คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #21 : โลกนี้ต้องสวย ++รีไรต์เรียบร้อย
บทที่ 21 โลกนี้ต้องสวย
ผู้บริหารทั้งห้าสิบเก้าและหมาป่าถูกหน่วยช่วยชีวิตเฉพาะกิจคือสองสาวคาริและหลินหลิน
ลากออกมานอนหน้าห้องประชุมจนทางเดินยาวเต็มไปด้วยคนแก่ ผู้หญิงและคนหนุ่มที่หน้าซีดเผือดเป็นไก่ต้ม
นอนหายใจโรยริน
โชคดีอยู่บ้างที่หลายคนสำเร็จปราณขั้นเทวดาและเลือกเรียนวิชายุทธ์ได้ตามที่ท่านประธานซันสั่งแล้ว
จึงมีหน่วยอาสาเฉพาะกิจมากขึ้นหนึ่งในนั้นคือภิภพและเกษมที่ได้แต่ปาดเหงื่ออย่างเซ็งๆ
เสียงบทเพลงในค่ำคืนแห่งมิตรภาพยังคงดังออกมาอย่างต่อเนื่องจากห้องประชุมที่กลายเป็นเวทีโชว์คอนเสิร์ตไปแล้ว
แต่ทุกคนที่ได้ยินคนเมาเก้าคนผลัดกันร้องเพลงได้แต่ยกมือขึ้นอุดหูและรีบลากสังขารเพื่อนร่วมชะตากรรม
เผ่นไกลยิ่งกว่าเดิม
หลินหลินและคาริจ้องตากันแล้วถอนหายใจ
สองสาวพาน้ำค้างใสกลับไปนั่งสะสมปราณในห้องของชายหนุ่มผู้เป็นสามีแล้วพวกเธอจึงมายืนกอดอกกวาดตาขวาง
จ้องห้องประชุมที่ยังมีเพลงหลายสัญชาติดังออกมาอย่างต่อเนื่อง
…
ภายในห้องประชุมยังคงครึกครื้นเพราะหลังจากเทพประมงกู่ร้องบทเพลงแนวอินเดียนแดนจบลง
เทพจักรกลก็รับไมไปร้องเพลงแนวคลาสสิกร่วมสมัยจังหวะเมามัน ทำให้ทุกคนได้พลิ้วระบำไปบนห้องประชุม
ที่กว้างใหญ่อย่างไร้สิ่งกีดขวางเพราะท่านประธานซันเตะมันไปกองรวมทางหนึ่งหมดเกลี้ยงแล้ว
เทพเกษตรกรยกปลาดุกขึ้นมาจากเตาปิ้งแล้วกระชากจนลำตัวขาดคลึ่งและเทพดาบจึงฟันให้ขาดเป็นชิ้นเนื้อก้อนใหญ่ๆ แจกจ่ายลงสู่จานของทุกคน
เทพหอกยิ้มและชนแก้วกับชายหนุ่มที่ยังคงโยกสะบัดอย่างรุนแรง
ชายชราจาก world sky ก็คงโยกไหล่ไปตามจังหวะได้อย่างลื่นไหล
“เฮ้ย ไอ้หนูซันแกรู้เปล่า พวกข้าทำงานองค์กรอะไร?” เทพหอกหันไปแหกปากร้องลั่นในท่อนที่ชอบก่อนกระดกเล่าแล้วหันมาถามชายหนุ่มที่กำลังเขมือบปลาดุกในจานอย่างเอร็ดอร่อย
“จะไปรู้เหรอลุง” ท่านประธานซันตอบไปตรงๆ แล้วจึงได้ยินเสียงกริ๊งเป็นสัญญาณของการชนแก้วเพื่อส่งไมต่อ
ให้เทพกระบี่ที่รับไปร้องบทเพลงฮึกหารอย่างยอดยุทธ์เจ้าอินทรีจนทั้งห้องคลอกระหึ่มด้วยจังหวะของลูกผู้ชาย
ท่านประธานซันอดยิ้มแห้งๆ ไม่ได้ ไม่คิดเหมือนกันว่ามันจะออกมาเป็นแบบนี้
แววตาพราวของเจ็ดเทพแห่งหน่วยงานลึกลับยังคงติดตราตรึงพร้อมท่วงท่าการเต้นเท้าไฟจนพื้นแทบไหม้
ยังทำให้เขาอดทึ่งไม่ได้กับลีลาของคนแก่เหล่านี้
เทพธนูแย่งไมมาร้องเพลงต่อจากเทพดาบที่เข้าแถวเรียงคิวจนชายจากดินแดนผู้ดีและชายจากดินแดนปลาดิบ
