ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สร้างฮาเร็มในต่างโลก 1

    ลำดับตอนที่ #21 : โลกนี้ต้องสวย ++รีไรต์เรียบร้อย

    • อัปเดตล่าสุด 9 ก.ค. 64


             บทที่ 21 โลกนี้ต้องสวย

     

     

     ผู้บริหารทั้งห้าสิบเก้าและหมาป่าถูกหน่วยช่วยชีวิตเฉพาะกิจคือสองสาวคาริและหลินหลิน

    ลากออกมานอนหน้าห้องประชุมจนทางเดินยาวเต็มไปด้วยคนแก่ ผู้หญิงและคนหนุ่มที่หน้าซีดเผือดเป็นไก่ต้ม

    นอนหายใจโรยริน

    โชคดีอยู่บ้างที่หลายคนสำเร็จปราณขั้นเทวดาและเลือกเรียนวิชายุทธ์ได้ตามที่ท่านประธานซันสั่งแล้ว

    จึงมีหน่วยอาสาเฉพาะกิจมากขึ้นหนึ่งในนั้นคือภิภพและเกษมที่ได้แต่ปาดเหงื่ออย่างเซ็งๆ

    เสียงบทเพลงในค่ำคืนแห่งมิตรภาพยังคงดังออกมาอย่างต่อเนื่องจากห้องประชุมที่กลายเป็นเวทีโชว์คอนเสิร์ตไปแล้ว

    แต่ทุกคนที่ได้ยินคนเมาเก้าคนผลัดกันร้องเพลงได้แต่ยกมือขึ้นอุดหูและรีบลากสังขารเพื่อนร่วมชะตากรรม

    เผ่นไกลยิ่งกว่าเดิม

    หลินหลินและคาริจ้องตากันแล้วถอนหายใจ

    สองสาวพาน้ำค้างใสกลับไปนั่งสะสมปราณในห้องของชายหนุ่มผู้เป็นสามีแล้วพวกเธอจึงมายืนกอดอกกวาดตาขวาง

    จ้องห้องประชุมที่ยังมีเพลงหลายสัญชาติดังออกมาอย่างต่อเนื่อง

     

     

    ภายในห้องประชุมยังคงครึกครื้นเพราะหลังจากเทพประมงกู่ร้องบทเพลงแนวอินเดียนแดนจบลง

    เทพจักรกลก็รับไมไปร้องเพลงแนวคลาสสิกร่วมสมัยจังหวะเมามัน ทำให้ทุกคนได้พลิ้วระบำไปบนห้องประชุม

    ที่กว้างใหญ่อย่างไร้สิ่งกีดขวางเพราะท่านประธานซันเตะมันไปกองรวมทางหนึ่งหมดเกลี้ยงแล้ว

    เทพเกษตรกรยกปลาดุกขึ้นมาจากเตาปิ้งแล้วกระชากจนลำตัวขาดคลึ่งและเทพดาบจึงฟันให้ขาดเป็นชิ้นเนื้อก้อนใหญ่ๆ แจกจ่ายลงสู่จานของทุกคน

    เทพหอกยิ้มและชนแก้วกับชายหนุ่มที่ยังคงโยกสะบัดอย่างรุนแรง

    ชายชราจาก world sky ก็คงโยกไหล่ไปตามจังหวะได้อย่างลื่นไหล

     

    เฮ้ย ไอ้หนูซันแกรู้เปล่า พวกข้าทำงานองค์กรอะไร? เทพหอกหันไปแหกปากร้องลั่นในท่อนที่ชอบก่อนกระดกเล่าแล้วหันมาถามชายหนุ่มที่กำลังเขมือบปลาดุกในจานอย่างเอร็ดอร่อย

    จะไปรู้เหรอลุง ท่านประธานซันตอบไปตรงๆ แล้วจึงได้ยินเสียงกริ๊งเป็นสัญญาณของการชนแก้วเพื่อส่งไมต่อ

    ให้เทพกระบี่ที่รับไปร้องบทเพลงฮึกหารอย่างยอดยุทธ์เจ้าอินทรีจนทั้งห้องคลอกระหึ่มด้วยจังหวะของลูกผู้ชาย

