คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : เปิดศึกรัก
ตามฟ้าหยิบผ้าเช็ดหน้าห้าผืน
ที่แขวนเป็นสัญลักษณ์นำทางบนกิ่งไม้ เดินเรื่อยๆ เซ็งๆ จนมาถึงริมแม่น้ำ...
“เอาล่ะ ผมมาแล้วนะ รีบรับเค้กไปเถอะครับ ผมต้องไปทำธุระของผมเหมือนกัน”
ชายหนุ่มบอกหญิงสาวที่นั่งหันหลังให้บนเก้าอี้หวาย
กำลังเหนื่อย และเบื่อจัด จึงไม่ได้สังเกตอะไรทั้งสิ้น
เห็นเสื้อสีแดงของหล่อนทางด้านหลัง ก็ทึกทักเอาเองว่าเป็นหล่อน
หญิงสาวด้านหน้ากลับยกป้ายโชว์ให้เขาดู โดยไม่หันมา เขียนว่า
...จุดเทียนให้ด้วย...
“ฮ้า! โอ้โห นี่บริการส่งเค้ก แล้วยังต้องบริการหลังการขายอีกหรือเนี่ย
เป็นนักธุรกิจรึไงคร้าบ ใช้เสียคุ้มเชียว เอาก็ได้ จุดเทียนแล้ว จะให้เป่าเค้ก
ร้องเพลงอวยพรด้วย ก็บอกนะ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ฉลองให้ตัวเองไปด้วยเลยก็แล้วกันวะ แฟนก็ไม่สนใจแล้วนี่
เอ้า! ผมทำให้หมดทุกอย่างแล้ว เค้กต้องแบ่งกันกินคนละครึ่งด้วยนะ”
ตามฟ้ายกเค้กสตรอเบอร์รี่สุดหวานที่ปักเทียน
(มีในกล่อง 3 อัน) แล้ว ยื่นส่งให้ ไหล่หญิงสาวไหวสะท้าน เหมือนกำลังกลั้นหัวเราะอยู่
ทำให้เขาฉงน ก่อนที่ไหวพริบจะเริ่มทำงาน เมื่อสังเกตเห็นว่า ทรงผม
และรูปร่างของสาวน้อยอัปลักษณ์ดูเปลี่ยนไป หล่อนใส่เสื้อยืดสีแดง แต่นั่นมันเสื้อถักไหมพรมสีแดงไม่ใช่หรือ?
หล่อนผมหยิกยาว แต่นั่น ผมยาวเป็นลอนเล็ก เงางาม สีน้ำตาลอ่อน เคลียสยายแผ่นหลัง
เงาร่างนี้คุ้นๆ เหมือนกับ...
“O.K เค้กพร้อม เทียนพร้อม งั้นก็ร้องเพลงได้...”
เสียงใสกังวานแสนไพเราะ
หญิงสาวยืนขึ้นเต็มตัว อวดรูปร่างงามสมส่วน ก่อนจะหันกลับมา ยิ้มสดใส
“ว่าแต่...จะร้องเพลงอะไรดีล่ะคะ คุณพนักงานขายรูปหล่อ?!”
“แองจี้! คุณหรือนั่น!”
ตามฟ้าร้องดังลั่น
เค้กในมือหล่นตุบ เพราะความดีใจ แปลกใจ และเซอร์ไพร์สเป็นที่สุด
แต่เขาไม่สนใจอีกแล้ว รวดเดียวถึงตัวหล่อน คว้าร่างหล่อนมากอดไว้แนบอก
ความปลาบปลื้มปิติมันล้นทรวงเสียจนร่างเขาสั่น พูดไม่ออก ได้แต่เรียกชื่อหล่อนซ้ำๆ
ราวกับไม่อยากเชื่อ แม่ยอดหวานใจของเขา ยืนอยู่ตรงนี้! อินทราณีปล่อยให้หัวใจโต้ตอบกับเขาในความเงียบ
แต่ลึกซึ้งดื่มด่ำนั้น ด้วยภาษาแห่งรัก ที่มีแต่เราเข้าใจ เนิ่นนาน...จนอาบอิ่มในเสี้ยวหนึ่ง
ตามฟ้าเอาจมูกมาคลอเคลีย แตะริมฝีปากสีชมพูนั้น ด้วยริมฝีปากบางของเขาแผ่วๆ
กระทั่งถูกบดเบียดกลับ ชิวหาแสนหวานสอดเข้ามาทักทายหยอกเย้า ภาษารักระดับสองก็บรรเลงขึ้นต่อ
...ใช่แล้ว...แองจี้...แองจี้ที่รัก...ของผม...จริงๆ
ด้วย...อืม...ยอดรักของผม...ผมรักคุณ...
ความอ่อนหวานของหญิงสาว
บวกกับอารมณ์รักเร่าร้อนโหยหาที่สะสมมาเป็นเวลานาน แถมยังมาคิดถึงทุรนทุรายในช่วงท้ายเพราะติดต่อหล่อนไม่ได้
ทำให้เขายากแก่การควบคุมแรงปรารถนาไว้ได้อีกต่อไป แม้จะเป็นเวลาเช้า
และในที่รโหฐาน ชายหนุ่มปล่อยใจ ปรนเปรอรสจูบชนิดที่หล่อนไม่เคยพานพบ
มันมีทั้งความอ่อนหวาน...ดื่มด่ำ...เว้าวอน...เร่าร้อน...กระตุ้นหล่อนรุนแรง
จนเรือนร่างระทวยแทบทรุดลงไปกองกับพื้น หากแต่อ้อมแขนของเขารั้งไว้มั่น
มันเกือบจะเลยเถิด หากไม่มีเสียงกระแอมไอดังขึ้นก่อน ปลุกสติของเขากลับคืนมา ให้พบกับความละอาย เลือดซ่านไปทั่วใบหน้า
เมื่อชายสูงอายุผู้มาวิ่งออกกำลังกายตอนเช้า ส่งสายตามาตำหนิแรงๆ ก่อนวิ่งจากไป
หญิงสาวผวากอดเขาแน่น
เรือนร่างหล่อนออกฤทธิ์อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน มันปั่นป่วน ร้อนรุ่มไปหมดทั้งร่าง ทรมานเหลือเกิน เรียนรู้บทรักอันใหม่ แต่แสนรุนแรงนี้ ด้วยใจที่สั่นไหวไม่หยุด ชั้นเชิงของเขาสูงเกินไป หล่อนเป็นแค่เด็กประถมเพิ่งเรียนรู้ ไม่ประสา!
