ผู้ยิ่งใหญ่ เป็นนักปราชญ์ทรงธรรม
เป็นนักบริหารไฮโซ เป็นหนุ่มสมถะติดดิน แต่บุคลิกที่ชัดเจนที่สุด
ซึ่งหมายถึงตัวตนแท้จริงของเขา คือนักสู้ผู้องอาจ และมีคุณธรรม
พอได้รู้จักกันนานเข้า
อินทราณีก็รู้ว่าสายเกินไปเสียแล้ว ที่หล่อนจะหักห้ามหัวใจไว้ได้
เขาไม่เหมือนผู้ชายอื่นๆ ที่ผ่านมา ที่เข้ามาจู่โจมหัวใจหล่อนอย่างรุนแรง
และรวดเร็ว หากแต่ความระมัดระวังตัว การวางตัว และการให้อิสรเสรีแก่หล่อน จากฐานะเพื่อน
ค่อยๆ สร้างต้นรักในหัวใจของหล่อนให้เติบโตอย่างสมบูรณ์ งดงาม
ตามฟ้าขอหล่อนเป็นแฟนในวันวาเลนไทน์ หลังจากรู้จักกันมาหกเดือน อาจเป็นช่วงเวลาที่นานเกินไปหน่อย แต่หญิงสาวสัมผัสได้ว่า
ชายหนุ่มเป็นคนรอบคอบ คิดอะไรลึกซึ้ง ดังนั้นคำว่า “คนรัก” ของเขา จึงมีคุณค่าและความหมายเหลือเกินสำหรับหล่อน เนื่องเพราะแน่ใจว่า
เขาไม่ได้พูดออกมาพล่อยๆ ความสัมพันธ์ของเขากับหล่อนยังเป็นทางใจ ไม่ใช่ทางกาย
แม้บางครั้ง ฉุดรั้งอารมณ์และความรู้สึกไม่อยู่
แต่ตามฟ้าก็ยังคงเป็นสุภาพบุรุษอยู่อย่างหนักแน่น มั่นคง
แบบที่หล่อนคิดว่าคงจะไม่มีผู้ชายคนไหน อดทนอดกลั้นกับหล่อนได้มากเท่านี้อีกแล้ว
เขาให้เกียรติหล่อน ไม่อยากให้หล่อนเป็นฝ่ายเสียเปรียบก่อน อินทราณีทึ่ง
ไม่นึกว่ายังมีผู้ชายที่คิดแบบนี้อยู่บนโลก แต่หัวใจหญิงสาวซุกซนนัก ยิ่งเห็นเขาเป็นสุภาพบุรุษ
ยิ่งอยากคอยกลั่นแกล้ง ยั่วเย้าหัวใจเขาอยู่เรื่อย แต่ชายหนุ่มทั้งฉลาดและน่ารัก
แก้สถานการณ์คับขันรัญจวนใจได้ทุกครั้งไป แม้แต่หล่อนยังอดนับถือเลื่อมใสเขามิได้
หล่อนบอกกับตัวเองว่าความรัก...สำหรับหล่อน...ขอเพียงให้คนที่หล่อนรักมีความสุข
ไม่ว่าเขาผู้นั้นจะเลือกหล่อนไปเติมเต็มชีวิตของเขาหรือไม่ หล่อนก็จะยังรักและอวยพร...
