ตอนที่ 16 : [2] ราตรีสีหมอกจาง 06
ราตรีสีหมอกจาง (06)
เหมือนเป็นภาพที่ออทัมคุ้นชินไปเสียแล้ว เมื่อตื่นขึ้นมาก็เจอหน้าสองพ่อลูกกุมมือของตนเองที่นอนอยู่บนเตียงของโรงพยาบาลคนละข้าง ภาพตัดอีกแล้วสิ...ความทรงจำสุดท้ายคือใบหน้าที่ตกใจสุดขีดของใครกันนะ?
โล่งอกที่ดีนไม่เป็นอะไร บาดแผลและรอยเข็มตามแขน ข้อพับและต้นคอพาให้กังวล แต่เขาคิดว่าอินทัชคงจัดการเรียบร้อยแล้วเพราะอีกฝ่ายเป็นลูกรักนี่นะ เผลอๆจับเอ็กซเรย์ซะด้วยซ้ำ
อินทัชรับรู้ได้ถึงการเคลื่อนไหวจากคนบนเตียงจึงได้ลืมตาตื่นแล้วเอี้ยวตัวไปรินน้ำใส่แก้วส่งให้คนเจ็บ การกระทำที่เป็นไปตามธรรมชาติเหมือนเคยทำมาแล้วเป็นพันเป็นหมื่นครั้ง เรียกร้อยยิ้มเล็กๆจากออทัมได้เป็นอย่างดี
ยังชอบดูแลเหมือนเดิมเลยนะ นิสัยแบบนี้แก้ไม่หายเสียที แต่ก็น่ารักในสายตาของเขาที่สุด
“เจ็บมากมั้ย?” เสียงเข้มดุที่เป็นเอกลักษณ์ประกอบกับใบหน้าตึงเรียบแล้วถ้าคนภายนอกมาเห็นคงคิดว่าคนป่วยกำลังโดนคุกคามเป็นแน่ แต่ใครเล่าจะรู้ดีเท่าคนในครอบครัวและคนสนิทว่าอินทัชนั้นเป็นเสือดุที่น่ารักขนาดนี้
“ไม่มากเท่าไหร่ เจ็บตรงท้ายทอยบ้างแต่ดีขึ้นแล้ว ว่าแต่ปลอดภัยใช่มั้ย?” ออทัมตอบและถามในเวลาเดียวกัน ความเป็นห่วงที่ส่งผ่านทางสายตาไปยังคนอายุน้อยสุดในห้องที่กำลังกุมมือตนเองหลับฝันดีอยู่นั้นพาให้อินทัชใจสั่น
“ไม่เป็นอันตราย ช่วยได้ทัน” เย็นไว้.. เควินยังระบมอยู่ รอให้หายเสียก่อนสิ คนแก่หน้าดุในห้องผ่อนลมหายใจให้กลับมาเป็นปกติทั้งที่แค่ได้กลิ่นของคนรัก สิ่งที่อยู่ไต้เข็มขัดกลับคึกคักราวกับว่าไม่อาจรั้งรอต่อไปได้อีกแล้ว
แล้วใครเล่าจะรู้เท่าตัวของตนเองว่าที่อินทัชนั้นดูแลเอาใจใส่ให้เควินให้หายไวๆนั้นต้องการจะทำการใหญ่คือลากคนป่วยมาปู้ยี่ปู้ยำ ต้องการที่จะฟัดอีกคนให้จมเขี้ยวแล้วต่อด้วยทำรอยรักเท่าที่อยากทำตามบัญชีแค้นที่หนีไปเที่ยวแค่สองคน
และสิ่งสุดท้ายที่อยากทำคือฝังคมเขี้ยวแสดงความเป็นเจ้าของทับรอยแผลที่โดนตีตรงท้ายทอยจนเลือดอาบ ร่างกายที่โดนแตะต้องทำร้ายนั้น อินทัชต้องการที่จะลบล้างมันไปทั้งหมดไม่ให้หลงเหลือไว้บาดใจตนเอง
ความคิดเหล่านี้ช่างสวนทางกับการกระทำภายนอกอย่างที่สุด...