“แองจี้... ขอโทษ ขอโทษ ผมลืมตัว ไม่ทันระวัง ...”
ตามฟ้ากอดหล่อน
ปลอบโยนให้ผ่อนคลายอารมณ์รัญจวน จนหญิงสาวค่อยๆ สงบลงทีละน้อย
“แองจี้ทำผิดอีกแล้ว น่าอายจัง”
หล่อนพึมพำ
ใบหน้าแดงระเรื่อ หลับตาลง พิงอกเขา ร่างกายสงบ แต่จิตใจยังติดตรึงกับรสชาตินั้นมิหาย
“ผมต่างหากที่น่าอาย ตอนเช้าแท้ๆ แถมที่รโหฐาน ทำอะไรแบบนั้นลงไป
ผมยั้งตัวเองไม่อยู่”
อินทราณีค่อยๆ
ผละร่างออกห่าง เพราะเกรงจะไปรบกวนสภาวะร่างกายเขาอีก หลบสายตา อ้อมแอ้ม
“คุณทำเค้กหล่นแล้ว จะเอาที่ไหนเป่าเทียนวันเกิดละทีนี้?”
“อ้อ! เข้าใจละ นี่เป็นแผนเซอร์ไพร์สของคุณงั้นสินะ
มิน่าล่ะ ว่าทะแม่งๆ อยู่ ไม่ยอมรับสายแต่เช้า แถมเมื่อวันก่อนโทรไปบอกว่ายังไงก็มาไม่ได้
น้าเรืองวานผมมาส่งเค้ก ทำหน้าระรื่นผิดปกติ แถมหญิงสาวคนเมื่อกี้นี้ ก็ด้วย?”
ตามฟ้ากอดอก
ร่ายยาวด้วยน้ำเสียงหยอกเย้า หญิงสาวยิ้มรับหน้าชื่น กลับมาสดใสตามเดิม
“ใช่ค่ะ ทั้งหมดเป็นแผนแองจี้เอง ที่จริง แองจี้มาถึงตั้งแต่เมื่อวานแล้ว
แต่คนรักดันหนีไปเที่ยวพัทยาโดยไม่บอก ก็เลย หาเรื่องแกล้งสักหน่อย
อย่าโทษน้าเรืองเลยนะคะ เขาถูกแองจี้บังคับให้ร่วมมือด้วย ผู้หญิงคนเมื่อกี้นี้ก็เหมือนกัน”
ตามฟ้าฟังคำสารภาพ
อันสุดแสนจะน่ารักซุกซนของหญิงสาว แล้วอดใจไม่ไหว รวบร่างหล่อนเข้ามาหอมแก้มหนักๆ
“อุ๊ย! อย่านะ เดี๋ยวก็โดนตำหนิอีกหรอก แองจี้ไม่ยอมเป็นเหยื่อคุณแล้วนะ”
หล่อนเชิดปากบอกรั้นๆ
แต่แววตาแสนเย้ายวนนั้น มันแทบทำให้เขาเริ่มใหม่อีกสักครั้งจริงเชียว
“หึ หึ ดีละ จัดฉากอวยพรวันเกิดซะจนเค้กตกเทียนดับ เละไปหมดทั้งงานแบบนี้
ต้องเอาคุณผู้หญิงคนนี้แหละ มาเป็นแพะบูชายัญ เป็นเทียนวันเกิดให้ผมเป่าซะดีๆ”
“บ้า! ตัวเองทำเค้กหล่นเอง แล้วมาว่าเค้า
เค้าอุตส่าห์ทำซะดิบดี อย่างนี้ก็อดกินไปเถอะ”
หญิงสาวกลายร่างจากสาวงามเป็นเด็กแก่นแก้ว
เฮี้ยวซ่า ผลักอกเขาออกไป แล้วเดินหนี แต่ก็ถูกมือหนารั้งแขนกลับมาอย่างนุ่มนวล
ร่างอิ่มระหงก็ตกอยู่ในอ้อมกอดของนักรบผู้เจนศึกอีกครั้งอย่างอ่อนโยน
ละมุนละไมที่สุด อินทราณีหลบตา เมื่อมือเขาสัมผัสแก้มนวลแผ่วเบา และหลับตา
เมื่อริมฝีปากเจ้าเสน่ห์ประทับบนหน้าผาก
“คิดถึงคุณนะ แองจี้ ดีใจที่คุณมา ในเวลาที่ผมเกือบจะเป็นบ้า
เพราะความคิดถึง”
“แองจี้คิดถึงฟ้า...ยิ่งกว่าเป็นบ้าอีกค่ะ!”
