ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : 1
- - เอ่อ ... สิ่งแรกที่ฉันสัมผัสได้จากที่นี่คือ ห น า ว ว ว ว ว T^T! อะไรกันเนี่ย หนาวถึงขั้นติดลบขนาดนี้ใครไปจะทนอยู่ได้ บ้าชะมัด!พ่อนะพ่อทำกับลูกตัวเองได้ลงคอ รู้งี้ยอมทนเรียนต่อที่โรงเรียนบ้านนอกนั่นดีกว่าไม่น่าใจอ่อนเลยเรา เฮ่อ~ ฉันนั่งถอนหายใจปล่อยคาบอนไดออกไซอยู่ในสนามบินอินชอนที่สุดแสนจะกว้างขวางเหมือนฉันเป็นปลวกตัวหนึ่งที่นั่งอมทุกข์อย่างไม่เป็นสุขในตอไม้ขนาดใหญ่เท่าฝาบ้าน แง่งๆเมื่อใหร่รถของโรงแรมจะมารับกันนะ ฉันลากกระเป๋าเดินทางสีทองคำขนาดเท่ากล่องทีวีจอ40นิ้วกับกระเป๋าใบเล็กๆอีกสองใบที่วางทับกันไปตามทางที่เขากำลังเดินไปกันเป็นกลุ่นใหญ่ ครั้งแรกของการเดินทางข้ามประเทศเพียงคนเดียวของฉันมันช่างว้าเหว่และเปรี่ยวเหงาอะไรเยี่ยงนี้ - -a นั่นป้ายชื่อใครน่ะตัวเบ้อเร้อเลยแหะสงสัยกลัวเขามองจะไม่เห็นรึไงเขียนซะอย่างกับป้ายโฆษณาบนทางด่วน ง่ะคุ้นๆนะชื่อนั่น L-i-s-i-a-n-t-h-u-s [ไลเซนทัช] จ๊าก!!! นั่นมันชื่อฉันนี่หว่า -///- เหอๆสีชมพูเรื่องแสงซะด้วย โอ้ -0-" ฉันล่ะอาย ย ย =..=
งงกันอ่ะดิท่านผู้อ่าน ฮิฮิๆ ฉันชื่อไลเซนทัช สุวรรณเวศ ไม่ได้เป็นลูกครึ่งลูกผสมสายพันไหนหรอกค่าเป็นคนไทยแท้ล้านๆเปอเซนต์ตรวจดีเอ็นเอพิสูจน์ได้นะ หุหุ สาเหตุก็คือแค่ปาป๊าตั้งชื่อตามดอกไม้ที่คุณแม่ชอบเท่านั้นเองเป็นไงเพราะอ่าดิ๊ คิ๊ๆ ^o^ แต่ตอนนี้คุณแม่ฉันท่านอยู่บนสวรรค์แล้วล่ะ ตั้งแต่คลอดฉันออกมาท่านก็จากไปทันที ก็เหลือฉันกับปาป๊ากันสองคนพ่อลูก แต่ปาป๊าฉันท่านทำงานเกี่ยวกับด้านธุรกิจงานบริการโรงแรมเลยทำให้ท่านไม่ค่อยว่างอยู่กับฉันสักเท่าไหร่ นานๆทีเราสองคนจะได้เจอกันบ้าง ก็ทำให้ฉันเหงาบ้างอยู่เหมือนกันแต่ก็รู้ว่าท่านทำทุกอย่างก็เพื่อฉันทั้งนั้น ฉันก็เลยไม่ค่อยรู้สึกน้อยใจอะไรเลยเพราะที่ท่านทำให้ก็มากพอแล้ว แต่ทว่า...ตอนนี้ฉันต้องรีบหาที่ซุกหัวนอนก่อนจะดีกว่า = ="
"คุณไลเซนทัชใช่ไหมครับ?" คนขับรถใส่สูทโรงแรมสีดำสนิทเปิดคำถามทันทีที่ฉันลากสัมพาระมาถึงตัว
