ตอนที่ 13 : [2] ราตรีสีหมอกจาง 04
ราตรีสีหมอกจาง (04)
เควินยังคงต้องนอนให้น้ำเกลืออยู่หนึ่งสัปดาห์เต็มๆ เนื่องจากร่างกายยังคงอ่อนแรงและมีไข้อ่อนๆ ดีนต้องคอยมาเช็ดตัวให้อยู่เป็นระยะเพราะหมอไม่แนะนำให้อาบน้ำสระผม แต่ดีนสงสัยเป็นอย่างมากตอนที่ได้ยินชื่อหนึ่งที่เควินเผลอละเมอออกมาจากปากเมื่อไม่ได้สติ
‘ซันซัส’ ชื่อนี้ออกมาจากปากบ่อยมาก แต่เมื่อเควินลืมตาฟื้นคืนสติมากลับไม่บอกอะไรกับเขาเลย เหมือนไม่อยากให้ล้ำเส้นที่ได้วางเอาไว้ แต่ไม่เป็นไรหรอก เข้าใจว่าเป็นเรื่องส่วนตัวคนเราต้องมีพื้นที่ที่ไม่อยากให้ใครต่อใครก้าวเข้าไปอยู่แล้ว
“ไข้ลดลงมากแล้วครับ วันนี้พี่หมอน่าจะมาถอดสายน้ำเกลือให้ได้” ดีนนั่งต่อชิ้นส่วนของตัวต่อเล่นเป็นเพื่อนคนขี้เบื่อ เควินบอกว่าอยากออกไปทำอย่างอื่นนอกจากนอนนิ่งอยู่บนเตียงนอน จนจะเป็นโรคติดเตียงอยู่แล้ว ทั้งขำทั้งน่าสงสาร
ออทัมไม่รู้ว่าโดนเล่นตลกอะไรกับตัวเองกันแน่ สิ่งที่ได้ไปเจอนั่นคือความฝันหรือความจริง? ทุกอย่างที่ได้รับรู้มันช่างคลุมเครือ เหมือนเขาจะเป็นบ้าให้ได้ ยังดีที่อินทัชไม่ค่อยได้มาหาเรื่องเขาแล้วเพราะไม่มีการตอบสนองกลับไปถึงได้มีเรื่องกันน้อยลง
อินทัชกลับไปทำงานตามเดิมเมื่อครบกำหนดพักร้อน 1 เดือน ระยะเวลาที่ผ่านมาเรื่องเข้าสู่ความปกติ เจอหน้ากันแทบนับครั้งได้แต่สายตาที่คอยมองมาทำเอาขนลุกอยู่หน่อยๆเหมือนมีแผนร้ายอยู่ในสมอง ดีนก็ยังคงทำงานอยู่เนื่องๆ ใบบ้านหลังนี้คงมีแต่เขาที่ว่างงานสิเนี่ย
เรื่องฮอร์โมนร่างกายที่ผิดปกติออทัมได้ยินมาจากหมอที่ดูแลเคสของดีนแล้วเรียบร้อย เขาเลยหันมาออกกำลังกายเพื่อยืดอายุให้แก่ร่างและเตรียมความพร้อมเมื่อต้องปะทะกับระบบ 3.0 เขาเรียนรู้การต่อสู้ประชิดตัวเล็กน้อยเพราะไม่อยากหักโหมมากนัก
ระบบเริ่มจับความผิดปกติเกี่ยวกับระบบ 3.0 ได้จึงเริ่มไปตามหาก่อนที่มันจะหาพวกเราเจอ มันเป็นเรื่องที่ดี เราต้องเตรียมความพร้อมตั้งแต่เนิ่นๆ ภารกิจต้องสำเร็จก่อนที่เขาจะเป็นบ้าเอา เขาอยากออกจากโลกนี้แล้ว ไม่อยากรู้จักใครเพิ่มแล้ว...
‘ซันซัส’ คือสิ่งที่ออทัมเฝ้านึกถึงตลอดเวลาเมื่อฟื้นขึ้นมา ตอนนี้จะได้ไปเกิดใหม่หรือยังนะ แล้วกำลังทำอะไรอยู่ เขาสลัดเรื่องนี้ออกจากหัวไม่ได้เลย มันเหมือนกับว่ามีความรู้สึกส่วนลึกที่ยังคงเรียกหาอยู่ เป็นความรู้สึกที่ห้ามไม่ได้
เขาไม่อยากเป็นแบบนี้เลย..