ต้องไล่แย่งไมโครโฟนกันไปทั้งห้องประชุม
เทพจักรกลฮามาเก๊าหอบแฮ่กเพราะร่างกายท่วมเหงื่อพาสังขารใหญ่ล่ำมาพิงโต๊ะข้างๆ ท่านประธานซันและเทพหอก
โดยอีกทางหนึ่งเทพประมงและเทพเกษตรกรยังคงโชร่ายรำผ้าขาวม้าและระบำแหเหล็กกันสุดฤทธิ์
“พวกเราเป็นองค์กรของเอกชนชื่อว่า โลกนี้ต้องสวย” เทพจักรกลยิ้มกว้างและมองสีหน้าอึ้งๆ ของท่านประธานซัน
อย่างพึงพอใจ
เพียงไม่นาน จังหวะเพลงก็เปลี่ยนเป็นเพลงญี่ปุ่นสนุกสนาน หมายถึงไมค์คงถูกเปลี่ยนเจ้าของแล้ว
“มันมีเป้าหมายเพื่ออะไร?” ชายหนุ่มพ่นก้างปลาดุกออกไปขวางเทพดาบที่จะแงะโต๊ะมาเพิ่มทำเป็นอุปกรณ์ส่วนตัว
“ง่ายๆ แค่โลกนี้สวย ไม่มีสงคราม มีความขัดแย้งบ้าง มีตีกันบ้าง แต่ต้องไม่ถึงขั้นคิดฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
ฆ่าคนไม่รู้เรื่อง
ไม่ขึ้นต่อสังกัดไหน ใครพอใจทำอะไรก็ทำ” เทพกระบี่เดินมาพร้อมสายตาขวางของท่านประธานซันที่เห็นชายชราชาวจีนแงะกระจกมาทำพัดเสียแล้ว
“ฮ่าๆ เจ้ามีเงินชดใช้ให้ไอ้สมโชค กระจกแผ่นแค่เนี้ย ไม่ร่วงสักรูขุมขนหรอก” เทพกระบี่พูดหน้าตาย
“ถ้าเจ้าเข้าร่วมกับพวกเรา....เจ้าก็จะกลายเป็นคนในองค์กรลำดับที่เก้า
ยุฮู้” เทพธนูเดินเข้ามาสุมหัวรวมกับกลุ่มใหญ่
ปล่อยเทพดาบ เทพเกษตรกร เทพประมงให้เป็นนักร้องนำและหางเครื่องกันไปก่อนในบทเพลงผู้ชายในฝันฉบับเทพดาบ
“ตีห้าไม่ถึงกับเมา.....คิดว่าเขาเป็นเมียน้อยใคร…..” เทพดาบแหกปากร้องเพลงหน้าตายจนเทพประมงต้องแย่งไมค์มาร้องแปรเป็นภาษาเกาหลีจนทำให้วงสามสหายต้องแย่งไมมาร้องในเวอร์ชั่นของตนกันอย่างเฮฮา
“พวกเราเป็นผู้ที่มีลูกน้องแทรกซึมอยู่ในองค์กรต่างๆ ทั้งบนดินใต้ดิน....แบบว่าถ้าคิดจะยึดโลก
ข้าแค่กระดิกนิ้วก็ได้ละโว้ย แต่โลกนี้มันประหลาดข้ายิ่งอยู่ก็ยิ่งสนุกสนาน”
เทพหอกพูดขึ้นพร้อมสะอึกเพราะฤทธิ์น้ำเมาเลยถูกเทพจักรกลแย่งเล่าทั้งแก้วไปดื่มหมด
“ผู้ชาย....มันตีกันหน้าศพ....พวกเราสลบกันตอนตีสี่” เทพเกษตรกร....ยังคงวาดลีลาและกระโดดหยองแหยงไปตามพื้นเหมือนผีกองกอย
“พาไปเที่ยวกินเงาะ....โดนเขาเจาะไข่ดำ......ฝันว่าติดทั้งกระพรวน....ให้เป็นขบวนถอดให้ทันที”
เทพประมงแย่งไมค์เอาไปร้องต่อจนเหล่าเทพทั้งหลายรีบวิ่งเข้าไปแย่งไมกันเป็นพัลวัน
“เสียบหล่น เสียบหล่น เฮ้ย อย่าเพิ่งแย่งโว้ย” เทพหอกแหกปากมองไมค์ที่ลอยไปหาเทพกระบี่ที่หมุนตัวฟาดเครายาว
ของตัวเองสร้างเป็นพื้นที่เอาไว้ร้องต่ออีกท่อนหนึ่ง
“ตกใจตื่นตอนตีสี่เฮ้ย!!”