เพราะความรักที่แท้จริง...คือการอวยพร และยินดีในความสุขของคนที่เรารัก
ไม่ใช่การได้ครอบครอง หรือเป็นเจ้าของ
ตามฟ้าเป็นผู้สอนหล่อนให้รู้จักกับนิยามความรักแบบนี้
วันที่
23 สิงหาคม 2556
งานเลี้ยงเพื่อนนักธุรกิจของตามฟ้า
เรืองฤทธิ์ธารันท์ ผู้บริหารหนุ่มแห่งบริษัท เดอะไลท์ จิวเวลรี่ เจ้าของกิจการส่งออกอัญมณีอันดับหนึ่งของเมืองไทย
จัดขึ้นบนเรือสำราญลำหรู ล่องเอื่อยๆ บนทะเลสาบงามของเมืองซิดนีย์ยามค่ำคืน ซึ่งสว่างไสวด้วยแสงไฟหลากสีจากตึกรามบ้านช่องบนฟากฝั่ง
ของช่วงเวลาปลายเดือนสิงหาคม
ขณะนั้น
ผู้ชายหลายคนบนเรือกำลังให้ความสนใจกับ “แขกพิเศษ” คนหนึ่ง ที่เพิ่งก้าวขึ้นเรือมา อย่างอดใจมิได้
หล่อนเป็นหญิงสาวร่างอวบอิ่ม
งดงามสมสัดส่วน ผิวสีขาวอมชมพูนั้นเด่นมาแต่ไกล ใบหน้าสวยหวานราวหยาดน้ำผึ้ง
ขัดกับดวงตาที่เปล่งประกายเจิดจรัสเหมือนแสงอาทิตย์ หล่อนช่างโดดเด่นสะดุดตา
ยามอยู่ในชุดเดรสยาวเกาะอกสีบานเย็น นุ่มนวลด้วยผ้าซีฟองไล่สีรุ้งผูกโบว์ตรงกลางก่อนปล่อยจีบระบายเป็นริ้วๆ
เกล้าผมสูงและปล่อยผมม้วนลงมาเคลียไหล่ข้างหนึ่ง
ติดที่หนีบผมรูปผีเสื้อสีขาวประดับคริสตัลแวววาว เข้าคู่กับต่างหูระย้ารูปผีเสื้อ
งานเลี้ยงที่แสนจะธรรมดา
เลยกลายเป็นคึกคัก มีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที เมื่อบังเกิด “นางฟ้า”
ขึ้นในงานนี้ หนุ่มๆ หลายคนไม่ยอมละโอกาสที่จะเข้ามาทำความรู้จัก แต่ก็มิสะดวกนัก
เพราะหล่อนมีหนึ่งหญิง หนึ่งชาย คอยเป็นบอดี้การ์ดกันท่าไว้
“เรย์ รีบไปตามพี่ตามฟ้ามาเร็วๆ เถอะ รออีกหน่อยฉันคงได้ชกหน้าใครบางคนเข้าแน่
แต่ละตัว...หื่นๆ ทั้งนั้น!”
สาวผมแดงกระซิบกับแฟนหนุ่ม
พร้อมถลึงตาดุใส่ชายฝรั่งคนหนึ่งที่กำลังเดินเข้ามา เรย์หัวเราะ
“O.K
คุณจัดการทางนี้นะ ผมก็ไม่อยากให้ใครมองผมด้วยความอิจฉา ที่เดินควงมากับสาวงามตั้งสองคนเหมือนกัน”
“อุ๊ย...”
อินทราณีสะดุ้ง
เมื่อจู่ๆ ก็ถูกโอบกอดจากด้านหลังโดยไม่ทันตั้งตัว เมื่อเป็นสัมผัสอ่อนโยนคุ้นเคย จึงเอียงหน้ามองนิดหนึ่ง
ก่อนถูกจูบเบาๆ ที่แก้ม ตามฟ้ากอดหล่อนให้แน่นกระชับขึ้นอีกหน่อย
เพื่อให้ความอบอุ่นจากร่างเขาไหลสู่ร่างหล่อน
“หนาวนะ ตอนนี้ที่อังกฤษคงเย็นเฉียบเลย แต่ที่ซิดนีย์ดีกว่า
อบอุ่นกำลังพอเหมาะ”
“อบอุ่นหรือคะ?”
หล่อนถามอย่างไม่แน่ใจ
เขาหัวเราะน้อยๆ เอาใบหน้าด้านข้างมาแนบกับแก้มหล่อน กระซิบเสียงหวาน
“หรือตอนนี้คุณไม่รู้สึกอบอุ่น หือ?”
อินทราณียิ้มหวาน
พริ้มตาลงอย่างเป็นสุข ทั้งคู่ยืนโอบกอดกันบนระเบียงเรือ ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุด
“อย่าเพิ่งหลับนะ คืนนี้ผมมีของขวัญชิ้นพิเศษจะมอบให้คุณ!”