งานเลี้ยงเล็กๆ
ต้อนรับการมาของอินทราณี จัดขึ้นที่สวนหลังบ้านของอัมพกาพร มารดาของหล่อนเอง
บนโต๊ะอาหารประกอบด้วยขนม ของหวาน และกับข้าวหลายชนิด ที่ทั้งหล่อน และแม่
ช่วยกันทำ ตามฟ้าพาเรืองรำไพมาร่วมงานในช่วงหัวค่ำ ทั้งสี่คน จึงนั่งล้อมวงรับประทานอาหาร
อย่างสนิทสนมเป็นกันเอง และมีความสุข
“วันนี้วันเกิดของหลานฟ้า แต่หนูแองจี้เพิ่งจะมาเมืองไทยหนแรกในรอบเจ็ดเดือน
เพราะฉะนั้น งานฉลองให้หนูแองจี้สำคัญกว่า เอ้า! ทานเยอะๆ
นะจ๊ะ ขอให้การกลับบ้านครั้งนี้ มีแต่ความสุขมากๆ นะ”
เรืองรำไพชนแก้วน้ำผลไม้
กับหญิงสาวแสนสวยในชุดเดรสสั้นสีฟ้า ที่นั่งชิดกับเขา หล่อนยิ้มสดใสปนขัน
“ขอบคุณค่ะ น้าเรือง เสียดายเมื่อวานน่าจะจัดงานไปเลยนะคะ ล่าช้า รอคนมาสายให้ผิดวันทำไมไม่รู้”
หญิงสาวพูดกระทบคนข้างตัวหน้าตาเฉย
เรืองรำไพขานรับอย่างชอบใจ ตามฟ้าทำตาปริบๆ
“โอ้โห! นี่งานวันเกิดผม กลายเป็นหมัน
เพียงเพราะการกลับบ้านของแองจี้หรือครับนี่ เค้กก็ไม่ได้กิน เทียนก็ไม่ได้เป่า แถมมีคนอยากจัดงานโดยไม่รอผมอีก
ใจร้ายกันขนาดนี้ กลับพัทยาดีกว่า ไม่น่ามาเลย”
น้ำเสียงน้อยใจ
แถมลีลาแสร้งทำหน้าเศร้าของเขา ทำสาวคนรักหมั่นไส้เต็มทน ทำตาดุ หันมาเชิดปากใส่
“ค่ะ ที่นี่มีแต่คนใจร้าย อยากกลับก็เชิญกลับไปเลย ไม่มีใครง้อให้อยู่หรอก”
“อ้าว! ตอนแรกที่เจอกัน ไม่ใจร้ายอย่างนี้นา อะไรนะ คิดถึงยิ่งกว่าเป็นบ้าซะอีก!”
ตามฟ้าสะกิดเอวยิกๆ
กระซิบเบาๆ ประโยคสุดท้าย หญิงสาวหันมาร้อง “บ้า!”
แก้มแดงเรื่อ หันมาฟ้องมารดา
“คุณแม่ดูสิคะ นี่ต่อหน้าต่อตาคุณแม่แท้ๆ นะ ผู้ชายคนนี้ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษเอาซะเลย
ไร้มารยาทมากๆ ต่อไป คุณแม่ต้องอบรมบ่มนิสัยเยอะๆ นะคะ”
เรืองรำไพหัวเราะคิก
ชอบความน่ารักของหญิงสาว ขณะที่ชายหนุ่มยิ้มหน้าแป้น บอกต่อมาว่า
“คุณแม่ไม่ต้องห่วงนะครับ เด็กดื้อจอมพาโล ไม่รู้จักโตสักทีของคุณแม่คนนี้น่ะ
ผมจะปราบพยศ เอ้ย! สั่งสอนดูแล ติวเข้มให้เป็นกุลสตรี
แอนด์แม่ศรีเรือนให้ดีให้ได้เชียว”
หญิงสาวหันมาชูกำปั้นหรา
ทำหน้าดุใส่อย่างไม่เกรงกลัว อัมพกาพรมองทั้งคู่รบกันด้วยรอยยิ้มเงียบๆ
“ค่ะ ยังไงก็ฝากคุณตามฟ้า ช่วยขัดเกลาบ่มนิสัย ลูกสาวจอมดื้อ จอมซนของแม่
ด้วยนะคะ”
“คุณแม่! ทำไมเข้าข้างคนนอก ไม่เข้าข้างหนู น้าเรือง
ช่วยหนูด้วยสิคะ”
หญิงสาวรีบหาตัวช่วย
เมื่อเห็นรอยยิ้มยั่วของชายหนุ่ม อยู่กับเขาสองต่อสองก็แล้วไป
แต่อยู่ต่อหน้าคนอื่น หล่อนไม่ยอมเพลี่ยงพล้ำเด็ดขาด เรืองรำไพยักไหล่ ก็ใครเล่าจะโต้วาทีทันเล่ห์ลมปากหลานจอมวาทะคนนี้ได้
หลังงานเลี้ยง
อินทราณีขออนุญาตมารดา ขับรถมาส่งตามฟ้าที่คอนโด และสัญญาว่าจะกลับมาค้างบ้าน
เขาพาหญิงสาวขึ้นมาบนห้องพัก หล่อนกำลังยืนชมวิวหรูจากตึกสูง19 ชั้น ด้านนอกมีแสงไฟระยิบระยับจากร้านค้ายามค่ำคืน
แหงนมองฟ้าก็เห็นดวงดาวหลายดวงสว่างสุกใสอยู่กลางวงแหวนพระจันทร์เสี้ยวสีทองอร่าม
มือหนาสัมผัสแผ่วเบาบนเอวคอดกิ่ว
เลื่อนไล้รอบลำตัว พร้อมกับไออุ่นจากเรือนกายเบื้องหลังที่แนบชิดเข้ามา
ริมฝีปากอุ่นประทับบนหน้าผากนุ่มนวล เมื่อหล่อนเอียงหน้ามา หญิงสาวรวบแขนเขาที่กอดอยู่ให้กระชับยิ่งขึ้น
“รบกันมาทั้งวันแล้ว เหนื่อยรึยังครับ?”
