คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : สถาบันเดียวกัน
Chapter3 สถาบันเดียวกัน
“กู๊ดมอนิ่ง” คุณครูเริ่มสอน
“นี่มันสายแล้วนะคะ คุณครู สิบโมงเช้าแล้ววว!” มาสเตอร์แซนตาคอสยังไม่ทันจะสอนถึงไหนเด็กๆ ก็ยกมือขึ้นประท้วง
“มายกอด มายเบบี๋ จายเย็นๆ!”
คุณครูชาวต่างชาติหัวเราะเสียงดังๆ
ก่อนจะกุมขมับ
“ผมจาสอนเด็กๆ ท่องเอถืงแซดนาคร้าบ ถ้าพร้อมแล้วก็ไปกันเลย!”
เด็กๆ ในห้องมองมาสเตอร์แซนตาคอสด้วยแววตาแป๋วๆ พร้อมท่องตัวเอ บี ซี
บางคนกระโดดไปเอ็ก วาย แซดเรียบร้อยแล้ว
“ดูอาหมวยเล็กสิส้มป่อย แอบกินซาลาเปาอะ!” คารามายเขย่าแขนส้มป่อยที่ยังคงขมักเขม่นกับการท่องวนๆ อยู่กับเอบีซีดีอีเอฟโอพีคิวอาเอ็กวายแซดอย่างงงๆ
“ทำไมหละ?” ส้มป่อยถามเสียงใสแล้วเหล่ตามองใต้โต๊ะของแก๊งเด็กหญิงเชื้อสายจีน
ซึ่งประกอบไปด้วยอาหมวยเล็กหรือชื่อจริงๆ เธอคือซาลาเปา
ขนมจีบ ซึ่งเป็นเด็กหญิงร่วมก๊วนหุ่นผอมๆ กว่าซาลาเปาเยอะ
และติ่มซำเด็กผู้ชายที่หน้าตาหวานหยดเสียยิ่งกว่าผู้หญิง
“ก็เราอยากกินบ้าง!” ซีม่าที่เห็นสีหน้าแววตาละห้อยของคารามายหัวเราะแล้วเสนอแผนร้าย
“เดี๋ยวตอนพักเที่ยงเราก็ไปแอบหยิบมากิน” ส้มป่อยรีบห้าม
“ไม่ๆ อยากกินเราก็ขอเลยสิ”ซีม่าตาโตอย่างตกใจ แต่คารามายตาเป็นประกาย
“อาหมวยเล็ก เราขอกินซาลาเปาด้วยสิ!” อาหมวยเล็กที่เคี้ยวซาลาเปาอยู่โดยทำเนียนแอบยกสมุดขึ้นบังปากที่กำลังเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อยอ้าปากค้าง
“ใครบอกให้ขอตอนนี้!” ไม่ทันจะจบเสียงร้องครวญของซีม่า ครูแซนตาคอสก็วิ่งปรี่เข้าไปหาซาลาเปา
ที่หันมามองคารามายตาขวาง จนเด็กหญิงหน้าเจื่อน
“ฮ่าๆ ยาแก้คัน ยาแก้คัน!” เสียงหัวเราะเยาะเย้ยจากกลุ่มเด็กชายที่ดังลั่น
จากกลุ่มเด็กผู้ชายที่วางท่าเป็นนักเลงโตมาแต่ไหนแต่ไร ถึงจะอายุแค่ห้าหกขวบแต่พวกเขาก็ตัวโตกว่าเพื่อนๆ ในห้อง
“เด็กชายชา ทามมายหัวเราะเยาะเพื่อนแบบนั้น?” ครูแซนตาคอสเดินเข้าไปทำหน้าดุใส่แก๊งเครื่องดื่มสุดซ่าประจำห้อง
“ก็ยาแก้คันเขาทำให้ยัยหมวยเล็กโดนลงโทษ!” เด็กชายชาบอกครูแล้วกอดอกยิ้มยียวน
“ไม่ต้องเลย กินอาหารในคาบภาษาอังกฤษไม่ว่าใครก็ผิดทั้งนั้นแหละ” ครูบอกเสียงดัง
“ไม่ผิด!” เพื่อนรักของชาอย่างกาแฟ
หรือเด็กชายผมยาวสลวยในตาสีน้ำตาลอ่อนเถียงครูแซนตาคอสอย่างเอาเรื่อง
“อย่าก้าวร้าวสิพวกเธอนี่!” เด็กผู้ชายหน้าตี๋ๆ สวมแว่นตายิ้มแล้วพูดเสียงใส
“ก้าวร้าวหรอครับ พวกเราแค่บอกเองทำไมผู้ใหญ่ชอบคิดว่าเราก้าวร้าวด้วย!”