ฉันเองก็ได้แต่พยักหน้าตอบแค่ดูจากป้ายที่ติดหน้าอกฉันก็รู้แล้วว่าใช่ยูนิฟอร์มของโรงแรมตัวเอง กระเป๋าสัมพาระของฉันตอนนี้อยู่ในมือคนขับรถเรียบร้อยก่อนจะเดินตามเขาไปที่รถจอดอยู่ ชุดที่ฉันใส่มามันเป็นชุดแซกไหมพรมสีขาวแขนยาวแต่ชายกระโปรงสั้นลงมาแค่คืบเดียวกับกางเกงเลกเก้สีดำสนิท แต่ถูกสวมทับด้วยเสื้อคลุมสีขาวยาวถึงหัวเข่าจากแคทวอร์กปารีสในยี่ห้อชาแนลที่พ่อฉันหอบมาฝาก ฉันไม่ใช่พวกที่บ้าของราคาแพงแบบนี้แต่สำหรับพ่อฉันสิ่งที่ดีที่สุดต้องคู่ควรกับฉัน รถลีมูซีนสีดำสนิทเงางานจอดเทียบระสายตาให้ผู้คนที่เดินผ่านต้องทอดสายตามอง ก้าวแรกที่พ้นออกจากบริเวณตัวตึกฉันรู้สึกได้ว่าขาฉันมันแข็งแทบจะก้าวขาไม่ออก ฉันรีบสาวท้าวเดินก้าวขึ้นรถไปให้ไวที่สุดอย่างน้อยอากาศบนรถก็อบอุ่นกว่าด้านนอกแน่นอน
"เ่อ่อ ... คุณหนูจะแวะที่ไหนก่อนหรือป่าวครับ" - -a คนขับรถพูดขึ้นทันที่ที่รถเริ่มขยับไปด้านหน้า
"ฉันเองก็ยังไม่รู้เหมือนกัน... ที่นี่ไม่ใช่ที่ของฉันจะไปไหนก็กลัวไปหมด" ฉันตอบตามความรู้สึกจริงวิวทิวทัศน์ของสนามบินเริ่มดูเล็กลงเรื่อยๆเมื่อรถขับออกมาไกลขึ้น สองข้างทางของที่นี่ดูครึ้มๆราวกับว่าฝนกำลังจะตกยังไงยังงั้น "เออใช่ ...ว่าแต่คุณชื่ออะไร?ฉันจะได้เรียกถูก" ฉันนึกขึ้นได้ อย่างน้อยก็รู้จักไว้สักคนเพื่อจะได้ช่วยอะไรฉันได้บ้าง
"ฮยอนซุงครับคุณหนู" แน่นอนล่ะว่าเราสองคนกำลังฟุตฟิตฟอไฟอยู่ ภาษาอังกฤษของเขาก็ถือว่าใช้ได้นะนี่
"ไม่ต้องเรียกฉันคุณหนูหรอกเรียกแค่ชื่อธรรมดาก็พอ" ดูจากท่าทางเขาก็น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับฉันหรือน่าจะแกกว่าไม่กี่ปีหรอกนะ
"คงไม่ได้มั้งครับ พ่อผมสั่งมาผมไม่กล้าเรียกชื่อของคุณหนูแบบนั้นหรอกครับ"
"พ่อ?"
"ผมมารับคุณหนูแทนพ่อน่ะครับ พอดีท่านไม่สบายผมก็เลยอาสามาแทนกลัวโดนพ่อถูกไล่ออกจากงาน"
"เว่อร์ไป ใครเขาจะไล่คนป่วยได้ลงคอ" ฉันพูดไปขณะที่เริ่มมีอาการง่วงนิดหน่อย
"มีสิครับ เขายิ่งไม่ชอบพ่อของผมอยู่"
"..."
