ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลิขิตรักเจ้าฟาร์มน้อย (ตอนนั้นตั้งชื่ออะไรไป ! มาอ่านตอนนี้อายจีงๆ)

    ลำดับตอนที่ #2 : เงื่อนไข

    • อัปเดตล่าสุด 28 พ.ย. 63


    Chapter1 เงื่อนไข!

     

     

       เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากค่ำคืนแห่งการเลี้ยงฉลองที่ผ่านไป

    สภาพไม่ต่างจากสามเดือนก่อนที่เจ้าฟาร์มธัญกาลพึ่งจะเดินทางกลับจากต่างประเทศ

    แต่มีสิ่งที่ต่างไป ในครั้งนี้มีกองถ่ายภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ของปีร่วมนอนกองระเนระนาดด้วยฤทธิ์ความเมา

    อยู่ในทุ่งหญ้าหลวงด้วยเท่านั้นเอง

     

                สมาชิกคนสำคัญอย่างผู้กำกับมีฤทธิ์ยังเมาหลับอยู่หลังเวที กอดไมโครโฟนเกือบสิบอันกรนเสียงดัง

    หากไม่มีระบบเต็นท์ใสของลุงคำสีและยาขับไล่ยุงและแมลงอื่นๆ คงมีคนตัวลายแน่นอนเมื่อตื่นเช้ามา

    ยามเช้าเมื่อปศุสัตว์ใหญ่ได้เวลาแสงทองจับฟ้าก็เริ่มออกหากินอย่างปรกติสุข แต่พวกมันก็ต้องกู่ร้องกันอย่างตื่นตกใจ

    เพราะมีเจ้าพวกมนุษย์มานอนทับพื้นที่หากินของมันพร้อมปล่อยเสียงแปลกๆ ออกจากปากเสียงดังลั่น

    บางคนร่างกายยังส่งกลิ่นหึ่ง จนวัวแพะและแกะหลายร้อยตัวแทบจะเป็นลม

     

    พอเห็นถ้าไม่ทำอะไรสักอย่างเจ้าพวกทับที่หากินของพวกมันคงไม่ย้ายหนีแน่ๆ เหล่าปศุสัตว์จึงจงใจร้องคำรามแล้ววิ่ง

    เข้าเตะ บ้างกระทืบ บ้างเอาหัวดันหรือไม่งั้นก็เอาลิ้นสากๆ และจมูกเป็นอาวุธจัดการจนคนเมาที่หลับใหลอย่างเปี่ยมสุข

    ร้องจ๊ากตาลีตาเหลือกวิ่งหนีการไล่ที่ของปศุสัตว์ที่กระทืบกีบเท้าและร้องคำราม

    ฝูงม้ากว่าห้าสิบตัวที่เป็นสัตว์ชนิดใหม่ของทุ่งหญ้าหลวงร้องฮี่ๆ แล้ววิ่งไล่คนเมาที่วิ่งเซซ้ายทีขวาทีหนีกันอุตลุด

    กว่าเหตุการณ์ไม่สงบที่เกิดจากความขัดแย้งระหว่างสัตว์และคนจะจบลงได้ก็ทำเอาคนเมาที่วิ่งกลูกันหนีขึ้นดอยหมอกรุ้ง

    และดอยหมอกฟ้าพ้นอาณาเขตของเจ้าถิ่นขาใหญ่แล้ว พวกมันจึงจะยอมถอยอย่างสันติ

    แต่ฝ่ายมนุษย์ที่เละเทะไปทั่วทุกคนต่างพาร่างกายสะบักสะบอมหนีกลับบ้านใครบ้านมันอย่างทุลักทุเล

     

     

                พอดอมรู้เรื่องที่เกิดขึ้นก็เอาแต่หัวเราะเสียงดัง จนนินเกียวที่ทำอาหารอยู่ไม่ไกลต้องหันมาส่ายหน้า

    ดอมนี่นะคะ เขาเละกันขนาดนั้นยังหัวเราะอีก

    ชายหนุ่มเอาแต่หัวเราะและกระโดดลงจากโต๊ะกลางครัวไปสวมกอดร่างบางของนินเกียวจากด้านหลังแล้วเกยคางลงกับไหล่เล็กก่อนจะหอมแก้มภรรยาอย่างนุ่มนวล

