คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #20 : เพื่อมิตรภาพแห่งผองเรา! ++ช่วงนี้ทยอยพิสูจน์อักษรอยู่นะครับยังไม่ได้เขียนเพิ่ม
บทที่ 20 เพื่อมิตรภาพแห่งผองเรา
เทพหอกสมโชคเหลือบสายตามองหลานสาวแล้วเอ่ยถามอย่างกังวล
“มันจะสำเร็จจริงเหรอวะ ข้าเคยลองหลายรอบแล้วนะ ใช้ลมปราณเนี่ย?” ท่านประธานซันยกนิ้วขึ้นชูเป็นเชิงเชื่อถือได้
สำเร็จแน่นอน
เทพกระบี่เอียงคอมองหน้าชายหนุ่มที่ไม่ยอมกล่าวสิ่งใดเพิ่มเติม
“นี่แกมีอะไรอยากถามพวกข้ารึเปล่าโว้ย?” คำถามทำให้ท่านประธานซันยอมเอ่ยปากขึ้นโดยดี
“ผมสงสัย นอกจากเทพดาบแล้วลมปราณพวกปู่ไม่เห็นแกร่งกันจริงเลย?” สองชายชราวัยดึกหัวเราะขบขัน
แล้วจึงคลี่ยิ้มเจื่อนๆ
“มันจะแกร่งได้ไง ยาล้วนๆ ไม่มีใครแกร่งจริงหรอกสมัยนี้ถ้าไม่พึ่งยากับทางลัด” เทพกระบี่บอก แต่เทพหอกบุ้ยปากไปทางชายชาญจากญี่ปุ่นที่ยังคงกินดะราวอดอยากปากแห้งมานานปี
“ยกเว้นไอ้หมอนี่” ชายหนุ่มพยักหน้ารับหงึกหงัก ก่อนยิ้มเจ้าเล่ห์
“เอางี้ไหม๊ พวกเรามาแลกเปลี่ยนกันอย่างยุติธรรม” เทพกระบี่และเทพหอกหัวเราะก๊ากอย่างไม่เกรงใจทันที
ท่านประธานซันส่ายหน้า สองแก่นี่จะหัวเราะอะไรนักหนาวะเนี่ย
“เฮ้ย จริงจังน่า เพื่อมิตรภาพของผองเรา” สองชายชรายังคงระเบิดเสียงหัวเราะลั่นไม่เว้นแม้แต่เทพดาบที่หน้าแดงก่ำ
แม้จะคิดๆ ยังไม่รู้ว่าไอ้พวกบ้านี่มันหัวเราะอะไรกัน
นี่แหละนะ คนบ้ากับคนไม่เต็มบาทเข้ากันได้
“ไหนๆ แกอยากจะแลกเปลี่ยนอะไร?” เทพหอกเอ่ยขึ้นระคนเสียงหัวเราะหึๆ จนเรือนผมสั้นถึงต้นคอขยับไหวตามจังหวะเขย่าตัว
“ผมอยากทำงานในองค์กรของพวกปู่ แต่ผมต้องตั้งชื่อเอง ผมจะทำงานตามที่ตัวเองพอใจ…..” สามชายชราทะลึ่งพลวดลุกขึ้นกระโดดมายืนอยู่ต่อหน้าด้วยสายตาเป็นประกาย
“ว่ามาๆ ข้าเต็มใจสุดๆ เลยหวะ งานพวกเราง่ายๆ” ชายหนุ่มรู้สึกตะหงิดๆ อีกแล้วกับคำว่างานง่ายๆ
ตอนไอ้เขาไปสืบทอดตกปากรับคำกับอดีตเจ้าสำนักปราณวินซีเรียว่าจะไปเติมพลังให้สะกดเทวะในส่วนของมหานคร
วินซีเรีย มันก็พูดทำนองงานง่ายๆ เหมือนกันเด๊ะ!
“ไม่ดีกว่า ผมเปลี่ยนใจแล้ว งานมันคงไม่ง่ายจริงแน่” สามชายชราทำหน้าบูด
“เฮ้ย...ฟังรายละเอียดงานก่อนหน้า มันง่ายจริงๆ
เช่นแกบอกแกเทพหอกแกก็แค่ไปจัดนิทรรศการแสดงหอกรอบโลกไม่ให้มันจางหายไป หรือเวลามีเรื่องกันแกก็แค่ริบหอกมันมาเข้าพิพิธภัณฑ์ แค่เนี้ย งานยากตรงไหน?” เทพหอกสมโชคบอกอย่างมีน้ำโห
“โห่ ต้องไปตั้งรอบโลก ไม่มีแบบ Work form homeบ้างเหรอ?”