"คุณหนูครับ"
"... หะ ห๊ะ" ฉันเรียกสติตัวเองกลับมาก่อนที่มันจะเคลิ้มไปมากกว่านี้
"คงเพลียสินะครับ หลับก่อนก็ได้ครับถ้าถึงแล้วผมจะปลุกเอง"
"ไม่เป็นไรหรอก แต่ว่านะ" ฉันรู้สึกได้ถึงอาการสั่นที่ท้องของตัวเองเบาๆ "แหะๆ ฉันหิวมากกว่าอ่านะ" ฉันยิ้มโดยที่รู้สึกอายนิดๆ
"แวะทานข้าวก่อนไหมครับ ผมพอจะรู้จักกับร้านอร่อยๆแถวนี้"
"ก็น่าจะดีนะ แต่ว่าฉันกินยากนะ"
"ครับ"
ไม่ถึงห้านาทีฉันก็มายืนอยู่ที่หน้าตลาดแห่งหนึ่งดูเหมือนที่นี่จะมีแต่ของกินมองไปทางไหนก็เห็นแต่โต๊ะเก้าอี้ตั้งเต็มไปหมด ตามเวลาของที่นี่ก็ปาไปห้าโมงครึ่งแล้ว อากาศที่แสนเหน็บหนาวทำให้ท้องฟ้าดูมืดสนิท นายฮยอนซุงรีบลงจากรถแล้ววิ่งมาเปิดประตูให้ฉันทันที แต่ทำแบบนี้ทุกคนที่ผ่านเห็นก็จ้องกันตาเป็นมัน
"เชิญครับคุณหนู" ฉันลงจากรถแล้วยืนมองสภาพแวดล้อมทั้งหมดตรงหน้า มันก็ไม่ต่างอะไรไปจากตลาดนัดของกินบ้านเราเลยสักนิด ฉันกำลังลังเดินตามคนขับรถที่แต่งตัวเต็มยศไปตามตรอกเล็กที่แยกเข้ามาจากลานจอดรถ สายตาผู้คนต่างก็จับจ้องมาที่ฉัน ทำไมกันนะ - -a ฉันหันควับกลับหลังไปมองรอบตัวแต่ว่าทำไมทุกคนต้องจ้องมาตรงที่ฉันยืนอยู่ด้วยนะ ฉันเหลือบไปมองคนขับรถผู้หวังดีที่หยุดเดินแล้วหันมามองดูกริยาการกระทำของฉัน ฉันก็ได้แต่ปั้นยิ้มตอบรับแต่ไม่พูดอะไร ความรู้สึกช้าชะมัดยาดเลยตานี่ =_="
"คนเขามองอะไรกันนะ?" ฉันเปิดคำถามก่อนเพราะกว่านายนี่จะรู้ตัวคงอีกสิบปี - -
คำพูดของฉันเริ่มสกิดให้ให้เขาหยุดแล้วมองไปตามสายตาทุกคู่ที่จ้องมา กลุ่มวัยรุ่นหญิงหกถึงเจ็ดคนยืนกรี๊ดกะดี้กระด๊าอย่างกับเจ้าเข้า เจอดาราเกาหลีรึไงย๊ะรึที่ที่หล่อนยืนมันร้อนมากรึไงดิ้นพลาดๆอยู่ได้ =..= นายฮยอนซุงก็ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรที่ดูแปลกใจกับเรื่องนี้สักนิด
"เรื่องปกติน่ะครับ ร้านอาหารอยู่นั่น" เขาเปลี่ยนเรื่องทันทีแล้วชี้ไปที่ร้านอาหารเป้าหมายที่อยู่ไม่ไกลสักเท่าไหร่
