ตอนที่ 18 : [2] ราตรีสีหมอกจาง 08 จบ 100%
ราตรีสีหมอกจาง (08)
วันเวลาที่ได้มีร่วมกันนั้นเหมือนเป็นดั่งความฝัน มันมีความสุขมาก สุขจนล้นไม่รู้จะระบายความรู้สึกที่ได้รับมาออกไปทางไหน เพื่อให้หัวใจเต้นช้าลงกว่านี้สักนิด
เป็นความอิ่มเอมที่ไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ ความทรงจำเหล่านี้มีค่าสำหรับผมมาก นับตั้งแต่ที่โดนอินทัชขอใช้ชีวิตร่วมกันนั้นก็ผ่านเลยมาเป็นสิบๆปี เร็วเหมือนกระพริบตา
ตอนนี้อินทัชดูแก่ตัวลงไปมาก แต่ความหล่อเหลากลับเพิ่มขึ้นจนน่าหงุดหงิด ผมที่ยาวเงางามถูกตัดให้สั้นลงเพื่อความทะมัดทะแมง ใบหน้าเรียบตึงเริ่มมีร่องรอยตามกาลเวลา แต่แปลกที่เสน่ห์กลับไม่ได้ลดลงเลย
ออทัมถอนหายใจปลงเมื่อเห็นหน้าคนที่ตนเองนึกถึง ยิ่งมองยิ่งเอือม เมื่อเวลาผันผ่านอะไรๆก็เปลี่ยนไปมันเป็นสัจธรรมของโลก แต่พอเอาเข้าจริงทำไมมันทำใจยากแบบนี้นะ
สิ่งที่ขัดหูขัดตานั้นหนีไม่พ้นเครารกครึ้มเหมือนโจรของคนรัก ไอ้เราก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องไว้หนวดไว้เครา ยิ่งรับรู้เหตุผลยิ่งไม่เข้าใจ
แค่มีลูกสาวฝาแฝดมันต้องขนาดนี้ไหม?
ใช่แล้ว ระยะเวลาที่ผ่านมาดีนได้น้องสาวที่อายุห่างกันเป็นสิบปี แถมยังเป็นแฝดที่หน้าตาน่ารักน่าชังมากๆ พออินทัชรู้ก็เกิดอาการหน้ามืด เคร่งเครียดเหมือนวางแผนจะไปถล่มศัตรูทางธุรกิจ
ที่ไหนได้... เห่อลูกยิ่งกว่าเขาที่ให้กำเนิดเสียอีก..
ก็เริ่มทำใจได้ในระดับหนึ่งว่าอินทัชอย่างมีช่วงเวลากับลูกและอยากเป็นพ่อที่ดีทดแทนในส่วนที่ไม่ได้ทำให้กับดีน แม้ว่ามันจะแทนกันไม่ได้แต่คนเป็นการกระทำที่อาจลบล้างความรู้สึกผิดในช่วงนั้นไปได้บ้าง ออทัมจึงไม่ได้ห้ามปรามอะไร
แค่อยากให้อยู่ในกรอบและขอบเขตที่พอดี ไม่ใช่ไว้เคราไว้ข่มคนเข้าหาลูกตัวเองแบบนี้
ยอมรับว่าการตั้งท้องนั้นลำบากมากยิ่งท้องแรกเป็นแฝดยิ่งหนักไปกันใหญ่ ในระหว่างที่ครรภ์เริ่มใหญ่ผิดปกติจนรับรู้ว่าเชื้อพ่อมันแรงเพราะมีสองชีวิตน้อยๆอยู่ในท้อง เขาก็โดนสั่งห้ามไปไหนมาไหนอย่างเด็ดขาด วันๆเหมือนเป็นราชาที่ต้องการอะไรคนเห่อลูกคนเห่อน้องก็พร้อมที่จะประเคนมาให้เหมือนเสกได้
พ่อลูกกันมันจำเป็นต้องมีนิสัยที่ถ่ายทอดผ่านสายเลือดกันได้แบบนี้มั้ย?