ผ่านมาเกือบเดือนแล้วที่ออทัมได้หลุดไปที่ มิติกักเก็บวิญญาณ ชีวิตประจำวันไม่มีอะไรมากมาย องค์กรแพทย์เถื่อนที่ตามหาตัวของดีนยังคงเงียบหายไปซึ่งมันเป็นเรื่องที่ดีเพราะภารกิจของเขาจะได้สำเร็จไปหนึ่ง
เขาต้องรีบสะสางภารกิจ สะสางทุกอย่าง โลกนี้ไม่มีอยู่จริงเขาจะไขว้เขวไม่ได้ ‘แค่มาทำภารกิจ แค่มาทำงาน อย่าเอาความรู้สึกมาปนกับงาน’ นั่นคือสิ่งที่คอยเตือนใจออทัมมาตลอด เพราะเขารู้ดีว่าถ้าหากมีความรู้สึกนึกคิดที่เลยเถิด มีความผูกพันกับบุคคลในโลกที่เข้ามาแทรกแซง ผลสุดท้ายมันเจ็บปวดแค่ไหน
เขาจะจำไว้เป็นบทเรียน คนที่มีอิทธิพลต่อใจของเขามีคนเดียวก็เพียงพอแล้ว..
[ระบบได้ข้อมูลเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของระบบ 3.0 มาแล้ว เท่าที่ได้ไปสอดส่องมาคาดว่าน่าจะเป็นผู้หญิง อีกไม่นานจะมีงานสวมหน้ากากการกุศลของคุณนายแมรี่ เธอจะส่งบัตรเชิญให้แก่คนรู้จักและบุคคลระดับสูง เจ้าหน้าที่ต้องเข้างานนี้ให้ได้นะ]
“งานน่าเบื่อแบบนี้ไม่ค่อยจะอยากไปเลย แล้วอะไรอีกนะ? ปาร์ตี้หน้ากากการกุศลเนี่ยนะ แค่คิดว่าจะต้องใส่หน้ากากจำพวกขนนกฟูฟ่องก็ขนลุกแล้วเนี่ย..”
[เจ้าหน้าที่คิดว่าหน้ากากมีแบบเดียวในโลกหรือไงกัน แบบเรียบๆก็มีน่า ไม่รู้ล่ะยังไงก็ต้องเข้าไปให้ได้เพราะระบบ3.0น่าจะอยู่ในงานด้วย คนที่ไปก็ไม่เยอะมาก ตามหาในวงแคบกว่าเดิมน่าจะง่ายกว่าตามหาทั้งเมืองนะ]
อืม..พอคิดถึงผลดีผลเสียแล้วก็ไม่แย่เท่าไหร่ เพราะเขาไม่อยากอยู่โลกนี้นานๆคงต้องหาทางทำให้ภารกิจเสร็จเร็วๆจะได้รีบออกไปเสียที
“ระบบก็มีประโยชน์เหมือนกันนี่นา” ออทัมพูดออกมาด้วยหน้าซื่อๆ แต่คนที่ได้ยินกลับกระอักเลือดไปแล้ว อะไรกัน! พูดแบบนี้หมายความว่าไง? แล้วที่ผ่านมาระบบดูไร้ความสามารถและไร้ประโยชน์ในสายตาเจ้าหน้าที่มากหรือ!?!
ระบบกอดร่างที่มีขนฟูๆนั่งตัวลีบอยู่มุมห้องพร้อมเสียงกระซิกๆน่าสงสาร ออทัมได้แต่มองตามก้อนสีขาวด้วยความงุนงง ห๊ะ..เขาพูดอะไรผิดไปเหรอ??
อืม สิ่งที่ระบบบอกมันก็น่าลองอยู่แล้วจะเอาบัตรเชิญมาจากไหนล่ะ คนรู้จักหรือ? ก็ไม่นะ ชื่อแมรี่เพิ่งจะเคยได้ยิน ส่วนคนสำคัญระดับสูง? พอก้มมองสารร่างของตัวเองแล้วทำไมมันดูเหมาะกับคนงานหรือคนใช้มากกว่าเจ้านายล่ะเนี่ย...
[ไม่คิดจะง้อกันหน่อยเหรอเจ้าหน้าที่ออทัม...แค่ขอโทษเบาๆระบบก็หายแล้วนะ...]