ป้ายตัวอักษรภาษาเกาหลีสีแดงที่ฉันพอจะอ่านออกได้นิดหน่อยมันเขียนว่า"ร้านราเฮมียน" (บะหมี่มาม่าหรือราเมงที่เรารู้จักกันดี) คนในร้านค่อนข้างจะหนาแน่นแสดงว่าต้องอร่อยของจริงไม่งั้นคนคงไม่เยอะขนาดนี้หรอก ฉันเดินตามฮยอนซุงไปที่ร้านนั่นอย่างช้าๆแต่ก็ยังระแคะระคายกับสายตาบ้าๆของพวกนี้อยู่ดี ฉันจะกินอะไรลงไหมเนี่ย!จ้องกันอยู่ได้ ฮยอนซุงเปิดประตูบ้านเลื่อนออกให้ฉันเข้าไปก่อน ด้านในร้านนี้อุ่นมากคงเป็นเพราะเครื่องทำความร้อนที่ฝังฝังอยู่กับผนังของร้าน โต๊ะญี่ปุ่นตัวยาวที่มีเบาะรองนั่งล้อมทั้งสองฝั่งเป็นโต๊ะอาหารที่เรียกความสนใจจากฉันได้มาก แต่ก็มีโต๊ะเดี่ยวที่นั่งขนาดสองคนอยู่อีกฝั่ง ฉันเดินตามตานั่นไปที่โต๊ะเดี่ยวที่อยู่ติดกับกระจกร้านพอดี
"คุณหนูจะสั่งอะไรดีครับ" ฮยอนซุงพูดพร้อมกับยื่นเมนูอาหารมาให้ฉัน แต่ทว่านะฉันอ่านมันไม่ค่อยออกสักคำ =_="
"ฉันอ่านไม่ออกอ่านะ นายสั่งให้ฉันก็แล้วกันขอแค่อย่าเป็นเนื้อวัวก็พอ" ฉันล่ะเกลียดเนื้อวัวที่สุดเลย
ฮยอนซุงก็ได้แต่ยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะเดินไปพูดอะไรสักอย่ากับลุงอ้วนลงพุงที่น่าจะเป็นเจ้าของร้านแล้วเดินกลับมานั่งเป็นปกติ ฉันเองก็หยุดไม่ได้กับไอ้โรคสอดรู้สอดเห็น แต่ดูเหมือนกลุ่มวัยรุ่นหญิงที่ดิ้นพลาดอยู่ข้างนอกตอนที่ฉันกำลังมาที่ร้านนี่ก็เข้ามากินร้านเกียวกันกับฉันด้วยเหมือนกัน แถมยังนั่งตรงโต๊ะยาวที่อยู่ตรงกันข้ามอีกด้วย - - ราวีฉันไม่เลิก เสียงซุบซิบมันดันกระแทกเข้าสู้รูหูของฉันอย่างเลี่ยงไม่ได้แต่ก็แปลอะไรไม่ออกหรอกนะ ก็ได้แต่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ฮยอนซุงที่มัวแต่นั่งเหม่อจ้องหน้าฉันอยู่ได้ตาไม่กระพริบ - -a แต่ว่านะ
"ฉันว่าคุณควรถอดหมวกนั่นออกจะดีกว่าเพราะคนประเทศฉันเขาถือ เข้ามาในตัวอาคารใส่หมวกหัวจะล้านเอานะ" นายฮยอนซุงทำตาค้างเหมือนกับกำลังช็อกมากรีบถอดหมวกออกทันที แต่ก็ อ๊าก~ -O-" ทะ ทำไม ... ถึงหน้าตาดีแบบนี้ล่ะ!!! ผมก็สีบลอนทองขียวแถมหน้ายังหวานยังกับผู้หญิง -///- โห๊ย ย ย หล่อเหลือรับประทาน =.,=
ฉันก็ได้แต่นั่งตาค้างกับภาพเทพบุตรตรงหน้า ใครจะไปรู้ว่าตานี่หล่อซ่อนรูปแบบนี้ใส่หมวกซะปิดหน้าปิดตาเห็นแต่ปากแดงๆนึกว่าจะเป็นตุ๊ดแต๋วซะอีก! เอิ๊ก ก ~ ! ! ! เอ่อ..ฉันพอจะรู้แล้วว่าทำไมยัยพวกนั้นถึงจ้องหน้าฉันอย่างจะเอาเป็นเอาตาย =..= แหมๆคนอะไรไม่รู้ช่างหล่อเหลือรับประทานจริงๆ คิดแล้วซี๊ด~!