นานวันเข้าก็ยิ่งเบื่อเลยแอบหนีออกจากบ้านครั้งหนึ่งเพราะทนอยู่นิ่งๆไม่ไหว แต่พอกลับเข้าบ้านก็เหมือนพายุลง ถ้าโกรธแล้วโวยวายหรือต่อว่าจะไม่ว่าเลยสักนิด
อินทัชโกรธจนไม่มองหน้าไม่พูดคุยนานนับสัปดาห์จนออทัมเริ่มไม่อยากอาหารแล้วนั่นแหละถึงได้กลับมาคุยกันได้ปกติ โดนสั่งสอนยาวหลายชั่วโมงกว่าจะโดนปล่อยตัวเป็นอิสระเพราะได้เวลามื้อกลางวัน
พอความมึนตึงหายไปความหิวโหยก็เข้ามาแทน อาหารเต็มโต๊ะหมดภายใน 20 นาทีเพราะเขาฟาดเรียบ อินทัชมองด้วยความแปลกใจแต่ก็มีแววยินดีอยู่ในนั้น
บอกเลยว่าเข็ดมากจะไม่ทำอีกแล้ว อินทัชโหมดเงียบน่ากลัวจะตาย
ยิ่งมองย้อนกลับไปในวันวานก็ต้องหัวเราะออกมาอย่างขบขัน ไม่เคยคิดว่าจะได้ใช้ชีวิตจนคุ้มค่าคุ้มราคาที่ต้องจ่ายแบบนี้มาก่อน ยิ่งมองอินทัชที่กำลังดุเด็กแฝดที่พากันปีนต้นไม้ลงมาจากห้องนอนก็ยิ่งขำ หน้าดุๆที่มีเครายิ่งดูน่ากลัวแต่แววตากลับทอประกายอ่อนโยนมันดูขัดกันแปลกๆ
แต่กลั้นยิ้มขำได้ไม่นานก็รับรู้ได้ถึงแรงกอดรัดที่มาจากด้านหลัง ความอบอุ่นและกลิ่นหอมประจำกายแบบนี้ไม่ต้องเดาก็รู้ได้ในทันทีว่าเป็นใคร ออทัมเอี้ยวตัวกอดกลับทันทีด้วยความคิดถึง
“มาได้ยังไงน่ะเรา ไม่ใช่ว่าติดงานอยู่หรือ?”
“รีบเร่งงานให้เสร็จน่ะครับ คงอยากอยู่ฉลองให้ทันวันเกิดเจ้าแฝด”
ไนเจลที่เดินตามหลังมาตอบแทนคนที่เกาะเขาหนึบเป็นลูกลิง เฮ้อ แก้ไม่หายสักทีจะติดอะไรเขานักหนานะ โตจนแต่งงานแล้วแท้ๆ ไม่ไหวเลยเด็กคนนี้ บ่นในใจแต่มือก็ไม่หยุดลูบหลังเด็กโข่งเสียที
อาการชอบโอ๋ดีนของออทัมก็แก้ไม่หายเหมือนกันนี่สิ..
“สวัสดีครับเควิน เหนื่อยแย่เลยเห็นจินบอกว่าทำงานหัวหมุนไม่มีหยุด” ไนเจลที่เดินกลับไปหิ้วของฝากมาทักทายเขาก่อนจะเอ่ยแซวเล่น จินนะจิน..
“เหนื่อยหน่อยแต่ทนไหว ดีกว่าอยู่บ้านเฉยๆน่ะ นี่ก็อีกคน ไปช่วยไนเจลถือของสิ ดูท่าจะหนัก แล้ววันนี้ค้างไหม?”