“มีสิ เช่นแกตั้งฉายาแกว่าเทพเมืองไทยแกก็ต้องอยู่เมืองไทย แต่.....แกต้องช่วยทุกอย่างตั้งแต่ไม้จิ้มฟันยันเรือเหาะ
แกจะทำไหมล่ะ คิดดูอันไหนฉลาดกว่ากัน!” เทพกระบี่ยังคงท่าทางเซียนแต่รอยกระหยิ่มยิ้มย่องนี่มันเข้ากันไม่ได้จริงๆ
“ได้ๆ ผมตกลง” ชายหนุ่มยิ้มย่องบ้างเมื่อตัวเองคิดอะไรดีๆ ได้แล้ว
สามเทพมองมันด้วยหางตาที่กระตุกถี่ๆ
“เอาดีๆ น้ะ ไม่เล่นๆ” เทพดาบบอกทั้งในปากยังเคี้ยวอยู่ เขาสงสัยทำไมหมอนี่ไม่ชื่อเทพกินดะ
“ได้ๆ งั้นมาฟังข้อแลกเปลี่ยนกัน ผมจะให้แนวทางการบ่มเพาะพลังฉบับท่านประธานซันที่ทั้งรวดเร็วและหนักแน่น
ให้ทุกคนเรียนวิชายุทธ์ในคลังปัญญาของผมได้คนละสามวิชาอะไรก็ได้ แต่มากกว่านั้น ฮึ่มมเจอดี” สามชายชราตาวาวและรีบตกปากรับคำทันที
“ทุกคน รวมถึงข้าด้วยใช่ไหม๊สหายทั้งหลายย?” สี่หนุ่มตาเหลือกเมื่อจู่ๆ มีใครไม่รู้โผล่หัวเข้ามาร่วมวงซุบซิบปรึกษา
ของพวกเขา
“ยังไม่ตายห่าอีกเรอะไอ้หนู?” เทพหอกหันไปทักทายชายหนุ่มผู้อยู่ในชุดถ่ายแบบสีดำแลดูเนี้ยบเรียบและหรู
บนหลังสะพายคันธนูสีเงินสะอาดตาคันใหญ่
“ดูลุงพูดเข้า เพื่อนเก่าเพื่อนแก่มาทั้งทีมีแต่หมูหันจักรพรรดิมาต้อนรับเหรอลุง?” พูดแบบนั้นชายหนุ่มผมยาว
เปี่ยมเสน่ห์ก็ปรายตาจ้องทั่วทั้งห้องประชุมและเลิกคิ้วขึ้นอย่างสนใจใคร่รู้
ดวงตาทรงเสน่ห์สีฟ้าครามรับกรอบผมยาวสีทองอร่าม ทำเทพธนูมีอาดูหล่อเหลาสุดๆ ในเวทีเดินแบบระดับโลก
“ไม่ได้ว่ะมีอา พวกเราทำข้อตกลงแค่สามคนกับเจ้าท่านประธานซัน ถ้าแกอยากมีเหยี่ยวด้วยต้องมีอะไรมาแลกเปลี่ยน
กับมันเอง” เทพดาบฟาดแววตาเจ้าเล่ห์ใส่เทพธนูที่เบิกตาโพลง ไม่คิดว่าเพื่อนสูงวัยจะมาหักเหลี่ยมโหดกันแบบนี้
“ได้ๆ เดี๋ยวข้ามา อ้อๆ อย่าลำเอียงนะโว้ย เทพเกษตรกร เทพประมง เทพจักรกลมาพวกแกต้องยื่นข้อเสนอเหมือนกันน้ะ”
เทพธนูกระโดดออกหน้าต่างไปพร้อมเสียงร้องไชโยยิบปี้ยู่ฮู้จนเสียงจางหายไป
“อย่าๆ อย่ามาคิดยื่นข้อเสนอกับข้าเสียดีๆ มาเจ้าประธานซันข้าเตรียมของแลกเปลี่ยนวิชามาให้แกแล้ว”
ชายหนุ่มผู้สวมหมวกครอบสานจากไม้ไผ่เดินออกจากกำแพงมาแล้วก็เจอสายตาสามสหายกดดันจนต้องยกมือบ่น