       เกรงใจออมแอมบ้างสิคะ!” นินเกียวยกมีดที่กำลังซอยผักขึ้นขู่จนสามีตัวแสบกดจมูกฝังลงกับแก้มนุ่มอีกครั้ง

    แล้วรีบวิ่งหนีมากินขนมปังปิ้งกับออมแอมที่หัวเราะขำ

     

     จริงสิออมแอม แล้วเมื่อคืนไอ้บ้านักดนตรีที่ฉลองกันต่อถึงตีสามได้กลับบ้านมั้ย? ดอมถามพาดพิงไปถึงทีมนักดนตรีอย่างบีกิน บารันและมังกรดำที่คงจะเมาหัวราน้ำแน่ๆ

       มันไม่ควรจะถามนะดอม เช้านี้น้องเฟิร์สยังใจดีชวนสมหวังไปแบกพวกนั้นขึ้นไปนอนที่บ้านพักอยู่เลย ดอมหัวเราะอีกรอบแล้วชะเง้อมองออกไปหน้าบ้านซึ่งมีแขกมาเยือนแต่เช้า

     

       รีบมาทำไมแต่เช้า ลุงกำนัน? ชายหนุ่มร้องถามคนแก่ที่มายืนจังก้าอยู่หน้าประตูบ้าน

    เอ็งนี่ ข้ามาถึงหน้าบ้านแทนที่จะเชิญเข้าไปกินข้าว นี่อะไรจะไล่ข้าอย่างเดียว ผู้กำกับมีฤทธิ์ส่ายหน้าอย่างแสนเซ็ง

    แล้วก้าวเข้าสู่ตัวบ้านอย่างคุ้นเคย

    ตากำนันยกมือรับไหว้ออมแอมแล้วยกมะเหงกขึ้นจะเขกกระบานไอ้บ้าที่รีบหดหัวกลับเข้าไปในห้องครัว

     

       ลุงมีฤทธิ์กินข้าวเช้ารึยังคะ? ออมแอมที่เดินออกมาในส่วนของห้องรับแขกของบ้านเอ่ยถามแล้วส่งแก้วชาร้อนให้

    ผู้กำกับละครใหญ่ซึ่งรีบรับไปดื่มอย่างยินดี

       ยังเลย ขอบใจหนูออม ถ้าพวกผู้ชายบ้าๆ บอๆ ของฟาร์มนี้มันได้ครึ่งของความดีของพวกยัยหนูบ้าง

    คนแก่อย่างลุงคงไม่ปวดใจขนาดนี้!”

                ผู้ชาย ในฟาร์มที่เดินถือจานอาหารเช้าและโถข้าวสวยร้อนๆ ออกมาเบ้ปากใส่คนแก่

       กำนัน ถ้าอยากได้ดีขนาดนั้นไปกินข้าวที่บ้านอื่นก็ได้นะ ดอมบอกชายชราด้วยรอยยิ้มจนคนแก่ยกมือขึ้นทำท่าแยกเขี้ยว

     

       ก็ได้ ข้าไปกินข้าวที่โรงอาหารก็ได้!” ตากำนันลุกขึ้นแล้วจะเดินออกจากบ้านไป แต่เสียงร้องเรียกของดอมก็ทำให้ตากำนันชะงักเท้าก่อน

    เดี๋ยวกำนัน แก้วชาในมือนะ มันเป็นของบ้านผมนะ!” ทำเอาผู้กำกับละครใหญ่อย่างตากำนันมีฤทธิ์ต้องหันมาแยกเขี้ยว

    ใส่อีกรอบ

    พอดีกับนินเกียวที่เดินตามออกมาจากห้องครัวและรีบไหว้ชายชราที่พยักหน้ารับไหว้ด้วยรอยยิ้มกว้าง

     

    ไม่ต้องไปกินที่โรงอาหารหรอกคะลุงมีฤทธิ์ กินข้าวที่นี่แหละ ออมแอมหัวเราะขำที่เห็นท่าทางทำปากยืดปากยาวใส่ตากำนันของชายหนุ่ม

    ได้ยินเปล่า หนูนินเกียวบอกให้ข้ากินข้าวเช้าที่นี่ ตากำนันเยาะเย้ย จนดอมมองคนแก่กว่าอย่างเคืองๆ

