ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ราชบุตรเขย (โง่) อันดับหนึ่ง

    ลำดับตอนที่ #14 : อนุญาตให้มีสาวใช้สามคน

    • อัปเดตล่าสุด 26 ก.ย. 67


    14 - อนุญาตให้มีสาวใช้สามคน


    กงซุนชงรู้สึกอับอายอย่างมาก “เป็นเพราะเจ้าโง่ฉินนั่นแอบเล่นงานข้า!”

    “หุบปาก!” กงซุนอู๋จี้ตวาด “วันนี้ฮองเฮาเรียกข้าไปบริภาษที่ตำหนักหลี่เจิ้ง บอกว่าข้าไม่รู้จักสั่งสอนบุตรให้ดี!” สีหน้าของกงซุนอู๋จี้เต็มไปด้วยความอับอาย “เจ้าคือบุตรชายคนโตของตระกูลกงซุน ข้าเคยคิดจะฝากครอบครัวไว้กับเจ้า แต่เจ้าหุนหันพลันแล่นเช่นนี้ ข้าจะกล้าวางใจได้อย่างไร?”

    คำพูดนี้ทำให้ความโกรธในใจของกงซุนชงมลายหายไปในทันที เขารีบคุกเข่าลงกับพื้น “ท่านพ่อ ข้าผิดไปแล้ว!”

    กงซุนอู๋จี้หรี่ตามองบุตรชาย “อย่างน้อยเจ้าก็ยังมีความหวังอยู่บ้าง!”

    กงซุนชงคุกเข่าอยู่กับพื้น หัวใจเต็มไปด้วยความอึดอัด “ท่านพ่อ ข้ารู้ว่าข้าผิดไปแล้ว แต่เรื่องที่เจ้าโง่ฉินนั่นทำร้ายข้า ท่านจะปล่อยให้มันผ่านไปง่ายๆ หรือ? แล้วเรื่องของอวี้ซู่เล่า นางวิงวอนข้าให้ช่วยนางจากความทุกข์ใจ หากข้าไม่ทำอะไรเลยข้าจะมีหน้าไปพบนางได้อย่างไร!”

    กงซุนอู๋จี้ถาม “เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไมฝ่าบาทถึงไม่ยกอวี้ซู่ให้เจ้า แต่กลับยกนางให้ฉินโม่?”

    “เพราะฉินเซียงหรู!”

    “เจ้าเดาถูกเพียงครึ่งเดียว!”

    กงซุนอู๋จี้อธิบาย “ฝ่าบาทไม่ต้องการให้ตระกูลกงซุนของเรามีความสัมพันธ์กับราชวงศ์ไปมากกว่านี้ เจ้าเข้าใจหรือไม่?”

    “ทำไมเล่า? พวกเราก็เป็นเชื้อพระวงอยู่แล้ว เรื่องนี้ผิดตรงไหน?”

    “เพราะฝ่าบาททรงระแวงตระกูลกงซุนของเรา ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ห้ามเจ้ายุ่งเกี่ยวกับหลี่อวี้ซู่เป็นอันขาด หากมีเรื่องอื้อฉาวเกิดขึ้นไม่เพียงฝ่าบาทจะไม่ยกนางให้เจ้าเท่านั้น แต่ยังจะประหารตระกูลกงซุนเก้าชั่วโคตรดีด้วย!”

    คำเตือนของกงซุนอู๋จี้ทำให้กงซุนชงรู้สึกทุกข์ทรมานใจอย่างมาก

    “จูกว๋อกงมีบุตรสาวคนหนึ่ง นางชื่อหลิวหรูอวี้ อายุสิบหกปี เป็นหญิงงามเลื่องชื่อในเมืองหลวง ข้าจะส่งคนไปทูลขอหมั้นหมายให้เจ้า!”

    “ท่านพ่อ ข้าต้องการเพียงอวี้ซู่!”

