ตอนที่ 21 : [3]พันธะความรู้สึก 02 100%
พันธะความรู้สึก (02)
‘ลูปิน’ คือคนแปลกๆที่บังเอิญไปเจอหัวของซาอันกลิ้งไปหล่นอยู่แทบเท้า ด้วยความพิลึกของเจ้าตัวนั้นจึงได้ออกตามหาร่างของซาอัน จนมาเจอกับร่างไร้ศีรษะจมกองเลือดอยู่ ก่อนจะหอบหิ้วทั้งร่างทั้งหัวกลับกระท่อมของตัวเองในที่สุด
เมื่อลองคำนวณดูก็รู้ว่าเพิ่งตายได้ไม่นานจึงได้ทำการล้างเลือดที่กระเซ็นเลอะเนื้อตัวออกจนหมดจด ก่อนจะต่อหัวให้เข้าที่แล้วเริ่มเย็บอย่างใจเย็น ด้วยความที่ว่าลูปินนั้นเป็นพ่อมดคนสุดท้ายของตระกูลที่หายสาปสูญไปจากหน้าประวัติศาสตร์ ทำให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น
ตอนแรกที่รู้ว่าโดนชุบชีวิตให้กลับมาก็แปลกใจว่าทำไมถึงได้ช่วยเหลือ แต่พอรู้เหตุผลที่เจ้าคนพิลึกบอกเขาถึงกับหมดคำพูด..
ลูปินเพียงต้องการบ่าวรับใช้ที่คอยอำนวยความสะดวกสบายต่างๆในการใช้ชีวิต แต่ถ้าจะจ้างก็จะเสียทั้งเงินเสียทั้งเวลาเพราะทุกคนล้วนมีภาระของตนเอง จะให้มาดูแลพ่อมดตกอับเพียงคนเดียวก็ไม่ได้ด้วย อดีตลูกจ้างต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าตนเองไม่สามารถมาคอยรับใช้ลูปินได้ตลอดเวลา
นั่นเป็นเหตุให้ออกตามหาคนที่เหมาะสม แต่ก็หายากเต็มที จนมาเจอร่างไร้วิญญาณของซาอันนั่นแหละ จึงได้ลากกลับมาอย่างไม่ต้องคิด ออทัมอยากจะร้องให้เป็นสายเลือดเสียจริง ชีวิตนี้จะดวงสมพงษ์กับการเป็นทาสรับใช้คนอื่นไปถึงไหนกัน..
แต่แรกเริ่มลูปินไม่คิดว่าอักขระต้องห้ามในการคืนชีพสิ่งมีชีวิตนั้นจะได้ผลเพราะมันโดนปิดผนึกมาหลายร้อยปี เขาแค่ลองผิดลองถูกในการรักษาบ่าวรับใช้คนใหม่ถ้าหากสำเร็จเขาจะได้คนที่คอยช่วยงาน แต่หากไม่สำเร็จก็แค่นำร่างกลับไปไว้ที่เดิม
นี่ออทัมต้องมาใช้ชีวิตร่วมกับคนที่เอาแน่เอานอนอะไรในชีวิตไม่ได้และเอาแต่ใจตัวเองแบบนี้เนี่ยนะ...