“อ่าว? ระบบโกรธอยู่เหรอ ไม่รู้ตัวเลยนะเนี่ย”
เสียงหงอยๆของระบบที่หลบอยู่มุมห้องทำให้ออทัมต้องหันไปมองก่อนจะถามด้วยความสงสัย แต่คำตอบกลับทำให้ระบบเกือบตายเพราะปวดใจจนออทัมทำอะไรไม่ถูก
เอามีดกรีดอกระบบแล้วเอาใจไปปาทิ้งยังไม่เจ็บเท่านี้เลย ระบบได้แต่อ้าปากค้างมองเจ้าหน้าที่อย่างไม่เชื่อสายตา คนบ้าอะไรไม่รู้แม้กระทั่งความผิดตัวเอง การทำร้ายจิตใจของคนอื่นมันเลวร้ายมากเลยนะ ขอโทษซักคำก็ไม่ได้ ที่สำคัญไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผิดอะไร...
[ เอาล่ะเจ้าหน้าที่..ระบบจะเลิกงอแงแต่ขออะไรอย่างนะ เพื่อมิตรภาพในการทำงานของเรา ก้มลงมานี่มา ระบบเอื้อมไม่ถึง]
“นานๆทีจะพูดอะไรแบบนี้นะระบบ อ่ะ งั้นก็ได้ ว่ามาเลย”
. . .
. .
.
“อ่าวเควิน? หน้าไปโดนอะไรมาน่ะ ดูท่าจะเจ็บน่าดูเลยนะ” ดีนที่ออกมาจากห้องนอนตัวเองที่เข้าไปทำงานเอ่ยทักทายด้วยความเป็นห่วง ความสัมพันธ์ระหว่างตัวเอกคนนี้ค่อนข้างดำเนินไปในทางที่ดีเพราะดีนไม่ค่อยระแวงเขาแล้ว
“กระดาษบาดน่ะ พอดีซุ่มซ่ามนิดหน่อย” ออทัมได้แต่ตอบกลับไปด้วยเสียงที่แห้งแล้ง ใครจะไปคิดว่าเขาจะโดนระบบง้างเล็บฟาดเข้าที่หน้ากันเล่า แกล้งเล่นแค่นี้เองจะงอนอะไรนักหนาล่ะ งอแงเป็นเด็กไปได้
ก็เข้าใจว่าระบบจิตใจค่อนข้างบอบบางแต่ไม่คิดว่าจะบางขนาดนี้...ขอโทษแล้วกัน
“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว พอดีพ่อเพิ่งให้พี่จินส่งของมาให้น่ะ เป็นบัตรเชิญไปงานสวมหน้ากากการกุศลของคุณนายแมรี่ เงินที่ได้จากงานนี้จะส่งให้เด็กยากไร้ของสถานสงเคราะห์นอกเมืองด้วยนะ”
ดีนพูดด้วยความร่างเริง เขาอยากลองไปงานนี้ดู ด้วยภาพลักษณ์ภายนอกของเขาในตอนนี้อาจไม่เป็นที่สังเกตมากนัก มันดูเปลี่ยนไปเยอะไม่มีคนจำได้แน่นอน เพราะเหตุนี้เขาถึงอ้อนขอพ่อให้พาไปงานด้วยแต่ก็ไม่อยากปล่อยเควินไว้คนเดียว เป็นเหตุที่พี่จินให้บัตรเชิญมาสองใบ
โลกภายนอกที่นอกเหนือจากบ้านและมุมมืด เขาอยากลองออกไปเผชิญดูบ้าง ถึงจะเป็นแค่สถานที่เขาก็อยากไป ยิ่งมีเควินอยู่ข้างๆดีนยิ่งรู้สึกปลอดภัย เหมือนกับว่าเขาสามารถฝากทุกอย่างไว้กับเควินได้ ยิ่งพ่อไม่ได้กลับมาบ้านเลยเขายิ่งเหงา ยังดีที่มีเควินคอยอยู่เป็นเพื่อน
ออทัมน้ำท่วมปาก พอเข้าใจว่ามีหน้ากากแบบเรียบแต่เขาไม่อยากใส่อ่ะ.. แล้วทำไมต้องมาทำตาใสน่าสงสารแบบนั้นมองเขากันเล่า!! ไม่ต้องมาอ้อนนะ
. . . .
. . .
. .