มือหยาบจากการทำงานหนักของอินทัชถือผ้าผืนเล็กพร้อมกับเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อรองน้ำอุ่นมาเช็ดร่างกายให้คนเจ็บที่ขยับร่างกายไม่ได้ดั่งใจที่กึ่งนั่งกึ่งนอนทำหน้าบูดบึ้งอยู่บนเตียงสีขาวอย่างขัดใจ
พยาบาลสาวที่โดนเรียกมาเพราะผู้ป่วยที่ตนเองรับผิดชอบฟื้นขึ้นมาแล้วได้ทำหน้าที่แค่ตรวจร่างกายและจดบันทึกเล็กน้อย เพราะนอกจากนั้นอินทัชรับอาสา(แย่ง)ทำเองทั้งหมด ทั้งการเช็ดตัว การปรับเตียงให้ผู้ป่วยสามารถนั่งได้
ถึงแม้จะดูเงอะงะไปบ้างตามประสาคนไม่เคยต้องมาดูแลใครแต่คนหน้าดุก็ตั้งใจทำออกมาจนพยาบาลสาวเอ็นดู เธอเหมือนเป็นอากาศธาตุแต่ก็อมยิ้มให้กับความน่ารักของคนรักคู่นี้ ก่อนจะค่อยๆเดินออกไปจากห้องทิ้งให้อินทัชได้ดูแลอย่างเต็มที่
ดีนสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาเพราะโดนลูบหัวเล่น มือขาวขยี้ตาเบาๆแล้วจ้องเขม็งไปข้างหน้า เมื่อเห็นว่าคนที่เฝ้ารอฟื้นแล้วและกับลังลูบหัวตนเองด้วยความอ่อนโยนน้ำตาก็ไหลทันทีอย่างห้ามไม่อยู่จนออทัมทำตัวไม่ถูก ได้แต่ทำหน้าเหรอหรามองไปทางอินทัชอย่างขอความช่วยเหลือจนอีกฝ่ายได้แต่ส่ายหน้าอ่อนใจมาให้
“ร้องให้ทำไม ไม่อายเควินเหรอหืม?” อินทัชได้แต่นำผ้าชุบน้ำมาเช็ดใบหน้าที่เปื้อนคราบน้ำตาของลูกชายเบาๆ น่าเอ็นดูจริง เขาเกือบจะไม่ได้เห็นภาพแบบนี้แล้วถ้าไม่มีรายงานเรื่องนี้จากบอดี้การ์ดที่จ้างไปคอยดูแลดีนแบบห่างๆ
หลังจากที่รู้ว่าดีนและเควินถูกจับตัวไป ภายในอกมันก็ร้อนรุ่มเหมือนถูกไฟเผา อินทัชปัดงานทั้งหมดทิ้งไปก่อนแต่ก็สะดุดกับแฟ้มรายงานข้อมูลของวีนัสที่ได้ไปสืบมาไว้ สถานที่ที่วีนัสไปครั้งล่าสุดได้ถูกค้นหาเป็นที่แรก
หลังจากส่งคนออกไปค้นหาต้องห้องต่างๆก็เจอตัวของดีนที่กำลังโดนเข็มแทงเข้าไปในข้อพับพอดี ไม่ต้องรอให้สั่งการ หมายเลข 1 ได้ทำการเข้าไปจัดการแล้วเรียบร้อย เมื่ออินทัชเห็นใบหน้าอันซีดขาวของลูกชายอย่างชัดเจนก็ได้แต่ขบฟันแน่นย่างแค้นเคือง ตัวของดีนโดนส่งเข้ารับการรักษาอย่างเร่งด่วน
แต่เควินเล่า? เควินอยู่ไหน!?
ความเป็นห่วงกัดกินจิตใจจนอยากจะแยกร่างออกตามหาคู่แห่งโชคชะตา แต่มันเป็นไปไม่ได้ อินทัชทำได้เพียงแค่ออกคำสั่งให้ตามหาเควินอย่างเร่งด่วน ขออย่าให้เป็นอะไรไปเลยนะ..