       กำนัน นินเกียวชวนกินข้าว ก็กินแต่ข้าวนะ!” ออมแอมที่ช่วยนินเกียวเตรียมจานอาหารและนำไปวางประจำที่

    ของแต่ละคนหัวเราะขำ

    ในขณะที่ลุงกำนันขมุบขมิบปากสาปแช่งไอ้บ้าที่ยิ้มเย้ยกลับมาบ้าง

     

       เออๆ ข้ายอมแพ้แกแล้ววันนี้ ข้าจะมาบอกแกนี่แหละ เดี๋ยวสิบโมงพวกข้าก็จะเลิกกองกลับกรุงเทพฯเลยนะโว้ย

    หลายคนคิดถึงลูกเมียจะแย่อยู่แล้ว หลังจากดอมตักข้าวสวยร้อนๆ ให้ตากำนันแล้วนินเกียวก็ชวนออมแอมและตากำนันร่วมกันกินอาหารเช้าอย่างเอร็ดอร่อยด้วยอาหารง่ายๆ อย่างผัดผักรวม ต้มจืดไข่และปลาราดพริกในจานหอมๆ

    เดินทางโดยสวัสดิภาพครับลุง ว่าแต่กำนันก็คิดถึงลูกเมียด้วยเหรอ ได้ข่าวว่ากำนันโสด หรือว่ากำนันแอบซ่อนเมียน้อยไว้?

    ผู้กำกับวัยชราถึงกับกุมขมับไม่อยากจะคุยกับเจ้าฟาร์มหนุ่มขึ้นมาปัจจุบันทันด่วน

    ดอมก็!” นินเกียวตีแขนชายหนุ่มจนดอมหัวเราะแห้งๆ

    สมน้ำน่าเอ็ง แล้วนี่ยัยหนูส้มป่อยยังไม่ตื่นอีกเรอะ? ตากำนันเยาะเย้ยชายหนุ่มอย่างออกหน้าออกตาจนดอม

    มองผู้กำกับละครอย่างเคืองๆ

     

     

                ฮ้าวววว....มอนิ่งคะแดด มี๊นินเกียวอาออมแอม คุณลุงกำนัน

    ทุกคนหันไปมองเด็กหญิงส้มป่อยที่เดินลงจากบันไดมาพร้อมปิดปากหาวตาปรือมองทุกคนด้วยแววตาที่ยังตื่นไม่เต็มที่เด็กผู้หญิงในเสื้อคอกลมสีขาวและกระโปรงยาวเพียงคลุมเข่าสีส้มอ่อนเนื้อบางจนชายหนุ่มเพียงคนเดียวขมวดคิ้วฉับ

    ส้มป่อย แดดว่า หนูไปอาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อน แล้วค่อยมากินข้าวเช้า สระผมด้วยนะ

    ดอมเหลือบมองนาฬิกาบนผนังบ้านแล้วพยักหน้าที่เห็นเวลานอนพอเพียง

     แต่หนูหิวแล้วนะค้า

    อาบน้ำแป๊บเดียวเอง เดี๋ยวจะทำไข่ดาวให้นะคะ นินเกียวบอกด้วยรอยยิ้ม ทำให้ส้มป่อยกระโดดชูมือขึ้นด้วยแววตาสดใส

    รีบไปอาบน้ำ อย่ากระโดดแบบนั้นเดี๋ยวจะตกบันไดครับส้มป่อย ดอมรีบดุเด็กหญิงที่ทำเขาใจหายแว่บ

    ค่า แดดดี๊

     

                ส้มป่อยวิ่งหายขึ้นไปชั้นบนก่อนทุกคนจะกลับมากินอาหารเช้ากันต่อ

    ดอมปรายตามองหน้าประตูเป็นรอบที่สองของวัน

    สวัสดีคะ สเตฟาน ฟาโรห์ ฮิปโปตื่นเช้านะคะ? นินเกียวถามยิ้มๆ กับแขกผู้มาเยือนชุดที่สองของบ้านหลังเล็ก

    นี่แกจะมาบ้านฉันทำไมแต่เช้า? สเตฟานเพียงอมยิ้มในขณะที่ตากำนันหันมาถลึงตาใส่เจ้าของบ้านขี้โมโห