เขากระซิบข้างหู
หญิงสาวยิ้ม หลับตา ส่ายหน้า
“ใครบอกว่าแองจี้รบกับคุณ แองจี้ “กวน” คุณต่างหากล่ะคะ”
“อืม...ทั้งรบ...ทั้งเร้า...ทั้งกวน...ทั้งยุ่ง...เป็นแฟนคุณนี่เหนื่อยเป็นบ้า!”
อินทราณีลืมตา
เงยหน้ามองสบตาเขา ดวงตาเปล่งประกายเจิดจรัส จูบเบาๆ บนคางของเขานิดหนึ่ง
“เหนื่อยก็เลิกรักสิคะ”
“รักแล้ว เลิกไม่ได้หรอก ต่อให้หัวใจแหลกสลายกลายเป็นผุยผง
มันก็คงยังลอยวนรอบๆ ตัวคุณอยู่ดี”
“น่าสงสาร งั้นก็คงต้องทนเหนื่อยต่อไป”
“ถ้าได้กำลังใจแบบเมื่อเช้า เหนื่อยกว่านี้ก็ยอมนะ”
ตามฟ้ากระซิบเสียงสั่นพร่าริมหู
มันไปกระตุ้นความวาบหวามรัญจวนใจสุดกู่ของอินทราณีให้กลับมาอีกครั้ง ฉากรักที่ “แรง” กว่าทุกครั้ง อันเกิดขึ้นในสถานที่ไม่เหมาะควรเมื่อเช้า
ย้อนเข้ามาในมโนภาพ ภาพนั้นไม่เท่าไร แต่ทุกสัมผัสแห่งรส ที่เขาปรนเปรอให้
จนหล่อนเกือบเตลิดไปถึงไหนต่อไหน มันยังติดตรึง ซาบซ่านอยู่ในสายเลือด
ฝังแน่นในอารมณ์ จนสลัดไม่หลุด ยิ่งถูกตอกย้ำ ด้วยน้ำเสียงสั่นพร่าของเขา
เรือนร่างหล่อนก็เกิดปฏิกิริยาทันที!
“ฟ้า...อย่าค่ะ...แองจี้...ไม่พร้อม...” หล่อนขัดขืนเขา
และกระแสอารมณ์ของตัวเอง ด้วยการดันร่างเขาออกห่าง นึกแปลกๆ
กับประโยคที่เพิ่งจะพูดเป็นครั้งแรก ปฏิเสธหรือ...กับเขานี่นะ? หล่อนคิดไม่ออกว่าเคยเกิดขึ้นเมื่อไหร่? เมื่อหล่อนเหมือนแมวยั่วมาโดยตลอด! อาจเป็นสัญชาติญาณของหญิงสาวบริสุทธิ์ ผู้รักนวลสงวนตัว (ยกเว้นกับเขา)
ยิ่งชีพอย่างหล่อน เลยพลั้งปากหลุดไป ทั้งที่ใจสั่นไหว วาจาก็สั่นพร่า กริยาท่าทางของหล่อน
มันชวนให้เข้าขย้ำ มากกว่าจะถอยห่าง!
หากตามฟ้าโอบร่างหล่อนเข้ามากอดอย่างนุ่มนวล
หยุดจู่โจมหล่อนทั้งน้ำเสียง และท่าทาง บรรยากาศ และความรัก มักชักนำพาให้เหตุการณ์ล่อแหลมมากขึ้นทุกที
และเขาก็ต้องเป็นฝ่ายสงบไฟอารมณ์นั้นทุกครั้ง
“คราวหลัง...อย่าพูดว่าอย่า จงพูดว่าไม่! น้ำเสียงต้องแข็งกร้าวกว่านี้
อย่าสั่นพร่า ถอยห่างมาแล้ว อย่ายืนหวั่นไหวอยู่ รีบวิ่งหนีไปให้ไกล ริจะปฏิเสธผู้ชาย
อย่าให้เขาจับอารมณ์คุณถูก ไม่งั้น...คุณได้เสียเปรียบแน่ๆ”
คำสอนสั่นของเขา
ทำหล่อนหน้าแดงก่ำ เม้มริมฝีปากแน่น อารมณ์วาบหวามกลายเป็นความหมั่นไส้
มือที่กอดอยู่ เปลี่ยนมาทุบอกเขาหนักๆ ถี่ๆ ร้อง “นี่แน่ะๆๆๆ” จนตามฟ้าร้อง ปล่อยหล่อนออกจากอ้อมอก
“โอ๊ย! ทำอะไรน่ะ แองจี้ ผมเจ็บนะ”
“สอนดีอยู่ได้ เรื่องลามกทั้งนั้น ตัวเองเป็นคนเริ่มก่อน ยังจะมาสอนเค้าอีก”
หล่อนหอบหายใจ
พ่นไฟใส่เขาหน้าแดง ตามฟ้ากะพริบตาปริบๆ
“อ้าว ว้า! อุตส่าห์สอนเคล็ดลับวิชาหลบหลีกผู้ชายให้ ยังจะมาว่าเราอีกแน่ะ
รู้งี้ไม่บอก...ปล้ำซะก็ดี!!”
ตอนสุดท้าย
เขาอุบอิบเบาๆ อย่างเสียดาย แต่หญิงสาวหูไวได้ยิน อารมณ์เดือดจี๋ขึ้นมาทีเดียว
“บ้า บ้า บ้า คนบ้า! อย่านึกว่าตัวเองเก่งกาจสารพัด
จนผู้หญิงทั่วหล้าต้องยอมสยบให้นะ ลีลาท่าทางก็ดี วาจาคารมก็ดี
คุณน่ะส่อแววเจ้าชู้หลายใจตัวพ่อเลย! ไม่ต้องมาทำเป็นสุภาพบุรุษ
แนะแต่เรื่องอุบาทว์ลามกทั้งนั้น รู้หรอกย่ะ ว่าเก่งขั้นเทพ!