ความหวังแสนริบหรี่แต่สุดท้ายก็หาเจอ จินที่ตามมาด้วยช่วยหมายเลข 1 แบกร่างสูงเพรียวของเควินเข้ามาหาเขา หัวใจของอินทัชเกือบหยุดเต้นเมื่อเห็นคราบเลือดมากมายทั้งแห้งไปแล้วและยังคงไหลอยู่บนร่างของเควินนั้นทำให้เขาเลือดขึ้นหน้า
จินหน้าซีดไร้สีเลือดเหมือนจะเป็นลมแต่อินทัชก็ไม่ได้ให้ความสนใจ สิ่งที่สะกดสายตาของเขาคือร่างที่หายใจแผ่วเบาของเควินกับเลือดที่เปรอะเปื้อนมายังเสื้อสูทของเขาเป็นวงกว้าง อินทัชทิ้งทุกอย่างให้หมายเลข 1 จัดการแล้วรีบพาเควินขึ้นรถมุ่งหน้ามาที่โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดเพื่อพยุงอาการก่อนที่จะส่งตัวเข้าสู่โรงพยาบาลที่อินทัชไว้ใจ
โกดังร้างที่เก็บสินค้ามากมายนั่นไม่เคยรู้ว่ามีห้องลับใต้ดินมาก่อน หมายเลข 1 ที่โดนมอบหมายงานก็ไม่ทำให้อินทัชผิดหวัง ในทุกเรื่องทุกอย่างที่อยู่ในนั้นโดนทำลายวอดวายราบคาบไม่มีเหลือ ทั้งสินค้าผิดกฎหมายที่โดนนำมาซุกซ่อนไว้และหลักฐานการส่งออกยาเสพติดโดนหมายเลข 1 รวบไว้ทั้งหมด ส่วนวีนัสนั้นไม่ได้รับแม้แต่เศษเสี้ยวความเห็นใจจากอินทัชอีกต่อไป
เมื่อคิดที่จะมาแตะต้องคนในครอบครัวของเขาก็อย่างหวังว่าจะได้มีลมหายใจต่อไปอีกเลย
. . . .
. . .
. .
หลังจากเหตุการณ์การดูแล(ที่มากจนเกินไป)ของอินทัชสิ้นสุดลง ออทัมก็กลับมาหายใจได้ทั่วท้องดังเดิม มันก็ดีที่มีคนมาคอยอำนวยความสะดวกให้แต่ก็อดขนลุกไม่ได้เมื่อสายตาที่มองมามันร้อนแรงจนเหมือนร่างกายมันร้อนๆหนาวๆอยู่ตลอดเวลา
เรื่องโกดังร้างที่ออทัมและดีนถูกจับตัวไปไม่ได้หลุดออกมาจากปากของอินทัชเลยแม้แต่น้อยเหมือนไม่อยากจะไปพูดถึงเท่าไหร่ ดีนไม่รู้เลยว่าหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง ส่วนเขาน่ะเหรอ? ก็มีระบบคอยบอกนั่นแหละถึงได้รู้ มีพวกมันก็ดีแบบนี้แหละ
ตอนนี้ร่างกายของออทัมเริ่มดีขึ้นจนเกือบจะเป็นปกติ พยาบาลสาวชมเปราะว่าเพราะมีคนคอยดูแลเป็นอย่างดีแน่ๆถึงได้ฟื้นตัวเร็ว อินทัชแค่ยกมุมปากน้อยๆอย่างไว้ตัว ถึงอย่างนั้นก็ปิดความหลงตัวเองไว้ไม่มิด จ้าๆพ่อบ้านดีเด่น..
ดีนยังคงเข้ารับการรักษาและสืบเรื่องราวระหว่างที่หายตัวไปกับระยะ 4 ปีที่ไร้ความทรงจำบางส่วน แล้วแพทย์เฉพาะทางก็เจอสารตกค้างเล็กน้อยตกตะกอนอยู่ในกระแสเลือด เมื่อเจาะเลือดไปตรวจเพื่อหาข้อมูลที่แน่ชัดก่อนส่งให้อินทัช ก็ได้พบว่า ระยะเวลา 4 ปีที่ดีนหายตัวไปนั้นโดนกระทำมาหนักไม่น้อยเลยทีเดียว
แผลเป็นทั้งในและนอกร่มผ้าของดีนมีที่มาที่น่าหดหู่ เหมือนกับว่าวีนัสทดลองยาหลายชนิดในการทดสอบกับร่างกายของลูกตัวเองเพื่อนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่ตนเองต้องการ เพิกเฉยต่อเสียงอ้อนวอนของดีนที่แสนเจ็บปวด
เด็กตัวเล็กๆที่ยังไม่พ้นวัยประถมดีต้องมาเจอมารดาผู้ให้กำเนิดทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจ ชีวิตที่เหลือต้องพบเจอกับความเจ็บปวดไม่สิ้นสุด ช่วงเวลานั้นไม่ต่างจากหนูทดลองของพวกมนุษย์ จิตใจที่โดนกระทำนั้นมาถึงจุดสิ้นสุด
ร่างกายของเด็กชายเกิดภาวะช็อกจนหัวใจหยุดเต้น..