งงกันอ่ะดิท่านผู้อ่าน ฮิฮิๆ ฉันชื่อไลเซนทัช สุวรรณเวศ ไม่ได้เป็นลูกครึ่งลูกผสมสายพันไหนหรอกค่าเป็นคนไทยแท้ล้านๆเปอเซนต์ตรวจดีเอ็นเอพิสูจน์ได้นะ หุหุ สาเหตุก็คือแค่ปาป๊าตั้งชื่อตามดอกไม้ที่คุณแม่ชอบเท่านั้นเองเป็นไงเพราะอ่าดิ๊ คิ๊ๆ ^o^ แต่ตอนนี้คุณแม่ฉันท่านอยู่บนสวรรค์แล้วล่ะ ตั้งแต่คลอดฉันออกมาท่านก็จากไปทันที ก็เหลือฉันกับปาป๊ากันสองคนพ่อลูก แต่ปาป๊าฉันท่านทำงานเกี่ยวกับด้านธุรกิจงานบริการโรงแรมเลยทำให้ท่านไม่ค่อยว่างอยู่กับฉันสักเท่าไหร่ นานๆทีเราสองคนจะได้เจอกันบ้าง ก็ทำให้ฉันเหงาบ้างอยู่เหมือนกันแต่ก็รู้ว่าท่านทำทุกอย่างก็เพื่อฉันทั้งนั้น ฉันก็เลยไม่ค่อยรู้สึกน้อยใจอะไรเลยเพราะที่ท่านทำให้ก็มากพอแล้ว แต่ทว่า...ตอนนี้ฉันต้องรีบหาที่ซุกหัวนอนก่อนจะดีกว่า = ="
"คุณไลเซนทัชใช่ไหมครับ?" คนขับรถใส่สูทโรงแรมสีดำสนิทเปิดคำถามทันทีที่ฉันลากสัมพาระมาถึงตัว
ฉันเองก็ได้แต่พยักหน้าตอบแค่ดูจากป้ายที่ติดหน้าอกฉันก็รู้แล้วว่าใช่ยูนิฟอร์มของโรงแรมตัวเอง กระเป๋าสัมพาระของฉันตอนนี้อยู่ในมือคนขับรถเรียบร้อยก่อนจะเดินตามเขาไปที่รถจอดอยู่ ชุดที่ฉันใส่มามันเป็นชุดแซกไหมพรมสีขาวแขนยาวแต่ชายกระโปรงสั้นลงมาแค่คืบเดียวกับกางเกงเลกเก้สีดำสนิท แต่ถูกสวมทับด้วยเสื้อคลุมสีขาวยาวถึงหัวเข่าจากแคทวอร์กปารีสในยี่ห้อชาแนลที่พ่อฉันหอบมาฝาก ฉันไม่ใช่พวกที่บ้าของราคาแพงแบบนี้แต่สำหรับพ่อฉันสิ่งที่ดีที่สุดต้องคู่ควรกับฉัน รถลีมูซีนสีดำสนิทเงางานจอดเทียบระสายตาให้ผู้คนที่เดินผ่านต้องทอดสายตามอง ก้าวแรกที่พ้นออกจากบริเวณตัวตึกฉันรู้สึกได้ว่าขาฉันมันแข็งแทบจะก้าวขาไม่ออก ฉันรีบสาวท้าวเดินก้าวขึ้นรถไปให้ไวที่สุดอย่างน้อยอากาศบนรถก็อบอุ่นกว่าด้านนอกแน่นอน
"เ่อ่อ ... คุณหนูจะแวะที่ไหนก่อนหรือป่าวครับ" - -a คนขับรถพูดขึ้นทันที่ที่รถเริ่มขยับไปด้านหน้า
"ฉันเองก็ยังไม่รู้เหมือนกัน... ที่นี่ไม่ใช่ที่ของฉันจะไปไหนก็กลัวไปหมด" ฉันตอบตามความรู้สึกจริงวิวทิวทัศน์ของสนามบินเริ่มดูเล็กลงเรื่อยๆเมื่อรถขับออกมาไกลขึ้น สองข้างทางของที่นี่ดูครึ้มๆราวกับว่าฝนกำลังจะตกยังไงยังงั้น "เออใช่ ...ว่าแต่คุณชื่ออะไร?ฉันจะได้เรียกถูก" ฉันนึกขึ้นได้ อย่างน้อยก็รู้จักไว้สักคนเพื่อจะได้ช่วยอะไรฉันได้บ้าง
"ฮยอนซุงครับคุณหนู" แน่นอนล่ะว่าเราสองคนกำลังฟุตฟิตฟอไฟอยู่ ภาษาอังกฤษของเขาก็ถือว่าใช้ได้นะนี่
"ไม่ต้องเรียกฉันคุณหนูหรอกเรียกแค่ชื่อธรรมดาก็พอ" ดูจากท่าทางเขาก็น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับฉันหรือน่าจะแกกว่าไม่กี่ปีหรอกนะ
"คงไม่ได้มั้งครับ พ่อผมสั่งมาผมไม่กล้าเรียกชื่อของคุณหนูแบบนั้นหรอกครับ"
"พ่อ?"