                แดดค้า...หนูแต่งตัวเสร็จแล้ว ร่างเล็กที่รีบวิ่งลงจากชั้นสองของบ้านร้องบอก ตั้งแต่ยังไม่เห็นตัวทำให้อารมณ์บนใบหน้าของดอมเปลี่ยนไปกะทันหัน

    พอหันไปหาลูกสาวคนโปรดก็มีเพียงรอยยิ้มที่โปรยให้ราวกับสุภาพบุรุษที่สุดในโลก

    สเตฟานและแขกชุดที่สองที่เหลือกะพริบตาอย่างเหนื่อยใจ

    พวกเขาอยู่นี่มาก็หลายเดือนแล้วอะไรที่ว่าควรรู้และไม่สมควรจะรู้ของฟาร์มก็เข้าหูซ้ายฝังในสมองไม่ทะลุออกหูขวาไป

    อย่างที่มันควรเป็น

     

                ไปโรงเรียนวันนี้เป็นเด็กดีนะส้มป่อย นินเกียวเดินเข้าไปทำไข่ดาวให้เด็กหญิงในครัว

    เจ้าฟาร์มน้อยที่อยู่ในชุดเอี๊ยมกระโปรงสีฟ้าอ่อนกับถุงเท้าสีขาวลวดลายลูกเป็ดขี้เหร่ก็ยิ้มกว้างให้ออมแอม

    ค่า อาออม ส้มป่อยตอบรับออมแอมด้วยน้ำเสียงหวานและแววตาใสปิ๊ง

    แต่เธอไม่ได้พูดประโยคที่อยู่ในใจต่อ

    เหมือนเสียงของผู้บริหารฝ่ายการตรวจสอบมันลอยกลับมาในหัวราวกับระบบอัตโนมัติ

    จำไว้นะส้มป่อย เป็นเด็กดีมันก็ดีอยู่ แต่เด็กดีต้องห้ามให้ใครมารังแกนะ และในวันนั้นส้มป่อยก็ตอบรับสมหวังไปด้วย

    คำพูดเดียวกันนี่แหละ

    ค่าอาสมหวัง

     

                ส้มป่อยส่งยิ้มทักทายให้สเตฟานและกลุ่มสาวๆ ของกองถ่ายที่กำลังจัดการบัญชีและการชำระค่าใช้จ่ายต่างๆ

    ที่เกิดขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา

     

       ดอมปรายตามองเด็กหญิงแล้วก็คิดอะไรอยู่ในใจ

    จนไม่ได้สนใจว่าส้มป่อยปีนลงจากโต๊ะกินข้าวและเดินตรงเข้าไปหาสเตฟานที่กำลังคุยกับออมแอมเรื่องของค่าใช้จ่าย

     

    สรุปค่าใช้จ่ายทั้งหมด ทางสถานที่ต่างๆ ที่ทางกองละครได้ใช้ไปในระยะเวลาสามเดือน

    คิดเป็นห้าหมื่นหกพันสามร้อยเจ็ดสิบบาทถ้วนนะคะ แต่เนื่องด้วยค่าไฟฟ้า น้ำประปาและที่พักพวกเราไม่ได้คิดด้วยทำให้ค่าใช้จ่ายที่ทางกองถ่ายต้องจ่ายมีเพียงค่าอาหารรวมยอดเป็นสองหมื่นบาทถ้วนคะ

                ออมแอมส่งสลิปให้ตากำนันที่ทำหน้างงๆ

    มันจ่ายน้อยขนาดนี้เลยเรอะยัยหนูออม? ออมแอมพยักหน้ารับยิ้มๆ

     

                กำนันถ้าอยากจ่ายเพิ่มเอามาบริจาคที่ผมนี่!” เสียงกวนประสาทของคนที่ลดสมาร์ทโฟนลงจากใบหน้าลอยเข้ามาจากอีกฟากห้องใหญ่

    แกเงียบๆ ไปก็ไม่มีใครว่านะโว้ย!” ผู้กำกับละครรุ่นใหญ่หันไปร้องด่าจนดอมที่คว้าไอแพดข้างตัวมาไล่นิ้วตรวจงานของฟาร์มหัวเราะขำ

     

       เรียบร้อยกันรึยังคะอาออม? ส้มป่อยที่ยืนรอจนเมื่อยถามออมแอมที่แอบหัวเราะเพราะเห็นเป้าหมายสายตาของเด็กหญิงคือดาราหนุ่มที่ส่งยิ้มให้คนรอใจเย็นๆ