แต่ก็โดนยื้อให้กลับมาได้สำเร็จ แลกกับความทรงจำที่หายไปดั่งโดนปิดตาย ฝันร้ายที่เหมือนตายทั้งเป็นถูกเก็บซ่อนไว้ในส่วนลึกของความทรงจำ ดีนจำอะไรไม่ได้แต่ก็ต้องหนี การรักษาความปลอดภัยที่รัดกุมมักมีช่องโหว่จากความเชื่อมั่น
ไม่มีใครคาดคิดว่าเด็กตัวเล็กๆที่ร่างกายไม่เต็มร้อยจะสามารถหนีรอดมาจากสถานที่นั้นได้ แต่ด้วยความฉลาดและรู้จักวางแผนก็ไม่ใช่เรื่องยากของโอเมก้าสมองอัจฉริยะ เมื่อวีนัสวางใจในหน่วยต่างๆเพราะคิดว่าทุกอย่างรัดกุมจนไม่ได้ใส่ใจดูแลเท่าที่ควร
มันเป็นจุดบอดให้ดีนหนีรอดมาได้เพราะความประมาทคิดว่าทุกอย่างเรียบร้อย มั่นใจจนทระนงตัวเอง ผลร้ายจึงได้เกิดขึ้น แต่วีนัสก็ยังไม่หลาบจำแต่ก็เป็นเรื่องดีแก่ออทัมเพราะความประมาทประเมินค่าตัวเองไว้สูงเมื่อตกลงมามักจะเจ็บหนัก หรืออาจตายได้ วีนัสเป็นบทเรียนของออทัมในเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี
อินทัชเมื่อได้รับรู้ก็โกรธแค้นแต่ตัวต้นเหตุไม่อยู่ให้ตนเองระบายความแค้นลงไปได้จึงทำได้เพียงสกัดกั้นอารมณ์ให้เย็นลง เมื่อได้รับผลตรวจมาแล้วอินทัชได้ออกคำสั่งให้หยุดทุกอย่างไว้เพียงเท่านี้จนแพทย์ต่างงงงันกับคำพูดที่แปลกประหลาดนั้น แต่ก็ไม่ขัดอะไร
เหตุผลที่อินทัชทำแบบนั้นก็เพื่อตัวดีนเอง ออทัมเข้าใจว่าอินทัชต้องการให้ความทรงจำดีนหายไปแบบนี้ นั่นดีต่อดีนที่สุดเพราะไม่อยากให้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนต้องระลึกถึงคืนวันที่ทรมานเหล่านั้น
ช่วงเวลาที่ของล้ำค่าหายไป เมื่อเราได้กลับคืนมาเราจะยิ่งรักษาเป็นเท่าตัว
ความทรงจำในช่วงชีวิตที่เหลือ อินทัชจะสร้างมันขึ้นมาใหม่โดยมีเควินรวมอยู่ในนั้นด้วย ลูกของเขาจะต้องไม่แตกต่างจากคนทั่วไป ครอบครัวของพวกเราจะอบอุ่นจนคนอื่นๆต้องอิจฉา ความรักที่เป็นทั้งผู้ให้และผู้รับจะทำให้ดีนโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่ดี แค่นี้อินทัชก็พอใจแล้ว
เรื่องอาการฮีทที่ดีนไม่เคยเกิดขึ้นมาเลยนั้นได้รับผลออกมาแล้ว มันเกิดขึ้นมาจากตัวยาที่โดนฉีดทดลองกับร่างกายดีนซ้ำๆจนไปกดต่อมฮอร์โมนเข้าทำให้ไม่เกิดอาการเหล่านี้ที่ควรจะเป็นในโอเมก้าขึ้น อินทัชทั้งโล่งอกและดีใจในเวลาเดียวกัน
แรกๆออทัมก็สงสัยแต่พอได้รับคำตอบมากลับมองอินทัชด้วยหางตาไม่ใคร่จะสนใจ
เพราะอินทัชดีใจที่ลูกชายตนเองเหมือนเบต้ายังไงล่ะ!! ไม่เกิดอาการฮีทหากไม่เจอคู่แห่งโชคชะตาของตนเอง ก็จะไม่เกิดเหตุการณ์ที่อินทัชระแวงขึ้น ลูกเขาปลอดภัยเหมือนเบต้าทุกประการ แต่การที่สามารถให้กำเนิดบุตรได้ยังคงเดิม
เท่านี้ผู้เป็นพ่อก็ยิ้มไม่หุบแล้ว ลูกเขาจะไม่โดนคนอื่นเอาเปรียบรังแก!! ในเรื่องร้ายๆมักจะมีเรื่องดีๆอยู่ด้วยสินะ
ออทัมได้ออกจากโรงพยาบาลเมื่อร่างกายรักษาจนกลับมาแข็งแรงอีกครั้ง เกิดเรื่องมากมายจนสมองตั้งรับไม่ทัน เป็นระยะเวลาหลายเดือนที่ได้เข้ามาอยู่ในโลกใบนี้แต่ทุกอย่างดูรวดเร็วจนเทียบกับโลกแรกไม่ติด
ใกล้ถึงเวลาที่ต้องจากกันแล้วหรือ? ยังไม่อยากไปเลย...