หญิงสาวลืมตา
เมื่อรู้สึกเย็นวาบบริเวณลำคอ พร้อมเสียงกระซิบข้างหูว่า “HAPPY BIRSTHDAY ครับ”
สร้อยเส้นหนึ่งประดับอยู่บนคอของหล่อน
สายของสร้อยทำด้วยใยไหมสีเงินยวง เล็กมากจนแทบมองไม่เห็น แต่ที่เจิดจรัส และสะดุดตาที่สุด
คือจี้หินทรงหยดน้ำที่มีรูปร่างเป็นผลึกเหมือนกับควอทซ์ชนิดหนึ่ง มีน้ำปนอยู่ในเนื้อ
มีประกายเหลือบเป็นสีรุ้งสวยงาม ส่องแสงวูบวาบเป็นประกายระยิบระยับอยู่ภายใน
“สวยจังเลยค่ะ ฟ้า!”
หญิงสาวอุทาน
ยื่นมือมาลูบคลำ หัวใจไหวสะท้าน
“สร้อยเส้นนี้ผมขอมอบให้คุณเนื่องในวันเกิด มันเป็นอัญมณีทรงคุณค่า
มีชื่อเรียกว่า พรีเชียสโอปอล! เป็นอัญมณีที่ช่วยเสริมสร้างสติปัญญา
ความทรงจำ ความรัก และความปรารถนาทั้งปวง”
“พรีเชียสโอปอล...พรีเชียสโอปอล... คงมีมูลค่าอย่างหาที่สุดมิได้”
หล่อนพึมพำเสียงสั่น
รู้ดีถึงมูลค่าอันมหาศาลของมัน ตามฟ้ายิ้มน้อยๆ มองหล่อนอย่างเอ็นดู
“มูลค่าของมัน ไม่อาจเทียบกับเจ้าของผู้สวมใส่
เป็นสิ่งที่คู่ควรกันอย่างทดแทนไม่ได้ คุณงดงามเจิดจรัสเฉกเช่นอัญมณี”
หัวใจของหญิงสาวประหม่า
วุ่นวาย อยากจะตอบปฏิเสธไป ทว่าชายหนุ่มเอ่ยขึ้นก่อน
“ผมมีของขวัญชิ้นพิเศษ...อีกชิ้นหนึ่งจะมอบให้กับคุณ”
“โอวว...ฟ้าขา พอแล้วค่ะ แค่นี้แองจี้ก็ดีใจมากแล้ว”
“ชิ้นนี้ไม่ให้ไม่ได้ เพราะว่ามันสำคัญมาก และสำคัญที่สุด
คุณได้ยินเสียงอะไรไหม?”
เขากระซิบถาม
หญิงสาวเอียงหูฟัง จึงได้ยินเสียงเปียโนผสมเสียงไวโอลินดังแว่วมาไกลๆ จึงเบิกตาโต
“วันเดอร์ฟูล ทูไนท์นี่คะ เพลงรักหวานซึ้งที่สุดในออสเตรเลีย!”
ทันทีที่ตอบ
ก็ต้องอุทานออกมาอย่างประหลาดใจ
เมื่อหันไปเห็นนักดนตรีหนุ่มชาวฝรั่งคู่หนึ่งในชุดสูทสีขาว
คนหนึ่งนั่งดีดเปียโนเครื่องใหญ่ อีกคนยืนสีไวโอลินอยู่ข้างๆ กัน
ตรงด้านหลังหล่อนห่างออกไปไม่ไกลนัก
“พวกเขามาอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่คะ?”
“นานแล้ว แต่คุณไม่ทันสังเกตเอง...”
ตามฟ้าบอกยิ้มๆ
ก่อนจะหันไปมอง บุรุษหนุ่มที่สีไวโอลินอยู่นั้น เดินตรงเข้ามาหาทั้งคู่ช้าๆ
พร้อมบรรเลงเพลงรักที่หวานไพเราะจับใจไปด้วย เขามาหยุดอยู่ข้างหน้าตามฟ้า
หยุดบรรเลง แล้วโค้งหัวให้กับอินทราณี
ก่อนล้วงสิ่งของบางอย่างจากในเสื้อสูทมาส่งมอบให้กับตามฟ้าอย่างนอบน้อม
มันเป็นตลับกำมะหยี่สีแดงรัดด้วยสายเงินเล็กๆ ดูหรูหราและน่ารัก
ก่อนที่นักดนตรีผู้นั้นจะหันหลังกลับ ยกไวโอลินขึ้นบรรเลงต่อ และเดินช้าๆ
กลับไปประจำที่เดิม
“ขออนุญาตนะครับ โปรดหลับตา...แล้วส่งมือข้างที่คุณชอบที่สุดมาให้ผมเถิด!”