    ท่านประธานซันอดยิ้มแห้งๆ ไม่ได้ ไม่คิดเหมือนกันว่ามันจะออกมาเป็นแบบนี้

    แววตาพราวของเจ็ดเทพแห่งหน่วยงานลึกลับยังคงติดตราตรึงพร้อมท่วงท่าการเต้นเท้าไฟจนพื้นแทบไหม้

    ยังทำให้เขาอดทึ่งไม่ได้กับลีลาของคนแก่เหล่านี้

     

    เทพธนูแย่งไมมาร้องเพลงต่อจากเทพดาบที่เข้าแถวเรียงคิวจนชายจากดินแดนผู้ดีและชายจากดินแดนปลาดิบ

    ต้องไล่แย่งไมโครโฟนกันไปทั้งห้องประชุม

    เทพจักรกลฮามาเก๊าหอบแฮ่กเพราะร่างกายท่วมเหงื่อพาสังขารใหญ่ล่ำมาพิงโต๊ะข้างๆ ท่านประธานซันและเทพหอก

    โดยอีกทางหนึ่งเทพประมงและเทพเกษตรกรยังคงโชร่ายรำผ้าขาวม้าและระบำแหเหล็กกันสุดฤทธิ์

    พวกเราเป็นองค์กรของเอกชนชื่อว่า โลกนี้ต้องสวย เทพจักรกลยิ้มกว้างและมองสีหน้าอึ้งๆ ของท่านประธานซัน

    อย่างพึงพอใจ

    เพียงไม่นาน จังหวะเพลงก็เปลี่ยนเป็นเพลงญี่ปุ่นสนุกสนาน หมายถึงไมค์คงถูกเปลี่ยนเจ้าของแล้ว

    มันมีเป้าหมายเพื่ออะไร? ชายหนุ่มพ่นก้างปลาดุกออกไปขวางเทพดาบที่จะแงะโต๊ะมาเพิ่มทำเป็นอุปกรณ์ส่วนตัว

    ง่ายๆ แค่โลกนี้สวย ไม่มีสงคราม มีความขัดแย้งบ้าง มีตีกันบ้าง แต่ต้องไม่ถึงขั้นคิดฆ่าล้างเผ่าพันธุ์

    ฆ่าคนไม่รู้เรื่อง

    ไม่ขึ้นต่อสังกัดไหน ใครพอใจทำอะไรก็ทำ เทพกระบี่เดินมาพร้อมสายตาขวางของท่านประธานซันที่เห็นชายชราชาวจีนแงะกระจกมาทำพัดเสียแล้ว

    ฮ่าๆ เจ้ามีเงินชดใช้ให้ไอ้สมโชค กระจกแผ่นแค่เนี้ย ไม่ร่วงสักรูขุมขนหรอก เทพกระบี่พูดหน้าตาย

     

    ถ้าเจ้าเข้าร่วมกับพวกเรา....เจ้าก็จะกลายเป็นคนในองค์กรลำดับที่เก้า

    ยุฮู้ เทพธนูเดินเข้ามาสุมหัวรวมกับกลุ่มใหญ่

    ปล่อยเทพดาบ เทพเกษตรกร เทพประมงให้เป็นนักร้องนำและหางเครื่องกันไปก่อนในบทเพลงผู้ชายในฝันฉบับเทพดาบ

    ตีห้าไม่ถึงกับเมา.....คิดว่าเขาเป็นเมียน้อยใคร…..” เทพดาบแหกปากร้องเพลงหน้าตายจนเทพประมงต้องแย่งไมค์มาร้องแปรเป็นภาษาเกาหลีจนทำให้วงสามสหายต้องแย่งไมมาร้องในเวอร์ชั่นของตนกันอย่างเฮฮา

    พวกเราเป็นผู้ที่มีลูกน้องแทรกซึมอยู่ในองค์กรต่างๆ ทั้งบนดินใต้ดิน....แบบว่าถ้าคิดจะยึดโลก

    ข้าแค่กระดิกนิ้วก็ได้ละโว้ย แต่โลกนี้มันประหลาดข้ายิ่งอยู่ก็ยิ่งสนุกสนาน

    เทพหอกพูดขึ้นพร้อมสะอึกเพราะฤทธิ์น้ำเมาเลยถูกเทพจักรกลแย่งเล่าทั้งแก้วไปดื่มหมด

    ผู้ชาย....มันตีกันหน้าศพ....พวกเราสลบกันตอนตีสี่ เทพเกษตรกร....ยังคงวาดลีลาและกระโดดหยองแหยงไปตามพื้นเหมือนผีกองกอย

