คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : คืนนี้ยังอีกยาว!
บทที่ 13 คืนนี้ยังอีกยาว
ในโลกสีดำมืดของคาริเมะ ผู้สืบทอดเพลงดาบเทพเก้าวิถีและพลังลมปราณอ่านฟ้าบรรจบสวรรค์ หญิงสาวสิ้นสติหลับใหลเพราะการปลดปล่อยครั้งที่เท่าไหร่เธอก็ลืมมันไปแล้ว แม้ว่าโลกภายนอกปีศาจร้ายจะกำลังย่ำยีร่างกายเธออย่างเมามัน แต่ภายในโลกอันมืดดำแห่งนี้ เธอกลับพบแต่ความสงบสุขอันร่มเย็น
พลันที่คาริเมะคิดจะเอ่ยปากขึ้นโลกตรงหน้าก็ไม่มืดอีกต่อไป...... เพราะร่างสูงสง่าในชุดสีฟ้าตัดขลิบลายหิมะและปุยเมฆสีฟ้าสดใสเก้าตรงมาพร้อมรอยยิ้มสดใสบนใบหน้าหล่อเหลาจนแม้แต่คาริเมะยังต้องชะงักไปวูบหนึ่ง
ใบหน้านี้....ดวงตานี้ ดวงเนตรคมสง่าแลดูทรงพลังและนุ่มนวลเหมือนสายน้ำที่ไหลเอื่อยในท้องทะเลดวงดาว
“เฮอะ แมวน้อยจอมซนเธอคิดว่าตัวเองเทพมากหรือไง ตอนนี้รู้ตัวแล้วใช่ไหม๊!” ประโยคนี้ไม่ใช่คำถามแต่สะเหมือนคำบ่นและร่างสูงที่เคลื่อนเข้ามาโอบเอวเล็กที่พึ่งได้สังเกตว่าตัวเองอยู่ในชุดผ้าบางเบาสีขาวอ่อนจนแทบจะปิดบังทุกสัดส่วนไม่ได้เลย
“…….ปีศาจ” หญิงสาวร้องเสียงละโหยด้วยน้ำตาซึ่งไหลคลอหน่วยตาดำขลับเป็นประกายแจ่มใสและแพรขนตาหนานุ่ม
ใบหน้าเนียนถูกปลายนิ้วของคนที่โอบเอวเธออยู่ปาดเช็ดให้อย่างลวกๆ
“อ่อ.....แต่โทษฉันไม่ได้นะ พวกเธอเป็นคนอยากได้พลังเอง” ชายหนุ่มรีบแสดงความแมนออกมาเต็มร้อยด้วยคำพูดหน้าตาเฉย
กำปั้นน้อยๆ ของหญิงสาวในวงแขนกว้างทุบเข้าไปบนแผ่นอกกว้างพร้อมน้ำตาที่ทะลักเหมือนเขื่อนแตก
“ฮือ..แบบนี้...ฮึก..ฉันก็กลับไป....ฮือ...ไปหาอาจารย์...ไม่ได้แล้วนะสิ!” หญิงสาวร้องไห้แงเหมือนเด็กๆ จนน้ำตา
เปลอะเปื้อนปกเสื้อคลุมยาวสีฟ้าของชายหนุ่มจนดวงตาคมต้องอ่อนละมุนลง
“ไม่รู้สิ.....แต่ต่อไปนี้ฉันจะจับเธอไว้เป็นคนของฉัน” ชายหนุ่มพูดเอื่อยๆ แต่ทำให้คนร่างเล็กในอ้อมแขนตระหนกจนต้องเงยหน้าขึ้นประสานสายตานิ่ง
คนตรงหน้านี้....เรายังไม่เคยรู้จักกันเลยน้ะ......