สุดท้ายก็กลายเป็นว่าขัดอะไรดีนไม่ได้... งานจะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ วันนี้ดีนเลยลากเขามาซื้อชุดสูท รองเท้าและหน้ากากหนึ่งหน้าไว้ปิดบังใบหน้าส่วนหนึ่ง เนื่องจากงานนั้นเป็นงานที่ออกจะแฟนซีหน่อยๆ สูทสีดำจึงถูกดีนเมินอย่างสิ้นเชิง
สรุปออทัมก็ไส้ชุดสูทสีเลือดหมูเข้ารูปมาหนึ่งชุด ของดีนเป็นชุดสีฟ้าครามไม่ฉูดฉาดมาก เน็กไทเป็นสีเดียวกับสูท รองเท้าถ้าไม่ห้ามดีนก็คงจะเอาแบบสีแสบตาแน่นอน ขอเถอะ เอาเป็นแบบธรรมดาให้เขาเถอะ
เหมือนจะรู้ดีนเดินกลับไปหยิบรองเท้าหนังสีน้ำตาลเข้มมาให้เขาหนึ่งคู่ เฮ้อ..ได้อยู่
อินทัชเหมือนขาดการติดต่อไป ถ้าวันงานได้เจอนี่เป็นพบกันในรอบเกือบเดือนเลยนะ พอว่างทีก็เหมือนไม่มีอะไรให้ทำจนต้องมาหาเรื่องเขา แต่พอยุ่งก็หายหัวเหมือนไม่เคยมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ นี่เคยมีความพอดีในชีวิตบ้างมั้ย?
. . .
. .
.
ในที่สุดวันงานก็ได้มาถึง ดีนอยู่ไม่สุกคอยเดินไปดูนั่นดูนี่เหมือนเด็กสมาธิสั้น แต่ออทัมไม่ได้ห้ามเพราะคิดว่าคือความสุขของตัวเอก ก็ได้แต่ปล่อยไปเพียงแค่ต้องอยู่ในระยยที่เขามองเห็นแค่นั้นพอ
พอเข้ามาในงานก็ชวนให้แปลกใจเล็กน้อย แทบจะไม่มีความหรูหราอยู่เลย เหมือนเป็นงานเล็กๆที่อบอุ่น มีคนอยู่ไม่ถึง 200 คนถ้ากะจำนวนจากสายตา สถานที่จัดงานนั้นเป็นลานกว้างริมทะเล มีไฟประดับอยู่เกือบทุกที่จนมองเห็นความสวยงามอย่างชัดเจน
คุณนายแมรี่เป็นหญิงสาววัยกลางคนที่มีรูปร่างขาวอวบ มีหน้าตาดูใจดี เธอชวนคุยด้วยไม่กี่คำก็ต้องละไปต้องรับแขกคนอื่นต่อ สงสัยในบัตรเชิญจะแทนตัวเองของเขาเป็นผู้ช่วยคอยดูแลดีนแน่ๆ แหมควรดีใจมั้ยที่อินทัชไม่เขียนแนะนำว่าเขาเป็นคนสวนของบ้าน
ดีนยังคงมองไปทั่วอย่างตื่นตาตื่นใจ ความตื่นเต้นที่ส่งผ่านออกมาจากสายตาทำให้อดไม่ได้ที่จะรู้สึกยินดีด้วยนิดๆ ดูเหมือนแมวขี้ระแวงในวันนั้นจะเป็นแมวแสนซนในวันนี้เสียแล้ว ช่วงเวลาแห่งความสุขที่ได้เจอพ่อคงช่วยปลอบประโลมใจที่ตื่นตระหนกได้ดี
ไม่รู้ว่ามองบรรยากาศไปทั่วจนเดินเลยมาถึงตรงนี้ได้อย่างไร สติเริ่มกลับเข้าร่างเมื่อฝ่าเท้าแตะโดนน้ำทะเลที่เย็นเฉียบ ลมทะเลยามเย็นช่างสดชื่น ถึงจะรู้สึกเหนียวตัวไปบ้างแต่ก็รู้สึกดีในเวลาเดียวกัน
เผลอนึกถึงอีกแล้วสิ..