แต่ช่วยใช้ความเก่งของคุณให้ถูกที่ถูกทางหน่อย”
“อ้าว นี่ยังไม่ถูกที่ถูกทางอีกหรือ? อะไรกัน
อีตอนเมื่อเช้า ไม่เห็นพูดเยอะอย่างนี้”
“เดี๋ยวเถอะ! แองจี้หมายถึงว่า
เรายังไม่ได้แต่งงานกัน ฉะนั้น คุณยังไม่มีสิทธิ์ล่วงเกินแองจี้ถึงขั้นนั้น
เข้าใจไหม? อ่อนมามากแล้วนะนี่ สงสัยต้องแข็งซะบ้างแล้ว
อย่านึกว่าแองจี้โหดไม่เป็นนะ”
“ก็ไม่เคยเห็นโหด เห็นแต่หวานเจี๊ยบเป็นน้ำหวานเฮลบลูบอย ก็นึกว่ายังไงก็ได้”
“ดีแล้ว นับจากนี้จะได้เห็นแองจี้เวอร์ชั่นโหดกันบ้างล่ะ ว่าจะมาค้างที่นี่
หมดอารมณ์แล้ว กลับบ้านดีกว่า”
หญิงสาวสะบัดหน้าจะเดินไป
แต่ข้อมือก็ถูกคว้าไว้ให้หันกลับมาอย่างนุ่มนวล ตามฟ้าแตะเอวหล่อน
“ให้ผมไปส่งนะ ดึกแล้ว กลับบ้านคนเดียวอันตราย”
“แองจี้เอารถมานี่คะ ส่งกันไปส่งกันมา คืนนี้จะได้นอนไหม?”
เขายื่นมือมาลูบแก้มหญิงสาวเบาๆ
อินทราณียืนนิ่ง ดวงตาอ่อนหวานของเขามันทำให้หล่อนใจอ่อนยวบ
“พรุ่งนี้ผมจะไปบ้านคุณแต่เช้า ตักบาตรด้วยกันนะครับ อย่าลืม”
...ใจแข็งจริงนะ...
หญิงสาวคิดในใจ เอาเถอะ! เขาเป็นผู้ชายแท้ๆ ยังแข็งแกร่งขนาดนี้ หล่อนก็ไม่ควรน้อยหน้าเขา
จะทำให้เขารู้ว่า หล่อนก็อดทนกับเรื่องนี้ได้พอๆ กับเขาเหมือนกัน!
“ค่ะ...” รับคำแล้ว ก็หอมแก้มสั่งลาเขาหนึ่งที
ตามฟ้าเดินไปส่งที่ประตู เสียงออดดังขึ้นทันทีที่เขาเปิด
และผู้หญิงชุดเดรสยาวผ้าลูกไม้สีขาวที่ยืนงามสง่าอยู่หน้าห้อง ก็เป็นอันตะลึงวูบ
เมื่อเห็นทั้งสองพร้อมกัน
อินทราณีตาสว่างจ้าในบันดล
อึ้งและทึ่งกับโฉมหน้า และรูปกายของหล่อนเป็นอย่างยิ่ง ขณะที่หญิงสาวเบื้องหน้า
หัวใจแทบหยุดเต้น ไม่นึกไม่ฝันว่า จะได้เผชิญหน้ากันเวลานี้ ความฝันเมื่อครู่ตอนอยู่หน้าห้อง
เป็นอันสลายหายวับไปกับตา
“มีนา!...”
ตามฟ้าเอ่ยเรียก
รู้สึกตกใจพอกัน แต่ก็ต้องระงับไว้ อินทราณีมองหน้าเขา แล้วหันมามองหล่อนอย่างพิศวง
“เอ่อ แองจี้ นี่...กนกเมทนี ครีเอทีฟบริษัทของผม มีนา นี่...แองจี้ แฟนผม
คุณคงเคยเห็นแล้ว”
“คุณ...คือ...คุณมีนา ที่ฟ้าพูดให้ฟังอยู่บ่อยๆ? โอ้ว
เพิ่งเจอตัวจริงวันนี้เอง สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้พบ”
อินทราณีทักทายหล่อนก่อนพร้อมรอยยิ้มเป็นมิตรจริงใจ
หากแต่กนกเมทนีเหมือนจะสำลักความตกใจจนพูดไม่ออก เพราะไม่ได้เตรียมใจมาก่อน ตะกุกตะกักว่า
“ส...สวัสดีค่ะ คุณ...คุณอินทราณี...”
“เรียกแองจี้เฉยๆ ก็ได้ค่ะ แหม ช่วงเวลาไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่
น่าจะได้คุยกันนานกว่านี้ เอ่อ...”
“มีนา มาหาผมมีอะไรรึเปล่า?”