แววตาตื่นตระหนกของเธอทำให้ชายหนุ่มอมยิ้มจางๆ
“คาริเมะ ฉันหมดเวลาแล้ว เราไปเจอกันข้างนอกดีกว่า……
…
อหวินหงหลินจ้องสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าด้วยอาการชาวาบไปทั้งตัว ใบหน้านวลไล่สีแดงเข้มจนแทบลุกไหม้ ดวงตาเรียวเบิกกว้างอย่างตื่นตกใจสุดขีด
เด็กสาวพยายามขยับตัวแต่น่าเสียดายเพราะกระบี่บางเรียวเหมือนกระดาษของเธอยังคงถูกพลังลมปราณอาณาเขตของปีศาจตรงหน้าตรึงไว้ทำให้เธอแค่คิดจะกระดิกสายตาไปทางอื่นยังทำไม่ได้
เบื้องนอกฟ้าฝนคะนองจนช่วงค่ำของกรุงเทพมหานครฯแลดูเงียบเหงาลงไปถนัดตา
แต่ไม่ว่าฝนสักกี่ล้านเม็ดก็ยังไม่สามารถจะทะลุผ่านม่านอาณาเขตใสไร้สภาพที่ปกคลุมรอบดาดฟ้าแห่งนี้
ม่านพลังนี้มีความสมบูรณ์แบบถึงขั้นที่ว่าไม่มีใครสามารถมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นข้างในได้แม้แต่นิด
เสียงร้องครวญครางละคนเสียงหัวเราะด้วยเสียงคำรามต่ำของปีศาจเส้นผมเปลวเพลิงข้างหน้าทำให้ร่างบางที่แม้เคยผ่านสิ่งที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตมาก็ยังไม่เทียบเท่าเวลานี้ที่เธอรู้สึกอยากจะกลั้นใจตาย
น้ำตาเม็ดโตๆ ไหลร่วงหล่นเผาะตามแก้มเนียนอมซีดของคนที่เมื่อไม่กี่นาทีก่อนพึ่งจะถือกุมชัยชนะ
“หลินๆ ช่วยแบ่งเจ้าหื่นบ้านี่ที!” เสียงกรีดร้องของคาริเมะฉุดสติของเด็กสาวให้ตาโตอย่างตื่นกลัว ดวงเนตรหงส์จ้องหญิงสาวที่เรือนผมสีนิลสลวยสยายไปตามพื้นดาดฟ้าแล้วหน้าแดงก่ำจรดใบหู
“คาริ พูดบ้าอะไร~” อหวินหงหลินเริ่มรู้จักคำว่ากลัวสุดชีวิตก็ครั้งนี้เอง
เมื่อร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นจากร่างอ่อนระทวยของคาริเมะ เดินตรงมาหาเธอด้วยร่างกายเปลือยเปล่า
ทำให้เด็กสาววัยเพียงสิบหกปีร้อนวูบวาบไปทั่วร่างกาย
“หยุด..หยุดๆ อย่าเข้ามาน้ะ กรี๊ดด!”
นอกจากจะไม่เป็นผลแล้วดวงเนตรสีทองสว่างก็เปลี่ยนกลับมาเป็นสีดำสนิทอมประกายฟ้าน้ำเงินจางๆ
“เธอจะมายอมแพ้ตอนนี้...มันสายไปแล้วหลินๆ ที่รัก”
ท่านประธานซันดีใจสุดๆ เมื่อขั้นพลังที่ขยับขึ้นทำให้เขาควบคุมร่างกายและจิตวิญญาณของตัวเองไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ดวงตาของอหวินหงหลินเบิกตากว้างขึ้นด้วยความตกใจยิ่งกว่าเดิมเมื่อ ชายหนุ่มค่อยๆ ไล้มือปลดเปลื้องพันธนาการทางร่างกายของร่างเล็กกว่าที่ไม่สามารถขยับตัวได้ทำให้น้ำตาใสยิ่งไหลพลูแข่งกับเม็ดฝนข้างนอกแทบจะได้
“เธอนี่ยังต้องร้องอีกเหรอ...คาริเขาโดนหนักกว่าเธอขนาดนั้นเขายังไม่ว่าอะไรเลย” หลินๆ ที่รักอยากจะร้องด่ากลับไปเมื่อเพียงพริบตาเดียวยอดถันงดงามทั้งคู่ก็ถูกครอบครองด้วยริมฝีปากที่ขบเม้มด้วยความหนักเบาสลับกัน
ริมฝีปากเล็กร้องครวญด้วยน้ำเสียงกระเส่าจนคนที่ควบคุมสติของตัวเองได้แล้วยังแทบกระเจิดกระเจิง
“เธอเป็นเมียฉัน” คำพูดแสนหยาบคายถูกกล่าวกระซิบข้างหู ก่อนริมฝีปากเล็กๆ ที่เคยใช้เจรจาธุรกิจและเม้มสวยๆ ให้นักธุรกิจและไอ้หื่นทั่วโลกได้จินตนาการ กำลังถูกปิดด้วยเรียวปากอ่อนละมุนของผู้ชายที่พึ่งเจอกันเป็นครั้งที่สอง.......