ในเมื่อพูดไม่ได้ออทัมก็ทำได้เพียงสื่อสารด้วยภาษากาย อันที่จริงเขาเขียนภาษาของโลกนี้ได้เพราะความทรงจำ และความรู้สึกนึกคิดของซาอันยังคงติดค้างอยู่ส่วนลึกของจิตใจ และคงอยู่มากกว่าทุกโลกที่เขาได้เข้าไป
ถึงเขาจะเขียนได้อ่านออกแล้วอย่างไร? พ่อมดตกอับขี้งกนั่นไม่มีทางนำกระดาษที่มีค่ามาให้คนรับใช้ของตัวเองหรอกน่า ข้าลองแล้ว...เขียนได้เพียงแค่ชื่อก็โดนริบกระดาษกลับคืนทันที พร้อมบอกกับเขาว่า ‘หากเจ้าทำงานให้กับข้าได้ค่อยใช้’
ให้ตายสิ เงินก็ไม่ได้ งานก็หนักจนหัวหมุนแต่ยังจะงกกับเขาอีก
ร่างกายที่หายเร็วกว่าคนทั่วไปนั้นเริ่มเข้าที่เข้าทาง แต่ยังคงพูดไม่ได้เหมือนเดิมเพราะว่ากล่องเสียงถูกทำลายไปแล้ว ภายนอกยังคงเคลื่อนไหวได้ปกติแต่ภายในบอบช้ำบางส่วนเท่านั้น ร่างกายยังคงเย็นเฉียบ ไม่มีลมหายใจแต่ไม่เป็นปัญหาสำหรับงานที่ถูกมอบหมาย
เป็นงานง่ายๆที่ไม่ได้ใช้แรงงานมากมายแต่เป็นส่วนที่ลูปินเกลียดที่สุด นั่นคือการนำยาที่ตนเองปรุงเข้าตัวเมืองไปขายแล้วนำเงินที่ได้ไปซื้อของเข้าบ้าน จะขายเพียงสองครั้งต่อเดือน หรือตามความสะดวกและความพอใจของตนเอง
ลูปินไม่ชอบปฏิสัมพันธ์กับผู้คน ไม่ชอบสถานที่ที่วุ่นวาย ขนาดเขาที่เป็นลูกจ้างในแต่ละครั้งที่เอ่ยปากก็มีเพียงแค่คำสั่งที่ต้องไปทำเท่านั้น บางวันไม่ได้ยินเสียงเลยก็มี เฮ้ ได้ข่าวว่าเขาเป็นคนที่พูดไม่ได้นะ..
วันนี้ย่างเข้าวันที่ 7 ที่เขาได้ใช้ชีวิตร่วมกับลูปิน พ่อมดประหลาดที่ลากเขากลับมาจากความตาย อีกหลายวันกว่าจะได้เข้าเมือง ช่วงนี้งานเสร็จไว ลูปินกำลังกรอกยาสีสันแปลกตาเข้าบรรจุในขวดโหลแก้วหลากหลายขนาดเพื่อนำไปขาย
ออทัมจ้องมองอีกฝ่ายที่กำลังขมวดคิ้วเมื่อของเหลวกระฉอกออกนอกปากขวด ผมสีดำนั่นขัดใจจริงๆ ปรกหน้าปรกตาขนาดนั้นแต่ก็น่าแปลกที่ยังใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติโดยไม่เกิดอุบัติเหตุ ผิวสีแทนสวยทั้งๆที่เอาแต่อยู่ในห้อง อยู่แต่ในกระท่อมหลังนี้ กล้ามเนื้อที่วับๆแวมๆนั่นอีก เอาเวลาไหนไปบริหารมันกัน?
หรือว่าจะมียาที่ปรุงแล้วทำให้ร่างกายมีกล้ามเนื้อ?
อา..ให้ตายก็ไม่กล้าถามหรอก
“ว่างก็ไปเก็บผ้า” เสียงทุ้มต่ำดังขัดความคิดของออทัมซะกระจุย ก่อนจะลุกขึ้นออกไปเก็บผ้าที่ตากเอาไว้ในสวน เฮ้อ..ใช้งานเยี่ยงทาส เงินก็ไม่ได้สักแดง..รู้สึกขาดทุนซะจริง
แดดวันนี้แรงจนผ้า 2 ตะกร้าที่ซักแล้วตากไว้แห้งอย่างรวดเร็ว แต่ถึงแม้แดดจะแรงแค่ไหนออทัมก็ไม่มีเหงื่อซักเม็ด มือขาวซีดทยอยเก็บผ้าเข้าบ้าน พับแยกเก็บไว้ในตู้อย่างเรียบร้อย ก่อนจะเดินเข้าไปทำอาหารเที่ยงให้แก่ลูปิน
เมื่อทุกอย่างเตรียมพร้อมก็เดินออกมาสะกิดหลังอีกคนยิกๆ เป็นอีกมื้อที่ผ่านไปอย่างเงียบเชียบ เห็นแบบนี้ออทัมก็ต้องกินเช่นคนปกติ แต่ไม่ได้กินข้าวหรือผัก เขากินได้เพียงอาหารที่ถูกปรุงเป็นยาของลูปินเท่านั้น
คงเพราะไม่ใช่คน เป็นตัวประหลาดที่มีชีวิต เขาเคยลองกินอาหารเหมือนคนปกติมาแล้ว แต่ก็อ้วกออกมาหมด อีกทั้งยังมีเลือดสีดำปนออกมาด้วยจนลูปินต้องคิดค้นอาหารสำหรับเขาเพียงคนเดียว กว่าจะลองผิดลองถูกจนได้อาหารที่เหมาะกับตัวเองก็เกือบตายอีกรอบเหมือนกัน..