    “เจ้าลูกโง่ ต่อให้เจ้าพาอวี้ซู่หลบหนีไปจากเมืองหลวงได้สำเร็จ เจ้าคิดว่าฝ่าบาทจะละเว้นชีวิตของเจ้าหรือ?”

    กงซุนอู๋จี้ถอนหายใจ เขาผิดหวังในตัวบุตรชายอย่างมาก “ลองคิดดูดีๆ ว่าตระกูลหลิวมีอำนาจแค่ไหน!”

    เมื่อมองเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความผิดหวังของบิดา กงซุนชงก็ดูเหมือนจะรู้สึกตัวขึ้นมา “ตระกูลหลิวปกป้องชายแดนภาคใต้ คุมกำลังทหารนับแสน บุตรชายคนโตของตระกูลเป็นขุนพลชั้นเอก ทั้งยังได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาท บุตรคนรองก็เล่าเรียนอยู่ในสถาบันกว๋อจื่อเจี้ยน อนาคตจะได้เป็นถึงเจ้ากรมอย่างแน่นอน!”

    กงซุนอู๋จี้พยักหน้า “ถ้าเจ้าแต่งกับบุตรสาวตระกูลหลิว ตระกูลกงซุนจะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม เมื่อรัชทายาทครองบัลลังก์พวกเราจะเสพสุขวาสนาไม่สิ้น เช่นนี้เจ้ายังมองไม่เห็นอีกหรือ?”

    จากนั้นกงซุนอู๋จี้ก็กระซิบเบาๆ ว่า “หากจะพูดตรงๆ หลังจากที่ฝ่าบาทสิ้นพระชนม์แล้ว ตระกูลฉินจะมีใครให้ปกป้องคุ้มครองอีก เมื่อถึงเวลานั้นสองพ่อลูกตระกูลฉินจะเป็นเนื้อบนเขียงให้พวกเราเชือดเฉือนได้ตามใจ”

    กงซุนชงรู้สึกว่าคำพูดนี้มีเหตุผลอย่างมาก “ข้าผิดไปแล้ว ขอท่านพ่อยกโทษให้ข้าด้วย!”

    กงซุนอู๋จี้พยักหน้าอย่างพึงพอใจ “จงจำไว้ว่า หากเจ้าไม่มีความมั่นใจเต็มร้อย อย่าเผยเขี้ยวเล็บอย่างเด็ดขาด!”

    รุ่งเช้าวันถัดมา ขณะที่ฉินโม่กำลังหลับสบาย

    เขากอดหมอนยาวอยู่ในอ้อมแขน พลางพึมพำว่า “ไก่ย่าง เป็ดย่าง แล้วก็ตามด้วยหมูตุ๋นน้ำแดง…”

    ปัง!

    ทันใดนั้น ประตูห้องของเขาถูกผลักออกอย่างแรง

    “เจ้าโง่! ยังจะไม่ลุกอีก? ข้าเตรียมของขวัญไว้พร้อมแล้ว วันนี้เจ้าต้องไปขอโทษองค์หญิงที่ตำหนักเฟิ่งหยาง!”

    เมื่อวานนี้ฉินโม่ก่อเรื่องใหญ่ที่สถาบันกว๋อจื่อเจี้ยน และยังไปซ้อมทายาทจ้าวกว๋อกงปางตาย ทำให้ฉินเซียงหรูโกรธเกรี้ยวอย่างมาก

    “ตั้งแต่ฟื้นคืนชีพกลับมาดูเหมือนเจ้าจะก่อเรื่องมากขึ้นเรื่อยๆ”

    ฉินโม่ร้องด้วยความเจ็บปวดขณะที่กระโดดหลบแส้ไปรอบเตียง “ท่านพ่อ หากท่านยังตีอีกข้าจะไม่รับท่านเป็นบิดาแล้ว!”