ดวงตาสีเขียวน้ำทะเลดูหม่นหมองเมื่อได้เหม่อมองออกไปไกลแสนไกลสุดขอบทะเล ปล่อยความคิดความรู้สึกให้ไหลไปเหมือนคลื่นกัดเซาะทราย เปลือกตาปิดลงพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ก่อนจะรู้สึกได้ว่ามีคนกำลังเดินออกมาจากเงามืดใต้โขดหินไม่ไกลนัก
กลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ทำให้รับรู้ได้ในทันทีว่าเป็นใคร อินทัชเดินเข้ามาใกล้จนหยุดปลายเท้าเมื่อยืนเสมอกัน หรือจะเรียกว่าข้างกันก็ได้ ไหล่กว้างชนกันเล็กน้อยเมื่อมีการขยับตัว
“ตอนนี้ไม่มีอารมณ์จะมาทะเลาะด้วยหรอกนะ”
“ก็ไม่ได้ว่าอะไร”
เมื่อไม่มีใครเป็นคนเริ่มบทสนทนา ทั้งคู่ก็ได้แต่ปล่อยให้เวลาผ่านไป แต่กลับไม่มีความรู้สึกที่ชวนอึดอัดอยู่ในนั้น
“ขอโทษด้วยที่คอยหาเรื่องมาตลอด” ออทัมเลิกคิดด้วยความสงสัย จะมาไม้ไหนอีก? แต่ถ้าคิดได้ก็แล้วไป กับความผิดบางเรื่องแค่คนที่เริ่มก่อนเอ่ยคำขอโทษมาก็พาให้โล่งใจขึ้นเยอะ
อ่า..รู้ความรู้สึกของระบบเลย ไว้จะซื้อกระจกแบบพกพาให้เป็นของขวัญก็แล้วกันนะ
เขาก็ไม่โกรธเคืองอะไรมากมาย ที่ทำมาตลอดก็แค่ปั่นหัวอีกฝ่ายเล่นสนุกๆ ออทัมพยักหน้าเชิงรับรู้แล้วบรรยากาศก็กลับมาเงียบเหมือนเดิม
ผ่านไปไม่นานออทัมก็หันหลังเดินจากมาก่อนแต่ก็ต้องหยุดเท้าที่ก้าวไว้เมื่อความรู้สึกหนึ่งแล่นผ่านความทรงจำเข้ามาอย่างรวดเร็ว ความรู้สึกที่คุ้นเคย ความรู้สึกที่โหยหา และความคิดถึงจนแทบบ้า...จนต้องหันหน้ากลับมามอง
กลิ่นที่คุ้นเคยนี่มันอะไรกัน? ภาพบางอย่างที่ปรากฏในหัวพาให้อินทัชต้องกุมหัวตัวเองแน่น ใครกัน? คนในฝันที่เขาคอยเฝ้าฝันถึงมาตลอดเกือบเดือนที่กลับมาทำงานนั้นคือใคร ภาพที่เลือนลางเหมือนจะแจ่มชัดขึ้น เป็นใบหน้าที่ดูคุ้นตา เควิน?
ความสงสัยทุกอย่างเหมือนโดนพัดจนปลิวหายไปเมื่ออินทัชรู้สึกได้ถึงไอความเย็นที่แทรกผ่านเข้ามาในตัว เย็นสบายจนต้องหลับตาพริ้ม อาการปวดหัวเริ่มทุเลา ภาพความฝันที่โหยหาเริ่มชัดเจนก่อนที่จมูกจะได้กลิ่นหอมหวานโชยมาจากคนตรงหน้า
ออทัมสับสนจนแทบกลั้นหายใจ เมื่อภาพตรงหน้าที่เขาเห็นมันกลับซ้อนทับกับสัตว์ร้ายของเขาเหมือนเป็นคนคนเดียวกัน นี่มันเกิดอะไรขึ้น!!
[เจ้าหน้าที่! ซ่า..ได้..ได้ยินระบบมั้ย? ซ่า..ตอนนี้เหมือนมีการรบกวนคลื่นสมองของ ซ่า..เจ้าหน้าที่จนระบบระบุจุดที่เจ้าหน้าที่อยู่ ซ่า..ไม่ได้เลย ถ้าได้ยินตอบกลับด้วย ซ่า.. ต้องการความช่วยเหลือมั้ย?]