ชีวิตนี้ไม่ง่ายเลย..
แต่การตามหาชิ้นส่วนระบบ 3.0 ที่หลงเหลือนั้นไม่คืบหน้าเลยสักนิด ไว้เมื่อได้ออกไปขายยาของลูปินแล้วค่อยหาข่าวดีกว่า หวังว่าจะได้ข่าวที่มีประโยชน์นะ
แต่หน้าตาแบบเขานี่มันไม่สุ่มเสี่ยงไปหรือ?
คนที่ก่อความวุ่นวายจนถูกฆ่าไปแล้วแต่ดันเดินกลับเข้าเมืองหน้าตาเฉยคงไม่ดีเป็นแน่ คงต้องพยายามบอกกับลูปินก่อนที่จะไปขายยาเสียแล้วสิ แต่กระดาษก็ไม่มี จะทำยังไงดีนะ
อ๊ะ.. นั่นไงล่ะ!
5 ชั่วโมงต่อมา
“ซาอันมาเอาของไปเก็บ..” ลูปินพูดสั่งเสียงเรียบ ก่อนจะถอดผ้าคลุมสีทึบออกจากตัวพาดไว้ที่ราว ตาก็มองหาคนตัวซีดที่มักจะเดินไปเดินมาไปทั่วแต่ก็หาไม่เจอ จนโดนกระตุกชายเสื้อให้เดินตามออกไปข้างนอก แรกเริ่มก็สงสัย แต่เมื่อเห็นเบื้องหน้าถึงกับพูดไม่ออก ใบหน้าของลูปินมืดครึ้มไปเสียครึ่งแถบ
‘ข้ามีเรื่องจะคุยด้วย’
เป็นอักษรที่เขียนด้วยลายมือเรียบร้อยอยู่บนผิวดินหน้ากระท่อมของเขา จะไม่แปลกใจหรือโกรธเลยถ้าเจ้าตัวซีดไม่ถางหญ้าสีสดของเขาออกไป สวนแสนสวยที่ลูปินมักเข้ามานั่งพักผ่อนหย่อนใจถูกถางไปเสียเกือบครึ่ง..
ดูท่าอีกคนจะไม่รู้ตัว ยังคงขมักเขม้นตั้งอกตั้งใจพยายามเขียนสิ่งที่อยากบอกด้วยกิ่งไม้ที่ไปหักมาจากต้นโอ๊คในสวน รู้ตัวอีกทีออทัมก็รู้สึกเจ็บจี๊ดไปทั้งร่าง ก่อนที่ภาพเบื้องหน้าจะดับวูบไป
“..รุนแรงไปสินะ” ลูปินพึมพำเบาๆก่อนจะปัดความไม่พอใจทิ้งไป เข้ามาหิ้วซาอันเข้าไปนอนพักในบ้านก่อนจะเดินเข้าห้องทำงานของตัวเอง
ว่าแต่จะบอกอะไร?
. . . . .
. . .
. .