“อยากค้างงง แต่แม่ไนเจลให้ไปหาน่ะ เห็นว่าคิดถึงไม่ได้เจอนานแล้ว”
“ออกจากงานสิ อยู่กับฉันนายไม่อดอยู่แล้ว เลี้ยงได้”
เอิ่ม...คือเอ็งไม่ได้อยู่กันสองคนไง มันคงจะได้อารมณ์กว่านี้ถ้าผมไม่ได้อยู่กลางวงน่ะนะ....
ดีนงอแงเมื่อถึงเวลาต้องกลับไปค้างที่บ้านใหญ่ ก่อนจะได้กลับมาในคืนพรุ่งนี้แล้วถึงจะได้ค้าง เป็นลูกรักของบ้านนั้นเต็มตัวเลยสิเนี่ย ถึงร่างกายจะผ่านการทดลองมามากมายจนผิดแปลกไปจากเดิม แต่ก็ไม่มีใครรังเกียจสินะ ดีจริงๆ
เมื่อร่ำลากับดีน ออทัมก็รีบกลับเข้าบ้านทันทีเพราะยุงเริ่มชุมจนได้แต่เกาตามแขนด้วยความหงุดหงิด อินทัชเดินออกมาจากห้องทำงานพอดีจึงชักชวนกันลงมาทานข้าวเย็น เป็นอีกวันที่เต็มไปด้วยความสุข
ไม่น่าเชื่อว่าวันพรุ่งนี้สาวๆก็จะอายุครบ 18 ปีกันแล้ว เวลาผ่านไปเร็วจริงๆ ความสะสวยที่เพิ่มขึ้นตามกาลเวลายิ่งทำให้ผู้เป็นพ่อหวงจนหน้าดำคร่ำเครียด เอาแต่คอยสอดส่องดูว่ามีใครมายุ่งกับลูกสาวตนเองบ้าง เฮ้อ.. น่ากลัวจริงๆ
ทำอะไรไม่เคยเจียมสังขาร อย่าให้เห็นมาอ้อนให้กดหลังคลายเมื่อยให้นะ ฮึ่ม..
----------
------
---
“สุขสันต์วันเกิดนะครับน้องดาริน น้องดารัณ ขอให้สมหวังในคณะที่หวังตั้งใจนะครับ พี่ว่าน้องๆทำได้อยู่แล้ว”
“ขอบคุณนะคะพี่ดีน/ขอบคุณค่า”
เอาล่ะ ปล่อยให้เด็กๆเขาฉลองกันไป คนมีอายุแบบเขาจะให้ไปเดินว่อนทั่วงานร่างกายก็ไม่ค่อยอำนวยซักเท่าไหร่ เดี๋ยวนี้ชักเริ่มเจ็บขาถี่ขึ้นทุกที หัวก็ปวดได้ปวดดี ให้ตายสิ เขาเพิ่งอายุแตะเลข 4 ไม่นานมานี้เองนะ หรือเพราะร่างกายอ่อนแอเป็นทุนเดิมด้วยวะ?
อินทัชขอเวลาออกไปคุยธุระเรื่องงานอีกแล้ว นี่ขนาดวันเกิดลูกแสนรักนะ แต่นั่นแหละช่วงนี้คงวุ่นวายหน่อยเพราะกำลังโอนย้ายงานให้ดีนดูแลอย่างเต็มตัว ปลดตัวเองออกจากงานมาพักผ่อนเพราะทำงานมาทั้งชีวิต ให้รางวัลในชีวิตช่วงปลายจะเป็นไรไป
เสียงหัวเราะของดาริน ดารัณและดีนที่ลอยมาตามลมช่างสดใสจนคนฟังอดยิ้มตามไม่ได้ ความแสบไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลยสามพี่น้องพวกนี้ ที่หัวเราะคงไม่พ้นไปแกล้งใครเข้าหรอกนะ
“ดีน!!!” เสียงไนเจลคำรามก้องอย่างโกรธเกรี้ยวทำให้เด็กแสบทั้งหลายวิ่งหนีแทบไม่ทัน ก็พอรู้ว่าโดนแกล้งแต่ไนเจลที่เก็บความรู้สึกเก่งทั้งที่โมโหร้ายหลุดมาดเลยเนี่ยนะ อะไรจะขนาดนั้น..