อย่างเซ็งๆ
“ไหนๆ ถ้าของไม่ดีจริง ผมไม่เอาน้ะ” ชายหนุ่มก็อยากจะรู้เหมือนกันเทพเกษตรกรมันเอาอะไรมาให้เขากัน
“นี่ไง!” ชายหนุ่มถอดหมวกครอบของตัวเองออกแล้วสวมโปะลงบนหัวท่านประธานซันแล้วคลี่ผ้าขาวม้าออกอ่าน
เป็นจริงเป็นจัง
“ท่านประธานซันรับราชโองการ เราเทพเกษตรกรขอมอบหมวกปีกกว้างสำหรับเดินทางไกล ขึ้นรถลงเรือไปเหนือล่องใต้
ใส่ได้สะดวกพกพาสบาย ใครเห็นใครรักใครเห็นใครหลง สายตาคนมองจะเต็มท้องถนนแน่ๆ”
แล้วเทพเกษตรกรก็จบราชโองการด้วยการแถมผ้าขาวม้าให้อีกผืนจนท่านประธานซันต้องรับมาพันเอวกับชุดสูตร
อย่างเซ็งๆ
“เฮ้ย แกเอาแบบนี้เลยเหรอวะ?” สามเทพแห่งอาวุธอ้าปากค้างแล้วจ้องเพื่อนวัยดึกอย่างอึ้งๆ
“ฉันต่างหาก ต้องถามพวกแก ไม่เสียอะไรแล้วมาให้ข้าเสียของรักของหวงพวกแกนี่มันบัดซบจริงๆ” เทพเกษตรกร
ลุงบุญร่วงเอ่ยและกราดด่าสหายวัยชราอย่างเซ็งๆ
“ฮ่าๆๆ” ทั้งสี่หัวเราะขึ้นพร้อมกันอย่างไม่ต้องนัดหมาย
รออยู่ไม่นาน เทพธนูก็กลับมาพร้อมเสียงบ่นขลมของคนตามมาด้านหลังที่แบกอะไรพะรุงพะรังจนลุงบุญร่วงและ
สามสหายต้องเข้าไปช่วยจัดเรียงบนที่ว่างๆ ของห้องประชุมขนาดยักษ์บวกยักษ์
“อะไรอ่ะปู่ทั้งหลาย?” เทพประมงเป็นชายแก่ที่พาดแหอยู่เป็นสร้อยคอคล้องใจตลอดเวลา พอท่านประธานซันถาม
ทำไมไม่เอาออก ลุงวอนตีนกูก็หันมาด่าเป็นภาษาเกาหลีจนชายหนุ่มอึ้ง
“หรือว่าแก..ไม่รู้ชื่อข้าวะไอ้อ่อน” ท่านประธานซันยิ้มเจื่อนๆ กับชื่อเกาหลีที่ตั้งยังไงไม่ดูความเป็นไทยเลย
มีอาและลุงบุญร่วงจัดของจนเข้าที่ จึงเริ่มลงมือทันที สิ่งที่แบกอยู่บนหลังของเทพประมงคือปลาดุกที่วัดเส้นรอบวง
ของลำตัวได้มากกว่าหนึ่งเมตรและความยาวเกือบห้าเมตร ไม่รู้เหมือนกันเทพประมงเก็บมันได้ยังไง
เทพเกษตรกรล้วงกระเป๋าไม่กี่ทีก็หยิบเกลือและเครื่องเทศขึ้นมาโรยจนชุ่มตัวปลาดุก แล้วทั้งหกเทพจึงแบกปลาขึ้นปิ้ง
บนเตายักษ์ขนาดพิเศษที่เปลวไฟแลบสูงเกือบแตะเพดาน
เทพกระบี่อาสาเฉือนเปิดท้องคว้าเครื่องในโยนทิ้งลงจากกรอบหน้าต่าง แล้วเทพดาบจึงไปแงะโต๊ะมาทำเป็นจานเฉพาะกิจแบ่งแจกจ่ายกันไปทั่ว
เมื่อเหลือบไปมองเทพธนูและเทพหอกจึงเห็นไปง่วนกับ....