ออทัมยืนเหม่อมองตรงไปข้างหน้า อินทัชที่จ่ายค่ารักษาพยาบาลและค่ายาเดินจูงมือดีนเข้ามาหา เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเหม่อมองไปยังที่ใดที่หนึ่งจึงได้มองตามสายตานั้นไป เมื่อพบว่าจุดสิ้นสุดนั้นเป็นอะไรถึงกับควันออกหู
“นี่!! มองหมอนั่นทำไม! ปล่อยให้คลาดสายตาไม่ได้เลยนะ ได้แล้วจะทิ้งกันเหรอ!?”
“ห๊ะ...?”
อะไรของเขา มองต้นไม้ของโรงพยาบาลก็ผิดเรอะ? อินทัชเป็นบ้าไปแล้วรึไง จะตะโกนทำไมอยู่ใกล้แค่นี้เอง เขาไม่ได้หน้าหนาแบบตัวเองซะหน่อย แล้วดูนั่นดีนเขินจนจะเข้าไปสิงหลังอินทัชอยู่แล้วนะ!!
อินทัชที่เห็นอีกฝ่ายทำหน้าตาเหรอหราเหมือนไม่ได้ทำอะไรผิด ก็เหมือนมีพายุโหมไฟหึงในตัวจนลุกโชน บรรยากาศรอบข้างเหมือนโดนแช่แข็ง ฮึ่ม! คราแรกก็ว่าจะรอให้กลับไปพักฟื้นจนหายดีอยู่หรอก แต่เมื่อส่งสายตาให้คนอื่นได้ก็อย่าหวังว่าจะได้ลุกออกจากเตียงถ้ายังไม่ครบอาทิตย์เลย!!
ออทัมพ่นลมหายใจออกมาอย่างหมดอารม์ ความเศร้าเหงาหงอยที่ตัวเขาได้เผลอนึกถึงกลับโดนอินทัชทำลายจนราบเป็นหน้ากลอง ตอนนี้หลงเหลือแต่เพียงความระอาที่โดนเข้าใจผิดไปไกล
ก็เข้าใจว่าหวง ว่าห่วง แต่นี่มันจะเกินไปมั้ย ตามัวแต่ไปมองอะไรอยู่?
“เบาเสียงลงหน่อย อายคนอื่นเขาบ้างเถอะ..”
“อาย? จะอายอะไร? ก็ให้รู้ไปสิว่าเมียผมกำลังริเริ่มหัดจะมีชู้! ”
อา..ให้ตายสิ ออทัมแทบจะยกเท้ามาก่ายหน้าผากถ้าทำได้ ไอ้เรื่องชอบคิดไปเองนี่ขอเถอะ.. พูดแบบนั้นมันเหมือนเขาเป็นคนผิดเลยนะ คนรอบข้างต่างกระซิบกระซาบจนเส้นเลือดบนขมับปูดขึ้นมาอย่างคนอารมณ์เสีย
“ถ้าชายชู้ที่คุณพูดถึงอยู่ในกระถางหน้าโรงพยาบาลก็ดีใจด้วย คนนั้นน่าใช้ชีวิตด้วยกันมากกว่าคุณเสียอีก!!” ออทัมพูดตอกหน้ากลับไปอย่างไม่ยอมแพ้ ก่อนจะเดินลิ่วๆออกจากโรงพยาบาลไป ทิ้งให้อินทัชนิ่งงันไปกับสิ่งที่ได้ยิน
เมื่อลองเพ่งมองดีๆตรงจุดเดิมทำให้เห็นว่าถัดจากชายหนุ่มที่กำลังนั่งดื่มกาแฟในมือไปนั้นเป็นแปลงไม้ดอกขนาดใหญ่สีสัดสดใสที่มักจะมีคนเดินเล่นอยู่ เหมือนเป็นสวนสาธารณะขนาดย่อม...