หัวใจหญิงสาวเต้นแรง
อย่างไม่อาจระงับ ต้องสะกดกลั้นใจให้นิ่งไว้ ก่อนจะหลับตา ยื่นมือซ้ายออกไปหาเขา
ชายหนุ่มยิ้ม เขาเอามือซ้ายรองรับมือของหล่อนไว้ แล้วบรรจงสวมวัตถุชิ้นนั้นลงไปบนนิ้วนางข้างซ้าย!
หัวใจหญิงสาวกระตุกวูบ!
พรีเชียสโอปอลที่ว่างามเลิศ
ยังเทียบไม่ได้กับหัวแหวนทรงหยดน้ำเม็ดนี้ มันมีขนาดเล็กกว่า เป็นหินที่มีประกายรุ้งเหมือนกัน
แต่สีดูเข้มกว่ามาก ดูแล้วเหมือนมีพลังอันศักดิ์สิทธ์ชวนให้รู้สึกขนลุกอย่างน่าประหลาด
งดงามจนหัวใจสั่นสะท้าน
“แบล็กโอปอล ครับ เป็นอัญมณีแห่งความรัก
เป็นสัญลักษณ์แห่งการจับจอง และสะท้อนความในใจ!”
“ฟ้าคะ...!”
“ผมขอหมั้นคุณนะครับ แองจี้!!”
หญิงสาวอุทานอย่างไม่เชื่อหู
ตามฟ้าหัวเราะแผ่วทุ้ม โอบเอวหล่อนเข้ามาแนบชิด
“ออกจะสะเพร่าไปนิด ทำพิธีลวกๆ ไปหน่อย แต่ผมทนรอไม่ไหว ถือเป็นการซักซ้อมก่อนพิธีจริงก็แล้วกัน
ผมอยากเข้าใกล้คุณมากกว่านี้ และอยากมอบหลักประกันความรักของผมให้กับคุณด้วย”
ชายหนุ่มกล่าวอย่างเขินนิดๆ
อินทราณีจ้องดวงตาหวานซึ้งนั้น แล้วเมินหลบ ตอบเบาๆ มาว่า
“เมื่อเป็นการการซ้อมให้ แองจี้ก็จะถือว่าซ้อมรับแล้วกัน ขอบคุณค่ะ”
ตามฟ้ายิ้มออกมาอย่างลิงโลด
คว้าร่างหล่อนมากอดไว้แนบอกอย่างมีความสุข หญิงสาวตื้นตันจนน้ำตาคลอ
เสียงปรบมือดังกึกก้องขึ้น
จากแขกวีไอพีนับร้อยคนบนเรือลำนี้ (จากการตระเตรียมของตามฟ้า) รวมทั้ง โธมัส
แคมป์เบลล์ บิดาของหล่อน ซึ่งยืนรวมกลุ่มอยู่ในนั้นด้วย (อินทราณีเพิ่งหันมาเห็น
หล่อนยิ้มอย่าง ดีใจที่สุด) บิดาของหล่อนยกแก้วแชมเปญขึ้น แสดงความยินดีกับทั้งคู่อย่างปลาบปลื้มใจ
บนห้องพักสุดหรูของโรงแรม...
ตามฟ้าแสนจะตื่นเต้น
และดีใจ เมื่ออินทราณีมาหาเขาในคืนนี้ ซึ่งเป็นคืนสุดท้ายก่อนจากกัน
แม้ตามฟ้าจะปฏิเสธ เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องไม่สมควร แต่หญิงสาวก็ไม่ยอม
ดื้อรั้นจนเขาต้องยอมตามใจ
หญิงสาวครึ่งนั่งครึ่งนอนอยู่บนเตียงในอ้อมแขนของตามฟ้า
และอยู่ในชุดที่รัดกุมเรียบร้อย เขากำลังเล่าเรื่องสนุกๆ ให้หล่อนฟัง
หญิงสาวหลับตาพริ้ม นอนฟังเพลินๆ เคลิ้มจนชายหนุ่มคิดว่าหลับ จึงปลุกเรียกเบาๆ
“คุณง่วงแล้วใช่ไหม กลับบ้านดีกว่าไหมครับ?”