    เรียบร้อยแล้วจ้า ส้มป่อยอยากจะชำระหนี้ต่อก็ตามสบายนะคะ ผู้บริหารฝ่ายงานเอกสารตอบรับด้วยรอยยิ้มทำให้ส้มป่อยหันไปหาดาราหนุ่มแล้วถามอย่างจริงจัง

     

       เมื่อไหร่จะขายคะ คุณดารา ร้านไอศกรีมนะ? สเตฟานอึ้งจนพูดไม่ออกไป

    ชายหนุ่มกะพริบตาปริบตาปริบ

     ตายละลูกฉัน แทนที่จะมีประโยคบอกลากันสวยๆ ให้สมเป็นเจ้าฟาร์มน้อย นี่อะไร เอาแต่จะเทคโอเวอร์ร้านเขาอย่างเดียว

                นินเกียวที่มานั่งลงข้างๆ คนรำพึงรำพันหัวเราะขำกับสีหน้าอิดโรยของเจ้าฟาร์มที่นวดขมับ

     

                ขอเวลาคิดก่อนครับ สเตฟานมองเด็กหญิงแล้วจะปฏิเสธก็ทำไม่ลง ดวงเนตรสีนิลใสสว่างนั่น

    มันมีอำนาจทำให้คนมองปฏิเสธไม่ได้จริงๆ

       เท่าไหร่คะ?

    คำถามนี้ทำเอาแต่ละคนใบ้กินไปเลย ตากำนันนั่งมองการเจรจาธุรกิจตรงหน้าด้วยแววตาละเหี่ยใจ

       ขอคิดดูก่อนครับ!” ดาราหนุ่มยิ้มแห้งแล้วตอบคำเดิม

    จะให้เขาตัดสินใจทิ้งธุรกิจที่อุตส่าห์ฟูมฟักเลี้ยงดูจนเติบโตได้ขนาดนี้ด้วยระยะเวลาเกือบจะสองทศวรรษเนี่ยนะ.....

     

       เจ็ดสิบสามสิบพอใจมั้ยคะ? ส้มป่อยยังคงตั้งหน้าตั้งตาต่อรอง สเตฟานปรายตามองดอมที่คว้างานเอกสารบนโต๊ะและ

    ไอแพดแล้วรีบเผ่นออกจากบ้านไป

       ผมคิดว่า.... สเตฟานพยายามหาทางออกอย่างสันติ

    แต่ส้มป่อยไม่ยอมแพ้ ดาราหนุ่มที่จนปัญญาจึงได้แต่ลุกขึ้นแล้วคว้ามือเจ้าฟาร์มน้อยที่ยังดื่มนมยามเช้าไม่เรียบร้อยให้เดินออกมาหน้าบ้าน

     

                สายลมหนาวๆ พลิ้วเส้นผมยาวสลวยของส้มป่อยให้ปลิวสะบัดเบาๆ

    เด็กหญิงรีบดื่มนมแล้วจ้องตาใสมองชายหนุ่มที่นั่งลงบนพรมหญ้าต้องแสงตะวันสีเขียวสดสบายตา

    หกสิบสี่สิบดีมั้ยคะ? สเตฟานปวดหัวจี๊ดขึ้นมากับความดื้อดึงของผู้หญิงตรงหน้า โตมาเธอไม่ขยันขันแข็งหาเงิน

    ก็แปลกไปแล้ว

     เมื่อนมหมดแก้วเด็กหญิงนั่งลงอยู่ข้างๆ ร่วมมองแสงตะวันโผล่พ้นเรือนสายหมอกจางๆ หางตาคมเหลือบมองด้วยรอยยิ้ม

    แสงอ่อนสีทองอำพันจับลงบนดวงหน้าเล็กของร่างเล็กๆ ที่พยายามเบี่ยงหลบแสงจ้าของดวงตะวันยามสาย

    ผมสามารถยกร้านให้คุณหนูส้มป่อยได้เลยนะครับ โดยที่ไม่ต้องเทคโอเวอร์ด้วย ได้ยินข้อเสนอแสนเย้ายวนใจ

    จากคนตัวโตกว่าที่ขยับมาจ้องประสานสายตา

    ทำให้ส้มป่อยแววตาเป็นประกาย

     

       ลองว่ามาก่อนสิคะ ความยินดียังไม่บังสติของเด็กหญิงทำให้สเตฟานหัวเราะอย่างชอบใจ

    ถึงส้มป่อยจะอยากได้สุดจิตสุดใจก็ยังขี้ระแวงไม่ต่างจากดอม

    เราก็แค่…..แต่งงานกัน แค่นี้เอง ง่ายไหมละครับ?