เสียงที่ได้ยินในหัวมันขาดๆหายๆจนจับต้นชนปลายไม่ถูกแต่ออทัมกลับไม่รู้ตัว คำพูดที่ส่งผ่านจากความรู้สึกไม่ใช่สมองสั่งการออกไป “เจ้าหน้าที่ไม่เป็นอะไร ไว้ค่อยเจอกันที่บ้านนะ” แล้วสัญญาณระหว่างระบบก็ขาดหายไปอย่างสิ้นเชิง
ความรู้สึกนี้มันช่างเหมือนกับวันนั้นที่ได้กลับไปเจอสัตว์ร้ายเลย..
ยังไม่ทันได้ประมวลผลอะไรความรู้สึกทรมานอีกอย่างก็ตีตื้นขึ้นมาจากภายใน เป็นความรู้สึกร้อนรุ่มเหมือนตอนที่เกิดอาการฮีท แต่ตอนนี้มันกลับรุนแรงยิ่งกว่า เกิดอะไรขึ้นอีกกันเนี่ย?? ลมหายใจของออทัมร้อนผ่าว กล้ามเนื้อหดเกร็งไม่มีแรง ตาเริ่มจับภาพไม่ค่อยได้เหมือนกำลังล่องลอย
แต่ก็พอจะรับรู้ได้ว่ามีมือหนาที่ค่อนข้างร้อนคว้าเข้าที่ต้นแขนแล้วบีบอย่างแรง แปลกที่ออทัมไม่รู้สึกเจ็บ กลับกัน ความรู้สึกที่ไม่คิดว่าจะมีกลับพวยพุ่งขึ้นมาเหมือนภูเขาไฟกำลังปะทุ เสียงหอบหายใจดังลอดเข้ามาใสโสตประสาทจนสติอันน้อยนิดแตกกระเจิง
ออทัมงดยาเลื่อนและระงับอาการฮีทแล้วนะ แล้วมันจะเกิดการดื้อยาขึ้นมาอีกได้อย่างไร? หรือว่า..!!
“คู่แห่งโชคชะตา..” เสียงเบาหวิวของอินทัชที่เขาได้ยิน ทำให้ความรู้สึกเริ่มปั่นป่วน ลมหายใจที่ร้อนผ่าวตัดกับความหนาวของลมทะเลพาเอาออทัมทั้งตัวทั้งใจสั่น สิ่งที่ได้ยินทำให้กระจ่างว่าทำไมถึงมีความรู้สึกต้องการที่รุนแรงขนาดนี้
อินทัชแบกเควินพาดบ่าแล้วสาวเท้าเดินอ้อมไปทางด้านหลังของงานเข้าไปทางห้องรับรองแขกของคุณนายแมรี่ในทันที สิ่งที่คับแน่นตรงส่วนกลางลำตัวขยายคับกางเกงจนอินทัชต้องกัดฟันแน่นด้วยความอดทน
ความรู้สึกของอินทัชที่ได้รับอิทธิพลมาจากอาการฮีทและความทรงจำบางส่วนที่ไหลย้อนเข้ามาในหัวพาให้ความยับยั้งตั้งใจของเขาแทบขาดสะบั้นลง ความโหยหาในส่วนลึกของจิตวิญญาณทำให้อินทัชแทบขาดสติเมื่อวางเควินลงกับเตียง
ในตอนนี้อินทัชไม่รู้ว่าตัวเองคือใคร เขาสับสน แต่ก็มั่นใจว่าคนใต้ร่างเป็นของเขา เมื่อได้กลิ่นหอมหวานริมทะเลครานั้นกลับฝังลึกในจิตใจว่าคนคนนี้เขาจะปล่อยให้หลุดมือไป‘อีก’ไม่ได้ ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงมีความต้องการและโหยหาที่มากกว่าคู่แห่งโชคชะตาแบบนี้
ความต้องการของเขาต้องการการเติมเต็ม แต่อินทัชไม่ใช่สัตว์ร้าย พลันหูก็ได้ยินบางอย่างจนน้ำตาเจ้าหน้าที่คนเก่งไหลพรากออกมา ร่างกายที่อ่อนแรงเด้งตัวขึ้นไปกอดคนด้านบนอย่างแรง
สิ่งหนึ่งที่อินทัชนึกขึ้นได้และพูดออกไปพลอยทำให้ออทัมเหมือนถูกช่วงชิงลมหายใจไป ความตกใจ งุนงงและดีใจประเดประดังเข้ามาจนออทัมทำตัวไม่ถูกได้แต่ปล่อยน้ำตาให้ไหลแล้วปัดป่ายมือกอดคนตรงหน้าอย่างโหยหา
“ครั้งหน้าที่เราได้เจอกันข้าจะเป็นฝ่ายตามล่าเอง หนีไปไหนไม่รอดหรอก จิตวิญญาณที่เหมือนได้ผูกกันแล้วข้าจะทำให้มันเป็นจริง..”