หมาหล้าและพนมเปญที่ดำรงตำแหน่งหัวหน้าห้องและรองตามลำดับรีบวิ่งเข้ามาห้ามศึกระหว่างครูกับนักเรียน
“พวกเราเรียนหนังสือเถอะนะครับ อย่าพึ่งเถียงกันเลย เดี๋ยวก็จะพักกินข้าวกลางวันแล้ว” หมาหล้าพยายามไกล่เกลี่ย จนครูแซนตาคอสที่เงียบไปบอกกับเด็กชายชา
“ครูขอโทษที่ด่วนตัดสินนักเรียนเกินไป” เพื่อนซี้สามแสบยิ้มกว้าง ก่อนจะก้มหน้าเอ่ยแทบจะพร้อมกัน
“พวกเราก็ขอโทษมาสเตอร์เหมือนกันครับ ที่พวกเราเสียงดังและเอาแต่ใจเกินไป” ครูแซนตาคอสลูบศีรษะเด็กน้อยทั้งสามนิดหนึ่งก่นเดินกลับไปสอนพร้อมให้ซาลาเปายืนอ่านเอถึงแซดอยู่หน้าห้อง แค่แป๊บเดียวบรรยากาศที่กำลังจะตึงเครียด
ก็กลับสู่ความวุ่นวายเหมือนเคย
“กู๊ดบายมาสเตอร์” เด็กๆ ต่างร้องบอกคุณครูที่ยิ้มแย้มแล้วเดินออกจากห้องเรียนไป ทำให้เสียงจอแจ
ของห้องเรียนอนุบาลวัดป่าปัญญาธรรมดังสับสนขึ้นมาทันที
“คารามาย เธอจะกินทำไมไม่รอเที่ยงก่อนจ้ะ!” เสียงต่อว่าต่อขานของเด็กหญิงซาลาเปาหรืออาหมวยเล็กที่ทุกคน
ชอบเรียกกันบ่นอุบอิบทำให้ส้มป่อยและซีม่าที่พึ่งกลับมาจากการล้างมือเตรียมทานอาหารเที่ยงกับเพื่อนๆ
หัวเราะสีหน้ามุ่ยของคารามายไปอีกรอบ
“ปลาทอดของเธอฉันกินนะยัยยาแก้คัน!” ชามายืนมองปลาสามรสของคารามายและยื่นมือมาเตรียมจะหยิบไปชิม
“อย่านะ!” คารามายอ้าปากงับมือนักเลงประจำห้องหมับ
จนชาร้องจ๊ากเสียงดังลั่นทำให้เพื่อนๆ รีบวิ่งเข้ามาแยกทั้งสองคนจากกันอย่างอุตลุดชุลมุน
“ยัยยาแก้คันเธอกัดฉัน!” ชาร้องโอดครวญและมองคารามายที่ตาวาว
“นายนั่นแหละจะแย่งปลาของฉันก่อน” พูดพลางอ้าปากจะงับอีกรอบจนชารีบผวาดึงมือหนี
“พวกเธอสองคนนี่เดี๋ยวไม่กินข้าวพระอาจารย์มาก็ได้ฉันไม้เรียวแทนหรอก” เต่างอยกระโดดมากั้นขวางระหว่างทั้งสองจนทั้งคู่ต่างสะบัดหน้าจากกัน
พร้อมตะโกนเชอะเสียงดัง
“ก็แบ่งกันกินก็จบนะจ๊า” คนที่ไม่เคยแทรกทุกคนที่พูดมาตลอดบอกขึ้น
“ถูกต้อง คำพูดของไวโอลีนถือเป็นที่สุดนะ” เด็กชายไวโอลีนมองหน้าแต่ละคนด้วยรอยยิ้มแย้ม
“ขี้เก๊กชะมัดเลยเนอะหมอนั่นนะ!” นมสดบุ้ยปากใส่ไวโอลีนที่หันกลับไปคุยกับกลุ่มของพนมเปญซึ่งประกอบด้วยย่างกุ้งและย่างไก่สองพี่น้องจากประเทศเมียนมาร์