เทพทั้งเจ็ดและท่านประธานซันแหกปากร้องกันอย่างอึ้งๆ เมื่อจู่ๆ ไฟทั้งห้องก็ดับลงหลงเหลือเพียงไฟจากเตาปิ้ง
ปลาดุกยักษ์ที่ส่องให้พวกเขาเห็นหน้ากันสลัวๆ
“เฮ่อออ เสียดายจังงง!” ทุกคนแหกปากร้องกันอย่างโหยหวนและรีบวิ่งเข้าไปทุบผนังห้องกันอย่างเจ็บช้ำระกำใจ
ท่านประธานซันไม่ต้องคิดก็รู้ว่าฝีมือใคร
“ฮึ่ม ไอ้หมาาา!!!”
หลังจากจัดการทำลายปลาดุกทั้งตัวและเผาเตาทำลายหลักฐานแล้วจึงจัดโต๊ะในห้องประชุมกันอย่างคล่องแคล่ว
แต่ละคนมีอาการเมาน้อยมากจนน่านับถือ
“มาพวกเราเจ้าหน้าที่ทั้งเจ็ดแห่งองค์กรโลกนี้ต้องสวยขอยอมรับ น้องใหม่คนที่เก้าเจ้าหน้าที่.......รหัสดวงตะวัน เจ้าซัน”
หลังจากมอบเคล็ดวิชาบำเพ็ญปราณอย่างถูกต้องให้ทุกคนได้แล้วเหล่าเทพยุทธ์แห่งโลกเบื้องหน้า
และเจ้าหน้าที่แห่งโลกเบื้องหลังจึงกระตือรือร้นกันเข้าสู่ห้วงความทรงจำลมปราณของชายหนุ่มที่เดินไปหลอมไม้ที่ทำเป็นจานและแก้วที่ทำมาจากกระจกให้เข้าที่ และจึงเปิดประตูห้องประชุมด้วยกำลังจากสองแขน
“ไงคะ ถ้าไฟไม่ดับคงออกมากันตอนตีสี่จริงๆ ใช่ไหม๊!” คาริค่อนเสียงเขียวขึ้นก่อน
หลินหลินรีบเข้ามาตรวจสอบว่าชายหนุ่มผมยาวดวงเนตรสีดำสลับฟ้าน้ำเงินมีกลิ่นสุราตามตัวรึเปล่า
“ก็แค่ตีสี่เองเมียจ๋า” ท่านประธานซันอมยิ้มเมื่อเห็นแววตาเหมือนแม่เสือของเมียสาวชาวปลาดิบกำลังลุกวาว
ชายหนุ่มได้แต่ยกมือขึ้นก่ายหน้าผากมีเมียไม่ถึงสองวันดีเลยเรา....เจออิทธิฤทธิ์เสียแล้ว
คาริทำเสียงเฮอะ แต่ก็เดินเข้ามาโอบเอวเขาให้เดินไปห้องประชุมเล็กที่เหล่าผู้บริหารทั้งหลายที่สูญเสียพลังงานไปมากและยังมาเจอพลังเสียงนรกแตกของทั้งเก้าอีกจึงต้องลำบากหลินๆ และคาริทำอาหารชุดใหญ่ให้คนเกือบร้อยได้รับประธานและแลกเปลี่ยนความคิดกัน
“คุณหนูตัวน้อยยังไม่ออกจากสมาธิเหรอครับ?” หลินหลินส่ายหน้าและชี้ไปที่ห้องทำงานของเขาที่อยู่สุดทาง
หน้าห้องประชุมเล็กหมาป่ายืนปาดเหงื่อที่ไหลไม่หยุดเมื่อท่านประธานเดินมาถึง