"ผมมารับคุณหนูแทนพ่อน่ะครับ พอดีท่านไม่สบายผมก็เลยอาสามาแทนกลัวโดนพ่อถูกไล่ออกจากงาน"
"เว่อร์ไป ใครเขาจะไล่คนป่วยได้ลงคอ" ฉันพูดไปขณะที่เริ่มมีอาการง่วงนิดหน่อย
"มีสิครับ เขายิ่งไม่ชอบพ่อของผมอยู่"
"..."
"คุณหนูครับ"
"... หะ ห๊ะ" ฉันเรียกสติตัวเองกลับมาก่อนที่มันจะเคลิ้มไปมากกว่านี้
"คงเพลียสินะครับ หลับก่อนก็ได้ครับถ้าถึงแล้วผมจะปลุกเอง"
"ไม่เป็นไรหรอก แต่ว่านะ" ฉันรู้สึกได้ถึงอาการสั่นที่ท้องของตัวเองเบาๆ "แหะๆ ฉันหิวมากกว่าอ่านะ" ฉันยิ้มโดยที่รู้สึกอายนิดๆ
"แวะทานข้าวก่อนไหมครับ ผมพอจะรู้จักกับร้านอร่อยๆแถวนี้"
"ก็น่าจะดีนะ แต่ว่าฉันกินยากนะ"
"ครับ"
ไม่ถึงห้านาทีฉันก็มายืนอยู่ที่หน้าตลาดแห่งหนึ่งดูเหมือนที่นี่จะมีแต่ของกินมองไปทางไหนก็เห็นแต่โต๊ะเก้าอี้ตั้งเต็มไปหมด ตามเวลาของที่นี่ก็ปาไปห้าโมงครึ่งแล้ว อากาศที่แสนเหน็บหนาวทำให้ท้องฟ้าดูมืดสนิท นายฮยอนซุงรีบลงจากรถแล้ววิ่งมาเปิดประตูให้ฉันทันที แต่ทำแบบนี้ทุกคนที่ผ่านเห็นก็จ้องกันตาเป็นมัน
"เชิญครับคุณหนู" ฉันลงจากรถแล้วยืนมองสภาพแวดล้อมทั้งหมดตรงหน้า มันก็ไม่ต่างอะไรไปจากตลาดนัดของกินบ้านเราเลยสักนิด ฉันกำลังลังเดินตามคนขับรถที่แต่งตัวเต็มยศไปตามตรอกเล็กที่แยกเข้ามาจากลานจอดรถ สายตาผู้คนต่างก็จับจ้องมาที่ฉัน ทำไมกันนะ - -a ฉันหันควับกลับหลังไปมองรอบตัวแต่ว่าทำไมทุกคนต้องจ้องมาตรงที่ฉันยืนอยู่ด้วยนะ ฉันเหลือบไปมองคนขับรถผู้หวังดีที่หยุดเดินแล้วหันมามองดูกริยาการกระทำของฉัน ฉันก็ได้แต่ปั้นยิ้มตอบรับแต่ไม่พูดอะไร ความรู้สึกช้าชะมัดยาดเลยตานี่ =_="
"คนเขามองอะไรกันนะ?" ฉันเปิดคำถามก่อนเพราะกว่านายนี่จะรู้ตัวคงอีกสิบปี - -
คำพูดของฉันเริ่มสกิดให้ให้เขาหยุดแล้วมองไปตามสายตาทุกคู่ที่จ้องมา กลุ่มวัยรุ่นหญิงหกถึงเจ็ดคนยืนกรี๊ดกะดี้กระด๊าอย่างกับเจ้าเข้า เจอดาราเกาหลีรึไงย๊ะรึที่ที่หล่อนยืนมันร้อนมากรึไงดิ้นพลาดๆอยู่ได้ =..= นายฮยอนซุงก็ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรที่ดูแปลกใจกับเรื่องนี้สักนิด
"เรื่องปกติน่ะครับ ร้านอาหารอยู่นั่น" เขาเปลี่ยนเรื่องทันทีแล้วชี้ไปที่ร้านอาหารเป้าหมายที่อยู่ไม่ไกลสักเท่าไหร่