พอเห็นเจ้าตัวก็พอจะเข้าใจ.. ไนเจลที่หน้าตาดีติดไปทางตี๋ๆหน่อยถูกจับแต่งหน้าสลัดคราบคนหล่อไปจนหมด หลงเหลือเพียงแต่สาวสวยตาเฉี่ยวที่หน้าแดงด้วยความโกรธสุดขีด
ถึงร่างกายจะมีเสื้อผ้าที่เป็นชายดังเดิม แต่วิกผมยาวและใบหน้าที่แต่งแต้มเครื่องสำอางนั้นดูน่ารักไม่หยอก จนหนุ่มๆในงานมองตามตาเป็นมัน ไนเจลพยายามที่จะแงะวิกออกจากหัวตัวเองแต่ก็เอาไม่ออก สงสัยติดกาวด้วยแหงๆ
ไปพลาดท่าได้ยังไงล่ะนั่น แต่ขอไม่คิดให้ปวดหัวดีกว่า แสบๆแบบนั้นเรื่องแผนการขอให้บอกเถอะ ล้านแปดแผนที่จะคิดได้ แต่ก่อนที่จะเบนหน้าหนีออทัมดันเผลอมองเห็นประกายหมายมาดในดวงตาเฉี่ยวเสียก่อนจนขนลุกวาบ
สองสามอาทิตย์มานี้ได้ข่าวว่าทำงานหามรุ่งหามค่ำ ไหนจะเดินทางไปคุยดีลงานกันอีกหลายที่ คงไม่ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันซักเท่าไหร่ ดีนก็คงงอนที่คนรักไม่มีเวลาให้เลยแก้เผ็ดสินะ..
ขอให้พรุ่งนี้ดีนไปทำงานไหวด้วยเถอะ..
อินทัชที่อยู่ในชุดเรียบง่ายถึงกับส่ายหัวให้พี่น้องอย่างระอา คิดถูกหรือคิดผิดกันนะที่ให้ดีนรับช่วงต่อในบริษัท ชอบเที่ยวเล่นไปทั่ว ซนเป็นลิงแบบนี้พนักงานคงต้องเสียน้ำตาวันละหลายลิตร อายุคงเพิ่มเอาๆเป็นแน่
จินช่างเป็นบุคคลที่น่าสงสารอะไรแบบนี้
เมื่อเข้าสู่ช่วงดึก ความครึกครื้นยิ่งเพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัว ทั้งพวกเพื่อนๆของดาริน ดารัณ ไหนจะคนรู้จักของพวกผม อินทัชและดีนอีก ถึงจะจัดงานแบบเรียบง่ายเป็นกันเอง แต่ก็มีคนในงานเกือบหนึ่งร้อยคน
รวมคนงานต่างๆด้วย ที่อินทัชใจดีให้เลิกงานเร็วครึ่งวันอีกทั้งยังชวนอยู่ทานอาหาร ของว่างในยามเย็น เครื่องดื่มในงานมีหลากหลายทั้งน้ำผลไม้ นม น้ำอัดลม ไม่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิดเพราะโดนสั่งห้ามไว้ ถึงเหล่าลูกๆจะมีอายุครบ 18 ปีแล้วก็ตาม
เด็กๆก็ไม่งอแงเพราะชอบที่จะดื่มน้ำผลไม้กันมากกว่า ยิ่งตอนนี้อาหารคลีน อาหารเฮลตี้กำลังเป็นที่นิยมในหมู่สาวๆเพราะทานง่าย ไม่อ้วน เป็นที่ถูกอกถูกใจแฝดมาก จึงไม่มีปัญหา