เรี่ยวแรงของพ่อมดเป็นอะไรที่ดูถูกไม่ได้แม้แต่นิดเดียว เชื่อเขาสิ... เขาโดนมาเองกับตัว จากเหตุการณ์ในวันนั้นทำให้ออทัมสงบเสงี่ยมเจียมตัวมากยิ่งขึ้น แต่ก็ยังคงพยายามหาทางสื่อสารในรูปแบบอื่นอยู่ตลอดเวลา
หึ กับอีแค่การเลาะหน้าดินเพื่อนเขียนข้อความบอกกล่าวยังทำไม่ได้ ช่างเป็นนายจ้างที่หน้าเลือดอะไรอย่างนี้ ชีวิตนี้มันจะอยู่ยากไปไหน
อาการปวดหนึบตรงต้นคอลากยาวมายังแผ่นหลังด้านขวาเจ็บไม่น้อยเลยทีเดียว ใครมันจะไปรู้ล่ะว่าเป็นสถานที่สุดหวงแหน วันๆเห็นขลุกอยู่แต่ในห้องคอยปรุงยา เมื่อว่างก็ไปงีบหลับตามที่ชื้นๆตามซอกหลืบภายในบ้าน
หรือเพราะเขาเพิ่งมาอยู่ได้ไม่นานเลยไม่รับรู้เรื่องราวการใช้ชีวิตประจำวันของลูปิน? ก็อาจจะเป็นไปได้ คงต้องคอยสังเกตให้มากกว่านี้ เป็นลูกจ้างที่มีหน้าที่เหมือนคนรับใช้ก็ต้องรู้ว่าเจ้านายของตนนั้นเป็นคนเช่นไรถึงจะร่วมงานกันได้โดยที่ไม่มีเรื่องบาดหมางกันเกิดขึ้น ดังเช่นเมื่อวันก่อน
อา...รางวัลลูกจ้างดีเด่นคงต้องยกให้แก่ออทัมแล้วล่ะ
ถ้าหากไปยุ่งวุ่นวายกับสวนไม่ได้ สิ่งที่ทำได้คงจำกัดพื้นที่แค่ในตัวบ้านเท่านั้นสินะ อืม... สิ่งที่สามารถเขียนและลบออกได้โดยไม่ทิ้งร่องรอยให้โดนตีหรือ?
มีวิธีหนึ่งที่ออทัมคิดออก แต่มันช่างน่าขนลุกเสียจริง ถ้าเวลาที่ออทัมต้องการสื่อสารแล้วต้องใช้แต่วิธีนี้มันก็น่าอดสูเกินไปแล้ว!
ใช้ฝุ่นในการเขียน....
เป็นวิธีที่ง่ายและไม่ต้องมีเครื่องมือใดๆให้มากความ เพียงแค่จิ้มนิ้วมือของตนเอง ลากผ่านขี้ฝุ่นที่เกาะตามพื้น หน้าต่าง หรือแม้กระทั่งผนัง ก็สามารถเขียนให้เป็นคำขึ้นมาได้ เมื่อเขียนเสร็จก็สามารถทำความสะอาดได้ในทันทีโดยการนำผ้าชุบน้ำมาเช็ดบริเวณดังกล่าวออกก็เป็นอันเสร็จสิ้น
เฮ้อ.. เกิดเป็นเจ้าหน้าที่ออทัมทำไมมันอาภัพและยากเย็นเยี่ยงนี้
จะใช้สิ่งอื่นเขียนแทนนิ้วมือตนเองก็คาดว่าจะโดนตีมือเสียก่อน เจ้าพ่อมดขี้งกนั่นหวงของจะเป็นจะตาย แค่เดินเฉียดเข้าไปใกล้ของที่ใช้ทำงานก็โดนไล่ตะเพิดแล้ว อย่าหวังว่าจะได้ใช้พู่กันหรือผ้าสะอาดมาเขียนเลย
หวงของแต่ไม่ห่วงสุขภาพของทาสตนเองเลยสักนิด ใจยักษ์ใจมารเกินไปแล้ว..ชีวิตคนมีค่ากว่าสิ่งของนะเฟ้ย แต่เอ๊ะ..ตอนนี้ตัวของเขาเรียกว่าคนหรือเปล่าวะ?
เมื่อมีช่องทางที่สามารถสื่อสารกับอีกคนได้ก็นำวิธีนี้ไปใช้ในทันที คราแรกที่ทำก็กลัวว่าจะโดนว่าหรือไม่ แต่สุดท้ายก็ผ่านไปได้ด้วยดี สิ่งที่เขาต้องการพ่อมดขี้งกนั่นก็ทำให้ แน่สิ เกี่ยวข้องกับสินค้าของตัวเองนี่ ก็ต้องทำให้อยู่แล้ว
ถ้าเขาไปขอเฉยๆอย่าหวังเลยว่าจะได้ หนี้เพิ่มขึ้นทุกวันจนได้แต่สงสัยว่ามันมาจากไหนเยอะแยะ เพิ่งมารู้ว่าอาหารที่เขากินๆเข้าไปนั่นเป็นหนี้ก้อนใหญ่มหึมา มองไม่เห็นทางที่จะหลุดพ้นจากพ่อมดประหลาดคนนี้ได้เลย..