     

    พาไปเที่ยวกินเงาะ....โดนเขาเจาะไข่ดำ......ฝันว่าติดทั้งกระพรวน....ให้เป็นขบวนถอดให้ทันที

    เทพประมงแย่งไมค์เอาไปร้องต่อจนเหล่าเทพทั้งหลายรีบวิ่งเข้าไปแย่งไมกันเป็นพัลวัน

    เสียบหล่น เสียบหล่น เฮ้ย อย่าเพิ่งแย่งโว้ย เทพหอกแหกปากมองไมค์ที่ลอยไปหาเทพกระบี่ที่หมุนตัวฟาดเครายาว

    ของตัวเองสร้างเป็นพื้นที่เอาไว้ร้องต่ออีกท่อนหนึ่ง

    ตกใจตื่นตอนตีสี่เฮ้ย!!”

    เทพทั้งเจ็ดและท่านประธานซันแหกปากร้องกันอย่างอึ้งๆ เมื่อจู่ๆ ไฟทั้งห้องก็ดับลงหลงเหลือเพียงไฟจากเตาปิ้ง

    ปลาดุกยักษ์ที่ส่องให้พวกเขาเห็นหน้ากันสลัวๆ

     

    เฮ่อออ เสียดายจังงง!” ทุกคนแหกปากร้องกันอย่างโหยหวนและรีบวิ่งเข้าไปทุบผนังห้องกันอย่างเจ็บช้ำระกำใจ

    ท่านประธานซันไม่ต้องคิดก็รู้ว่าฝีมือใคร

    ฮึ่ม ไอ้หมาาา!!!”

    หลังจากจัดการทำลายปลาดุกทั้งตัวและเผาเตาทำลายหลักฐานแล้วจึงจัดโต๊ะในห้องประชุมกันอย่างคล่องแคล่ว

    แต่ละคนมีอาการเมาน้อยมากจนน่านับถือ

    มาพวกเราเจ้าหน้าที่ทั้งเจ็ดแห่งองค์กรโลกนี้ต้องสวยขอยอมรับ น้องใหม่คนที่เก้าเจ้าหน้าที่.......รหัสดวงตะวัน เจ้าซัน

    หลังจากมอบเคล็ดวิชาบำเพ็ญปราณอย่างถูกต้องให้ทุกคนได้แล้วเหล่าเทพยุทธ์แห่งโลกเบื้องหน้า

    และเจ้าหน้าที่แห่งโลกเบื้องหลังจึงกระตือรือร้นกันเข้าสู่ห้วงความทรงจำลมปราณของชายหนุ่มที่เดินไปหลอมไม้ที่ทำเป็นจานและแก้วที่ทำมาจากกระจกให้เข้าที่ และจึงเปิดประตูห้องประชุมด้วยกำลังจากสองแขน

     

    ไงคะ ถ้าไฟไม่ดับคงออกมากันตอนตีสี่จริงๆ ใช่ไหม๊!” คาริค่อนเสียงเขียวขึ้นก่อน

    หลินหลินรีบเข้ามาตรวจสอบว่าชายหนุ่มผมยาวดวงเนตรสีดำสลับฟ้าน้ำเงินมีกลิ่นสุราตามตัวรึเปล่า

    ก็แค่ตีสี่เองเมียจ๋าท่านประธานซันอมยิ้มเมื่อเห็นแววตาเหมือนแม่เสือของเมียสาวชาวปลาดิบกำลังลุกวาว

    ชายหนุ่มได้แต่ยกมือขึ้นก่ายหน้าผากมีเมียไม่ถึงสองวันดีเลยเรา....เจออิทธิฤทธิ์เสียแล้ว

    คาริทำเสียงเฮอะ แต่ก็เดินเข้ามาโอบเอวเขาให้เดินไปห้องประชุมเล็กที่เหล่าผู้บริหารทั้งหลายที่สูญเสียพลังงานไปมากและยังมาเจอพลังเสียงนรกแตกของทั้งเก้าอีกจึงต้องลำบากหลินๆ และคาริทำอาหารชุดใหญ่ให้คนเกือบร้อยได้รับประธานและแลกเปลี่ยนความคิดกัน

