ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ปาฏลีสีทราย (บุหงาราคี 2)

    ลำดับตอนที่ #5 : นางระบำ 70%

    • อัปเดตล่าสุด 23 มิ.ย. 55


    สองสามีภรรยาพากันย่ำเท้าฝ่าแรงลมและเม็ดทรายกลับมาหากลุ่มโจรอีกครั้ง พวกเขารีบขึ้นไปนั่งบนหลังเจ้าเครางาม เพื่อที่จะเดินทางต่อ อามีนยังคงกอดร่างภรรยาของเขาเช่นเดิม จนปาฏลีเผลอคิดไปว่าหากอ้อมแขนแสนอุ่นที่กอดเธอในขณะนี้ มีหัวใจรักมอบมาให้เธอบ้างคงจะดีไม่น้อย

    สายลมพัดแรงจนในหูได้ยินเพียงเสียงอื้ออึง มันแทบจะพัดเอาหลายร่างบนหลังม้าปลิดปลิวตามไปด้วย ยามนี้หัวหน้าโจรเลือกสั่งการให้ลูกน้องเร่งฝีเท้าม้าให้เร็วขึ้น แม้เม็ดทรายที่ปลิวมากระทบจะเสียดีจนแสบผิวเนื้อ แต่มันคงดีกว่าพบเจอกับพายุทะเลทรายในราตรีกาลเช่นนี้

    ม้าหกตัวกับคนเจ็ดคนมุ่งไปทางทิศเหนือ อามีนค่อนข้างแน่ใจว่า ทางนี้คือหนทางที่มุ่งสู่ เอลูบาซู ถึงแม้ว่าหัวหน้าโจรจะลวงทางด้วยการพาอ้อมหนึ่งรอบก็ตาม

     

    สองชั่วโมงถัดมา

    “ถึงแล้ว”

    หัวหน้าโจรร้องบอก ปาฏลีกับอามีนถูกเร่งให้ลงจากม้า ก่อนที่จะมีหญิงสาวนุ่งชุดสีสันฉูดฉาดซึ่งคล้ายๆ กับชุดของหญิงสาวในการ์ตูนอาละดินที่เธอเคยดู มาบังคับให้พวกเธอเข้าไปในกระโจม

    “อามีน...คุณว่าเราจะถูกจับไปต้มหรือเปล่า”

    ปาฏลีปัดเศษดินเศษทรายออกจากร่าง ทว่าปากก็ยังถามสามีด้วยความอยากรู้ในชะตากรรม

    “อืม...ไม่แน่ใจ ทำไมรึ? เจ้าชอบสุกๆ ใช่ไหม”

    “เปล่า! สุกๆ ดิบๆ กำลังดี อามีน! ตลกตายล่ะ”

    ภรรยาสาวหน้างอง้ำ หล่อนนำพาหน้าแก้มป่องๆ ค้อนให้สามีไปหนึ่งวง ก่อนเรียวขาเสลาจะเดินสำรวจทั่วกระโจมเล็กๆ มันไม่มีสิ่งใดมากมาย นอกจากเตียงนอน ผ้าห่ม และน้ำดื่ม อ้อ...ยังมีเสื้อผ้าซึ่งเป็นของใครก็ไม่รู้วางคู่กันสองชุด ดูไปดูมาเหมือนสิ่งของเหล่านี้เตรียมไว้เพื่อเขากับเธออย่างไรก็ไม่รู้

    “เหนียวตัวจังเลย ขนาดอากาศหนาวนะเนี่ย”

    ปาฎลีบ่นพึมพำหล่อนเดินไปนั่งบนเตียงห้อยขาลงมาแล้วใช้กำปั้นน้อยๆ ไล่ทุบแรงๆ ไปตามต้นขาและปลีน่อง

    “เมื่อยมากหรือเมียข้า” อามีนถามยิ้มๆ

    อดีตชีคคิดว่ากำลังถูกต้อนรับจากใครบางคนด้วยวิธีของพวกเขา ซึ่งไม่ใช่โจรหรอก...ไม่ใช่แน่ๆ ชายหนุ่มมั่นใจ

    “อาฮะ ถ้าจะให้ดี สามีมานวดให้เมียหน่อยจะได้หรือไม่เจ้าคะ”

    ภรรยาคนงามออดอ้อน ยิ้มให้ทั้งตาทั้งปาก

    “ย่อมได้เสมอเมียข้า”

    อามีนเขาไปนั่งข้างๆ ภรรยา เขายกขาหล่อนข้างหนึ่งขึ้นมาพาดบนตักก่อนจะถอดรองเท้าแล้วนวดขาและฝ่าเท้าให้หล่อนเบาๆ

    “เป็นยังไง? ดีขึ้นบ้างไหม เรานวดไม่เป็นหรอก แต่ไม่อยากทนฟังเจ้าบ่นเป็นยายแก่เช่นนี้”

    “อามีน!” ปาฏลีแหวใส่ทำเอาอามีนหัวเราะเพราะถูกใจยามเห็นหล่อนโมโหโกรธา “ปกติชอบนวดให้สาวๆ บ่อยล่ะสิ”

    “หึๆ เจ้าหึงเรารึ?”