ตามฟ้าถามแทรกขึ้น
เมื่อเห็นสีหน้าครีเอทีฟสาวซีดแบบไม่ค่อยดีนัก อินทราณีเหลือบเห็นกล่องของขวัญสีทองในมือหล่อนที่ซ่อนไว้เบื้องหลัง
อุทานเบาๆ “กล่องของขวัญ!” ตามฟ้าอึ้ง
กนกเมทนีเรียกสติกลับมาได้ รีบทำตัวปกติ ฝืนยิ้มให้ทั้งสอง
“เอ่อ ขอโทษนะคะ ที่มาขัดจังหวะคุณทั้งคู่ คือ...มีนาแค่...เอาของขวัญวันเกิด
มาให้บอสน่ะค่ะ ดึกไปหน่อย เพราะหาตัวบอสไม่เจอเลยวันนี้ เอ่อ ขอให้มีความสุขมากๆ
นะคะ ทั้งบอส และคุณแองจี้ ขอตัวก่อนค่ะ”
ส่งของขวัญให้แล้ว
ก็รีบเดินจากไปโดยเร็ว ไม่สนเสียงเรียกของอินทราณีแม้แต่น้อย
“ตามไปสิคะ เธออาจมีเรื่องคุยกับฟ้า แต่ไม่สะดวก เพราะเกรงใจแองจี้”
อินทราณีหันมาบอกเขา
ชายหนุ่มอดนับถือมารยาทของหล่อนมิได้ ยิ้มฝืนๆ
“ธุระของเขามีแค่นั้น ก็สนใจแค่นั้นดีกว่าครับ คุณจะกลับบ้านมิใช่หรือ? ไปครับ เดี๋ยวผมไปส่งที่รถ”
ในห้องนอนของหญิงสาวบอบบาง
น่าทะนุถนอม ความเศร้า และความเงียบเหงา
เข้าครอบคลุมบรรยากาศจนน่าหดหู่ หล่อนเดินเข้ามาเหมือนร่างไร้วิญญาณ
ในหัวสมองอื้ออึงแต่ประโยคนั้นซ้ำไปซ้ำมา “...นี่...แองจี้แฟนผม...นี่...แองจี้แฟนผม...” ร่างบางทรุดลงบนเตียง
หมดเรี่ยวแรงทั้งกาย และหัวใจ จริงสินะ วันพิเศษแบบนี้ คนที่ควรอยู่ข้างกายเขา
ก็ต้องเป็น สุดที่รัก หวานใจของเขา หล่อนมีสิทธ์อะไร ไปเสนอหน้าในยามนั้น ชุดสวยที่เตรียมใส่มาเพื่องานนี้
ของขวัญที่นั่งถักร้อยเพื่อรอจนมาถึงวันนี้ หล่อนไม่ได้หวังสูงอะไร
แค่...ขอมีคืนที่พิเศษกับเขา แค่คืนเดียวเท่านั้น อยากทำตามเสียงเรียกร้องของหัวใจตัวเองบ้าง
มิได้เชียวหรือ?
หยาดน้ำใสๆ
ไหลรินจากดวงตา หญิงสาวกลั้นสะอื้นมิไหวอีกต่อไป ล้มตัวนอนบนเตียง
ร่ำไห้ด้วยความทุกข์เพราะรัก...
หากในห้องของหญิงสาวร่างงาม
แต่จิตใจแข็งแกร่งกว่าอีกคน หล่อนยืนอยู่หน้ากระจก ประหวัดนึกถึงหญิงสาวหน้าห้อง
ที่เจอกันเพียงชั่วแวบเดียว แต่รู้สึกเหมือนคุ้นเคยมานาน
ใบหน้าหมดจด...รูปร่างงามงด...สวยไม่ถึงกับสะท้าน...แต่สวยนุ่ม...เย็น...ดูละมุนละไม...มองแล้วชื่นตา...มองได้ไม่มีเบื่อ...ผู้หญิงคนนี้สวยไม่ธรรมดา...ทั้งอากัปกริยาท่าทาง
ชวนสะกิดใจอะไรบางอย่าง
...หึ...วันเกิดของตัวเอง...มีผู้หญิงนำของขวัญมาให้ยามวิกาล...แถมแต่งตัวสวยเว่อร์ขนาดนี้...เชื่อก็โง่ว่าไม่มีอะไรในกอไผ่!
เอาเถอะ ยังดีที่ออกอาการไม่มาก มาลองดูกันว่า ของขวัญของใคร
จะประทับใจคุณมากกว่ากัน
หญิงสาวไม่นิยมชิงดีชิงเด่น
ความอิจฉาริษยาแบบผู้หญิงกิเลสหนาทั่วไป ก็ไม่มีอยู่ในกมลสันดาน แต่ขึ้นชื่อว่า
คนรัก หล่อนก็ไม่ยอมอ่อนข้อเป็นลูกไก่ ให้ใครจับเชือดเด็ดขาด อยู่เฉยๆ ไม่ว่าหรอก
แต่อย่ามายุ่งกับหล่อนแล้วกัน ได้เห็นดีแน่!
ชายหนุ่ม
เจ้าของดวงใจหนึ่งเดียวของสองสาว นั่งมองกล่องของขวัญสองกล่องที่วางอยู่บนโต๊ะอย่างใจลอย
อาการหน้าซีดของหญิงสาวคนนั้น เข้ามารบกวนจิตใจเขา ให้ว้าวุ่น และเศร้าซึม
แต่ภาพหญิงสาวอีกคนหนึ่ง ที่มองเขาด้วยสายตาคำถาม รบกวนจิตใจเขามากกว่า มันไม่ใช่ความรู้สึกที่ต้องเลือก
เขาเลือกแล้วอย่างมั่นใจ ไม่มีสับสนลังเล เพียงแต่...ความสงสาร เห็นใจมันอดมิได้
หยิบของขวัญสีทองมาแกะก่อน
มิใช่สำคัญที่สุด แต่...กล่องพิเศษสุด เขาอยากเก็บไว้ทีหลัง ผ้าพันคอสีทอง
ลายมังกร เรียกเสียงอุทาน มันถูกใจเขามาก เปิดการ์ดใบเล็กๆ ออกอ่าน “...แด่...เจ้านายที่เก่ง
และน่ารักที่สุด ของมีนา Happy Birth Day ค่ะ”
แกะของขวัญชิ้นสำคัญที่สุด
กล่องขนาดเดียวกันสีชมพู เขาถึงกับอึ้ง อ้าปากค้าง ใครจะคาดฝัน ว่าจะเป็น ผ้าพันคอแบบเดียวกัน
ผืนเท่ากัน ทำจากผ้าชนิดเดียวกันเสียด้วย!