ให้ตายสิ หึงกระทั่งต้นไม้ เอาจริงดิอินทัช? รู้ถึงไหนอายถึงนั่น..
“เหยียบเรื่องนี้ให้มิดเลยนะดีน..” อินทัชลูบหน้าลูบตาปิดบังใบหูที่ขึ้นสีแดงระเรื่อน่าดูชม ดีนไม่รู้จะขำหรือร้องไห้ดีกับเรื่องที่เกิดขึ้น ตอนแรกที่เห็นเควินยืนมองไปทางนั้นเขาก็คิดว่าต้องเป็นผู้ชายในร้านกาแฟแน่นอน แต่เควินไม่เคยสนใจใคร
เมื่อลองนึกดูแล้วเควินเป็นคนชอบต้นไม้มาก เหมือนกับที่(หลอก)เขาว่าการทำสวนนั้นได้ประโยชน์มากมาย ซึ่งดีนก็หลงเชื่อ แต่เมื่อรู้ความจริงก็เขินมากที่หลงเชื่อไปกับการหยอกเล่นของเควิน สุดท้ายก็กลายเป็นว่าเควินและพ่อมาช่วยรดน้ำพรวนดินด้วยกันแทน
เป็นกิจกรรมของครอบครัวที่ดีนถูกใจไม่น้อย เพราะได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน
ส่วนเรื่องระหว่างทั้งคู่นั้นดีนล่วงรู้ได้โดยบังเอิญ กับเควินไม่เท่าไหร่ แต่การที่พ่อคอยตามหึงตามหวงและเอาอกเอาใจ การดูแลเอาใจใส่ในเรื่องเล็กๆน้อยและการแสดงออกถึงความรักที่ท่วมล้นออกมาจากสายตาทำให้จับสังเกตได้ไม่ยาก
เป็นความสัมพันธ์ที่น่ารักมากในสายตาของดีนเพราะนานมากแล้วที่เขาไม่ได้หัวเราะอย่างมีความสุขแบบนี้ อีกทั้งพ่อมักจะหาเวลาในการอยู่ร่วมกันเสมอ การมีเควินเข้ามาในชีวิตและครอบครัวนั้นเป็นเหมือนความฝันที่แสนดี
จนดีนไม่เคยนึกถึงวันที่ไม่มีเควินข้างกายเลยสักครั้ง
ถึงแม้จะเป็นเวลาสั้นๆแต่ความผูกพันไม่ใช่เรื่องโกหก มันไม่ต้องมีเหตุผลประกอบว่ามันเกิดจากอะไรและเพราะเหตุใดที่ทำให้ได้รักคนคนนี้ ดีนรู้แค่ว่าอยากมีอีกคนเป็นหนึ่งในสมาชิกของครอบครัว
และคาดว่าอีกไม่นานอินทัชต้องทำให้คำขอนี้ของดีนสมหวังได้แน่นอน..ข้อนี้ดีนมั่นใจมากว่าอีกไม่นานหรอก เควินโดนกินเรียบแน่!!
หลังจากวันนั้นเมื่อกลับมาถึงบ้าน ออทัมก็ไม่ได้ออกจากห้องนอนจนครบอาทิตย์ตามที่อินทัชได้ลั่นวาจา(ในใจ)ไว้...
. . . .
. . .
. .