    “เปล๊า! ใครหึง ไม่มี๊ เราแต่งงานเพราะเงื่อนไขและข้อตกลงเท่านั้น อย่างอื่นคุณไม่ควรพูดถึงมันเพราะว่ามันไม่มี!

    อามีนถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาไม่ชอบใจเวลาที่หล่อนเอ่ยถึงเรื่องนี้เลย ชายหนุ่มเปลี่ยนมายกขาเจ้าหล่อนอีกข้างขึ้นมานวด ปาฏลีต้องหันใบหน้าและร่างมาหาเขาเพราะไม่อย่างนั้น สามีผู้อารมณ์แปรปรวนคงได้จับแขนขาเธอพลิกคว่ำพลิกหงาย  เพื่อทำการนวด (ขยำ) ให้ เป็นแน่แท้

    “เดินก็ไม่ได้เดินเสียหน่อย เท่านี้ก็ปวดขา แล้วยังอยากมาเป็นเมียเรานะปาฏลี”

    “แล้วทำไมละ คุณก็ไม่ได้เป็นสุภาพบุรุษขนาดนอนจับมือเจ้าสาวอย่างฉันในวันเข้าหอเสียหน่อย มันก็เหมือนๆ กันนั่นล่ะ”

    ปาฏลีย้อนคืน ทำเอาอามีนต้องยกมือขอยอมแพ้ นั่นเพราะว่า คืนเข้าหอ เขาทำมากกว่าจับมือหล่อนเป็นร้อยเท่า

    “ยอมแล้วปาฏลี ปากเจ้านี่มันคมจริงๆ” อามีนสารภาพเสียงอ่อย ปาฏลีในอ่อนยวบ แต่ไหนแต่ไรมา อามีนไม่เคยพูดออกมาตรงๆ สักครั้งว่ายอมแพ้คำพูดเธอ คราวนี้เขาคงขี้คร้านจะเถียงกับเธอจริงๆ

    “อามีน...ทำไมไม่เถียงกับฉันต่อล่ะ ฉันอยากได้ยินเสียงคุณไปจนกว่าฉันจะสิ้นลมหายใจ” จู่ๆ ปาฏลีก็ชวนสามีเข้าโหมดเศร้าอีกครั้ง

    อามีนวางท่อนขาของหล่อนลงก่อนจะรวบร่างบางมากอด

    “เจ้าพูดอะไรปาฏลี เราไม่ยอมให้เจ้าเป็นอะไรหรอกน่า” อามีนกระซิบ แต่น้ำเสียงมั่นคงเด็ดเดี่ยว

    “ฉันกลัวนี่นา ฉันไม่เคยรับรู้ถึงความหนาวเหน็บและอันตรายของทะเลทราย ฉันไม่เคยถูกโจรปล้น ไม่เคยขี่ม้ารวดเดียวเป็นชั่วโมงๆ ที่สำคัญ...ฉันไม่เคยฉี่โดยไม่ใช้ห้องน้ำด้วย” 

    น้ำเสียงเง้างอนในตอนท้ายทำเอาอามีนหัวเราะในลำคอเบาๆ ตอนแรกเขาคิดว่าหล่อนคงกลัวอย่างที่พูดจริงๆ ทว่า พอฟังจนจบถึงได้รู้ว่า หล่อนคงต้องการเพียงประชดเขาเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น

    “เราขอโทษนะปาฏลี เพราะอคติของเราแท้ๆ ถึงดึงเจ้ามาลำบากด้วยกัน หากเจ้ายังอยู่เมืองไทย เจ้าคงยังเป็นนางฟ้าของวงการมายาต่อไป และถ้าวันนี้ เราสองคนต้องถูกสังหารจริงๆ เราขอให้ชาติหน้าได้เกิดมาเป็นสามีของเจ้า เป็นสามีที่แต่งงานกับเจ้าด้วยความรัก ไม่ใช่ด้วยเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น”

    “ไม่...ไม่จริง ฉันแต่งงานกับคุณเพราะฉันรั...”

    ขณะนั้นเอง หญิงสาวในชุดพื้นเมืองสีสันสวยงามพร้อมกับปิดบังใบหน้าด้วยผ้าทอปักดิ้นสีแปลกตา ก็เดินนำขบวนกันเข้ามา ซึ่งมีทั้งหมดสามนางด้วยกัน ทำให้ปาฏลีต้องหยุดคำพูดของตนไว้เพียงเท่านั้น

    สาวๆ วางอ่างน้ำและผ้าเช็ดตัวไว้ที่มุมหนึ่งของกระโจม อีกนางเดินมาคลี่ชุดสีปีกแมลงทับออกให้ปาฏลีมองชัดๆ เธองงเล็กน้อยที่เห็นพวกหล่อนเหล่านั้น สื่อสารทางภาษากายว่าให้เธอลุกมาล้างเนื้อล้างตัวแล้วสวมชุดที่ว่า

    ปาฏลีหันมามองอามีน เขาลุกไปล้างหน้ากับน้ำในอ่างแล้วรับเอาเสื้อผ้าอีกชุดจากมือหญิงสาวอีกนาง มาถือไว้

    “พวกนางอยากให้เจ้าสวมชุดนั้น” อามีนช่วยไขข้อข้องใจให้ภรรยา

    “ทำไมต้องสวมด้วย ฉันใส่ชุดนี้ก็ดีแล้ว เราเป็นเชลยนะไม่แขก ชุดสวยๆ อย่างนี้คงไม่ได้มีไว้สำหรับเชลยกระมัง”

    ปาฏลีแสดงทัศนะตามที่ได้วิเคราะห์คร่าวๆ มันชักยังไงๆ แล้วนะ

    คนพวกนี้ ต้องการอะไรกันหนอ?