“ตู้คาราโอเกะเคลื่อนที่!” ท่านประธานซันร้องด้วยเสียงดังเว่อจนหลายคนหันมอง
“มาๆ ข้าให้แกประเดิมเพลงแรกๆ” เทพหอกหันมากวักมือชวนคนมีจิตใจสุนทรีย์จึงกระโจนไปร่วมวงอย่างไม่ลังเล
“อ้าว ลุงสมโชค พวกเราลืมสองสิ่งที่สำคัญมากว่ะ” แม้จะเรียกลุงแต่ประโยคของเทพธนูมีอาหาความสุภาพอะไรไม่ได้เลย
“อะไรอีกวะไอ้ห่ามีอา?” ชายชราที่กำลังทดสอบระดับเสียงหันมาถามแล้วยกมือทำท่าพูดไมค์แล้วตะโกนเทสๆ ไปด้วย
“ลืมไมค์กับสุรานะสิ” หกเทพเบิกตาโพลง แต่เสียงขัดขึ้นอย่างอารมณ์ดี
ของชายร่างอ้วนท้วนผู้มาด้วยชุดที่ประกอบขึ้นจากเศษเหล็กบางเคลื่อนไหวแต่ละทีแลดูเหมือนเพชรค้างสต๊อก
กลับทำให้พวกเขาร้องเฮอย่างพร้อมเพียง
“วันนี้คิดไงวะเนี่ย เจ้าภาพรับไป ข้าขอจัดการเล่าก่อน”
เทพจักรกลฮามาเก๊าเอ่ยขึ้นอย่างอารมณ์ดีแล้วเริ่มใช้เครื่องมือของตนแงะกระจกเข้ามาหลอมจนกลายเป็นแก้วไวน์
ทรงสูงแปดใบ
“เฮ่” ทุกคนร้องเฮเมื่อเพลงขึ้น
จังหวะเพลงที่แสนเร้าใจทำให้แต่ละคนออกมาปล่อยลีลากันสุดฤทธิ์ แต่ละเทพร้องเพลงคลอไปส่วนมือหนึ่งก็ถือแก้วไวน์
ซึ่งมีน้ำสีเขียวมรกตของเล่าขึ้นชื่อจากดินแดนทะเลทราย
ส่วนอีกมือก็โบกสะบัดไปตามจังหวะเพลงและดนตรีที่แสนเมามัน
ท่านประธานซันเริ่มแหกปากร้องเพลงปล่อยเสต็บเท้าไฟและสะบัดตูดพลิ้วไปตามสายลมจนเรียกเสียงเฮจากเหล่าเทพ
ที่ต่างโยกหน้าโยกหลังระเบิดลีลากันออกมาสุดฤทธิ์
ในการกระทำของไอ้บัดซบเก้าตัวมีคนอีกหลายสิบคนต้องปวดหูจนส่งผลถึงการบำเพ็ญปราณ
จนพลังปราณวิ่งพล่านตีกันมั่วไปหมด
พวกเขารับรู้ทุกอย่างแต่ไม่สามารถหยุดมันได้
บัดนี้สีหน้าทรมานจึงครอบครองบนใบหน้าแทบทุกคนของผู้บริหารแห่ง world haunt
แต่ในทางกลับกันสุดๆ
สีหน้าแสนหรรษากลับเต็มเปี่ยมอยู่บนใบหน้าของชายหนุ่ม(ที่จริงอาจจะแก่) ทั้งเก้าอย่างสนุกสุดเหวี่ยง
ท่านประธานซันสวมชุดสูตรและโยกศีรษะที่มีหมวกสานไม้ไผ่ไปซ้ายทีขวาทีแล้วส่งไมต่อให้เทพดาบที่
อยากลองร้องเพลงไทยบ้าง
“แต่ดูรวนๆ...แล้วมีสะเหนีย...เหนียด เหลือเกินน!” เพลงคนมีเสน่ห์เวอร์ชั่นเทพดาบทำให้แต่ละคนหัวเราะและลงไปกลิ้งบนพื้น ท่ามกลางสายตาอึ้งๆ ปนความปวดหัวของคนถูกรบกวนเวลานอนที่ลุกขึ้นมาแล้วลากร่างที่แทบจะไร้ลมหายใจของผู้บริหารแต่ละคนออกไปเรียงรายนอกห้องประชุมใหญ่ของ world haunt………..
เสริมบท
ท่านประธานซัน: ฮ่าๆ นี่แหละเพื่อนแท้ในยามกินยามเที่ยว!!!
อีกเจ็ดเทพที่เหลือ: ใช่เลยๆ มาๆ จัดอีกเพลง~
โปรดติดตามตอนต่อไป บทที่ 21 โลกนี้ต้องสวย
…………….***
ความคิดเห็น