หากแต่...ลายผ้าของหล่อน เป็นรูปกระเรียนคู่รัก มิใช่มังกรโดดเดี่ยว
ตรงใจอะไรกันเช่นนี้!
อุทานในใจอย่างงงๆ สรุปแล้ว เขาชอบของอินทราณีมากกว่า เพราะความลำเอียงล้วนๆ
ยิ่งได้อ่านการ์ด “...แด่ ตามฟ้าที่รัก
ความรักของเราจะยั่งยืนเหมือนนกกระเรียนคู่ฟ้าค่ะ” มันชุ่มชื่นหัวใจนัก
เขายกขึ้นสูดดม ประทับแนบอก ชื่นชอบ ประทับใจ ...แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขาไม่รู้
ผ้าพันคอทั้งสองผืน ล้วนเป็นงานฝีมือจากเจ้าของด้วยกันทั้งคู่ ด้วยรักอย่างแท้จริง
รุ่งเช้า
ตามฟ้าเดินทางมาตักบาตรที่หน้าบ้านกับอินทราณี จากนั้นไปถวายสังฆทาน
ทำบุญต่อที่วัด เนื่องจากเป็นวันทำงาน เขาจึงต้องกลับบริษัท
ตามฟ้าชวนหญิงสาวไปเที่ยวเดอะไลท์เป็นครั้งแรก ซึ่งหล่อนก็ยินดีมาก
ในสตูดิโอถ่ายแบบ
ยิหวานารีกำลังโพสท่าสวยๆ ใส่เครื่องประดับอัญมณีงามงด
ให้ช่างภาพได้ลั่นชัตเตอร์กันอย่างมันมือ โดยมีดิลกแอบยืนมองอยู่ห่างๆ
เมื่อหล่อนถ่ายแบบเสร็จ เขาก็เข้ามา ท่าทางกรุ้มกริ่ม กระลิ้มกระเหลี่ยนั้น
ไม่ได้ทำให้หญิงสาวรำคาญ เพราะชอบกับเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว
หล่อนยิ้มยั่วให้ความหวังไปเรื่อย แม้ในใจจะนึกสมเพศ เถกิงรมณียืนจ้องมองอยู่ไม่ห่าง
ตามฟ้าประชุม
อินทราณีจึงนั่งอ่านนิตยสารเล่นอยู่ในห้องทำงานของเขา ประตูถูกผลักเข้ามาโดยพละการ
อาจเพราะไม่มีเลขาอยู่หน้าห้อง หญิงสาวเงยหน้ามอง รูปร่าง และชุดอันสุดเซ็กซี่ของผู้มาเยือน
ดึงดูดสายตาของอินทราณี ให้จ้องมองตาโต
ดวงตาสองคู่ประสานกัน
เหมือนมีประจุไฟแล่นผ่าน อินทราณีรู้ได้เลย สาวสวยคนนี้ “แรง”
กว่าคนเมื่อคืนเป็นไหนๆ!
“อุ๊ย! ขอโทษทีค่ะ ไม่รู้ว่ามีคนอยู่”
เป็นคำอุทานสั้นๆ
มิได้เสแสร้ง แต่หล่อนฟังแล้วขัดหูพิกล รอยยิ้มหวานแต่เจ้าเล่ห์นั้นกระมัง
ที่มันดูน่าหงุดหงิด!
“ไม่เป็นไรค่ะ มาหาคุณตามฟ้ารึคะ?”
“เอ...ที่นี่ห้องของบอส ก็...คงจะเป็นคนอื่นไปไม่ได้หรอกมังค่ะ”
นั่นไง
ไม่ทันไรก็กวนเสียแล้ว! หญิงสาวปิดหนังสือ เห็นทีอาจต้องเจอศึกหนักแต่เช้า
นางแบบสาวเดินตรงเข้ามา มีรอยยิ้มหวาน ไม่ใช่เสแสร้ง แต่เหมือนเป็นยิ้มยั่ว
ทรุดนั่งลงบนโซฟายาวอีกตัว ไขว่ห้างจนเห็นขาอ่อนลึก มองเกือบถึงชั้นใน
“บอสไม่เห็นเคยบอกเลย ว่าคุณจะมา ยิหวาเซอร์ไพร์สจัง ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ
คุณแองจี้ ฉันเป็นนางแบบของที่นี่ค่ะ”
แค่คำพูดคำจา
ก็ชวนให้อารมณ์กรุ่นๆ ไม่นับท่าทางยั่วยวนกวนประสาท ที่ขัดลูกนัยน์ตาชะมัด อินทราณียิ้มนิดๆ
“ฟ้าคงจะบอกใครไม่ได้หรอกค่ะ เพราะว่าฉันเซอร์ไพร์สเขาเหมือนกัน
ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ คุณ...ยิหวา”
“คุณแองจี้ ตัวจริง สวยกว่าในรูปนะคะ เห็นตอนทำงาน บอสเอาแต่มอง มอง
แล้วก็มองรูปของคุณที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ ยังคิดอยู่เลยว่า ถ้าตัวจริงมาอยู่ข้างๆ
คงได้มองให้ลูกนัยน์ตาช้ำไปข้างหนึ่ง ที่ไหนได้ มาเจอตัวจริงคุณ
ลูกนัยน์ตาช้ำอย่างเดียวคงไม่พอ”
หล่อนช่างพูดจริงๆ
เป็นคนพูดเก่ง พูดเพราะ ฟังแล้วเคลิ้มทีเดียว
แต่ความหมายในประโยคมันส่อนัยกินลึกนี่!