เวลาแสนสุขที่ได้ใช้ชีวิตอยู่ในโลกใบนี้ทำให้ออทัมโลภมากขึ้นเรื่อยๆ ความต้องการมักไม่มีที่สิ้นสุด ออทัมเข้าใจแต่ในขณะเดียวกันก็ห้ามใจของตนเองเอาไว้ไม่ได้ ทุกอย่างมันเหนือการควบคุมไปหมดจนได้แต่ล่องลอยไปกับมัน
“เข้าหอกันนะ” อินทัชจับมือของเควินขึ้นจรดริมฝีปากแผ่วเบา แหวนสีเงินเกลี้ยงเกลาถูกสวมเข้าที่นิ้วนางข้างซ้ายอย่างถนุถนอม
“ไม่ใช่ขอแต่งงานเหรอ?” ออทัมเลิกคิ้วด้วยความงุนงง เมินมือที่ชักจะลูบสูงขึ้นเรื่อยๆอย่างสับสน มันจะดูข้ามขั้นไปไกลขึ้นทุกทีแล้วนะ
“ที่พูดว่า‘เข้าหอกันนะ’เพราะยังไงคุณก็ปฏิเสธผมไม่ได้อยู่ดี ขอเข้าหอน่ะถูกแล้ว” อินทัชยิ้มน้อยๆ สายตาเป็นประกายระยิบระยับดูเจ้าเล่ห์พิกล บ่งบอกเจตนารมณ์เกินไปแล้วนะ เก็บๆมันหน่อยเถอะ ขอร้อง..
“เงียบแบบนี้แปลว่าตกลงนะ? งั้นไปหยิบกระเป๋าในห้องกันเถอะ” คนแก่หน้าดุคว้าข้อมือของออทัมเดินขึ้นไปชั้นสองเพื่อแบกประเป๋าเก็บของลงมา ฟังไม่ผิดหรอก‘แบกกระเป๋า’! เพราะอินทัชได้จัดเตรียมไว้แล้วน่ะสิ!!
นี่กะจะไม่ฟังอะไรกันเลยใช่มั้ยห๊ะ!!
“จะรีบไปไหน? แล้วดีนล่ะ!?” ออทัมถามออกมาอย่างตระหนก จะปล่อยให้ดีนอยู่คนเดียวรึไง? ถึงดีนจะเข้ารับการศึกษาระดับมัธยมปลายตามอายุแล้วเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว แต่ก็ยังเด็กในสายตาของเขานะ จะปล่อยให้อยู่คนเดียวไม่ได้
“ไนเจลมาขอยืมตัวดีนไปอยู่เป็นเพื่อนที่บ้านน่ะสิ เห็นว่าอยู่คนเดียวแล้วเหงาน่ะ ตลอดทั้งปิดเทอมนี้เลย”
“....”
“อีกอย่างเมื่อเราแลกแหวนกันแล้วก็ต้องไปฮันนีมูนสิ ฮันนีมูน! นี่จองตั๋วไปเกาะทางใต้แล้วนะ อีกชั่วโมงกว่าเครื่องก็จะได้เวลาออก สัมภาระเก็บเรียบร้อย ลางานกับจินแล้วสบายมาก ไม่เหลืออะไรให้ต้องเป็นห่วงเลย”
อินทัชยิ้มยิงฟันจนเห็นเขี้ยวแหลมๆดูน่ารัก ถ้าไม่ได้รับรู้ทุกอย่างที่แอบไปทำลับหลังเขามาล่ะก็นะ นี่กะจะมัดมือชกแล้วลากเขาไปด้วยเลยนี่ ทุกอย่างพร้อมหมดถึงเขาจะปฏิเสธก็จะไม่รอดอยู่แล้ว บ้าเอ๊ย!!
จะน่ารักไปไหน แค่นี้ก็หลงจนไม่รู้จะหลงยังไงแล้ว..
ออทัมถึงกับปิดหน้าปิดตาเพราะรู้สึกร้อนผะผ่าวจนทนมองตาอีกฝ่ายไม่ไหว แล้วแบบนี้จะให้เขาจากไปทั้งที่มีความสุขล้นได้อย่างไรกัน จะทรมานเขาไปถึงไหน สัตว์ร้ายนี่มันร้ายจริงๆ หลังจากนั้นก็โดนอินทัชลากขึ้นรถบึ่งไปสนามบินอย่างรวดเร็ว
เจ้าหน้าที่ขออยู่ในโลกใบนี้เพื่อสำลักความสุขต่ออีกหน่อยนะ ไม่ไหวแล้ว!