รวมไปถึงเวียงจันเด็กสาวจอมเรียบร้อยจากประเทศลาว
คุนหนิงเด็กสาวชาวจีนตัวเล็กและโตเกียวเด็กหญิงชาวญี่ปุ่นผู้มีความฝันจะเป็นนินจา
“ส้มป่อย กินอาหารกับเรามั้ยอะ?” ส้มป่อยกะพริบตาปริบๆ คำว่า’กินอาหารกับเรา’ มันฟังไม่ค่อยรื่นหูสำหรับเธอ
สักเท่าไหร่
“ย่างไก่เราอิ่มแล้ว”
ซีม่าสะกิดแล้วปรายตามองย่างไก่ก่อนจะบอกอย่างแก่แดด
“ย่างไก่เขาจีบเธอแน่เลย!” ส้มป่อยยิ้มแห้งๆ จะให้เด็กอายุสี่ห้าหกขวบเนี่ยนะมาจีบกัน
“รอให้โตกันกว่านี้อีกหน่อยดีมั้ยเจ้าคะ?” ส้มป่อยถามเพื่อนสนิทแล้วซีม่ากับส้มป่อยก็หัวเราะเสียงดังจนแก๊งนางฟ้า
ซึ่งประกอบด้วย
บาบี้เด็กหญิงจากอังกฤษ เปียโนเด็กหญิงจากสวิทเซอร์แลนด์และเหมือนฝันเด็กผู้หญิงชาวไทยหันมามอง
“มองทำไมใส้เดือนดิน?” เสียงเล็กๆ ของซีม่าร้องถามทำให้บาบี้เบ้หน้าใส่แล้วกลุ่มเพื่อนผู้หญิงก็ไปวิ่งเล่น
หรือเล่นกระโดดเชือก บ้างบางคนก็พากันไปเล่นซ่อนแอบรอบๆ ห้องเรียน ส่วนกลุ่มเด็กผู้ชายก็วิ่งกลูกันไปเตะบอล
หรือปั้นดินน้ำมันและวาดรูปเช่นเดียวกับเด็กผู้หญิงที่เหลืออยู่ด้านบน
คารามายก็วาดรูปอยู่ข้างบนศาลาเช่นเดียวกับซีม่าที่กำลังเล่นเลโก้กล่องใหญ่ ซึ่งเหมือนเขาจะไม่เหงาเพราะขนมจีบ
ติ่มซำพนมเปญและย่างกุ้งมารวมกลุ่มเล่นด้วย
ส้มป่อยกระโดดลงมาวิ่งเล่นกับแก๊งนางฟ้าที่วิ่งไล่จับกันไปตามลานรอบๆ ห้องเรียน ไกลๆ พวกชากาแฟนมสด หมาหล้าย่างไก่ไวโอลีนรวมถึงเต่างอยต่างไปวิ่งเล่นไล่ตามลูกฟุตบอล
“ส้มป่อย มาดูนี่เร็ว!” เสียงร้องเรียกของเปียโนตกอกตกใจทำให้ส้มป่อยรีบวิ่งไปรวมกลุ่มกับบาบี้และเหมือนฝัน
ที่แอบมองลอดช่องพุ่มไม้ออกไป
ในช่วงนี้เป็นเขตข้างวัดพอดีทำให้มองเห็นถนนสายชนบทที่คนสัญจรในพื้นที่คงใช้กันเส้นเล็กๆ ที่ปกคลุมด้วยเงาร่มไม้ครึ้ม
ในเวลานี้เมื่อแอบมองลอดรูพุ่มไม้ออกไป สิ่งที่พวกเธอมองเห็นคือกลุ่มเด็กชายเกือบยี่สิบคนที่เดินตามเด็กชายร่างอ้วน
ผิวดำเมี่ยมมาตามถนนแล้วร้องลั่น
“ไอ้ชา อนุบาลวัดป่ากระจอกอยู่ไหนว้า วันนี้แก๊งอ้วนดำมาเอาคืนแล้วนะโว้ย!”