“หรือคะ? ขอบคุณสำหรับคำชมนะ
เห็นทีจะสู้คุณไม่ได้หรอก ผู้หญิงรูปงามอย่างคุณ ผู้ชายคงไม่เสียเวลามองให้ตาช้ำ
ทำอย่างอื่นดีกว่า และคุณก็คงชอบแบบนั้น มากกว่าการถูกมองเฉยๆ”
โต้ตอบนิ่มๆ
แต่ความหมายดุเดือดพอกัน ยิหวานารีหัวเราะกว้างชอบอกชอบใจ ขณะที่อีกฝ่ายยังไม่หายหน้าร้อนผะผ่าว
“รู้ใจยิหวาจังเลยนะคะ เอ...หรือว่าสืบมาจากบอสแล้วคะเนี่ย?!”
สืบมาแล้ว
สืบบ้าอะไร? มีความลับอะไร ที่ฉันต้องสืบงั้นเหรอ?!
หัวใจอินทราณีเต้นเร่าขึ้นมาทันที กับคำพูดประโยคนั้น กัดริมฝีปากแน่น
แต่พอเห็นแววตาซุกซนระยับ กับยิ้มยั่วๆ มุมปากนั้น ก็รู้ทันว่ามันเป็นการยั่ว
ให้ติดกับเท่านั้นเอง จึงหัวเราะหึๆ
“เปล่าหรอกค่ะ ฉันแค่เดาเล่นๆ ฟ้าไม่เคยเอ่ยถึงคุณมาก่อน แบบนี้ล่ะค่ะ คู่รักที่แยกจากกันนานๆ
พอมาเจอหน้า ก็มีเรื่องให้ต้องพลอดรำพันกันเยอะ เอาแค่เวลาพลอดรัก ก็ไม่มีเวลาทำอย่างอื่นแล้ว
บทสนทนาถึงคนนอก ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ไม่อยู่ในหัวเลยค่ะ”
ดุเดือดเผ็ดมันแบบนิ่งๆ
อย่างอินทราณี ก็ทำให้ยิหวานารีรู้สึกซู่ซ่า มีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกแบบ อย่างนี้สิ
ถึงจะมัน ไม่อ่อนหัดไร้ชั้นเชิง เหมือนกนกเมทนี!
“อืม...เข้าใจค่ะ ยิหวาเคยมีประสบการณ์มาก่อน”
ยัยแรด!!
ยั่วให้คิดมากอยู่ได้ เดี๋ยวเหอะ เห็นจะอยู่คุยไม่นานหรอก ขืนยังยั่วดีอีก
ได้เจอตบแม่สักฉาด!! หญิงสาวคิดในใจด้วยอารมณ์คุกรุ่น ปกติ
หล่อนเรียบร้อยอ่อนหวาน อาจห้าวหาญแก่นซ่าเหมือนผู้ชายบางขณะ แต่ก็ไม่เคยหยาบคาย
เกิดมาก็เพิ่งจะมีผู้หญิงตรงหน้านี้แหละ ที่กระตุ้นต่อมนางร้าย ให้อุตริคิดอยากตบคนขึ้นมา
เพราะอาการยั่วยวนกวนประสาทไม่หยุด
“คุณแองจี้ เป็นผู้หญิงที่โชคดีมากนะคะ ที่ได้แฟนอย่างตามฟ้า
เขาน่ะเพียบพร้อมเพอร์เฟค ทั้งหล่อเหลา แถมมีเสน่ห์เร้าใจ
เป็นที่ปรารถนาของผู้หญิงทั่วหล้าเลยทีเดียวเชียวนะ”
...รวมคุณด้วยสินะ...
อินทราณียิ้มนิดหนึ่งอย่างไว้ตัว
“ตามฟ้า เป็นผู้ชายที่ดี และอบอุ่นค่ะ ที่สำคัญที่สุด คือ เขามีรักแท้
และรักเดียวใจเดียว”
ยิหวานารีเบิกตานิดหนึ่ง
แววตาวิบวับเป็นประกาย ยิ้มมุมปากเหมือนเย้ยหยัน ถามว่า
“ข้อหลังสุดนี้ คุณแองจี้พิสูจน์มาดีแล้วหรือคะ?”
“เรื่องแบบนี้ ต้องใช้เวลาพิสูจน์ทั้งชีวิตค่ะ แต่จากที่คบกันมา
ฉันค่อนข้างจะมั่นใจ”
“รักเดียวใจเดียว... อืม... แล้วถ้าเกิดว่า รักเดียว แต่แอบนอกกาย
ไปมีสัมพันธ์กับคนอื่นนี่ จะถือว่า รักเดียวใจเดียว อยู่ไหมคะ? อ้อ อย่าคิดมากนะคะ ยิหวาแค่ถามเป็นวิทยาทานเฉยๆ”
อินทราณีคอแข็ง
สะกดกลั้นอารมณ์ขุ่นมัวสุดฤทธิ์ ใจจริงอยากจะไม่ตอบ ไม่เสวนาด้วยอีกต่อไปแต่ก็อยากรู้ว่าหล่อนจะพูดอะไรต่อ
จึงเชิดหน้าตอบอย่างใจเด็ด
“นอกใจ ในความหมายของฉัน คือการปันใจให้คนอื่น ขณะที่มีเธออยู่ หรือ
มีสัมพันธ์ทางกายกับคนอื่นโดยเจตนา”
“ถ้าอย่างนั้น ตามฟ้าของคุณก็...”
สิ่งที่หล่อนอยากได้ยินที่สุด เป็นอันต้องพลาดไปอย่างน่าโมโห เพราะตามฟ้าเข้ามาแล้ว
ความคิดเห็น