เว้นแต่พี่ใหญ่ที่โอดครวญตั้งแต่เข้างานมาเพราะไม่ได้แตะมาหลายอาทิตย์แล้ว ได้แต่เดินหงอยไปตั้งขนมทั่วทั้งงานเข้ากระเพาะแทน ไนเจลก็เดินตามติดเป็นเงา มองเผินๆเหมือนดีนพาแฟนสาวเข้าบ้านยังไงไม่รู้สิ
เมื่อเข็มนาฬิกาชี้ที่เลข 9 ก็ได้ฤกษ์เป่าเค้กเสียที สองสาวเจ้าของงานหัวเราะคิกคักอย่างสนุกสนาน เค้กก้อนใหญ่ถูกตัดแบ่งแจกจ่ายให้ทุกคนอย่างทั่วถึง เป็นขนมจากร้านดังที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อต้นปีนี้ สองสาวไปเจอโดยบังเอิญ รสชาติถูกปากจนโดนอ้อนขอไปซื้ออาทิตย์ล่ะครั้ง
เค้กในงานวันนี้โดนตกแต่งสวยงาม เพราะเป็นลูกค้าประจำจึงได้มาในราคามิตรภาพจนออทัมยิ้มแก้มแทบปริเพราะค่าใช้จ่ายไม่เกินงบที่ตั้งไว้จนถูกอินทัชแซวว่าขี้งก
จะให้ทำยังไงล่ะ? ถ้าคุณต้องมาเป็นคนคอยดูแลค่าใช้จ่ายภายในบ้านก็จะเป็นแบบเขานี่แหละ อะไรประหยัดได้ก็ประหยัด เขาต้องคอยปรามอินทัชทุกครั้งเวลาซื้อของที่ไม่จำเป็นเข้าบ้านบ่อยๆ หรือของสวยๆงามๆที่เห็นแล้วนึกถึงลูกก็ซื้อเข้ามาอยู่เรื่อยจนออทัมคิ้วกระตุก
จะไม่ให้บ่นได้ไง ถ้าลูกใช้เงินไม่รู้จักประมาณตนหรือใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายโดยมีพ่อเป็นต้นแบบนี้จะหยิกให้เนื้อเขียวเชียว พูดจนปากเปียกปากแฉะจนอินทัชสลดไป แต่ก็คุ้มเพราะเริ่มรู้จักยับยั้งชั่งใจขึ้นมาก
แค่เรื่องในบ้านก็ปวดหัวจนแทบเป็นบ้า ไหนจะเรื่องงานที่เขาคอยช่วยอินทัชอีก เหมือนกับการเป็นเลขาส่วนตัวแต่ก็ช่วยแค่เล็กๆน้อย เพราะไม่อยากแย่งงานจินทำทั้งหมด เขาเข้ามาช่วยเพราะอินทัชกำลังจะวางมือ เลยมีงานที่ต้องจัดการและตกลงการค้าขายในรุ่นลูกอีก
จินก็หัวหมุนในการจัดเตรียมเอกสาร แฟ้มงานในแต่ละปีสรุปสั้น ง่าย ได้ใจความให้ดีนนำไปศึกษาก่อนเริ่มงานจริงในการตามตนเองไปทำงานในแต่ล่ะที่ ตอนนี้มีเวลาเตรียมความพร้อมให้ดีนไม่ถึงครึ่งปีดี เพราะเมื่อจินติวเข้มเรื่องงานเลขาให้ดีนแล้ว ดีนยังต้องไปทำงานเป็นผู้ช่วยในแต่ละแผนกในบริษัทอีก