มือใหญ่ก็ครอบครองทุกส่วนที่ล่อตาล่อใจ
เด็กสาวหน้ามืดตาลายหูอื้อจนประสาทลั่นวิ้งไปหมดหลังจากรสชาติรักครั้งแรกของสาวน้อยร้อยล้านได้เผชิญกลับสุดขั้วกว่าคาริเมะมากนักเพราะมันเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและนุ่มนวล
แต่เปลวไฟยังไงก็ไม่มีวันเผาไหม้ด้วยความอ่อนโยนตลอดไปแน่นอน....
“กรี๊ดดด!” อหวินหงหลินกรีดร้องและจิกเล็บคมลงกับแผ่นหลังกว้างจนเห็นเป็นเหมือนรอยแมวข่วนนับไม่ท่วน
ด้วยพลังยุทธ์ขั้นเทวดาทำให้ท่านประธานซันสามารถใช้พลังได้สูงขึ้นกว่าเก่าจนแม้แต่อยู่ในโลกเดิมเขายังทำไม่ได้
ชายหนุ่มอุ้มสองสาวน้อยต่างสัญชาติขึ้นพร้อมพุ่งทะยานกลับสู่ ห้องส่วนตัวในบริษัท world hauntทิ้งคลาบเลือดสองหย่อมไว้เป็นปริศนาบนดาดฟ้านิรนามต่อไป......
ชายหนุ่มยืนมองสองร่างดุจสลักเสลานอนหลับตาพริ้มใต้ผ้านวมผืนใหญ่และเรือนผมที่สยายน้อยๆ
“เฮอะ......ตั้งแต่เกิดมาข้าอธิษฐานต่อฟ้าว่าขอมีเมียเพียงคนเดียว สวรรค์อันบัดซบ!” ยอดยุทธ์ซันร้องด่าสวรรค์ด้วยความกราดเกรี้ยว ไม่มีคำตอบจากคนบนฟ้า มีเพียงเสียงฟ้าคำรามเปรี้ยงตอบกลับมาเท่านั้น
ชายหนุ่มพาเรือนกายแข็งแกร่งสมชายไปยืนต่อหน้ากระจกบานใหญ่ในห้องน้ำเพื่อมองดูร่างของตัวเองอย่างพึงพอใจ
ดวงเนตรคมทรงเสน่ห์และมนตร์ขลัง
เรือนผมยาวสลวยสีดำขลับถึงแผ่นหลังใบหน้าเรียวไร้ริ้วรอยเปร่งประกายเรียบนิ่ง แต่มุมปากที่มักกระตุกขึ้นบ่อยๆ ก็ทำให้เขากลายเป็นคนหน้าตายที่ปิดความเจ้าเล่ห์ไว้ไม่มิด
เลื่อนสายตาลงมาที่แผงอกกำยำ พร้อมมัดกล้ามพองามสำหรับนักธุรกิจ
เมื่อไล่สายตาลงต่ำชายหนุ่มก็ต้องสบถด้วยความหัวเสีย
“บัดซบ เมียทั้งสองของข้าเล่นสูบพลังจ้อนน้อยจนห่อเหี่ยวอะไรเบอนี้!”
ชายหนุ่มหมุนตัวกลับไปจ้องในห้องนอนแล้วสายตาเจ้าเล่ห์ก็เป็นประกาย
ในโลกสีขาวโพลน ที่ปรากฏเพียงร่างโปร่งใสของคาริเมะและอหวินหงหลินยืนจ้องกันเงียบๆ มาพักหนึ่ง ในที่สุดนักธุรกิจสาวก็พูดด้วยรอยยิ้มแห้งๆ
“คาริเมะ เอ่อ...หลินๆ ขอโทษน้ะ คือ....หลินๆ ไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้มาก่อน” อหวินหงหลินพูดพร้อมทำหน้าสลดจนคนมองต้องเผยยิ้มเข่นเขี้ยว
“ยะ...แต่ไม่น่าเชื่อเลยน้ะ...พวกเราจะมีลมปราณขั้นเทวดาแล้ว” คาริเมะจ้องมองไปในความว่างเปล่าเหมือนจะมีเพียงเธอและอีกคนที่อยู่ด้วยกันเท่านั้นที่มองเห็น
“หมอนี่เจ้าสำราญชะมัด” คาริเมะบ่นขึ้นก่อน แต่มุมปากยังเจือด้วยรอยยิ้มจางๆ
“แต่ก็เป็นคนฉลาด มีเล่ห์เหลี่ยมแต่กลับเชื่อฟังคำสั่งสอนของพ่อแม่มาก...มีความลับหลายอย่างที่ไม่น่าเชื่อว่ามันจะเป็นไปได้นะเนี่ย” อหวินหงหลินอมยิ้มและทำเหมือนไล่สายตาผ่านประวัติส่วนตัวของนักธุรกิจคู่แข่ง