    ความคิดของปาฏลีได้สะดุดอีกครั้งเพราะเสียงกลองเสียงเคาะจังหวะพร้อมกับเสียงขับขานทำนองเพลงของชนเผ่าโจรแว่วมาเข้าหู มันชวนให้ฮึกเหิมในทำนองเพลงเหลือเกิน ทว่าสักพัก เสียงกลองอันนำพาจิตใจให้ฮึกเหิม ก็ผ่อนจังหวะลง คราวนี้มีเสียงแตร หรือเครื่องเป่าอะไรสักอย่างดังแทรกเข้ามาด้วย มันชวนให้อยากเต้นเพลงจินนี่จ๋าของนักร้องคนดังในอดีตเหลือเกิน

    หญิงสาวนางหนึ่งบอกแก่อามีนว่าได้เวลาที่สตรีที่มากับเขาต้องทำตามสัญญาแล้ว นั่นทำให้อามีนเข้าใจว่าทำไมปาฏลีต้องใส่ชุดนั้น

    “ปาฏลี เจ้าอยากรู้หรือไม่ว่าเราตกลงอะไรกับหัวหน้าโจร เขาถึงได้ปล่อยให้เจ้าไปทำธุระกลางทะเลทราย”

    “อยากรู้สิ แต่คงไม่เกี่ยวกับฉันใช่ไหม?” ปาฏลียิ้มแห้งๆ ให้สามี และหวังว่าเธอคงเดาถูก

    อามีนเม้มปากเล็กน้อย พยักหน้าช้าๆ ก่อนจะตอบภรรยาว่า

    “บังเอิญใช่...และชุดที่เจ้าต้องใส่มันคือชุด...” อามีนไม่อยากพูดเลย เขาจะโดนหล่อนจับหักคอหรือเปล่าหนอ

    “ชุดอะไรอามีน คงไม่ใช่ชุดเจ้าสาวหรอกนะ โอย...คุณไม่บอกเขาหรือว่าฉันเป็นเมียคุณ! คุณคงไม่ยกฉันให้แต่งงานกับโจรหรอกนะ!” ปาฏลีเอ่ยเสียงเครือน้ำตาคลอเบ้าปริ่มๆ ขอบตา

    “ไม่ ไม่ใช่เลยเมียข้า เพราะว่ามันเป็นเพียงชุด นางระบำ”

    “เฮ้อ!...โล่งอกไปที กะอีแค่ชุดนางระบำ...นางระบำ กรี๊ดดด!!! ไม่นะ! ฉันไม่ใส่หรอก จะให้ฉันเต้นจินนี่จ๋าเหรอ ไม่เอานะฉันเต้นไม่เป็น โฮๆๆๆ”

    ปาฏลีโอดครวญ หล่อนถูกหญิงสาวสามนางจับเช็ดเนื้อเช็ดตัวลวกๆ ก่อนจะสวมชุดสีปีกแมลงทับที่มีส่วนตัวเสื้อกับกางเกงแยกจากกัน แถมยังโชว์พุงขาวๆ ด้วย เธอนั่งเป็นหุ่นให้สตรีร่างน้อยต้มยำทำแกงตกแต่งใบหน้าเธอเสียให้หนำใจ นาทีนี้เธอคงต้องยอมรับชะตากรรมแต่โดยดี นึกในใจว่าอย่างน้อยก็ดีกว่าถูกประหารล่ะ

    “อามีน...” ปาฏลีทำเสียงเศร้า ตาละห้อย

    “อะไรรึภรรยา เจ้าอยากได้สิ่งใด” อามีนถามยิ้มๆ ตอนนี้หญิงสาวสามนางทยอยออกไปจากกระโจมจนหมดทุกนางแล้ว ปาฏลีอยู่ในชุดพื้นเมืองของชนโจรแล้วช่างงดงามนัก เขาไม่แปลกใจเลยที่วงการมายาของเมืองไทยขนานนามหล่อนว่า นางฟ้า

    “ฉันขอเปลี่ยนจากเต้นระบำ เป็นเต้น ฮิพฮอพ ได้ไหม แหะๆ”

    “...อ่า....เราว่า...คงไม่ดีกระมัง แหะๆ”

    อามีนยิ้มแห้งๆ คืนให้ภรรยา หล่อนจะเต้นฮิพฮอพให้โจรทะเลทรายได้ยลเช่นนั้นหรือ มันคงเข้าท่าพิลึกนะปาฏลี

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×