     

    คุณหนูตัวน้อยยังไม่ออกจากสมาธิเหรอครับ? หลินหลินส่ายหน้าและชี้ไปที่ห้องทำงานของเขาที่อยู่สุดทาง

    หน้าห้องประชุมเล็กหมาป่ายืนปาดเหงื่อที่ไหลไม่หยุดเมื่อท่านประธานเดินมาถึง

    ชายหนุ่มเพิ่งได้สังเกตท่านประธานชัดตาตอนนี้เอง เมื่อไม่อยู่ในสภาพบ้าๆ บอๆ ท่านประธานกลับกลายไปเป็นชายหนุ่มรูปงามในสูตรสีเข้ม ดวงตาคมวาวสว่างไสวและเรือนผมสีดำยาวปล่อยตามธรรมชาติทำให้ใบหน้าของชายหนุ่ม

    แลดูองอาจสมชายชาตินักสู้

    ไอ้หมา.....แกเป็นคนดับไฟใช่ไหม๊? หมาป่ารีบเผ่นแวบหนีเข้าห้องประชุมทันทีเมื่อภาพลักษณ์แห่งความสง่างาม

    ต่างหายวับไปกับตาเมื่อท่านประธานอ้าปากตะโกนด่ามาแต่ไกล

    ซันก็....นี่มันจะเช้าแล้วน้ะ ไว้ไปทะเลเมืองกาญ หรือภาคเหนือค่อยร้องใหม่ก็ได้ จะร้องเล่น เอาเครื่องดนตรีไปด้วย

    หลินก็ไม่ว่า คาริส่ายหน้าพูดแบบนี้ก็ชี้บ้านให้หมาป่าหิวโซอย่างชายหนุ่มที่รีบตีสีหน้าเคร่งขลึมทันที

    แต่ในสมองก็คิดไปแล้วเครื่องดนตรีชิ้นไหนจะเหมาะกับคนไม่ธรรมดาแบบเขาบ้าง

    ชายหนุ่มปล่อยให้เมียสาวทั้งสองใช้ลมปราณเก้าพันปีของพวกเธอกวาดเก็บจานชามของทุกคนไปเก็บที่ห้องครัวและใช้ระบบของหุ่นยนต์อัตโนมัติทำงานต่อ

    แล้วจึงกลับมาจ้องสามีของพวกเธอที่วาดเส้นแสงลมปราณขึ้นกลางอากาศเพื่อให้ทุกคนมีความเข้าใจมากขึ้น

    ผู้บริหารทุกคนสำเร็จตามเป้าหมายคือมีพลังถึงขั้นเทวดา ในระดับลมปราณเฉลี่ยห้าพันปีกันทุกคน

    มีสูงๆ ก็ไอ้หมาป่าเจ็ดพันปี

    ภิภพและเกษมแปดพันปี ส่วนคุณยายปลาบู่และคุณปู่อีกสองสามคนมีลมปราณเก้าพันปี มันทำเอาท่านประธานที่มีพลังลมปราณต้นกำเนิดเพียงสองพันได้แต่อิจฉาตาร้อนอย่างปิดอาการไว้ไม่มิด

    ทุกคนเปรียบเทียบและตรวจสอบความแข็งแกร่งของตัวเองให้เข้าใจถ่องแท้ เพราะทุกคนมีหน้าที่ต้องฝึกฝนสมาชิก

    ในแผนกของตัวเองให้มีพลังขั้นต่ำห้าร้อยปี แต่ผมไม่ต้องการ อย่างมากทุกคนต้องมีพลังระดับหนึ่งพันปีขึ้นไป

    ท่านประธานกล่าวด้วยน้ำเสียงเอื่อยๆ แต่ทำให้คนที่ผ่านความทุกเข็ญแห่งการสะสมลมปราณมาแล้วต้องเหงื่อตกกัน

    อย่างหวาดหวั่น

    นอกจากนี้ทุกคนต้องฝึกฝนร่างกายของตัวเองให้แกร่ง จิตใจให้ทรงพลัง

    ทุกคนเคยรู้จักพลังจิตกับพลังเวทมนตร์ไหม๊?