ส้มป่อยตาโต เพราะพวกของชาเล่นฟุตบอลอยู่กลางแจ้งทำให้ได้ยินเสียงร้องท้าทายจากข้างวัดได้ชัดเจน
“พวกเขากำลังจะทำอะไรกันหรอ?”เปียโนที่มักพูดน้อยและยิ้มมากกว่าถามเสียงสั่นๆ
“คงจะต่อยกันมั้งดูสภาพแล้ว” เหมือนฝันมองแล้วบอกเพื่อนๆ ที่แอบมองด้วยกันอย่างรู้เรื่อง
แค่เห็นสีหน้าพร้อมมีเรื่องของแต่ละคนก็ทำให้เข้าใจได้
“งั้นเราจะทำไงดี?” คำถามของบาบี้นี่แหละที่ตอบยากสุด
“เอางี้เบบี้เปียโนเธอรีบไปเรียกพระอาจารย์มาเร็ว ส่วนฉันกับเหมือนฝันจะวิ่งไปบอกเพื่อนๆ”
“ได้เลย”
สองสาวชาวต่างชาติรีบปลีกตัวไป
ส้มป่อยเห็นเหมือนฝันก้มคว้าไม้ไผ่ขนาดเหมาะมือขึ้นมาแล้วสุ้มมองขบวนของเด็กประถมกลุ่มใหญ่ที่เดินใกล้เข้ามา
“ฝัน อย่าบอกนะว่าเธอจะแอ็กชั่นก่อนนะ!” ส้มป่อยถามอย่างหวาดๆ เหมือนฝันยกนิ้วให้ก่อนจะชี้ไปที่ก้อนหินขนาดใหญ่น้อยที่เกลื่อนพื้นและบอกเสียงเบา
“คนอย่างชากาแฟนมสดอะ พร้อมออกไปต่อยแน่นอน หมาหล้าก็ต้องช่วยสมาชิกห้องอยู่แล้ว
พวกเราสถาบันเดียวกันจะทิ้งกันได้ไง!!”
ส้มป่อยไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ที่ได้ยินคำพูดแนวแสดงความรักต่อสถาบันของเด็กหญิงเหมือนฝันวัยห้าขวบ
“รีบกลับไปบอกเพื่อนๆ เร็ว ใครไม่พร้อมก็วิ่งไปหาพระอาจารย์ ใครพร้อมลุยทั้งลอบกัดหรือออกไปแลกหมัดก็มา!”
ส้มป่อยมองเหมือนฝันอย่างทึ่งๆ ก่อนเธอจะรีบกลับไปแจ้งข่าวกับเพื่อนทั่วศาลาที่บ้างร้องไอ้หยา
บ้างกลัวจนตัวสั่น
“สมน้ำน่าไอ้นักเลงชา!”
คารามายปากบอกสมน้ำน่าแต่มือเก็บของแล้วกระโดดแผลวตามซีม่าและพนมเปญที่วิ่งลิ่วไปก่อนแล้ว
“พวกเราไปช่วยเหมือนฝันดีกว่า!” ทีมของซาลาเปาขนมจีบเวียงจันคุนหนิงและโตเกียวต่างวิ่งปร๋อเข้าไปในพุ่มไม้
อย่างชำนาญพื้นที่
ทำให้ส้มป่อยได้แต่กะพริบตาปริบๆ
“นี่ทุกคนรักเพื่อนและสถาบันมากๆ เลยค่ะ!!”
………………………..***
ความคิดเห็น