“ไม่เอา คืนนี้แองจี้อยากอยู่กับคุณให้นานที่สุด เพราะมันเป็นคืนสุดท้ายแล้ว”
“คืนสุดท้ายที่ไหนกัน พูดเหมือนกับว่าเราจะไม่ได้เจอกันอีก”
“คุณอยู่อีกวันสองวันไม่ได้หรือคะ ฟ้า?”
“ผมมาหลายวันแล้ว มีงานมากมายรอให้ผมกลับไปสะสาง”
“ถ้างั้น...แองจี้บินไปหาคุณบ้างได้ไหมคะ?”
“ยินดีที่สุดเลย คุณอยากจะมาหาผมตอนไหนก็ได้ทั้งนั้น
กุญแจที่คอนโดผมก็ให้คุณไว้แล้ว กุญแจบ้านที่อื่นๆ ของผมคุณก็มี
หรือจะไปหาผมที่บริษัทก็ยังได้ ผมยินดีต้อนรับเสมอ”
“แองจี้ไม่ไปรบกวนถึงบริษัทของคุณหรอกค่ะ แต่ก็ไม่แน่นะ
ถ้าไปก็อาจจะไปเงียบๆ ไม่ให้คุณรู้ตัว โดยเฉพาะห้องที่คอนโดของคุณ เพื่อจะได้ดูว่า
เอาผู้หญิงมาแอบซ่อนไว้บ้างรึเปล่า!”
หญิงสาวพูดหน้าตาเฉย
แต่ประกายตาคมวาว ตามฟ้าหัวเราะขันๆ
“ซ่อนผู้หญิงน่ะดีแล้วนะ ถ้าซ่อนผู้ชายสิ ยุ่งไปกันใหญ่”
อินทราณีหัวเราะคิก
หยิกแขนเขา แล้วชี้หน้า ทำเสียงขู่เบาๆ
“ไม่อนุญาตให้คุณซ่อนสิ่งมีชีวิตใดๆ ไว้ในห้องทั้งนั้น ไม่ว่าผู้หญิง
ผู้ชาย กะเทย ทอม เกย์ เลสเบี้ยน อะไรทั้งหลาย ห้ามเด็ดขาดนะ”
ตามฟ้าหัวเราะหึๆ
ก้มหัวเล็กน้อย
“ครับผม รับบัญชามาแล้ว รับรองว่าต่อไปนี้ห้องของผมสะอาด ปราศจากเก้งกวาง
กระทิง แรด สิงสาราสัตว์ทุกชนิดอย่างแน่นอน”
“ดีมาก!
หญิงสาวเน้นเสียงหนัก
ก่อนจะแทรกตัวเข้าไปซุกในอ้อมอุ่นเขาอีกครั้ง หลับตาพริ้ม พึมพำเสียงออดอ้อน
“แองจี้ง่วงแล้วค่ะ กล่อมแองจี้เข้านอนหน่อย”
ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ
ในความขี้อ้อนเหมือนลูกแมวน้อยของสาวสวยในอ้อมแขน
จึงแสร้งทำเป็นร้องเพลงกล่อมเด็กให้ฟัง พร้อมกับโยกตัวหล่อนไปพลาง อินทราณีหัวเราะคิกคัก
ดีดดิ้นผลักไสไปมา จนล้มลงไปนอนบนเตียงด้วยกันทั้งคู่ ร่างหญิงสาวทาบทับอยู่บนร่างของชายหนุ่ม
ดวงตาประสานกันอย่างตกตะลึง ตามฟ้ายื่นมือออกมาช้าๆ แตะแก้มแดงเรื่อนั้นอย่างทะนุถนอมเลื่อนไล้ไปที่ลำคอ
ก่อนโน้มศีรษะหล่อนลงมาให้ซบกับอกกว้าง
“นอนบนนี้เถอะครับ ให้หัวใจของผม กล่อมคุณหลับฝันดีตลอดคืน”
เสียงกระซิบแผ่วหวาน
ทำหญิงสาวเคลิ้มเคลิ้ม แล้วปล่อยใจเพลิดเพลินสู่วิมานฝันที่สวยงามไม่ต่างกับความเป็นจริง
ความคิดเห็น