เพราะอินทัชเล็งเห็นว่าดีนจำเป็นต้องรู้เรื่องงาน ความแตกต่างและความจำเป็นที่แตกต่างกัน ถึงเราจะเป็นหัวหน้า แต่อย่าสักแต่สั่งงานอย่างเดียว เราต้องเรียนรู้ระบบและเข้าใจการทำงานในแต่ล่ะฝ่าย เมื่อเราสั่งงานจะได้สั่งได้ถูกฝ่าย ถูกคน อีกทั้งยังต้องการให้ดีนทำความรู้จักกับพนักงานไว้แต่เนิ่นๆด้วย จะได้ไม่ต้องเกร็งเมื่อต้องทำงานร่วมกัน
ออทัมเห็นด้วยที่ดีนจะต้องเริ่มจากการทำงานในแต่ละระดับไปจนถึงตำแหน่งใหญ่ เพราะเขาไม่อยากให้ใครมานินทาว่าร้ายดีนว่าไม่มีดี และบริหารงานไม่เป็น ดีนมีความสามารถมากพาที่จะควบคุมผู้คนได้
แต่ความไว้วางใจที่เด็กอายุ 25-26 ปีจะมาเป็นเจ้านายตนเองก็ต้องมีคนค้านอยู่แล้ว ไหนจะไม่เคยผ่านงานด้านนี้มาก่อนจึงแป็นงานหนักของจินที่จะต้องติวเข้มเรื่องงานต่างๆที่ต้องรู้ให้ดีนเข้าใจ
นั่นเป็นเหตุผลที่ออทัมต้องเข้ามาช่วยงานเป็นการชั่วคราว
ถึงดีนจะบ่นว่าเหนื่อยเพราะต้องช่วยงานไนเจล ไหนจะต้องศึกษาข้อมูลที่จินสรุปมาให้และไปเป็นเด็กฝึกงานในแต่ละแผนกในบริษัทของพ่อตนเองอีก เด็กซนๆที่อยู่นิ่งไม่ค่อยได้ถ้าไม่ใช่งานที่ตนเองชอบถึงกับเป็นลมในการทำงานวันที่ 3
เป็นวันที่วุ่นวายมากเพราะลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของผู้บริหารเป็นลม จินถึงกับหน้ามืดจนต้องให้คนหายาดมมาให้ เพราะกลัวโดนเอ็ดว่าเอาแต่อัดงานให้ดีน แต่อินทัชก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะเข้าใจว่าตนเองรีบร้อนไปหน่อย หลังจากนั้นตารางงานของดีนก็ไม่ล้นเท่าตอนแรก
3 ปีต่อมา
ดีนได้ขึ้นเป็นประธานบริษัทอย่างเต็มตัวโดยไม่มีคนมากล่าววาจาว่าร้ายหรือดูถูก ทุกคนยอมรับในความสามารถและความเก่งกาจของเจ้าตัวโดยไม่มีข้อแม้ อีกทั้งดีนยังเป็นที่รักอีกด้วย อินทัชยิ้มอย่างภาคภูมิใจ ออทัมซื้อดอกลิลลี่ไปแสดงความยินดี แต่ก็โดนต้อนรับด้วยน้ำตาซะงั้น ดีนก็ยังคงเป็นดีนที่น่ารักและงอแงในสายตาเขาเสมอ
5 ปีต่อมา