สิ่งที่ร้องขอก็ไม่มีอะไรที่ยากเกินความสามารถของลูปิน เพราะเขาเพียงแค่ต้องการที่จะปรับเปลี่ยนลักษณะภายนอกเท่านั้น โดยต้องอธิบายกลับไปกลับมากว่าลูปินจะเข้าใจก็กินเวลาไปเกือบสิบนาที ว่าการที่คนตายกลับมามีชีวิตดังคนปกตินั่นมันแปลกเกินไป แล้วยังเป็นการประหารล้างแค้นอีก มันลำบากต่อการทำงานในอนาคตแน่นอน
ลูปินพยักหน้าเข้าใจก่อนจะยกมือขึ้นกางตรงใบหน้าของเขา ปากก็พึมพำขมุบขมิบเบาๆ ตัวอักขระสีดำค่อยไหลออกมาจากปากของลูปิน ไล่มาตามท่อนแขนหนาสีแทนก่อนจะหยุดอยู่ตรงฝ่ามืออีกฝ่ายตรงหน้าเขาแล้วเลือนหายไป
“ห้ามถอด”
ออทัมหลุดจากภวังค์ ตรงหน้าถูกแทนที่ด้วยกำไลเชือกสีแดงคล้ำ มือขาวซีดรับมาสวมตรงข้อมือซ้ายอย่างงงๆ มันจะช่วยอำพรางรูปร่างหน้าตาของเขาได้อย่างไรกัน? ตาสีอำพันมองร่างกายของตนเองที่ไม่ได้ผิดแผกแปลกไปจากเดิมอย่างสับสน ก่อนจะกระจ่างเมื่อได้ส่องกระจกที่อีกฝ่ายนำมายัดใส่ไว้ในมือให้
“อีกฝ่ายจะมองเห็นว่าเจ้าเป็นชายแก่ใกล้ลงโลง”
จ้ะ.. เป็นมนต์ลวงตาสินะ มีแค่ลูปินและเขาที่ยังคงมองเห็นตัวตนจริงๆภายใน แต่เมื่อมองผ่านสิ่งอื่นจะมองเห็นเขาเป็นชายแก่ ล้ำมาก แค่นี้ก็เดินเฉิดฉายภายในเมืองได้อย่างอิสะแล้วว
“อย่าลืมว่าไปทำงาน”
“...”
ไม่คิดจะลองขาดทุนเล่นดูสักหน่อยบ้างเหรอ งกได้งกดีจริงๆ เห็นว่าพูดไม่ได้เข้าหน่อยที่เอาใหญ่เลยนะ ก็ได้แค่คิดในใจเท่านั้นเพราะสิ่งที่ทำคือผงกหัวรับคำด้วยหน้าตาไร้อารมณ์ก่อนจะกลับไปเช็ดฝุ่นตามชั้นวางของต่อ..
วันนี้เป็นวันที่ออทัมต้องออกไปทำงานเป็นครั้งแรก ส่วนนายจ้างหน้าเลือดก็กลับไปจำศีลต่อ เหอะๆ เดินเข้าป่าไม่กลับบ้านมาสองวันแล้วน่ะสิ แต่ก็ยังอุตส่าห์แจ้งเตือนเขาด้วยว่าอย่าลืมนำขวดยาต่างๆเข้าไปจำหน่ายในเมืองด้วย
ถามจริง จบบัญชีมาเหรอ?
ได้แต่บ่นในใจก่อนจะหอบย่ามใบเล็กที่เต็มไปด้วยขวดยาสีสันต่างๆ ผ้าคลุมสีทึบถูกนำมาใช้ก่อนเป็นการชั่วคราว เพื่อเพิ่มความมั่นใจของตนเอง เดิมทีลูปินไม่เปิดเผยหน้าตาอยู่แล้ว ยิ่งง่ายสำหรับเขาเข้าไปใหญ่
เดินเท้าไม่นานก็มาถึงประตูทางเข้าเมือง มีนายทหารคอยตรวจคนเข้าเมืองและจัดเวรยามคอยสอดส่องอยู่ตลอดเวลา เมื่อถึงคิวของเขา เพียงแค่เห็นตราสัญลักษณ์เล็กๆตรงเข็มกลัดของผ้าคลุมก็โดนปล่อยผ่านมาอย่างง่ายดาย
แปลก..หรือจะคิดมากไป?