ป้ายตัวอักษรภาษาเกาหลีสีแดงที่ฉันพอจะอ่านออกได้นิดหน่อยมันเขียนว่า"ร้านราเฮมียน" (บะหมี่มาม่าหรือราเมงที่เรารู้จักกันดี) คนในร้านค่อนข้างจะหนาแน่นแสดงว่าต้องอร่อยของจริงไม่งั้นคนคงไม่เยอะขนาดนี้หรอก ฉันเดินตามฮยอนซุงไปที่ร้านนั่นอย่างช้าๆแต่ก็ยังระแคะระคายกับสายตาบ้าๆของพวกนี้อยู่ดี ฉันจะกินอะไรลงไหมเนี่ย!จ้องกันอยู่ได้ ฮยอนซุงเปิดประตูบ้านเลื่อนออกให้ฉันเข้าไปก่อน ด้านในร้านนี้อุ่นมากคงเป็นเพราะเครื่องทำความร้อนที่ฝังฝังอยู่กับผนังของร้าน โต๊ะญี่ปุ่นตัวยาวที่มีเบาะรองนั่งล้อมทั้งสองฝั่งเป็นโต๊ะอาหารที่เรียกความสนใจจากฉันได้มาก แต่ก็มีโต๊ะเดี่ยวที่นั่งขนาดสองคนอยู่อีกฝั่ง ฉันเดินตามตานั่นไปที่โต๊ะเดี่ยวที่อยู่ติดกับกระจกร้านพอดี
"คุณหนูจะสั่งอะไรดีครับ" ฮยอนซุงพูดพร้อมกับยื่นเมนูอาหารมาให้ฉัน แต่ทว่านะฉันอ่านมันไม่ค่อยออกสักคำ =_="
"ฉันอ่านไม่ออกอ่านะ นายสั่งให้ฉันก็แล้วกันขอแค่อย่าเป็นเนื้อวัวก็พอ" ฉันล่ะเกลียดเนื้อวัวที่สุดเลย
ฮยอนซุงก็ได้แต่ยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะเดินไปพูดอะไรสักอย่ากับลุงอ้วนลงพุงที่น่าจะเป็นเจ้าของร้านแล้วเดินกลับมานั่งเป็นปกติ ฉันเองก็หยุดไม่ได้กับไอ้โรคสอดรู้สอดเห็น แต่ดูเหมือนกลุ่มวัยรุ่นหญิงที่ดิ้นพลาดอยู่ข้างนอกตอนที่ฉันกำลังมาที่ร้านนี่ก็เข้ามากินร้านเกียวกันกับฉันด้วยเหมือนกัน แถมยังนั่งตรงโต๊ะยาวที่อยู่ตรงกันข้ามอีกด้วย - - ราวีฉันไม่เลิก เสียงซุบซิบมันดันกระแทกเข้าสู้รูหูของฉันอย่างเลี่ยงไม่ได้แต่ก็แปลอะไรไม่ออกหรอกนะ ก็ได้แต่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ฮยอนซุงที่มัวแต่นั่งเหม่อจ้องหน้าฉันอยู่ได้ตาไม่กระพริบ - -a แต่ว่านะ
"ฉันว่าคุณควรถอดหมวกนั่นออกจะดีกว่าเพราะคนประเทศฉันเขาถือ เข้ามาในตัวอาคารใส่หมวกหัวจะล้านเอานะ" นายฮยอนซุงทำตาค้างเหมือนกับกำลังช็อกมากรีบถอดหมวกออกทันที แต่ก็ อ๊าก~ -O-" ทะ ทำไม ... ถึงหน้าตาดีแบบนี้ล่ะ!!! ผมก็สีบลอนทองขียวแถมหน้ายังหวานยังกับผู้หญิง -///- โห๊ย ย ย หล่อเหลือรับประทาน =.,=
ฉันก็ได้แต่นั่งตาค้างกับภาพเทพบุตรตรงหน้า ใครจะไปรู้ว่าตานี่หล่อซ่อนรูปแบบนี้ใส่หมวกซะปิดหน้าปิดตาเห็นแต่ปากแดงๆนึกว่าจะเป็นตุ๊ดแต๋วซะอีก! เอิ๊ก ก ~ ! ! ! เอ่อ..ฉันพอจะรู้แล้วว่าทำไมยัยพวกนั้นถึงจ้องหน้าฉันอย่างจะเอาเป็นเอาตาย =..= แหมๆคนอะไรไม่รู้ช่างหล่อเหลือรับประทานจริงๆ คิดแล้วซี๊ด~!
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น