“แหมๆ เกิดมาข้าขอเมียคนเดียว หมั่นใส้ กับคติประจำใจ แสดงว่าหลงตัวเองมาก” คาริเมะยังประชดประชันไม่เลิก
หลินๆ จ้องคนข้างตัวที่ปากก็บอกประชดประชันคนที่ยัดเยียดความเป็นสามีให้เธอ....แต่คาริเมะจ๋าทำแววตาแลดูมีความสุขขนาดนั้น
“หลินๆ เธอก็เหมือนกันนั่นแหละ” คาริเมะมาปรากฏตัวขึ้นข้างหน้าพร้อมอมยิ้มล้อเลียนใส่ดวงเนตรหงส์ที่เปร่งประกายเปี่ยมสุข
“ตื่นๆเร็ว เมียรักทั้งหลายได้เวลาทำหน้าที่แล้ว!” เสียงตะโกนที่ทำลายโลกแห่งจิตของสองสาวทำให้ร่างบางทั้งคู่กระเด้งตัวลุกขึ้นมานั่งแล้วทั้งสองต้องหน้าแดงก่ำ
“นาย/ไอ้บ้า!” คาริเมะและอหวินหงหลินร้องด่าคนตรงหน้าที่ยังคงอวดทรวดทรงของตัวเองอย่างไม่อายใคร
เรือนผมยาวสลวยทำให้คน....ไม่สิวิญญาณโบราณตรงหน้าแลดูหล่อเหลา คมเข้ม และเร้าใจอย่างประหลาด
ตุบ~
ร่างสูงกระโดดขึ้นมาบนเตียงพร้อมสอดตัวผ่านผ้านวมสองมือก็จัดการรุกรานสองสาวเมียรักด้วยปลายนิ้วและลีลาอย่างช่ำชอง
“ชอบไหม๊เมียจ๋า!” ท่านประธานซันยังคงวนเวียนจัดการจนตนอิ่มเอมและสองสาวน้อยที่อายุก็ยังสุ่มเสี่ยงอยู่มากยิ่งอหวินหงหลินแล้วน่ากลัวว่าเขาต้องติดคุกหลายปี......
“พะ...พอก่อน” คาริเมะร้องครางบอกให้คนที่จับพลิกพวกเธอทั้งสองเปลี่ยนท่วงท่าตั้งแต่บนเตียงบนโต๊ะบนพื้น ในห้องน้ำหรือแม้แต่บนโซฟาอย่างช่ำชอง
สองสาวที่กลายเป็นเมียชั่วข้ามคืนนอนหายใจแผ่วๆ ด้วยความเหนื่อยอ่อนอยู่บนลำแขนกว้างที่โอบร่างเล็กบอบบางของทั้งคู่เข้าชิดตัวอย่างห่วงและหวงเต็มที่
ดวงเนตรคู่ที่ทอประกายริ้วคลื่นตลอดเวลาของคาริเมะและแก้มแดงนวลปลั่งทำให้ชายหนุ่มต้องหอมฟอดหลายครั้ง
ส่วนมืออีกข้างก็ไม่ว่างเว้นที่จะทำให้หลินๆ ของเขาร้องครางไม่หยุดตั้งแต่หัวค่ำยันถึงเช้า
ทุกคนหลับใหลในผะวังการหลับลึกยกเว้นชายหนุ่มที่เหลือบมองนาฬิกาในห้องที่บ่งชี้เวลาเสียสายโด่งเกือบเก้าโมง แต่ท่านประธานซันยังคงปลื้มปริ่มกับร่างเดิมก่อนมาสวมวิญญาณลงกับร่างแก่ชราของเจ้าแก่ดวงเฮ็ง.....เพราะตลอดมามันเหมือนฟ้ากำลังลงโทษเขาให้แลดูหย่อนยาน.....แต่ถ้าชายหนุ่มรู้ว่าในต่างโลกคุณปู่ดวงเฮ็งก็ปรับเวอร์ชันร่างอันงามสง่าของเขาให้กลายเป็นเวอร์ชันคนแก่ลาพักร้อนชายหนุ่มคงแทบกระอัก!
เสริมบท
ท่านประธานซัน: ข้าขอวิงวอนต่อสวรรค์ชาตินี้ขอเมียคนเดียว
เสียงปริศนา: คาริและหลินๆ ของข้า (มันหมายความว่าอะไร)
โปรดติดตามตอนต่อไป บทที่ 14 ท่านประธานลาวันหนึ่ง!
………………***
ความคิดเห็น