    ฉินเซียงหรูโกรธจนจมูกแทบจะบิดเบี้ยว แต่เขายังคงต้องระงับอารมณ์ไว้เพราะยังมีเรื่องสำคัญรอคอยอยู่ “ลุกขึ้นเร็วๆ เช้านี้มีคนจากวังหลวงมารับเจ้าไปขอโทษองค์หญิง ข้าบอกว่าเจ้าอาบน้ำอยู่ขอให้พวกเขารอคอยสักครู่ ตระกูลฉินของเรามีเจ้าเป็นทายาทเพียงคนเดียวช่วยทำตัวให้มันเหมือนผู้เหมือนคนหน่อย รีบไปจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย อย่าให้งานวิวาห์นี้ล่มอย่างเด็ดขาด!”

    “ไม่ไป! ตีให้ตายข้าก็ไม่ไป!”

    ฉินเซียงหรูไม่รู้จะทำอย่างไรกับฉินโม่แล้ว สุดท้ายจึงต้องอ้อนวอน “ถ้าเจ้ายอมไปขอโทษองค์หญิงข้าจะอนุญาตให้เจ้ามีสาวใช้สามคน!”

    เมื่อคืนฉินโม่เอาแต่ร้องโวยวายว่าอยากได้สาวใช้มาดูแล

    ฉินเซียงหรูรู้สึกยินดีอยู่บ้าง ที่จริงแล้วก่อนหน้านี้ฉินโม่สนใจแต่การต่อสู้ ไม่เคยมีความคิดเรื่องชายหญิงมาก่อน ดูเหมือนว่าบุตรชายของเขาจะเริ่มจะโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว

    "จริงหรือ? ท่านไม่ได้หลอกข้าใช่ไหม?"

    "พ่อเคยหลอกเจ้าตอนไหน?"

    ฉินโม่พยักหน้า บิดาคนนี้แม้จะชอบตีเขาอยู่เป็นประจำ แต่หากสังเกตดีๆ จะเห็นว่านี่เป็นบิดาที่การุณอย่างยิ่ง

    "เสี่ยวหลิ่ว! เสื้อผ้าของข้าอยู่ไหน?"

    "คุณชาย เสื้อผ้ามาแล้ว!"

    เสี่ยวหลิ่วรีบวิ่งเข้ามาในห้องพร้อมกับช่วยเหลือฉินโม่เปลี่ยนชุด

    เสื้อผ้าของราชวงศ์ต้าเฉียนนั้นซับซ้อนและยุ่งยากมาก ฉินโม่จึงให้คนมาแก้ไขให้เรียบง่ายขึ้น

    "นี่ เจ้ากำลังใส่อะไรอยู่เนี่ย? ถอดมันออกเดี๋ยวนี้!"

    "ข้าไม่ถอด! ถ้าท่านบอกให้ข้าถอด ข้าก็จะไม่ไปวังหลวง!"

    ฉินเซียงหรูหอบหายใจด้วยความโกรธ แต่สุดท้ายก็ยอมแพ้ เพราะเขาหลอกให้ฉินโม่ตกลงไปขอโทษองค์หญิงได้แล้ว เรื่องเล็กน้อยนี้ฝ่าบาทคงไม่ถือสาหรอก

    ยิ่งไปกว่านั้น วันนี้ยังเป็นวันหยุดไม่มีการประชุมที่หน้าบัลลังก์ ดังนั้นจะไม่มีขุนนางคนไหนกล้าตำหนิการแต่งตัวของฉินโม่

    ต่อมา ฉินโม่ก็จำใจหอบของขวัญเข้าไปในวังหลวง

    "ราชบุตรเขย องค์หญิงจิ่นหยางไปที่ตำหนักหลี่เจิ้งแล้ว โปรดรอสักครู่ ข้าจะไปแจ้งองค์หญิงเอง"

    "รีบไปเถอะ ช่างยุ่งยากจริงๆ!"

    ฉินโม่กล่าวด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
    ………

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×