[บันทึกของระบบ]
จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้คุยกับเจ้าหน้าที่ถึงเรื่องระบบเบื้องบนเลย ทำยังไงดีๆ 2 เดือนก่อนก็บาดเจ็บต้องพักฟื้นร่างกาย ตอนนี้ก็กำลังจะไปขึ้นเขีย.. ไปฮันนีมูนกับสัตว์ร้ายอีก ภารกิจสำเร็จมันก็ดีแต่ยังไม่ได้ลงทะเบียนว่าจะกลับไปหรืออยู่ต่อเลย ต้องรีบแล้วสิ ครั้งนี้จะโผล่ไปขัดดีมั้ยนะ.. มีทั้งข่าวร้ายและข่าวดีที่ต้องรีบบอก ระบบปวดหัว ฮืออ
----------------
คุยกันก่อนนน><
ศิก็อยากลงให้เต็มๆตอนนะคะแต่ว่ามันจะนานเลยไม่อยากให้รอกัน มาครั้งละ 30 50 70 ก็อยากอัพให้ได้อ่านกันเนอะ ศิแต่งสดทุกตอนนะคะ เวลาจะขึ้นตอนใหม่ๆศิก็ย้อนกลับไปอ่านตอนเก่าเพื่อเก็บรายละเอียดต่างๆก่อนจะเขียนตอนใหม่ขึ้นมาให้สอดคล้องกันที่สุด ปกติศิจะชอบเขียนนิยายเล่นๆคร่าวๆไม่เคยแต่งได้จบสักเรื่อง สุดท้ายศิก็เลยลองนำเรื่องที่ด้นสดร้อนๆมาลงในเด็กดีเพื่อที่จะได้มีแรงใจแรงผลัดดันเข็นตัวเองมาต่อให้จบให้ได้เพราะว่ามีคนรอ ศิเลยยังคงเขียนต่อไป อยากลองทำบางอย่างให้สำเร็จบ้างเลยเกิดเป็นนิยายเรื่องนี้ขึ้นมา แรกเริ่มที่เขียนเรื่องระบบทั้งๆที่วายเป็นนิยายเฉพาะกลุ่มแถมระบบก็แยกย่อยออกมาอีก ศิก็เขียนถึงแม้จะมีคนอ่านไม่มากแต่ก็ยังมีคนอ่านเนอะ เพราะระบบต่างๆเป็นเสมือนเรื่องสั้นๆไม่กี่ตอนจบเพียงแค่มีตัวเอกเป็นคนเดิม ศิเลยเลือกที่จะเขียนเรื่องนี้ขึ้นมาเพราะกลัวว่าถ้าแต่งเรื่องยาวแนวอื่นจะเบื่อก่อนที่จะแต่งได้จบ ระบบเลยเกิดขึ้นมาสนองความต้องการของศิเองที่อยากแต่งหลายๆเรื่องหลากหลายแนวในเรื่องหลักที่ไม่ทำให้เบื่อจนเกิดตันแต่งไม่ได้ขึ้นมาค่ะ ในอนาคตก็อยากลองแต่งเรื่องแนวอื่นดูบ้างแต่คงต้องรอให้เจ้าหน้าที่น้อยจบก่อน แฮปปี้แน่นอนจ้าศิเป็นพวกสุขนิยม ขอบคุณทุกคำติชมจากทุกคนเลยน้า รักนักอ่านทุกคนมากๆเพราะเป็นแรงผลักดันให้ศิได้เข้าใกล้จุดหมายไปเรื่อยๆนั่นคือการชนะความขี้เกียจและความท้อของตัวเองค่ะ ขอบคุณจริงๆน้า //เรื่องมันซึ้งขอซับน้ำตาเล็กน้อย555
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

น่ารักมาก ไม่ไหวแล้ววววว ดีกับใจมากกกกกก
แอบลุ้นว่าโลกนี้จะมีลูกมั้ยน้า
//ไนเจลแลดูมีเลศนัย คิดอะไรกับน้องเป่า
แต่พ่อหวงลูกยอมปล่อยได้ไงนี่ หรือไม่ได้เป็นอัลฟ่าเลยปล่อย
จะเป็นคนที่เป็นสะพานให้ไปเจอคู่แห่งโชคชะตาหรือเปล่าน้า
หึงกระทั่งต้นไม้....
ปล.มาต่อเร็วๆนะคะรออ่านอยู่คะ^_^
แหมมมมมมมมมมมมม