ทำไมจิตวิญญาณของซันซัสถึงได้มาโผล่ที่นี่ได้? ก่อนหน้านี้อินทัชไม่มีวี่แววจะเป็นอะไรเลย มันเกิดขึ้นได้อย่างไร? ความคิดทั้งหมดถูกขัดเมื่อริมฝีปากถูกประกบด้วยความร้อน ด้วยความตกใจจึงเผลอกัดไปเต็มแรง กลิ่นคาวเลือดอบอวลไปทั่วทั้งปาก
เหมือนรู้ว่าเจ้าของแขนที่กอดรัดตนอยู่ตื่นตระหนก อินทัชได้ไล้ฝ่ามือไปตามแนวสันหลังเพื่อปลอบประโลม มืออีกข้างเชยคางคนที่อยู่ในฝันมาตลอดขึ้นมามอบจูบแสนหวานให้เหมือนโลกนี้มีเขาเพียงคนเดียว
สนใจแต่เขาก็พอ..
[บันทึกของระบบ]
ให้ตายสิ สัญญาณมาขาดอะไรตอนนี้กันนะ มันเหมือนกับตอนที่เจ้าหน้าที่หลุดไปยังมิติกักเก็บวิญญาณเลย หรือว่าสัตว์ร้ายจะหลุดออกมาแล้ว?! อ๊า..เจ้าหน้าที่อยู่ในอันตราย ถ้าเสี้ยววิญญาณสัตว์ร้ายได้เข้ามาอยู่ในร่างที่ควรอยู่จนจิตวิญญาณครบถ้วนสมบูรณ์มันจะเกิดอะไรขึ้น.. เฮ้อ ดูท่าเจ้าหน้าที่จะไม่อยากให้เข้าไปยุ่ง ค่อยเจอกันพรุ่งนี้นี่นา งั้นจะปล่อยผ่านไปก็ได้ จิตวิญญาณของทั้งสองคงได้ผูกกันแน่นแน่ๆ โลกนี้ยังข้ามมาหาได้แล้วโลกหน้าจะเหลือหรือ? สัตว์ร้ายน่ากลัวเกินไปแล้ว!!
---------------------
สวัสดีค่า มาส่งเจ้าหน้าที่น้อยค่ะ เขาได้จูบกันแล้วววว เข้าจูบกันแล้ววว ขอจุดพลุฉลองนะคะ 5555 แล้วซันซัสของเราก็ไม่นกแล้ว เพิ่งได้เข้ามาแทรกแซงร่างกายได้ก็จับเขาจูบเลย ลองคิดเล่นๆดูน้า ว่าเจ้าหน้าที่ทั้งฮีทและสัตว์ร้ายที่เก็บกดมานานจะเป็นยังไง ศิคิดแล้วใจจะวาย ขอคุณที่เอ็นดูเจ้าหน้าที่น้อยกันนะคะ เผื่อมีคนงงเรื่องชื่อตัวละครนะคะ เมื่อออทัมเป็นคนพูดถึงจะมีแต่ชื่อออทัมนะคะ แต่ถ้าตัวละครในโลกที่ไปแทรกแซงพูดถึงเจ้าหน้าที่น้อยจะเรียกด้วยชื่อร่างนั้นๆ เช่นโลกนี้เป็นเควินก็เรียกออทัมว่าเควิน เป็นต้นค่ะ ถ้างงก็ขออภัยด้วยน้า เจอกันตอนหน้าค่า
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

อ่าาาา........ฟินนนนนนสุดๆๆๆๆไปเลยค่าาาา!!!!//ซับเลือดกำเดา
ปล.มาต่อไวๆนะคะเรารออ่านอยู่ค่าาา!!!^0^
ตาย~ ฉันตายสนิท~ 555+ มีncแยกมั้ยค่า~ รอ~
ซันซัสกลับมาแล้ว เย้!!/จุดพลุ / ดีใจด้วยกับทั้งสองคนที่ได้เจอกันแล้วน้าาาาาาา
ว่าแต่...ตอนหน้ามีncมั้ยคะ----
ค้างงงงงงง