ชายหนุ่มเพิ่งได้สังเกตท่านประธานชัดตาตอนนี้เอง เมื่อไม่อยู่ในสภาพบ้าๆ บอๆ ท่านประธานกลับกลายไปเป็นชายหนุ่มรูปงามในสูตรสีเข้ม ดวงตาคมวาวสว่างไสวและเรือนผมสีดำยาวปล่อยตามธรรมชาติทำให้ใบหน้าของชายหนุ่ม
แลดูองอาจสมชายชาตินักสู้
“ไอ้หมา.....แกเป็นคนดับไฟใช่ไหม๊?” หมาป่ารีบเผ่นแวบหนีเข้าห้องประชุมทันทีเมื่อภาพลักษณ์แห่งความสง่างาม
ต่างหายวับไปกับตาเมื่อท่านประธานอ้าปากตะโกนด่ามาแต่ไกล
“ซันก็....นี่มันจะเช้าแล้วน้ะ ไว้ไปทะเลเมืองกาญ หรือภาคเหนือค่อยร้องใหม่ก็ได้ จะร้องเล่น เอาเครื่องดนตรีไปด้วย
หลินก็ไม่ว่า” คาริส่ายหน้าพูดแบบนี้ก็ชี้บ้านให้หมาป่าหิวโซอย่างชายหนุ่มที่รีบตีสีหน้าเคร่งขลึมทันที
แต่ในสมองก็คิดไปแล้วเครื่องดนตรีชิ้นไหนจะเหมาะกับคนไม่ธรรมดาแบบเขาบ้าง
ชายหนุ่มปล่อยให้เมียสาวทั้งสองใช้ลมปราณเก้าพันปีของพวกเธอกวาดเก็บจานชามของทุกคนไปเก็บที่ห้องครัวและใช้ระบบของหุ่นยนต์อัตโนมัติทำงานต่อ
แล้วจึงกลับมาจ้องสามีของพวกเธอที่วาดเส้นแสงลมปราณขึ้นกลางอากาศเพื่อให้ทุกคนมีความเข้าใจมากขึ้น
ผู้บริหารทุกคนสำเร็จตามเป้าหมายคือมีพลังถึงขั้นเทวดา ในระดับลมปราณเฉลี่ยห้าพันปีกันทุกคน
มีสูงๆ ก็ไอ้หมาป่าเจ็ดพันปี
ภิภพและเกษมแปดพันปี ส่วนคุณยายปลาบู่และคุณปู่อีกสองสามคนมีลมปราณเก้าพันปี มันทำเอาท่านประธานที่มีพลังลมปราณต้นกำเนิดเพียงสองพันได้แต่อิจฉาตาร้อนอย่างปิดอาการไว้ไม่มิด
“ทุกคนเปรียบเทียบและตรวจสอบความแข็งแกร่งของตัวเองให้เข้าใจถ่องแท้ เพราะทุกคนมีหน้าที่ต้องฝึกฝนสมาชิก
ในแผนกของตัวเองให้มีพลังขั้นต่ำห้าร้อยปี แต่ผมไม่ต้องการ อย่างมากทุกคนต้องมีพลังระดับหนึ่งพันปีขึ้นไป”
ท่านประธานกล่าวด้วยน้ำเสียงเอื่อยๆ แต่ทำให้คนที่ผ่านความทุกเข็ญแห่งการสะสมลมปราณมาแล้วต้องเหงื่อตกกัน
อย่างหวาดหวั่น
“นอกจากนี้ทุกคนต้องฝึกฝนร่างกายของตัวเองให้แกร่ง จิตใจให้ทรงพลัง
ทุกคนเคยรู้จักพลังจิตกับพลังเวทมนตร์ไหม๊?”