    ท่านประธานซันถามโดยไม่หวังคำตอบมากนัก

    เคยสิ และข้ายังคิดว่าพลังพวกนี้มันไม่มีอยู่จริง น้ำเสียงเนิบทุ้มของชายชรารุ่นราวคราวเดียวกับท่านประธานซันเอ่ยขึ้นอย่างสงสัย

    ท่านประธานซันยิ้ม ที่ยังพอมีคนไปวัดไปวาได้อยู่บ้าง

    พลังลมปราณระดับล่างๆ คือหนึ่งถึงพันปี คือลมปราณ

    พลังลมปราณหนึ่งพันถึงหนึ่งหมื่นปีคือพลังจิต

    และพลังลมปราณหนึ่งหมื่นปีขึ้นไปคือพลังเวทมนตร์ เมื่อทุกคนเข้าขั้นก็จะเข้าใจเอง เชื่อว่าหลายสิบชีวิตที่กลายเป็น

    ยอดมนุษย์ในชั่วข้ามคืนคงทำให้หลายคนปรับตัวและเตรียมใจไม่ทัน

    ท่านประธานซันจึงตัดสินใจเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

     

    ผมให้โอกาสพวกคุณได้ตัดสินใจครั้งสุดท้าย ใครที่ต้องการเป็นเพียงพนักงานบริษัทธรรมดาและไม่ต้องการไปกำจัด

    เมฆดำกับผม ก็อย่าออกเดินทางไปทัศนศึกษาครั้งนี้ ผมจะไม่ริบพลังยุทธ์ของพวกท่านกลับคืน เพียงแต่ขอให้นำไปใช้

    ในวิถีที่มีผลดีต่อตัวเองและคนรอบข้างเป็นพอ

    ท่านประธานซันเน้นทุกประโยคด้วยน้ำเสียงหนักแน่น.....เขาผ่านศิษย์หลายประเภทมาจนแววตาเจาะทะลุทุกมุมมอง

    ที่เหล่าศิษย์หวาดกลัว

    ทุกคนแยกย้ายกันกลับบ้านได้ครับ นี่ก็ตีสองกว่าแล้ว พรุ่งนี้ให้หยุดพิเศษทุกสาขา แล้วหมาป่านายช่วยทำบันทึกสรุป

    ผู้มีพลังลมปราณขั้นต่างๆ และหนทางแห่งการต่อยอดส่งเสริมให้สูงขึ้นไปอีกมาให้ฉันด้วย....อ้อแล้วนายเตรียมของตามนี้ให้พร้อม พรุ่งนี้คงต้องพึ่งนายกับพวกพนักงานของหอก ชายหนุ่มหันไปกล่าวกับเลขาเก่าแก่ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

    หมาป่าเหมือนจะน้ำตาซึม....แต่พรุ่งนี้เขาจะไม่ได้หยุดงานเหมือนคนอื่นใช่ไหม๊!

    แววตาแสยะยิ้มของชายผู้ยืนเป็นประธานบอกเขาแบบนั้น

     

    ผู้บริหารทั้งห้าสิบเก้าคนแยกย้ายกันกลับบ้านด้วยจิตใจที่หนักอึ้ง ไม่เว้นแม้แต่ภิภพกับเกษม

    ภพ พรุ่งนี้เย็นๆ ฉันจะกลับบ้านน้ะ ฝากให้ฟ้าใสทำอาหารเผื่อหลินคาริแล้วก็คุณน้ำค้างใสด้วยน้ะ

    ชายหนุ่มหันมาจ้องมองผู้เป็นพ่อบุญธรรมของตัวเองด้วยแววตาแสนสับสน….ซึ่งท่านประธานซันก็เข้าใจ

     

     

    เสริมบท

     

     

    ท่านประธานซัน: ยังเหลือสาวน้อยซาละเปาที่ข้ายังไม่ได้กินตั้งคนหนึ่ง!!

    ภิภพ: ร้องเสียงโหยหวนนน!!!

     

     

    โปรดติดตามตอนต่อไป บทที่ 22 เทพนักปราชญ์

     

     

     

    ………………***

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×