ออทัมไปตรวจร่างกายประจำปี และตรวจพบเนื้องอกในสมอง ตอนที่รับรู้ว่าอาการปวดหัวของเขานั้นมันปวดมากกว่าปกติ และมีอาการอาเจียนร่วมด้วยจนมารู้ว่าสาเหตุคืออะไรนั้นถึงกับน้ำท่วมปาก ร่างกายของเควินนั้นอ่อนแอมากนั่นเป็นเรื่องที่เขารู้ตัวเองดี แต่ไม่คิดว่าโรคร้ายจะเข้ามาทักทายในวัยเพียง 48 ปี อินทัชถึงกับทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ข้างๆตัวเขาอย่างหมดแรง
เขาได้เข้ารับการผ่าตัดหลังจากนั้น 1 เดือน แต่ก็มีโรคแทรกซ้อนเป็นโรคลมชัก หมอจ่ายยาต้านอาการชักหรือยาตัวอื่นที่จำเป็น เพื่อลดอาการบวมของเนื้อเยื่อและควบคุมไม่ให้เกิดอาการชัก
6 ปีต่อมา
อินทัชประสบอุบัติเหตุรถชน เพราะถนนลื่นแต่ยังโชคดีเพราะคาดเข็มขัดนิรภัยจึงทำให้รอดมาได้ แต่ท่อนล่างขยับไม่ได้จนต้องทำกายภาพบำบัดอยู่นานนับปี ถึงจะกลับมาเดินได้ แต่ก็คงไม่เหมือนเดิม จะวิ่งหรือกระโดดเล่นไม่ได้เหมือนยามปกติ ยิ่งพอแก่ตัวลงแล้วร่างกายก็ต้องใช้เวลารักษานานเพราะไม่ใช่เด็กที่จะฟื้นตัวเร็ว
7 ปีต่อมา
สองแฝดได้แต่งงานกับผู้ชายที่เธอรัก แถมดารัณยังท้องได้ 3 เดือนแล้วด้วย ช่างเป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างมากในฐานะของพ่อแม่ ที่ลูกสาวจะมีคนคอยรักคอยดูแล ผู้ชายทั้งคู่เป็นคนนิสัยใช้ได้ จากที่คบหากันอย่างเปิดเผย ทั้งยังโดนเขม่นจากพ่อตาแต่ก็ไม่ย่อท้อ โดนทดสอบมามากมายแต่ก็สามารถจับมือลูกสาวเขาผ่านไปได้ และเป็นความสุขของลูกสาว อินทัชจึงยอมให้คบกัน
ว่าที่สามีของดารินมีเชื้อสายขุนนางเก่าทำให้ออทัมเป็นห่วงกลัวว่าลูกจะโดนกลั่นแกล้งเมื่อเผลอไปทำอะไรให้ทางฝั่งนั้นไม่พอใจ แต่ก็ต้องโล่งใจเพราะว่าฝ่ายนั้นเอ็นดูลูกสาวเขาเหมือนเป็นลูกของตนเอง ทั้งคู่เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องในมหาวิทยาลัยเดียวกัน เพราะชอบไปเข้าค่าย ขึ้นเขาหรือกิจกรรมลุยๆเหมือนกันจึงคุยกันถูกคอ จนพัฒนามาเป็นคนรักกันยันปัจจุบันที่กำลังเลื่อนขั้นมาเป็นสามีภรรยาก็ยังรักกันไม่เปลี่ยนแปลง
หลังจากงานแต่งของสองสาวแสนสวย อินทัชถึงกับนอนน้ำตาซึมอย่างใจหายไปหลายคืนจนเขาต้องคอยปลอบเป็นพัลวัน เฮ้อ ให้มันได้อย่างนี้สิ เห่อลูกตั้งแต่เกิดจนลูกออกเรือน ไม่อายฟ้าอายดินก็อายเขาบ้านเถอะนะ...