ท่านประธานซันถามโดยไม่หวังคำตอบมากนัก
“เคยสิ และข้ายังคิดว่าพลังพวกนี้มันไม่มีอยู่จริง” น้ำเสียงเนิบทุ้มของชายชรารุ่นราวคราวเดียวกับท่านประธานซันเอ่ยขึ้นอย่างสงสัย
ท่านประธานซันยิ้ม ที่ยังพอมีคนไปวัดไปวาได้อยู่บ้าง
“พลังลมปราณระดับล่างๆ คือหนึ่งถึงพันปี คือลมปราณ
พลังลมปราณหนึ่งพันถึงหนึ่งหมื่นปีคือพลังจิต
และพลังลมปราณหนึ่งหมื่นปีขึ้นไปคือพลังเวทมนตร์ เมื่อทุกคนเข้าขั้นก็จะเข้าใจเอง” เชื่อว่าหลายสิบชีวิตที่กลายเป็น
ยอดมนุษย์ในชั่วข้ามคืนคงทำให้หลายคนปรับตัวและเตรียมใจไม่ทัน
ท่านประธานซันจึงตัดสินใจเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“ผมให้โอกาสพวกคุณได้ตัดสินใจครั้งสุดท้าย ใครที่ต้องการเป็นเพียงพนักงานบริษัทธรรมดาและไม่ต้องการไปกำจัด
เมฆดำกับผม ก็อย่าออกเดินทางไปทัศนศึกษาครั้งนี้ ผมจะไม่ริบพลังยุทธ์ของพวกท่านกลับคืน เพียงแต่ขอให้นำไปใช้
ในวิถีที่มีผลดีต่อตัวเองและคนรอบข้างเป็นพอ”
ท่านประธานซันเน้นทุกประโยคด้วยน้ำเสียงหนักแน่น.....เขาผ่านศิษย์หลายประเภทมาจนแววตาเจาะทะลุทุกมุมมอง
ที่เหล่าศิษย์หวาดกลัว
“ทุกคนแยกย้ายกันกลับบ้านได้ครับ นี่ก็ตีสองกว่าแล้ว พรุ่งนี้ให้หยุดพิเศษทุกสาขา แล้วหมาป่านายช่วยทำบันทึกสรุป
ผู้มีพลังลมปราณขั้นต่างๆ และหนทางแห่งการต่อยอดส่งเสริมให้สูงขึ้นไปอีกมาให้ฉันด้วย....อ้อแล้วนายเตรียมของตามนี้ให้พร้อม พรุ่งนี้คงต้องพึ่งนายกับพวกพนักงานของหอก” ชายหนุ่มหันไปกล่าวกับเลขาเก่าแก่ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
หมาป่าเหมือนจะน้ำตาซึม....แต่พรุ่งนี้เขาจะไม่ได้หยุดงานเหมือนคนอื่นใช่ไหม๊!
แววตาแสยะยิ้มของชายผู้ยืนเป็นประธานบอกเขาแบบนั้น
ผู้บริหารทั้งห้าสิบเก้าคนแยกย้ายกันกลับบ้านด้วยจิตใจที่หนักอึ้ง ไม่เว้นแม้แต่ภิภพกับเกษม
“ภพ พรุ่งนี้เย็นๆ ฉันจะกลับบ้านน้ะ ฝากให้ฟ้าใสทำอาหารเผื่อหลินคาริแล้วก็คุณน้ำค้างใสด้วยน้ะ”
ชายหนุ่มหันมาจ้องมองผู้เป็นพ่อบุญธรรมของตัวเองด้วยแววตาแสนสับสน….ซึ่งท่านประธานซันก็เข้าใจ
เสริมบท
ท่านประธานซัน: ยังเหลือสาวน้อยซาละเปาที่ข้ายังไม่ได้กินตั้งคนหนึ่ง!!
ภิภพ: ร้องเสียงโหยหวนนน!!!
โปรดติดตามตอนต่อไป บทที่ 22 เทพนักปราชญ์
………………***
ความคิดเห็น