                คำถามง่ายๆ จากน้ำเสียงอ่อนแสนนุ่มหูครองใจแม่บ้านละครหลังข่าวได้อยู่หมัดถึงกับทำให้ส้มป่อยทำหน้างงๆ

    ก่อนจะพูดประโยคเดียวกับสเตฟานก่อนหน้านี้เป๊ะ

    แต่งงาน! ขอคิดดูก่อนนะคะ? ดาราหนุ่มหัวเราะเสียงดังจนเด็กหญิงต้องเอียงหน้ามองงงๆ

    เข้าใจรึเปล่าครับคำว่าแต่งงาน? สเตฟานถามอย่างขบขัน ไม่แน่ว่าเจ้าฟาร์มน้อยอาจเรียนรู้คำว่าแต่งงานแล้วก็ได้

    แน่นอนสิคะ แต่งงานก็คือการที่คนสองคนจะทำงานร่วมกันโดยที่ไม่หักหลังกัน

    มีปัญหาต้องคุยกัน ทะเลาะกันได้แต่สุดท้ายต้องดีกันแล้วก็ต้องไม่เลิกงานด้วยไง!”

                สเตฟานอยากจะรู้จริงๆ ใครเป็นคนสอนวิชาแต่งงานให้เด็กหญิงส้มป่อยที่ยิ้มแฉ่งให้เขาอยู่ตรงหน้านี่

     

    ใครเป็นคนสอนคำว่าแต่งงานเนี่ย? เด็กหญิงยิ้มอย่างภาคภูมิใจ

       ก็มี๊ลินไงคะ มี๊เหมียวมี๊ข้าวมี๊แมรี่มี๊มิลินก็บอกแบบนี้

    มีแต่มี๊เพลงที่บอกว่าอย่าใช้ความคิดประหลาดๆ ของคุณหมอสติเพี้ยนๆ

                สเตฟานหัวเราะกับการสอนลูกสาวฉบับคุณหมอลินลี่

                ส้มป่อยชะโงกหน้ามามองนาฬิกาแล้วบอกลา

    ไปก่อนนะคะคุณดารา ไว้ว่างๆ เดี๋ยวจะแวะไปตรวจร้านนะคะ ถ้าทำงานดาราเสร็จแล้วส่งแผนการดำเนินงานของร้าน

    มาให้ตรวจด้วยนะคะ ส้มป่อยชูมือแล้วกำหมัดอย่างเอาจริงเอาจัง

    ครับๆ แล้วนี่ต้องไปโรงเรียนแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ส้มป่อยพยักหน้ารับหงึกๆ ก่อนจะโบกมือลาเพราะเธอสะพายกระเป๋านักเรียนรูปหมีควายสีดำทะมึนติดแผ่นหลังและวิ่งไปหาจักรยานไฟฟ้าคันเล็กแล้ว

    ดอมและนินเกียวก็ช่างกล้า ที่ให้ส้มป่อยเดินทางไปโรงเรียนเอง แม้ว่าเด็กหญิงจะเรียนอนุบาลปีสุดท้ายแล้วก็ตาม

    สเตฟานลุกขึ้นมองร่างเล็กๆ ของส้มป่อยที่รีบปล่อยจักรยานซิ่งข้ามสะพานหน้าบ้านออกสู่ธัญกาลวิลเลตไปด้วยความเร็วสูง

    ทำเอาฝูงไก่ที่หากินตามถนนสายหลักบินแตกกระเจิงไปตลอดทาง

    แล้วดาราหนุ่มก็หัวเราะออกมา

    แม้ชีวิตเขาในเมืองกรุงมันจะเคร่งเครียด แต่ถ้ามีสีสันแสนสวยงามแบบนี้เพิ่มเข้ามาในชีวิต

    เขาก็รับไว้ด้วยความยินดีอยู่แล้ว.

     

     

     

    …………………….***

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×