อีก 12 ปีต่อจากนั้น
ออทัมได้ย้ายจากบ้านใหญ่ในเมืองหลวงมาอยู่ที่บ้านแถบชานเมืองของเขา ที่เคยพาดีนหนีองค์กรแพทย์เถื่อนมาหลบอยู่ที่นี่ เพราะเริ่มเดินเหินลำบาก ตรงน่องมักจะปวดแปล๊บๆเมื่อต้องเดินมากๆ อินทัชที่แก่ตัวลงทุกวันหลังจากกลับมาเดินได้เพราะการทำกายภาพบำบัดนั้นเดินได้ช้าลง ออทัมจึงชักชวนให้กลับมาอยู่ในบ้านแห่งความทรงจำหลังนี้แทน
บ้านหลังใหญ่ที่ต้องเดินไกลเวลาจะไปแต่ละที่ทำให้เขาแอบปาดเหงื่อบ่อยๆ จนเมื่อทนไม่ไหวถึงได้ปรึกษาเรื่องนี้กับอินทัชซึ่งเขาก็เห็นด้วย เราจึงย้ายออกมาอยู่ที่นี่แทน บ้านหลังเล็กที่ล้อมรอบไปด้วยกลิ่นอายธรรมชาติสดชื่นกว่าในเมือง ทำให้ทั้งเขาและอินทัชมีความสุขในการใช้ชีวิตอันแสนเรียบง่ายด้วยกันที่นี่
เหล่าลูกสาวลูกชายที่มีครอบครัวเป็นของตัวเองทำให้พวกเราหมดห่วงไปอีกเรื่อง เพราะลูกๆที่น่ารักมีคนคอยดูแลแทนพวกเราแล้ว นับวันร่างกายเขากับอินทัชยิ่งทรุดโทรมลง ด้วยอายุที่มากขึ้น ความอ่อนแอจากภายในและผลจากอุบัติเหตุทำให้เวลาในโลกนี้ยิ่งน้อยลงทุกวัน
แต่มันไม่น่ากลัวหรอก เพราะพวกเรามีความสุขมามากแล้ว เมื่อถึงเวลาที่ต้องกลับไปพักผ่อนเราก็อย่าฝืนให้เจ็บปวดเพิ่มขึ้นอีกเลย
“ให้ตายสิ ชอบออกมานั่งรับลมประจำเลย แล้วก็ชอบมาบ่นว่าหนาว”
“....”
“แต่ดาววันนี้สวยมากเลยนะ”
“....”
“เอาคืนกันหรือไงที่ครั้งที่แล้วผมทิ้งให้คุณอยู่คนเดียว...”
“....”
“ผมว่าผมเข้าใจความรู้สึกของคุณแล้วล่ะ...”
ออทัมเหม่อมองออกไปยังเบื้องหน้าที่พระอาทิตย์ลาลับท้องฟ้าไปแล้ว เหลือเพียงแสงสีส้มอมม่วงและดาวที่พร่างพราวอยู่เต็มท้องฟ้าสวย ช่างเป็นภาพที่สวยงามมาก แต่ทำไมมันดูอ้างว้างเหลือเกิน
“ขอบคุณที่ทำให้รู้ว่าความสุขมันคืออะไร ราตรีสวัสดิ์สัตว์ร้ายของผม”
ออทัมจุมพิตหน้าผากซีดก่อนจะทิ้งตัวลงซบหน้ากับต้นขาแกร่ง มือทั้งสองกอดเอวอินทัชไว้แผ่วเบา เปลือกตาสีแทนค่อยๆปิดลง พร้อมกับลมหายใจที่ขาดห้วงตามคนในอ้อมแขน เป็นการหลับอย่างเป็นสุข ทั้งคู่ทิ้งรอยยิ้มเบาบางตรงริมฝีปากไว้ เพื่อบ่งบอกว่าชีวิตนี้ช่างมีความสุขเหลือเกิน
เควิน- 59 ปี
อินทัช- 70 ปี
[ภารกิจโลกที่ 2]
...เสร็จสิ้น เจ้าหน้าที่ออทัมได้รับแต้ม 5,000 คะแนน...
-------------------------------------------
สวัสดีค่า ขอกราบขออภัยที่หายหน้าหายตาไปนานไม่บอกไม่กล่าวนะคะ พอดีศิยุ่งอยู่กับงานแต่งของพี่ชาย ต้องจัดบ้านย้ายของชุดใหญ่เลย พองานผ่านไปก็ลากคอมมาต่อ แต่ปรากฏว่าหน้าจอไม่ติดจ้า เสียเวลาซ่อมอีก -3-
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

วงวารพี่จิน5555555
ละมุนมากก
อบอุ่นดีค่ะ ชอบมากกกกกกกกกก น้ำตาซึมเลย สู้ๆนะ:3