เมื่อเข้ามาในเมืองได้ สิ่งแรกที่ออทัมตรงดิ่งเข้าหาก็คือร้านอาหารที่เปิดบริการเหล่านักท่องเที่ยวทั้งขาจรและขาประจำ เป็นร้านขนาดกลางไม่ใหญ่มากแต่ก็ดูครึกครื้นตลอดเวลา มีลูกกค้าเข้าไปใช้บริการไม่ขาดสาย
ออทัมเพียงแค่เดินดูรอบๆแต่ไม่ได้เข้าไป เข้าไปให้อยากอาหารทำไมกันล่ะ หิวแต่กินไม่ได้มันทรมานนะ อยู่แค่ข้างนอกนี่ล่ะ
เมื่อสำรวจโดยรอบจนพอใจก็เดินเข้าไปยังร้านยาที่ลูปินสั่งไว้ว่าให้ขายให้แก่ที่นี่ที่เดียว เมื่อเข้าไปก็ไม่มีอะไรยากเย็นเพราะเพียงแค่เห็นผ้าคลุมสีทึบนี้ เจ้าของร้านก็วิ่งไปยังหลังร้านเพื่อนำเงินมาให้เขาถุงใหญ่
กะน้ำหนักคร่าวๆคงเยอะน่าดู ก่อนจะโค้งทำความเคารพและจัดขวดยาตามชั้นวางของในร้านของตนเอง ออทัมเดินออกมาจากร้านเตรียมเดินชมเมือง สอดส่องดูสถานที่ต่างๆเพื่อจดจำเป็นแผนที่ภายในหัว เป็นการใช้เวลาว่างในการสืบหาข้อมูลความเป็นไปหลังสงครามจบ
อืม แผงตรงนั้นเกิดอะไรขึ้น เสียงดังโวยวายดังมาไกลถึงตรงนี้เชียว
ไม่ปล่อยให้ต้องสงสัยนาน เบื้องหน้าก็ปรากฎคนที่วิ่งตามเด็กชายตัวน้อยหน้าตามอมแมมมาติดๆ ในอ้อมแขนเล็กๆนั่นกอดลูกหมูเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ก่อนจะสะดุดข้อเท้าตัวเองล้มลง จนชายหนุ่มวิ่งตามมารวบตัวเอาไว้ได้ทัน
“ส่งมันมาให้ข้า เจ้าเด็กเหลือขอ!!”
“ไม่!! ปล่อยข้านะ อย่ามายุ่งกับกิง!!”
“เจ้าหมูน่าตายนี่มันมากินผักที่แผงของข้า! จะจ่ายค่าเสียหายมาหรือจะให้ข้าจับมันไปต้มยำทำแกง!”
เสียงก่นด่าดังไปทั่วบริเวณ ภาพที่เห็นคือคนที่ขนาดตัวต่างกันราวฟ้ากับเหวต่างยื้อแย่งลูกหมูที่ดิ้นหนีหาทางรอดหนึ่งตัว จนเกิดการทำร้ายร่างกายกันขึ้นเมื่อเด็กไม่ยอมปล่อย ผู้คนที่เห็นก็เอาแต่ซุบซิบนินทาเสมือนว่าเป็นเรื่องปกติและไม่มีใครเข้าไปช่วย
อา บางทีเขาอาจจะมองผ่านไปก็ได้ แต่..ทำไมเจ้าเด็กนั่นถึงหน้าตาคล้ายกับซันซัสขนาดนี้? ทั้งที่ไม่ได้กลิ่นอายหรือรับรู้ถึงเสี้ยววิญญาณที่คุ้นเคยเลยสักนิดเดียว!
-------------
มาช้าแต่มานะคะ .__. //ไหว้งามๆ มาส่งเจ้าหน้าที่น้อยแล้วน้าา
ช่วงนี้พอศิกลับมาถึงบ้านก็สลบตลอดเลยค่ะ ฮือ ไม่อยากให้รอกันนานเลย แต่ระบบการศึกษาปีนี้โหดร้ายจริงๆค่ะ ก็ต้องสู้กันไป ;-; เดี๋ยวมาแก้คำผิดนะคะ -/\-
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

งื้องือค้างงงงงงง
สงสารน้องเลย
ขี้งกมากก ///อั้กโดนลูปินถีบ